Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้
กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
Chapter 8 เริ่มต้นใหม่
แสงสีทองของเช้าวันใหม่สาดส่องมาตามแนวม่าน
ร่างโปร่งบางเจ้าของเรือนผมสีเงินนั่งอยู่บนเตียงสำรวจร่างกายของตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
ตอนนี้สภาพของเขาในความคิดแล้วมันเหมือนได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง
เชิ้ตขาวสะอาดกับไทค์บางๆสีกรมท่า ข้างนอกเป็นเสื้อกั๊กขนสัตว์ชั้นดี
กางเกงสแลคสีน้ำเงินยาวเลยข้อเท้า
มองๆดูแล้ว...
เหมือนพวกคุณชายตามสังคมไฮโซที่ทำอะไรไม่เป็นไม่มีผิด
แน่นอน...มันเทียบกับสูทดำสุดเท่ในฟอร์มของมือขวาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
คิดแล้ว มันน่าโมโหชะมัด!!!
แต่ว่าตอนนี้รุ่นที่สิบคงรู้แล้วแหล่ะว่าเราหายไป
แต่ก็คงจะไม่รู้ว่าหายไปไหน
ถึงแม้จะเป็นคุณรีบอร์นก็เถอะคงจะไม่คิดว่าเราจะถูกนำตัวมาที่นี่
ฮิบาริกับมุคุโร่ถึงรู้ไอ้สองตัวนั่นคงจะเมินเฉยไม่ทำอะไรแน่ๆ
ส่วนสามตัวที่ไปทำงานข้างนอกคงจะไม่มีวันมารู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านเค้า
ก็ดีแล้ว...จะได้ไม่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งกับฉัน
คิดในแง่นี้ก็ดีไปอีกอย่าง...ถ้าไม่มีคนรู้เรื่องก็ไม่มีคนเจ็บตัว
แต่ตอนนี้
หอบัญชาการของวองโกเล่กำลังอยู่ในอันตราย ถ้ารุ่นที่สิบเป็นอะไรไปล่ะ...จะทำยังไง!
แล้วไหนจะอิตาลีเหนืออีก ทั้งไอ้วัวบ้า
ยามาโมโตะ...
โอ๊ย กลุ้มโว้ยยยยย!!!
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับ”
เสียงหน้าประตูเรียกดวงตาสีมรกตให้หันไปมองอย่างหงุดหงิด
เวลาเช้าๆแถมยังอยู่ในที่ๆน่าอึดอัดอย่างนี้มันก็น่าโมโหพออยู่แล้ว
และไหนจะมีคนมาเคาะประตูกวนอารมณ์ถึงที่
ดีไม่ดีฉันอาจจะชิงบึ้มไอ้คฤหาสน์ซังกะบ๊วยนี่ก่อนก็ได้!
“เออ! เข้ามา”
“ชายามเช้าครับ นายน้อย”
พ่อบ้านวัยกลางคนหนึ่งเดินเข็นรถใส่แก้วกระเบื้องใบเล็กๆกับกาน้ำชาสีเงินที่มีควันลอยกรุ่นมาจากพวยกา
“ใครสั่ง
ตอนนี้ฉันไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะนายน้อย แต่อยู่ในฐานะตัวประกันคนนึงก็เท่านั้น
เลิกเรียกฉันด้วยสรรพนามชวนอ้วกสักทีได้มั้ยฮะ!”
“ไม่ได้หรอกครับ”
พ่อบ้านส่ายหน้าอย่างไม่เดือดร้อน “ยังไงคุณก็คือนายน้อยของคฤหาสน์นี้อยู่ดี
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อน หรือตอนนี้ก็ตาม”
ไม่ว่าเมื่อก่อน...หรือตอนนี้งั้นหรอ
น่าขำ...ควรจะพูดว่า
ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้คนที่นี่ก็หลอกลวงฉันทั้งนั้น
ใช่...ตอนนี้ก็ด้วย
“เฮอะ คิดว่าฉันจะเชื่อรึไง”
ร่างโปร่งบางสะบัดหน้าหนี แต่พ่อบ้านยังคงยิ้มพร้อมยกกาน้ำชารินลงแก้วกระเบื้อง
กลิ่นของชาหอมกรุ่นไปทั่วห้อง เรียกดวงตาสีมรกตให้เหลียวมามองเล็กน้อย
กลิ่นชาอ่อนๆผสมกับนม อืม...จะว่าไปเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสิบปีก่อนเลย
เหอะ...เมื่อก่อนฉันต้องมานั่งจิบชาทุกเช้าเลยรึไงฟะ
ได้กลิ่นปุ๊บก็เตะจมูกปั๊บ กลิ่นชาชนิดเดียวกัน แบบเดิม ยี่ห้อเดียวกันทุกวัน
ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงไม่เบื่อเลยก็ไม่รู้
“อัสสัม...”
