Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้
กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
Chapter 21 ความรับผิดชอบ...ของหัวใจ
“คุณลุงน่ะ...
ตั้งใจจะลักพาตัวโกคุเดระคุงตั้งแต่ตอนแรกจริงๆหรอครับ” อาจเป็ นคำถามโง่ๆสำหรับคนฟังหลายๆคน
เพราะนภาได้เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว แต่เหตุใดต้องกลับไปมองแต่แรกเริ่ม
มันก็เหมือนกับคนที่ขึ้นถึงจุดยอดเขาสูงสุดและมองลงมายังพื้นเบื้องล่าง
ชายอาวุโสฟังแล้วเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
เด็กหนุ่มคนนี้มีพลังที่น่ากลัว
จะเลือกให้รุ่งก็เจริญ อำนาจบาตรใหญ่รออยู่เบื้องหน้าอย่างไม่มีทางสงสัย
แต่ถ้าหากจะเลือกความพินาศ...
มันก็จะย่อยยับ
อันตรธานไปสิ้นอย่างไม่มีวันหลีกเลี่ยงเช่นกัน
ฉันคิดผิดหรือเปล่านะ?
ที่มาล้อเล่นกับไฟลูกโตขนาดนี้
“ตอนแรกน่ะ...
ใช่ มันก็ตามประสาความฝันคนแก่ล่ะนะ สึนะโยชิคุง ฉันมีลูกชายคนเดียว
และไม่มีคนสืบทอดแฟมิลี่ เจ้าฮายาโตะก็คือความหวังสุดท้ายของฉัน”
ชายอาวุโสค่อยๆชันกายลุกขึ้น แล้วพิงกับเสาเพื่อค้ำจุนไม่ให้ล้มลงไปอีก
ดวงตาของผู้มีอำนาจจ้องลึกลงไปในดวงตาของนภาแห่งวองโกเล่ยิ้มๆ ก่อนจะสารภาพ
“ถ้าเจรจาสำเร็จ
ฉันก็ไม่คิดว่าจะต้องให้มันเลยเถิดขนาดนี้ แต่เธอเป็นบอสที่ดีนะสึนโยชิคุง
ฉันไม่เคยเห็นบอสแฟมิลี่ที่ไหนมองลูกน้องว่าเป็นเพื่อนแบบเธอ
คำเดียวที่เธอบอกฉันว่า ไม่เคยคิดกับฮายาโตะว่าเป็นแค่ลูกน้อง
แถมยังอธิบายเหตุผลกับฉันตรงไปตรงมา ฉันยอมรับว่าทึ่งมาก ในใจก็ปลงแล้วล่ะ
ว่าช่วงชีวิตบั้นปลายแบบนี้ขอยอมแพ้ให้กับความคิดของวองโกเล่รุ่นที่สิบ”
นภาและผู้พิทักษ์คนอื่นๆฟังเงียบๆ
ไม่มีใครปริปากแทรกออกมา ทันทีที่คำสารภาพเว้นวรรคไป
ความเงียบมันก็กลืนกินห้องในบัดดล ก่อนที่นภาแห่งวองโกเล่จะเอ่ยถาม
“แล้วทำไม
ถึงทำแบบนี้ล่ะครับ คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังเอาความรู้สึกของพวกเรามาล้อเล่น
รวมถึงความรู้สึกของโกคุเดระคุงด้วย ทุกคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ที่อยู่แล้วมาถึงที่นี่”
มันคือความจริง...
