หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

Au.Fic Attack on Titan [Levi X Eren] FORENSIC : หลักฐานชิ้นที่ 1



Au.Fic  Attack on Titan [Levi X Eren] FORENSIC
Drama  action  investigation
NC-17
คำเตือน : คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



หลักฐานชิ้นที่ 1 : กำแพง




“ได้แล้วพ่อ...ผลวินิจฉัยคดี สดๆร้อนๆจากคุณหมออัลเบิร์ต ร็อบบิ้นส์” เด็กหนุ่มร่างเพรียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงแล้ววางซองเอกสารสีน้ำตาลแต่ยังไม่ปิดผนึกตรงหน้าบิดาของตัวเอง แพทย์นิติเวชแห่ง C.S.I. เหลือบตาขึ้นจากกองเอกสารมองเจ้าลูกชายตัวแสบที่กล้าอุปโลกน์ตัวเองเป็นหมอผ่าศพมือฉมังในซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนของอเมริกาได้อย่างหน้าตาเฉย ชายวัยกลางคนหัวเราะหึๆแล้วกระเซ้า


“งั้นก็เป็นคุณหมออัลเบิร์ตที่เด็กมากทีเดียว” คริชาพลิกข้อมือดูนาฬิกา เม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ทำเวลาได้ดี แต่เหมือนจะช้าไปสักหน่อย” จากนั้นเขาก็ปิดผนึกเอกสาร เก็บมันใส่กระเป๋าทันทีโดยไม่สนสายตาตกใจและเสียงโวยวายจากลูกชาย


“เฮ้ย!! พ่อจะไม่ดูมันหน่อยเหรอ!?


“หรือลูกไม่มั่นใจ?


“ก็....เปล่า” เอเลนท้วงเสียงอุบอิบ ดวงหน้าอ่อนเยาว์มีรอยลำบากใจปนสงสัย ก็ปกติพ่อของเขาจะอ่านรายงานการวินิจฉัยทุกทีนี่ ปากก็บ่นทีเล่นทีจริงว่าจะไว้ใจให้แผนดำเนินคดีอยู่ในมือเจ้าลูกเจี๊ยบอย่างเขามันยังเร็วเกินไป แต่พอดูเข้าจริงๆก็ไม่เห็นติงอะไรตรงไหน แค่ถามในบางส่วนที่ยังคลุมเครือ แล้วเขาก็ให้เหตุผลไป พ่อก็พยักหน้าเข้าใจทุกที “คราวนี้พ่อมาแปลกนะ...ปกติเหมือนพ่อเข้มงวดกว่านี้”


“เอเลน...” คริชาเรียกลูกชายตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาสบกันกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้านิ่ง “มีอีกหลายอย่างที่ลูกต้องฝึกเพื่อให้ได้เป็นหมอของคนตาย หนึ่งในนั้นคือความอดทนต่อแรงกดดัน ลูกต้องลงมือสืบสวนศพมนุษย์โดยปราศจากคำแนะนำจากใคร คนที่ขีดเส้นแนวทางการสืบสวนได้คือตัวลูก และคนรับผิดชอบคือตัวลูกเท่านั้น ถ้าชันสูตรผิด...จะมีหลายคนที่เดือดร้อน...หนึ่งในนั้นก็คือวิญญาณดวงหนึ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม...”


“อ่า...” ฟังหมอนิติเวชตัวจริงเสียงจริงร่ายยาวแล้วเด็กหนุ่มชักคอแห้งแทน ร่างเล็กบางหัวเราะแหะๆ มองซ้ายมองขวาแล้วกลั้นใจกระซิบถามเสียงแผ่ว “งั้น สมมตินะพ่อ...เอ่อ...แค่สมมติอ่ะ ว่าถ้าพลาด...บทเรียนของผมบทนี้คงราคาไม่แพงมากใช่มั้ย?


“ราคาเท่านายตำรวจสากลยศพันตรี แถมยังเป็นคนสนิทของผบ.ด็อท พิคซิส ที่ประจำการอยู่สำนักงานกลางแห่งชาติอังกฤษ” คำตอบราบเรียบแถมสีหน้าไม่เจ็บไม่คันของพ่อทำเอาเขาเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง หัวใจเต้นถี่ สมองตื้อไปชั่วขณะ ร่างบางโถมกระโจนจนนอนคว่ำไปกับพื้นโต๊ะค่อนตัว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้บิดาแล้วกระซิบเสียงเบากว่าเดิม แต่ถึงมันจะเบาแค่ไหนก็ปิดความตกใจไม่มิดสักนิด


“เหยื่อรายนี้เป็นตำรวจ!? พ่อ!...เรื่องนี้มันไม่ธรรมดานะ คนที่กล้าเล่นกับตำรวจแบบนี้มันมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่! พ่อคิดว่าไง!” ปฏิกิริยาของลูกชายทำให้คริชาถอนหายใจ คิดถูกแล้วที่ไม่ให้แอ็คเคอร์แมนบันทึกรอยกระสุนตามตัวของผู้ตาย ไม่อย่างนั้นเอเลนต้องรู้ตั้งแต่อ่านผลชันสูตรแน่ว่าเรื่องนี้มันเป็นอาชญากรรมระหว่างตำรวจและคนร้าย ผลมันก็ออกมาเป็นแบบนี้...เจ้าลูกชายของเขาทำตาโตวิบวับเหมือนเด็กน้อยเจอซานตาคลอส


เขาแพ้สายตาแบบนี้ของเอเลน... ไม่เคยใจแข็งกับมันได้ เพราะดวงตานั่นไม่ได้มองว่าเรื่องที่เขาทำอยู่มันเป็นแค่เรื่องที่น่าสนใจ หรือสนุก แต่เด็กคนนี้ยังรู้ดีว่าเป้าหมายของมันคืออะไร แล้วมันอันตรายมากแค่ไหน มันเป็นสายตาเดียวกับตอนที่เด็กคนนี้อายุสิบเจ็ดแล้วขอเขาเรียนนิติเวชศาสตร์ ทั้งๆที่ทางมหาลัยต้องเปิดสอนอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องรอให้เป็นนักศึกษาแพทย์ปีห้า...แต่เด็กนี่ก็ไม่รอ...



ถ้าพูดให้ถูกก็คือรอไม่ไหว...



“ผู้ตายคือพันตรีเอียน ดิทริช อันที่จริงเขาประจำการอยู่ที่อังกฤษแต่ต้องย้ายมาที่เยอรมันเพื่อจัดการปัญหาการขนส่งยาเสพติดข้ามชาติที่ชายแดนเยอรมนีกับเช็ก เขาเพิ่งถูกส่งไปที่เดรสเดินเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วก็นั่นล่ะ...ถูกส่งกลับมาในสภาพที่ไม่บุบสลาย...แต่พบไซยาไนด์เต็มกระเพาะ”


“นี่แสดงว่าผู้ร้ายรู้การเคลื่อนไหวของตำรวจ...แล้วเข้าใกล้เขาได้...จนกระทั่งวางยาพิษในอาหาร...” เด็กหนุ่มเงียบไปตามนิสัยเวลาที่ใช้ความคิด แต่พอเหลือบตามองเห็นพ่อตัวเองนั่งอมยิ้มอยู่ก็คิดอะไรขึ้นได้ เด็กหนุ่มถอนหายใจสุดปอด ส่ายหัวไปมา “นี่มันเบี่ยงประเด็นแล้วนะพ่อ ยิ่งคิดก็ยิ่งชัดว่านี่มันอาชญากรรมระดับชาติอ่ะ แถมเหยื่อยังเป็นคนวงในด้วย ผมขอกลับไปที่คำถามเดิมนะ...ข้อวินิจฉัยคดีของผม ที่อยู่ในกระเป๋าของพ่อนั่น...จะอ่านมันมั้ยฮะ?


