หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

Fic KHR [8059] My wind...our wind : Chapter3



Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama  Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



Chapter 3 เจรจาคำถามสามข้อ



คฤหาสน์ฟิลบาโลเน่แฟมิลี


“วองโกเล่ส่งสาส์นตอบมาแล้วรึ” ชายวัยกลางเปรยขึ้นเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทถือซองสีขาวเดินเข้ามาแม้ยังไม่ได้เปิดดู ในมือของบุรุษผู้สูงส่งถือไปป์ส่งกลิ่นโชยไปทั่วห้อง


ตัดสินใจได้เร็วกว่าที่คิด...สมกับเป็นวองโกเล่รุ่นที่สิบที่ถูกร่ำลือว่าเป็นเหลนแท้ๆของบุรุษแห่งนภา


วองโกเล่รุ่นที่หนึ่ง


“นี่ครับบอส” ชายหนุ่มวางจดหมายตรงหน้าบุรุษผู้สูงส่ง ชายวัยกลางวางไปป์ลงพร้อมแกะซองจดหมายอย่างประณีต ในใจก็ลุ้นไปด้วย ว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้วองโกเล่รุ่นที่สิบจะตัดสินใจว่ายังไง


“บอสครับถ้าทางวองโกเล่ไม่ยอมส่งตัวนายน้อยจริงๆ จะดำเนินการ ตาม แผนนั้นจริงๆหรือครับ”


“ก็ไม่มีทางเลือก”


ฟุ่บ พรึ่บ


กะดาษสีขาวสะอาดถูกกางออกพร้อมกับไฟดับเครื่องชนซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์สว่างวาบขึ้น ดวงตาของผู้มีอำนาจกวาดไปตามตัวหนังสือทีละบรรทัด...บรรทัด แต่แล้วคิ้วเข้มๆก็ขมวดเข้าหากันทันที


นี่...เสียงแหบห้าวเรียกคนที่อยู่ข้างๆ


เอ่อ ครับ


ไปนำดิกชันนารีญี่ปุ่น อิตาลีมา


แม้จะงงๆอยู่บ้างแต่ชายหนุ่มก็เดินไปหยิบดิกชันนารีที่อยู่บนตู้เก็บหนังสือมาวางตรงหน้าของบุรุษผู้สูงส่ง คำตอบเป็นประจักษ์แก่สายตาเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าในจดหมายมีแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ


คิดว่าวองโกเล่รุ่นที่สิบจะชินกับการเขียนภาษาญี่ปุ่นมากกว่าล่ะมั้งครับ ก็เลยไม่ทันยั้งคิด


อย่างนั้นรึ ชายอาวุโสยิ้ม พร้อมกับกางเครื่องมือแปลภาษาเล่มโตเทียบกับอักษรที่อยู่ในจดหมาย  แม้จะลำบากแต่ชายอาวุโสก็ไม่เรียกที่จะให้คนอื่นแปลให้ ทั้งนี้ก็ต้องการทราบถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วยว่าน่าสนใจสักเท่าไร เด็กคนนั้นถึงได้หนีไปอยู่ที่ญี่ปุ่น


เกือบครึ่งชั่วโมง ชายอาวุโสวางดิกชันนารีลง สีหน้าที่ดูไม่สู้ดีนักทำให้ลูกน้องคนสนิทเอ่ยปากถาม


ว่าอย่างไรบ้างครับ


เป็นอย่างที่คิด....


ถ้าเช่นนั้นจะดำเนินตามแผน...


ยังไม่ต้อง ชายอาวุโสโบกมือห้าม ใจร้อนไปก็ไม่ช่วยอะไร มีแต่จะทำให้พลาดซะเปล่าๆ


บอสคิดจะทำอะไรหรือครับ


เตรียมรถให้ที ราวบ่ายๆฉันจะไปวองโกเล่แฟมิลี่เพื่อเจรจากับวองโกเล่รุ่นที่สิบ!!!”






หอบัญชาการวองโกเล่แฟมิลี่เวลา 13.50 น.


รุ่นที่สิบครับ รุ่นที่สิบ!!!!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกระวีกระวาดเข้ามาในห้องทำงานของนภาแห่งวองโกเล่โดยไม่ทันได้เคาะประตู แม้แต่ชื่อเรียกว่ารุ่นที่สิบยังได้ยินแว่วมาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นบันไดได้


ว่ายังไง มีเรื่องอะไรหรอ!”


