หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

S.Fic Gintama [TakaZura] เมื่อหลับตา ยังเห็นตะวันทอแสง OPENING



S.Fic Gintama [TakasugiXKatsura]
NC-17 
Romantic Drama
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่แต่งมานานมากแล้ว เป็นฟิคกินทามะเรื่องแรกที่คลอดออกมาเพราะทนไม่ไหวกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้จริงๆ อารมณ์มันเลยออกมาเป็นฟิคที่สมควรปาหม้อ ถัง กะละมัง ไห มาก ฮะๆ สูดลมหายใจก่อนอ่านจ้ะ

อันนี้ไม่ใช่คำเตือน ไม่ใช่คำแนะนำ แต่เป็นคำสั่ง (เห้ย!) หากไม่รังเกียจ เปิดฟังเพลงนี้คลอไป จะได้อารมณ์และมีอรรถรสยิ่งขึ้นค่ะ อิอิ >..< ปาฏิหาริย์ที่รอคอย Calories Blah Blah




เมื่อหลับตา ยังเห็นตะวันทอแสง
           



ยามราตรีที่เงียบสงัดเข้าครอบคลุมเมืองคาบุกิโจแห่งเอโดะได้ราวสองชั่วยามแล้ว ทั่วทั้งเมืองที่มักจะมีแต่เสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาของทั้งมนุษย์และชาวสวรรค์ที่อยู่ร่วมพื้นปฐพีเดียวกัน ยามนี้ไร้ซี่งสำเนียงเสียงดังกล่าวแม้เพียงเล็กน้อย กลับมีเพียงเสียงของหรีดเรไรที่ร้องแซ่ระงมดุจวงดุริยางศ์ผู้เป็นเอกลักษณ์ในราตรีกาล ไฟทุกดวงไม่จุดสว่างส่องแสงแข่งกับแสงของดวงดาราพราวพรายบนท้องนภาที่ดำสนิทพร้อมด้วยดวงจันทร์เสี้ยววาดรัศมีโค้งใหญ่ราวกับว่าจะอ้าปากกลืนกินทุกอย่างในนภากาศ

บนถนนที่เป็นใบ้ มีร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเรียบเรื่อยเป็นจังหวะเสมอกันด้วยท่วงท่าที่สง่างามสมกับสายตาที่ผู้คนมองว่าเขาเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ เรือนผมสีดำขลับและดูนุ่มละมุนพลิ้วสยายไปกับแรงลม ดวงหน้าเรียบเฉยทอดมองไปไกลตามท้องถนน  นิ่งสงบ ดูเลือนรางยามเมื่อหมอกแห่งราตรีเคลื่อนกายจับ เยือกเย็น ยามเมื่อสายลมพัดพา เสมือนกับอารมณ์ของเขาซึ่งไม่ยอมเข้าสู่ห้วงของนิทราเช่นผู้คนปกติ เพราะหน้าที่ทำให้เขาต้องมาสังเกตการณ์ความเรียบร้อยในเมืองคาบุกิโจที่เข้าสู่กลียุคพร้อมกับดาบคมกริบเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งซามูไรที่เหน็บไว้ข้างเอว

            “หัวหน้ากลุ่มซามูไรขับไล่ต่างแดน คาซึระ โคทาโร่สินะขอรับ...”

            กริ๊ก!

คาซึระหันขวับไปตามเสียงเรียก พร้อมมือบางที่เตรียมถอดฝักดาบตามสัญชาตญาณ แต่ร่างของคนที่ปรากฏเบื้องหลังกลับเป็นบุรุษร่างสูงที่เคยผ่านตาในเสื้อโค้ทยาวสีฟ้าน้ำทะเลเฉกเช่นเดียวกับสีผมที่ถูกเซ็ตให้ตั้งเสมอ  แว่นตาสีดำทรงแปลกปกปิดดวงตาทำให้ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเขาผู้นี้แสดงอารมณ์อย่างไร ที่หูครอบด้วยเฮดโฟนซึ่งไม่รู้จักถอด พร้อมสะพายเครื่องดนตรีประเภทสายเอาไว้ข้างหลังบ่งบอกว่าเขานั้นเป็นผู้คลั่งใคล้ในท่วงทำนองแห่งเสียงเพลง


