หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

Fic KHR [8059] My wind...our wind : Chapter12



Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama  Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



Chapter 12 ระแคะระคาย



แรมโบ้ เมื่อกี้สึนะโทรมาหรอ


เฮือก!


ผู้พิทักษ์อัสนีสะดุ้งสุดตัว เมื่อสิ้นสุดเสียงเรียกอยู่หน้าห้อง มือไม้รีบก่ายคว้าเม้าส์แล้วกดสิ้นสุดการติดต่อกับวองโกเล่ทันที แต่ในใจอยากจะร้องให้แงๆแล้ววิ่งหนีให้สุดโต่งไปแล้ว


ไม่จริงน่า!!!....คุณยามาโมโตะได้ยินด้วยหรอ!


เด็กหนุ่มขยี้หัวตัวเองหลายทีจนยุ่งพยายามปลอบตัวเองว่ายังไงพิรุณไม่มีทางได้ยินถึงแม้เขาจะตกใจมากจนเผลอร้องออกมาจนดังก็เถอะ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู รุ่นพี่ร่างสูงในชุดสูทดำสะพายดาบคู่ใจยืนอยู่หน้าห้องจริงๆด้วย


ซวยเช็ด!!!


เอ่อ เมื่อกี้คุณยามาโมโตะว่ายังไงนะครับ” แกล้งโง่ใช้ได้รึเปล่าเนี่ย!! ดูหน้าเขาสิ ตาชำเลืองจนจะเข้ามาในห้องได้อยู่แล้ว~


เมื่อกี้นายคุยกับใครอ่ะ ฉันได้ยินแว่วๆว่าเป็นสึนะ...พิรุณชะเง้อมองเข้าไปในห้องของเด็กหนุ่ม แต่โชคดีที่ปิดหน้าต่างติดต่อไปแล้ว เลยเป็นแค่หน้าเดสก์ท็อปเฉยๆ


เอ่อ  หรอครับ...” แว่วๆ? ไอ้ที่แว่วๆนี่ได้ยินไปขนาดไหนกันคร้าบบบบบ


อ่า... เกิดอาการใบ้กินจับทั่วหัวสมอง ดูเหมือนฉายาที่คู่อริตลอดกาลอย่างนักฆ่าอันดับหนึ่งตั้งให้ว่า ไอ้วัวโง่จะใช้ได้ก็ตอนนี้ ทำไงดี คิดไม่ออกเลย คนตรงหน้าได้ยินไปแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าเขาจับได้ว่าโกหกล่ะก็...โดนไปเลยข้อหาผิดสัญญา
ชิรุเระ คินโทคิได้บั่นหัวแน่ๆ!


ว่าไงแรมโบ้ สึนะโทรมาว่าไงล่ะ” พิรุณเอียงคอถาม พร้อมจับลูกบิดประตูเอาไว้ เป็นเชิงว่าถ้าเขาไม่ได้คำตอบก็คงไม่ยอมให้เด็กหนุ่มปิดประตูลงแน่ๆ


คือ...คือว่า...วองโกเล่โทรมา เอ่อ เรื่อง...เรื่องสารทุกข์สุขดิบของเราสองคนน่ะครับ!” เด็กหนุ่มหลับหูหลับตาเชิดหน้าโกหกเต็มที่ แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จากใบหน้าคมคายเริ่มนิ่วน้อยๆ


เรื่องแค่นี้เองหรอ? แล้วทำไมนายต้องทำเสียงดังด้วยล่ะ ฉันเดินผ่านได้ยินนี่ตกใจจนแทบล้มเลยนะ


หา!!! เดินผ่าน!?  แสดงว่าคุณหยุดฟังน่ะสิครับ!! โอ๊ย ตาย ตายแน่ แรมโบ้ เขาได้ยินแน่ๆ ได้ยินหมดเลยชัวร์ๆ
เอาไงดี๊!!


เอ่อ ขอโทษนะครับคุณยามาโมโตะ คุณแอบฟังผมคุยโทรศัพท์หรอครับ


เปล่า เปล่าสักหน่อย พิรุณโบกมือสองข้างพร้อมกับยิ้มแหยๆ แค่เดินผ่านแล้วได้ยินนายร้องเสียงดัง คิดว่าเกิดอะไรขึ้น  รึเปล่า เลยรอให้นายคุยจบก่อนแล้วค่อยถามน่ะ


รอคุยให้จบ...หรอครับ...เอ่อ งั้นก็...


