Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้
กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
Chapter 15 จะกดความทรงจำ...ให้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิด
“อือ...”
เสียงหวานครางออกมาเมื่อมีแสงสว่างๆส่องเข้าตา ดวงตาสีมรกตเปิดรับอย่างงัวเงีย
ก่อนจะชันตัวลุกขึ้น
ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ได้มีอะไรปิดปังเลยยกเว้นซะแต่ผ้าห่มผืนหนา
รอยที่เป็นจ้ำแดงๆตามตัวเหมือนโดนแมลงกัด
แล้วไหนจะรอยเลือดที่หยดเป็นดวงๆที่ผ้าปูที่นอน ทุกอย่างมันฟ้องว่า...
เมื่อคืนมันมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น...
“โอ๊ย!!!”
ร่างโปร่งบางร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อต้องลุกขึ้นนั่ง
มันเจ็บแปลบๆตั้งแต่กระดูกสันหลังถึงสะโพก และปวดอย่างมหาศาลอีกด้วย
มือขาวๆเอื้อมไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่หัวเตียงมาสวมแล้วปกปิดร่างกาย
ร่างกายแบบนี้ เห็นเมื่อไหร่ก็โกรธจนอยากจะระเบิดออกมา...
คราบน้ำตายังคงติดอยู่ที่หางตาไม่หาย
หมอนก็ยังชื้นๆอยู่
แต่สิ่งที่หายไปคงจะมีแต่...สายฝน
หายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่เหลียวแล
ร่างโปร่งบางยกมือขึ้นป้องตาเมื่อแสงแดดส่องมาอีกครั้ง
แม้จะไม่ได้เปิดม่านจนหมดแต่ก็เห็นว่าแดดจัดมาก มันจัดจนไม่เห็นหยดน้ำจากฝนที่กระหน่ำเมื่อคืน
บรรยากาศก็ช่างต่างกับเมื่อคืนราวฟ้ากับเหว
ทุกอย่างดูสดใสเหมือนลืมโลกเมื่อคืนไปอย่างสิ้นเชิง
เหมือนกับว่าเมื่อคืนเป็นแค่ฝันร้าย...มันคือฝันร้ายจริงๆ
พอตื่นมาก็พบกับโลกความจริง
สิ่งที่ฝันเอาไว้ก็หายไปพริบตา...
ร่างโปร่งบางหลุบตาสีมรกตลง
น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วพลอยจะไหลออกมาอีก ทั้งที่ความจริงมันก็ดีไม่ใช่หรือไง
ที่หมอนั่นไปก็ดีแล้ว มันควรจะดีใจไม่ใช่หรอที่จะได้มีคนทำตามสัญญาของเขาสักที
แต่ทำไม วายุลูกนี้ถึงรู้สึกว่า...เสียใจ
เอาอีกแล้ว...จากกันไปอีกแล้ว
ทำไมถึงต้องไปจากกันอยู่เรื่อย เดินไปโดยไม่หันหลังกลับมา...
ทำไมกัน เมื่อฝันแล้วก็ต้องลืมสิ
ตื่นมามันต้องจำอะไรไม่ได้เลย ถึงนึกแทบตาย ก็คงจะนึกไม่ค่อยออก
แต่นี่มัน...
จำได้ทุกอย่าง... ทุกคำพูด ทุกการกระทำ
ทุกความเจ็บปวด
ความเสียใจและความทรมานยังคงตราตรึงทั้งในใจและร่างกายอย่างไม่จางหาย
ทำไมถึงจำได้!!!
ทำไมถึงไม่ลืม...ทำไม
ถ้าหากความจริงกลายเป็นเพียงแค่การฝันร้าย...มันก็ดีสิ
“นายน้อยครับ!!!”
