Project : Happy Birthday Gokudera Hayato [09.09.10]
S.Au.fic KHR [8059] คืนนั้น...พระจันทร์ทรงกลด
Romantic Fantasy
PG
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
ข้าแต่ดวงจันทราที่ทอแสงนวลใยเย็นตากลางนภายามรัตติกาลที่มืดมิด
จรูญจรัสรัศมีกลบแสงของดวงดาราทำให้แลดูงดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในราตรี
โปรดตอบข้อกังขาในหัวใจของข้า...
หัวใจที่ดำทมิฬไร้ความปราณีของจอมราชันย์ปิศาจ
ไม่มีสิ่งใดมาบั่นทอนให้อ่อนแอได้
เกราะที่ห่อหุ้มดุจดังเพชรรัตน์ทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้านชา
คร่าชีวิตมนุษย์บริสุทธิ์เพื่อดื่มเลือดรสหอมหวานโอชะเสริมพลังชีวิตมานับไม่ถ้วน
ผู้ที่อ่อนแอเช่นมนุษย์ย่อมเป็นเหยื่อของภูตปิศาจผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
ใช่...เพราะมนุษย์อ่อนแอ
อีกยังโฉดเขลา
แต่....ณ
บัดนี้
หัวใจที่เคยนิ่งเรียบดุจน้ำในบ่อที่สะท้อนแสงจันทร์ราวกระจกเงาของปิศาจอย่างข้ากำลังกระเพื่อมไหว
สายลมที่แต่เดิมโชยเอาแต่กลิ่นสะเอียนของมนุษย์...ข้ากลับได้กลิ่นหอมหวลที่เป็นกลิ่นกายของเขา
เป็นเพราะ
“เขา” ผู้นั้น อย่างนั้นหรือ?
ตอบข้าได้หรือไม่...
จันทร์ทรงกลด
เสียงหรีดเรไรร้องระงมทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนไม่เงียบสงัดสักทีเดียว
สายลมเย็นหอบเอากลิ่นบุปผายามราตรีอบอวลไปทั่วบริเวณ กลีบดอกซากุระสีชมพูอ่อนปลิวตามลมที่รำเพยพัด
บ่อน้ำใสนิ่งสนิทสะท้อนให้เห็นดวงจันทร์อีกดวงไม่ผิดเพี้ยนกับดวงที่อยู่บนท้องฟ้า
ความสว่างจากคบเพลิงที่ปักส่องให้เห็นคฤหาสน์ทรงญี่ปุ่นโบราณ อีกยังแสดงถึงอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์
ข่ายมนต์อันแข็งกล้ากันภัยจากปิศาจไม่ว่าจะเป็นภูตพรายที่มีอาคมมากเพียงใด
ก็ไม่มีทางย่างกรายเข้ามาเหยียบดินแดนอันบริสุทธิ์นี้ได้
อาณาเขตของคฤหาสน์องเมียวจิตระกูลใหญ่
ตระกูลโกคุเดระ...
“นายท่าน
พรุ่งนี้เป็นคืนจันทร์ทรงกลด ข้าเกรงว่าจะเป็นโอกาสที่พวกมันอวดศักดา
ออกล่าเหยื่อสังเวยต่อนายของพวกมัน ได้โปรดส่งคนของเราไปคุ้มกันเถิดขอรับ”
ชายร่างสูงวัยฉกรรจ์
หน้าตาเคร่งขรึมไม่ผิดแปลกไปจากมนุษย์ธรรมดา
หากแต่ว่าจมูกกลับงองุ้มเหมือนจงอยปากของอีกากล่าวรายงานต่อที่ประชุมด้วยความเคารพ
นี่คืองานประจำของชิคิงามิหรือเทพคุ้มครองประจำตระกูลของโกคุเดระ
นายท่าน
หรือผู้นำตระกูลปรายมองบรรดาผู้ผนึกปิศาจชั้นสูงที่เข้าร่วมประชุม
เรือนผมสีแดงสลวยระข้างแก้มขาวเนียน
รอยสักเพิ่มความน่าเกรงขามวาดผ่านไปถึงครึ่งหน้าทำให้ผู้ที่จ้องมองใบหน้าเกิดอาการระส่ำระส่ายด้วยจิตวิญญาณอันเข้มแข็งและสูงส่ง
“ท่านจีขอรับ...”
“ข้ารู้แล้ว...แต่ว่างานนี้ข้าไม่อยากสั่งการสุ่มสี่สุ่มห้า
เจ้าก็รู้ว่าคืนจันทร์ทรงกลดเมื่อคราวที่แล้ว เราต้องเสียผู้ผนึกลำดับสามไป
ข้าไม่อยากเห็นเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนั้น”
ผู้นำแห่งตระกูลโกคุเดระเอ่ยเสียงเรียบทำให้ความเงียบโรยตัวช้าๆในห้องประชุม
บรรดาองเมียวจิก้มหน้าไม่มีใครกล้าออกแสดงความคิดเห็น
แต่มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่ประชุมที่ไม่รู้สึกเครียดเหมือนคนอื่น
เรียวปากบางขยับยิ้มแล้วส่งเสียงหัวเราะในลำคอราวกับว่ากำลังสนุก
“มีเรื่องอะไรน่าหัวเราะอย่างนั้นเรอะ
ฮายาโตะ”
ท่านผู้นำหันไปหาร่างบอบบางในชุดแขนยาวตามแบบขององเมียวจิที่ยิ่งทำให้เขาตัวเล็กบางน่าทะนุถนอมเข้าไปอีก
ร่างนั้นกำลังหัวเราะคิกคักจนตัวสั่น เรือนผมสีเงินยวงแลดูดุจเส้นไหมชั้นดีเมื่อกระทบแสงจันทร์ขยับพลิ้วไปมาเพราะร่างกายขยับ
ดวงตาสีมรกตสดใสประกายวิบวับ พวงแก้มนวลละเอียดแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อเพราะอารมณ์ขันของเจ้าตัวทวีความน่าเอ็นดูให้กับผู้พบเห็นยิ่งนัก
โกคุเดระ ฮายาโตะ
หลานชายในสายเลือดเพียงคนเดียวของผู้นำจี...
“ฮึๆๆๆๆ
ท่านปู่กลัวเกินเหตุไปแล้วนะ ถ้าไม่อยากคิดให้ปวดเศียรเวียนเกล้าขนาดนั้นล่ะก็
ส่งข้าไปจัดการพวกมันก็ได้ รับรองไม่ให้พลาดเสียชื่อมาถึงท่านปู่หรอก”
“พูดอะไรบ้าๆ ฮายาโตะ
วิชาชิคิงามิชั้นสูงเจ้ายังไม่บรรลุนะ
ไปก็เป็นเครื่องสังเวยชั้นดีให้ไอ้พวกปิศาจมันเปล่าๆ”
ท่านปู่รีบเอ่ยห้ามหลานคนเก่งที่กำลังจะออกตัวไปผนึกปิศาจด้วยตัวเองอย่างไม่เกรงกลัวอะไรแม้แต่น้อย
เล่นเอาดวงหน้างามที่แต่เดิมหัวเราะระรื่นต้องงอง้ำ
แขนเรียวยกขึ้นมากอดอกอย่างไม่พอใจ
“ท่านปู่ก็เอาแต่พูดแบบนี้ประจำ
เพราะเช่นนี้อย่างไรข้าถึงไม่มีผลงานให้ท่านปู่ยลสักที
แบบนี้ตอนรับสืบทอดตำแหน่งพวกบริวารก็มีข้อกังขาในตัวข้ากันพอดี”
“มันยังไม่ถึงเวลาของเจ้า...”