ได้ยินหมดแล้ว!!!


เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากล่างของตนเองอย่างคิดหนัก หัวใจเต้นกระหน่ำแถมรัวเร็วเหมือนอยู่ในดิสโก้เธค เขาพยายามทบทวนคำพูดที่พูดกับนภาแห่งวองโกเล่เมื่อกี้แล้วนะ เขาไม่ได้หลุดปากพูดถึงเรื่องที่สายลมโดนลักพาตัวไปเลย...


ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆครับ ผมทำตามสัญญาอยู่แล้วว่าผม...จะไม่ปิดบังอัสนีก้มหน้าจนแทบมุดเพื่อไม่ให้พิรุณจับได้ว่าเขามีพิรุธตามฉบับของคนพูดปดแค่ไหน เขาล่ะนับถือพวกที่ทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกันจริงๆ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเลือกแล้วว่าจะทำยังไง...และทำตามสัญญาไหน...


ผมทำตามสัญญาจริงๆนะครับ...แต่ก็แค่...


ไม่ใช่สัญญาของคุณ


ฮะๆๆๆ ฉันรู้น่า ฉันเองก็แค่ถามดูเท่านั้นเอง ไม่ได้สงสัยอะไรสักหน่อย นายตื่นเต้นไปเองทั้งนั้นล่ะ รุ่นพี่ดีดเป๊าะไปที่หน้าผากของเด็กหนุ่มพร้อมยิ้มให้  แต่ก็ยังอุตส่าห์รู้นะว่าเขาตื่นเต้นน่ะ


ผมไม่ได้ตื่นเต้นนะครับ!! ก็คุณดันจ้องผมซะขนาดนั้น เป็นใครก็กลัวครับ!”


ฮะๆๆ เอาเป็นว่าขอโทษล่ะกัน ฉันจะออกไปตรวจพื้นที่ข้างนอกกับเบลเฟกอล นายจะไปด้วยมั้ย


อ๋า ฝนตกยังไปหรอครับ” ไม่ใช่ว่าจะปรอยๆ แต่มันดันตกหนักเหมือนฟ้ารั่วนี่สิ!!


อื้ม!”ร่างสูงยิ้มพยักหน้าตอบทันที  “ฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตอนฝนตกน่ะ ว่าไงจะไปด้วยมั้ย...  พิรุณถามอีกครั้ง       แล้วใบหน้าคมคายก็ดูสดชื่นตามที่ว่าจริงน่ะแหล่ะ ผิดกับเขาที่นับวันจะโทรมลงๆ


ไม่แปลก คนธาตุพิรุณนี่นะ แล้วคนธาตุวายุแถมขี้เกียจอย่างเบลเฟกอลรู้สึกสดชื่นอยากลุกขึ้นมาทำงานด้วยหรอ


คนสองธาตุนี้...น่าแปลกจริงๆนั่นแหล่ะ...


ไม่ล่ะครับ เด็กหนุ่มส่ายหัวพรืดอย่างไม่คิด ก่อนจะให้เหตุผลเพิ่มเติม รายงานยังเหลือเป็นปึกเลยครับ ถ้ามันไม่เสร็จผมไม่ได้นอนแน่ๆอ่ะ


ใช่...มันยังเหลืออีกเป็นปึกเลยล่ะครับ...รายงานที่ต้องส่งคุณโกคุเดระนั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้...



ผมจะส่งมันไปทำไม...ก็เมื่อคนรับไม่อยู่...แล้วนี่ครับ


อ่า...อื้ม งั้นฉันไปก่อนนะ


ครับ โชคดีครับ อัสนียิ้มให้ก่อนจะปิดประตูลง ทิ้งให้ผู้พิทักษ์พิรุณยืนอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม แต่แทนที่ร่างสูงจะก้าวเท้าเดินออกไปกลับยังคงยืนอยู่หน้าประตูอยู่อย่างนั้น...


อืม...อะไรของฉันกันนะ...


ไม่ไว้ใจเด็กคนนั้นหรอ...