โวยวายเสียงดัง อยากกินกระสุนนักเรอะแก


ต่างคนต่างความคิด ทำให้ม้าเร็วรีบกางกระดาษมาอ่านอย่างงกๆเงิ่นๆ พลางสายตาจ้องจะหลบปากกระบอกปืนของนักฆ่าอันดับหนึ่งที่ส่ายไปส่ายมาอย่างน่าหวาดเสียว


ขะ ขะ ขอโทษครับคุณรีบอร์น แต่ผมมีเรื่องสำคัญมากมาแจ้ง


ข้าศึกบุกรึ


การเดาที่ไม่เคยจะเป็นเรื่องดีของนักฆ่าอันดับหนึ่งแทงหัวใจของนภาแห่งวองโกเล่ไม่ใช่น้อย


ข้าศึกบุก!!! จะบุกบุกอะไรตอนเน้!!  คนอยู่มีแค่หยิบมือ  จะบุกก็ตอนที่อยู่กันครบสิ(ฟะ)


มะ ไม่ใช่ครับคุณรีบอร์น แต่มีสาส์นมาจากฟิลบาโลเน่อีกแล้วครับ


.....


ความเงียบบังเกิดขึ้นมาในห้องบัดดล นักฆ่าอันดับหนึ่งถึงกับเก็บปืนคู่ใจ ส่วนนภาแห่งวองโกเล่ก็ได้แต่ลืมตาโพลง อ้าปากค้าง ลืมมาดของบอสมาฟียไปจนหมดสิ้น


เอ่อ เค้าบอกว่าจะมาเจรจากับรุ่นที่สิบตอนบ่ายสองครับ


เฮือก แม่เจ้า!!!


ผมขอตัวก่อนนะครับ


ชายฉกรรจ์รีบกุลีกุจอหายไปจากห้องเหลือไว้แต่นักฆ่าอันดับหนึ่งกับนภาที่สติกำลังจะไม่สมประกอบ


สึนะ...


...


สึนะ!!”


...


เจ้าห่วยสึน้า!!!!!!”


ไม่จริง!”


อะไรนะ


ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!”


มันคือความจริงสึนะ แกกำลังจะไปตาย เอ้ย ไปคุยกับพ่อของโกคุเดระในอีกสิบนาทีนี้ว่าแล้วนักฆ่าอันดับหนึ่งก็นั่งลงบนโซฟาตัวโปรดพร้อมยกเอซเพรซโซ่ขึ้นซดอย่างสบายใจหรือประชดอารมณ์ก็ไม่อาจทราบได้


อี๊ แล้วเอาไงดีอ่ะรีบอร์น พ่อของโกคุเดระคุงกำลังจะมาถึงในอีกสิบนาทีนี้อ่ะ นภาแห่งวองโกเล่เดินวนไปมาระส่ำระส่ายเป็นร้อยรอบ ดวงตาจับไปที่นาฬิกาเป็นระยะๆ ถ้าถึงเลขสิบสองเมื่อไหร่เป็นอันจบเห่ ตั้งแต่เกิดมานภาผืนนี้เคยเจรจาอะไรเป็นงานเป็นการถึงขั้นตกลงเรื่องคนซะเมื่อไหร่กัน แถมอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่อาวุโสคราวรุ่นพ่อของเพื่อนสนิทและลูกน้องที่ซื่อสัตย์ แล้วมองเงาหัวตัวเองซิ...


กะอีแค่เด็กหนุ่มเพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่กี่ปี!


ตาย! มีแต่ตายลูกเดียว!


“เป็นถึงบอสอย่ามาทำเสียงอ่อยสิเฟ้ย มีอะไรก็ลุยดับเครื่องชนไปเลย”


มันก็เป็นแบบนี้ทั้งปี นักฆ่าอันดับหนึ่งไม่เคยยื่นมือไปช่วยลูกศิษย์ให้เสียนิสัย!


“อย่ามาทำเย็นชานะรีบอร์น เรื่องนี้มันใหญ่โตถึงขั้นฉันอาจเสียเพื่อนที่สำคัญที่สุดคนนึงไปเลยนะ! แกเลิกเมินฉันซักทีได้มั้ย!!


“เรื่องนี้มันอยู่ที่การตัดสินใจของแก ครูสอนพิเศษอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ยื่นจมูกเข้าไปเจือก!


“เรื่องแค่นี้เจือกหน่อยก็ได้”


“ไม่!


บ้าชะมัด! ทีเรื่องอื่นล่ะเจือก เอ้ย! ยุ่งจัง ทีเรื่องแบบนี้ทำไมหดหัวหดเท้าล่ะฟะ!!


“น่านะ รีบอร์น ทีเมื่อก่อนยังช่วยกันเลยอ่ะ แค่นี้นายจะทิ้งฉันหรอ” นภาแห่งวองโกเล่เริ่มเปลี่ยนแผนเอาลูกอ้อนเข้าช่วย ทำตาใสแป๋ว เค้นน้ำตามาหล่อเลี้ยง บีบเสียงให้น่าสงสารหน่อย เพิ่มแอคติ้งคุกเข่านิด


เพอร์เฟคสมบูรณ์แบบ...