เสียงเรียกของเหล่าบอดี้การ์ดหน้าห้องที่ไร้ความสามารถทั้งหลายดังถล่มทลายอยู่หน้าประตู
นี่ไม่รวมว่ารัวกำปั้นทุบประตูอีกด้วย ร่างโปร่งบางกุมขมับกับเสียงโวยวาย
แค่ตอนนี้ก็รู้สึกแย่พออยู่แล้ว ทำไมต้องมารบกวนแต่เช้าด้วยก็ไม่รู้
ตกลงว่าที่นี่เอาชิพฝังเอาไว้ที่ตัวเรอะ
พอถึงเวลาก็รีบมาเรียกเหมือนนาฬิกาปลุกไม่ผิดเพี้ยนแม้วินาที
แต่ตอนนี้ร่างโปร่งบางจะให้พวกลูกน้องมาเห็นเขาในสภาพนี้เหรอ
ไม่ต้องคิดก็รู้…ต่อให้ไม่เป็นคนสมองอัจฉริยะอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะก็ใช้หัวแม่มือตอบได้...
ไม่เด็ดขาด!!!
“อย่าเข้ามานะ!!!
จะพูดอะไรก็คายออกมาหน้าห้องนั่นแหล่ะ
ถ้าเข้ามาพ่อจะบึ้มเรียงตัวจริงๆด้วย!!!”สะดุ้งไปตามๆกันกับเสียงประกาศิต
แต่ว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดก็ยังไม่ละความพยายาม ถ้าเป็นคนธรรมดาก็วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปแล้ว
แต่ก็ยังยืนตรงทื่ออยู่หน้าห้องตะโกนเสียงเข้าไปเผื่อว่าร่างโปร่งบางจะได้ยิน
“นายน้อยครับ!
นายน้อย เมื่อคืนนายน้อยปลอดภัยดีรึเปล่าครับ
มีคนเข้าห้องของนายน้อยรึเปล่า นายน้อยแข็งแรงดี ไม่มีรอยแม้แต่ยุงกัดนะครับ”
ร่างโปร่งบางที่อยู่ข้างในถึงกับน้ำตาจะไหลพรากแล้ววิ่งออกไปจับมือขอบคุณในความเป็นห่วง
หากว่าไม่ใช่เพราะมันเป็นแบบวัวหายแล้วล้อมคอก แถมคอกก็ยัง...
ห่วยแตก!
รู้ตัวช้าชะมัดเลยว่ะ!!!
ไอ้พวกไร้น้ำยาเอ๊ยยยยย แสดงว่าเมื่อคืนไม่ได้ตรัสรู้อะไรเลยเรอะ!!
ถึงพลังของไอ้หมอนั่นมันจะเป็นการระงับประสาทก็เหอะ
แสดงว่าเพิ่งจะรู้ล่ะสิ ว่ามีคนเจาะเข้ามา แถมยังบุกถึงห้องฉัน!
นี่คือ ฝ่ายโน้นมันเก่ง
หรือฝ่ายนี้มันอ่อนกันแน่
“เออๆ ไม่เป็นไรหรอก
พวกแกก็เฝ้าฉันตลอดไม่ใช่เรอะ จะมาถามทำไม”
“ก็เฝ้าแค่ตอนบอกให้นายน้อยเข้านอนแหล่ะครับ
แต่สักพักผมก็รู้สึกง่วง หลับไปทั้งสองคนเลยครับ
แต่ว่าเมื่อคืนมีคนของเราถูกทำร้ายทางประตูตะวันออกจำนวนมาก รวมศพสิบเก้า
เฉียดตายอีกยี่สิบห้า แล้วสลบไม่ฟื้นอีกห้าสิบเก้า ส่วนที่เหลือกระดูกหัก
บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ว่านายน้อยไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”
รายงานระเอียดยิบสิ่งที่เสียหายเมื่อคืนทำให้ร่างโปร่งบางถลึงตาขึ้นมาไม่น้อย
กว่าจะบุกเข้ามาในห้องเขาได้มีชั้นบอดี้การ์ดอยู่เป็นสิบๆชั้น
ก็ไม่แปลกที่คนเจ็บคนตายมันจะมากมายขนาดนั้น แต่ว่าดูเหมือนพวกนี้จะยังไม่รู้
ว่าคนที่มันโจมตีเข้ามาเป็นถึงผู้พิทักษ์พิรุณของวองโกเล่
พิรุณ...ฝน
ให้ตายสิ...ให้ตาย
ทำไมต้องนึกถึงอีกแล้ว
แกกล้าดียังไงมาหลอกหลอนฉันแม้ในจิตสำนึก!!!