ตลอดเดือนที่ผ่านมาทุกวันยามที่ดวงจันทร์โผล่ขอบฟ้าแทนดวงอาทิตย์
นภาและผู้พิทักษ์ไม่ได้เอนกายนอนตามกิจวัตร กลับต้องมานั่งปวดหัวกับการหาเบาะแส
มันแย่ทั้งสภาพร่างกาย และจิตใจ
โดยเฉพาะผู้พิทักษ์อัสนี เขายังเด็ก...เด็กเกินไปที่ต้องมารับภาระอันหนักอึ้งตรงนี้
แต่พอเอาเข้าจริงๆเขากับเป็นคนที่แบกรับความรู้สึกของใครๆทั้งหมด
แบกรับความกดดันของแฟมิลี่ ปกปิดความจริงเอาไว้ไม่ให้พิรุณรู้
“ฉันขอโทษ”
ไม่มีคำใดจะเอื้อนเอ่ยไปได้มากกว่านี้ ยิ่งพูดก็เหมือนคำแก้ตัว
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณลุง
แต่ว่าเรื่องโกคุเดระคุงพวกเรายอมไม่ได้จริงๆครับ”
ใช่...ยอมไม่ได้
สายลมคือสิ่งสำคัญ
บางครั้งเห็นอยู่ทุกวัน สัมผัสทุกนาทีอาจลืมเลือนถึงความจำเป็น
ไม่ว่าวันไหนลมก็ต้องพัด จนบางทีอาจรู้สึกหนาวเย็น แสบตา อยากลองให้มันหยุดพักบ้าง
แต่พอวันนั้นมาถึง...ก็หายใจไม่ออก
ทรมานจนอยู่ไม่ได้ ทุกสรรพสิ่งก้าวช้าลง หากขาดไปอีก ไม่แน่ว่าอาจจะตาย
ขาดไม่ได้...จริงๆ
“คืนตัวโกคุเดระคุงให้ผมด้วยครับ”
นภาแห่งวองโกเล่ก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างขอร้อง ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีของผู้ชนะ
เขาเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อดี หากอยู่ไกลกัน ก็คิดถึงจนใจจะขาด
ดังนั้นนภาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแย่งชิงตัวกลับไป ที่ทำได้มีแต่อ้อนวอนขอร้องให้เห็นใจเท่านั้น
ผู้พิทักษ์ทุกคนที่อยู่ข้างหลังถอนหายใจยาว
มองภาพเบื้องหน้าอย่างเครียดๆ หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ จะได้สายลมคืนหรือไม่
มันต่อจากนี้ไป...
“เธอเข้มแข็ง...สึนะโยชิคุง”
ชายอาวุโสเอ่ย “ฉันคิดว่าหากเจอในสิ่งที่เลวร้าย เธอต้องรับได้ นั่นเป็นสิ่งที่บอสสมควรมี
และฉันมั่นใจว่าเธอต้องก้าวผ่านมันไปได้...”
บอสแห่งฟิลบาโลเน่ค่อยๆเดินมาหยุดตรงหน้านภา
แววตานั้นยังอบอุ่นเช่นเดิม เขาสัมผัสได้ถึงมือหนาวางลงบนไหล่
มันอบอุ่นจนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ผนวกกับรอยยิ้มนั้น
ยิ่งทำให้นภาลืมการต่อสู้เมื่อสักครู่ไปซะสนิท
“ฉันตกลงจะคืนฮายาโตะให้เธอ”
ไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อกี้จะเป็นเสียงจากสวรรค์หรือเปล่า
แต่มันทำให้นภานิ่งอึ้ง หัวใจพองโตอย่างน่าประหลาด
ความเหน็ดเหนื่อยที่สั่งสมมานานนับเดือนเหมือนกับถูกสายลมปัดเป่าให้หายไปสิ้น
นภาแย้มรอยยิ้มกว้าง ดวงตาสีน้ำตาลสั่นริกจนคุมไม่อยู่ก่อนจะโค้งตัวไม่ต่างกับที่มือขวาของเขาทำเป็นประจำ
“ขอบคุณมากครับ...ขอบคุณจริงๆ”
ผู้พิทักษ์ถึงกับคลายขมวดปมคิ้วลง
พร้อมๆกับเผยยิ้มออกมาเหมือนฟ้าหลังฝนพรำ พิรุณแห่งวองโกเล่มองภาพ
ในใจเขาไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกยินดี ยินดีที่จะได้วายุหวนกลับ แต่ในอีกใจหนึ่งไม่รู้ทำไมว่าเขาไม่กล้าพบหน้าวายุเลย
กลัว?...