“งั้นพ่อถามบ้าง” คนถูกดักเลิกคิ้ว แต่ใบหน้าของคนสูงวัยกว่ากลับยิ้มกว้าง “พรุ่งนี้จะไปส่งรายงานชันสูตรที่สำนักงานกับพ่อไหม ประมาณบ่ายสี่โมง ลูกไม่มีเรียนนี่”


“พ่อถามคำถามนี้มาเป็นครั้งที่ยี่สิบสองแล้วครับ”


“แล้วคำตอบครั้งที่ยี่สิบสองล่ะ?


“ก็คงเหมือนยี่สิบเอ็ดครั้งที่ผ่านมาว่า.... ไม่” เด็กหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ คนเป็นพ่อพยักหน้าเบาๆ กล่าวสรุปเสียงราบเรียบ


“ถ้าอย่างนั้นพ่อก็คงไม่จำเป็นต้องดู รายงานจะถูกหรือผิด ลูกไม่เห็นต้องแคร์นี่นา คนที่ไปรับหน้าแล้วตอบคำถาม ผบ.เอลวิน คือพ่อ ไม่ใช่ลูกสักหน่อย”


นั่นมันก็ยิ่งต้องตรวจไม่ใช่หรือไง!?


เด็กหนุ่มร้องท้วงในใจอย่างอดกลั้น ใครว่าเขาเข้าใจยาก เขารับได้หรอกนะ แต่ขอโทษเถอะ! มาดูพ่อเขาแล้วจะกลับคำพูดแทบไม่ทัน มือน้อยๆลูบผมสีน้ำตาลยุ่งๆของตัวเองตั้งแต่หน้าผากจรดท้ายทอย เงยหน้าสบตากับบิดาของตนอีกครั้ง ฉีกยิ้มแห้งๆให้หนึ่งทีเหมือนประชดเล็กๆแล้วถอนหายใจ


“พ่อ...พ่อให้ผมอยู่แบบนี้แหล่ะ นี่ผมทำแบบนี้เพื่อรักษาหน้าทีมนิติเวชนะ ถ้าเกิดอยู่ดีๆมีเด็กดูไม่ประสาที่ไหนไม่รู้เดินเข้าสำนักงานกับพ่อแล้วบอกว่า ผมนี่แหล่ะครับ เจ้าของรายงานการสันนิษฐานตลอดสองปีมานี้พ่อคิดว่าผบ.เอลวินเขาจะปลื้มเหรอ? ไม่มีทางอ่ะ! พ่อได้เกษียณก่อนอายุแน่ๆ ดีไม่ดีเขาโละเราทิ้งแล้วตั้งทีมใหม่ด้วยซ้ำ อาแอ็คเคอร์แมน คุณฮานเนส...ทุกคนซวยหมด!


“ที่ผ่านมาลูกก็ทำได้ดี พ่อไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธ” คนสูงวัยกว่ายังให้เหตุผลตะล่อม ร่างบอบบางพยักหน้าแกนๆ


“เขาจะไม่ปฏิเสธแน่ถ้าโลกใบนี้ไม่มีกำแพงที่ชื่อว่าอายุและตำแหน่งยศ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้สะพายกระเป๋าเป้บนบ่า ไหล่มนเล็กที่โดนน้ำหนักของหนังสือ Anatomy เล่มหนาสามนิ้วที่เจ้าตัวยังอ่านค้างอยู่เมื่อเย็นกดลงจนค่อมนิดๆ แต่ก่อนเดินออกจากห้อง เขาหันหน้ากลับไปด้วยรอยยิ้มซื่อๆ รอยยิ้มยอมรับตัวเองที่เขาตระหนักอยู่เสมอ


“สำหรับใน C.S.I แล้วผมยังห่างไกลอีกเยอะ ที่ตรงนั้นยังไม่เหมาะกับผมเท่าไหร่หรอกฮะ...คืนนี้ผมขออนุญาตนอนคอนโดนะ...มีอะไรต้องศึกษาเพียบเลย...ราตรีสวัสดิ์ฮะ คุณหมอร็อบบิ้นส์”


คำยกยอในแบบฉบับเด็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเป็นเชิงว่า พ่อนั่นแหล่ะ ตัวจริงทำให้คนเป็นพ่อนิ่งไปนิด แล้วยิ้มอย่างเอ็นดูกลับ เอ่ยคำราตรีสวัสดิ์ตอบลูกชายไปเบาๆ เขามองเอเลนตั้งแต่ออกจากประตูในห้องทำงานของเขาไปผ่านกระจกขาวขุ่นจนลับตา แพทย์นิติเวชทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ตัวหนานุ่ม เอามือยกขึ้นประสานกันท้ายทอยต่างหมอน นั่งคิดทบทวนคำพูดของลูกชาย


เขาว่าเขา...สัมผัสได้นิดๆนะ...ความรู้สึกของเอเลน...


เขาจะไม่ปฏิเสธแน่ถ้าโลกใบนี้ไม่มีกำแพงที่ชื่อว่าอายุและตำแหน่งยศ


ว่ามันเหงา อ้างว้าง ปลงตก และต้องการคนเข้าใจ แต่ไม่ใช่การประชดประชันหรือน้อยใจใดๆทั้งสิ้น...มันเป็นการยอมรับในแบบของเด็กคนนั้น ว่าต่อให้เขาทุ่มเท สนใจ หรือเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่นแค่ไหน โอกาสมันก็ไม่ได้เปิดให้กับทุกคน เพราะนี่คือโลกของการทำงาน ไม่ใช่ห้องเรียน ศพนั่นก็คือผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกฆาตกรรม ไม่ใช่ศพอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ ทุกอย่างต้องแม่นยำ ไม่มีการแก้ตัวใหม่


แต่เขาก็แค่แอบหวังเท่านั้น...ว่าสักวันเอเลนอาจจะเจอใครสักคนที่เหมือนกัน


ในวงการแบบนี้ก็น่าจะมีสักคน...ล่ะมั้งนะ...?








สำนักงานกลางแห่งชาติ องค์การตำรวจสากล


อังกฤษ


07:23 AM.


“เมื่อคืนคดีขนส่งเฮโรอีนที่ช่องแคบทันเนลปิดลงแล้ว”


“เอาจริง!? ฝีมือหัวหน้ารีไวใช่ไหม เขารับคดีได้ไม่ถึงเดือนเองนะ”


“ใช่ แถมยังได้เงินของกลางก้อนสุดท้ายกลับมา พวกสมาชิกเอเย่นต์ค้ายาไม่มีใครรอด”


“อ่า...อย่างทุกที?