คิดถึงแกก็มีแต่ความเจ็บปวด
ทำไมไม่ลืมสักที!!!
“อ้อ นายน้อยครับ...” เสียงฝีเท้าเหมือนกำลังจะเดินออกไปจากหน้าห้อง
แต่ก็มีเสียงๆหนึ่งเรียกเขาให้หันไปอีกครั้ง
“มีอะไรล่ะวะ!”
“บ่ายนี้คุณชามาลจะรอนายน้อยที่ห้อง FB5 เขามีเรื่องจะพูดกับนายน้อย...เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญครับ”
ร่างโปร่งบางถอนหายใจอย่างหน่ายๆเมื่อได้ยิน
ถึงไม่ให้ไปหาแต่ก็เขาก็รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไร ก็ในเมื่อทวงทุกวันขนาดนั้น
แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ...
โลกของเรามันยังไม่แน่นอนเลย...มีการเปลี่ยนแปลตามกาลเวลา
แม้แต่ภูเขาที่แข็งแกร่งยังมีวันที่ถล่มลงมา
แล้วนับประสาอะไรกับจิตใจของวายุที่โดนทำร้ายจนบอบช้ำกลายเป็นเพียงสายลมบางเบา
ไปครั้งนี้อาจจะมีคำตอบก็ได้...
ในเมื่อความทรงจำเจ็บปวดที่ตราตรึงนี้
ร่างโปร่งบางอยากจะกดลงไปให้มันลึกที่สุด ไม่ต้องจำไปชั่วชีวิตก็น่าจะดี
อยากลืม...
อิตาลีเหนือ
ฟึบ พรืด...
“เอากระเป๋าใบนั้นมาด้วย”
เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทชี้นิ้วไปที่กระเป๋าที่อยู่ตรงมุมห้องหลังเงยหน้าจากการรูดซิปกระเป๋าใบแรก
ตอนนี้ในห้องของผู้พิทักษ์อัสนีกำลังจะว่างเปล่า มีเพียงแต่กระเป๋าใบต่างขนาดวางกองๆกันอยู่
หลังจากที่เหตุการณ์เมื่อคืนก่อนผ่านพ้นไปอัสนีแทบอยากจะขึ้นรถตามพิรุณกลับวองโกเล่ไปด้วยซ้ำ
แต่เนื่องจากวายุคลั่งแห่งวาเรียห้ามเอาไว้ ว่าฝนยังคงตกหนัก
แถมสภาพจิตใจของเขาตอนนั้นต่อให้กลับวองโกเล่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ จนต้องรอถึงเช้า
ผู้พิทักษ์อรุณได้โทรหาเขาตามกลับวองโกเล่ทันที
ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่า
พิรุณคงจะทำอะไรเกินเลยไปแล้วแน่ๆ
ยังไงก็ตามเขาจะต้องรีบกลับวองโกเล่ให้เร็วที่สุด
มีอะไรหลายๆอย่างที่เขาจะต้องเล่าให้นภาฟังและที่แน่นอนก็คือ...
เขาต้องตามไปช่วยวายุออกมาให้ได้!!!
“ท่านแรมโบ้ครับ
มีไฟลท์เที่ยวบินอยู่สองเที่ยวที่พอจะไปถึงวองโกเล่ภายในวันนี้
ถ้าออกอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงประมาณเย็นๆ
แต่ถ้าออกเที่ยวใหม่ตอนเย็นจะถึงตอนดึกเลยครับ”
ชายฉกรรจ์รายงานขนาดที่สายตามองใบตารางเที่ยวบิน ถึงแม้จะมีสองทางให้เลือก
ไม่ต้องเปลืองสมองคิดก็รู้ว่าเที่ยวไหน
จะว่าไปถ้ามีเร็วกว่านี้ก็ดี
“เอาไฟลท์ที่ถึงเร็วที่สุด
ยิ่งถึงก่อนเย็นยิ่งดี” เด็กหนุ่มสั่ง
ชายฉกรรจ์รับโดยการโค้งตัวน้อยๆแล้วเดินออกไปจากห้อง ผู้พิทักษ์อัสนีหยิบสูทมาสวมแล้วเช็คอื่นๆอีกจิปาถะ
เนื่องจากว่าถ้าลืมอะไรมันจะแย่เอา ยิ่งตัวเขาเป็นคนซุ่มซ่ามลืมอะไรง่ายๆอีกด้วย
แต่บางอย่าง...