กลัวงั้นหรือ?
ไม่ใช่หรอก
คนอย่างพิรุณไม่ใช่คนกลัวอะไรง่ายๆ
ความกลัวมันไม่ได้ซึมซับเข้าจิตใจของพิรุณที่หนาวเหน็บตั้งแต่ทิ้งพรรคพวกแล้วบุกเดี่ยวมาที่นี่หรอก
แล้ว...
เขากระทำบางอย่างที่ไม่กลัว...ไม่กลัวใจของตนเอง
ไม่กลัวใจของวายุที่เขาเคยออกปากว่า...ห่วง
แล้วตอนนี้เขามีสิทธิ์มากลัวอะไรได้อีกล่ะ…
“อีกเดี๋ยว
ฮายาโตะจะมาที่นี่ เด็กคนนั้นเพิ่ง... ‘ตื่น’
พอดี” ชายอาวุโสกลืนน้ำเสียงเล็กน้อยตรงคำว่า ตื่น
ควรจะใช้คำว่าฟื้นล่ะมากกว่า รู้สึกโล่งใจไปอย่าง ที่ระหว่างนี้วองโกเล่ไม่พบวายุก่อน
ไม่อย่างนั้นเขานึกภาพไม่ออกว่า จะต้องรับมือกับคนที่มาทวงของคืนข้างหน้านี่ยังไง แต่อย่างไรก็ตาม
ไม่เจอเร็วก็เจอช้า สุดท้ายก็ต้องเจออยู่ดี ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...
พวกเธอจะยอมรับการตัดสินใจของเด็กคนนั้นหรือไม่...วองโกเล่?
พวกเขาแทบจะนับถอยหลังเวลาตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
คิดไปคิดมามันรู้สึกงี่เง่าจริงๆ คำๆแรกจะพูดกับวายุว่ายังไง ต่อไปจะทำอะไรต่อ
ต้องขอโทษมั้ย ต้องทักทายอย่างเก่าหรือเปล่า...
ก๊อกๆ
“เข้ามาได้...” บอสแห่งฟิลบาโลเน่อนุญาต
ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ประตูอย่างลุ้นระทึก ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างชายสองคนเข้ามาในห้อง
ชายคนแรกที่นำเข้ามาเป็นผู้ชายร่างสูงที่เหล่าวองโกเล่คุ้นเคย
เสื้อกาวน์สีขาวบ่งบอกอาชีพ แต่หน้าตากลับขัดแย้งซะไม่มีดี
“ดร.ชามาล!!”
“ไง ไอ้หนู ท่าทางสบายดี”
ดูเหมือนว่าหมอจะไม่ได้แลบาดแผลตามตัวของคนทักสมเป็นคนไม่รักษาผู้ชาย แต่ไม่ทันที่นภาแห่งวองโกเล่จะซักฟอกหรือตกใจอะไรมากนัก
ก็มีความรู้สึกเหมือนลมหายใจของคนทั้งห้องถูกขโมยไป
เมื่อใครคนหนึ่งก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกลิ่นอายของสายลม...
หอมหวาน...แต่ทว่าไม่รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเก่า
ชายหนุ่มร่างบอบบาง
เจ้าของเรือนผมสีเงินที่ดูนุ่มสลวยราวกับถักทอจากแสงจันทร์ระข้างพวงแก้มขาวเนียนเช่นเคย
ดวงตาสีมรกตน้ำงามกวาดมองเข้ามา
ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ข้างๆหมอแห่งโลกมืดแล้วจ้องเหล่าผู้พิทักษ์วองโกเล่ไม่วาง
เพียงเท่านี้นภาก็กลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อเห็นคนตรงหน้าปลอดภัย ยังมีชีวิต ความห่วงหาอาทรตลอดเวลาที่ผ่านมาแทบจะกลั่นเป็นน้ำอุ่นๆคลอเบ้าตา
ไม่ต่างกันเลย ไม่ต่างกับความรู้สึกตอนศึกโลกอนาคตที่เขารู้ข่าวร้ายจากรัล
มิลจิว่ารีบอร์นได้ลาโลกไปแล้ว
แต่พอได้เห็นหน้ามันก็ตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ
ในที่สุดพวกเราก็ได้พบนาย...