“ใช่...อย่างทุกที ถ้าเขายศสูงกว่านี้คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่”


“โดนผบ.เรียกแต่เช้าแบบนี้ ของมันแน่อยู่แล้ว”


“นั่นสิ...”


ชิ! น่ารำคาญเป็นบ้า...


ร่างแข็งแกร่งขนาดหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเดินเข้าสำนักงานกลางแห่งชาติประจำอังกฤษในเวลาเช้าตรู่อย่างไม่สบอารมณ์นัก ผนวกกับอากาศชื้นๆของประเทศกลางมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเหนือมันยิ่งทำให้บรรยากาศไม่น่าเข้าใกล้ของผู้มาใหม่ยิ่งอึมครึมมากกว่าเดิม แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าหูดีๆของเจ้าตัวอุตส่าห์ไปได้ยินบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานที่ไม่แน่ใจว่าจะชื่นชมหรือสมเพช เพราะมันเป็นเรื่องปกติของวันหลังปิดคดี และต้องมีคนร้ายถูกเขาวิสามัญฆาตกรรมมาเป็นประเด็นหลัก เรื่องพรรค์นี้เขาแค่รู้สึกรำคาญ แต่ไม่คิดใส่ใจ


แต่สิ่งที่ทำให้อารมณ์เขาไม่ค่อยคงที่ เห็นทีว่าจะเป็นการเรียกเข้าพบตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาราชการ กว่าเขาจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยที่น็อตติงแฮมแล้วเดินทางกลับก็กินเวลาจนเช้ามืดแล้ว อีกอย่างเขาไม่ได้นอนมาถึงสี่วันตลอดระยะเวลาตามตัวคนร้าย ความดันเลยต่ำกว่าปกติ


นี่ถ้าเขาไม่มีเวลาอาบน้ำ...มันจะน่าหงุดหงิดมากกว่านี้ถึงสิบเท่า


“โหว! อรุณสวัสดิ์!” แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะอดนอนแค่ไหน แม่คุณก็ยังกระดี๊กระด๊าได้เรื่อยๆเหมือนชีวิตนี้ไม่มีการสูญเสียพลังงาน หญิงสาวร่างสูงสวมแว่น ผมสีน้ำตาลเข้มมัดเป็นหางม้าดูทะมัดทะแมงกำลังนั่งคนกาแฟอยู่บนโต๊ะ เป็นคนแรกและคนเดียวที่กล้าทักมือหนึ่งจอมวิสามัญตั้งแต่เห็นเงาหัวเขามาแต่ไกลๆเหมือนกับว่าหน้าตาไม่รับแขกของเขา...เธอชินแล้ว หรือบางทีไม่ได้ชิน แต่ไม่สนใจ


“อันที่จริงผบ.น่าจะเห็นใจนายหน่อย ไม่รู้หรือไงว่าถ้านอนไม่พอ Growth Hormones มันจะไม่หลั่ง”


“แต่ฟังเธอพูดแล้ว อะดรีนาลินฉันหลั่งเต็มที่เลย” คนขาดแคลนฮอร์โมนการเจริญเติบโตสวนกลับเสียงเย็น มือแข็งแรงปานคีมเหล็กคว้าเข้าที่หัวโตๆของสาวนักพิสูจน์หลักฐานแล้วออกแรงดึงมันมาใกล้ๆ แล้วกระซิบ “เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ลูกรักของเธอมันอยากฆ่าพวกเดียวกัน”


ฮันซี่หัวเราะแหะๆแล้วยกมือขึ้นสองข้างแสดงอาการยอมแพ้ สายตาเหลือบมอง ลูกรักของเธอที่เหน็บอยู่ตรงเอวของรีไว ด้วยความเร็วและอานุภาพทำลายล้างที่เธอปรับแต่งเองกับมือของมันผนวกกับฝีมือของผู้ใช้มันแล้ว มั่นใจเลยว่าต่อให้เธอหลบเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางพ้น แล้วยิ่งตอนที่นักปราบปรามอาชญากรผู้ลือเลื่องกำลังหงุดหงิดเพราะขาดการพักผ่อนแบบนี้ การที่เขาฆ่าเพื่อนร่วมงานเป็นการระบายอารมณ์มันก็เป็นไปได้สูงด้วยสิ


มือเรียวแข็งแรงปล่อยหัวสีน้ำตาลเข้มแล้วก้าวยาวๆไปที่ห้องผู้บัญชาการใหญ่ โดยไม่สนใจคำอวยพรไล่หลังมาติดๆว่าขอให้เขาโชคดี ไม่โดนไล่ออก อะไรทำนองนั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่คิดหรอกว่าที่เขาเดินเข้าห้องผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้ จะได้รับซองขาวมาเป็นรางวัล เพราะไม่อย่างนั้นเขาโดนไปตั้งนานแล้ว


แต่กับตาแก่นั่น บางคำสั่งที่มอบหมายเขามา การไล่ออกยังฟังดูไพเราะกว่าเยอะเลย...


ตำรวจสากลหนุ่มเคาะหลังนิ้วลงกับประตูกระจกเมื่อเขาได้ยินคำอนุญาตจากคนในห้องจึงเปิดประตูเข้าไป คนที่นั่งรอเขาอยู่ในห้องเป็นชายแก่หัวล้านมีริ้วรอยใต้ดวงตาฟ้องอายุ  ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่เสมอบ่งบอกว่าเป็นผู้บังคับบัญชาที่อารมณ์เย็นและพร้อมจะปฏิบัติงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์บนความมีเหตุผลและเป็นธรรม แต่เช้าวันนี้ ผบ.พิคซิส มีริ้วรอยของความเครียดหน่อยๆ


“เชิญนั่ง หัวหน้ารีไว” คำเชิญทำให้ร่างแข็งแกร่งขนาดหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรนั่งลงกับเก้าอี้ตรงข้ามชายสูงอายุ ผบ.พิคซิสถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเริ่มเปิดประเด็น “ขอบคุณคุณมาก ที่ช่วยปิดคดีขนส่งเฮโรอีนที่ช่องแคบทันเนลได้สำเร็จ...แม้มันจะดูเอิกเกริกไปสักนิด”


เปิดประเด็นได้ตรงมาก...