คาซึระหรี่ตาลงอย่างประเมิน นึกแปลกใจว่าคนตรงหน้าจะเอาอย่างไรกันแน่ เป็นคนเรียกหาเรื่องเองแท้ๆแต่กลับยกมือขึ้นจำนนอย่างนั้น


            “นาย...คาวาคามิ บันไซ ลูกน้องของทากาสึงิ...ท่าทีที่นายแสดงออกมาแม้ว่าจะไม่ได้อยากมีเรื่อง...แต่อาวุธที่อยู่ข้างหลังนายฉันรู้ว่ามันกำลังหิวเลือดจนตัวสั่น


            จากที่จบเรื่องเบนิซากุระไป ดูเหมือนว่าคุณคาซึระจะระแวงพวกกองทัพอสุรามากเลยนะขอรับ...โปรดสบายใจเถิด กระผมไม่ได้ประสงค์ร้ายเหมือนนิโซ...


คำพูดที่ฝ่ายตรงข้ามพูดมา คาซึระรู้ว่าความเป็นไปได้ที่มันอาจแฝงด้วยคำโป้ปดนั้นมีอยู่มาก ตอนนี้เขาทำได้เพียงจับด้ามดาบเอาไว้ให้มั่น แล้วจ้องไปที่อีกฝ่ายไม่ให้คลาดสายตาก็เท่านั้น เพราะคาซึระเองก็เป็นซามูไรที่มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ การทำร้ายคนอื่นก่อนนั้นไม่เคยอยู่ในสาระบบ

           
ต้องการอะไรจากฉัน
           

            สมกับเป็นคนที่ชินสุเกะเล่าให้ฟัง...พอมาเจอตัวจริงแบบนี้ต้องบอกว่ากระผมนั้นไม่หลงทางจริงๆที่มาเจอคุณ จังหวะทำนองของคุณนั้นคือดนตรีคลาสสิคนุ่มนวลที่ฟังสบายหูราวกับสายลม บางครั้งเยือกเย็นราวกับลำน้ำไหลริน แต่ก็มีความหนักแน่นแฝงอยู่ในทุกๆตัวโน้ต ช่างเป็นท่วงทำนองที่น่าหลงใหลจริงๆนะขอรับ...


            “ตอบคำถามผิดแล้วล่ะ...


            ผมต้องการให้คุณไปพบชินสุเกะ...เขากำลังแย่ นี่คือคำขอร้อง ไม่ใช่คำสั่งใดๆทั้งสิ้นขอรับ สิ้นคำพูดอย่างตรงไปตรงมาของบันไซ ไม่ทำให้ดวงหน้าสวยคมของคาซึระแปรเปลี่ยนไปจากความเรียบเฉย เพียงแต่ว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆขัดคำพูดของคนตรงหน้าเพียงคำเดียว เขาเคยประกาศออกไปแล้วว่านับจากเหตุการณ์เบนิซากุระ ทากาสึงิ ชินสุเกะ ไม่ใช่เพื่อนพ้องของเขาอีกต่อไป....ไม่ใช่เพื่อนพ้อง...ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ


            ไม่จำเป็น...หันกลับไปเถิดคาซึระ โคทาโร่ หันกลับแล้วเดินหนีไปอย่าได้รับฟัง เรื่องนี้หาได้เกี่ยวกับเจ้าไม่...เจ้าทำได้หรือเปล่า...หรือว่าชื่อของเขาคนนั้นยังคงเป็นพันธนาการที่มัดเจ้าให้จมอยู่กับความคิดเดิมๆ


            นับแต่เรื่องตอนเบนิซากุระนั้น ชินสุเกะฝันร้ายทุกคืนถึงอาจารย์ของเขาและพวกคุณ ทุกคราที่เขาตื่นมา ผ้าพันแผลที่ปิดอยู่นั้นมันชื้นด้วยรอยน้ำตา คุณคาซึระคงจะเข้าใจความเจ็บปวดตรงนั้นดี สำหรับพวกเราเหล่ากลุ่มคิเฮไทนั้นไม่อาจเยียวยาความเจ็บปวดของชินสุเกะจากก้นบึ้งในจิตใจได้  พอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมขอรับ ว่ากระผมต้องการอะไรจากคุณ