“โกคุเดระคุง”
นาย...ปลอดภัยดีสินะ...ดีใจจัง
“โกคุเดระคุง...ปลอดภัยดีใช่มั้ย”
นภาแห่งวองโกเล่จะเอื้อมมือเข้าไปหา แต่ในที่สุดก็ชะงักกลางอากาศ
เมื่อได้สบกับดวงตาของวายุเข้าอย่างจังๆ
เนตรมรกตที่เคยมีแววสวยงาม แจ่มใส ร่าเริง
และเข้มแข็งสมเป็นมือขวา บัดนี้อันตรธานหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงแต่ อัญมณีที่ว่างเปล่า
ไร้แววตาของวายุคนเดิมอย่างสิ้นเชิง แถมคนตรงหน้ายังนิ่งเงียบอย่างน่าแปลกใจ
นภากวาดมองวายุตั้งศีรษะจรดปลายเท้า ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัวใหญ่
แขนขาดูเล็กลงจนแทบเห็นกระดูก แถมร่างกายยังผอมลงมาก
ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดยิ่งทำให้น่าตกใจ
ไม่มีคำทักทาย...ไม่มีการโค้งคำนับ
ไม่มีอะไรเลยนอกจากสายตาเย็นชาเหมือนคนไม่รู้จัก
ไม่ใช่...สายลมคนเดิม
“อะ ไอ้หัวปลาหมึก เป็นอะไรหรือเปล่า”
ผู้พิทักษ์อรุณพร้อมๆกับอัสนีค่อยๆก้าวเข้ามาดูอาการของร่างโปร่งบางซึ่งบัดนี้ผิดปกติ
แต่ผลก็คือเช่นเดิม คนๆนี้ไม่ตอกเขากลับ ไม่เรียกเขาว่าไอ้หัวสนามหญ้าด้วยซ้ำ ดวงตาที่ว่างเปล่านั้นไม่มีแววว่าจะหงุดหงิดหรือโกรธเคือง
ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“พวกนาย...เป็นใคร?”
ดั่งสายฟ้าฟาดกลางใจ
เพียงหนึ่งประโยคที่เล็ดลอดออกมาจากกลีบปากบาง
แต่มันกลับไปทำให้โลกของเหล่าวองโกเล่หยุดหมุน
สายตาที่ไม่เคยเห็นจากคนๆนี้กวาดมองผู้พิทักษ์จนหมดทุกคน
ไม่เว้นแม้กระทั่งพิรุณที่ยืนมองเขาอยู่ไม่วางตา นภาแห่งวองโกเล่กำมือแน่นจนสั่น
นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ พลางสายหัวช้าๆ
ไม่จริงหรอก...เป็นไปไม่ได้
ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไม!!!
“คุณทำอะไรเขาครับ...ดร.ชามาล”
สายหมอกไม่รอช้าเล็งคำถามใส่หมอแห่งโลกมืดทันที
ซึ่งนภาแห่งวองโกเล่และคนอื่นๆก็ละสายตาไปหาหมอที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีรอยยิ้มสำหรับทักทายอย่างทุกครั้ง
เป็นสัญลักษณ์ว่าเขากำลังเอาจริง
ไทรเด้นท์ ชามาลขยับยิ้มให้บรรดาแขก
ก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น
“ทุกอย่างอยู่ที่ฮายาโตะเป็นคนเลือก
ฉันไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรหมอนี่อยู่แล้ว ฟังให้ดี...
พวกนายทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ได้อยู่ในความทรงจำของฮายาโตะอีกต่อไป”
อะไรนะ...