“มันก็สมควรจะเอิกเกริก...เราไม่ต้องการข้อมูลอะไรจากพวกนั้น เพราะเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายนี้เป็นเพียงกลุ่มอิสระเล็กๆที่ทางหน่วยของผมสืบแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกลุ่มอาชญากรอาร์นัลโด เพราะถ้าหากพวกนั้นจะซื้อขายกันคงไม่ใช่แค่ห้าแสน ไม่ทำอะไรเตะตาให้ตามจับได้แค่ห้าวัน ไม่งี่เง่าขนาดเข้าไปหลบในบ้านคนอื่น...และอีกอย่างเฮโรอีนเป็นยาเสพติดร้ายแรงที่โทษก็ต้องถึงประหารชีวิตอยู่แล้ว”


เสียงทุ้มต่ำอธิบายราบเรียบ แต่ดวงตาคมเรียวสีเทาวาววับขึ้นมาเล็กน้อย หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเมื่อคิดถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาลั่นไก แต่การเสียชีวิตในหน้าที่ของลูกน้องเขาไม่ใช่ความผิดของอาชญากรที่ตำรวจอย่างเขาจะเอาไปขบคิดเป็นอารมณ์ หรือกลายเป็นความอาฆาตต้องแก้แค้น มันเป็นเพียงความเสียดาย เสียดายจนต้องตัดสินว่าคนร้ายคนนั้นไม่มีสิทธิ์แม้ไปใช้ชีวิตต่อในคุก แล้วรอวันประหารจากศาล


ก็เพราะยังมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ล่ะมั้ง...ยศของเขา ถึงอยู่ได้แค่สิบตรี


“หากคุณกำลังเสียใจกับเรื่องที่ทำแม้เพียงเศษเสี้ยว ผมแนะนำให้คุณตัดมันออกไปซะ...คุณเป็นคนที่ทำอาชีพตำรวจ...ไม่ใช่โรโบคอป” เสียงกลั้วหัวเราะกับคำเปรียบเทียบของผู้บัญชาการไม่เปลี่ยนสีหน้านิ่งๆของตรงข้าม ชายสูงอายุเอนตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้ เอ่ยขึ้นต่อแผ่วเบาราวกับเปรยกับตัวเอง “...มีความคิด...มีความรู้สึก...ความรู้สึกของคนเรา ณ วินาทีนั้นจะเป็นตัวตัดสินให้เราทำทุกอย่าง แล้วอย่าคิดว่าหากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำอย่างนั้น...เพราะร้อยทั้งร้อย...ก็ต้องทำเหมือนเดิม


ความเงียบเพียงชั่วขณะเข้ากลืนกินในห้องสำนักงาน ตำรวจสากลอาวุโสจับจ้องมองใบหน้าของผู้ใต้บังคับบัญชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง พลางว่าขึ้น “เมื่อวานนี้ลูกน้องผมก็ตาย...ที่เยอรมัน”


คนฟังเลิกคิ้วขึ้น นิ่งคิดเพียงสักพักแล้วต่อชื่อของตำรวจที่เพิ่งถูกส่งตัวไปอย่างไม่ยากเย็น “เอียน ดิทริช?


พิคซิสพยักหน้ารับ “ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอผลชันสูตร แต่เขาเสียชีวิตที่รัฐแซกโซนี เมืองเดรสเดินอยู่ใกล้กับชายแดนเยอรมนี-เช็ก ที่ตอนนี้ทางสายเยอรมันกำลังตามสืบกันให้ควั่กเรื่องการส่งสารเสพติด อาวุธเถื่อน เด็ก ผู้หญิง ของผิดกฎหมายทุกประเภท ผมก็ไม่ได้อยากด่วนสรุปทั้งๆที่หลักฐานไม่เพียงพอ แต่สายสืบของเราก็พอได้เค้ามาว่า เจ้านกอินทรีตัวแสบบินไปพักเตรียมก่อร่างสร้างรังอยู่แถวๆนั้น...นี่อาจจะเป็นการทักทายก็ได้...หัวหน้ารีไว...”


ตำรวจอาวุโสฟาดไม้เหล็กเรียวเล็กอย่างที่อาจารย์ในชั่วโมงภูมิศาสตร์ใช้ไปที่ตรารูปนกอินทรีที่เด่นเป็นสง่าอยู่บนบอร์ดข้างหลัง ที่มีหัวข้อของติดหราว่า ‘Wanted’  นกอินทรีตัวใหญ่สยายปีกกางกรงเล็บราวกับกำลังเตรียมจับเหยื่อ ตราขององค์กรอาร์นัลโด อาชญากรระดับประเทศที่กำลังสั่นคลอนยุโรปมาเกือบสี่ปี เท่านั้นหัวใจของคนเป็นตำรวจก็เต้นถี่รัว เลือดในการไหลเวียนอย่างรวดเร็ว มุมริมฝีปากเรียวที่มักจะเรียบตึงอยู่เสมอปรากฏเป็นรอยยิ้ม ผบ.พิคซิสหัวเราะน้อยๆแล้วว่าต่ออย่างไม่เคร่งเครียด


“การที่คุณไปทำการวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายถึงสถานที่พักอาศัยของผู้อื่น เป็นความผิดร้ายแรง ทำให้คุณไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่อังกฤษต่อได้ ผมจึงขอลงโทษให้คุณไปประจำการอยู่ที่เยอรมันแทน...ผบ.เอลวิน สมิธ จะเป็นผู้บังคับบัญชาของคุณ”


“แล้วหน่วยของผม...”


“เอาไปได้...ตามต้องการ” ชายอาวุโสพยักหน้ายิ้มๆ แถมยังต่อด้วยว่า “ถ้าคิดว่าไม่พอ พันตรีฮันซี่ โซเอะ ของกองพิสูจน์หลักฐานก็จะร่วมทริปไปกับคุณด้วย เอ่อ...อันที่จริงต้องพูดว่า...ต้องเอาเธอไปด้วยล่ะนะ”


รีไวถอนหายใจไม่รู้จะเอ่ยคำขอบคุณหรือปฏิเสธไปดี ดูเหมือนว่ายัยจอมพิสูจน์หลักฐานและดัดแปลงอาวุธตัวแสบจะเดาเรื่องถูกอยู่แล้วและวิ่งโร่มาที่สำนักงานแต่เช้าเพื่อมาคุยกับผบ.พิคซิส แล้วที่น่าหงุดหงิดคือคนให้อนุญาตดูท่าจะไม่ค้านสักครึ่งคำ แม้เขาจะพอรู้ว่าแม้ค้านไป ยัยโรคจิตนั่นก็ต้องหาเรื่องตามเขาไปให้ได้อยู่ดี สาเหตุน่ะเหรอ...ก็เพราะลูกรักของหล่อนที่เหน็บอยู่ที่เอวเขานี่ไงล่ะ แม่นั่นบ้า Glock 21 SF ของเขาอย่างกับอะไรดี เชื่อว่าถ้าอยู่กันข้ามประเทศหัวใจจะขาดรอนๆ แล้วก็อีกอย่างเจ้าหล่อนยังเป็นตำรวจสายเลือดนักวิทยาศาสตร์ชนิดกัดไม่ปล่อย เป็นผลดีต่อคดีตามรอยแบบนี้อยู่แล้วด้วย


ถึงจะน่ารำคาญ แต่ก็ช่วยไม่ได้...


ร่างแข็งแกร่งขนาดหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรลุกยืนขึ้นตัวตรง แล้วโค้งคำนับทำความเคารพผู้บังคับบัญชาที่เขาให้นิยามว่าบางคำสั่งมันยังฟังดูดีกว่าการไล่ออก แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่เขายอมรับว่าเป็นหัวหน้าที่ยอดเยี่ยมและรู้จักใช้งานคน แถมไม่รู้จักเข็ดหลาบว่าส่งเขาไปแทนลูกน้องคนสนิท เขาก็อาจจะได้ตายอย่างลูกน้องคนสนิทนั่นแหล่ะ


“ผมรับคดี และจะเดินทางภายในวันพรุ่งนี้” ตำรวจหนุ่มกล่าวสรุปสั้นๆก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไป เขาก็หยุดชะงักเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วหันกลับมา แล้วกล่าวเสียงราบเรียบไร้อารมณ์เหมือนเก่า “ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะเรื่องความรู้สึกครับ ผบ.”