ก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงไม่ลืม...
ตัวอย่างเช่น...คำสั่งของนภาแห่งวองโกเล่ ไม่น่าเชื่อ
ว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ เมื่อคืนเขามีประสบการณ์เฉียดตายเพราะสัญญานี่แท้ๆ
น่าภูมิใจดีจัง...
อัสนียิ้มให้ตัวเองในความโชคดี
แล้วเปิดประตูออกจากห้อง แต่ก็ต้องผงะเมื่อมีคนมายืนรอเขาอยู่หน้าห้องอยู่แล้ว
พร้อมฉีกยิ้มที่เรียกว่าเป็นมิตรสำหรับความคิดของเจ้าตัว
แต่คนที่โดนยิ้มให้เรียกว่าแสยะยิ้มมากว่า
“ชิชิชิ จะกลับแล้วหรอ
น่าจะอยู่ด้วยกันก่อนนะ”
“อ่า ครับ
ตอนนี้วองโกเล่กำลังเดือดร้อนเลย เมื่อเช้าคุณซาซางาวะเพิ่งโทรตามกลับครับ” เด็กหนุ่มผมทองพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้ เพราะดูเหมือนตอนนี้เขาโทรหาคนที่วาเรียไม่ค่อยติด
น่าจะเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง
“แล้วคุณเบลไม่กลับหรอครับ
ความจริงตอนนี้ที่นี่ก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“ม่ายล่ะ” เบลส่ายหน้าช้าพร้อมทำเสียงยานคางเป็นข้อยืนยันว่าจะไม่กลับจริงๆ
“ที่โน่นคนเยอะแล้วนี่นา อีกอย่างมีเจ้ากบกับสควอโล่ไปคงจะไม่มีปัญหา
อีกอย่างหนึ่ง...” เจ้าชายนักฆ่าเว้นวรรคไป
เรียวปากแสยะยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวๆครบหมดสามสิบสองซี่
“เจ้าชายมีงานต้องทำล่ะ ชิชิชิ”
ดูจากสีหน้าแล้วเจ้าชายอัจฉริยะคนนี้คงจะมีเรื่องสนุกๆทำไม่ใช่น้อย
ในฐานะเด็กดีก็ไม่ควรจะไปขวางดีกว่าล่ะมั้ง
เอิ่ม...ถ้าอย่างนั้นผมว่าผมรีบกลับ...ซะเดี๋ยวนี้
“เครื่องจะออกอีกยี่สิบนาที
ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“อื้ม โชคดีอย่าโชกเลือดล่ะ วัวน้อย”
อวยพรให้เล็กน้อยพอเป็นพิธี หลังจากที่ผู้พิทักษ์อัสนีก้าวขึ้นรถแล้วขับหายออกไปจนลับตาแล้ว
ความจริงแล้วเขาเองก็อยากไปร่วมแจมด้วยหรอกนะ
แต่เพิ่งได้ไปเจออะไรบางอย่างเข้าน่ะสิเลยเปลี่ยนใจซะก่อน อีกอย่างหนึ่ง
เจ้าชายคนนี้ชอบการทำงานคนเดียวมากกว่างานกลุ่มเป็นไหนๆ
ชิชิชิ เอาเป็นว่าเจ้าชายจะตามไปดูผลงานของทางโน้นละกันนะ
ส่วนทางนี้จะจัดการให้เรียบเลย!