ทุกคนเบิกตาโพลงช็อกมากกับเรื่องที่ได้ยิน
อยากจะปริปากแต่มันก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว กล้ามเนื้อเกร็งไปทุกสัดส่วน
หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ แม้แต่การหายใจ
เหล่าวองโกเล่ก็ลืมไปแล้วว่าต้องทำอย่างไร
ไม่ได้อยู่ในความทรงจำอีกต่อไป...
ลืมแล้วงั้นหรอ...
ที่นายไม่แสดงอาการใดๆแถมยังทำท่าทางห่างเหินขนาดนี้หมายความว่า
ลืม กันไปแล้วงั้นหรอ ได้ฟังคำพูดคำแรกที่เอ่ยออกมา
หมายความว่าไม่รู้จักกันงั้นหรอ ทำไมมันตลกร้ายขนาดนี้
อย่างนี้สินะทำไมคุณลุงถึงบอกว่า ให้พวกเราเตรียมใจรับกับความเป็นจริง
แต่ว่าจะมีใครมาฟังคำสารภาพของฉันตอนนี้มั้ย...
ฉันรับไม่ได้!
“ปะ เป็นไปได้ยังไงน่ะ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ที่จำไม่ได้หมายความว่าไง อธิบายมา!!!”
น้ำเสียงสั่นเจือไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะคุมไม่อยู่ของพิรุณดังขึ้น
เรื่องบาดแผลหรือความล้าต่างๆนานาถูกลืมไปจนหมดสิ้น
เจ้าตัวเดินเข้าไปหาหมอแห่งโลกมืดแล้วเขย่าไหล่เพื่อเร่งให้ตอบคำถาม
“จะตอบให้ก็ได้...” ไทรเด้นท์ ชามาล สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ก่อนจะสบกับดวงตาสีเปลือกไม้อย่างมั่นคง
หวังว่าทุกคมพูดต่อไปนี้จะสะกดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของคนถาม
นายเตรียมใจมาดีสินะ...
“ฮายาโตะเป็นโรคลืมคนสำคัญ
โรคนี้จะทำให้คนเป็นลืมคนสำคัญของตัวเองจนหมดสิ้น
ไม่ว่าจะป็นคนที่รักหรือคนที่เกลียด...ฮายาโตะจะกดมันลงสู่ความมืดหรือที่เรียกว่าก้นบึ้งของความทรงจำ
ซึ่งโรคนี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของหมอนั่นอย่างมาก ซึ่งดีใจด้วยนะ
ที่ฮายาโตะมันจำพวกแกไม่ได้ซักคน หรือหมายความว่า...”
“...”
“พวกแกทุกคนคือคนสำคัญของมัน”
“อะไรกัน...”
เสียงครางเบาหวิวของพิรุณเอ่ยออกมาหลังจากที่ฟังจบ เหล่าวองโกเล่แทบจะล้มทั้งยืนหากสติยังดีอยู่
แต่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์อัสนีผู้ที่ยังเด็กและห่วงวายุเกินกว่าใครทั้งหมด
อัสนีหนุ่มปล่อยน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นคลอน
หยาดน้ำใสอาบแก้มไม่ขาดสาย
หมดแล้วอัสนีที่แข็งแกร่ง...บัดนี้ก็แค่เด็กที่กำลังร้องไห้น้อยใจพี่ชาย
ไม่ไหวแล้ว...ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย
นี่ผมทำผิดอะไร ทำไมคุณถึงจำอะไรไม่ได้ล่ะ
“ฮึก ฮึก บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ทะ
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ฮึก... เพราะอะไรหรอ ฮึก...ถ้าเป็นคนสำคัญแล้วถูกลืม
ผมยอมเป็นเพียงคนที่เคยเจอแค่ครั้งเดียวก็ได้ ฮึก...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น
คุณจะจำผมได้ใช่มั้ย ฮือ...”