“...”


“ผมจะพยายามไม่ตาย”


สิ้นคำสัญญาง่ายๆทว่ากลับมีพลังมหาศาลทำให้ผู้ฟังยิ้มกว้างออกมา ใบหน้าเคร่งเครียดที่นานๆทีจะได้เห็นจางหายไปจากใบหน้าของชายอาวุโส แทนที่ด้วยความโล่งอกยินดี เขาพยักหน้าซ้ำๆ เอ่ยคำขอบคุณแผ่วเบาแล้วสำทับอีกว่า


“เท่านั้นก็ดีมากแล้ว...”





“เป็นไงๆ หัวหน้าว่ายังไงบ้าง” พอตำรวจสากลหนุ่มออกจากห้องของผบ.พิคซิสมาได้ไม่ทันพ้นประตู หญิงสาวร่างสูงก็กระโดดดึ๋งดั๋งทำตาวิบวิบมายืนอยู่ตรงหน้า แถมข้างหลังยังเป็นลูกน้องของเขาครบชุดไล่ตั้งแต่หญิงสาวร่างเล็กผมสีบลอนด์ทอง เพ็ตโทร่า รัล ชายหนุ่มร่างสูงผมทองยาวรวบแล้วม้วนไว้ข้างหลัง เอิร์ด จิน และอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังที่ดูเหมือนว่าจะโดนยัยฮันซี่ต้มซะเปื่อยว่าเขาจะโดนเด้งเลยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่นั่น กุนเธอร์ ซูล์ซ และ ออลโอ้ โซบาโด้


คนถูกถามนิ่งไปไม่ตอบทำให้มือหนึ่งแห่งกองพิสูจน์หลักฐานทนไม่ไหว เอ่ยเร่งไม่พอ ยังเขย่าแขนเขาอีกต่างหาก “ว่าไงรีไว รีบๆพูดสิ ได้บอกลาสำนักงานกลางอังกฤษแล้วใช่มั้ยล่ะ ใช่มั้ยๆๆ!


ยิ่งฟังคำพูดสองแง่สองง่ามของหญิงสาวร่างสูงน้ำตาลูกน้องของเขายิ่งปริ่มมากกว่าเก่า แล้วถ้าไม่คิดเกรงใจสถานที่ราชการมันคงไหลพรากแล้วสะอื้นกันกระซิกๆไปแล้ว คนเป็นหัวหน้าจึงถึงจุดสุดทนกับอารมณ์อ่อนไหวไม่เข้าเรื่องของลูกน้อง เอ่ยตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้


“ยินดีด้วยยัยกระหายเลือด หล่อนได้บอกลาฟิชแอนด์ชิพแล้วไปหาไส้กรอกกินแทน”


“ยะฮู้ววววววววววววววววววววววววววว!!!!!” เท่านั้นแหล่ะคนที่รอฟังมานานถึงได้กระโดดตัวลอยไม่สนสายตาใครมองมาทั้งสิ้น แต่ก่อนที่เขาจะเดินผ่านคนตื่นเต้นยินดีจนน้ำหูน้ำตาปริ่มเขาก็ไม่ลืมลูกน้องทั้งสี่ที่ยังยืนทำตาปริบๆ


“พวกนายด้วย เตรียมเก็บของซะ เราจะไปเยอรมันวันพรุ่งนี้”


“เฮ้!!!!!!!!!!!!!!!


ตำรวจสากลหนุ่มส่ายหัว มองคนที่กำลังแหกปากแถมปาดน้ำตาออกจากใบหน้ากันเป็นทิวแถว หนึ่งน่าจะมาจากที่เขาไม่ได้โดนโทษไล่ออกอย่างที่พวกมันคิดกัน แถมยังได้คดีใหญ่มาทำอีกต่างหาก แต่เขาก็ยังสงสัยว่าบางทีนี่ก็คือคนทำงานอายุอานามไม่น้อยกันแล้ว คงต้องสั่งสอนให้เก็บอารมณ์กันสักหน่อย


ก็หวังว่าที่เยอรมันเขาจะได้เจอกับเพื่อนร่วมงานที่มีวุฒิภาวะสมกับวัย...


มันจะมีสักคนไหม...










“เอเลน ฉันถามนายจริงๆเถอะ ว่าข้อสอบจิตวิทยาก่อนเข้าเรียนหมอเนี่ย...เขาถามอะไรบ้าง”

คำถามแปลกประหลาดดังมาจากเด็กหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลสั้นที่นั่งดูดกาแฟปั่นอยู่ตรงข้ามเขา ทำให้คนถูกถามต้องเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มโตขึ้นมามองแล้วขมวดคิ้ว เพราะในความรู้สึกของเอเลนมันไม่ใช่แต่คำถามเท่านั้นที่แปลก...คนถามก็แปลกด้วย


เพราะนี่มันเป็นคาบพักเที่ยงของนักศึกษาแพทย์ แล้วเขากำลังนั่งทบทวนเท็กซ์เคมีอินทรีย์ อยู่ตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นโอ๊คหน้าอาคารเรียนรวมพร้อมกับเพื่อนสนิทร่วมคณะอีกสองคน ซึ่งคนนอกคณะอย่างคนถาม ไม่มีเหตุผลใดที่จะมานั่งชมนกชมไม้อยู่แถวนี้ อีกอย่างคณะที่หมอนี่เรียนคือคณะนิติศาสตร์ อยู่ห่างจากที่เขานั่งไกลโขชนิดที่ไม่มีใครกล้าถ่อมาทุกวัน แต่หมอนี่ก็ทำ ยังไม่พอ นั่งอยู่ตั้งนาน อยู่ดีๆก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น


แจน กิลชูไตน์มุ่นหัวคิ้วยุ่งเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มร่างบาง ถามย้ำอีกครั้งไม่สนใจสายตาเคลือบแคลง “เอ้า! ว่าไง ตอบมาดิ ว่าเขาถามอะไรบ้าง?


“ก็ทั่วไป...อารมณ์ วุฒิภาวะ บุคลิกภาพ ว่าสมควรจะเรียนหรือไม่ เพราะเขาคงกลัวล่ะมั้งว่าถ้าหากเป็นโรคทางจิตเวช เรียนไปเรียนมานักศึกษาจะเครียดไปก่อคดีฆาตกรรมฆ่าหั่นศพเหมือนที่เห็นในข่าวบ่อยๆ...ว่าแต่...นายถามทำไม” วกกลับมาที่ข้อสงสัย แจนเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำถามแล้วจ้องตาเด็กหนุ่มตรงข้ามกลับ


“ฉันก็อยากจะรู้ว่านายผ่านหรือเปล่า” คำตอบที่มันฟังดูชวนกวนประสาททำเอาเด็กหนุ่มร่างบางอยากยกเท็กซ์ทุ่มใส่หัวมันซะแล้วปฏิบัติการฆาตกรรมอย่างที่ปากว่าไปเมื่อสักครู่ แต่สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่ถลึงตากลับประมาณว่า ถ้าไม่ผ่าน จะได้มานั่งใส่ชุดนักศึกษาอย่างนี้เหรอวะ!’ 