“.....”


“สึนะ...”


“อะ...หา?”


เฮ้ยยยยยย!!!!! ได้ผลหรอ ผิดคาดแฮะ


“อย่ามาปั้นหน้าตาน่าสงสาร สำหรับฉันมันน่าสมเพช งอแงไม่เข้าเรื่อง ถ้ายังไม่รีบจัดแจงเนื้อตัวของแกล่ะก็...มีเจื๋อน!!!


“แอ๊ รีบ๊อร์นนนนนนน ขอเวลานอก”


ว่าแล้ว...


ป่วยการอีกตามเคย แผนของนภาแห่งวองโกเล่ไม่เคยใช้กับนักฆ่าอันดับหนึ่งสุดฉลาดนี่ได้ซักแผน ถ้ามีคนอยู่ในคฤหาสน์สักคน ร้อยทั้งร้อยเขาไม่มีทางมาคุกเข่าอ้อนวอนครูพิเศษจอมโหดนี่เด็ดขาด!!


“ขอร้องล่ะนะ รีบอร์น ฉันไม่รู้ว่าจะคุยกับเขายังไงอ้ะ”


“ง่ายๆ...คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น”


“หา...?”


นักฆ่าอันดับหนึ่งวางแก้วกาแฟลงก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มจึ้กๆไปที่หัวของลูกศิษย์หลายที


“ในหัวทึ่มๆของแกคิดอะไรอยู่...” นิ้วชี้เลื่อนลงมาชี้ที่ปากเล็กๆ


“แกก็พูดมันออกไป อย่าลืมว่า ตอนนี้แกคือวองโกเล่รุ่นที่สิบอย่างเต็มตัว ใครหน้าไหนก็มาห้ามแกไม่ได้ทั้งนั้น ใครขัดขืนก็เจื๋อนมันทิ้งซะ...แค่เนี้ย!


แค่เนี้ยดูพ่อคุณพูดได้ไม่อายฟ้าดินจะลงโทษ


“แค่เนี้ย หรอรีบอร์น นี่แกคิดถึงชีวิตของฉันบ้างป่ะ”


คนเจรจามันไม่ใช่แกนี่เฟ้ย ถ้าพ่อของโกคุเดระคุงเกิดโมโหขึ้นมาเขาไม่เอาปืนมาส่องฉันพรุนเรอะ! ตายก็ตายจริงไม่อิงนิยายน้ำเน่าแต่อย่างใด...


“ความสำคัญมันไม่ใช่ชีวิตที่สั้นจู๋ของแก แต่มันคือการอยู่การไปของโกคุเดระต่างหาก ถ้าแกอยากปล่อยหมอนั่นไปก็บอกว่า ยอม แต่ถ้าแกไม่อยากให้ไปก็ตอบว่า ไม่”


“แค่ ยอม กับ ไม่ แค่นี้เองหรอรีบอร์น”


ยอม กับ ไม่


ตัดสินชะตาของโกคุเดระคุงงั้นหรอ ฟังดูมันไม่ยุติธรรมเท่าไหร่เลย ฉันไม่ใช่เทพเจ้าที่จะมีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตใครก็ได้
เรื่องแบบนี้...


เรื่องแบบนี้มัน...



สมควรแล้วรึไง!!!!


“สึนะ...”


“ระ รีบอร์น ฉัน... ฉันทำไม่ได้หรอก!! โกคุเดระคุงเค้าไม่ใช่สิ่งของที่ฉันจะยกให้ใครก็ได้ตามความพอใจของตัวเอง อีกอย่างตอนนี้เค้าก็ไม่อยู่ โกคุเดระคุงยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วจะให้ฉันตัดสินสุ่มสี่สุ่มห้างั้นหรอ ฉันทำไม่ได้!!!!นภาแห่งวองโกเล่ ทรุดลงตรงหน้าครูสอนพิเศษของตนเอง มือทั้งสองขยุ้มกางเกงจนสั่นระริก เหงื่อเม็ดใสย้อยตั้งแต่ขมับจนถึงคาง สภาพจิตใจของนภาในตอนนี้ไม่กล้าแม้จะลุกขึ้นยืน แม้ว่าเข็มนาฬิกาจะเดินใกล้เลขสิบสองเข้าไปทุกที


“ตอบฉันสิ..สึนะ ตอนที่แกจะเขียนจดหมายตอบไป แกคิดอะไรอยู่” นักฆ่าอันดับหนึ่งย่อตัวลงมาจนเท่าลูกศิษย์ น้ำเสียงที่ต่ำลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาสีดำสนิทมองลูกศิษย์ร่างเล็กอย่างเรียบเฉย จนกระทั่งดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่ก้มมองพื้นตลอดเวลาขึ้นมาสบ


“โกคุเดระไม่เคยบอกแกรึว่าจะฝากชีวิตไว้กับแก หมอนั่นเรียกแกว่ารุ่นที่สิบตั้งแต่แกยังอ่อนด๋อยไม่ได้เรื่องได้ราว หมอนั่นตั้งใจจะเป็นมือขวาของแกตั้งแต่แกยังไม่เห็นแสงสว่างสู่ความเป็นบอสมาเฟีย หึ... ลูกน้องอย่างนี้หายากออกนา”


“รีบอร์น...”