มือน้อยๆของอัสนีกำเข้าที่แขนเสื้อของวายุแล้วคร่ำครวญไม่เป็นภาษา
เสียงสะอึกสะอื้นดังเข้าไปในจิตใจของเหล่าคนฟังจนรู้สึกเวทนา
เป็นช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่หัวใจของสายลมไหววูบ
เขามองน้องชายต่างสายเลือดอย่างไม่เข้าใจ
จะมีประโยชน์อะไร
ในเมื่อเขาไม่หลงเหลือว่าคนตรงหน้าที่ร้องไห้ให้เขาอยู่คือคนที่เขาทะเลาะประจำเมื่อตอนเด็กๆ
แต่ในที่สุดก็คือน้องร่วมแฟมิลี่
“มันเพราะอะไร ดร.ชามาล” เสียงเย็นๆของพิรุณถามซ้ำ ในขณะที่หมอแห่งโลกมืดกระตุกยิ้มมุมปาก
สายตาของเขามองที่คนถามอย่างขำๆ ราวกับว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควรถาม
“นายถามฉันทำไม? ฉันมันอัจฉริยะก็จริงอยู่นะไอ้หนู
แต่ไอ้เรื่องนี้เนี่ย ควรถามตัวเองไม่ใช่หรอกเรอะ” สิ้นสุดคำตอบ
ดวงตาทุกดวงก็หันมาทางพิรุณซึ่งเผลอสะอึกกับคำพูดอย่างไม่ตั้งใจ
น้ำลายมันเฝื่อนคอจนกลืนไม่ลง เขาโต้กลับอะไรไม่ได้ ยิ่งสบตาเข้ากับดวงตาสีมรกตด้วยแล้ว
ความรู้สึกกลัวก็ถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ปรานี
“คิดว่าฉันไม่รู้การกระทำของนายหรือไง
ยามาโมโตะ ฉันจะบอกอะไรบางอย่างให้รู้เอาไว้ หมอนี่น่ะมันมาหาฉันตอนเช้า
หลังจากที่คฤหาสน์เกิดเหตุคนบุกรุกกระหน่ำฟันยามตายเป็นใบไม้ร่วง ฉันก็ยอมรับว่าตกใจเหมือนกันที่หมอนี่เอ่ยปากพูดอย่างไม่ลังเลว่า
อยากจะลืมทุกอย่าง...นายคิดว่ายังไงล่ะ
คิดว่าสาเหตุแค่นี้มันจะเพียงพอมั้ยที่ฉันจะกล้าบอกว่านายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฮายาโตะเป็นอย่างที่เห็น...”
“ยามาโมโตะ...เรื่องจริงหรอ…นี่นายทำอะไรโกคุเดระคุง” นภาแห่งวองโกเล่เอ่ยถามเสียงเบาราวกับคนกำลังจะไร้ลมหายใจ
เพียงเท่านี้ยังได้ยินความจริงไม่พออีกเหรอ นี่โชคชะตาจะกลั่นแกล้งเขาไปถึงไหนกัน
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสายลมได้ตัดสินใจลืมคนสำคัญเพราะเพื่อนด้วยกันเอง
“นาย...เจอโกคุเดระคุงตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย”
เงียบ...
ที่ได้กลับคืนมาคือความเงียบเพียงอย่างเดียว
พิรุณแห่งวองโกเล่ไม่ตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
ยิ่งบีบคั้นให้บรรยากาศเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
พิรุณที่เย็นฉ่ำบัดนี้กำลังกลัวหัวใจของตัวเอง
ที่มันเต้นกระหน่ำต่อหน้าคนที่เขาทำร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเวรกรรมมันตามเขาทันแล้ว...