ขอโทษนะ แรมโบ้ เสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาจากปากอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มือหนาจะล้วงอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อมา ใส่หู มันเป็นหูฟังไร้สายกลมๆเล็กๆสีดำที่สมัยนี้มาเฟียทุกคนต้องมีติดตัวเลยก็ว่าได้ ปกติพิรุณไม่ค่อยจะพกมันเท่าไหร่ แต่บังเอิญว่าวันนี้ต้องไปข้างนอกเลยหยิบติดตัวมาด้วย อีกอย่างว่ามันใช้กับเครื่องมืออีกหนึ่งอย่างที่พิรุณแอบฉวยติดไว้ใต้ลูกบิดตอนที่อัสนีเปิดประตูออกมา...


รู้ว่ามันเสียมารยาท แต่เพื่อความปลอดภัยของนายเอง...



ฉันก็เลยต้องทำ...







หอบัญชาการใหญ่ วองโกเล่แฟมิลี่


ทุกคนครบนะครับ นภาแห่งวองโกเล่มองไปรอบๆห้องโถงใหญ่ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นห้องประชุมชั่วคราวเนื่องจากคนเข้าร่วมประชุมพร้อมใจกันมากเกินไป...ไม่ใช่เพียงแค่กองสมทบสองคน(?)ที่มาจากวาเรีย ยังมีบอสใหญ่ของคาบัคโรเน่กับลูกน้องคนสนิทอย่างโรมาริโอ้และอีวาลอีกด้วย เห็นบอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรทำ แต่จริงๆแล้วคงจะโดนนักฆ่าอันดับหนึ่งบังคับมาอย่างแน่นอน


แต่ยังไงก็ตาม...


ตอนนี้ห้องโถงเต็มไปด้วยมาเฟีย...


ฉันเกลียดเวลาแบบนี้จริงๆ สัตว์กินพืชมาสุมหัวกันคิดเอาตัวรอด เห็นแล้วมันรำคาญลูกตา ผู้พิทักษ์รักสันโดษอย่างเมฆาบ่นออกมาหลายรอบตั้งแต่ย่างเท้าก้าวเข้ามาที่นี่ แต่เพราะห้องนี้มีนักฆ่าอันดับหนึ่งอยู่ด้วยเลยไม่อยากเอาทอนฟามาละเลงเลือดตามที่หัวคิด อีกอย่างขี้เกียจโดนครูสอนพิเศษ(?) ทำหน้าตาเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กใส่ด้วย


ขี้เกียจ...หรือเกลียดก็ไม่รู้


สึนะ เราได้จดหมายมาก็จริงนะ แต่เราไม่รู้วิธีอ่านนี่สิ ชายหนุ่มผมสีทองอร่ามเปิดประเด็นซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้ ต่างคนต่างคิดไม่ตก เพราะอักษรนั่นคงมีคนคิดอ่านออกได้คนเดียว


คึหึหึหึ แล้วตอนที่ศึกโลกอนาคตคุณยังเก็บกระดาษที่โกคุเดระคุงเค้าเขียนไว้มั้ยล่ะครับ เผื่อจะได้เอามาเทียบ


มันไม่เหลือแล้วมั้งโรคุโด ผ่านมานานสุดหูรูด เสียงจากลำโพงของผู้พิทักษ์อรุณค้าน


ถ้าอย่างนั้นต้องถามคุณโกคุเดระน่ะสิครับว่าอ่านยังไง


มันเสี่ยงเกินไปว่าจะโดนจับได้นะแรมโบ้ วิธีแรกว่ายากแล้ววิธีที่สองนี่ยิ่งยากใหญ่ ความเงียบมาเยือนห้องโถง ไอ้คนคิดก็คิดแทบตายหัวจะระเบิด ส่วนไอ้คนที่คิดได้ก็ดันไม่ปริปากออกมาเลย


จนมีคนๆหนึ่งที่ทนความเงียบไม่ไหวนี่แหล่ะ...