ร่างสูงหัวเราะหึๆในลำคอเหมือนพอใจที่แหย่อีกฝ่ายได้สำเร็จ ไม่วายหย่อนระเบิดไปกลางวงอีกลูก “ใครจะไปรู้ ฉันก็ถามเพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่ายังไม่พ้นพรีคลินิก1 นายจะเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก่อนแล้ว”


“แจน! แก!!


“ไม่เอาน่า เอเลน แจน อย่าทะเลาะกันตรงนี้เลย คนเยอะแยะ” ไม่ทันที่เด็กหนุ่มร่างบางจะเข้าคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วทุ่มมันลงกับโต๊ะก็มีเสียงห้ามจากอีกคนพร้อมกับมือเล็กยันอกของทั้งคู่เอาไว้ เด็กหนุ่มร่างเล็กบางแถมใบหน้าจัดได้ว่าน่ารักจนถ้าหากจับไปแต่งหญิงคงจะเป็นสาวน้อยเชื้อสายยุโรปน่าทะนุถนอมชนิดหาตัวจับยาก เขามีผมสีทองตาสีฟ้าสดใส แถมกริยามารยาทยังเรียบร้อยทว่าแน่วแน่จริงจังสมสุภาพบุรุษ


“แจนเขาก็แค่ห่วง เพราะเช้านี้ดูเอเลนเครียดๆ...ผมก็ว่าอย่างนั้นนะ เห็นนั่งขมวดคิ้วมาตั้งนานแล้ว มีอะไรหรือเปล่า?” อาร์มินตั้งข้อสังเกตจนทำให้คนถูกทักต้องยกมือขึ้นคลำแถวๆหว่างคิ้วตัวเองโดยอัตโนมัติ ดูท่าจะจริง ก็เมื่อกี้เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ก็จริงแต่ในหัวกลับคิดถึงคดีล่าสุดที่เขาเพิ่งจัดการไปแล้วเรื่องบางเรื่องมันผุดเข้ามาจนเขาคงจะเผลอแสดงออกทางสีหน้าไป เอเลนคลี่ยิ้มบางให้เพื่อนแล้วส่ายหน้า


“ไม่มีอ่ะ สงสัยเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย เวลาใช้สายตากลางแดดมันเลยพร่าๆ”


“ไม่ใช่เพราะนายกลัวเรื่องคดีอยู่เหรอ...เอเลน” เสียงทักจากเด็กสาวเพียงคนเดียวของโต๊ะทำเอาสายตาทุกคู่หันไปมอง เด็กสาวสวยคมมีเส้นผมและดวงตาสีดำสนิทที่มักจะมีท่าทีเย็นชากับคนอื่นแต่ยกเว้นกับเขา เธอวางปากกาลงกับชีทปึกหนาวิชาปฏิบัติการชีววิทยา แล้วจ้องเขาอย่างสื่อความหมาย


“คุณพ่อเล่าให้ฉันฟังแล้วเรื่องการชันสูตรศพเมื่อวานนี้ ศพนั่นเป็นศพตำรวจ แถมยังเป็นตำรวจที่กำลังตามกลิ่นยาเสพติด นายกำลังคิดใช่มั้ยว่าคดีนี้อาจเป็นเรื่องซ้อนทับประวัติศาสตร์เมื่อสองปีก่อน”


“มิคาสะ” เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทที่อยู่หัวโต๊ะมันมีทั้งกระแสตกใจและห้ามปรามอยู่ในเวลาเดียวกัน แต่เรื่องที่เขากลัวไม่ใช่ว่าอีกสองคนจะรู้เรื่องที่เขาทำงานลับๆให้กับทาง C.S.I. ตำรวจสากลเยอรมัน เพราะเพื่อนทุกคนที่นั่งที่นี่รู้หมดแล้วว่าเขามีงานอดิเรกเป็นอะไร แต่เขารู้ดีถึงจุดประสงค์ที่มิคาสะกำลังหมายถึง ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่พูดประโยคสุดท้ายออกมา


เรื่องราวที่เขาคิดถึงมันมาเสมอ พยายามเพราะมัน ขวนขวายเพราะมัน


สาเหตุที่ทำให้เขารอเรียนนิติเวชศาสตร์ไม่ไหว...


เขาไม่เคยลืม...


“อืม...อาจจะกลัวก็ได้...ไม่รู้สิ” แต่สุดท้ายก็จะยอมรับมันได้ทุกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มซื่อๆ คำตอบง่ายๆ ไม่คิดอะไร ไม่ใส่ใจจนมากเกินกลายเป็นการคิดมากสมกับเป็นเอเลนทำให้คนมองพลอยยิ้มออกมาด้วย เด็กหนุ่มก้มหน้าลงเผชิญกับหน้าหนังสืออีกครั้ง พลางเอ่ยว่า “แต่ถ้ามันใช่จริงๆฉันคงจะตื่นเต้นมากกว่า อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ว่าจะเจอง่ายๆแบบนั้นสักหน่อย...ถ้ามีข่าวสักนิดก็คงจะดี”


“งั้นฉันหาให้นายได้” คำอาสาจากเด็กหนุ่มร่างสูงคณะนิติทำเอาคนเปรยกับฟ้ากับลมเงยหน้าขึ้นมามองทันที ดวงตาสีเขียวเบิกกว้าง อ้าปากค้างจนดูเว่อร์ ความจริงแจนก็หาข้อมูลเรื่องคดีให้เขาบ่อยๆนั่นแหล่ะ ด้วยความที่ว่าพ่อของหมอนี่ทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์แถมยังอยู่แผนกข่าวอาชญากรรม แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นคนขอ แถมต้องล่อด้วยรางวัลสารพัด ไม่เห็นมีครั้งไหนที่มันจะเสนอตัวเหมือนคราวนี้


ทำให้เขาคิดว่าบางทีหมอนี่อาจจะเมาแดด หรือกาเฟอีนในกาแฟไปกระตุ้มต่อมความอยากเป็นเพื่อนที่แสนดีเข้า


“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง จะเอามั้ยข่าวน่ะ” คนเสนอตัวชักมีน้ำโหหน่อยๆ กระชากเสียงห้วนถามทำเอาเขาพยักหน้ารับแทบไม่ทัน


“เอาๆ เอาดิ”


“งั้นข่าวแรก...” เสียงเกริ่นจากลูกชายนักหนังสือพิมพ์ทำเอาคนฟังอ้าปากค้างเป็นครั้งที่สองโดยที่ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็ตั้งใจฟังโดยไม่มีเสียงค้านใดๆ อาร์มินกับมิคาสะก็ทิ้งชีททิ้งหนังสือตรงหน้าเตรียมตัวเตรียมใจฟังเต็มที่ “พ่อฉันออกพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุที่พันตรีเอียนเสียชีวิต เป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วบริกรก็ให้ปากคำว่าพันตรีเอียนไปดินเนอร์คนเดียว แถมยังเป็นห้องส่วนตัว อาหารที่เสริฟเป็นอาหารสบายๆอย่างชนิทเซิล2 กับเบียร์สด และมีของหายไปจากที่เกิดเหตุ...”