เท้าในบูทยาวสีดำสนิทเป็นเงาก็พาเจ้าของเดินลัดออกไปตรงหลังหอบัญชาการ
เป็นเพียงที่โล่งแจ้งดูแล้วกันดารขนาดต้นหญ้ายังขึ้นกระหย่อมกระแหย่ม
แต่ถือเป็นที่ลานกว้างมีพื้นที่พอจะล้อมรอบหอใหญ่ได้
เจ้าชายนักฆ่ายิ้มพรายก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้
เพื่อมองพื้นที่รอบๆให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดวงตาที่ถูกเส้นผมสีทองอร่ามปิดบังกลอกหันไปรอบๆ
เสียงหัวเราะดังแว่วออกมาเหมือนเจอของที่ถูกใจ
“ชิชิชิ เข้าใจทำดีนี่นา
แต่ตบตาเจ้าชายไม่ได้หรอก กลิ่นดินปืนออกจะฉุนขนาดนั้น ดมมากๆมันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เอาออกให้หมดเลยละกันเนอะ” เจ้าชายยิ้มก่อนจะกางวงแขนออกกว้าง
แขนยาวๆขยับพลิ้วเหมือนบังคับอะไรบางอย่าง
แต่อะไรบางอย่างนั้นคือมีดคมกริบรูปร่างแปลกส่วนตัวนับสิบๆเล่มกำลังขยับไปมาตามจังหวะ
เหมือนกับมีดพวกนี้กำลังลอยอยู่โดยมีสายลมประคองอยู่
“ไปเลย...” เจ้าชายสะบัดข้อมือ
พลันมีดที่ลอยอยู่ก็พุ่งลงสู่พื้นดินเป็นหย่อมๆ
เหมือนกับว่าพื้นดินมีแม่เหล็กคอยดูดจับโลหะเฉกเช่นมีด
แต่ว่าไม่ใช่...มีดพวกนี้ต่างหากเป็นสิ่งไปปักพื้นดินเอง
เนื่องจากที่ปลายมีดนั้นเจ้าชายนักฆ่าอัจฉริยะได้ติดเซ็นเซอร์ตรวจจับบางสิ่งบางอย่างอยู่
ถ้ามันเจอมันจะพุ่งเข้าหาทันที
และบางสิ่งบางอย่างนั้นก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน...
สิ่งที่ส่งกลิ่นดินปืน
แม้บางเบาแต่ก็ยังได้กลิ่นอยู่ดี...
ระเบิด...
“โอ๊ะ ว้าว มีเยอะกว่าที่คิดอีกแฮะ
แต่ก็ต้องเละคามือเจ้าชายอยู่ดีนั่นล่ะน่า” เจ้าชายนักฆ่ายิ้มแสยะอย่างเดิมเหมือนไม่ยี่หระ
เหมือนกับว่าตัวเองได้ปลิดชีพระเบิดพวกนั้นไปตั้งนานแล้ว
แต่มันจะต่างกันยังไง
อีกสามวินาทีมันก็จะหายไปแล้วนี่
3
2
1
“เป๊าะ”
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทันทีที่เจ้าชายนักฆ่าดีดนิ้วเหมือนเป็นสัญญาณ
เซ็นซอร์ที่ติดอยู่ตรงปลายมีดจะทำลายตัวเองทันที
พลังทำลายของมันสูงกว่าระเบิดที่ฝังอยู่เป็นไหนๆ
แรงระเบิดมีกำลังมหาศาลพอที่ทำให้ไฟลุกโหมลูกใหญ่แดงฉานอย่างน่ากลัว
ควันสีดำทมิฬลอยโหมขึ้นท้องฟ้าจนมองอะไรไม่เห็น
ดีไม่ดีหอบัญชาการอาจได้รับความเสียหายไม่มากก็น้อย
นักฆ่าสายเลือดราชวงศ์มองผลงานของตัวเองอย่างพอใจ
เสียงหัวเราะถูกปล่อยออกมาตลอดเวลาเหมือนกับว่าได้คิดถึงเรื่องสนุกๆ
มันก็สนุกจริงๆนะ ตอนนั้น วันที่ได้เห็นระเบิดดังตูมตาม
วันที่ได้ต่อสู้กับระเบิดครั้งแรกในชีวิต...
ได้ฟังเสียงดังกัมปนาท ได้เห็นลูกไฟ
ได้เห็นควันพร้อมกลิ่นเขม่า... ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ชิชิชิชิ
เห็นระเบิดแล้วคิดถึงนายเหมือนกันน้า กลับมาเร็วๆล่ะ ไดนาไมต์”
คฤหาสน์ฟิลบาโลเน่แฟมิลี่ 13.00น.
