หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

Fic KHR [8059] My wind...our wind : Chapter13



Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama  Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



Chapter 13 ความจริงที่น่าเศร้า... วันที่สายฝนกระหน่ำ



เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่วองโกเล่มาซะ แรมโบ้!” พิรุณสั่งเสียงแข็งอีกครั้ง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไม่มีแววที่ฉายให้เห็นความใจดีอีกต่อไป ในตอนนี้พิรุณเรียกได้ว่า ไม่ต่างจากคนร้ายที่ข่มขู่เหยื่อเท่าไหร่นัก เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกับเด็ก แต่ดูเหมือนพิรุณจะไม่สนใจว่า เด็กหนุ่มสั่นเกร็งด้วยความกลัวเขาแค่ไหน



ก็ใครใช้ให้นายมาปิดบังฉัน... ใครใช้ให้นายมาผิดสัญญากับฉัน



โดยเฉพาะกับเรื่องของหมอนั่น! ทำไม!!!


ฮึก ผมไม่รู้อะไรนะครับคุณยามาโมโตะ ผม... ฮึก ผม ไม่รู้อะไรทั้งนั้น วองโกเล่เป็นไงบ้างผมไม่รู้ ฮึก ฮือ... ไม่ว่าจะบังคับอย่างไรแต่สภาพจิตใจที่มันสับสนจนถึงขีดสุด น้ำตาไหลออกมาเป็นสายพร้อมกับพร่ำคำปฏิเสธออกมาตลอดเวลา พิรุณขมวดคิ้วเข้าหากันช้าๆเหมือนคนโดนขัดใจ ก่อนจะปล่อยสายที่สะพายดาบคู่ใจเป็นเชิงเตือน


คุณจะทำอะไร... เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาอยากยากเย็น  ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง ไหล่เล็กๆสั่นมากจนตัวเกร็ง พิรุณกรีดรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเหมือนขบคิดอะไรบางอย่าง


เอ...ที่ฉันได้ยินมามันไม่ใช่อย่างนี้นี่นา นายเล่าผิดรึเปล่า...


ได้ยินมา?...”


อื้ม ใช่ ได้ยินมาอย่างชัดเจนเลย นายได้ยินยังไงฉันก็ได้ยินอย่างงั้นแหละ ฉันถึงบอกแล้วไงว่า มาดูกันว่านายจะเล่าได้ตรงกับฉันมั้ย...


อึก…”ได้ยินอย่างชัดเจน...นี่หรือว่า คุณยามาโมโตะดักฟังเรารึไงกัน!!!


ปัดโธ่เว้ย!!!


ไม่ครับ...ถ้าคุณเองได้ยินชัดเจนอย่างที่ผมได้ยินขนาดนั้น ก็คงไม่ต้องเสียเวลามาซักผมแล้วมั้งครับ เพราะอะไรที่ผมรู้เรื่องคุณเองก็รู้หมดแล้วนี่ครับ เด็กหนุ่มสบตากับพิรุณนิ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าทำได้ยังไง อะดรีนาลินในตัวคงหลั่งล่ะมั้ง อย่างไรก็ตามแต่ ก็ขอให้ปิดจนถึงวินาทีสุดท้าย...


ร่างสูงยังคงกรีดรอยยิ้ม แค่นเสียงหัวเราะในลำคอ พริบตาเดียวไม่ทันที่อัสนีจะได้หายใจออก ชิงุเระ คินโทคิ ดาบคู่ใจของพิรุณก็มาอยู่ในมือเรียบร้อย คมดาบที่วาววับแตะที่ข้างลำคอตรงจุดเส้นเลือดอย่างแม่นยำและแผ่วเบาจนรู้สึกขนลุกกับความเย็นของโลหะ แต่ถ้ามือของพิรุณขยับเมื่อไหร่ คมดาบจะตัดเส้นเลือดใหญ่ของลำคอทันที