“ของ?


“ใช่...เป็นแฟ้มอะไรสักอย่าง บริกรยืนยันว่าเขาเอาเข้าไปด้วย” สิ้นคำพูดแจนก็เบนสายตาหลบพลางเกาแก้ม ว่าประโยคต่อไปอย่างหงุดหงิดปนเสียดาย “แต่ไม่รู้ว่าเป็นแฟ้มอะไร ทางตำรวจเขาไม่เปิดเผยให้ทางสื่อมวลชน อ้างว่าเป็นความลับทางราชการ”


ร่างบางถอนหายใจอย่างเซ็งจัด ไถลตัวนอนราบไปกับโต๊ะ ชักอยากไปส่งข้อมูลชันสูตรกับพ่อขึ้นมาตงิดๆ ถ้าให้ไปเค้นกับพ่อเอาทีหลังมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ พ่อจะบอกหรือไม่บอกเขาก็ไม่รู้ แต่คนหาข่าวไม่ปล่อยให้ลูกค้าเขาผิดหวังนานขนาดนั้น เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยข้อเสนอ


“แต่ฉันได้ข้อมูลเด็ดมา เด็ดชนิดที่ว่ามีแต่พวกตำรวจวงในเท่านั้นที่รู้....นายจะเอาไหม” คนหมดหวังเด้งขึ้นมานั่งตัวตรง พอมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังเป็นต่อ ก็อดไม่ได้ที่จะแยกเขี้ยวกัดฟันกรอดกับลีลาชวนถีบของเพื่อน ทั้งท่าทางสีหน้าเขามันก็บอกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะเอาหรือไม่ ไอ้บ้านี่ยังจะมาโยกโย้ แต่ลีลาของว่าที่นักกฎหมายยังไม่หมดเท่านั้น แจนแกล้งทำหน้าลำบากใจแล้วว่าขึ้นลอยๆ


“แต่นี่มันลับสุดๆเลยนา...คงไม่คุ้มเท่าไหร่ที่จะให้ฟรีๆ” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มแล้วชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “สองคน...คริสต้า แลนซ์ ดาวปีหนึ่งคณะพยาบาล กับ แอนนี่ เลออนฮาร์ท สาวฮอตของเภสัช เบอร์ของพวกเธอ...ฉันฝากนายไปขอมาหน่อย”


ไอ้บ้า!!


เอเลนด่าคนฝากไปขอเบอร์สาวในใจทันที แล้วดูท่าว่าไอ้ข่าวลับสุดๆของมันนี่จะแพงหูฉี่เกินไปแล้ว กับคริสต้า แลนซ์นี่คงไม่เท่าไหร่ เอเลนพบเธอบ่อยในชั่วโมงเรียนรวม แถมยังเคยคุยกันสองสามครั้ง เธอเป็นเด็กสาวร่างเล็กน่าตาน่ารักราวตุ๊กตาบีเจดอล พูดได้ว่าเป็นแฝดคนละฝาของอาร์มินเลยก็คงไม่ผิด ตั้งแต่เธอได้เป็นดาวคณะชายหนุ่มทั่วสารทิศก็แห่แหนกันไปตามก้อร่อก้อติด ขายเบอร์ของเธอตัวเลขละหลายยูโร คงจะไม่แปลกอะไรที่เจ้าบ้านี่มันจะตามกระแสกับเขา


แต่ไอ้คนที่สองนี่สิ...แอนนี่ เลออนฮาร์ท สาวสวยหุ่นดีแต่มีบรรยากาศไม่น่าเข้าใกล้ แถมไม่น่าจีบพอๆกับมิคาสะ เจ้าหล่อนจะน่ารักอยู่ถ้าลดสีหน้าเย็นชาแล้วยิ้มออกมาบ้าง แต่ถึงเป็นอย่างนั้นเธอก็เป็นคนป๊อปที่คนทั้งมหาลัยพูดถึง แต่ดูยังไงแอนนี่ก็ไม่ใช่สเป็คแจน ที่มันบอกให้เขาไปขอเบอร์เธอก็คงเพราะความแค้นส่วนตัว


ให้มันได้อย่างนี้สิ...


“เอางี้ นายบอกฉันมา แล้วอีกสิบนาทีฉันจะเข้าเรียนรวม ได้เจอคริสต้าแน่...เย็นนี้นายเปิดข้อความดู เบอร์โทรเธอจะไปอยู่ในเครื่องนาย แล้วถ้าฉันเห็นว่าข่าวนายมันเด็ดจริง ฉันขอเวลาสามวัน...จะใช้ทุกวิธีการที่ทำให้แอนนี่ยอมคายหมายเลขสิบสองตัวให้ได้”


แจนนิ่งไปนิดสบตาเพื่อนที่จับจ้องเขามาแล้วรู้สึกเย็นวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นวินาทีที่แจนคิดว่าดวงตาสีมรกตคู่นั้นจริงจัง เด็ดเดี่ยว น้ำเสียงที่เพื่อนเขาใช้มันเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกระแสต่อรองที่ชักชวนให้กระโดดเข้าร่วม เขาผ่อนลมหายใจนิดหน่อย เริ่มคิดบ้างแล้วว่าไอ้งานอดิเรกแปลกๆของเอเลนทำให้เจ้าหมอนี่ซึมซับแล้วชอบพูดจาเหมือนพวกตำรวจสายสืบ


“โอเค...ตกลงตามนั้น” แจนยิ้มมุมปากนิดๆแล้วว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการและเสียงเบาลงกว่าเก่ามาก “มีกระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลมๆยัดอยู่ในมือของศพ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นคนขยำเองหรือมีใครเอาไปยัดใส่มือ แต่กระดาษนั่นมันพิมพ์รูปนก”


“นก?


“นกอินทรี” สิ้นคำพูดของผู้ให้ข่าว ดวงตากลมสีมรกตก็เบิกกว้าง หัวใจแทบหยุดเต้นจนเขาต้องเอามือกำคอเสื้อแล้วสัมผัส ทว่ามันไม่ได้หยุดเต้นอย่างที่เขาคิด กลับรัวกระหน่ำอย่างรวดเร็ว จังหวะการหายใจปกติเริ่มไม่เพียงพอที่จะเอาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย มือ ขา หัวไหล่ เริ่มสั่นระริกจนมิคาสะกับอาร์มินต้องจับตัวเขาด้วยความเป็นห่วง พร่ำเรียกชื่อเขาแล้วถามอะไรสักอย่าง คงจะประมาณว่า เขาเป็นอะไรไหม แต่เสียดายที่ตอนนี้หูของเอเลนไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว


“ขอบใจแจน...”คำขอบคุณถูกเอ่ยออกมาในที่สุดแต่ใช้เวลานานพอสมควร พร้อมกับประโยคกลั้วหัวเราะว่า “อีกสามวันนายเตรียมแผนเดตกับแอนนี่ได้เลย...ไปกันเถอะมิคาสะ อาร์มิน ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”