ท่านผู้นำยังคงตอบเรียบและสั้น
แต่ถึงกระนั้นก็ยิ่งทำให้อารมณ์ร้อนๆของผู้เป็นหลานเดือดเอาๆ จนทนไม่ไหวเปรยคำประชดต่อท่านปู่ไป
“ใช่สิ มันยังไม่ถึงเวลา
ข้ายังเด็ก พลังของข้ายังไม่เข้าตาพอที่จะทำให้ท่านปู่โปรด
คราวที่แล้วเราเสียผู้ผนึกลำดับสามไปใช่ไหม คราวนี้ก็ส่งข้าที่เป็นหลานของจี
ผู้ผนึกปิศาจในตำนานไปสิ ถ้าข้าตายไปจริงๆ
พวกปิศาจจะได้สรรเสริญท่านปู่ว่ามีใจเด็ดเดี่ยว
กล้าส่งหลานในไส้ไปเข้าปากจอมราชันย์แห่งรัตติกาล”
“ฮายาโตะ!!!” น้ำเสียงของท่านผู้นำเกรี้ยวกราดเพราะสุดจะเหลืออดกับปากเก่งๆของหลานแท้ๆ
ฟันขาวระเบียบขบกันดังกรอดแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หัวใจของผู้ผนึกปิศาจในตำนานร้อนระอุ
แต่เพราะเป็นคำๆหนึ่งที่หลุดออกจากปากโกคุเดระ ฮายาโตะ
คำที่ฟังเมื่อไหร่ก็พาลจะทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน
........จอมราชันย์แห่งรัตติกาล........
“นายน้อยขอรับเหตุใดจึงพูดเช่นนั้นกับนายท่านล่ะขอรับ
ที่ท่านห้ามไปเพราะท่านหวังดีกับชีวิตของนายน้อยนะขอรับ”
“เงียบซะ โระคุคาราสึ
คนที่ไม่ฟังเหตุผลข้าคือท่านปู่ต่างหาก” นายน้อยร่างบางเถียงเทพคุ้มครองทันที
ก่อนจะสะบัดหน้าราวกับเด็กๆโดนขัดใจ นั่นทำให้โระคุคาราสึและท่านปู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความระอาในนิสัยมุทะลุแบบเด็กๆของว่าที่ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป
“อย่างไรก็ตามนะฮายาโตะ...อย่าเข้าไปในเขาจันทราทรงกลดในคืนพรุ่งนี้โดยเด็ดขาด
ถ้าเจ้าขัดคำสั่งปู่ ปู่ไม่รับรองว่าเจ้าจะได้กลับออกมาอีก”
คำประกาศิตเย็นๆขู่ขวัญโกคุเดระ ฮายาโตะเป็นอันสรุป แต่ว่าคนโดนขู่กลับหาได้กลัวไม่
ยังนั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ
ถ้าในที่นี้ไม่มีเหล่าท่านองเมียวจิอาวุโสแล้วก็บริวารชั้นอ๋องของท่านปู่อยู่ล่ะก็
เขาจะกรีดร้องออกมาดังๆให้มันรู้แล้วรู้รอด
ท่านปู่นะ ท่านปู่
ไม่ได้รู้ใจข้าเอาซะเลย!!
ไม่อยากให้ข้าตาย เลยขังข้าเอาไว้เหมือนวิหคในกรงทอง
แต่รู้หรือไม่ว่าข้าจะอกแตกตายหากไม่ได้ใช้วิชาองเมียวที่ฝึกฝนอยู่ทุกวันไปปราบปิศาจนี่ล่ะ!
“อย่างไรก็ตามนะฮายาโตะ...อย่าเข้าไปในเขาจันทราทรงกลดในคืนพรุ่งนี้โดยเด็ดขาด
ถ้าเจ้าขัดคำสั่งปู่ ปู่ไม่รับรองว่าเจ้าจะได้กลับออกมาอีก”
เมื่อคืนท่านปู่สั่งเอาไว้อย่างนี้สินะ....
แต่....อยากบอกว่าข้าลืมมันไปจนหมดจนสิ้นตั้งแต่ออกจากห้องประชุมแล้ว!!
โระคุคาราสึเคยพูดกับเขาไว้ว่า เขาจันทราทรงกลดเป็นแหล่งที่เหล่าปิศาจอาศัยอยู่มากที่สุดภายใต้การปกครองของ
จอมราชันย์แห่งรัตติกาล หรือผู้นำปิศาจทั้งปวง แถมยังเป็นสถานที่ที่ท่านปู่เคยฝึกฝนวิชาสมัยยังไม่ปลดระวาง
แต่ตลอดสิบสี่ปีที่เกิดมาก็ไม่เคยไปเหยียบเขาสุดแสนจะเร้าใจนั่นสักที แล้วเจ้าจอมราชันย์แห่งรัตติกาลอะไรนั่นชื่อก็น่าหมั่นไส้ชวนปราบอย่างอะไรดี
“หึ...แค่นี่ก็เรียบร้อย”
มือบางดึงผ้าให้ผูกกันเป็นเงื่อนแล้วสะพายขึ้นบ่า
ก่อนจะเดินไปที่มุมห้องแล้วหยิบของขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง
ดวงตาสีอัญมณีมรกตเพ่งพินิจดูมันด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ปลายนิ้วลูบมันอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม
มันคือมีดสั้นลงอาคมที่เก็บไว้ในฝักอย่างเรียบร้อย...ของที่ท่านปู่มอบไว้ให้กับเขาตอนวันเกิดครบรอบสิบปี...ของที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาจะได้เป็นผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป
ท่านปู่......ข้าจะใช้มีดเล่มนี้ผนึกจอมราชันย์แห่งรัตติกาลให้ดูและถึงเวลานั้นข้าจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลอย่างภาคภูมิใจและสมเกียรติให้ได้!
รอข้าก่อนเถอะจอมราชันย์แห่งรัตติกาล....เจ้าจะเป็นใหญ่หรือจอมปิศาจที่มีบริวารมากเพียงใดไม่ทำให้ข้าพรั่นพรึงได้แม้แต่นิด
มีดเล่มนี้จะดื่มเลือดเจ้าเพื่อแก้แค้นให้แก่มนุษย์โลกทุกคนที่สังเวยชีวิตให้กับจอมมารอย่างเจ้า!!!
ร่างระหงค่อยๆย่องออกจากห้อง
แล้วกระโดดลงจากชานนอกห้องลงไปในสวนหลังคฤหาสน์
ห้องของท่านปู่อยู่ชั้นสองฝั่งหน้าสุด ไม่มีทางเห็นเขา
แล้วยามนี้เหล่าองเมียวจิก็คงฝึกวิชาสมาธิอยู่ในห้องพระใหญ่
โระคุคาราสึและเทพบริวารองค์อื่นก็คุยกับท่านปู่ที่ชั้นสอง
สรุป...หลังบ้าน แม้แต่โจรกระจอกยังเข้าได้เลย
โกคุเดระ ฮายาโตะปีต้นซากุระหลังบ้านอย่างคล่องแคล่วแล้วก้าวเท้าไปยืนบนกำแพงอาคม
สายลมพัดหวีดหวิวต้องใบหน้าให้ความรู้สึกหนาวยะเยือก
แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนใจแน่วแน่ของนายน้อยตระกูลโกคุเดระได้
ร่างโปร่งบางสูดหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่งแล้วหันกลับมามองชั้นสองของคฤหาสน์ที่มีอยู่เพียงห้องเดียวที่ส่องสว่างด้วยแสงเทียนจากเชิงในห้อง
ความสว่างส่องให้เห็นเงาของใครบางคนที่นั่งคุยอยู่กับเทพบริวารตามที่เขาคาดเอาไว้
“ท่านปู่
ข้าจะเอาเลือดของจอมราชันย์แห่งรัตติกาลมาให้ท่านปู่ดูให้ได้ รอข้าสักสองชั่วยามแล้วข้าจะกลับมา”
นายน้อยตระกูลโกคุเดระกระโดดลงจากกำแพงอาคมซึ่งเป็นที่สิ้นสุดข่ายมนต์ของคฤหาสน์คอยคุ้มครอง
แต่ไม่ได้รู้ตัวสักนิดเลยว่าการกระทำอันห้าวหาญนั้นมีสายตาของท่านผู้นำจับจ้องอยู่ทุกอิริยาบถ
เจ้าใจร้อนเสมอ....ฮายาโตะ
หากเพียงสายลมบางเบาก็สามารถพัดใจของเจ้าให้อ่อนไหว
เจ้าไม่สามารถชนะจอมราชันย์แห่งรัตติกาลได้...
