Project: Happy birthday Mameaw [28.07.13]
S.Fic The thief of Baramos
KaloXFelin
คำเตือน
: เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักหญิง
(เตือนเพื่อ!?) นั่นแหล่ะ เป็นนอร์มอลค่ะ ฟิคสุดยอดเฉพาะกิจจากหัวขโมยแห่งบารามอส
และเป็นฟิคเรื่องเดียวแห่งปี 2013 อีกด้วย เลยเอามาลงกรุอีกเรื่อง สนใจอ่านได้ค่ะ
ไร้พิษไร้ภัย
The authority of
sword
ตอนที่ 3
“เป็นอะไรของแก
สะโหรสะเหรมาเชียว ไม่ได้นอนเรอะ” คิลทัก ดวงตาสีม่วงเหลือบมองหน้าเพื่อนสาว หน้ามันซีดเป็นศพจากเดิมที่ดูกระเซอะกระเซิงอยู่แล้วในร่างผู้หญิง
ยิ่งดูไม่ได้อีกสองเท่า เสียงเงียบเป็นคำตอบ
นั่นเป็นสัญญาณของ
เรื่องแปลกของเจ้าคนที่มีเรื่องอะไรแล้วมันจะชอบเล่าโม้เกินจริงยิ่งทำให้คิลงงหนัก
“เฟริน”
“คิล...” เด็กสาวเรียกเพื่อน
เสียงฟังดูแปร่งๆ “ฉัน...ท่าจะแย่”
“เออ แย่มาก” คิลพยักหน้าเห็นด้วย
“ทั้งสารรูป สุขภาพ ดูไร้เอเนอจี้ว่ะ สรุปแกเป็นอะไร
อย่าบอกนะว่าฝันร้ายจนนอนไม่หลับอีกแล้ว”
เฟรินหันขวับมองหน้าเจ้านักฆ่าเดาแม่น
มันพูดถูกทุกอย่างพอหลังจากปิดไฟปุ๊บ เตรียมหลับอีกรอบปั๊บ
ตาเธอก็ดันเสือกค้างข่มไม่ลงซะงั้น
ในหัวขบคิดไปเรื่อยเปื่อยนอนวิเคราะห์เจาะลึกอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด
ที่พอขบแตกก็มีอยู่ไม่กี่เรื่อง อย่างแรกที่เธอพอจะรู้ก็คือไอ้เหตุการณ์ครั้งนี้มันต่างกับตอนมงกุฎแห่งใจ
ผ่าปฐพีมันปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มบอกว่าที่มันปรากฏตัวได้เพราะเลือดของเธอเรียกมัน
แล้วตัวมันเองก็เป็นของอาถรรพ์ แถมยังปล่อยไอมนตร์ดำซะจนยัยแองจี้ตื่น
เชื่อขนมกินได้ คนที่เจอเหตุการณ์อย่างนี้จะมีก็แต่คนที่ใช้อาวุธจากเดมอส
อาวุธอาถรรพ์สถิตพลังของจ้าวปิศาจเอวิเดส
คงจะมีไอ้บ้าตัวไหนสักตัวเล่นอุตริเรียกจิตแห่งศาตราวุธจากเดมอสขึ้นมา
นั่งคุยกับอาวุธตัวเองเป็นตุเป็นตะ
ดีไม่ดีบางรายคงตกลงปลงใจซื้อขายแลกเปลี่ยนอำนาจปัญญาอ่อนกันเป็นที่เรียบร้อย
แบบนั้นเธอคงไม่มีปัญญาไปห้ามไหว แต่ถ้าจะขุดคุ้ยเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับฝันเวทย์ การมีพ่อมดแม่มดมือดีติดตัวเป็นผู้ช่วยไว้สักคนคงไม่เลว
อืม...พูดถึงนักเวทย์ฝีมือดีชั้นเซียนมันก็ต้อง....คาโล
เฮือก!! ไม่!!
ขืนหมอนั่นรู้เข้า
เธอเกิดไปแจงให้มันเห็นภาพว่าเธอฝันประหลาดมาสองครั้งติด
มีหวังโดนมันจับคุมความประพฤติ ยึดดาบผ่าปฐพี
อมพะนำทำอะไรอยู่คนเดียวไม่ปรึกษาเธอแน่ๆ ไม่ไหวๆ
แบบนี้มีหวังชาตินึงเธอก็ไม่ได้คุยกับผ่าปฐพีอีก
ไอ้ที่คุยค้างๆไว้มีหวังไม่ได้รู้เรื่องกันพอดี
ดูท่าว่าจะต้องลงมือคนเดียว
แค่ถ้าเอาเฉพาะในเอดินเบิร์ก...คนที่นิยมใช้ของนอกคงพอจะจำกัดจำนวนได้
ไล่ถามไปทีละคนๆก็คงพอได้เรื่องบ้าง
ว่าแล้วก็ไล่คิดไปตั้งแต่คนใกล้ตัว
ชื่อแรกที่แวบเข้ามาในความทรงจำ
เจ้าของคทาพิพากษาแห่งเดมอส...
คาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟ
คาโนวาล
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!! อยากตาย!
“เฮ้ย! คาโล!” นึกถึงผีผีก็โผล่
คิลโบกมือโบกไม้เรียกเจ้าชายคนสำคัญของป้อมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสภาสูงเอดินเบิร์กด้วยธุระปะปังกับเลโมธี
ร่างสูงเดินใกล้เข้ามาพยักหน้าทักทายกับคิลพอเป็นเรื่องราว
ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าเย็นชาจะเลื่อนมามองเด็กสาวที่อยู่ข้างคิล พอเห็นสภาพมันเท่านั้น
คาโลก็มุ่นหัวคิ้ว
แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผมไม่หวี
เสื้อก็ยับ นี่คงแอบพวกเรนอนแล้วหนีออกมาก่อน
เหมือนสายตาท่านหัวหน้าป้อมจะแสดงอาการสมเพชเจ้าตัวยุ่งเสียเต็มประดา
ไม่ง้างปากคาโลก็เห็นไปถึงลิ้นไก่ว่าพี่ท่านคิดอะไรอยู่ คนมองอยู่อย่างคิลถึงได้หัวเราะกึกๆ แล้วแอบฟ้องเสียงใส
“มันฝันร้าย แทบไม่ได้นอนแน่ะ”
“ฝัน?”
คาโลขมวดคิ้ว
“เปล่า!”
แต่จำเลยกลับปฏิเสธเสียงแข็ง
หัวที่ไวเสมอเวลาจะต้มตุ๋นใครแล่นปรู๊ดปร๊าดออกมาเป็นฉากๆ “ใครว่าฉันฝัน
แค่เมื่อคืนนอนดึก คุยกับยัยแองจี้เพลินไปหน่อย ทีแรกก็ว่าจะนอนแล้วแต่อยู่ดีๆเรนอนก็เข้ามาแจม
เลยอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องของคนแถวนี้ให้ฟัง...”
สายตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มถูกส่งไปให้นักฆ่าปากสว่างซ้ำด้วยหางคิ้วที่ยักให้น้อยๆ
ทำให้คิลถึงกับง้างหมัดจะเข้าไปวางมวยกับแม่คุณผู้ไม่เจียมว่าเป็นสาวเป็นแส้ เท่านั้นไม่พอ
แม่คุณยังหย่อนขีปนาวุธลงหลังคาบ้านฟีลมัสแห่งซาเรสอย่างไม่สนว่าหัวสวยๆของตัวเองจะโดนโก่งราคา
“ยาวสุดๆ...ตีสองยังไม่จบเล้ย”
โครม!!
เท่านั้นนักฆ่าที่ทนมานานถึงได้เตะขายาวๆเข้าที่กลางตัวสาวน้อยอย่างเหลืออด
แต่เจ้าตัวไวทายาทวิ่งจู๊ดหายไปลิบ สองผู้คุมกฎสุดแสบแห่งป้อมอัศวินทดสอบฝีเท้าความเร็วมีให้เห็นทุกเช้า
และเป็นภาพเจนตาที่ทิ้งให้หัวหน้าป้อมต้องเดินส่ายหัวตามไปเพียงลำพัง
ในหัวก็ไพล่คิดไปว่าเพราะคาบหน้าเป็นคาบวิชาดาบของลาเวน
เฟรินถึงยอมโดนวิ่งไล่ไปสนามฝึกแต่โดยดี
ถ้าเป็นประวัติศาสตร์เอเดนของชามัล
แม่คุณคงได้หายตัวไปอยู่ใต้ต้นไม้หรือไม่ก็ห้องพยาบาล
สายลมยามเช้ากับการออกกำลังเรียกเหงื่อฟังดูเข้ากันดี
อากาศไม่ร้อนไป
ทุกคนยังแจ่มใส แถมยังพกพลังมาเต็มกระเป๋า
หนึ่งในไม่กี่วิชาที่เฟรินเฝ้ารอหนักหนาในรอบสัปดาห์
มันควรจะชิลอย่างเคยสิ
เจ้าลาเวนมันควรจะวางมาดอกผายไหล่ผึ่งเดินอาดๆไปมาสอนฟันฟ้าฟันลมสี่ห้าที
ตบท้ายด้วยผ่าฟืนสักสองสามกระบอก อย่างเก่งก็ให้ยืนหลับสวดภาวนาไปหาตาแก่เรมัคให้ท่านสอนดาบแห่งจิต
แล้วก็จบคาบ
แต่นี่มันเกิดคึกอะไร?
“วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่นักเรียนป้อมอัศวินชั้นปีที่ห้าจะใช้วิชาความรู้ทั้งหมดประดาบกัน”
ทันทีที่ราชองครักษ์แห่งบารามอสกล่าวจบเสียงฮือฮาก็ดังไปลั่นทั้งสนาม
สำทับด้วยเสียงผิวปากหวือจากครี้ดและซอร์โร ผู้นิยมในของมีคม ส่วนซีบิล แองเจลีน่า
สายเซียนเวทย์มนตร์คาถาก็หน้าเจื่อนไปตามระเบียบ แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าของดาบในตำนานผ่าปฐพีอย่างเฟริน
เดอเบอโรว์ จะเป็นฝ่ายอยู่ในก๊กพวกหน้าซีดในคาบวิชาดาบที่แสนโปรดปราน
จะไม่ให้ซีดยังไงไหว
พักนี้เจ้าผ่าปฐพีของเขามันปกติดีซะที่ไหน
เกิดมันผลุบๆโผล่ๆออกมาจากดาบมีหวังพวกเพื่อนเธอวิ่งเผ่นป่าราบฐานเห็นฝาแฝดพลัดพรากมานานกว่าเกือบยี่สิบปี
ซวยสนิท!
“เป็นไปได้ฉันอยากประมือกับนาย
เฟริน”
พอเห็นว่าลาเวนเริ่มพล่ามอะไรไร้สาระ
แล้วเรียกนักเรียนไปสู้กันเป็นคู่ๆ
เจ้าคนชอบหาเหาใส่หัวอันดับสองรองจากหัวหน้าป้อม
ท่านเสนาธิการฝ่ายซ้ายเอี้ยวตัวมากระซิบคำท้ากับคนข้างๆทันที เฟรินถอนหายใจพรืด
บอกมันกี่ครั้งแล้วไม่เคยจำ ว่ายังไงหัวขโมยไม่ควรไปสู้รบตบมือกับขอทาน มันคนละสายกันเห็นๆ
“คนอย่างแกไม่ต้องมาเสือกขยันประดาบกับฉันเลย
เป็นทริสทอร์ผู้รอบรู้น่ะดีอยู่แล้ว อยู่เฉยๆ ใช้สมองนิดหน่อย รับรองได้เลยโร
เอเดนจากเหนือสุดซาเรสไปจบใต้สุดสกอร์ปิโอได้เล็กลงกระจิ๋วหริววางอยู่บนมือแกแหงๆ”
คนถูกยกยอว่าจะคุมทุกแผ่นดินในใต้หล้าไหวตัวนิด
หัวเราะหึๆพยักหน้ารับแล้วเปรยไปเรื่อย
“คนเก่งน่ะนะเฟริน
ก็ต้องชำนาญทุกรูปแบบ เวทย์ดี ดาบเป็นเลิศ บู๊ได้ บุ๋นรอด
ปรับประยุกต์ใช้ไปตามสถานการณ์ อาจไม่ใช่แค่เอเดน แม้แต่เดมอสก็คงอยู่ใต้อาณัติ”
คำหยอกแรงๆของโร
เซวาเรสเล่นเอาคนฟังขนลุกซู่ อยากตบหัวมันสักโครมเป็นกำนัล มีหวังพ่อปิศาจเธอรู้เข้า
ได้ตัดหัวอดีตราชบุตรเขยที่แต่งตั้งเองกับมือเสียบประจานไว้กลางกรุงทริสทอร์โทษฐานอุตริคิดครองเดมอส
สงสัยนักว่ามันไปติดปากเสียๆแบบนี้มาจากใคร เธอหรือก็ไม่น่าจะใช่
ปากก็พล่ามเรื่องนายเรื่องทาสซะจนน่าขย้อนของเก่า
แต่ใครโชคร้ายได้นายโร เซวาเรสไปเป็นทาส
เจ้านายคนนั้นเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดต้องระแวงตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่มันจะแทงข้างหลัง
แม้แต่ตอนสงครามศักดิ์สิทธิ์สามปีก่อน หมอนี่ยังกล้าเป็นสายให้เอเดนใต้จมูกเอวิเดส
ก็ถึงบอกว่าไอ้หมอนี่ยังไงก็ทริสทอร์กำมะลอ
“แกอย่าหาเรื่องให้มันมากนัก
แค่นี้ฉันก็กลัวจะแย่ ถึงแกจะชนะดาบฉัน
นอกรั้วเอดินเบิร์กก็มีเสือสิงห์กระทิงแรดรอขย้ำแกอยู่ทั้งนั้น โน่นเลย
ฝ่ายบู๊สายดำดั้งสอง คิงกาเบรียลและว่าที่คิงใจสิงห์คนใหม่ อาเธอร์ เลโอนาท
บริสตั้น แต่แกอย่าไปทำดาบเขาหักเชียว ขอทานทั้งชาติก็ใช้คืนไม่หมด” ฟังถึงตรงนี้โรถึงกับขำพรืดออกมาเบาๆ
พอจำได้รางๆว่าเฟรินเคยเล่าให้ฟังถึงคอลเล็คชั่นสุดหวงของอดีตหัวหน้าปราสาทขุนนาง
ดาบในตำนานเป็นกระบุง อาจจะหนีภาษีไม่ต่ำกว่าสามเล่ม
ข่าวชั้นยอด ถ้าเอาไปขายให้กับทางเจมิไนนี่จะได้สักกี่คราวน์?
“ส่วนแอเรียส นครของคิงจ้าวมนตรา”
โรหันหน้าไปมองคนพูดที่เริ่มทำหน้าขยาด บ่งชัดว่ามันคนละรุ่น “แกอย่าไปแหยม
คนนี้นี่ตัวพ่อ มีกี่ชีวิตก็ใช้ไม่หมด ไล่มาเจมิไน รายนี้เล่นยาก
ยิ่งใกล้ผลัดบัลลังก์ โรเวนยิ่งเล่นหนัก”
เฟรินจิ๊ปากแล้วส่ายหน้าไปมา นึกถึงอดีตรุ่นพี่แห่งป้อมอัศวินผู้เก่งกาจแล้วนึกสงสารแคว้นข้างเคียงยิ่งนัก
นี่ถ้าไม่มั่นคงแข็งแกร่งดุจพระเจ้าช้างแอเรียส
คงได้ขึ้นทะเบียนทำสนธิสัญญากับเจมิไนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แล้วที่ได้ยินมาประดับหัวให้หายโง่จากคาบของคิงชามัล
แคว้นเหล่านี้มักเสียเปรียบมากกว่าจะได้ผลประโยชน์ แต่ก็น่าแปลกที่ไม่มีใครถอนสัญญาสักคน
ข่าวสงครามแถบนั้นก็เงียบกริบ
“แล้วคาโนวาล?”
ชื่อเมืองที่เธอไม่ประสงค์จะพูดถึงก็โดนดีดขึ้นมาจนได้ เฟรินขึงตา
แยกเขี้ยววับก่อนจะเหลือบตามองเจ้าชายของเมืองที่ยืนกอดอกอยู่ไกลออกไป
หันกลับมาหาเจ้าขอทานวอนตายแล้วกระซิบเบากว่าเดิม
“ต่อให้มีสิบเฟริน เดอเบอโรว์เป็นผู้ฝึกดาบให้นาย
ก็อย่าหวังว่าแกจะชนะคิงหน้าบากนั่น” เจ้าตัวดีเริ่มยิ้มเผล่ ยักคิ้วหลิ่วตาแล้วว่าไปอีกเมืองหนึ่ง
“แต่ถ้าหากนายคิดจะชิงบัลลังก์เวนอล อันนี้พอรับไหว”
“ต่อไปเป็นคู่สุดท้าย....”
ไม่ทันที่ท่านเสนาธิการฝ่ายซ้ายจะพูดอะไรต่อนอกจากเบิกตากว้างเป็นฝ่ายสำลักเสียเอง
ลาเวนราชองครักษ์ก็ประกาศเสียงดังบ่งเวลาที่เหลือน้อยใกล้หมดคาบ
สายตาของยอดนักรบบารามอสทอดมองมาที่เธอกับเจ้าขอทานอย่างร้อนๆหนาวๆ
ก่อนที่พี่แกจะยิ้มออกมาแล้วกล่าวเชิญเสียงดังฟังชัด
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล
เดอะปรินเซส ออฟ บารามอส ขอทรงพระกรุณาให้เกียรติประดาบกับกระหม่อม”
ไอ้บ้าลาเว(ร)!!!
บางทีไอ้หมอนี่ควรถูกส่งไปอารักขาพระเจ้าตาไฮคิงของเธอที่โลกโน้น!
ส่วนไอ้พวกที่ผิวปากวี้ดวิ้วสมควรถูกส่งตามไปด้วย!
แต่หัวนำขบวนทัวร์นรกคงจะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากขอทานสมองใสจากทริสทอร์!
ร่างบอบบางของสาวน้อยถูกเจ้าขอทานที่ว่าผลักออกมาหน้าแถวพร้อมๆกับเพื่อนร่วมชั้นที่ดูจะสามัคคีเป็นใจหยุดทุกการทำกิจกรรมแล้วตีแถววงโค้งให้เห็นสนามประดาบขนาดย่อมระหว่างลาเวน
ชมัคเกอร์ เดอะเกรท วอริเออร์ ออฟ บารามอส และ เฟลิโอน่า เกรเดเวล
เจ้าหญิงแห่งแดนปิศาจ คนเป็นเจ้าหญิงถึงกับเสยหัวขึ้นอย่างเครียดๆ
มองหน้าคู่ต่อสู้เบื้องหน้าแล้วสบถในใจว่าต้องไล่มันออกจากวัง!
เป็นยอดนักรบมันต้องปกป้องราชนิกูล
แต่เรียกราชนิกูลมาซัดกันต่อหน้าชาวประชาแบบนี้มันมีที่ไหน!