คาซึระนิ่งเงียบ ปล่อยให้เสียงเรไรยามค่ำคืนขับขานแทนคำตอบของตนเอง  ใช่...เขาเข้าใจดี ความเจ็บปวดของลูกศิษย์ที่สูญเสียอาจารย์ มันเป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของพวกเขานั้นถูกฉีกขาดจนสะบั้น ไร้ซึ่งที่ยึดเหนี่ยว ต้องผจญกับเรื่องราวชั่วร้ายบนโลกอันโสมมนี้ต่อไปด้วยกำลังขาของตนเอง...แต่ถ้าหากยึดมั่นในทางเดินที่ลาดตรงตามที่อาจารย์ปูเอาไว้ให้ซึ่งเป็นดั่งของดูต่างหน้า คงไม่มีวันหลงทางเป็นแน่ นี่เป็นสิ่งที่คาซึระเชื่อมั่น


            เพราะมีอาจารย์ ถึงได้มีพวกเขา อาจารย์ก่อสร้างเด็กผู้ชายผู้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งหวังกลุ่มหนึ่งให้กลายเป็นนักรบผู้มีเกียรติ พร้อมทั้งสร้างหัวใจของพวกเขาให้แข็งแกร่งเทียบเท่าคมเหล็กกล้าที่พกอยู่ข้างเอว


            แต่อาจารย์คงไม่อาจรู้...ว่าพออาจารย์จากไปอย่างชั่วนิรันดร์นั้น...อาจารย์ได้พรากเอาหัวใจของใครบางคนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับด้วย...


            ทากาสึงิ เจ้านายของพวกเจ้าน่ะ เป็นเหมือนเด็กที่ยังไม่ยอมรับความเป็นจริง...แล้วอย่างไรงั้นหรือ   ทากาสึงิคิดถึงอาจารย์โชโยผู้ล่วงลับแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน คาซึระขยับยิ้มบาง น้ำเสียงของเขายังคงนิ่งเรียบไร้ที่ติเหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ยังคงพยายามพร่ำบอกกับตัวเองว่า เรื่องของทากาสึงิสหายผู้ทะเยอทะยานคนนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไป คนๆนั้นจะทุกข์ทรมานเพียงเพราะเรื่องเก่าๆจนขาดใจตายไปก็เป็นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะใส่ใจ


            แต่ในใจเป็นความจริงเช่นไร...คาซึระรู้ดี


            ชินสุเกะเคยบอกกระผมว่า คุณคาซึระน่ะ...เหมือนอาจารย์ของเขา ทั้งบุคลิก รูปลักษณ์ หรือแม้กระทั่งนิสัยก็คล้ายคลึงกันอย่างมาก ถือเสียว่าเป็นการช่วยเหลือคนเคยรู้จักเถิดขอรับ ช่วยไปพบเขาหน่อย บางทีถ้าคุณเห็นอาการของชินสุเกะนั้นคุณอาจไม่แสดงท่าทีเพิกเฉยเพียงนี้”


ร่างสูงตรงหน้าที่มีบุคลิกสง่าผ่าเผยสมกับเป็นมือขวาของหัวหน้าแห่งกองทัพอสุรานั่งย่อกายลงกับพื้นถนนที่เย็นชืด พร้อมกับศีรษะที่ก้มแตะก้อนกรวดเม็ดเล็กๆหยาบระคายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อขอร้อง คาซึระ โคทาโร่ ซึ่งถือว่าเป็นคู่ปรับตัวฉกาจของกองทัพ แต่มันก็มีเพียงวิธีขอความเห็นใจเท่านั้นที่จะมีหวังให้อีกฝ่ายใจอ่อนแล้วขึ้นเกี้ยวไปพบทากาสึงิกับเขา