โอยๆ ว่าจะไม่ช่วยแล้วนะครับ แต่เห็นแบบนี้มันทนไม่ไหว แล้วทำไมรุ่นพี่และรุ่นอาทั้งหลายไม่ลองไปดูในห้องคุณโกคุเดระดูล่ะครับ อาจจะเจอวิธีอ่านก็ได้เด็กหนุ่มผมสีเขียวน้ำทะเลสวยกอดอกแล้วทำหน้าเบื่อเต็มที่แน่นอน รุ่นพี่และรุ่นอาทั้งหลายที่ว่าหน้าม้านไปตามๆกันตามประสาความรู้สึกโดนเด็กสอน  ในขณะที่ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเบะปากยิ้มเยาะน้อยๆ


เด็กบ้าอะไรวะเนี่ย!!!


เอ่อ...โรมาริโอ้ อีวาล ไปตึกวายุนะแล้วเข้าค้นห้องสโมคกิ้งบอมบ์ว่ามีวิธีอ่านอักษรจีมั้ย ม้าพยศหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท ส่วนคุซาคาเบะที่ยืนอยู่ข้างๆกับเมฆาก็วิ่งตามไปด้วย ก็เจ้านายส่งสายตามาเต็มที่ว่า


ไม่อยากน้อยหน้า...


มันจะมีจริงๆหรอครับคุณดีโน่ อักษรจีนั่นโกคุเดระคุงคิดไว้นานแล้วนะครับนภาแห่งวองโกเล่มุ่นคิ้วถาม ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะอยู่มีน้อยมาก เพราะมันใช่จะผ่านมาแป๊บๆซะเมื่อไหร่ อีกอย่างคนที่อ่านอักษรที่ตัวเองเขียนได้แล้ว เขาจะเก็บวิธีอ่านไว้กับตัวหรอ


อืม ไม่รู้สิ แต่การที่หมอนั่นส่งอักษรจีมาให้เราทั้งๆที่รู้ว่าเราอ่านไม่ได้ก็แสดงว่า...


คึหึหึหึ ที่นี่ต้องมีอะไรบางอย่างที่โกคุเดระคุงมั่นใจว่าเราต้องอ่านได้สินะครับ


อ่า...ใช่แล้วล่ะ ม้าพยศพยักหน้าช้าๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น รอเวลาที่ลูกน้องจะกลับมาแล้วหวังว่าจะไม่ได้กลับมามือเปล่า ทั้งห้องเข้าสู่ภาวะเงียบอีกครั้ง จนได้ยินเสียงนาฬิกาตังพื้นเรือนหรูเดินแต๊กๆ ทุกคนนั่งหายใจทิ้งเฝ้ารอเวลาให้เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปช้าๆ



แต่ก็หวังว่ามันจะไม่เสียเปล่า...





หนึ่งชั่วโมงผ่านไป


แฮ่กๆ โอ๊ย มาแล้วครับ เสียงชายฉกรรจ์สามคนที่สละถ่อไปถึงตึกวายุวิ่งเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง คนที่รออยู่ข้างในถึงกับนั่งไม่ติด โดยเฉพาะนภาแห่งวองโกเล่ พยายามควานสายตาหาว่ามีใครถืออะไรติดมือมาหรือไม่


มีมั้ยนะ...


ว่าไงโรมาริโอ้ เจอรึเปล่า


โฮย...เจอครับบอส แต่กว่าจะหาได้แทบต้องขุดห้องคุณโกคุเดระเลยล่ะ สิ้นเสียงของลูกน้องคนสนิท รอยยิ้มของทุกคนก็แย้มออกมา ในใจรู้สึกชื้นๆขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แววตากลมโตสีน้ำตาลของนภาสั่นระริกไปมาเหมือนจะกลั้นความยินดีไว้ไม่อยู่


ถึงแม้จะเพิ่งเดินมาได้แค่ครึ่งทาง...หรือ แค่เพิ่งเริ่มต้นด้วยซ้ำ...


แต่ขอบคุณครับ...ขอบคุณพระเจ้า...


นี่ครับ วองโกเล่ โรมาริโอ้ยื่นกระดาษหลายแผ่นให้นภาแห่งวองโกเล่ เนื่องจากเวลามันผ่านมานานแล้วกระดาษจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและกรอบ จับแต่ละทีนี่ระวังยิ่งกว่าประคองไข่ดิบ แต่ก็ยังพอเห็นล่ะนะ...


พอเห็นหนทางที่จะช่วยสายลมกลับคืนมา...