“แม้มันจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่
แต่ถ้าหากฉันชนะท่านได้ ก็คงต้องเปลี่ยนฉายา ไม่ใช่เดอะทีฟหรือเดอะปรินเซส
แต่เป็นเดอะเกรทเตสท์ วอริเออร์”
คำเย้ายั่วโทสะอย่างที่เจ้าตัวถนัดพร้อมตั้งฉายาใหม่ให้ตัวเองเสร็จสรรพ
ทำให้คู่ต่อสู้ไม่เว้นแม้แต่คนดูพร้อมใจกันขำพรืด
ลาเวนราชองครักษ์ส่ายหน้ายิ้มๆแล้วค้อมหัวเล็กน้อย
ทูลสถานะที่แท้จริงของเด็กสาวตรงหน้า
“หามิได้หรอกฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรพระองค์ก็คือเจ้าหญิง”
อย่าปฏิเสธสายเลือดของตัวเอง
แล้วอำนาจจะเป็นของเธอ เฟลิโอน่า เกรเดเวล
เสียงสะท้อนของดาบคู่ใจก้องเวียนอยู่ในหัว
ฉับพลันรอบกายก็พาลเงียบสนิท มีเพียงเสียงสายลมรำเพยหวีดหวิวพัดเอาฝุ่นทรายและก้อนกรวดเล็กๆกลิ้งเลียดพื้น
เส้นผมสีน้ำตาลยาวพัดไหว เฟรินสูดลมหายใจลึก
อุณหภูมิในกายเย็นลงอย่างช้าๆในขณะที่อัตราไหลเวียนยิ่งเพิ่มขึ้น
หัวใจเต้นระทึกปานกองศึก ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตบัดนี้ว่างเปล่าไม่ส่องประกายความอบอุ่นอย่างที่เจ้าตัวเคยเป็น
“ผ่าปฐพี...”
เสียงเพรียกเรียกหาดังกังวาน พร้อมดาบทรงเกียรติที่ปรากฎในมือน้อย
เฟรินเหยียดกายตรง นิ่งงันหากแต่สง่างามยิ่ง
เจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของสองแผ่นดินด้วยอุปนิสัยร่าเริงสว่างไสวดั่งตะวัน
หากแต่บัดนี้เยือกเย็นจนน่าขนลุกดั่งคืนไร้แสงจันทร์จนคนมองแทบลืมหายใจ
ดวงตาสีม่วงของนักฆ่าแห่งซาเรสพราวระริก
ก้อนเนื้อในอกเต้นเป็นจังหวะถี่ทว่าหนักหน่วง
เหงื่อชื้นฝ่ามือดังเช่นขอทานแห่งทริสทอร์
เลือดในกายแห่งพันธะสัญญาแม้มีเพียงเสี้ยวแต่ก็ถูกปลุกปั่นด้วยฤทธิ์ของกลิ่นอายธิดาจ้าวปิศาจจนไม่อาจนั่งเฉย
ในขณะที่คนอื่นน้ำลายเริ่มเฝื่อนคอ ดวงตาจับต้องสองผู้ถืออาวุธไม่กระพริบ
จนกระทั่งมีสัญญาณเริ่มการประลอง
“รับมือ ฝ่าบาท!”
ร่างทั้งสองร่างเข้าปะทะกันอย่างไร้ความกลัวเกรง
ดาบสองเล่มวาดเป็นวงอย่างงดงามไร้ความปรานี นับเป็นการปะทะกันของดาบคู่แรกที่รวดเร็วและทรงพลังที่สุดในวันนี้
เคร้ง!!
เสียงเสียดสีดังแสบแก้วหู
เด็กสาวฟังแล้วคลับคล้ายเสียงคร่ำครวญ
เฟรินกัดริมฝีปากเมื่อแรงปะทะที่มือข้างขวารับหนักขึ้นเรื่อยๆจนชาดิก
ในขณะที่ยอดบุรุษลาเวนถึงกับหลั่งเหงื่อเม็ดเป้ง
ตาที่ดีเป็นอาวุธนักรบกลับเริ่มพร่าเพราะต้องรับมือกับความพลิ้วไหวทว่าเฉียบขาดดุดันของดาบเลื่องชื่อ
นั่นเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนเท่านั้นที่รับรู้
เพราะคมดาบที่มองจากภายนอกนั้นฉวัดเฉวียน
ยากที่จะนับได้ว่าทั้งคู่ได้ผลัดกันรุกรับไปกี่เพลงดาบแล้ว
“ฝีมือของฝ่าบาทก้าวหน้าไปเยอะ”
ยอดนักรบเอ่ยชม ก่อนที่จะสอดแทงดาบเข้าสีข้าง
เคร้ง!!!
เด็กสาวยกผ่าปฐพีขั้นมากันไว้ได้ทันท่วงที
คมดาบของคู่ต่อสู้ที่อยู่ห่างจากผิวเนื้อไม่กี่มิลยิ่งทำให้ประสาทพร่าสั่น
มิใช่ร้อนรนตกใจ หากแต่เป็นตื่นเต้นยินดีจนเธอแทบจะบ้า!
ข้อมือเล็กบิดสะบัดงัดอาวุธของอีกฝ่ายให้กระเด็นถอย เสียงรองเท้าไถลเสียดสีกับพื้นดังครืดบ่งบอกการจบยกย่อมๆ
ดวงตาของธิดาแห่งความมืดไม่ละไปจากบุรุษเบื้องหน้า
ดวงตาที่ส่อประกายบางอย่างที่ทำให้ลาเวนถึงกับชะงัก
ขนในกายพร้อมใจกันลุกซู่อย่างไม่อาจห้ามได้
เขาชินชากับสายตาแบบนั้นมาทั้งชีวิตนักรบ
สายตาที่แยกแปลกไปจากคนธรรมดา
...เพราะมันเป็นของนักสู้ที่กระหายในชัยชนะ
ริมฝีปากของเด็กสาวบิดยิ้ม พร้อมประกาศศึก
“ท่านอาจจะต้องเสียใจที่มาสู้กับฉัน
ลาเวน ชมัคเกอร์”
“มันเอาจริง”
เสียงของคิลพร่าสั่น ร่างกายไหวสะท้าน ริมฝีปากเม้มแน่นแล้วขยับเข้าไปหาคนใกล้ตัวที่ยืนจดจ้องกับการต่อสู้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“เฟรินมันเป็นแบบนี้หาดูไม่ได้ง่ายๆ บอกเอาไว้ก่อนนะว่าต่อให้เป็นคำสั่งของหัวหน้าป้อม
ฉันก็ไม่มีวันเข้าไปห้าม มีหวังโดนมันเขกกะโหลกฐานทำลายความสุข”
“เดี๋ยวมันก็ได้แผล” คาโลเอ่ยแย้ง
ดวงตาสีฟ้าคู่สวยเย็นเยียบเมื่อหันมาสบกับเพื่อน แต่ทันใดก็มีเสียงดังขึ้นข้างหลัง
เสียงของคนที่รู้ไปหมดทุกอย่างแม้แต่ความคิดของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
“นายไม่ปล่อยให้หมอนั่นเป็นอันตรายหรอก
ปรินซ์คาโล” ผู้รู้เอ่ยยิ้มๆ
เจ้าคนที่ยามนี้ยังมีแก่ใจถือชาถ้วยโปรดจนคาโลนึกอยากส่งมันไปรองคมดาบเจ้าหญิงเลือดเดือด
“เจ้าชายแห่งเมืองนักรบย่อมทราบดีว่าการเข้าไปสอดการประลองของผู้อื่นนั้นเสียมารยาท
เพียงแต่หากว่าจะเข้าไปห้ามเพราะเห็นว่าการประลองแปรเปลี่ยนไปเป็นการต่อสู้เอาเลือดเนื้อมันก็อีกเรื่องหนึ่ง”
เชียะ!
ไม่ทันขาดคำเสนาธิการฝ่ายซ้ายแห่งป้อม
ต้นแขนกำยำของยอดนักรบแห่งบารามอสผู้ไม่เคยได้แผลมานานกลายเป็นรอยขีดยาว
หยาดเลือดเล็กๆซึมออกมาจากปากแผลจนผู้ชมรายล้อมเบิกตากว้างอย่างใจหาย
เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่มีผู้ได้แผลแรกจากน้ำมือของธิดาปิศาจที่ไม่ได้ทำอะไรนอกเสียจากยืนกุมดาบอยู่เฉยๆ
แต่หารู้ไม่ว่าคนได้แผลนั้นใจหายกว่าใครเป็นร้อยเท่า
เพราะเบี่ยงตัวหลบ
ถึงได้แผลมาแค่นี้ แต่ถ้าหลบไม่ทัน....
ลาเวนกัดริมฝีปากแน่น นี่ถ้าเขาไม่ใช่ผู้สำเร็จวิชานั้นเหมือนกัน
ถ้าเขาไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจอยู่กับมันมายี่สิบกว่าปี
แล้วถ้าวันนี้เขาเกิดไม่มีสมาธิมากพอที่จะมองเห็นวิถีดาบนั้น...
วิถีดาบแห่งจิต
เด็กสาวตรงหน้าส่งมันมาหาเขาอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด อาจไม่ใช่เพียงเพราะชัยชนะ
แต่คงหมายชีวิต!
องค์หญิง!!
“บอกแล้วไม่ใช่หรือลาเวน
ว่าท่านจะต้องเสียใจ!”