ดวงตาสีน้ำตาลคมสวยจ้องมองด้วยความชั่งใจหนัก อยากตำหนิตัวเองยิ่งนักที่ไม่ยอมก้าวเท้าเดินหนีไปตามที่ใจสั่ง ต้องมารับฟังเรื่องของคนๆนั้นอีกจนได้อย่างไม่รู้จักหลุดพ้น แต่สิ่งที่คาซึระโทษตัวเองมากที่สุดก็คือ ทั้งๆที่อีกฝ่ายเห็นเขาเป็นเพียงแค่ตัวแทนของอาจารย์โชโย พอคิดถึงก็พร่ำเพรียกหา ช่วยชโลมจิตใจที่หนาวเหน็บของทากาสึงิแม้เป็นเพียงแค่ให้อีกฝ่ายโกหกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็คอยปลอบประโลมเรื่อยมา คอยสงสารอยู่ร่ำไป


โดยที่ไม่เคยคิดเลย ว่าหัวใจของผู้ที่ทำหน้าที่ปลอบคนอื่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น...ก็ต้องการคนมาไยดีบ้างเหมือนกัน...เพียงแค่ต้องการเท่านั้น แต่ก็ไม่ถึงกับปรารถนา...


อยากรู้จริงๆ...ว่าเราสองคนเชื่อมติดด้วยพันธนาการที่ชื่อว่าอะไรนะ ทากาสึงิ เราสองคนถึงได้เหมือนกันอยู่อย่าง


เป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดเดิมๆเหมือนกัน...ทนกับความเจ็บปวดแห่งความจริงทุกที....






            เกี้ยวไม้สลักเล็กๆสำหรับผู้โดยสารเพียงแค่คนเดียวขับเคลื่อนไปอย่างค่อนข้างรีบเร่งด้วยม้าฝีเท้าดีที่บังคับบังเหียนโดยคาวาคามิ ระยะทางจากใจกลางเมืองคาบุกิโจไปยังฐานกองทัพหลักของกองทัพอสุรานั้นไกลพอสมควรที่จะทำให้คาซึระจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเอง สายลมเย็นที่แทรกซึมผ่านม่านทางหน้าต่างเกี้ยวเกี่ยวเอาปอยผมยาวพัดลู่เคลียแก้มขาว อากาศโดยรอบเริ่มเย็นลงๆเมื่อสองข้างทางนั้นผ่านพ้นเขตเมือง และปูลาดด้วยพื้นหญ้าเขียวชะอุ่มและดอกไม้ป่าสีสดเข้าแทนที่ หิ่งห้อยขยับปีกบินอ้อยอิ่งให้แสงสว่างเย็นตาแทนโคมไฟ บรรยากาศรอบกายเงียบสงัด นับว่าเป็นชัยภูมิที่ดีต่อการตั้งถิ่นฐานกบดานของกองทัพๆหนึ่ง


            เพราะว่านายอยู่ในที่ๆหนาวเหน็บ และอ้างว้างเช่นนี้ ฉันอยากรู้ ว่าใครคนใดจะคอยกอดนายให้ความอุ่นเพื่อบรรเทาความหนาวกัน...ทากาสึงิ

           
กุบ..กุบ


ฝีเท้าม้าชะลอลงและหยุดหน้าบ้านทรงญี่ปุ่นหลังใหญ่หลังหนึ่ง คาวาคามิเลื่อนประตูเกี้ยวออกเพื่อให้แขกคนสำคัญย่างเท้าออกจากเกี้ยว สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคาซึระนับว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่งดงามหากแต่ว่าเร้นลับอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ห่างไกลจากความศิวิไลซ์ แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าข้างหลังคฤหาสน์หลังนี้ล่ะคือโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสาระพัดสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปอย่างพินาศสิ้น


คาซึระย่างเท้าเดินขึ้นไปบนชานคฤหาสน์ กลิ่นควันจากกล้องยาสูบที่ไม่ได้สัมผัสมานานลอยเข้ามาแตะจมูกก็พอจะคาดได้ว่าเจ้าบ้านนั้นอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล...ที่เขามาที่นี่นั้นไม่ได้นึกเห็นใจ ไม่ได้เป็นห่วง เพียงแต่ว่ามาแค่ดูอาการคนที่เคยรู้จักและเป็นสหายร่วมทัพกันมาก่อนก็เท่านั้น อยากรู้นักว่ามันจะงี่เง่าไม่รู้จักโลกปานเด็กห้าขวบที่นอนดิ้นพล่านสติไม่สมประดีเพราะฝันร้ายขนาดไหน


“อาจารย์!