นี่แรมโบ้...ดาบนี้ฉันยังไม่เคยใช้กับเพื่อนร่วมแก๊งค์ยกเว้นตอนประลองกับสควอโล่นะ อย่าให้ฉันได้ใช้กับนายเป็นคนแรก อัสนีกลืนน้ำลายดังอึก สายตาแหล่มองคมดาบเป็นระยะๆ คนตรงหน้าคิดจะฆ่าเขาจริงๆแน่ แต่ว่าคุณคิดว่าผมจะตายไปโดยไม่ได้เตือนอะไรคุณบางอย่างงั้นหรือครับ...คุณยามาโมโตะ


คุณผิดสัญญา...


หืม...ฉันหรอ พิรุณเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยไม่ใช่น้อยแต่รอยยิ้มเหยียดๆก็ยังไม่หายไปจากใบหน้า ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้กล้าเอาสัญญามาอ้างกับเขากันนะ


ตอนที่เราจะมาที่นี่ผมได้ยินเรื่องที่คุณโกคุเดระสัญญากับคุณ คุณเคยทำตามสัญญาเขาเหรอครับ ตอนนี้คุณกำลังจะตัดเส้นเลือดผมอยู่แล้ว เพราะผมผิดสัญญา แต่ว่าคุณเองก็ผิดสัญญากับคุณโกคุเดระเหมือนกัน!!!”


ผิดสัญญา...หรอ...



ไม่ต้องมาโทษฉัน แกนั่นแหล่ะ เป็นคนสัญญาเองแท้ๆ รู้มั้ยว่าเมื่อคืนฉันต้องนอนเร็วกว่าปกติเพราะเสียงน่ารำคาญของแกดังอยู่ในหู แต่แกล่ะ เคยทำตามสัญญาบ้างมั้ย! ฉันบอกว่าฉันจะโทรไปหาแกเอง ทำไมไม่จำหา ไอ้งี่เง่า!!!’



น้ำเสียงแหลมๆที่เคยตวาดเขาผ่านโทรศัพท์ดังหวนเข้ามาในโสตประสาทของเขาอีกครั้ง ตอนนั้นเขาเผลอไปโทษว่าเรื่องไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่พอได้ยินแบบนี้สวนกลับมาเขาถึงกับอึ้ง...พยายามตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉันผิดหรอ... ฉันผิดหรือเปล่า แน่นอนว่าคนที่ผิดสัญญามันต้องผิดสิ...


แต่ตอนนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ... มีประโยชน์อะไร...



ในเมื่อนายไม่อยู่... ให้ฉันทำตามสัญญาแล้ว...



สีหน้าที่เจือความเศร้าเมื่อคิดถึงเรื่องเก่าอันตรธานหายไปราวกับเล่นกล  ดวงตาสีเปลือกไม้กลับฉายแววแข็งกร้าวอีกครั้ง


มันไม่จำเป็น  หึ นายน่าจะรู้ดีกว่าฉันด้วยซ้ำแรมโบ้...เรื่องของโกคุเดระ


ใช่..นายรู้ดีกว่าฉันด้วยซ้ำ ไม่สิ ไม่ใช่นาย แต่เป็น...


พวกนายต่างหาก!!!


เอาล่ะ หมดเวลาแล้วนะ…” พิรุณกดเสียงต่ำเตือน แต่อัสนียังคงนิ่งเงียบยกเว้นแต่จะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ทั้งคู่เงียบจนได้ยินสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก อัสนีเงยหน้ามองผู้พิทักษ์รุ่นพี่ช้าๆ ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ฉายแววอ้อนวอน


ผมทราบครับว่าคุณเกลียดการผิดสัญญา แต่ว่าครั้งนี้ผมขอสักครั้ง ผมไม่อยากผิดสัญญากับวองโกเล่ ฮึก เขาเลี้ยงดูผมตั้งแต่เด็ก เขามีพระคุณกับผมมากนะครับ ฮึก ยังไงผมก็ต้องทำตามสัญญาที่ผมให้ไว้กับเขา คุณได้ยินมั้ยครับ ผมไม่อยากผิดสัญญากับเขา!!!” สิ่งที่อัสนีพรั่งพรูออกมาทำให้ร่างสูงถึงกับนิ่งงัน โดยเฉพาะคำว่า สัญญากับวองโกเล่ 


นั่นเหมือนกับเป็นฟ้าผ่าลงไปในใจ...