เสียงคำรามดังออกจากปากคนที่ไม่เคยคิดร้ายต่อใครเล่นเอาหัวใจผู้ได้ยินกระตุกวูบ
ดวงตาสีน้ำตาลเรืองรองกระหายในอำนาจแห่งชัยชนะที่หอมหวาน
ลมประหลาดพัดกรรโชกแรงหอบเจือกลิ่นอายหวลไห้ดังอื้ออึงราวต้องอาเพศ ทันทีที่ร่างบางพุ่งตัวด้วยความรวดเร็ว
เสียงดาบผ่าปฐพีที่เสียดสีกับอากาศเป็นดั่งเสียงตะโกนก้องในใจของเด็กสาวซ้ำไปซ้ำมา
ในหัวพาลมืดสนิทดั่งใครเอาสีดำมาสาดแต่กลับเขียนคำๆหนึ่งด้วยสีขาวให้มันผุดชัดเจน
ชัยชนะ!
เคร้งงงงง!!!
เปรี๊ยะ!
เงียบสงัด...
มีเพียงเสียงหอบหายใจถี่กระชั้น
กับเสียงของหัวใจที่เต้นกระหน่ำ
ดวงตาสีน้ำตาลโตเบิกกว้างเมื่อสติสัมปะชัญญะถูกปลุกโครมแล้วเห็นภาพเบื้องหน้าเต็มสองตา
ดาบปฐพีที่ทรงฤทธิ์ถูกหยุดอย่างหมิ่นเหม่ก่อนจะถึงคอของยอดองครักษ์ด้วยดาบสองเล่มจากครี้ด
ธันเดอร์และซอร์โร วันวิล สองบุรุษผู้ขวางวิถีแห่งดาบได้ทันท่วงทีพรูลมหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะยิ้มเจื่อนๆให้เธอ
เฟรินก้มมองที่มือของตัวเอง
ตอนแรกที่เธอนึกว่ามันชาจนไม่รู้สึกอะไรเป็นเพราะแรงปะทะของลาเวน
แต่มันไม่ใช่...เกล็ดหิมะสีขาวจับเกาะมือที่กุมดาบหนาวยะเยือก
ไม่เพียงแม้แต่เพียงผิวกาย แต่ด้านชาไปจนถึงกระดูกด้วยฤทธิ์ไอมนตร์ของใครบางคน
ใครบางคนที่เธอมั่นใจว่ามันต้องตามมาปกป้องเธอ
ไม่ว่าจะอยู่ไกลสักเท่าไหร่
คราวนี้ก็คงเหมือนกัน...คนๆนี้ได้ปกป้องไม่ให้เธอดำดิ่งสู่ความมืดมิดที่น่ากลัวนั่น
“ขอโทษที
ฉันหาเรื่องยุ่งให้พวกนายอีกจนได้” เจ้าตัวยังคงฝืนยิ้มจนคาโลถอนหายใจ
มือของแม่ตัวยุ่งยังสั่นระริกเมื่อเอาดาบลงจากช่วงไหล่ของยอดนักรบแห่งบารามอส
ดาบที่มันไม่ควรจะตัดขาดไปแค่ปกเสื้อหากพวกเขาทั้งสามคนไม่เข้ามาขวางแล้วเบี่ยงวิถีดาบเพชฌฆาตไปได้ทันหวุดหวิด
เธอเกือบฆ่าเขา
เธอเกือบสังหารสุดยอดนักรบที่บารามอสภาคภูมิใจในเพียงเสี้ยววินาที...ไม่มีใครรู้ตัว...แม้แต่ตัวเธอเอง
นี่น่ะเหรอ อำนาจที่แกบอกฉัน
ผ่าปฐพี!
“ฉันหวิดได้เป็นเดอะเกรทเตสต์
วอริเออร์ ท่านไม่เป็นอะไรนะ ลาเวน” เสียงของเด็กสาวแห้งแล้งอย่างเห็นได้ชัดแม้มันจะติดตลก
แววตาฉาบไปด้วยแววกังวลทำให้คู่ต่อสู้เก็บดาบเข้าฝักแล้วโค้งคำนับอย่างสง่างาม
“ทูลฝ่าบาท
หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเลยกระหม่อม ขอประทานอภัยที่แสดงความอ่อนแอให้เห็น”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน
ขอโทษที่จัดการตัวเองไม่ดี แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าเอาไปฟ้องท่านตาชามัล
ขืนท่านรู้ว่าฉันทำยอดองครักษ์แห่งราชสกุลฟาโรเวลเลือดตกยางออก
ฉันคงถูกขังนั่งพับเพียบในหอคอยบารามอสไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน”
สีหน้าแขยงจนน่าถีบสักโครมสมกับเป็นเฟรินคนเก่า
ลาเวนหัวเราะร่วนแล้วโค้งรับคำ
เพื่อนพ้องที่พากันใจหายใจคว่ำถึงได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ความเบาใจเป็นของเพื่อน
แต่ความเครียดเป็นของเธอ ความสับสนวุ่นวายใจยังเล่นงานธิดาแห่งความมืดอย่างสาหัส
เธอปรือเปลือกตาลงก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางพร้อมคำพูดสั้นๆที่ตอบคำถามจากสายตาของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
“ไปห้องน้ำ...”
บ้า! บ้า!
บ้ากันไปใหญ่แล้ว!!
นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แล้วเอามาเล่นได้ไงวะ!
ไอ้ดาบบ้า!!
ซ่า!!!
เฟรินวักน้ำเต็มสองฝ่ามือแล้วสาดเข้าหน้าตัวเองอย่างเครียดจัด
ฟันระเบียบขบกันดังกรอดพร้อมลูบหน้าตัวเองหวังให้หยาดน้ำปลุกเธอให้ตื่นเต็มตา
เงาที่สะท้อนในกระจกเบื้องหน้าจ้องเธอกลับมาทำให้คิดถึงใครในฝันเมื่อคืน
แต่เหตุการณ์เมื่อกี้มันไม่ใช่ฝัน มันคือความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ตอบคำถามข้อสุดท้ายใจใจจนแจ่มชัดว่าจิตของผ่าปฐพีต้องการอะไรกันแน่
เธอกำหมัดแน่นทุบลงกับเคาท์เตอร์ซิงค์น้ำ
ดวงตาวาวโรจน์จ้องตอบไปในกระจกอย่างแน่วแน่
หวังให้สิ่งที่เธอสัญญากับใจตัวเองนี้ส่งไปถึงตัวตนอีกคนที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในดาบ
จะเฟริน เดอเบอโรว์ หรือเฟลิโอน่า
เกรเดเวล ก็มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น
เห็นทีฉันกับแกคงต้องมาสู้ตัวต่อตัวกันสักตั้ง
แล้วแกจะได้รู้ว่าจะมาหลอกต้มหัวขโมยน่ะ
มันยังเร็วไปร้อยปี!!
ห้าวันต่อมา
กุบ กุบ กุบ
เสียงฝีเท้าม้าสีดำตัวกำยำพ่วงพีเทียมเกวียนงดงามสีเดียวกัน
นำมาเป็นขบวนสั้นๆก่อนจะเคลื่อนมาหยุดที่สภาสูงหน้าป้อมอัศวินท่ามกลางการต้อนรับของนักเรียนทั้งป้อมมายืนต่อแถวครบตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีเจ็ดไม่ขาด
แต่อาจจะเกิน
เพราะคนต่างป้อมต่างปราการให้ความสนใจกับขบวนเสด็จนี้มากนักเลยอาจแฝงตัวเข้ามารับเสด็จด้วยไม่น้อย
ความจริงการมาของอาคันตุกะคนสำคัญครั้งนี้ถือเป็นความลับวงใน
แต่สารถีคนขับเกวียนกลับเข้าประตูโรงเรียนไม่ถูก
ผ่าไปเข้าเสียหน้าประตูใหญ่เอดินเบิร์กแล้ววิ่งฉิวอวดสายตาประชาชี
ธงสีดำลายพระจันทร์แดงที่ปักเป็นเกียรติยศเหนือเกวียนนั่น
ดูปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่มาเยี่ยมโรงเรียนพระราชาในวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้
พ่อนะพ่อ ชอบทำตัวเด่นอยู่เรื่อย
ก็ภาวนาอยู่ว่าคนป้อมปราการอื่นเขาจะไม่เข้าใจผิดว่าป้อมอัศวินชักศึกเข้าโรงเรียน
เฟรินยิ้มกริ่ม
เหลือบมองท่านหัวหน้าป้อมข้างตัวที่นับว่ามันยังใจบุญสุนทานอยู่บ้างที่ไม่อัปเปหิเธอไปรอสัตว์ทรงถึงคอกแต่เนิ่นๆ
ยังอุตส่าห์เมตตาให้เธอมารอรับเสด็จท่านพ่ออยู่หัวแถวนี่
คนแรกที่กระโดดลงจากเกวียนคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองครักษ์กวางไม่ใช่คนแคระไม่เชิง
มันยังอยู่ในชุดที่ว่าโก้นักโก้หนาเดินอกผายไหล่ผึ่งเห็นแล้วน่าขำเหมือนเดิม
ทันทีที่โกโดมเห็นเธอมันยิ้มกว้างแล้วโค้งทำความเคารพ
ก่อนจะหันไปเปิดประตูเกวียนชั้นกลาง
“ท่านจ้าวเอวิเดสเสด็จ!!!” มันประกาศซะลั่น
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญแสนๆปี
พระเจ้าข้า!!!!” เด็กป้อมเธอก็ขานรับกระหึ่มเป็นลูกคู่
ตรงตามโพยที่เตี๊ยมไว้แป๊ะทุกประการ ซึ่งตรงนี้ไอ้โกโดมมันบังคับมา เฟรินกลั้นขำ
มองบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งเดมอสลงจากเกวียนด้วยความปิติ
และตามด้วยบุรุษอีกคนที่เธอ....
ไม่รู้จัก!
ใคร...ใครเหวย?