ร่างบอบบางลุกขึ้นเตรียมเอาหนังสือใส่กระเป๋าแล้วขึ้นตึกเรียน แต่ไม่ทันที่เขาจะปิดหนังสือ มือเรียวก็หยุดชะงักแล้วคิดได้ว่าต้องหาอะไรมาคั่นมัน เขาจึงเปิดกระเป๋าใหม่เพื่อหาที่คั่นหนังสือคู่ใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ เขาหาทั้งในกระเป๋าดินสอ ทั้งในหนังสือเล่มอื่น ในแฟ้ม ที่ไหนๆก็ไม่เห็นมีที่คั่นหนังสือทำจากเหล็กตรงหัวเป็นรูปเด็กชายตัวน้อยใส่ชุดกาวน์ของคุณหมอ


“ไปไหนนะ...” เสียงพึมพำกับท่าทางหาอะไรอยู่นานสองนานทำให้มิคาสะมองมา เอเลนจึงตอบไปทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าจากข้าวของ “ที่คั่นหนังสือที่ฉันใช้ประจำน่ะ”


“ที่คั่นหนังสือเหรอ...” คำถามถามย้ำจากเด็กสาวทำให้เอเลนคิดอะไรขึ้นมาได้ ร่างบอบบางหยุดการหาทันควันก่อนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่คราวนี้สีหน้าเฉยชาของเธอมันดูเย็นยะเยือกกว่าปกติ แต่ก็คงต้องขอบคุณน้ำเสียงชวนขนลุกของมิคาสะที่ทำให้สมองเขาแล่นว่า เมื่อวานเขาเอามันไปคั่นกับหนังสือ Anatomy แล้วรีบพิมพ์รายงานให้พ่อ พอเสร็จแล้วเขาก็รวบรวมเอกสารบนโต๊ะใส่แฟ้ม แล้วเขาคงจะเผลอเอามันใส่ลงไปด้วย ตอนนี้มันคงจะอยู่ในแฟ้มเอกสารสีน้ำตาลวินิจฉัยคดีที่พ่อเขาจะเอาไปส่งบ่ายนี้


แต่เรื่องนั้นมันไม่น่าตกใจเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวพ่อเขาคงขอผบ.เอลวินคืนให้ได้ แต่...


“อือ...ขอโทษทีนะมิคาสะ ที่คั่นหนังสือที่เธอซื้อให้นั่นแหล่ะ...”


.


.


.



TBC…


มิยะขอเม้าท์

ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับชื่อตอน // กำแพงอัลไล! แหม่...ไม่ใช่มาเรีย โรเซ่แล้วก็ชิน่าแน่นอน แฮ่ๆ

ในตอนนี้มีอภิธานศัพท์เล็กน้อยค่ะ ก็เริ่มจาก 1. พรีคลินิก เป็นคำที่ใช้เรียกนักศึกษาแพทย์ในชั้นปี 1-3 แต่อันที่จริงจะหมายถึงชั้นปี 2-3 มากกว่า เพราะปี 1 นี่ยังเป็นปีที่ทบทวนพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นต่อการเรียนในคณะมากกว่าค่ะ

2. ชนิทเซล เป็นอาหารเยอรมันชนิดหนึ่งทำจากเนื้อไม่มีกระดูกชุบแป้งทอด เสริฟพร้อมมะนาวกับเฟรนช์ฟรายส์
ตอนที่หนึ่งนี่ยังคงไม่มีอะไรมาก พระนางยังไม่เจอ// ถนัดล่ะสินะเอ็งน่ะ เรื่องพระนางแยกจาก อุอุ แล้วก็ขอชี้แจงเล็กน้อยเรื่องเรทของเรื่องนี้ที่เขียนเอาไว้ว่า NC-17 คือเนื้อหามันจะค่อนข้างที่จะรุนแรงในด้านเรื่องแหยะๆสำหรับหลายๆคน อย่างศพงี้ ปืนงี้ แล้วยิ่งดำเนินเรื่องต่อไปก็ยิ่งมีเรื่องอาชญากรรมมาเกี่ยวข้อง เลยจ่าหัวเรทไว้ อันที่จริงมิยะว่าเด็กก็อ่านได้ // อย่าคาดหวังอะไรกับฉาก NC ในความหมายนั้นกับไอ้มิยะเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  ใครเคยอ่านฟิคเก๊ามาจะรู้ว่ามันหวังอัลไลไม่ได้ TT..TT เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ไม่รับประกันความหวาน แต่รับรองความมุ้งมิ้ง อิอิ

ต่อไปคงจะต้องกลับไปปรนนิบัติพ่อลูกเขยคนที่มีวันเกิด 24 เมษานี้ กับฟ้าถล่ม โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นี่ไม่คิดจะให้ไปอยู่กับซีรีส์ที่เก๊าดูค้างๆเลยใช่มั้ย // โดนเสย แต่...อือ...ของขวัญวันเกิดมันคงต้องเปิดไหใหม่...// โดนเสยรอบสอง เพราะฉะนั้นจะอัพฟิคอีกทีก็ใกล้ๆวันเกิดอิเนียนนั่นแล แต่ช่วงนี้จะเอาฟิคเก่าๆมาลงให้นะคะ คงเริ่มจากช็อตฟิคก่อน My Wind นี่ไว้ทีหลัง ฮ่าๆๆๆๆๆ

แล้วก็ตามสัญญาโฉมหน้าปืนคู่ใจคุณรีไว Glock 21 SF ยังไม่เปิดเผยกระสุน เดี๋ยวจะตามมาทีหลัง อิอิ



ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชม เม้นท์ได้เป็นกำลังใจจ้ะ


Miya

1 ความคิดเห็น:

  1. เลิกกินฟิชแอนด์ชิพแล้วไปกินไส้กรอกแทน ....... ไส้กรอก

    โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ผมขอโทษษษษษ ทำไมถึงนึกว่าอาเฮียเอาไส้กรอกไปให้กินแทนล่ะเนี่ย ธ่ออ!

    เอเลนผู้ไม่สนใจสาวใด กับแจนจอมม่อ เปิดมานี่นึกว่าโมเมนท์แจนเอเลยครับ แบบว่าแจนถ่อมาได้ทุกวัน ต้องสนใครซักคนในกลุ่มนี้แหละน่า (อาร์มิน เอเรน มิคาสะ เด็ดๆทั้งนั้น)

    หนุ่มน้อยของเราจะขอเบอร์แอนนี่มายังไงกันนะ ถ้าเป็นตามผ่ามัธยมคงง่ายเพราะแอนนี่ก็ชอบเอเลนอยู่แล้วด้วย สนุกเลยครับงานนี้ (กุมหัวตัวเอง ขอโทษที่ขยันหาสามีให้นะครับน้องเลน)
    สาวฮันซี่กลายเป็นพวกบ้าปืน น่ารักดีนะครับ เข้ากับเธอดี แถมขนาดเหมาะเหม็งดีด้วย.....จะไม่พูด //ตายคาฝ่าเท้าพี่เตี้ย o]--[

    ตอบลบ