มันรู้สึกเกร็ง เหมือนประสาทไม่ทำงาน ไม่น่าเชื่อเลย...



ว่ามันจะเป็นแบบนี้!!


สึนะ...ดาบที่แตะอยู่ที่คอถูกเอาลงอย่างช้าๆ ร่างสูงเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทและบอสที่เขานับถือออกมาเหมือนไม่เชื่อ


ผมขอโทษครับ แต่ว่าเรื่องทั้งหมดได้โปรดไปถามวองโกเล่เอาเองเถอะครับ ขอให้ผมผิดสัญญาแค่กับคุณก็พอ แต่อย่าให้ผมผิดสัญญาซ้ำสองเลยนะครับ...อัสนีกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตา ถึงแม้ภายนอกจะไม่มีน้ำตาหยดออกมาอีกแล้วแต่ในใจเขายังคงร้องไห้ให้กับความงี่เง่าของตัวเอง... ไม่หยุดหย่อน


ผมทำได้แค่นี้ครับวองโกเล่...ผมขอโทษ...ผมทำได้แค่นี้


พิรุณเก็บดาบเข้าฝักอีกครั้ง แต่ดวงตาสีเปลือกไม้ที่ว่างเปล่าตวัดมองเด็กหนุ่มอย่างเย็นชา


หยุดร้องไห้ได้แล้วความจริงฉันก็นับถือในความอดทนของนายอยู่หน่อยนะ ที่ผ่านมาคงจะอึดอัดน่าดู แต่หยุดร้องไห้ซะ ฉันไม่อยากเห็นตาแดงๆของนาย


...


ตาของนายมันมีสีเขียวมรกต...เหมือนกับคนบางคน ฉันไม่อยากเห็นมันต้องรื้นไปด้วยน้ำตาแม้แต่ครั้งเดียว... แต่ในเมื่อมันร้องไปแล้วก็ช่วยไม่ได้นะ... ร่างสูงเว้นช่วงไปก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบแผ่วๆแต่ทว่าเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ



ดวงตาสีแบบนี้จะรื้นไปด้วยน้ำตา...เพราะฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น!” พิรุณทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะหันหลังกลับวิ่งออกไปที่รถบีเอ็มดับบลิวประจำตำแหน่งและสตาร์ทเครื่องขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าตอนนี้มันดึกขนาดไหนแถมฝนยังตกหนัก ไม่ต้องเดาก็รู้ จุดหมายปลายทางของรถหรูคันนี้ต้องเป็นหอบัญชาการใหญ่ของวองโกเล่อย่างแน่นอน...
อัสนีมองจนรถคันสีน้ำเงินแล่นหายไปจนลับตา ตอนนี้ในใจเขาอยากจะให้นภาแห่งวองโกเล่ได้ยินเหลือเกิน...


คำว่าขอโทษ...


อยากจะให้สายลมได้ยินเหลือเกิน...


ว่าเป็นห่วง...


แต่ก็ทำได้แค่ภาวนาในใจแค่นี้...อยู่ร่ำไป...



ชิชิชิ ไปซะแล้วงั้นหรอ~” น้ำเสียงเย็นๆฟังดูวังเวงหูดังขึ้นข้างหลังอัสนี เจ้าชายนักฆ่าเดินแสยะยิ้มออกมาจากมุมอับ แม้จะไม่เห็นแววตา แต่ก็สัมผัสได้ว่าเจ้าชายอัจฉริยะคนนี้รู้ทุกอย่าง แต่ก็รู้มานานแล้ว...นั่นล่ะนะ


ไม่ใช่รู้ธรรมดา...รู้ดีซะด้วย


คุณเบลเฟกอล...