เหมือนกับข้า....ในตอนนั้น
“นายน้อย...แอบหนีไปจริงๆด้วยนะขอรับท่านจี”
โระคุคาราสึในยามนี้คืนร่างเดิมเป็นกามีปีกสีดำเลื่อมราวกับนิลทั้งหมดหกปีกแผ่สยายอย่างสง่างามสมกับเป็นเทพคุ้มครอง
ร่างกายกำยำในชุดนักรบญี่ปุ่นโบราณยืนอยู่นอกชานมองร่างของนายน้อยเลือดร้อนประจำตระกูลกระโดดลงกำแพงไปไวๆ
“ฮึ...ไอ้เด็กใจร้อนอยากลองดีก็อย่างนี้แหล่ะ”
“ก็เหมือนท่านจีสมัยก่อนมิใช่หรือขอรับ”
คำเย้าของคนสนิททำให้ท่านผู้นำตระกูลถึงกับขยับยิ้ม โระคุคาราสึพูดไม่ผิด... เด็กคนนั้นเหมือนเขาเหลือเกิน
เหมือนเสียจนเขาคิดว่าคงไม่มีใครที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปได้มากกว่าฮายาโตะ
เพียงแต่ว่า....บางสิ่งบางอย่าง เขาไม่อยากให้เด็กคนนั้น......กระทำซ้ำรอยเขา
“โระคุคาราสึ
เจ้าจงติดตามฮายาโตะไปอย่าให้คลาดสายตา
เมื่อใดที่ฮายาโตะต้องพบกับจอมราชันย์แห่งรัตติกาลแล้วล่ะก็ส่งข่าวให้ข้าทันที”
“ขอรับ....ท่านจี”
คฤหาสน์อีกแห่งหนึ่ง
กลิ่นอายของความอันตรายแผ่ขยายครอบคลุมทำให้ผู้ที่ก้าวย่างไปเหยียบในเขตต้องหวาดกลัว
จิตภูตมหาศาลรายล้อมแสดงถึงความเป็นศูนย์กลางของเหล่าบรรดาความชั่วร้ายทั้งปวง ทุกสรรพสิ่งต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจไม่ว่าจะแย่งชิงมาด้วยกำลัง
เล่ห์กลแพรวพราว หรือมนต์ คาถา อาคมแกร่งกล้าเหนือภูตปิศาจทั้งหมด
โดยเฉพาะคืนนี้
คืนที่พระจันทร์เต็มดวง รัศมีแสงจันทร์วาดเป็นวงกว้างเหมือนกับอยู่ใต้กลดใหญ่
จะเป็นคืนที่เลือดของปิศาจร้อนระอุมากกว่าปกติ กระตุ้นความกระหายในเลือดและเครื่องในสดๆของมนุษย์รสโอชามากกว่าคืนใด
“ฮ่าๆๆๆๆ
จันทร์ทรงกลดขึ้นกลางฟ้าแล้ว ได้เวลาล่าเหยื่อแล้วสิ ฮ่าๆๆๆๆ”
เหล่าปิศาจชูมือขึ้นกลางอากาศด้วยความปิติยินดีเกินปกติเหมือนคุมสติไม่อยู่
เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังก้องไปทั่วภูเขาใหญ่ บางตนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระโจนไปตามกิ่งไม้เสาะแสวงหาเหยื่อทันทีเข้าตามตำรา
นกที่ตื่นเช้ากว่าย่อมได้หนอนตัวอ้วนพีกว่า
แต่การดิ้นรนเช่นนั้นไม่ใช่เกียรติศักดิ์ศรีของจอมราชันย์แห่งรัตติกาล...ผู้นำปิศาจรุ่นปัจจุบัน
ยามาโมโตะ ทาเคชิ
“ฮึๆๆๆๆ เจ้าพวกปลายแถวที่กลัวไม่มีเหยื่อกิน
ไม่เข้าใจคำว่าช้าๆได้พร้าเล่มงามเอาเสียเลย...เลือดมนุษย์น่ะจะข้นอร่อยที่สุดก็ใกล้รุ่งสางโน่น...จริงมั้ย...ปู่”
ร่างสูงของชายหนุ่มวัยรุ่น
เรือนผมสีดำสนิทไม่ต่างจากสีของท้องฟ้ายามรัตติกาล
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปลือกไม้คมกริบไม่ฉายแววของความอ่อนแอให้เห็นนั่งดูเหล่าบริวารจากชั้นสองของคฤหาสน์
เขาอยู่ในชุดกิโมโนสีดำสวมทับด้วยฮะโอริ(ชุดคลุม)สีขาวอีกชั้นหนึ่ง
เสริมให้ร่างสูงโปร่งดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขามสมกับเป็นผู้นำโดยแท้จริง
คู่สนทนาของชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะวางถ้วยน้ำชาลงกับจานรอง
ซึ่งก็มีแต่เขาผู้นี้เท่านั้น
ที่เมื่อใดๆในคืนจันทร์ทรงกลดจะใจเย็นดื่มน้ำชาต่างเลือดมนุษย์ ไม่รู้ว่ามันแทนกันได้ตรงไหน
จอมราชันย์แห่งรัตติกาลรุ่นที่แล้ว...
อาซาริ อุเก็ตสึ
“มันแล้วแต่รสนิยมนะ ทาเคชิ
บางทีหวานไปมันก็เอียน อยากลิ้มลองแบบจืดๆบ้างไม่เห็นจะเสียหาย”
“อืม....ประเด็นนั้นข้าพอจะเข้าใจ
แต่สิ่งที่รับไม่ได้ก็คือชุดของปู่น่ะ เป็นปิศาจแท้ๆไยแต่งตัวอย่างกับองเมียวจิ
ข้าเห็นทีไรสะดุ้งทุกที...หรือปู่คิดจะฝักใฝ่วิชาองเมียวเหมือนกับ “ฝั่งโน้น”
กันล่ะฮึ?” ยามาโมโตะ ทาเคชิเบะปากให้กับชุดแขนยาวของผู้เป็นปู่ที่เป็นองเมียวจิเต็มยศ
อีกบนศีรษะนั่นยังมีหมวกทรงสูงด้วย
ข้อกังขาของหลานทำให้อุเก็ตสึเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงยิ้มตอบ
“อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยม...
ข้าก็แค่คิดว่ามัน...สวยดีก็เท่านั้น”
“สวย?”