นี่เป็นสิ่งที่นายลงโทษฉันใช่มั้ย...โกคุเดระ
แต่ทำไมนายต้องลากพวกสึนะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย...ถ้าจะลืมก็ลืมฉันคนเดียวสิ
ลืมฉันอย่างที่นายพูดเอาไว้
“โกคุเดระ นายลืมพวกเราแล้ว
นายมีความสุขงั้นเหรอ” ร่างสูงหันหน้าเข้าหาสายลมเป็นครั้งแรก
ไม่รู้ว่าวินาทีที่สบตากันเขาต้องใช้ความอดทนในการสะกดความเจ็บปวดไว้แค่ไหน
ในเมื่อภายในดวงตานั้นมองเขาอย่างเย็นชาเหลือเกิน
เหมือนกับสายตา...ที่ตัวเขาเองมองสายลมในคืนนั้น...
“นายเป็นใครฉันไม่เคยเห็น...และจำไม่ได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเคยรู้จักกับคนอย่างนาย”
น้ำเสียงนั้นห่างเหิน...หนาวเหน็บเหมือนพายุหิมะ
เป็นประโยคเดียวกับที่ร่างโปร่งบางพูดกับเขาในคืนที่เขามาที่นี่
ตอนนั้นพิรุณโกรธมากและเจ็บมากในขณะเดียวกัน
ตอนนั้นพิรุณอาจจะมีแรงมากพอที่จะนำความโกรธมาปิดบังความเจ็บ แต่ตอนนี้...ณ
ปัจจุบันนี้ไม่รู้ทำไม มีแต่ความเจ็บปวดและเสียใจเอ่อล้นเต็มหัวใจ
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกนายดี
แต่ขอให้คิดถึงใจของฮายาโตะมันหน่อย หมอนี่เชื่อมั่นในคำสัญญามาก
ซึ่งฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ถ้าถูกทำผิดสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่แปลกที่มันจะช็อคกับความรู้สึก”
คำสัญญา...
คำๆนี้ยิ่งตอกย้ำข้าไปในใจของพิรุณ
เขาเองก็เป็นหนึ่งคนที่ทำผิดสัญญาของสายลม เขาไม่ใส่ใจในสัญญา
โมโหหน้ามืดโยนให้คนอื่นทำ ไม่เคยฟังคำเรียกร้อง
เขากลายเป็นคนเลวที่เห็นสัญญาสำคัญของคนอื่นไม่มีค่าสำหรับตนเอง
ฉันควรจะชดใช้ให้นายยังไง...โกคุเดระ
ทำยังไงนายถึงจะยกโทษให้ แค่ไหนมันจะเพียงพอ...
ชดใช้ด้วยชีวิตของฉันหรือเปล่า
“มีวิธีทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมมั้ยครับ” พิรุณเอ่ยขึ้นอย่างหาความหวัง ทำให้หมอแห่งโลกมืดและคนอื่นๆเบิกตาขึ้น
คุณหมอมองคนที่เป็นชนวนอย่างเรียบเฉย คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าไอ้เด็กคนนี้จะต้องถามหาการถอนโรค
แต่ว่าจะบอกออกไปยังไงว่าพิรุณและวองโกเล่ไม่มีวาสนาขนาดนั้น
“โรคนี้เป็นโรคพิเศษ
ไม่มียารักษาที่ฉันเก็บเอาไว้ อีกอย่างมันเสี่ยงเกินไป
นายคงจะไม่อยากทำร้ายจิตใต้สำนึกของฮายาโตะอีกรอบใช่มั้ยล่ะ”
“แต่ว่า...ผมขอร้อง จะให้ผมทำอะไรก็ได้
ยอมทั้งหมด ขอให้โกคุเดระกลับมาเป็นเหมือนเดิม
หรือว่าจะเหลือเพียงผมคนเดียวที่เขาจำไม่ได้...ผมก็ยอม”
พิรุณที่โหมกระหน่ำบัดนี้กลับซาลงและลืมศักดิ์ศรีตั้งแต่เริ่มต้น
คุกเข่าลงขอร้องหมอแห่งโลกมืด ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรอีกแล้ว
ต้นเหตุของเรื่องนี้คือเขา แม้ว่าจะให้สละชีวิตเขาก็ไม่อาวรณ์มัน
ขอแค่เพียงมันแก้ไขเหตุการณ์ที่โหดร้ายนี่ได้ก็พอ
ไทรเด้นท์
ชามาลมองคนที่คุกเข่าอยู่ด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึก อย่างที่บอกว่ามันเสี่ยง
เสี่ยงในความหมายของคุณหมอคนนี้ คือการมีผลแทรกซ้อน ไม่เข้าขั้นโคม่าก็ตาย
เพราะเรื่องความทรงจำของสมองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ยิ่งมีจิตสำนึกของคนป่วยมาพัวพัน ไม่รู้ว่าอันตรายเพิ่มขึ้นไปกี่เท่า
แต่ว่า...