ร่างโปร่งบางเผลอพูดออกมาอย่างเคยชินตามใจนึก ก่อนจะรับแก้วใส่ชาสีนวลมาไว้ในมือบาง
ดวงตาสีมรกตมองแก้วชาเหมือนหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะวางมันลงกับจานรองตามเดิม
ไม่แตะเลยสักนิด “หึ
ฉันเข็ดกับยานอนหลับของแฟมิลี่นี้เต็มทน
ถ้าโดนมันอีกรอบมีหวังได้สลบไปอีกสามวันเจ็ดวัน ใครเป็นคนคิดขึ้นมาวะ ไอ้ยานั่นน่ะ
หัวใสดีชะมัด”
เปล่าหรอก...ก็แค่พูดเอาไว้ก่อนเท่านั้นเอง
ความจริงตอนนี้มีคนที่เพิ่งถูกลักพาตัวที่ไหนบ้างจะมีอารมณ์มาจิบชา
ถึงแม้ชาอัสสัมในแก้วนั่นจะไม่มีกลิ่นยานอนหลับเลยก็ตาม
ร่างโปร่งบางก็ไม่คิดจะแตะมัน
ป้องกันตัวก่อน เป็นอันดีที่สุด
“ไม่มีใครกล้าวางยานอนหลับในแก้วชาใบโปรดของนายน้อยหรอกครับ”
“ก็แค่เมื่อก่อน ตอนนี้มันไม่ใช่!”
“ขออนุญาตครับนายน้อย”
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ไม่ทันที่คนที่หนึ่งจะออกไป
ก็มีชายฉกรรจ์ชุด สูทอย่างดีเดินเข้ามาในห้องของเขาอีกคน
ถ้าจำไม่ผิดหมอนี่คือคนที่ต้องมาสาธยายกิจกรรมของฉันตั้งแต่เช้าจรดเย็นสมัยเด็กๆ
“อีกสิบนาทีขอให้นายน้อยไปพบบอสที่ห้องโถงด้านล่างด้วยครับ
ท่านมีเรื่องที่จะคุยกับนายน้อย” คำว่า ‘เรื่อง’
ทำให้ดวงตาสีมรกตเบิกโพลง
ดีไม่ดีเรื่องทีว่าอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหอบัญชาการวองโกเล่และที่อิตาลีเหนือก็ได้
เอาสิ! เครียดมาตั้งแต่เช้าแล้ว
เอาให้เคลียร์กันไปเลย
ถึงแม้จะเป็นพ่อ
แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่มันไม่ควรฉันนี่แหล่ะจะหยุดยั้งเองถึงต่อให้แลกด้วยอะไรก็ตาม
ฉันก็พร้อมที่จะสละเพราะมันคือหน้าที่ของฉันเหมือนกัน!
“ไม่ต้องรอ! ฉันไปคุยกับพ่อตอนนี้เลยก็ได้!”
ห้องโถงใหญ่
ร่างโปร่งบางเดินลงบันไดมาก็เห็นภาพที่คุ้นตาทุกๆเช้า
นั่นคือชายอาวุโสกำลังนั่งจิบกาแฟบนโต๊ะไม้กลมใหญ่
พร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือหนาที่กางจนบังมิดใบหน้า
ร่างโปร่งบางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเงียบๆ
“อรุณสวัสดิ์ ฮายาโตะ” ทักอย่างนี้...เป็นประจำ...เหมือนเดิม
ถ้าเขายังคงเป็นเด็กที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรเหมือนแต่ก่อนก็คงจะทักกลับไปว่า ‘อรุณสวัสดิ์ครับ คุณพ่อ’ แน่ๆ
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ร่างโปร่งบางทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆตามทิฐิมานะ
หรือแค่ตามมารยาทคนที่เคยรู้จัก
แค่เคยรู้จัก...ไม่มีอะไรที่มากว่านั้นเลย
“เป็นยังไงบ้างอัสสัมแก้วโปรด
ยังถูกปากอย่างเดิมมั้ย” ชายอาวุโสยกหนังสือพิมพ์ลง
ก่อนจะถามลูกชายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ร่างโปร่งบางกลับทำหน้าเรียบเฉยใส่
ไม่ตอบคำถามแต่กลับมุ่งประเด็นไปที่เรื่องหอบัญชาการวองโกเล่เรื่องเดียว
“อย่าอ้อมค้อมเลยครับ
ผมต้องการตกลงกับพ่อเรื่องเมื่อวานนี้”
คำเอ่ยเรียบๆที่เหมือนขวานผ่าซากทำให้ผู้เป็นพ่อต้องวางแก้วกาแฟ
ดวงตาของผู้มีอำนาจแสดงถึงความไม่ค่อยพอใจ แต่ในใจจริงๆก็ชื่นชมความกล้าอยู่เล็กๆ
โตขึ้นเยอะนี่...คำพูดโอหังแบบนี้ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของเด็กคนนี้เลย...ผลพลอยได้จาการเป็นมือขวาของวองโกเล่หรือไร
ชายอาวุโสคลี่ยิ้มอีกครั้ง
เหมือนไม่ทุกข์ร้อน “มีอะไรที่แกข้องใจรึ”
“มี!”