ดูเหมือนว่าเจ้าหลานตัวแสบจะจับสายตาของท่านปู่ตอนที่พูดว่า สวย ได้
ริมฝีปากเรียวเหยียดยิ้มแล้วเย้าต่อ
“ข้าสงสัยมานานแล้ว ที่ปากบอกว่าสวยนี่
เป็นเพราะชุดขององเมียวจิที่ตัดเย็บได้งดงามไร้ที่ติ
หรือว่า.....จะเป็นองเมียวจิผู้ใดที่โฉมสะคราญต้องตาต้องใจปู่กันแน่”
ข้อสัณนิษฐานของชายหนุ่มทำให้อุเก็ตสึนิ่งไปพักหนี่ง
สมแล้วที่เป็นจอมปิศาจ ดวงตาฉับไวจับอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่หลานก็คือหลาน...คนมันผ่านโลกมาผิดกัน
“ฮะฮะฮะ จะว่าอย่างไรดี เจ้าต้องเจอกับตัวเสียกระมังถึงจะรู้
แต่จงจำไว้อย่างหนึ่ง...ความสวยงามของบางสิ่งก็มีเอาไว้เพียงมอง....ไม่ควรแตะต้อง....อย่าหลงมัวเมาในความสนุก
หลงในรูปรสภายนอกเฉกเช่นอาภรณ์...เพราะมันจะทำให้เจ้าติดบ่วงของเล่ห์กลอันหอมหวานนั้นโดยไม่รู้ตัว”
“ปู่...ข้าแค่ถามเรื่องชุดขององเมียวจิ
ไปๆมาๆกลับเป็นว่าต้องมาฟังปู่เทศน์เนี่ยนะ”
“ฮึๆๆๆ ข้าก็แค่เตือนไว้”
ท่านปู่ปิศาจในคราบองเมียวจิยังอารมณ์ดียกชาขึ้นจิบแก้คอแห้งอย่างใจเย็น
ปล่อยให้คนเป็นหลานงงงวยกับคำสอนที่แสนจะเข้าใจยาก
เรื่องคุณธรรมอะไรพรรค์นี้ไม่ถูกกับยามาโมโตะ ทาเคชิเอาซะเลย
“ไปดีกว่า
อยู่ใกล้ปู่มากๆข้าคงต้องผันตัวจากปิศาจไปเป็นนักพรต อีกอย่างนะ....” ร่างสูงของยามาโมโตะที่กำลังจะกระโจนลงจากหน้าต่าง
หันกลับมาหาผู้เป็นปู่ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานของเลือด เล็บแหลมๆค่อยยาวเลยออกมาเป็นนิ้ว
ริมฝีปากแสยะแยกเห็นเขี้ยวคมกริบที่ฝังลงกับเนื้อมนุษย์มานับไม่ถ้วน
“คงต้องรีบไปต้อนรับทาง “ฝั่งโน้น”
เขาหน่อย เป็นเจ้าบ้านแต่ปล่อยให้แขกรอ เดี๋ยวเขาได้หาว่าจอมราชันย์แห่งรัตติกาลไร้มารยาท”
“อะไรของปู่
พูดถึงองเมียวจิเมื่อใด ได้เทศน์ข้ายาวทุกที” จอมราชันย์แห่งรัตติกาลยามนี้ขึ้นนั่งบ่าแร้งตัวใหญ่มหึมา
ถึงแม้ปากจะบ่นถึงปู่ของตัวเองแต่ดวงตาคอยสอดส่องมองทิวทัศน์เบื้องล่างไปพลางๆ
เหมือนว่าจันทร์ทรงกลดครานี้พวกมนุษย์ได้ระวังตัวกันมากกว่าปกติ ไม่เห็นได้กลิ่นสาบความอ่อนแอ...กลิ่นความอ่อนแอที่ชวนขย้ำ
เอ....หรือว่าทาง “ฝั่งโน้น”
จะเริ่มเคลื่อนไหวแล้วหรืออย่างไรนะ
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทดังขึ้นทางชายป่าตะวันออก
เรียกใบหน้าคมคายให้หันไปมอง พวกนกแสกกระพือปีกบินแตกกลุ่มโกลาหลตามวิสัย
แต่เสียงระเบิดนี้ตอบข้อข้องใจของยามาโมโตะ ทาเคชิได้อย่างดีทีเดียว
ริมฝีปากของเจ้าปิศาจขยับยิ้มเย็น
“หึหึหึ...ยินดีต้อนรับ”
เจ้าแร้งสีดำทมิฬบินโฉบไปทางตะวันออกทันที
แล้วร่อนลงเกาะกับกิ่งไม้ใหญ่ใกล้เสียงระเบิด จอมราชันย์แห่งรัตติกาลเพ่งพินิจมองภาพเบื้องหน้า
ปิศาจที่โดนผนึกเกลื่อนทำให้เขาอยากระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ...กลิ่นอายของเวทย์มนตร์ที่เป็นปรปักษ์กับเหล่าปิศาจโชยกึกชวนให้โลหิตสูบฉีดแรง...และภาพสุดท้าย
บุคคลที่ยืนจังก้าอยู่นั้นทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำแทบทะลุออกมานอกอก
มาจริงๆซะด้วย....หึหึหึ...มนุษย์ผู้มีโลหิตเป็นกระยาหารชั้นเลิศ
มนุษย์ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าปิศาจ...
องเมียวจิ!!
“อัญเชิญชิคิงามิ มังกรเพลิง!!”
เสียงเรียกชิคิงามิดังผสมผสานกับเสียงคำรามของปิศาจที่ล้อมเขาอยู่ทั่วทุกทิศ
กระดาษบางๆที่เขียนตัวอักษรโบราณเอาไว้ค่อยๆเรืองแสงแล้วกลายเป็นมังกรสีแดงตามร่างกายมีไฟเพลิงห่อหุ้มอยู่อย่างน่าเกรงขามเข้าปะทะ
ว่าแล้วริมฝีปากของผู้ผนึกก็ร่ายมนต์
“ปิศาจที่อยู่ในโลกใบนี้เอ๋ย...เจ้าสร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์มานับไม่ถ้วน....ข้าจักส่งเจ้าลงสู่ปรภพ......มังกรเพลิง!”
“กร๊าซซซซซ”
เสียงมังกรคำรามดังกึกก้องตอบรับคำเรียกของผู้เป็นเจ้านาย
พร้อมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขดตัวเป็นรูปวงกลมตามรัศมีของปิศาจที่รายล้อมอยู่แล้วหมุนตัวด้วยความเร็วสูง
ฉับพลันเพลิงบรรลัยกัลป์ก็ลุกท่วมตัวปิศาจทุกตนอย่างอัศจรรย์
เสียงร้องโอดโอยของปิศาจระงมไปทั่ว บางตนนอนลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้นก็มี
มันทั้งทรมาณ ร้อนและเจ็บแสบดั่งไฟจากนรก
“อเวจีเปิดรับพวกเจ้าแล้ว........กำจัด!”
บรึ้มมมมมมมมมมม!!!!!!
ร่างกายของปิศาจและเหล่าภูตพรายระเบิดเป็นเถ้าธุลีแล้วปลิวไปตามกระแสลม
แต่ว่าวิญญาณที่ชั่วร้ายไม่มีวันลอยนวลอยู่ในโลกใบนี้ได้อีกต่อไป...แต่ต้องไปใช้เวรใช้กรรมอยู่ในดินแดนโลกันตร์ตามความเลวความชั่วที่ได้ก่อเอาไว้
“โอ้โฮ...เก่งแฮะ
ดีไม่ดีเก่งกว่าผนึกลำดับสามที่ส่งมาเมื่อครั้งแล้วอีกนะนี่ ฮึๆๆๆ”
ผู้ชมมหรสพยามค่ำคืนนั่งเท้าคางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความเพลิดเพลิน
ในใจยังตื่นเต้นไม่หาย
คิดว่าคืนนี้คงต้องไปหาเลือดชั้นต่ำมาดื่มแก้ขัดอย่างเสียไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เสียงกลองมหรสพที่ดังอึกทึก เขาคงไม่ได้มานั่งชมการแสดงสนุกๆแบบนี้
แล้วก็คงไม่ได้มาเจอตัวเด่นหาเคี้ยวยากแบบนี้หรอก...