อะไร...นะ!?


เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลัง แม้ว่าไม่ใช่เป็นการเรียกชื่อตัวเอง ถึงกระนั้นคาซึระก็ต้องหันกลับไปมอง แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยคำใดหรือขยับกาย ร่างสูงโปร่งในกิโมโนสีม่วงลายผีเสื้อก็เข้าประชิดตัวเขาด้วยความเร็วสูง


ท่อนแขนแข็งแกร่งรั้งเอวบางเข้าแนบชิดกับแผ่นอกแล้วกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา จมูกโด่งคมซุกลงกับเรือนผมเรียบลื่นไล้เคลียอย่างเพลิดเพลิน คาซึระได้เพียงแต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดเขาอย่างเนิ่นนานจนกว่าจะพอใจโดยไม่พูดไม่กล่าวอะไร มันทั้งตกใจ ทั้งสะเทือนความรู้สึก และมีอีกความรู้สึกอีกอย่างที่ผุดชัด แม้ได้สิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงแค่คำเรียกสองพยางค์สั้นๆ แต่ความรู้สึกนี้กลับกัดกินหัวใจอย่างยาวนาน


ความรู้สึกที่ว่า...ได้รับของๆที่ไม่ใช่ของตนเอง แม้อยากได้เพียงใด ก็ไม่อาจแตะต้อง...เช่นอ้อมกอดที่โอบรัดเขาอยู่นี้...


เพราะอ้อมแขนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกถวิลหา เพราะอ้อมแขนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา อยากได้ไออุ่นอิงกาย แต่จะให้เขาแสดงอาการอะไรออกมาได้ ก็ในเมื่ออ้อมแขนนี้ไม่ใช่อ้อมแขนที่โอบกอดเขา...


คาซึระเม้มริมฝีปากบาง เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ทากาสึงิไม่ได้เรียกว่า ซึระ อย่างที่เคยเรียก แต่เรียกเขาว่า...  อาจารย์


สิ่งที่กำลังแย่ตามที่คาวาคามิบอก...คือจิตใต้สำนึกของนายใช่มั้ย...


“อาจารย์กลับมาแล้วใช่มั้ย ไปไหนมาทำไมถึงไม่บอกกันบ้าง ปล่อยให้ผมต้องจมอยู่กับโลกเน่าเหม็นนี่เพียงคนเดียวได้ยังไง” ดวงตาของคาซึระเบิกกว้างอย่างตกใจ ร่างทั้งร่างนิ่งเกร็งเมื่อรับรู้ได้ชัดเจนแล้วว่าสติความรู้สึกพื้นฐานโดยสัญชาตญาณของทากาสึงิแทบเสียไปอย่างสมบูรณ์ ไม่แยกแยะคนเป็นกับคนตาย ถูกครอบงำด้วยจิตใต้สำนึกไม่มีวันหวนกลับ และด้วยจิตใต้สำนึกแห่งตัวแทน ทากาสึงิเชื่ออย่างสนิทใจว่าคาซึระคืออาจารย์โชโย


ไม่ใช่เชื่อสิ เห็น เลยต่างหาก


โหดร้ายเสมอ...นายโหดร้ายแบบนี้เสมอ มัดมือชกฉันแบบนี้ประจำ


แล้วฉันจะทำอย่างไรได้ ถ้าเห็นนายเป็นทุกข์ขนาดนี้...จะทำอย่างไรได้ล่ะ


คาซึระผ่อนลมหายใจออกก่อนจะค่อยๆแกะอ้อมแขนออกเบาแล้วหมุนตัวมาประจันหน้ากับสหายเก่า ดวงตาสีเขียวที่มักฉายแววชั่วร้ายเสมอเมื่อยามมองเหยื่อหรือแม้กระทั่งเพื่อนอย่างเขา ตอนนี้ไม่มีเลยสักนิด มีเพียงดวงตาอ่อนโยนที่คาซึระคุ้นเคยดีว่าหมอนี่ชอบใช้มองอาจารย์โชโยตั้งแต่เด็กๆ  ฝ่ามือบางยกขึ้นแตะลูบที่กลุ่มผมสีดำขลับ รอยยิ้มบางอบอุ่นที่แสนกล้ำกลืนวาดบนใบหน้าสวยคม รอยยิ้มที่เมื่อไรก็ยังชวนมองเสมอ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่คาซึระไม่อยากจะนึกถึง


รอยยิ้มของอาจารย์...