ร่างโปร่งบางสวนโดยไม่ลังเล “ความจริงมันมีเยอะจนผมคิดว่าจะถามพ่อไม่หมดไม่สิ้น
ถ้าอย่างนั้นจะเอาคำถามพื้นฐานของคนที่เป็นเหยื่อโดนลักพาตัวทั่วไปเลยละกันนะครับ”
“....!.....”
ชายอาวุโสถึงกับเงียบ เขาไม่คิดว่าจะได้ฟังคำพูดประชดถากถางขนาดนี้เลย แน่นอน
ไม่ใช่แต่คนฟังคนเดียวที่แปลกใจ
แต่คนพูดอย่างร่างโปร่งบางก็ไม่คิดว่าปากมันจะไปได้ถึงขนาดนี้
“พ่อพาผมมาที่นี่ทำไม”
“...”
“ในเมื่อแกไม่อ้อมค้อม
พ่อก็ไม่จำเป็นต้องอ้างอะไรอีก...
แกรู้ใช่มั้ยว่าในแต่ละแฟมิลี่ต้องมีการเปลี่ยนบอสไปเรื่อยๆ
แต่จะเปลี่ยนเมื่อใดนั้นต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมที่จะวางมือของบอสคนก่อน
และต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของสมาชิกที่จะยินดีรับใช้บอสคนใหม่มากแค่ไหน...”
“...” คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน
ไม่ใช่เพราะไม่รู้ในสิ่งที่พูด
แต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่คนตรงหน้าพยายามสื่อซะมากกว่า
จะเปลี่ยนบอสแฟมิลี่...เรื่องใหญ่ดีนิ...แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันฟะ
“และตอนนี้แฟมิลี่ของเราก็ถึงคราวที่ต้องเป็นเช่นนั้น”
“เกี่ยวอะไรกับผมด้วย!” ร่างโปร่งบางชักสีหน้า “ตอนนี้ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้ทั้งนั้น
พ่อจะทำอะไรมันเป็นเรื่องของพ่อ ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องไม่ใช่หรอครับ”
“มันจะใช่
ถ้าแกไม่ได้เป็นทายาทผู้ชายคนเดียวในคฤหาสน์นี้” ชายอาวุโสยังคงเถียง
แต่คราวนี้มันทำให้ลูกชายปากเก่งถึงกับเงียบสนิท กลายเป็นว่าถลึงตาเหมือนกับตกใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแทน
“พ่อคงไม่ได้หมายความว่า...”
“อย่างที่แกคิดนั่นแหล่ะ
อีกไม่นานนะฮายาโตะ แกจะต้องกลายเป็นบอสของฟิลบาโลเน่แฟมิลี” ไม่ทันที่จะได้พูดต่อ
ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว ไม่ทันที่จะได้หายใจ สติสัมปชัญญะของร่างโปร่งบางแทบลอยออกจากร่าง
ไม่สิ! ต้องพูดว่า
วิญญาณจะหลุดเลยต่างหาก
บอสแฟมิลี่...ฉันเนี่ยนะ!!!
“ไม่!!!
ยังไงก็ ไม่ เด็ดขาด! ผมคือหนึ่งในสมาชิกของวองโกเล่แฟมิลีรุ่นที่สิบ
ต่อให้ตาย ผมก็ไม่ทรยศรุ่นที่สิบมาอยู่แฟมิลี่อื่นเด็ดขาด”
ร่างโปร่งบางพูดด้วยเสียงดังฟังชัดไม่สั่นไหว ความรู้สึกจงรักภักดีและความผูกพันถูกบรรจุลงในคำทุกประโยคทุกวลีที่เอื้อนเอ่ยจนกลายเป็นคำพูดที่ชวนน่าขนลุก
แต่ไม่ใช่กับชายอาวุโสคนนี้...ไม่ใช่
“แต่แกเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ
ดังนั้นมีแต่แกเท่านั้นที่เหมาะสมกว่าใคร!” เหมาะสมกว่าใคร?...คำๆนี้หลุดออกจากปากพ่อได้ยังไง แถมยังจะทำหน้าเหมือนภูมิใจซะเหลือเกิน...