ฮี่...เจ้าชายเตือนนายไว้อย่างนะ ทีหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้กับคนความอดทนต่ำดีกว่า ผลออกมาก็อย่างที่เห็นเนี่ยล่ะน้า... พวกความอดทนสูงอย่างนายไม่เข้าใจหรอก


หรอครับ... เด็กหนุ่มมองหน้าเจ้าของเรือนผมสีทองประดับมงกุฎอย่างงงๆ แต่เบลเฟกอลก็ยังมองสายฝนที่กระหน่ำลงมาเนิ่นนาน ริมฝีปากก็เผยเสียงหัวเราะออกมาตลอดเวลา...


ไม่ใช่ซักหน่อยนี่นา...ความจริงไม่มีใครมีความอดทนสูงหรอก ที่ดูมีความอดทนสูงก็คือพวกเก็บกดความรู้สึก


ทำว่าแข็งแกร่ง แต่ที่จริงก็อ่อนแอ...


พอถึงจุดมันก็ต้องแตกโพละออกมาอยู่ดี...


ใช่มั้ยล่ะ ชิชิชิ...







คฤหาสน์ฟิลบาโลเน่แฟมิลี่


ครืน...ซ่า!!


เสียงฝนที่กระหน่ำเทลงมาภายนอกหน้าต่างจนมองไม่เห็นภาพทิวทัศน์ประกอบกับเสียงฟ้าร้องและลมพัดแรงทำให้ร่างโปร่งบางชักสีหน้าเล็กน้อย บรรยากาศ...น่าเบื่อ...


ทำไมฝนต้องตกวะ...เป็นบ้าอะไรขึ้นมา...


เฮอะ...น่าเบื่อ


ดวงตาสีมรกตทอดไปไกลเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เขาก็ยังห่วงเรื่องข้อมูลที่ส่งไปให้วองโกเล่ ส่งน่ะ ส่งถึงอยู่แล้ว แต่ว่าจะเข้าใจความหมายกันรึเปล่ามันก็แค่นั้น ตอนนี้ชีวิตของร่างโปร่งบางมันเข้าขั้นน่าเบื่อมากถึงมากที่สุด แทบอยากจะเชือดคอตัวเองตายคาห้องด้วยซ้ำไป มีอย่างที่ไหน ติดกล้องเอาไว้ทั่วทุกมุมห้องนอนของเขา ล็อคประตูจากข้างนอกเปิดไม่ได้ แทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันยกเว้นซะแต่สามเวลาจำเป็นของมนุษย์...นอกนั้น ฉันก็เหมือนถูกขังกรง...อาวุธโดนยึดหมดอีกต่างหาก


ใช่...ก็ตั้งแต่ใจกล้าส่งข่าวให้วองโกเล่นั่นล่ะ


ถูกกักบริเวณ...น่าสมเพชที่สุด!


แกร๊ก...แอ๊ด~


เสียงประตูไม้ชั้นดีเปิดออกช้าๆ เรียกดวงตาสีเขียวมรกตหันขวับไปมอง คิ้วเรียวๆขมวดเข้าหากันอีกครั้งในความไร้มารยาทของคนที่เข้ามา ไหนๆก็ขังแล้ว จะเข้ามาก็เคาะหน่อยก็น่าจะดีนะ แต่พอกรณีโผล่หน้ามาในห้องร่างโปร่งบางก็ถึงบางอ้อว่า...ไม่เคาะก็น่าจะปกติสุดแล้ว


มีธุระอะไรกับฉันอีกฟะ ชามาลไทรเด้นท์ ชามาลไม่ตอบคำถาม แต่ดันมองร่างโปร่งบางตังแต่หัวจรดพื้น ธรรมดาร่างนี้ก็บางเพรียวจนเรียกได้ว่าผอมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับซูบเข้าไปอีก ผิวขาวซีดเพราะไม่ได้เจอแสงแดด อีกอย่างเขาก็รู้มาจากแม่บ้านว่านายน้อยไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องมาสองวันแล้ว