“ไม่ได้ไปไหนมาสักหน่อย ก็อยู่ข้างๆทากาสึงิคุงตลอดนั่นแหล่ะ เพียงแต่ว่าทากาสึงิคุงอาจไม่สังเกตเห็นก็เท่านั้น” ใช่...เพียงแค่นายไม่สังเกตก็เท่านั้น


“ผมคิดถึงคุณนะ พอคุณไม่อยู่โลกทั้งใบก็เหมือนเข้าใกล้วันสิ้นกัลปาวสาน โชคดีจริงๆที่ได้คุณมายืนอยู่ใกล้ๆแบบนี้ โชคดีจริงๆที่ไม่ต้องทนกับฝันร้าย” มือแกร่งของหัวหน้ากองทัพอสุราเอื้อมไปกุมมือบางเอาไว้แล้วนำมาแนบแก้มด้วยความรัก การกระทำนั้นสะเทือนใจจนกระทั้งคาซึระต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง รูปร่างแข็งแรงของทากาสึงิที่เขาเคยเห็น ตอนนี้ซูบลงอย่างชัดเจน ใบหน้าคมคายขาวซีดทั้งฐานรองดวงตามีสีคล้ำบ่งบอกว่าสุขภาพนั้นกำลังแย่


“กลิ่นของอาจารย์...” ทากาสึงินิ่งงันไปราวใช้ความคิดทั้งๆที่ยังกุมมือคาซึระไว้อยู่อย่างนั้น  ไม่นานนักดวงตาสีเขียวก็กลอกขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำตาล แล้วเอ่ยชัดเจน “เหมือนกลิ่นของคนบางคน...กลิ่นของซึระ”


ร่างทั้งร่างของคาซึระกระตุกเฮือกแล้วดึงมือกลับโดยอัตโนมัติ สายตาเบือนหลบไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายอีก มันช่างน่าขัน ทั้งๆที่เป็นตัวตนของเขาเองแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมรับ และไม่อยากให้ทากาสึงิต้องสงสัยและรับรู้ เขาต้องการให้ทากาสึงิเชื่อว่าเขาคืออาจารย์โชโยจริงๆไปเสียแล้ว


“จริงสิ คาซึระกับกินโทกิเป็นอย่างไรบ้าง พวกเธอสามคนยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่ใช่มั้ย”


“หึ ไม่ใช่แล้ว” รอยยิ้มหยันผุดพรายบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวมองทอดออกไปข้างนอกชานคฤหาสน์ “ซึระและกินโทกิเพิ่งตัดเพื่อนตัดฝูงผมไปเมื่อไม่นานนี้เอง...แต่ก็ดี เวลาจะฆ่าก็ฆ่าได้โดยไม่ต้องคำนึง มีมันสองคนก็รกหูรกตาเปล่าๆ”


นั่นสินะ...นอกจากอาจารย์ที่เคารพรัก แม้เป็นสหายที่เคยร่วมสมรภูมิรบกันฝ่าความเป็นความตายด้วยกันมา ตอนนี้ก็เป็นแค่บุคคลอื่นที่รอการทำลายให้อันตรธานหายไปพร้อมกับโลกที่เจ้าตัวว่าโสโครกหนักหนา ไม่มีความหมายอะไรเลย...ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญพอที่นายจะต้องปกป้องสินะ ทากาสึงิ


“ยังไง ก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนนะ แล้วฉันเชื่อว่าสองคนนั้นก็ยังคงห่วงใยเธออยู่แน่นอน รีบไปนอนเถอะ...ร่างกายของเธอ....อ๊ะ!