เหอะ...ลืมอะไรไปรึเปล่า
“ฮะๆ งั้นหรอครับ”
ร่างโปร่งบางแค่นหัวเราะอย่างสมเพช “ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินว่าคำว่า ลูก
จากปากพ่ออีก ผมมันก็แค่ลูกที่เกิดจากสิ่งต้องห้าม
ไม่ควรที่จะได้รับการเอ็นดูสงสารอะไรทั้งนั้น ยิ่งขึ้นเป็นบอสคนต่อไปยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
ผมว่าพ่อเตรียมคิดใหม่เถอะครับ
แล้วรีบๆถอนระเบิดขี้นกนั่นออกจากหอวองโกเล่และอิตาลีเหนือให้หมดทุกลูก
ถ้าไม่อย่างนั้นคฤหาสน์หลังนี้อาจจะมีระเบิดฝังไม่ต่างจากที่วองโกเล่”
“ฮายาโตะ...”
“ผมพูดจริง ทำจริงด้วย ช่วยไม่ได้ ชามาลอาจจะบอกพ่อหรือไม่บอกผมก็ไม่รู้
แต่ไอ้หมอบ้าผู้หญิงนั่นเป็นคนสอนให้ผมใช้ระเบิดจนกลายเป็นอาวุธประจำตัวมาถึงเดี๋ยวนี้
ในร่างกายผมซุกซ่อนระเบิดเอาไว้ทุกที่
มันไม่ใช่เรื่องยากถ้าภายในไม่ถึงสิบนาทีจะมีระเบิดรอบๆคฤหาสน์"”ดวงตาสีมรกตประกายวาววับมือเรียวบางล้วงเข้าไปในเสื้อกั๊กขนสัตว์แล้วโชว์ไดนาไมต์แท่งพอดีมือให้ชายอาวุโสดู
โชคดีที่ในชุดสูทของเขามีไดนาไมต์ติดอยู่จำนวนหนึ่ง
ก่อนที่พ่อบ้านจะเอาไปซักแล้วส่งชุดซังกะบ๊วยนี่ให้เขาแทน เขาก็แอบเก็บมันมาจนหมด
ชายอาวุโสเหลือบตามองไดนาไมต์ในมือลูกชายไม่นานก่อนจะส่ายหน้า “ขอโทษด้วย
พ่อคงไปถอนระเบิดจากวองโกเล่ไม่ได้!”
“ผมก็คงขึ้นเป็นบอสไม่ได้!
แต่ว่าผมมีหน้าที่ของผมอีกหนึ่ง
นั่นคือการปกป้องรุ่นที่สิบด้วยชีวิต ถึงพ่อจะไม่ถอนระเบิดนั่น แต่ผมขอสัญญาว่า
รุ่นที่สิบจะไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่รอยแมวข่วน!”
“ทำได้อย่างนั้นรึ”ไม่ใช่คำถามกวนประสาทแต่อย่างใด...แต่เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบจริงๆ
ร่างโปร่งบางลุกพรืดขึ้นจากเก้าอี้ ไม่มีอะไรที่มั่นใจเกินกว่านี้อีกแล้ว
“แน่นอนครับ ต่อให้ผมต้องเป็นลูกอกตัญญู
ผมก็ต้องทำตามหน้าที่ของผม และจะทำให้สำเร็จด้วย!!!”
ศูนย์วองโกเล่ อิตาลีเหนือ
“นี่ แรมโบ้...”
“...”
“แรมโบ้!”
“...”
“แรมโบ้!!!”