“....”


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่ยอมเสียโกคุเดระคุงไปเด็ดขาด...”


“....”


“ตอนนั้น ตอนที่เขียนจดหมายตอบไปฉันก็คิดแค่นั้นแหล่ะ”


“หึ...คิดได้เจ๋ง” รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของนักฆ่าอันดับหนึ่งราวกับเจอของที่ถูกใจ เสื้อนอกสีดำที่พาดอยู่บนเก้าอี้ถูกโยนมาคลุมหัวฟูๆของนภาอย่างพอดิบพอดี


“ไปได้แล้วเฟ้ย เป็นเจ้าถิ่นแต่ให้แขกรอมันเสียมารยาท”


“อะ อืม” นภาแห่งวองโกเล่ชันตัวลุกขึ้นพร้อมใส่เสื้อนอก ขาทั้งสองข้างเริ่มก้าวออกจากห้องในสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องเผชิญ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องหลบหนี การเจรจาครั้งนี้นภาไม่ได้หวังว่าจะสามารถเหนี่ยวรั้งสายลมไว้ได้สำเร็จ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่นภามั่นใจก็คือ...



ในเมื่อสายลมฝากฝังชีวิตให้กับนภาผืนนี้ไว้แล้ว...



นภาก็มีหน้าที่ปกป้องหวงแหนสายลมนี้ไว้...จนถึงวินาทีสุดท้าย!







ห้องโถงใหญ่ 14.00 น.


“รุ่นที่สิบครับ บอสของฟิลบาโลเน่มาถึงแล้วครับ”


“อ๋า...อืม”หัวใจของนภาแห่งวองโกเล่เต้นกระหน่ำราวกับกลองศึกมือที่เย็นชืดแถมชุ่มไปด้วยเหงื่อประสานกันไว้ที่หน้าตักเมื่อเห็น ลีมูซีนสีดำคันงามแล่นมาจอดเทียบตรงหน้าคฤหาสน์ รอเวลาเพียงคู่เจรจามานั่งอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น


“รุ่นที่สิบรอท่านอยู่ข้างใน เชิญครับ”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของวองโกเล่ดังอยู่ด้านนอก ยิ่งทำให้คนเป็นบอสซึ่งอยู่ด้านในยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกเขาเองก็อยากเห็นเหมือนกัน พ่อแท้ๆของเพื่อนสนิทที่ไม่เคยได้ยินจากปากของเจ้าตัวเลย


จนกระทั่งได้ยินเรื่องนั้นจากรีบอร์น...


ชายในชุดสูทสีน้ำตาลแก่ ผูกเนคไทสีที่เข้าชุดกันพร้อมกางเกงสแล็คสีน้ำตาล ผมบางๆมีสีขาวแซมบ่งบอกถึงอายุที่อาวุโส ดวงตาดูน่าเกรงขามและมีอำนาจ แต่ทว่ามองลึกลงไปกลับเป็นแววตาที่เจือความเศร้า


บุรุษอาวุโสเดินมาหยุดตรงหน้านภาหนุ่มแห่งวองโกเล่ มือข้างหนึ่งยื่นไปแสดงการทักทาย


ฉันเป็นบอสของฟิลบาโลเน่ เป็นเกียรติมากที่ได้รู้จักเธอ วองโกเล่รุ่นที่สิบ


อ้า...เอ่อ ยินดีเช่นกันครับ ผมต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติ นภารีบลุกขึ้นอย่างเก้ๆกังๆ แล้วเอื้อมไปจับมือกับบุรุษอาวุโส


อุ่นจัง...


นี่หรอพ่อของโกคุเดระคุง...ต่างจากที่คิดไว้เหมือนกันแฮะ


เชิญนั่งก่อนครับ มือล็กผายไปตรงเก้าอี้หรูตรงหน้าตน พลางสายตาเหลือบมองคู่เจรจาคราวรุ่นพ่อเป็นระยะๆ
ดูๆแล้ว ก็ท่าทางใจดีนี่นา  นึกถึงเรื่องที่รีบอร์นเล่าให้ฟังไม่ออกเลย


นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้เห็นเธอ  แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้จัก


งะ งั้นหรอครับ


ใช่ ฉันรู้จักเธอตั้งแต่ฮายาโตะถูกเรียกตัวไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของวองโกเล่แฟมิลี่ชุดใหม่ที่มีผู้สืบทอดคือ ซาวาดะ สึนะโยชิ


อี๋ ไม่อ้อมค้อมเลย ตกลงเขามาเพื่อพูดเรื่องของโกคุเดระคุงอย่างเดียวเลยใช่มั้ยเนี่ย แต่ไหนๆก็มานั่งตรงหน้าแล้ว...