ไม่ทันพูดจบประโยค ท่อนแขนแข็งแรงผิดกับสภาพร่างกายก็รั้งเอวบางเข้าประชิดอีกครั้ง พร้อมประคองใบหน้าสวยหวานให้เชยขึ้นแล้วกดริมฝีปากบดเบียดกลีบปากบางของอีกฝ่ายทันที อารามตกใจและไม่ทันได้เตรียมตัวทำให้ปฏิกิริยาทางกายของคาซึระต่อต้านทันที ฝ่ามือบางพยายามดันแผงอกของผู้รุกล้ำให้ถอยห่าง ชะรอยจะไม่เป็นผลเมื่อร่างสูงซ้ำกดริมฝีปากให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก นิ้วแกร่งบีบเน้นที่ปลายคางมนเพื่อบังคับให้คาซึระอ้าปากออกเพื่อแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงหาความหวานล้ำอย่างจาบจ้วง


“อึก...อื๊ออ!!” สัมผัสที่ส่งถึงคาซึระคือความร้อนผ่าวดุจไฟลามเลีย ข้อมือบางถูกพันธนาการรวบอย่างแน่นหนาด้วยมือเพียงข้างเดียวของอีกฝ่าย ลมหายใจเริ่มขาดห้วงจนกระทั่งกลายเป็นเสียงหอบระทวยยิ่งกระตุ้นให้ทากาสึงิพอใจในรสสัมผัส มือหยาบกร้านจากการจับดาบลูบไล้เข้าไปใต้คอกิโมโนผ่านเนื้อนิ่มลื่นไม่ผิดแปลกไปจากผิวพรรณของคุณชายผู้สูงศักดิ์


“อ๊ะ หยะ หยุด..อื๊อ!” ริมฝีปากร้อนระอุของผู้นำกองทัพอสุราเลื่อนลงฝังประทับกับลำคอขาวระหง กลิ่นหอมรัญจวนจากเรือนผมสีดำฟุ้งกรุ่นรับกับร่างกายที่ร้อนรุ่ม ยิ่งได้สัมผัส ยิ่งได้กลิ่น ทากาสึงิก็ยิ่งอยากที่จะครอบครองมากขึ้น ไม่พอ...ได้เท่าไรก็ยังไม่พอ ยิ่งโลมเลียเคลียเคล้าเท่าไหร่ กลิ่นหอมบริสุทธิ์ที่โชยมาก็ไม่มีท่าว่าจะหมดไปจากร่างกายของคนๆนี้


กลิ่นของอาจารย์เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่...ทำไมถึงได้คล้าย...คล้ายกลิ่นของซึระมากเกินไปแล้ว


“หยะ หยุด! หยุดสิ!!


ทากาสึงิผละริมฝีปากออกจาลำคอระหงแล้วค่อยๆคลายมือที่ใช้รวบข้อแขนของคาซึระออกจนร่างโปร่งบางล้มลงไปกองกับเสื่อทาทามิที่แสนแข็งกระด้าง ร่างบางยามนี้สั่นสะท้านราวกับคนจับไข้ พร้อมทั้งพยายามกระชับกุมคอกิโมโนเพื่อปิดรอยประทับแดงก่ำบนซอกคอของตัวเอง ดวงหน้าสวยคมก้มลงไม่แม้แต่จะมองหน้าคนที่ยืนค้ำหัวของตัวเองอยู่ตอนนี้แม้ปรายตา คาซึระรู้ว่าทากาสึงิรักอาจารย์โชโยมากขนาดไหน แต่เขาไม่เคยคิด ว่าทากาสึงิจะกระทำกับร่างกายที่เจ้าตัวคิดว่าเป็นอาจารย์แบบนี้...


มันเจ็บ...แสบร้อนไปหมดทุกที่ที่โดนสัมผัส ความเจ็บที่หาใช่มาจากปลายประสาท แต่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ...


ทำไม...ทำไมถึงเจ็บถึงขนาดนี้กัน


ร่างสูงในกิโมโนสีม่วงย่อกายลงคุกเข่าตรงหน้า ฝ่ามือเดิมแตะไล้ไปตามแก้มเนียนแล้วเชยขึ้นให้เงยมามอง สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาที่พร่าเลือนของคาซึระยามนี้ คือดวงตาสีเขียวข้างเดียวของสหายเก่าที่มองมาอย่างมีความหมายแฝง ริมฝีปากจุดรอยยิ้มเย็นดูมีเลศนัยเสมอ บ่วงเล่ห์กลที่คาซึระต้องหลงเข้าไปติดทุกที


“ขอโทษครับ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บหรอก” น้ำเสียงนุ่มทุ้มปลอบประโลม พร้อมๆกับใบหน้าที่โน้มเข้ามาแล้วกระซิบแผ่วที่ริมหู “แต่ว่าต่อไปนี้อาจารย์ต้องชดเชยส่วนที่หายไปมาตลอดนะ อยู่กับผมที่นี่....อยู่ไปตลอดกาล....”