แต่ว่า...การแสดงมันจบแล้วล่ะนะ...
ได้เวลาเข้าฉากแล้ว...องเมียวจิตัวน้อย
พรึ่บ
เพียงแค่เจ้าแห่งปิศาจขยับข้อมือ
แขนกิโมโนก็สะบัดแล้วทิ้งตัวลง ทันใดนั้นหมอกควันหนาก็ลงจับทั้งชายป่าจันทราทรงกลด
ความหนาทึบของมันกลบแสงจันทร์ที่สาดส่องได้ชะงักนัก...สายตาระดับมนุษย์ก็คงฝ้ามัวจนเดินต่อไปไม่ได้และบอกเสียก่อนว่าหมอกของเจ้าแห่งปิศาจอย่างยามาโมโตะ
เทเคชิ มิได้มีดีแค่ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงหรอกนะ
“ไปเลย แร้งทมิฬ!”
ว่าแล้วพญาแร้งก็โฉบลงจากต้นไม้ แล้วถลาลงยังพื้นปฐพี
แรงลมจากการกระพือปีกพัดเอาฝุ่นดินและใบไม้ม้วนฟุ้งกลางอากาศ จอมราชันย์แห่งรัตติกาลย่างลงจากพาหนะก่อนจะย่อตัวลงช้อนร่างของอาหารมื้อค่ำรสโอชะขึ้น
ซึ่งบัดนี้ได้หมดสติเพราะฤทธิ์ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว...
หืม.......ประหลาดเหลือเกิน...
เพียงแค่เขาโอบองเมียวจิผู้นี้ขึ้นมาแนบอก...กลิ่นหอมบริสุทธิ์ก็แตะจมูกเสียจนเลือดในกายร้อนรุ่ม...ร้อนรุ่มยิ่งกว่านักพรตใดๆที่เขาเคยคร่าชีวิตดื่มกินเลือดมา...
มือสองข้างที่สัมผัสกับแขนเรียวช่างบางและนุ่มนวลถ้าหากออกแรงบีบคงจะแหลกสลายคามือ
น่าเสียดายที่หมอกมันลงจัดไปหน่อยข้าเลยยังไม่เห็นหน้าเจ้า...
ถ้าเช่นนั้นไปหาที่เงียบๆทำความรู้จักกันหน่อยเป็นไร...
เจ้า...พลาดไปแล้ว........
พลาดอย่างมหันต์เลย ยามาโมโตะ
ทาเคชิ
บางทีเจ้าควรจะปล่อยเขาไป....ไม่ควรอวดดีไปอุ้มเขามาแบบนี้.....พิศดูเหยื่อของเจ้าสิ....
ผิวนวลละเอียดอ่อนแลดูผ่องขึ้นไปอีกเมื่อแสงจันทร์จับ
เรือนผมสีเงินนุ่มสลวยเคลียต้นคอขาวระหง
คิ้วโค้งโก่งดังคันศรรับกับแพขนตาของดวงหน้ายามหลับตาพริ้มได้อย่างไร้ที่ติ
พวงแก้มสีชมพูผุดผาดบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังเยาว์วัย
ริมฝีปากบางแดงอย่างธรรมชาติแต่ยามนี้ติดซีดเพราะอากาศในเขาจันทราทรงกลดหนาวเย็นกว่าข้างนอกหลายขุมนัก....ร่างกายที่อยู่ภายใต้ชุดแขนยาวขององเมียวจิหลวมๆเพรียวบางกว่าที่เขาคิดเอาไว้
โดยรูปลักษณ์แล้วหากเขาผู้นี้ไม่ใส่ชุดองเมียวจิซึ่งคล้ายคลึงกับชุดขุนนางแบบชาย
เจ้าแห่งปิศาจก็ปักใจเชื่อเต็มๆว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนนี่เป็นมนุษย์หญิงแสนเลอโฉม
เป็นบุรุษแท้ๆเหตุไฉนจึงงามพริ้มเพราเสียยิ่งกว่าอิสตรี...อีกกลิ่นกายของเจ้ายังหอมรัญจวนชวนให้ข้าใจสั่นอย่างที่ไม่รู้สึกมาก่อน
บังอาจจริงนะ...นี่เจ้าทำให้ข้าหลงใหลเสียแล้วอย่างนั้นหรือ?
“อือ...กลิ่น..อาย....ปิ..ศาจ?”
เสียงครางในลำคอของผู้ที่กำลังจะคืนสติออกเพ้อมากกว่าจะพูดเป็นคำ เรียกให้เจ้าแห่งปิศาจหลุดจากภวังค์
เปลือกตาค่อยกระพริบถี่ขึ้นๆ แล้วเปิดออก เผยให้เห็นดวงตาสีมรกตน้ำงาม
แม้ว่าจะฉายแววความง่วงงุน แต่ในสายตายามาโมโตะ ทาเคชิแล้วมันยังดูสดใสดุจอัญมณีที่เจียระไนโดยช่างฝีมือเอก
“อรุณสวัสดิ์...อืม...แต่ถ้าเป็นมนุษย์อย่างเจ้าต้องพูดว่า....สายันห์สวัสดิ์ใช่ไหม”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย!!!” ร่างบางในอ้อมแขนของเขาสะดุ้งสุดตัว แถมยังดิ้นขลุกขลักซะจนเขาจะเอาไม่อยู่
ที่ดิ้นน่ะพอรับได้อยู่หรอก...แต่เสียงนี่สิ...
“ปล่อยข้านะ นี่เจ้าเป็นใคร
เหตุใดบังอาจมาแตะต้องตัวข้าได้ถึงเพียงนี้ ไม่รู้เรอะว่าข้าเป็นใคร ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ฮะฮะฮะ
นั่นสิ....ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เช่นนั้นก็เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามเจ้ามาสิ”
รอยยิ้มพร้อมกับคำถามชวนผูกไมตรีทำให้โกคุเดระฉุนกึก แล้วแขนของมันที่โอบรอบเอวเขาอยู่นี่มันก็น่าตัดทิ้งเสียจริงๆ...ใช่...น่าตัดทิ้งมาก
ถ้าเกิดสถานที่ๆเขาและมันอยู่นี่ไม่ใช่กิ่งซากุระต้นใหญ่สูงจากพื้นราวสิบเมตรเศษ...แล้วอย่าคิดนะว่าเขาจะไม่รู้
หมอกประหลาดๆนั่น ฝีมือหมอนี่อย่างไม่มีข้อสงสัย
“ปล่อยข้า....เจ้าปิศาจ” น้ำเสียงถือตัวออกคำสั่งเฉียบขาด
ดวงตาสีมรกตวาวโรจน์พร้อมใช้มือข้างที่ว่างจะล้วงชิคิงามิ แต่นายน้อยแห่งตระกูลองเมียวจิใหญ่ต้องชะงัก
เพราะที่ตัวของเขาไม่มีชิคิงามิอยู่เลยสักตนเดียว
“อื๋อ? หาชิคิงามิอยู่เหรอ
ของอันตรายแบบนั้นข้าเอาเก็บไว้ตรงโน้นแน่ะ.....แล้วก็นะองเมียวจิตัวน้อย......”