“อ่ะ หา ครับ คุณยามาโมโตะ!” ผู้พิทักษ์อัสนีหันขวับไปหาต้นทางของเสียงที่เรียกเขาตั้งหลายครั้ง
แต่ไม่รู้ทำไมเพิ่งได้ยินครั้งล่าสุดเนี่ยแหล่ะ ผู้พิทักษ์รุ่นพี่ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับวางแก้วนมไว้ขวามือ
แล้วลากเก้าอี้ข้างๆ มานั่ง
“หมู่นี้ดูนายเหม่อบ่อยจัง
มีอะไรในใจรึเปล่า ”
เหม่อ...ก็น่าจะจริง ตามที่เดาเป๊ะเลย
ก็หลังจากรับปากกับนภาแห่งวองโกเล่แล้ว ว่าจะปิด ’เรื่องนั้น’
ไว้เป็นความลับ เขาก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดแล้วนะ แต่จะแก้ไม่ได้ตรงต้องคอยคิดถึงวิธีเบี่ยงเบนกับผู้พิทักษ์รุ่นพี่เนี่ยแหล่ะ
จนกลายเป็นว่าเหม่อบ่อยจนลืมตัว
ไม่แปลก...ก็คนตัวสูงนี่ดันพูดถึงร่างโปร่งบางเจ้าของปัญหาแทบทุกชั่วโมง
คนที่มันต้องแบกความจริงที่น่าตกใจไว้เต็มอกก็ต้องกลัวบ้างเป็นธรรมดา
ไม่ใช่ว่ากลัวบ้าง...แต่กลัวสุด ๆ!
“ไม่มีนี่ครับ” เด็กหนุ่มส่ายหัวรัว
“ผม...เอ่อ..ก็แค่คิดถึงหอใหญ่นิดหน่อย”
“ฮะฮะฮะ ก็นายไม่เคยออกนอกพื้นที่นี่นะ
จะคิดถึงมันเรื่องธรรมดา” พิรุณยิ้มแป้น มือหนาๆโคลงหัวเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
พลันดวงตาของรุ่นพี่ก็ดันเหลือบไปเห็นรอยคล้ำๆ ตรงฐานดวงตาของอีกฝ่าย
“เมื่อคืนนายไม่ได้นอนหรอ”
“หา! อะ เอ่อ
ไม่ใช่ครับ ปกติดี พอดีว่าผมชอบลุกขึ้นมาเขียนรายงานตอนดึกๆ เลยคงจะนอนไม่เต็มอิ่ม”เด็กหนุ่มยิ้มแห้งๆให้พิรุณ หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ
ไม่ทันไรเลยก็เกือบจะคอขาดด้วยคำถามซะแล้ว จะให้รู้ได้ไงว่าเมื่อคืนเขาตื่นมาเพื่อเปิดโน้ตบุ๊คเข้าประชุม
พิรุณมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่งๆ
ก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ “งั้นหรอ...ก็ดีแล้วล่ะ
นึกว่านอนไม่หลับซะอีก แต่ถ้านายมีอะไร นายต้องบอกฉันนะ
ฉันไม่อยากโดนโกคุเดระกระทืบตายน่ะ ฮะๆๆ”
สักวันผมต้องสำลักน้ำลายตัวเองตายแน่ๆ คุณโกคุเดระอีกแล้ววววววววววว
“คุณโกคุเดระหรอครับ”
“อา... ใช่
หมอนั่นย้ำฉันมาอย่างดีว่าให้ดูแลนาย
เพราะอย่างนั้นไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรต้องเล่าให้ฉันฟัง เข้าใจมั้ย”
“...”
มีอะไรต้องเล่าให้ฟัง...
ในใจจริงของผู้พิทักษ์อัสนีอยากไม่ขอสัญญาใจจะขาด แต่ดูดวงตาของคนที่อยู่ข้างหน้านี่สิ
มุ่งมั่นทำตามสัญญาเหลือเกิน
บังคับอีกต่างหาก...
“ครับ...เข้าใจแล้ว...”
“ฮะๆๆๆ ดีมาก”
ผู้พิทักษ์พิรุณหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีในขณะที่คนอายุน้อยกว่า ยิ้มแห้งๆกลับไป
คุณเป็นคนใจดีนะครับ คุณยามาโมโตะ
ตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นเด็กๆแล้ว...ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากปิดบังคุณเลย...
แต่ครั้งนี้มันเป็นสัญญาที่ผมให้ไว้กับผู้ที่มีพระคุณที่สุดคนหนึ่งของผมอย่างวองโกเล่...
เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวยกแก้วนมขึ้นมาจิบ
ยามใดที่ของเหลวสีขาวขุ่นนี้ไหลผ่านช่องปากทีไร
ก็คิดถึงความอบอุ่นที่ครอบครัวๆหนึ่งเคยมอบให้เมื่อในอดีตทุกที...
เพราะฉะนั้น...ผมคงจะบอก ‘เรื่องนั้น’
กับคุณไม่ได้...
ผมผิดสัญญาแล้วล่ะครับ...ยกโทษให้ผมด้วย
แต่ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว...
คุณยามาโมโตะจะต้องไม่รู้เรื่องนี้เด็ดขาดครับ!!
TBC...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น