ไอ้เด็กเวรเอ๊ย...เมื่อไหร่แกจะรู้จักรักตัวเองซะทีฟะ ผอมจนกระดูกจะตำเนื้ออยู่แล้วเนี่ย


เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก ร่างโปร่งบางสะบัดหน้าหนีอย่างดื้อรั้น หมอแห่งโลกมืดถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ พอมานั่งตรงหน้าลูกศิษย์อย่างนี้แล้ว นอกจากผิวจะซีดยิ่งทำให้เห็นชัดอีกว่าหน้าก็ซีดด้วย


เอางั้นก็ได้ฮายาโตะ ชีวิตแกไม่ใช่ชีวิตฉันนี่หว่า...อีกอย่างแกก็โตแล้ว น่าจะรู้ว่าอะไรมันจะทำให้ตัวรอดหรือตาย... ไม่รู้ว่าพูดตัดหางปล่อยทิ้งหรือยังไงแต่ร่างโปร่งบางรู้สึกถูกใจดีจัง


เออ...น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว


ชีวิตก็ชีวิตฉันมาตั้งนานแล้ว...ไม่เข้าใจที่ธรรมชาติสร้างเท่าไหร่ ทำไมต้องมีคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตมายุ่งด้วย...


ชีวิตฉันก็น่าจะเป็นฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือก!!


ตกลงมีอะไร...ร่างโปร่งบางเอ่ยถามอีกครั้ง แถมยังเจือไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ


ฉันมาเอาคำตอบจากแก... สิ้นสุดประโยคร่างโปร่งบางก็ขมวดคิ้วสวยๆเข้าหากันทันที


คำตอบบ้าอะไรวะ?


คำตอบที่ว่าแกจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองน่ะสิเฟ้ย! นี่ ฮายาโตะ แกจะเรียนรึไม่เรียน คำถามนี้เหมือนกับยาระงับประสาทที่ทำให้สมองของร่างโปร่งบางด้านชาอีกครั้ง แถมปากที่เคยเก่งๆพาลจะพูดไม่ออกซะอีก


ว่าไงคิดได้ยัง...


ไม่ได้คิด...


ไอ้เด็กเวร!


อ้าว เฮ้ยๆ อย่ามาเบี่ยงเบนนะ นี่พ่อแกเขาไม่ฆ่าแกทิ้งก็ดีแค่ไหนแล้ว นึกว่าเขาไม่รู้เรอะว่าแกแอบติดต่อกับวองโกเล่น่ะหา หมอแห่งโลกมืดโวยขึ้นมาเบาๆพร้อมขู่ไปในตัว แต่คิดรึว่าร่างโปร่งบางจะกลัว ริมฝีปากบางยกยิ้มแค่นหัวเราะเบาๆ


หึ ถ้าฆ่าเลยก็ดีสิ ยังไงตอนนี้รุ่นที่สิบก็ปลอดภัยแล้ว ฉันไม่มีอะไรต้องห่วงเฟ้ย


มีสิ ไทรเด้นท์ ชามาลเถียงทันที แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงร่างโปร่งบางก็ไม่เคยฟัง แถมยังไม่เคยเห็นสิ่งนั้นอยู่ในสายตาแม้แต่ครั้งเดียว หมอแห่งโลกมืดหยุดปากเอาไว้แค่นั้น...ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง ก็ไม่จำเป็นต้องเตือนอีก



คนๆนี้ต้องเห็นเข้าสักวัน...เห็นชีวิตตัวเองสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด..