เด็กหนุ่มหน้าตาจัดว่าหล่อบาดผิวขาวดุจหิมะ
อายุอานามของเขาคงจะมากกว่าเธอไม่กี่ปี
ร่างสูงสง่าอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำ
บนตัวไม่มีเครื่องประดับใดนอกจากสร้อยคอที่ทำจากเชือกสีแดงแล้วห้อยด้วยลูกแก้วสีใส
ผมสีแดงฉานยาวระต้นคอหากแต่ปอยที่ถูกรวบไว้ต่ำๆด้วยห่วงสีเงินวาวยาวเหยียดถึงเอว
ดวงตาสีทับทิมเฉียบคมหากแต่ว่าฉาบไปด้วยความอ่อนโยน
ความอ่อนโยนเมตตาแบบที่มองแล้วอบอุ่นไปถึงหัวใจแบบนั้นที่เฟรินมั่นใจว่าเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่นอน
บุรุษผู้ไม่ทรงอาภรณ์ราชนิกูล
แต่ทุกอิริยาบถก็บ่งชัดว่ามีสายเลือดขัตติยาเต็มเปี่ยมทำให้เธอนึกถึงคำพูดของโร
เซวาเรสขึ้นมา
“สัปดาห์หน้าจ้าวปิศาจเอวิเดสกับราชนิกูลเกรเดเวลอีกพระองค์จะเสด็จเยือนโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กตามคำเชิญของหัวหน้าป้อมอัศวิน”
ตอนนั้นเธอมัวแต่ตกใจเรื่องของท่านพ่อ
ถึงไม่นึกสงสัยถามว่าคนๆนั้นเป็นใคร
นี่หรือว่า...
เฮ้ย! ไม่จริงน่ะ
ไม่จริงหรอกมั้ง!?
“คาโล คนที่ตามพ่อฉันมานั่นใครวะ
บอกเอาไว้ก่อนว่าฉันไม่มีญาติหน้าตาดีบัดซบขนาดนั้น”
เฟรินกระซิบถามคนข้างตัวทำเอาคนถูกถามถึงกับขมวดหัวคิ้วแล้วส่ายหน้าให้คำอุทานสาวเจ้า
แล้วย้อนกลับเสียงเรียบ
“ญาตินาย นายยังไม่รู้
แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
“วะ
หัวขโมยอย่างฉันมีญาติเยอะกับเขาซะที่ไหน ดูออร่ายังไงเขาก็เจ้าชายพันธุ์แท้
ไม่มีทางมาเป็นญาติฉันแน่นอน”
“เฟลิโอน่า”
สุรเสียงที่คุ้นเคยของบิดาทำให้เธอสะดุ้งแล้วละสายตาจากคนแปลกหน้ากลับมามองเบื้องหน้าตน
บุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งเดมอสกำลังยิ้มให้
รอยยิ้มที่เฟรินเผลอใจยิ้มตอบไปอย่างห้ามไม่ได้ กับประชาชนเดมอสแล้ว
พวกเขาคงได้เห็นกันบ่อย แต่กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกปิศาจไม่ใช่มนุษย์ไม่เชิงคนนี้นานๆทีจึงจะมีสิทธิ์เห็น
“ยินดีต้อนรับ ท่านพ่อ”
ร่างบางเดินเข้าไปแล้วทิ้งตัวลงสู่อ้อมกอดของบิดาอย่างไม่อายสายตาของคนทั้งป้อม
พลันดวงใจก็อุ่นวาบ สัมผัสที่ไม่ได้รับมานานทำให้ขอบตารื้นทั้งที่ยังหลับพริ้ม
จอมราชันย์เดมอสผู้น่าหวาดกลัวในสายตาของประชาชนชาวเอเดนหัวเราะหึๆลูบเส้นผมนิ่มๆของลูกสาวให้หายคิดถึงอย่างอ่อนโยน
นับว่าเป็นภาพที่อาจเปลี่ยนทัศนคติของคนมองไปปริยาย
เพราะพวกเขาเห็น...เห็นจ้าวปิศาจที่แสดงสีหน้าได้อย่างมนุษย์เมื่อมีดวงใจของท่านอยู่ในอ้อมแขน...
“อาชารัตติกาลสี่ตัว
คงต้องฝากลูกดูแล เฟลิโอน่า” เสียงกลั้วหัวเราะเบาๆพร้อมคำฝากฝังทำให้พระธิดาผู้ผันตัวไปเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ทรงถึงกับหันไปถลึงตาใส่เจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ยังทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้
อยากรู้นักว่ามันเอาไปบอกพ่อเธอทำไม แล้วท่านพ่อก็ทรงเห็นดีเห็นงามกับมันไปด้วย
โหย นับวันเส้นคาโนวาลยิ่งใหญ่คับเดมอส
แล้วต่อไปนี้เธอจะเอาอะไรไปสู้!
“จากนครหลวงเดมอสมาถึงเอดินเบิร์กนี่ไม่ใช่ใกล้ๆเลย
ซ้ำวันนี้ฟ้าเปิด แดดร้อน ทูลเชิญฝ่าบาทประทับพักผ่อนที่ห้องรับรอง
แล้วพรุ่งนี้ถึงจะเริ่มหารือกันที่ห้องประชุมพระเจ้าค่ะ”
คำทูลของเด็กหนุ่มที่ท่านคุ้นหน้าคุ้นตาดีในคราบขอทานจากทริสทอร์เรียกรอยสรวลมุมปากได้เล็กน้อย
เฟรินเห็นแล้วอยากหัวเราะกั๊กๆ
นี่ถ้าท่านพ่อไม่เซียนวิชาหน้ากากฟาห์โรห์พอๆกับบรรดาคิงๆในเอเดน
ท่านคงจะสู้หน้าหมอนี่ไม่ไหวแน่ ก็คิดดู
อยู่ดีๆก็โดนถอนออกจากตำแหน่งราชบุตรเขยปุ๊บก็ไปหาคนใหม่มาแทนปั๊บ แต่ไม่แน่
ท่านพ่ออาจจะรู้เรื่องที่หมอนี่เป็นหนอนให้เอเดน ก็เลยถือเสียว่าเจ๊าๆกันไป
นี่อย่าให้มีใครไปเขี่ยถ่านไฟเก่าให้มันเกิดคุขึ้นมา
มีหวังมันส์พิลึก
“ข้าเหนื่อยก็จริง
แต่ก็แค่เหนื่อยกาย ร้อนก็จริงแต่ไม่ใช่ร้อนใจ เรื่องร้อนใจนี่คงจะต้องยกให้ท่าน
เจ้าชายคาโล” เจ้าชายคนฟังชะงักไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยรับอย่างสุขุม
“หากได้ฟังเรื่องนี้
ผู้ที่เป็นฝ่ายร้อนใจยิ่งกว่าหม่อมฉัน เห็นทีว่าจะเป็นฝ่าบาทเสียเอง”
“หือ?”
สุรเสียงของจ้าวปิศาจบ่งความแปลกใจ แต่คนที่เด็กกว่ายังคงนิ่งงันปานรูปสลัก
ก่อนที่จะผายมือเข้าไปในสภา
“อย่างไรก็ตาม กำหนดการคือพรุ่งนี้
แล้วหม่อมฉันจะทูลทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นสาเหตุให้หม่อมฉันทูลเชิญฝ่าบาทมาถึงที่นี่”
ทันทีที่ขบวนเสด็จจากเดมอสเข้าไปข้างใน
เจ้าตัวดีที่ยืนฟังพ่อเธอกับท่านหัวหน้าป้อมส่งสายตาอมภูมิกันนั่นมันน่าขัดหูขัดตา
ไอ้โกโดมนั่นมันก็น่านัก นี่คงโดนท่านพ่อหาอะไรหุบปากไว้ถึงไม่ยอมพูดซักประโยคทั้งที่ปกติมันจ้อเป็นต่อยหอย
เธออุตส่าห์ส่งซิกให้มันไปแล้วตาแทบเข
แต่มันยังบังอาจส่งสายตาเอ๋อแป๋วแหววกลับมาอีก
แต่ยืนอยู่ตรงนี้มันจะได้เรื่องอะไรมั้ย
สิ้นความคิดสุดฉลาดไม่เจียมหน้าที่
คนดูแลสัตว์ทรงถึงตัดสินใจก้าวเท้าดุ่มๆหมายเข้าสภา แต่ไม่ทันพ้นธรณีประตูก็มีมือดีคว้าคอเสื้อเธอจนเกือบหงายหลัง
“ไอ้คิล!”
เด็กสาวโวยลั่น แต่คนขวางยังยิ้มเผล่กวนประสาท
“แกไม่ต้องไปรู้ไปเห็นข้างในเลยเฟริน
กลับถิ่นแกไป๊” ปากมันบุ้ยไปทางคอกสัตว์จนสาวน้อยเส้นขาดผึง เจ้าหล่อนสบถพรืดแล้วชี้เปรี้ยงไปที่คนมาดมากที่เพิ่งเดินเข้าไปในสภาโน่น!
“ฉันอยากฆ่าหมอนั่น!!”
เด็กสาวคำราม ส่วนเพื่อนที่ตามอารมณ์ไม่ทันทำได้แต่ขมวดคิ้ว
“ใคร?”
“จะใคร!”
เธอยิ้มเหยียด “ถ้าไม่ใช่เจ้าชายปากหนักจากคาโนวาล!”
คำตอบทำให้คิลถึงกับยิ้มขำ ส่งคำถามให้สาวน้อยฟิวส์ขาดเข้าไปอีก
“มันทำอะไรผิดล่ะ?”
“แกก็ดูมันดิ! ดูมันทำตัว!