นิ้วของเจ้าแห่งปิศาจชี้ไปที่กิ่งซากุระอีกกิ่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปเกินกว่าจะเอื้อมซึ่งมีกระเป๋าย่ามของเขาแขวนอยู่
ใบหน้าคมคายโน้มเข้ามาใกล้ก่อนก้มลงกระซิบที่ริมหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำชวนขนลุก
“อย่าดื้อตอนนี้จะดีกว่า
เจ้าน่ะนั่งอยู่บนตักของข้า มือของข้าก็ประคองหลังเจ้าเอาไว้ ถ้าข้าปล่อยมือ
หรือเจ้าดิ้นแรงจนข้ารับไม่ไหวล่ะก็.....เจ้าตกลงไปแน่ๆ......ความสูงระดับนี้น่ะคอสวยๆของเจ้าได้หักหมดเลยล่ะน้า
หึหึหึ”
“นี่เจ้า!...”
“ข้าชื่อ ยามาโมโตะ ทาเคชิ
เป็นจอมราชันย์แห่งรัตติกาลผู้อยู่สูงสุดเหนือปิศาจและภูตพรายทั้งปวง...เจ้าล่ะ
ชื่ออะไร?” นามที่เอ่ยจากปากพร้อมตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์อันน่าสะพรึงกลัวทำให้โกคุเดระแทบจะกลั้นความตกใจไม่อยู่
น้ำลายเริ่มเฝื่อนคอจนกลืนไม่ลง มือไม้พาลเย็นชืดไม่มีแรงจะดิ้นอีกต่อไป
แต่สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดก็คือร่างกายที่มันสั่น....สั่นจนคุมไม่ได้อีกต่อไป....
นี่นะหรือ จอมราชันย์แห่งรัตติกาล
นี่นะหรือ...คนที่ท่านปู่บอกว่าเป็นจอมปิศาจที่อันตรายนักหนา
“จอมราชันย์แห่งรัตติกาล....เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของข้า
เพราะข้าจะผนึกเจ้าก่อนจะสิ้นราตรีนี้ เตรียมใจไว้เถอะ!”
“โฮ่
ความตั้งใจสูงส่งดีจัง....แต่องเมียวจิเอ๋ย...เจ้ารู้สภาพตนเองตอนนี้หรือเปล่า
คิดรึว่าข้าจะปล่อยเหยื่อชั้นเยี่ยมอย่างเจ้าไป...ไม่เป็นข้าก็เป็นปิศาจกระหายเลือดตนอื่นเขมือบอยู่ดี...ยิ่งกลิ่นโชยกรุ่นขนาดนี้ไม่ทันถึงชายป่ากระดูกเจ้าก็ไม่เหลือ”
เจ้าแห่งปิศาจเปรยเสียงเย็น มือแกร่งบีบหัวไหล่มนแล้วรั้งเข้ามาใกล้
ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่แถวๆซอกคออย่างกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายตัวสั่นเทิ้มมากขึ้นกว่าเดิม...แต่คนโดนแกล้งก็ช่างทิฐิสูงนัก
เพราะเขาได้ยินเสียงฟันที่ขบกันดังกรอด
มือบางคู่นั้นกำหมัดแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าไปในฝ่ามือได้...นี่เป็นเหตุผลที่ยามาโมโตะยอมผละจากซอกคออันหอมหวลนั่นสักพัก
แต่พอหันไปมองใบหน้างาม ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ก็ต้องเบิ่งขึ้น
เพราะพวงแก้มที่แต่เดิมออกสีเลือดฝาดอ่อนๆ ตอนนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเป็นสีแดง
ยิ่งจมูกรั้นๆนั่นจะแดงกว่าที่อื่น ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆมาคลอแต่ก็ยังฉายแวววาวโรจน์
โกรธ....อย่างนั้นหรือ?......ไม่ใช่...
ต้องบอกว่าเจ้าโกรธมากเลยสินะ
“เจ้าจะบังอาจดื่มเลือดข้า?
ฝันไปเถอะ!” ไม่ทันขาดคำดี มีดอาคมสีเงินวาววับก็ถูกถอดออกจากฝักแล้วเฉือนเข้ากับต้นแขนของจอมปิศาจ
เลือดสีแดงฉานไม่ต่างจากเลือดของมนุษย์กระฉูดออกจากปากแผลเปื้อนกิโมโนสีดำชื้นเป็นวงกว้าง
เมื่อหลุดจากพันธนาการแล้ว โกคุเดระ ฮายาโตะลุกยืนขึ้นบนกิ่งซากุระแบบไม่ได้เกรงกลัวว่าจะตกลงไปแม้แต่นิด
ในมือบางกำด้ามมีดแน่น
ดวงตากล้าหาญของสายเลือดแท้ตระกูลองเมียวจิท้าทายจอมราชันย์ปิศาจไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่น
และมาจนถึงตรงนี้ยามาโมโตะ
ทาเคชิได้เห็นรอยยิ้มเหยียดของร่างโปร่งบางเป็นครั้งแรก
“จะแค้นข้าก็ได้จอมราชันย์แห่งรัตติกาล.......
เพราะข้าสัญญากับท่านปู่เอาไว้ว่าจะเอาเลือดเจ้าไปให้เขาดู”
“คิดว่าเพียงแค่นั้นจะทำให้ข้าแค้นเจ้าเรอะ....องเมียวจิตัวน้อย”
ใบหน้าของยามาโมโตะ
ทาเคชิแม้ว่าจะเปื้อนรอยยิ้มแต่ก็มีเหงื่อเม็ดโตผุดพรายไปทั่วเพราะฤทธิ์ของมีดลงอาคม
เสียงหายใจเริ่มหนักขึ้นๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็พูดประโยคหนึ่งออกมา ประโยคที่พูดด้วยน้ำเสียงหอบหายใจถี่
แต่มันก็ซึมลึกไปถึงใจของคนฟัง
“ก็เป็นเพราะข้าหลงใหลเจ้า...หลงใหลตั้งแต่แรกพบ
เจ้าเป็นดั่งกลีบบุปผาที่ปลิวร่วงหล่นบนพื้นน้ำ
ทำให้ผิวน้ำที่นิ่งเรียบต้องสั่นไหว....”
สิ้นคำสารภาพ ดั่งโลกนี้หยุดหมุน
เขาจันทราทรงกลดเงียบงันไร้เสียงหริ่งเรไรขับขาน
มีเพียงเสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะประสาน...ดวงตาสองคู่จับจ้องกันไปมาราวกับจะมองให้ลึกลงไปถึงจิตใจ
ในโสตประสาทของโกคุเดระยังได้ยินคำพูดของยามาโมโตะชัดเจน...
เจ้าบอกว่าเจ้า....หลงใหลในตัวข้า.......จอมปิศาจอย่างเจ้าน่ะหรือ....เกิดชอบพอในตัวศัตรูอย่างข้า
ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยวจีใดๆตอบไป
ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากพื้นปฐพีด้านล่าง
“ปู่เป็นเช่นใด หลานก็เป็นเช่นนั้น
คาโอ!....ไปเอาหลานข้าลงมา!”
สิ้นเสียงคำสั่งหมาป่าตัวมหึมาก็ทะยานขึ้นสูงถึงกิ่งที่นายน้อยยืนอยู่แล้วใช้กรงเล็บขนาดใหญ่ตัดกิ่งซากุระจนหักสะบั้น
ร่างทั้งร่างของโกคุเดระร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ไม่ทันถึงพื้น
โระคุคาราสึก็บินถลามารับไว้ได้ทันเวลา
“โระคุคาราสึ!!! แล้วก็....” ดวงตาสีมรกตถลึงขึ้นอย่างตกใจเมื่อคนเบื้องล่างที่ยืนอยู่อย่างสง่างาม
เป็นผู้นำองเมียวจิชั้นเซียนกว่าสิบคนและเทพชิคิงามิอีกนับไม่ถ้วน...เขาตาไม่ฝาดแน่ๆ
นั่นน่ะ....