สควอโล่ เอาจดหมายให้ทุกคนดูเลยครับ ฉลามคลั่งแห่งวาเรียวางจนหมายไว้บนแท่น ก่อนจะฉายภาพเฮโลแกรมของจดหมายให้ทุกคนดู แล้ววางเทียบกับวิธีอ่าน


อืม...จางเหมือนกันนะครับวองโกเล่ อีกอย่างบางตัวก็ขาดหายไป เราจะไขจดหมายของคุณโกคุเดระได้จริงๆหรอครับ เสียงจากลำโพงของผู้พิทักษ์อัสนีท้วงขึ้น เมื่อเห็นว่าวิธีอ่านอักษรบางตัวก็จางและขาดไปตามกาลเวลา


คึหึหึหึ ไม่ต้องห่วงครับ เราต้องอ่านได้แน่นอน ผู้พิทักษ์สายหมอกยิ้มกริ่ม ก่อนจะเดินไปหน้าภาพเฮโลแกรม ฝ่ามือบางในถุงมือหนังสีดำสนิทลูบไปตามตัวหนังสือ ทันใดนั้นตัวหนังสือก็เรืองแสงเป็นสีเทาครามสีของธาตุหมอก เห็นตัวหนังสือชัดขึ้นมาทันที


ยะ ยอดเลย  เห็นชัดมากเลย อย่างนี้เราอ่านได้แน่


ขอบคุณครับวองโกเล่ แต่คิดว่าต้องรีบหน่อยนะครับ พลังของผมมันมีจำกัด สายหมอกยิ้มออกมาอย่างยินดี แต่ก็คงจะมีอีกคนหนึ่งมุมห้องที่รู้สึกขยะแขยงรอยยิ้มนั่นขึ้นมาทันที


หึ!”


อืม ผมจะอ่านตามจดหมายเลยละกันนะครับ... ชายหนุ่มร่างโปร่งผมสีน้ำเงินไพลินยืนอยู่หน้าภาพเฮโลแกรม ดวงตาสองสีที่ขัดกันกลอกซ้ายขวาไปมาเพื่อเทียบตัวอักษร เขาทำแบบนี้อยู่นานประมาณสิบนาที ยิ่งเวลาเพิ่มมากขึ้น คิ้วของผู้แปลก็ขมวดเข้าหากัน จนคนอื่นสังเกตเห็น


อะไรน่ะ มุคุโร่ โกคุเดระคุงส่งอะไรมาหรอ ผู้พิทักษ์สายหมอกหันมาตามเสียงเรียก ดวงตาของนภาแห่งวองโกเล่จ้องหน้าสายหมอกไม่กระพริบ


บอกฉันมาตามความจริงนะ...


ครับ งั้นผมจะพูดตามจดหมายโดยไม่ผิดเพี้ยนเลยก็แล้วกัน...โกคุเดระคุงส่งมาว่า...


...


ตอนนี้วองโกเล่ ถูกล้อมไปด้วยระเบิดทุกตารางนิ้วครับ... ซึ่งรีโมทอยู่กับบอสฟิลบาโลเน่ เขาจะกดระเบิดดับลมหายใจ วองโกเล่เมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ ซึ่งใช้ตัวของโกคุเดระคุงเองเป็นหลักประกัน


ฮึก!


เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโพลง แม้แต่จังหวะหายใจก็กำลังจะขาดช่วงไม่ใช่แค่นภาเพียงคนเดียวแต่ทุกคนที่ได้ยินต่างอึ้งด้วยท่าทีต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในห้องประชุมจริงๆหรือในคอมก็ตาม
ใช้โกคุเดระคุงเป็นหลักประกัน...อะไรกัน... ระเบิดมีทั่ววองโกเล่...จะตายเมื่อไหร่ก็ได้งั้นสิ...


อะไรกัน!!!


รีบกระจายกำลังไปตรวจหาระเบิด แล้วเอามันออกให้หมดทุกลูก ห้ามให้เหลือแม้แต่ลูกเดียว!!!” เสียงคำประกาศิตของนภาดังไปทั่วห้อง เหล่าชายฉกรรจ์หลายสิบคนรีบวิ่งออกไปเป็นขบวน รวมถึงลูกน้องของม้าพยศที่ยืนอยู่ก็ด้วย
วองโกเล่ครับ... ผู้พทักษ์สายหมอกเรียก เมื่อสบตา นภาก็รู้ทันที เพราะดวงตาสองสีแม้จะดูหยิ่งและหลอกลวงแค่ไหน คนอื่นจะมองไม่เห็นยังไง แต่นภาวองโกเล่ก็ยังสัมผัสได้...