เป็นไงเป็นกัน!!!


เอ่อ...คุณลุงครับ คือว่าเรื่องของโกคุเดระคุง


ฉันรู้ ชายอาวุโสคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอคงไม่ยอมง่ายๆสินะ


คือ...ผมมีเหตุผลน่ะครับ


ฉันเองก็มีเหตุผลเหมือนกันชายอาวุโสพูดขึ้นแทบจะทันทีที่ยังไม่จบประโยค ยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องโถงกดดันขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ หลายคนอาจคิดว่าการพูดกันด้วยเหตุผลจะทำให้ปัญหาสงบลงได้ แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น แต่ละคนก็มีเหตุผลที่ต่างกัน พอมีเหตุผลที่ต่างกันก็จะตกลงกันไม่ได้ กลายเป็นทะเลาะกันอีก...เธอว่ามั้ย


ก็คิดอย่างนั้น...ครับ นภาแห่งวองโกเล่ตอบรับเสียงอ่อย แต่ในใจจริงแล้วไม่ได้คิดอย่างที่พูดเลยสักนิด ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้ในใจของนภาวิ่งหนีออกจากปราสาทไปเรียบร้อยแล้ว


จะไม่คุยกันด้วยเหตุผล แล้วจะคุยกันด้วยลูกปืนหรอคร้าบ ไม่เอาอ้ะ


เอาอย่างนี้ ฉันจะถามคำถามเธอสามคำถาม ถ้าเธอมีเหตุผลที่จะรั้งเด็กคนนั้นเอาไว้พอ ฉันก็จะยอมตัดใจ


สามคำถามหรอครับ!”


เป็นการเจรจาที่แปลกจริงๆ แต่ถ้าสามคำถามเราตอบได้...


เจรจาก็จะจบสินะ!


แต่ถ้าเราตอบไม่ได้ล่ะ...


ถ้าอย่างนั้นผมขอทราบเรื่องราวของโกคุเดระคุงก่อนที่เขาจะเจอผมหน่อยได้มั้ยครับถึงแม้ผมจะทราบมาจากรีบอร์นบ้างแล้วแต่ก็อยากจะได้ยินจากปากพ่อแท้ๆของเขามากกว่าน่ะครับ


จะเอาไปเป็นข้อมูลตอบคำถามงั้นรึ


ไม่ใช่หรอกครับ!” นภาแห่งวองโกเล่ปฏิเสธทันทีก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำ ...ผมก็แค่อยากทราบ


เอางั้นก็ได้ อย่างน้อยฮายาโตะก็ลูกน้องเธอ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ดูกระไรอยู่ อย่างที่เธอได้ยินมาจากอัลโกบาเลโนรีบอร์น ฮายาโตะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน แต่คนละแม่ของเบียงกี้ แม่ของฮายาโตะเป็นนักเปียโนสาวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง อนาคตของเธอยังอีกไกล ฉันตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ฉันรู้ว่าทำแบบนี้มันผิดต่อกฎของสังคมมาเฟีย แต่ฉันก็พยายามฝืน จนมันเลยเถิด เธอให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งกับฉัน...เด็กคนนั้นก็คือฮายาโตะ สีหน้าของชายอาวุโสหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่มีอำนาจบาตรใหญ่กลับไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เหลือไว้เพียงแต่แววตาของชายชราที่เศร้าสร้อยเท่านั้น


แต่เวรกรรมก็ตามฉันทัน แม่ของฮายาโตะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ แถมยังมีโอกาสเจอฮายาโตะแค่สามครั้ง อนาคตในฐานะนักเปียโนก็ยังดับวูบ วันหนึ่งฮายาโตะก็ได้หนีออกจากปราสาท แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย


จากนั้น คุณลุงไม่ได้ข่าวของเขาอีกเลยหรอครับ


ได้สิ! ฉันให้คนติดตามข่าวของเขาตั้งแต่ออกจากปราสาท จนรู้ว่าเด็กคนนั้นเสนอตัวไปตามแฟมิลี่ต่างๆ แต่ก็ไม่มีคนรับเด็กคนนั้นปิดกั้นหัวใจตัวเองจนกลายเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่เคยยอมรับใคร จนกระทั่งวองโกเล่แฟมิลี่กำลังจะแต่งตั้งวองโกเล่รุ่นที่สิบเขาก็ถูกเรียกตัวไปญี่ปุ่น เพื่อไปพบเธอ เธอทำเอาฉันแทบช็อค เด็กคนนั้นสวามิภักดิ์และจงรักภักดีกับเธอตั้งแต่แรกพบ ซึ่งฉันไม่เคยเห็นเขาในสภาพแบบนั้น และไม่คิดว่าตลอดชีวิตเขาจะเทิดทูนใครขนาดนี้



ครั้งแรกที่พบกัน...