“ท่านปู่!”
“จะดื้ออย่างไรให้มันมีขอบเขตหน่อยได้ไหม
ฮายาโตะ!
กลับไปดูท่าว่าห้องพระใหญ่เจ้าจะต้องเป็นคนถู”
ดวงตาสีแดงของท่านปู่ปรายคาดโทษหลานตัวแสบที่ลงจากบ่าโระคุคาราสึ.....แล้วตวัดมองเจ้าหนุ่มผมดำที่กระโดดลงพื้นจากความสูงระดับนั้นได้สบายๆ
“เจ้าหนู....เจ้าคงจะเป็นจอมราชันย์แห่งรัตติกาลรุ่นปัจจุบัน
เพราะหมอนั่นมันคงจะปลดระวางเหมือนอย่างข้า....เช่นนั้นในฐานะคนรุ่นปู่ข้าขอเตือนอะไรเจ้าไว้อย่าง......ปิศาจไม่มีคำว่าหลงใหลในตัวมนุษย์
เพราะสิ่งที่ปิศาจอยากได้จากมนุษย์มีเพียงเลือดและเครื่องในสดๆสนองตัณหาของตัวมันเองก็เท่านั้น.....หลงระเริงในพละกำลังอำนาจที่เหนือกว่า
จนกระทำเรื่องเลวๆ สร้างความเดือดร้อนไม่รู้จักจบสิ้น....นี่คือสิ่งที่ชื่อว่าปิศาจ”
“ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด
เจ้าก็คิดเช่นนี้เสมอ...จี”
เสียงนุ่มทุ้มของชายผู้หนึ่งดังขึ้นก่อนจะเกิดไอหมอกสีขาวมัวลอยข้างๆที่ยามาโมโตะยืนอยู่
พลันหมอกก็จับตัวเป็นรูปร่างของชายร่างสูง มีหมวกทรงสูงและชุดองเมียวจิครบยศ
การปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิดของปิศาจอีกตนทำให้ผู้นำตระกูลองเมียวจิตัวจริงหน้าเครียดไปถนัดตา
ริมฝีปากสีอ่อนเอ่ยชื่อที่อยากลืมเลือนเสียให้พ้นๆ แต่ก็ทำไม่ได้สักที
“อาซาริ อุเก็ตสึ!!”
“ดูเจ้าสบายดีนี่นา...
ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง”
สีหน้าของผู้นำปิศาจรุ่นก่อนยิ้มแย้มทักทายอาคันตุกะคนสำคัญ แต่สิ่งที่ได้กลับ
ก็มีเพียงแต่ใบหน้าเย็นชาเท่านั้นเป็นเชิงว่า อีกฝ่ายไม่ได้ยินดีเลยที่ได้พบเขา
แต่อุเก็ตสึไม่ได้ถือสา กลับใช้ดวงตาที่ฉายแววความอ่อนโยนใจดีเหลือบมองเด็กหนุ่มเรือนผมสีเงินยวงที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้นำจี
“ฮะๆๆ คนนั้นเหรอ ทาเคชิ
ที่ทำให้เจ้าไม่ยอมกลับคฤหาสน์สักที....อืม.... ยิ่งมองก็ยิ่งคล้ายผู้เป็นปู่”
“ปู่รู้จักพวกเขา?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม
เขาเคยคิดอยู่หรอกว่าปู่ท่าจะไปติดใจตระกูลองเมียวจิที่ไหนสักแห่ง
แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนในตระกูลนี้....การทำอะไรซ้ำรอยบรรพบุรุษตัวเองเป็นสิ่งที่ยามาโมโตะไม่พิสมัยเอาเสียเลย
“ก็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่”
อุเก็ตสึคลี่ยิ้ม แล้วชำเลืองตามองอีกฝ่ายอย่างขอความคิดเห็น “ใช่ไหม?...”
“ข้าไม่เคยคิดว่าปิศาจอย่างเจ้าจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์อย่างข้า
มันอยู่กันคนละขั้ว อาซาริ อุเก็ตสึ พวกเจ้าคือตัวตนสีดำ
และพวกข้าคือตัวตนสีขาวผู้รักษาพรมแดนระหว่างดินแดนมนุษย์และปิศาจให้อยู่ในที่ที่ควรจะเป็น....”
น้ำเสียงและดวงหน้างามสง่าของผู้นำตระกูลโกคุเดระตึงเรียบและรักษาระยะห่าง
แต่เขาก็รู้ดีว่าที่ยืนอยู่ข้างหน้าคือปิศาจมีหัวคิดถึงสองตน
เขามาที่นี่เพื่อนำตัวหลานคนสำคัญกลับไป และพูดแค่นี้อีกฝ่ายก็คงจะเข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องปะทะกันให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ
“รบกวนสั่งสอนหลานของเจ้าให้มีความประพฤติที่ดีหน่อย
ครั้งหน้าอย่าหาว่าข้ารังแกเด็ก”
คำลาส่งท้ายที่ไม่เหมือนใครแต่ก็บ่งบอกความเป็นผู้นำตระกูลองเมียวจิทำเอายามาโมโตะไหวตัวเล็กน้อย
ในขณะที่คนโดนสั่งยังยิ้มหวานไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ
ซ้ำยังพยักหน้ารับคำสั่งอีกต่างหาก
ร่างกายเพรียวบางของผู้นำจีหมุนกลับ
พรั่งพร้อมด้วยบริวารที่หลีกทางให้....ค่ำคืนจันทร์ทรงกลดอันแสนสนุกสนานคงจะจบลงแต่เพียงเท่านี้
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียดาย....แม้ว่าจะรู้สึกอยากรั้งคนคนนั้นให้อยู่ที่นี่กับเขา
แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น...เฝ้ามองเจ้าของเรือนผมสีเงินที่หันหลังกลับเดินตามขบวนองเมียวจิของคุณปู่ของเขาเป็นคนสุดท้าย
ข้า...ต้องปล่อยเจ้าไปจริงๆใช่ไหม....
นี่ใช่หรือไม่....ความสวยงามที่ข้าไม่อาจแตะต้องได้...
“ข้า....”
นายน้อยแห่งตระกูลโกคุเดระหยุดเดิน แม้สรรพนามเอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ
แต่ข้อความก็ส่งถึงยามาโมโตะ ทาเคชิที่รอฟังอยู่แล้ว “เรื่องที่เจ้าพูดมา
ข้าจะยังไม่คิดว่าเจ้าโกหก......แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าเชื่อเจ้าหรอกนะ!!”
“ฮะๆๆๆ แล้วข้าต้องทำเช่นไร
เจ้าถึงจะยอมเชื่อกันล่ะ” สิ้นสุดคำถาม เสี้ยวหน้าของโกคุเดระก็หันมามองเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไป
แล้วเปล่งวาจาดังที่เป็นดั่งปณิธานในใจของเขาเอง....คำปณิธานที่แสนน่ารักทำให้คนฟังหัวใจเต้นแรง
“เมื่อไหร่ที่ข้าฆ่าเจ้าได้นั่นแหล่ะ!!!”
“ฮื่อ....แล้วข้าจะรอ....”
เจ้าสัญญาแล้วใช่มั้ยว่าเจ้าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง....และเจ้ารับปากแล้วใช่มั้ยว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน...