น่าหมั่นไส้ฉิบ จนมาถึงป่านนี้แล้วยังเสือกอมพะนำอะไรเอาไว้อยู่ได้
นู่นก็ไม่เล่า นี่ก็ไม่บอก มันเห็นฉันเป็นคนอื่นหรือไงวะ! ถึงได้...!” พลันเสียงก็กลืนหายไปในลำคอ
ยกมือปิดปากแทบไม่ทันเมื่อรู้ว่าไอ้อารมณ์เหวี่ยงเจ้ากรรมเกือบพาปากเธอซวย
แต่เหมือนมันจะไม่ทัน เจ้าผู้คุมกฎสองหน่อที่ฟังเธอพล่ามเบิกตากว้าง คนหนึ่งส่อแววอึ้งๆ
ส่วนอีกคนประกายเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด
“เออๆ ไม่ผิด แกไม่ใช่คนอื่นหรอก”
คิลขำก๊ากจนตัวงอ ยิ่งเห็นหน้าม้านๆแดงๆของไอ้ตัวแสบแล้วยิ่งหยุดไม่อยู่
“ใครจะไปรู้วะว่าเดี๋ยวนี้แกพัฒนาแล้ว คิดเล็กคิดน้อยเป็นผู้ยิ้งผู้หญิง”
“ฮ่าๆ จริงว่ะคิล
แต่นายไม่ต้องห่วงนะเจ้าหญิง” นักรบตาเดียวจากไนล์รับช่วงต่อ
ตบไปที่ไหล่เล็กๆที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธหรืออายไม่แน่ใจ
“เดี๋ยวฉันจะไปทูลเจ้าชายให้ว่าพระคู่หมั้นมันกำลังงอน ให้มาง้อโดยด่วน ฮ่าๆๆ
รับรองเทรนด์ให้อย่างดี ดียิ่งกว่าคราวแล้วแน่นอน ฮ่าๆๆ”
“ไอ้คิล! ไอ้ครี้ด!!”
โครม!!!
เท่านั้นพระคู่หมั้นกำลังงอนวิ่งกระโดดชาร์จขาคู่ไอ้เพื่อนร่วมตำแหน่งปากมอมจนกระเด็นเรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นน้อง
เหมือนเป็นจำอวดย่อมๆเวลาบ่าย นี่ใครจะไปรู้ว่านั่นน่ะ เจ้าหญิง นักฆ่า แล้วก็นักรบผู้ทรงเกียรติ
นามสกุลแต่ละคนฟังแล้วใช่ลูกตาสีตาสาที่ไหน
เฮ้อ...นี่ถ้าพวกเขาต้องรับตำแหน่งต่อจากรุ่นพี่
ต้องมากระโดดถีบกันทุกเช้าทุกบ่ายรึเปล่าเนี่ย
หน้าที่ของเธอคืออะไรนะ?
อ๋อ คนดูแลสัตว์ทรง
มอบให้เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวลรับผิดชอบ งั้นเวลานี้ก็ควรจะให้หญ้าให้น้ำท่านอาชารัตติกาลทั้งสี่อยู่ที่คอกสัตว์ท้ายป้อมสิ
แต่เสียใจที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เฟลิโอน่าเฟ้ย
คิดจะปิดเรื่องกับยอดหัวขโมยมันก็เหมือนซ่อนหลักฐานไม่พ้นมือตำรวจนั่นแหล่ะ
มันเป็นไปไม่ได้!
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนชายเอดินเบิร์กเก่ากึกฝุ่นเกาะ
หนูแทะเพราะไม่ได้ใส่มานานยืนตัวลีบอยู่ข้างเสาในสภา
ส่วนที่กลับมาอยู่ในร่างผู้ชายแบบนี้ได้ต้องบอกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์เพราะสายตาดีๆของเธอดันเหลือบไปเห็นเจ้าแหวนสีทองกลมเกลี้ยงในกระเป๋าเสื้อท่านพ่อ
ตอนกอดกันกลมเลยซิวมาซะ บางทีท่านอาจจะรู้ว่าเธอกำลังจะเฉาตายในร่างแม่สาวน้อย
เลยเอาติดตัวมาด้วย
“ป่านนี้พ่อกับคาโลคงจะอยู่ในห้องพัก
ไม่รู้คุยอะไรกันไปถึงไหน”
“เธอมาทำอะไรที่นี่ เฟลิโอน่า”
เสียงทุ้มไม่คุ้นหูเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง ทำให้ผู้บุกรุกสะดุ้งเฮือกแล้วหันขวับ
นึกก่นด่นตัวเองในใจว่าตอนนี้เธอเป็นหัวขโมยอยู่จะเสือกหันไปทำไม แต่ภาพของบุคคลที่เห็นนี้มันก็พอคุ้มค่าที่หันมามอง
เจ้าหนุ่มผมแดงตาแดงหล่อเฉียบที่เธอสงสัยนักหนาว่ามันเป็นใคร
“นาย...” คนใจกล้าเริ่มติดอ่าง
ปากอ้าพะงาบ “เอ่อ...ไม่ใช่สิ...เอ่อ ท่านทำไมมาคนเดียวล่ะกระหม่อม
แล้วเจ้าโรหายไปไหน”
“หือ?”
คนฟังยิ้มขำ แม้แต่เวลาขมวดคิ้วยังชวนมอง
“ใจเธออยากให้มีคนอื่นมาพบว่าเธอบุกรุกสถานที่รับรองของราชอาคันตุกะขนาดนั้น?
โทษหนักอยู่นา...” น้ำเสียงของชายหนุ่มกลั้วหัวเราะเล็กน้อย
เป็นคำล้อเล่นที่ไม่มีกระแสจริงจังสักนิดทำให้เฟรินรู้สึกโล่งอก
ว่ายังไงหมอนี่ก็น่าจะคุยกับเธอรู้เรื่อง
“แล้วก็ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับฉัน
เรามันคนยศเดียวกัน ถ้าฉันไม่โดนนรกกินหัว ก็เป็นเธอที่จะเสื่อมเสียเกียรติ”
“งะ งั้น นายก็คือ...”
หัวใจของเธอเต้นระรัว เมื่อบุรุษเบื้องหน้าพยักหน้าเนิบๆแล้วประกาศชัดเจน
“เฟเลียต เกรเดเวล เดอะปรินซ์ ออฟ เดมอส
ยินดีที่ได้รู้จัก น้องหญิงเฟลิโอน่า”
หา!!!???
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อญาติโผล่
แต่คราวนี้โตยิ่งกว่าคราวไหนก็ในเมื่อยัยเจ้าหญิงเฟลิโอน่าเป็นที่รู้จักของชาวโลกมาได้สี่ปีกว่าแล้ว
แต่คนตรงหน้านี่สิที่ไม่เคยโผล่มาให้เห็นสักครั้ง
อยากจะเถียงออกไปอยู่หรอกว่าอย่ามาโม้ แต่พอสบกับดวงตาสีแดงนั้นเข้าจังๆที่ติดอยู่ปลายสมองมานานว่าเธอเคยเห็นที่ไหน
เฟรินก็นึกออกทันควัน เก็บคำค้านลงคอ
ยอมรับอย่างไร้ข้อกังขาว่าเขาคือลูกพี่ลูกน้องของเธอตัวจริงเสียงจริง
ก็ตาแบบนั้น ไม่มีใครเหมือนได้
ดวงตาที่อบอุ่นใจดีอยู่เสมอแบบท่านอาเกรเซอร์...
“ง่า งั้นพี่ก็เป็นลูกชายของท่านอาเกรเซอร์”
เสียงของเฟรินแห้งแล้ง เข่าทรุดจนต้องหาที่นั่ง
ในขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะแล้วยกมืออุ่นมาโคลงหัวเธอเบาๆ
ดีหน่อยที่โคลงเหมือนคนปกติไม่ใช่จับตรงไหนเคลื่อนตรงนั้นเหมือนเบริต้า
“ถ้ามันทำใจรับยาก
ก็อย่าเพิ่งเชื่อก็ได้ เฟลิโอน่า ตอนที่พี่เห็นรูปเธอครั้งแรกจากท่านลุงเอวิเดส
ใจพี่ก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะมีน้องสาวลูกครึ่งมนุษย์ ซ้ำยังพลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ในเอเดนตั้งหลายปี
แต่ท่านลุงเคยสอนไม่ใช่หรือ ว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจตน รับได้แค่ไหนก็รับไว้
รับไม่ได้ก็ลุยกันไป”
“แล้วพี่รับผมได้” เฟรินถามต่อ
“รับน้องครึ่งมนุษย์อย่างผมได้แน่นะ”
ชายหนุ่มที่ยืนฟังอยู่นิ่งไปสักพัก
เขาระบายยิ้มอ่อนโยน ตอบเด็กสาวเบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“ได้สิ
มีน้องเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆน่ารักแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
จะได้ไม่ทำกระดูกกระเดี้ยวพี่หักเหมือนยัยหมูเบริต้า” เฟรินถึงกับหลุดหัวเราะก๊ากเมื่อฟังพี่ชายแสนดีเอาน้องสาวมาเผาได้อย่างหน้าตาเฉย
ก่อนจะหยุดขำกลางคันเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
จริงสิ ท่านอาเกรเซอร์เป็นยักษ์
ลูกท่านอาเกรเซอร์ก็ต้องเป็นลูกยักษ์
มันก็ยักษ์นั่นแหล่ะ
“แล้วทำไมพี่ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้เองอ่ะ!!”