เอาเถอะฮายาโตะ ว่าแต่แกจำที่แกบอกฉันได้มั้ยเรื่องที่ถ้าแกไม่เล่นตุกติกพ่อแกจะไม่ทำอะไรวองโกเล่


เออ จำได้ ร่างโปร่งบางพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่คนข้างหน้าต้องการจะสื่อ


แล้วนี่แกไปทำอะไรเข้าล่ะ หือ ฉันว่าตอนนี้รับประกันความปลอดภัยของวองโกเล่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่ะ เล่นซะขนาดนั้น แกฟาดลูกน้องสลบเฉียดตายเป็นสิบ แฮคก์เข้าห้องข้อมูลอีก เตรียมส่งวิญญาณพวกนั้นเลยเหอะ


ไอ้หมอบ้า!!!!” ร่างโปร่งบางปรี๊ดแตกทันทีทันใดไม่ต้องจุดไฟหรือไขลาน ใครใช้ให้แกพูดงั้นหา!!!  ป่านนี้ไอ้ระเบิดพวกนั้นโดนรุ่นที่สิบสอยไปหมดแล้วเฟ้ย! วองโกเล่ต้องปลอดภัยแน่นอน!!”


อ้อ เรอะ หมอแห่งโลกมืดยืนขึ้นตัวตรง มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด ก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งด้วยน้ำเสียงกวนประสาทไม่ใช่น้อยแต่ถึงไม่ต้องมาเย้ยด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ร่างโปร่งบางก็สติแตกไปตั้งนานแล้ว


แกคิดว่าเอามือไปกดรีโมตจึ๋งเดียว แล้วไปขุดหาระเบิดเป็นร้อยๆอะไรมันเร็วกว่ากัน...


อ่ะ กะ แก... ร่างโปร่งบางอ้าปากพะงาบๆ ชี้หน้าครูสอนพิเศษอย่างแค้นจัด อยากจะด่าสารพัด แต่ก็ไม่ออกแม้แต่คำเดียว มันแค้นจริงๆนะ ตอนที่ทำอะไรไม่ได้


ไม่จริง รุ่นที่สิบต้องปลอดภัย!!


ผมเชื่อว่าท่านต้องเข้าใจจดหมายที่ผมส่งไป...ไม่มีทางที่วองโกเล่จะกลายเป็นจุณ ไม่มีวัน!!!


ฉันไม่เชื่อ!!! นี่แกจะบอกว่าวองโกเล่โดนทำลายแล้วรึไง!!!”


ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแก แกก็ลองชั่งความเป็นไปได้ก็แล้วกัน คิดว่าพ่อแกจะทนได้เรอะ เรื่องที่แกผิดสัญญา...


...


เอาล่ะ พระเจ้าคุ้มครองนะฮายาโตะ จะตายเมื่อไหร่ก็เรียกได้ ยกเว้นตอนที่ฉันอยู่กับสาวๆน่ะนะ หมอแห่งโลกมืดเดินไปที่ประตูก่อนจะโบกมือหยอยๆ ลาลูกศิษย์เหมือนว่าลูกศิษย์จะตายวันตายพรุ่ง มันกวนกล้ามเนื้อเท้าของร่างโปร่งบางที่อยากจะลุกขึ้นไปเตะซักป้าบถ้าไม่ติดว่า ไม่มีแรงจะลุกนี่สิ


แค้นว้อยยยยยยย!!!


แต่ว่า ร่างโปร่งบางก็ยอมรับว่าภายใต้ความเชื่อมั่นเขาเองก็ลังเลเหมือนกัน



วองโกเล่ปลอดภัยจริงๆรึเปล่านะ...