“นายยอมสละทุกอย่างให้ฮายาโตะงั้นหรอ”
เขาไม่คิดจะขวางคนที่เตรียมใจพร้อม
ไม่ลองก็ไม่รู้ และอีกอย่างถ้าไม่ให้คนๆนี้ลองดู คงจะต้องเป็นบาปติดตัวไปจนตาย
ซึ่งมาคิดๆดูยิ่งทำให้มีคนเจ็บเพิ่มเป็นสองคน แล้วไหนจะพวกวองโกเล่ทั้งหมดอีก
“...”
“ครับ...”
ไทรเด้นท์
ชามาลขยับรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะหยิบมีดและหลอดทดลองเล็กๆออกมาจากเสื้อกาวน์
“การถอนโรคนี้จำเป็นต้องการความร่วมมือจากคนสำคัญที่เป็นเจ้าของความทรงจำอันเลวร้ายสุดท้ายของคนป่วย
และสิ่งที่ว่านั้นก็คือสิ่งสำคัญพอๆกับจิตใต้สำนึกและความทรงจำเพื่อเป็นการหักล้างซึ่งกันและกัน”
“สิ่งที่สำคัญพอๆกัน...?”
“จิตเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตในด้านนามธรรม
คู่กับสิ่งสำคัญด้านรูปธรรม ทุกคนต้องมี
และตอนนี้มันก็กำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาย...หรือนั่นก็คือ ‘เลือด’ ยังไงล่ะ”
“เลือดหรอ”
นภาแห่งวองโกเล่ครางเสียงแผ่ว เลือดที่ว่าคือเลือดของยามาโมโตะ แต่ทำไม
ดร.ชามาลต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นด้วย ลางสังหรณ์สุดยอดกำลังจะบอกนภาว่า
เลือดที่ว่าต้องไม่ธรรมดา
“แต่ว่าเลือด
ต้องใช้เลือดที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่อ้อมค้อมคือต้องใช้เลือดที่เจาะโดยตรงจากหัวใจของนาย...”
“เลือดจากหัวใจ?”
“ฉันถึงบอกไงว่าเสี่ยง
โอกาสพลาดมีสูงมาก ซึ่งถ้าพลาดหมายความว่านายต้องตาย ว่าไงไอ้หนู
ยังคิดจะอยากช่วยฮายาโตะอยู่หรือเปล่า”
ถ้าพลาด...ก็ตาย
ต่อให้เทพมรณะมายืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่หวั่น
ได้ตายแต่ถ้าได้คืนความจำให้กับคนที่เขาทำร้ายเพราะเผลอตัว เขาก็ยินดีจะตาย
พิรุณแค่นยิ้มบางๆ
เขาไม่มีสิทธิ์จะต่อรองกับเรื่องนี้ เคยบอกแล้วไงว่าต่อให้ทำอะไรก็จะทำ
แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิต ซึ่งตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้แล้วอีกอย่างเขาเหลืออีกหนึ่งสัญญาที่จะต้องทำให้สำเร็จ...สัญญาข้อสุดท้ายที่เขาไม่มีวันจะเสียมันไปอีก
สัญญาว่า...เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...
“ตกลง...ต่อให้จะเอาเลือดออกจากหัวใจผมก็ยอม”
TBC…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น