ข้าจะรอเจ้าแน่ๆ....รอเจ้ากลับมาอีกครั้ง
เพราะเจ้าเป็นคนเปลี่ยนหัวใจของข้าที่เดิมมีแต่ความเหน็บหนาว
อ้างว้างและแสนเดียวดาย ให้มันมีชีวิตชีวาขึ้น
มา...เพียงแค่ข้าสบตาเจ้า
ข้าก็มีความสุขดุจดั่งบุปผาแรกแย้ม....
แต่ที่ข้าเจอกับเจ้าได้ก็เป็นเพราะ
“สิ่งนั้น” ต้องขอบคุณเจ้าอีกคนจริงๆ.....
จันทร์ทรงกลด
เช้าวันรุ่งขึ้น
คฤหาสน์ของจอมราชันย์แห่งรัตติกาล
“ปู่....ทำไมถึงไม่เคยเล่าเรื่องที่ว่าปู่ไปรู้จักมักขึ้นกับตระกูลนั้นให้ข้าฟังบ้าง”
เสียงทุ้มแต่เจือไปด้วยน้ำเสียงค่อนแคะถามผู้เป็นปู่ เช้านี้อากาศสดใส
แต่อารมณ์ของจอมราชันย์ไม่ได้สดใสตาม ก็เขานึกเคืองปู่ของเขาอยู่ดี
มีของดีอยู่กับตัวแต่กลับไม่แบ่งปัน ทำแบบนี้ใช้ได้งั้นหรือ?
“ก็เจ้าไม่เคยถามข้านี่....พอข้าจะเล่าเจ้าก็เดินหนีไปทุกที
เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้นะ.....แล้วก็ทาเคชิ ข้าถามเจ้าสักอย่าง
เมื่อคืนข้านึกว่าเจ้าจะรั้งพ่อหนูคนนั้นเอาไว้ซะอีก แต่ทำไมถึงปล่อยเขาไปล่ะ”
คำถามของอุเก็ตสึทำให้ยามาโมโตะนิ่งอึ้งไป...ใช่...ถ้าเขาคิดจะรั้งหรือใช้กำลังล่ะก็เขาสามารถยื้อโกคุเดระ
ฮายาโตะเอาไว้ได้อย่างสบายๆอยู่แล้ว แต่ที่เขาไม่ทำอย่างนั้นก็เป็นเพราะ....
“ข้าไม่มีสิทธิ์ผูกมัดเขานี่นาปู่.....ไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้องเขาแล้วยื้อให้มาเป็นของตัวเอง
ดอกไม้น่ะ....ต้องให้มันเบ่งบานชูช่ออย่างงดงามบนต้นของมันถึงจะดูสูงค่า.....คำตอบนี้ปู่ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
จริงไหม?”
คำพูดของหลานชายทำให้อดีตจอมราชันย์แห่งรัตติกาลหรี่นัยน์ตาลง
อย่างต้องประเมินมันใหม่....อะไรที่ทำให้คนมุทะลุอยากได้อะไรต้องได้อย่างยามาโมโตะ
ทาเคชิอารมณ์เย็นได้ถึงขนาดนี้
“เพิ่งรู้ว่าเจ้าก็พูดอะไรดีๆเป็นเหมือนกัน....จันทร์ทรงกลดครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าโตขึ้น
ทุกทีเห็นว่าเด็กลงๆ”
“ฮึๆๆๆ ก็ข้ามันหลานปู่นี่”
เสียงหัวเราะของจอมราชันย์แห่งรัตติกาลสองรุ่นดังคละเคล้ากันกับสายลมยามเช้า....นับจากวันนี้ไป
เขาก็ดำเนินชีวิตตามเดิม เป็นปิศาจ....เป็นตัวแทนแห่งความชั่วและความมืดมิด
เป็นสิ่งที่เหล่ามนุษย์เกรงขาม
คอยแสวงหาเลือดสดๆมาเป็นอาหารเพิ่มพลังชีวิตต่อไป.....และเหมือนกับปิศาจตนอื่นๆที่ตั้งหน้าตั้งตารอคืนจันทร์ทรงกลดที่จะเยือนมาอีกครั้ง....
เพียงแต่ว่าจะมีใครล่วงรู้กับจอมราชันย์แห่งรัตติกาลว่า....คืนจันทร์ทรงกลดนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้น....
อย่างน้อยๆก็คงจะมีคนๆหนึ่งมาตามฆ่าเขากระมัง.....
ข้าแต่ดวงจันทราที่ทอแสงนวลใยเย็นตากลางนภายามรัตติกาลที่มืดมิด
จรูญจรัสรัศมีกลบแสงของดวงดาราทำให้แลดูงดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในราตรี
บัดนี้ข้าได้รู้คำตอบในหัวใจข้าแล้ว....
ข้าไม่รู้สึกเสียใจที่ไม่มีเขายืนใกล้ๆข้าทุกวัน....ข้าไม่รู้สึกผิดหวังที่ข้ารู้สึกหลงใหลในตัวตนที่ตรงข้ามกับข้าถึงเพียงนั้น...
เขาเปรียบเหมือนดอกไม้งาม...ที่บอบบางและง่ายต่อการทำลาย....แต่สำหรับข้าแล้วเขาจะทรงคุณค่าและสง่างามมาก
หากเฝ้าดูแลทะนุถนอมอย่างดี...
ข้าจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความสัตย์จริง....
ก็รอเพียงแต่ว่าเจ้าจะมาเป็นพยานให้ข้าในเร็ววัน.....
จันทร์ทรงกลด
.
.
.
คืนนั้น...พระจันทร์ทรงกลด/END
มิยะขอเม้าท์
โอโห...ขุดเรื่องนี้มาได้นี่ต้องปัดฝุ่นอย่างแรง// แอบจามกันเลยทีเดียวครัช...นี่ถ้าได้หน่วยรีไวมาทำความสะอาดให้จะดีมาก
(ข้ามตรงนี้ไป) เป็นฟิคเรื่องแรกๆเลยค่ะ ทันลงบอร์ดดำรีบอร์นด้วย ฮ่าๆๆ
มันนานมากจนกระทั่งมิยะจำไม่ได้ว่าแต่งเนื่องในโอกาสอะไร น่าจะเป็นวันเกิดหนูก๊กปี
2010 ค่ะ ฟิคสั้นหนึ่งตอนจบ ที่ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากสำหรับไอ้มิยะมากๆ
TT..TT // ไหมันเลยเกลื่อนบล็อกนี่ไง!
แต่จำได้แม่นว่าไอ้มิยะดู นูระ
หลานจอมภูติ ใหม่ๆแล้วติดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คือ...แอบหลงใหลเป็นปลื้มกับกลุ่มนูระของริคุโอะคุงจนทนความเท่ห์ไม่ไหว
แอบเอามาเป็นไอดอลของอิเนียนเรื่องนี้
แต่มิยะไม่ได้เชียร์ยูระจังเลยให้หนูก๊กมาเป็นองเมียวนะเออ
แค่คิดภาพหนูก๊กใส่ชุดองเมียวตัวโคร่งๆแล้วมันโมเอ้อิอร๊าง งือออออออ
ถ้าไอ้มิยะเป็นปิศาจจะยอมให้ปราบเลยจ้ะ น่ารักไป...แล้วก็แอบจำได้ว่าฮาโลวีนปีนั้นหรือปีต่อมาพี่กี้
Snow
fredel วาดหนูก๊กใส่ชุดองเมียวขึ้นมาจริงๆ อืออออออ
สวยมากกกกกกกกกกก เล่นเอาไอ้มิยะฟินไปหลายวันเลยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก
เม้นท์ได้เป็นกำลังใจจ้ะ
Miya
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น