หอบัญชาการใหญ่ วองโกเล่แฟมิลี่


เฮ้อ... เสียงถอนหายใจของเหล่าลูกน้องชายฉกรรจ์ทั้งหลายที่เดินเข้ามาในห้องโถง เพราะตั้งแต่ตอนบ่ายๆจนถึงตอนนี้ต้องไปก้มหน้าก้มตาขุดระเบิดทั่ววองโกเล่ ถึงกำลังคนจะเยอะก็เถอะ แต่ระเบิดนี่มันเยอะจนน่าปวดหัวจริงๆ กว่าจะขุดหมดก็ปาไปจนค่ำ ไหนฝนจะตกหนักฟ้าร้องจะผ่าไม่ผ่าแหล่ เลยทำให้การดำเนินงานล่าช้าไปอีก นี่ยังไม่รู้เลยว่ายังมีฝังอยู่แถวไหนอีกรึเปล่า


ว่าไง หมดรึเปล่า นภาแห่งวองโกเล่ถามลูกน้องคนหนึ่งซึ่งตัวเปียกโชกเหมือนโดนสาดน้ำมา แม้จะเหนื่อยจนแทบไปนอนกองกับพื้นแต่ก็ฝืนยืนตัวตรงรายงานตามระเบียบ


น่าจะส่วนใหญ่แล้วครับรุ่นที่สิบ โซนรอบๆหอใหญ่หมดแล้วครับ ส่วนหอของผู้พิทักษ์ทั้งหกกำลังพลยังไม่กลับมาเลยครับ นภาแห่งวองโกเล่พยักหน้ารับรู้เบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา ซึ่งรอบๆกายคนที่มาเป็นกำลังสมทบบางส่วนได้ไปพักแล้ว เหลือไว้เพียงแต่ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก และศิษย์ผู้พี่ที่คอยดูแลเขาอยู่


อย่าเครียดไปน่าสึนะ ยังไงตอนนี้เราก็ยังได้ช่วยวองโกเล่เอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว หมอนั่นต้องดีใจแน่ๆที่ไม่เสียทีส่งจดหมายมาให้ ศิษย์ผู้พี่ยิ้มให้นภาแห่งวองโกเล่อย่างให้กำลังใจ เพราะเขารู้ว่านภาเครียดกับคำลงท้ายของจดหมายมากแต่ไหน และตั้งแต่บ่ายนภานั่งไม่ติดเลย เมื่อกี้เป็นครั้งแรกที่นภายอมนั่งเพื่อสงบสติอารมณ์



แต่ว่าสิ่งที่นภาแห่งวองโกเล่กังวลใจไม่ใช่เพราะวองโกเล่โดนแขวนอยู่บนเส้นด้าย...



ผมห่วงโกคุเดระคุงน่ะครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องลงท้ายแบบนั้น นี่เขากำลังจะเป็นอันตรายหรอครับ คุณดีโน่ นภาแห่งวองโกเล่สารภาพออกมาเสียงสั่น ซึ่งความเป็นไปได้ที่เขาคิดมันจะเกิดขึ้นจริงๆ ถ้าพ่อของโกคุเดระคุงรู้ว่าเขาทำอย่างนี้ล่ะก็ เขาจะทำยังไง...


อืม...ฉันไม่รู้สินะ แต่นายต้องเชื่อใจในตัวหมอนั่น สโมคกิ้งบอมบ์เป็นมือขวานายไม่ใช่หรอ บอสถ้าไม่เชื่อใจมือขวา จะไปเชื่อใจใครล่ะ คำพูดของศิษย์พี่เรียกรอยยิ้มบางๆของนภาคืนมา ถึงไม่มีลูกน้องมานั่งอยู่ต่อหน้าจะเป็นคนที่ไม่เอาไหน พอมีลูกน้องก็กลายเป็นบอสในอุดมคติทันที ไม่ว่าใครๆจะมองว่าม้าพยศแห่งวงการมาเฟียคนนี้เป็นแบบไหน แต่ในสายตาของนภาแห่งวองโกเล่ เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีและเท่เสมอ


ขอบคุณครับ...