ผมแพ้แล้วครับ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย ท่านคือผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นรุ่นที่สิบที่สุด ความจริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นรุ่นที่สิบหรอกครับ ก็แค่อยากจะทดสอบความสามารถเท่านั้น แต่ท่านกลับทำได้เกินกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ซะอีก แถมยังช่วยชีวิตผมไว้อีก ซาบซึ้งจริงๆครับ


นั่นสินะ...


ครั้งแรกที่พบกันนภาแห่งวองโกเล่คิดว่าผู้ชายหัวเงินท่าทางห่ามๆคนนี้น่ากลัวสิ้นดี พอรู้ว่าเป็นมาฟียมาจากอิตาลี่ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ แต่ว่าคนๆนั้นกลับกลายเป็นคนที่ก้มหัวให้คนห่วยๆอย่างเขา แถมยังตามติดแจตั้งปนิธานว่าจะเป็นมือขวาของเขาให้ได้


แล้วเป็นคนแรกที่เรียกเขาด้วยสรรพนามที่ต่างจากใครๆว่า รุ่นที่สิบ


“เธอเป็นคนแรกที่เด็กคนนั้นยอมรับเลยนะ...”


“โกคุเดระคุงก็เป็นเพื่อนคนแรกของผมเหมือนกันครับ” นภาแห่งวองโกเล่ต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังต่างจากตอนแรกลิบลับทำให้คู่เจรจาอาวุโสคลี่ยิ้มออกมาบางๆกับประโยคนั้น


“นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่คืนฮายาโตะให้ฉันงั้นรึ”


เริ่มถามแล้วสินะ เอายังไงดี ทำยังไงฉันถึงจะตอบได้เข้าหูเขา


นภาแห่งวองโกเล่เริ่มระส่ำระส่าย มือทั้งสองกุมแน่นจนถึงกับสั่น ในหัวมีแต่ความว่างเปล่าจนขาวโพลน หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างเร็ว ถึงจะบอกให้ตอบตามที่ใจของเขาคิด แต่เอาเข้าจริงๆ ในหัวกลับไม่มีความคิดอะไรที่จะพูดออกไปเลย


เหตุผล...เหตุผลที่ฉันรั้งโกคุเดระคุงไว้มีแต่ทีว่าเขาเป็นเพื่อนคนแรกหรอ ถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนคนแรกฉันจะไม่รั้งเขาไว้ จะปล่อยเขาไปตามชะตากรรมอย่างนั้นหรอ


“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ”


“เธอภูมิใจที่มีลูกน้องอย่างเขารึ”


พอใจมั้ย ถามว่าพอใจมั้ย


ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงตอบว่า ไม่ ยามเมื่อคนร่างโปร่งบางผมสีเงินอยู่ใกล้เขาทีไรเป็นต้องมีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นทุกที ทั้งที่พยายามแก้ไขปัญหายิ่งทำให้ปัญหานั้นคาราคาซังเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นคนใจร้อนเลยเป็นคนที่น่ากลัวในสายตาเขาตั้งแต่แรกพบ


แต่ทว่า


รุ่นที่สิบครับ การที่จะว่ายน้ำให้ได้ดีนั้น ต้องกางแขนสี่สิบห้าองศากับระดับผิวน้ำ จัดความสมดุลตัว...บลาๆ”


ตอนที่สอนเราว่ายน้ำโกคุเดระคุงก็เต็มใจสอนเราอย่างเต็มที่ ถึงแม้เราจะไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม


รุ่นที่สิบครับ หนีไป! เจ้าแว่นนี่ให้ผมจัดการเอง


พอถึงตอนที่มีเด็กโกคุโยมาเล่นงานเด็กนามิโมริ โกคุเดระคุงก็เอาตัวเองเข้ารับเข็มพิษแทนเราแบบไม่กลัวตายสักนิด


เรื่องห่วงชีวิตน่ะ ฉันจำได้น่า แต่การที่เราแพ้เมื่อศึกแหวนอัสนี แล้วรุ่นที่สิบยังโดนยึดแหวนไปอีก แบบนี้ก็เท่ากับตอกฝาโลงแล้ว แล้วจะให้ฉันกลับไปได้ยังไงกัน!’