มันเหมือนกับว่า...มันเป็นเรื่องเศร้าเหลือเกิน...



มันยังไม่หมดครับ บรรทัดสุดท้ายโกคุเดระคุงยังมีอะไรจะบอกวองโกเล่น่ะครับ...


มะ มีอะไรอย่างนั้นหรอ...” ทำไม...ทำไมล่ะ...ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...


ทำไมห้องต้องเงียบ...เวลานี้มันควรดีใจว่ากำลังจะได้โกคุเดระคุงคืนมาไม่ใช่หรอ...


ทำไมฉันต้องกลัวความรู้สึกตัวเองด้วย... ลางสังหรณ์...ทำไมฉันต้องรู้สึกกังวลอีก...



ทำไม...


มีอะไรมุคุโร่ บอกฉันมาสิ!!!”


โกคุเดระคุงเค้าบอกว่า...ให้วองโกเล่บอกยามาโมโตะด้วย ว่ายามาโมโตะต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้...


สัญญาหรอ...


ครับ สัญญาที่พวกเขาทำไว้แค่สองคน...สัญญาที่ว่า ยามาโมโตะจะดูแลและอยู่เคียงข้างคุณแทน...เมื่อวันใดวันหนึ่งจะไม่มีโกคุเดระคุงน่ะครับ


“!!!”








อิตาลีเหนือ เวลา 20.30.


ตอนนี้วองโกเล่ ถูกล้อมไปด้วยระเบิดทุกตารางนิ้วครับ... ซึ่งรีโมทอยู่กับบอสฟิลบาโลเน่ เขาจะกดระเบิดดับลมหายใจ วองโกเล่เมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ ซึ่งใช้ตัวของโกคุเดระคุงเองเป็นหลักประกัน


ใช้คุณโกคุเดระเป็นหลักประกัน...วองโกเล่มีระเบิดทุดซอกทุกมุม และอีกอย่าง...


นี่ถ้าพวกนั้นจับได้ว่าคุณโกคุเดระแอบส่งข่าวมาให้วองโกเล่...ไม่ใช่เฉพาะวองโกเล่เท่านั้นที่จะอันตราย...ตัวคุณโกคุเดระเองก็ด้วย...


นี่ผมจะช่วยคุณยังไงดีครับ คุณโกคุเดระ ผมอยู่ที่นี่ แถมยังต้องปิดเรื่องนี้ไว้กับคุณยามาโมโตะ ผมไม่รู้ความเป็นไปของคุณเลย คุณจะเป็นอันตรายยังไงผมไม่รู้สักอย่าง นี่ผมจะช่วยคุณได้ยังไง จะช่วยได้ยังไง... เด็กหนุ่มซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเอง ความจริงที่ได้รู้วันนี้มันโหดร้ายเกินกว่าจะรับไหว แค่รู้ว่าวองโกเล่จะดับแหล่มิดับแหล่ก็เครียดพออยู่แล้ว เขารู้ว่าทุกคนเครียดมาก แต่เขาเองต้องเครียดเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะไม่สามารถแบ่งเบาเรื่องแบบนี้กับใครได้เลย


มันจะไม่ไหว ไม่ไหวอยู่แล้ว...


ผมจะทำยังไงดีครับ วองโกเล่...


ก๊อกๆๆ


อึก!


ใครครับ?” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะตะโกนถามกลับไป หน้าห้องเงียบไปซักพักก่อนจะมีเสียงทุ้มตอบมา...


ฉันยามาโมโตะเอง แรมโบ้ เปิดประตูหน่อยได้มั้ย” คุณยามาโมโตะ!? กลับมาเร็วจัง...แล้วทำไม...เราคิดไปเองรึเปล่าว่าน้ำเสียงของคุณยามาโมโตะมันฟังดูแปลกๆ



เยือกเย็นเหมือนสายฝน...ที่กำลังกระหน่ำท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมน...เหมือนกับ บรรยากาศข้างนอก...