เฟรินร้องเสียงหลงลุกพรวดขึ้นแล้วสำรวจเจ้าชายจากเดมอส จากหัวลงเท้า เท้าขึ้นหัว
ไม่ว่าจะดูสักกี่รอบนี่ก็ขนาดไซส์มาตรฐานมนุษย์ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ
นี่ขนาดเบริต้าอายุเพียงแค่สิบสอง แม่คุณยังตัวโตจนเอาเธอนั่งบนไหล่ได้
กับท่านอาเกรเซอร์ตอนย่อส่วน ก็ยังต้องเรียกว่าใหญ่กว่าคนธรรมดาหลายเท่าตัวนัก
ไม่ใช่ว่าพี่เธอคนนี้เกิดผ่าเหล่าขึ้นมานะ
แล้วไม่น่าที่ราชินีแดนโลกันตร์จะหาญกล้าไปมีชู้ด้วย
“ก็เขตอาคมที่กั้นระหว่างเอเดนกับเดมอสนั่นไง”
เฟเลียตเฉลย ก่อนที่แม่คนช่างคิดจะจินตนาการเตลิดไปไกลกว่านี้ “เขตแดนนั้นทำให้เดมอสไม่อาจแผลงฤทธิ์ได้ในแผ่นดินเอเดน แต่อันที่จริงอยู่ที่โน่นพี่ก็ไม่ค่อยอยากตัวใหญ่เท่าไหร่นักหรอก
มันหนีท่านพ่อเที่ยวลำบาก”
เฟรินฟังแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก
ว่ายัยเบริต้าเป็นจอมย่องแล้ว พี่ชายเธอหนักกว่าหรือนี่ แล้วดูท่าไม่ใช่หนีไปแค่ลานประลองแกรนด์ชีลด์
ทั่วทุกตารางในเดมอสพี่แกก็คงไปเหยียบมาหมดแล้วแหงแซะ
“งั้นที่คราวนั้นผมไปแดนโลกันตร์
แต่ไม่เจอพี่ก็...”
“เดินทางไปฝึกอาคมที่หมู่บ้านแม่มดดำ
ที่นั่นน่ะดีนะ ว่างๆชวนเจ้าชายคาโลไปสิ เขาจะเก่งขึ้นอีกเป็นกอง”
“นี่พี่รู้ด้วยเหรอฮะว่าหมอนั่นมันพวกบ้าเวทย์มนต์”
เด็กสาวตาลุกวาว น้ำเสียงสูงบ่งความแปลกใจอย่างปิดไม่มิด
ในขณะที่ชายหนุ่มกลับยักคิ้วน้อยๆแล้วยิ้มกว้าง
“ผีน่ะมันย่อมเห็นผี เฟลิโอน่า
พี่เป็นเจ้าอาคม แค่เดินผ่านพี่ก็รู้แล้วว่าใครเป็นจอมเวทย์มือฉมัง”
รอยยิ้มกว้างสดใสระบายบนใบหน้าเกือบสวยของเด็กหนุ่ม
นึกบ่นไปถึงเจ้าชายคนสำคัญที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มีคนซูฮกจนน่าหมั่นไส้
แต่เธอก็รู้สึกดีใจแทนมันด้วยทุกครั้ง แต่คราวนี้คิดไม่ถึงเลยว่าวิชาน้ำแข็งๆของหมอนั่นจะกระฉ่อนไปไกลถึงหูพี่เธอ
ดีไม่ดีอาจมีใครเล่าให้ฟังครั้งที่เจ้าชายแห่งคาโนวาลคนเก่งเอาหิมะไปถล่มแดนโลกันตร์กลางสนามแกรนด์ชีลด์
“งั้นพี่ก็รู้เรื่องที่เขารบราฆ่าฟันกันเมื่อสามปีก่อนด้วยสิ
แล้วตอนนั้นพี่หายไปไหน นี่อย่าบอกอีกนะว่าเดินทางไปปราสาทท่านเคาท์หรือหมู่บ้านไซคอปส์อะไรงี้อีก
ผมไม่เชื่อ”
“ตอนนั้นพี่หลับ”
คำตอบเรียบๆตอบกลับมา เฟรินเบิกตาโต อ้าปากค้าง
“พี่หลับ!?”
“พูดให้ถูกคือ ทำให้หลับโดยท่านพ่อ
เบริต้าก็เช่นกัน ท่านพ่อไม่โปรดให้พวกเราสองคนไปเห็นสงคราม
การฆ่าฟันโหดร้ายไร้ความปรานี เราสองคนยังไม่มีจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนท่านพ่อ
อาจทนไม่ไหวแล้วเผลอทำอะไรลงไปโดยไม่ทันยั้งคิด”
เด็กสาวนิ่งอึ้ง
สบกับดวงตาประกายกล้าคู่นั้นแล้วรู้สึกขนลุกเป็นครั้งแรก
นี่ขนาดเธอไม่ใช่พวกมีจิตพิศวาสในพวกอาคมอะไรกับเขานัก
เธอยังสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าร้ายกาจ
“ก็นับว่าท่านอาเกรเซอร์กรุณามนุษย์ชาวเอเดนอยู่มาก
ถ้ามีพี่มาร่วมวงศ์ไพบูลย์อีกคน เอเดนอาจจะไม่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง”
ต่อให้บิชอปเธอไปแผลงฤทธิ์เมืองเขามาแล้วก็เถอะ แต่ฝีมือของญาติฝ่ายแดนโลกันตร์ย่อมไม่เปิดทางชนะให้เธอง่ายๆแน่
คิดแล้วก็พาลสยองขวัญ
มนต์ของท่านอาเกรเซอร์ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็น
กระดานเกียรติยศนัดประวัติศาสตร์ครั้งเบี้ยเอเดนปะทะคิงเดมอสยังติดตาเธอไม่เลือนราง
อาคมดำร้ายกาจของลูคัสกลายเป็นง่อย อสรพิษร้ายกลายเป็นเชื่อง
ความละโมบไม่อาจเอาชนะความเมตตาเสียสละ ดังนั้นมนุษย์ผู้ที่มีแต่จิตคิดเบียดเบียน
จึงไม่มีทางเอาชนะคนตรงหน้านี้ได้เลย
รู้สึกขอบคุณท่านอาจริงๆที่เกิดห่วงบุตรธิดาตอนนั้น
“เธอคงรักมนุษย์เอเดนมาก
เฟลิโอน่า” เฟเลียตถามอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีทับทิมจับจ้องใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องตนเองที่เริ่มมียิ้มบางๆมาแต่งแต้ม
“ใช่ฮะ” เฟรินรับหนักแน่น
ภาพต่างๆที่เคยเผชิญมาเรียงลำดับในหัวโดยอัตโนมัติ “รัก รักมาก ผูกพันมาก
อาจเป็นเพราะเอเดน ผมถึงเป็นแบบนี้”
“และอาจจะเป็นเดมอส
ที่ทำให้เธอยังนั่งคุยกับพี่ได้แบบนี้” สิ้นประโยคปริศนาต่อจากบุรุษ
เฟรินสบประสานกับดวงตาสีแดงนุ่มลึก เฟเลียตยิ้มออกมาแล้วว่าต่อ
“จิตใจของมนุษย์ เปราะบางมากนะ รัก
โลภ โกรธ หลง ทุกอย่างเป็นไปได้โดยง่ายและเร็วเพียงเสี้ยววินาทีที่ใจคิดเปลี่ยน
ดังนั้นพวกมนุษย์ถึงถูกชักจูงได้ง่ายด้วยกิเลส อำนาจอันหอมหวานจากตัวตนที่ไม่ใช่ใคร
จิตวิญญาณอีกคนของเราเองที่อยู่อีกฝั่งฟากใจ”
เฟรินเบิกตาโต
คำพูดบางคำของเขาสะกิดข้อสงสัยในใจจนอดไม่ได้ที่จะครางถามเสียงแผ่ว
“นี่พี่...รู้?”