ตอนศึกชิงแหวนแห่งวายุโกคุเดระคุงเกือบเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อชัยชนะ



แม้จะมีเรื่องวุ่นๆไปบ้าง แม้จะชอบทำอะไรฝืนสังขารตัวเอง แต่โกคุเดระคุงก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคกับพวกเรามาโดยตลอด มีสุขก็หัวเราะด้วยกัน มีทุกข์ก็คอยปลอบโยน


อย่างนี้มัน...มันเรียกว่าคนที่เป็นแค่ลูกน้องงั้นหรอ...?


“คุณลุงครับ โกคุเดระคุงไม่ใช่ลูกน้องของผมหรอกนะครับ” คำตอบที่หลุดออกจากปากของนภาแห่งวองโกเล่ทำให้ชายอาวุโสถึงกับชะงัก แก้วกาแฟในมือถูกวางลงบนจานรองเหมือนเดิม


“ผมไม่เคยมีความคิดความรู้สึกว่าเขาเป็นแค่ลูกน้อง เขาเป็นเพื่อนของผม เป็นเพื่อนที่คอยฝ่าฟันอุปสรรคจนทำให้ผม เขา และคนอื่นๆมายืน ณ จุดๆนี้ ถ้าไม่มีโกคุเดระคุง ก็อาจจะไม่มีเด็กผู้ชายในตำแหน่งวองโกเล่รุ่นที่สิบมานั่งคุยกับคุณลุงตอนนี้ก็ได้นะครับ”


“เด็กคนนั้น...สำคัญกับเธอขนาดนั้นเลยรึ”


“...”


“ครับ...ถ้าในฐานะหัวหน้ากับลูกน้องผมอาจจะคืนเขาให้คุณลุงได้” ดวงตาสีน้ำตาลของนภาแห่งวองโกเล่เงยขึ้นมาประสบกับชายอาวุโสด้วยแววตาที่จริงจังและมั่นคง


แต่ทว่า...ไม่ใช่ดวงตาของผู้ที่แสดงตนเป็นบอสมาเฟีย... ไม่ใช่เลย...


“แต่ในฐานะเพื่อนกับเพื่อนผมคงคืนโกคุเดระคุงให้คุณลุงไม่ได้หรอกครับ”



พูดออกไปแล้ว...เราพูดออกไปแล้ว พูดตามที่ใจของเราคิด



ฉันสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องโกคุเดระคุงเอาไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย...ให้มันคุ้มกับที่โกคุเดระคุงไว้ใจฝากชีวิตไว้ที่ฉัน


ตอนแรก ฉันไม่คิดว่าตนเองจะรับผิดชอบชิวิตใครได้


เพราะฉันมันอ่อนแอ แค่ชีวิตของตนเองก็ยังไม่มีปัญญาทำให้มันดีขึ้น


ถึงตอนนี้ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันแล้ว...



ถึง...แม้



จะต้องตาย...ฉันก็ยอม!


นภาแห่งวองโกเล่ก้มหน้าหลับตาปี๋ พร้อมยอมรับชะตาของตนเองที่จะเกิดขึ้นเขารู้ว่าคำพูดของเขาท้าทายมัจจุราชขนาดไหนโอกาสที่ชายอาวุโสที่อยู่ตรงหน้าเขาจะโกรธแล้วชักปืนออกมาปลิดชีพเขาก็เป็นไปได้สูง แต่มันจะเป็นอะไรไป...


ต่อให้ตาย...แต่ได้รักษาหนึ่งชีวิตที่มีค่าไว้...ก็พอแล้วนี่


“แปะ แปะ แปะ” เสียงปรบมือกระชากความคิดของนภาออกจากภวังค์ นภาแห่งวองโกเล่ค่อยๆเงยหน้ามองชายอาวุโสที่กำลังยิ้มจนแก้มแทบปริ


“กล้าหาญเหลือเกิน วองโกเล่รุ่นที่สิบ สมกับเป็นคนที่ฮายาโตะยอมฝากชีวิตเอาไว้”


“เอ๋...”


“ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่แค่อยากจะเห็นหน้าของวองโกเล่รุ่นที่สิบกับตาก็แค่นั้น เจ้าฮายาโตะนี่โชคดีนะ ที่ได้อยู่กับคนวิเศษแบบเธอ


“ต้องขอโทษจริงๆนะครับ”


“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ต้องขอโทษที่ทำให้เธอลำบากใจ”ชายอาวุโสใช้ไม้เท้าค้ำแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำให้คนที่นั่งอยู่พลอยลุกตามไปด้วย


รบกวนเวลาเธอมามากแล้วนะ เห็นทีจะต้องกลับซักที


ครับ...เอ่อ ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ


โชคดีนะ ชายอาวุโสยื่นมือไปจับมือกับนภาแห่งวองโกเล่อีกครั้งเพื่ออำลา มือของชายอาวุโสยังคงอุ่นเช่นเดิม แต่ตอนนี้กลับมีความรู้สึกแปลกๆ เล่นเข้ามาในหัวนภาแห่งวองโกเล่ด้วย