ครับ รอสักครู่ครับ ผู้พิทักษ์อัสนีตอบ ก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้ผู้พิทักษ์รุ่นพี่ ด้านนอกประตู ร่างสูงของพิรุณเปียกปอนเล็กน้อย เขายังคงยิ้มให้กับอัสนีดังเดิม แต่ก็แค่รอยยิ้มนั้นมันดู...


เปลี่ยนไป! เป็นรอยยิ้มที่อัสนีไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็นเลย...


หึ ทำอะไรอยู่หรอแรมโบ้...


น้ำเสียงแบบนี้ไม่เคยได้ยิน...


ก็...เปล่าครับ แค่นั่งหายใจทิ้งเล่น อัสนีตอบแบบขอไปที พร้อมหลบหน้าพิรุณไปด้วย ตอนนี้เขาไม่กล้าสู้หน้าพิรุณได้อีกแล้ว ไม่รู้เหมือนกัน เขามีความคิดว่ารู้สึกกลัว รู้สึกกลัวคนที่ใจดี กลัว...จนอยากจะร้องไห้ออกมา


นี่ แรมโบ้ นายยังทำตามสัญญาของเราอยู่มั้ย... คำถามที่เล็ดลอดออกมาจากปากพิรุณทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ รู้สึกผิด...รู้สึกกลัว...สับสน...มันปนกันไปหมด


ฮึก อย่าถามผมแบบนั้น อย่าทำเหมือนผมเป็นคนไม่รักษาสัญญา


ได้โปรด...อย่าทำหน้าเหมือนผมเป็นพวกโกหก เห็นคำสัญญาไม่มีความหมาย ได้โปรด...


คำร้องเรียกในใจของอัสนีไม่สามารถส่งไปถึงพิรุณที่เย็นเยียบ เขายังคงเอ่ยคำพูดที่ทำให้อัสนีหนาวไปถึงขั้วหัวใจ


สัญญาที่ว่า นายจะเล่าเรื่องให้ฉันฟังทุกเรื่องโดยไม่ปิดบัง นายยังทำอยู่รึเปล่าล่ะ...หืม น้ำเสียงของร่างสูงเย็นขึ้นเรื่อยๆเหมือนแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำข้างนอก ผิดกับใจของอัสนีที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับสะสมประจุไฟฟ้าเอาไว้เป็นจำนวนมากที่กำลังจะฟาดลงมา แต่ตอนนี้สิ่งที่อัสนีเก็บไว้ไม่ใช่ประจุไฟฟ้า แต่เป็น...


ความจริง...


ความจริงที่มันกำลังจะพรั่งพรูออกมา ความจริงที่มันเก็บเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป...


ผมขอโทษครับ คุณยามาโมโตะ ผมขอโทษ ฮึก ฮือ ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ ผมขอโทษครับ... คำขอโทษที่พูดพร่ำซ้ำๆหลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตา พิรุณยังคงยืนอยู่เงียบๆ ไม่มีคำปลอบโยน...ไม่มีการนำมืออุ่นๆยกขึ้นมาวางบนหัวเพื่อปลอบใจ...


ไม่มีอะไรเลย...ยกเว้นให้อัสนีร้องไห้ออกมากับตัวเองเพียงลำพัง


เอาล่ะ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้จนกว่านายจะทำตัวงี่เง่าเสร็จนะ  และถึงตอนนั้นนายค่อยเล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้น พิรุณเว้นช่วงไปก่อนจะใช้นิ้วเชยคางของเด็กหนุ่มขึ้นมา รอยยิ้มเหยียดที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นกรีดลงบนใบหน้าของพิรุณช้าๆ


แต่เราลองมาดูกันนะแรมโบ้...ว่านายจะเล่าได้ตรงกับสิ่งที่ฉันได้ยินมา...รึเปล่า


ใช่...ถึงตอนนี้ต่อให้ใครจะรู้สึกลำพัง ใครจะรู้สึกแย่ ฉันไม่สนใจ...



เพราะที่ผ่านมาทุกคนก็ปล่อยให้ฉันลำพังมาตลอด...ไม่ใช่รึไงล่ะ






TBC.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น