“โอ๊ยยยย ปวดว้อย!”
ร่างโปร่งบางบ่นอุบอิบเบาๆกับตัวเองใขณะที่เดินไปตามทางเดินเพื่อไปพบไทรเด้นท์
ชามาล มืออีกข้างก็ทุบๆไปแถวๆสะโพกของตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดไปด้วย
ความจริงแล้วมันเบากว่าตอนเช้ามากเพราะเขาได้เอายาแก้ปวดลงท้องไปสองเม็ด
แต่ยังไงก็ตามตอนนี้ก็ยังสาหัสอยู่ดี
แต่ถ้าเทียบกันแล้ว...ความเจ็บปวดแค่นี้มันแค่เล็กน้อย...เล็กน้อยมากๆ
มันเทียบกับจิตใจที่โดนย่ำยีด้วยคำหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
ทุกฝีเท้าที่ก้าวไปห้องที่นัดไว้มันเต็มไปด้วยการตัดสินใจ
ก้าวหนึ่งก้าวก็ถามตัวเองทุกครั้ง
ฉันตั้งใจจะทำแบบนี้จริงๆหรอ
ต้องการจะลืมแค่หมอนั่นคนเดียว ฉันต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึไง
แต่พอก้าวอีกก้าวก็ตอบตัวเองเสมอ...
ใช่...อยากลืม
ตอนนี้ไม่ว่าจะถามตัวเองซักกี่ครั้ง
จะย้ำตัวเองซักกี่หน บาดแผลในใจมันยากเกินจะเยียวยา ที่ผ่านมาเขาต้องเจออะไรบ้าง
ไม่รู้เหมือนกันว่ากลายเป็นคนทุ่มเทให้กับคำสัญญาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองคิดบ้าอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับไหล่พิรุณเอาไว้แน่น
พร้อมพูดว่า ถ้าหากเขาไม่อยู่
พิรุณจะเป็นตัวแทนเขาที่จะสามารถดูแลนภาได้...ทั้งที่เมื่อก่อนการดูแลนภานั้นเขาจะไม่ให้ใครมาแตะแม้แต่ปลายเล็บ...
แต่นี่มันอะไรกัน...
ไม่เคยเจ็บใจ
ไม่เคยผิดหวังกับคำสัญญามากขนาดนี้เลย
ดังนั้น...ฉันอยากลืม...ลืมให้หมดทุกอย่าง
ร่างโปร่งบางย่างอีกก้าวก็มาหยุดอยู่หน้าประตูเสียแล้ว
เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเอื้อมมือบางไปบิดลูกบิดประตู
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาข้างใน
หมอแห่งโลกมืดได้นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่
“มาแล้วเรอะฮายาโตะ
เข้มแข็งกว่าที่คิดนะ” ร่างโปร่งบางขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆในคำทักทาย
“เข้มแข็งอะไรของแก”
“ก็ที่แกเดินเข้ามาให้องฉันนี่แหล่ะที่เรียกว่าเข้มแข็ง
แต่ก็...ดูเหมือนซ่อนความอ่อนแอ ตัดสินใจดีรึยังล่ะฮายาโตะ”หมอแห่งโลกมืดลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าลูกศิษย์แต่มือก็ไม่ว่างเว้นมีกระเป๋าใบเล็กๆเก็บแคปซูลเอาไว้
ทำไมหมออัจฉริยะจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกศิษย์รู้สึกยังไงถึงอุตส่าห์ถ่อสังขารแบบนั้นมาหาเขา
เมื่อคืนเองหมอคนนี้ก็รู้เห็นทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ยิ่งมีศพของลูกน้องนอนเกลื่อนบาดแผลแต่ละคนก็มาจากาเหตุเดียวกัน
ก็ยิ่งชัดเข้าไปใหญ่...
วันนี้แกเลยตัดสินใจมาสินะ...
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน
แต่ยังไงซะฉันก็เดินมาถึงที่นี่แล้ว ชามาล...”
ร่างโปร่งบางสูดหายใจเข้า แล้วปิดเปลือกตาลงเหมือนปล่อยวางต่อทุกๆอย่าง
“ลบความทรงจำฉันที...”
TBC...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น