เหมือนความอบอุ่น... แต่ทว่ามีความเย็นยะยือกเจือจาง


ความรู้สึกอะไรกันนะ...คิดไปเองมั้ง


แต่อย่างไรซะ ตอนนี้ฉันก็ดีใจแล้วที่สามารถทำตามใจที่ตัวเองคิด


ขอบคุณนะ...รีบอร์น


รถลีมูซีนค่อยๆแล่นออกจากคฤหาสน์ไปไกลทุกที...ทุกทีจนลับสายตานภาแห่งวองโกเล่ เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนยกภูเขานับพันออกจากอก


คึหึหึหึ พูดได้ดีนี่ครับวองโกเล่ เสียดายที่ไม่ได้อัดเสียงไว้นะครับเนี่ยเสียงทุ้มเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ แค่หัวเราะออกมาก็รู้แล้วว่าเป็นใคร นภาหันขวับไปมองด้านหลังตัวเองทันที


มุคุโร่!!! ไหนบอกจะไปข้างนอกไง


ผมไปตั้งนานแล้วล่ะครับ กลับมาก็ทันได้ยินวองโกเล่เจรจากับพ่อของโกคุเดระคุงพอดี


“งะ งั้นหรอ”


จะพูดก็พูดได้นี่ ตอนแรกอย่างกับหมาโดนยาเบื่อ” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังผู้พิทักษ์ผมสีน้ำเงินไพลิน คนตัวสูงในชุดสูทสีดำเดินกอดอกเชิดหน้าสมมาดนักฆ่าอันดับหนึ่ง


“รีบอร์น...อย่าบอกนะว่านายแอบฟังฉันคุยตลอดเลยน่ะ!


“เออ! ฉันต้องทำตามครูที่ดีคือตามดูลูกศิษย์ทุกฝีก้าว” แต่ไม่เคยยื่นจมูกเข้าเจือก... แค่นั้นเอง


“วองโกเล่ครับอีกสิบนาทีโกคุเดระคุงจะเข้ามาในคฤหาสน์ จะเอายังไงล่ะครับ...เรื่องวันนี้” ผู้พิทักษ์สายหมอกยกโทรศัพท์มือถือ ซึ่งน่าจะเป็นสายจากหมากตัวสำคัญของเรื่องวันนี้ลง ก่อนจะหันหน้ามาถามนภาแห่งวองโกเล่


จริงด้วย!...โกคุเดระคุงยังไม่รู้เรื่องนี้นี่นา เราจะบอกให้เขารู้ยังไงดี...


หรือจะปล่อยให้มันผ่านเลยไป...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...


เลือกอย่างหลังดีกว่ามั้ง...


“ช่วยเก็บเอาไว้ที...เขาคง...”นภาแห่งวองโกเล่ถอนหายใจก่อนจะเมินหน้าออกจากชายหนุ่มผมสีน้ำเงินไฟลินและครูสอนพิเศษไปมองบนฟ้าสีใส ลมพัดเอื่อยๆ พอทำให้ใบไม้พลิ้วไหว


“...”



ไม่อยากรู้เท่าไหร่นักหรอก”


 “แกเลือกที่จะปิดโกคุเดระเรื่องนี้ไว้เพื่อรักษาความรู้สึกของหมอนั่นได้... มันก็จริง แต่ถ้าหมอนั่นมารู้ที่หลัง มันจะไม่ยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่งั้นรึ นักฆ่าอันดับหนึ่งท้วงความคิดของลูกศิษย์ตัวเองเสียงเรียบ


....


แล้วแต่แกละกัน




ฉันรู้ว่าสายลมเหนื่อยกายมามากแล้ว แล้วทำไมนภาอย่างฉันต้องทำให้สายลมเหนื่อยใจขึ้นด้วยล่ะ





ภายในรถลีมูซีน ยังคงมีบุรุษสองคนนั่งคุยกัน คนหนึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่บังคับพวงมาลัย อีกคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังบทสนทนาที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้ แน่นอนซึ่งรวมถึงวองโกเล่รุ่นที่สิบด้วย


ได้รับการปฏิเสธสินะครับ


ใช่ วองโกเล่รุ่นที่สิบมีความสามารถมากว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะ ถ้าทางงานนี้จะยาก


ถ้าเช่นนั้นคืนพรุ่งนี้ผมจะรีบทำตามแผนเลยนะครับ


อืม อย่าให้พลาด ฉันต้องนำเด็กคนนั้นกลับไปที่คฤหาสน์ให้ได้!!!”





TBC…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น