“รู้” เฟเลียตรับง่าย
“รู้ว่าเธอคิดอะไร รู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไร รู้แม้กระทั่ง เธอกำลังจะทำอะไร” หัวใจของเด็กสาวเต้นระทึก
ถามเข้าไปอีก
“แล้วพี่รู้ไหม
ว่ามันยากแค่ไหนที่จะก้าวข้ามไปได้”
เจ้าชายแห่งบารามอสผู้ทรงอาคมเงียบงัน
จ้องมองหน้าเด็กสาวที่เปี่ยมไปทั้งความกังวลและความอยากรู้
เขาถอนหายใจแล้วพยักหน้าเนิบๆ ตอบตามความสัตย์จริง
เป็นความสัตย์จริงที่ไม่มีใครค้านได้
“ยากมาก ยากมากสำหรับมนุษย์อย่างเธอ”
ความเงียบเข้าโรยตัวระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดทันทีที่กล่าวจบ
ดวงตาสีน้ำตาลของคนที่เข้มแข็งมาตลอดไหวระริก เหมือนทรวงอกกลวงเพราะดวงใจบินหาย
มือน้อยๆเพียรบีบถ่ายทอดพลังให้แก่กันและกันอย่างที่ไม่เคยเป็น
หวนนึกถึงเมื่อก่อนตอนอยู่กับพ่อมาดัส ใช้ชีวิตดั่งใจตน
เธอไม่เคยรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะคำว่ายาก
พ่อคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นง่ายเสียหมด
แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ถามพ่อว่าถ้าถึงคราวที่มนุษย์ต้องวิ่งชนกำแพง
ตระหนักว่ายากคือยาก ยากจนบางคนปีนผ่านไปไม่ไหวแล้วตกลงไปอยู่ก้นเหวหนาวเหน็บ
เธอต้องทำยังไง
แต่ถ้าเอาไปถามพ่อเอวิเดส
ท่านคงมองว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว
“แต่กับปิศาจคงจะเป็นเรื่องง่าย”
เฟรินว่าต่ออย่างใจนึก แล้วยิ้มจาง “พี่อาจจะพูดถูก ที่ผมยังอยู่รอดปลอดภัย
ไม่เป็นทาสไอ้ผ่าปฐพีมันเพราะจิตใจที่สูงส่งของปิศาจ ใจที่หาไม่ได้ในมนุษย์
โกรธแต่ไม่แค้น เคืองแต่ไม่อาฆาต” เธอเว้นวรรค หันไปสบตากับพี่ชายแน่วแน่กับพี่ชาย
แล้วเอ่ยคำถามออกไป เป็นคำถามที่ค้างคาใจ แม้คนถามก็หวั่นไหวสะท้าน
“แต่พี่ตอบได้ไหมว่าถ้าหากผมถูกครอบงำไปแล้ว
เหวี่ยงดาบฆ่าคนโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถึงตอนนั้นผมเป็นมนุษย์...หรือว่าปิศาจ”
เจ้าชายแห่งเดมอสชะงักไป
ทอดมองเด็กสาวเบื้องหน้าตนแล้วพรูลมหายใจก่อนจะแย้มยิ้มบางออกมา
น้องสาวของเขาคนนี้ผ่านชีวิตมามากมายเหลือเกิน
อดีตที่เธอเคยพบเจอคงมีเรื่องราวน่าปวดหัวให้ครุ่นคิดเต็มไปหมด
ต้องแบบรับสองสายเลือดที่ไม่อาจมีวันผสมผสาน ต้องแบกรับสองแผ่นดินที่ไม่อาจเชื่อมติด
แล้วต้องชั่งหัวใจระหว่างความเป็นมนุษย์กับธิดาแห่งความมืด
ใจดวงนั้น สับสนไม่น้อย
“เคยมีคนบอกเธอหรือเปล่า
ว่าอาวุธน่ะไร้ตา เฟลิโอน่า” คำถามเปรยไปอีกเรื่อง
แต่ก็ทำให้เฟรินเผลอพยักหน้าตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะนึกถึงคำพูดของอดีตบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอเดนเคยตรัสกับพระสหายครั้งที่เธอย้อนอดีต
คำพูดเพียงคำเดียวของจอมปราชญ์ที่สมองของเธอยังจำได้แม่นทุกคำ
คนได้รับคำตอบยิ้มละไมแล้วถามต่อ
“เธอเองก็เป็นคนใช้อาวุธ
เคยถามตัวเองมั้ยว่าฟาดฟันมันมาแล้วกี่ครั้ง แล้วแต่ละครั้งเธอใช้อะไรนำทาง...”
เสียงของเฟเลียตทุ้มกังวาน จังหวะจะโคนที่เจ้าชายแห่งเดมอสเว้นวรรคสะกดทุกจังหวะการเต้นของหัวใจคนฟัง
“โกรธเกรี้ยว เคียดแค้น เดียวดาย ท้อแท้ กระหายชัยชนะ หรือ
เพียงเพราะต้องการที่จะปกป้องใครสักคน”
ร่างทั้งร่างของเฟรินนิ่งงัน จดจำได้ทุกท่วงทำนองแห่งผ่าปฐพีตั้งแต่เธอหยิบมันขึ้นมาจากตลาดใจกลางกรุงเอดินเบิร์ก
จวบจนการจับครั้งสุดท้ายเมื่อต้องประดาบกับลาเวนเมื่อไม่กี่วันมานี้
น่าแปลกใจที่ทุกอารมณ์นั้นเธอผ่านมาหมด
เธอเคยทำแม้แต่การจ่อปลายดาบใส่คนที่เธอรักด้วยโทสะ
เคยที่จะหันคมดาบใส่คนในแผ่นดินเกิดเพราะต้องการปกป้องคนในแผ่นดินที่ให้เธอเติบใหญ่
“จะมนุษย์หรือปิศาจไม่สำคัญหรอก
มันอยู่ที่ว่าเธอรู้ตัวเองอยู่แค่ไหน ไม่ใช่ว่าเพราะทำลายล้างถึงต้องเป็นปิศาจ
ไม่ใช่เพราะมัวเมาในกิเลสถึงต้องเป็นมนุษย์ ทั้งสองสายพันธุ์เรามีจุดร่วม
อยู่ที่ว่าเราจะเลือกอะไรมาปฏิบัติ”
จุดร่วม? พอฟังคำๆนี้แล้วไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยิ้มออกมาได้
ความเหน็บหนาวที่กร่อนจิตใจทุกครั้งที่เธออยู่เพียงลำพังเหมือนถูกชโลมด้วยน้ำอุ่นให้เห็นความหวัง
เฟรินหัวเราะออกมาเบาๆแล้วย้อนถามกลับไป
“แล้วพี่ล่ะ
อยากเป็นมนุษย์หรือว่าปิศาจ”
คนถูกถามชะงักไปนิด
ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมา
“เสียใจเฟลิโอน่า พี่เป็นยักษ์”
พี่เป็นยักษ์ อ้อ
ยักษ์สินะ!
แล้วนี่เธอต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์!!
เธอเหลือบมองพี่ชายข้างกายที่รู้จักไม่กี่ชั่วโมงแต่ตอนนี้จับเธอลากไปตามระเบียงสภาแล้วตรงไปที่ห้องท่านอย่างไม่เกรงกลัวว่าตัวพี่แกเป็นแค่แขก
พอใครต่อใครส่งสายตาถามมาพี่แกก็ตอบไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่ามีธุระสำคัญที่จะต้องจัดการกับเจ้าหญิงเฟลิโอน่า
นั่นแหล่ะที่ทำให้เธอถึงกับซูฮกว่าฝีไม้ลายมือการตอแหลของเจ้าชายเฟเลียตไม่แพ้ทายาทนักต้มอย่างเธอ
ใช่! ธุระสำคัญ
สำคัญจนเธอลืมไปเลย ว่านี่มันค่ำแล้ว
แล้วเธอก็ต้องไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับพ่อเธอโดยมีหัวหน้าป้อมอัศวินเป็นพ่องาน!
“เฟเลียต
พี่อย่าทำอย่างนี้กับผมเลยนะ ปล่อยผมไปเหอะ”
เธอร้องอ้อนวอนจะเป็นจะตายหวังน้ำตาปริ่มๆที่เสียแรงเค้นมันจะทำให้พี่ชายใจอ่อนขึ้นมาบ้าง
แต่ผลปรากฏว่าไม่ พ่อคุณยังลากเธอเข้ามาในห้อง ลงกลอนอย่างดี ภายในมีนางกำนัลที่เธอเคยบ่นว่าอยากเจอเป็นสิบนาง!
แต่ตอนนี้ไม่แล้ว พ่อแก้ว แม่แก้ว
ช่วยลูกแก้วด้วย!!!
“พี่ก็ไม่อยากบังคับเธอ
แต่เธอต้องเข้าใจว่าถ้าพี่ไม่ทำพี่อาจตายได้” เฟเลียตยิ้มแหยๆ
“พอเบริต้ารู้ว่าต้องมีงานเลี้ยงตอนกลางคืน
แม่คุณก็ให้พี่ขนชุดพวกนี้มาจากวังเป็นยี่สิบสามสิบชุด
กำชับอย่างดีว่าให้พี่หญิงเฟลิโอน่าใส่ให้ได้”
เฟรินกลืนน้ำลายเอื๊อกหันกลับไปมองพี่สาวนางกำนัลที่ยืนถือชุดราตรีหลากสีแสนงามเป็นฉากประกอบ
แล้วแต่ละตัวนะ...โอย!
เธอจะเป็นลม ลูกไม้หนาเป็นชั้นๆ ผ้าคันๆซ้อนเป็นชุดๆ
ใครมันจะไปใส่ลง! แล้วยังไม่พอในลังข้างหลังนั่น
ไม่เปิดดูก็รู้ว่าต้องเป็นเครื่องประดับกับรองเท้าจุกจิก
“พี่เฟเลียต...”
เด็กสาวครางเสียงอ่อน “ผมจะไม่บอกเบริต้า สัญญา
แต่ขอร้องว่าอย่าให้ผมใส่ชุดพวกนั้น เอาเป็นว่าผมยอมแต่งผู้ชายก็ได้
แต่ไม่เอาผู้หญิง”
“แล้วท่านลุงเอวิเดส?”
“ท่านพ่อยอมผม”
“แล้วเจ้าชายคาโล เขายอมมั้ย?”
“หมอนั่น...!”
คำพูดสะดุดอยู่ปลายลิ้น ใบหน้านวลขึ้นสีทันทีจนเฟเลียตกลั้นขำแทบไม่ทัน
คิดถูกแล้วที่แอบถามคาถาปราบแม่ตัวยุ่งเสียอยู่หมัดมาจากท่านลุง
สีหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากน้องสาวผู้ได้ชื่อว่าแสบแสนแสบทำให้เจ้าชายแห่งเดมอสอดไม่ได้ที่แกล้งหย่อนระเบิดลงไปอีกลูก
“ยังมีอีกคนที่ไม่น่าจะยอมนะเฟลิโอน่า
ก่อนจะมาที่เอดินเบิร์ก เกวียนของเราผ่านเมืองจันทรา
แล้วท่านอาลูน่าก็ให้สร้อยเส้นนี้พี่
เธอคงไม่คิดว่ามันเป็นแค่ลูกแก้วธรรมดาหรอกใช่ไหม?”
ใบหน้าเด็กสาวซีดเผือด แต่พี่ชายยังแสร้งพูดต่อ
“อืม...พี่เคยได้ยินมาเหมือนกัน
เรื่องวิชาสะกดรอยของพวกแม่มด พวกเขามองดูเหตุการณ์ทุกอย่างได้จากลูกแก้ว”
คนดื้อตัวแข็งทื่อไปแล้ว
ชายหนุ่มขยับยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วออกคำสั่ง
“นางกำนัล จัดการ!”
.
.
.
.
.
TBC...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น