ทำใจให้สบายๆดีกว่า ไม่นานเราต้องช่วยโกคุเดระออกมาได้แน่ๆ


รุ่นที่สิบครับ ได้เรื่องแล้วครับ!!!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น ในมือเขาถือกระดาษธรรมดาสีขาวๆแต่กลับประคองมาอย่างดีเหมือนสมบัติล้ำค่า


เราได้ที่อยู่ของฟิลบาโลเน่แล้วครับ เพิ่งได้เมื่อสักครู่นี่เอง แต่ก็เป็นที่อยู่ที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ชายกรรจ์กล่าว พร้อมยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ นภากล่าวขอบคุณเบาๆ แต่ก็เป็นคำขอบคุณที่มันบรรจุไปด้วยความยินดีเต็มหัวใจ นภาแห่งวองโกเล่หันไปหารุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้วยรอยยิ้มยินดีเปื้อนใบหน้า


คุณดีโน่ครับ เราหาที่อยู่ของฟิลบาโลเน่ได้แล้วครับ!!”


อื้ม ว่าแล้วมั้ยล่ะ หมอนั่นน่ะดวงแข็งจะตาย ไม่ทันให้นายไปช่วยล่ะมั้ง เดี๋ยววันดีคืนดีเดินกลับวองโกเล่เองได้ต่างหาก ฮ่าๆๆๆ



ครืน!! ซ่า!!!!



เสียงของฝนและฟ้าร้องข้างนอกดังจนกลบบทสนทนาของนภาสองผืนอย่างสิ้นเชิง นภาแห่งวองโกเล่มองลอดหน้าต่างออกไปเห็นฝนที่เทกระหน่ำลงมาพร้อมกับลมพัดจนต้นไม้ต้นใหญ่ๆไหวเอนจะหักแหล่มิหักแหล่ พร้อมๆกับฟ้าที่มืดมิดดำสนิทของยามรัตติกาลที่ถูกวาดด้วยไฟฟ้าเล่นผ่านสว่างวาบเป็นระยะๆ


ฝนตกหนัก...ลมพัดแรง...


เหมือนกับฟ้าไม่ยินดีในความหวังของเรา...เหมือนกับว่าจะเอาความสะพรึงมากลืนกินช้าๆ


อะไรกันนะ...บรรยากาศที่น่ากลัวแบบนี้


อ๊ะ เข้าไม่ได้นะครับ ท่าน...อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!”


อะไรน่ะ!!!


ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนของชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูดังขึ้น มันดังพอที่จะสู้เสียงฝนได้ชัดเจนจนทุกสายตาในห้องหันไปมอง ทุกๆคนเริ่มคว้าอาวุธประจำตัวขึ้นมาถือเอาไว้ ผู้พิทักษ์ที่ยังเหลืออยู่อย่างผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกรีบถลาตัวเข้ามาบังนภาแห่งวองโกเล่เอาไว้


กึก...เฮือก!!!


แรงดันของจิตสังหารที่ถาถมเข้าใส่จนนภาแห่งวองโกเล่รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จนม้าพยศต้องรีบมาคว้าแขนไม่ให้นภาล้มลงไปกองกับพื้น เป็นจิตสังหารที่แฝงไปด้วยความโกรธ ความเสียใจ ทุกๆสิ่งมันรวมกันจนน่ากลัว ฝนที่ตกกระหน่ำข้างนอกมันทวีความรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว


ใครน่ะ!!!


แกร๊ก...แอ๊ด...


บุคคลปริสนาค่อยๆเปิดประตูอย่างช้าๆราวกับจะท้าทำสงครามประสาท เสียงรองเท้าก้าวเข้ามาในห้อง พอทุกๆสายตาได้เห็นคนที่เดินเข้ามาแล้วก็เก็บความตกใจไว้ไม่อยู่ แม้แต่ผู้พิทักษ์สายหมอกยังเลิกตาสองสีขึ้น แต่นภาแห่งวองโกเล่ได้ล้มลงไปนั่งกับพื้นเรียบร้อยทั้งๆที่ดวงตาสีน้ำตาลยังเบิกโพลงไม่กระพริบเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น


ไม่จริงน่ะ...มาได้ยังไง!!!


ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!!


ยามาโมโตะ!!!”






TBC…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น