ต้องเป็นตัวแทนของอาจารย์โชโยให้นายไปตลอดกาลใช่ไหม...แล้วนายจะไม่เรียกฉันว่า ซึระอีกต่อไปแล้วใช่ไหม ทากาสึงิ


ฮึ น่าสมเพชจริงๆ ถึงจะเป็นชื่อที่เกลียดนักเกลียดหนา แต่ฉันก็ปรารถนาจะให้นายเรียกอีกสักครั้ง...อีกสักครั้งก็ยังดี...ถ้าฉันอยู่กับนายตลอดไป จะมีสักวันไหมที่นายจะเห็นว่าฉันคือ ซึระ เพื่อนของนาย...ไม่ใช่อาจารย์โชโยที่ล่วงลับไปนานแล้ว...


จะมีวันนั้นไหม ทากาสึงิ...


“อืม ฉันจะอยู่กับเธอ...”




คาซึระ โคทาโร่ นายมันคนอ่อนแอ อ่อนแอเหลือเกิน...







กลิ่นดอกไม้ป่า...หอมฟุ้งอบอวล


ได้ยินเสียงทำนองเพลงครวญ...เศร้าจับใจ


ทันทีที่เปลือกตาบางเปิดรับเช้าวันใหม่ ดวงตาสีน้ำตาลก็หรี่ลงเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องซึมผ่านผ้าม่านบางอาบทั่วใบหน้า เมื่อชันตัวขึ้นจากฟูกหนาหนุ่มและมองไปรอบกาย ที่นี่คือคฤหาสน์ของทากาสึงิ ศูนย์กลางของกองทหารอสุราอย่างไม่มีทางสงสัย กิโมโนตัวเดิมที่เขาใส่มายังอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยไม่น่าเป็นห่วง เพียงข้างๆฟูกมีกิโมโนตัวใหม่พร้อมกับผ้าขนหนูแช่ในกะลังมังน้ำอุ่นเอาไว้ให้ด้วย


คาซึระรีบจัดแจงเนื้อตัว กิโมโนตัวเดิมไหลลงเลียดบ่ามนเผยให้เห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆตัดกับผิวขาวผ่องจากการกระทำอันอุกอาจเมื่อคืน เมื่อผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆลากผ่านช้าๆ คาซึระยังรู้สึกถึงความชาราวกับว่าหยาดน้ำอุ่นระอุที่ร่วงพรูผ่านซอกคอไม่อาจเทียบกับความร้อนแรงของรอยกดจูบเหล่านี้ได้เพียงเสี้ยว


เสียงดนตรีจากเครื่องสายโบราณยังคงใสพลิ้วขับกล่อมเป็นท่วงทำนองเพลงช้าดุจจะประโคมให้ทุกสรรพสิ่งจมดิ่งสู่ห้วงนิทราที่มืดมิด ร่างโปร่งบางในกิโมโนสีน้ำเงินคลุมทับด้วยฮาโอริสีดำสนิทเดินออกจากห้อง เดินไป...ตามเสียงเพลงที่เพรียกหา จนสุดท้ายเท้าก็หยุดลงตรงชานระเบียงที่หันหน้าเข้าหาสวนหย่อม เพียงเท่านี้คาซึระก็พอจะรู้แล้วว่าสิ่งที่เศร้าสร้อยนั้นคงไม่ใช่มีเพียงเสียงเพลงอย่างเดียว


เพิ่งรู้ว่าเธอก็มีอารมณ์สุนทรีย์กับเขาเป็น คาซึระทักยิ้มๆพร้อมทรุดกายนั่งลงข้างๆกับร่างสูง ดวงตาสีเขียวของทากาสึงิกลอกมองเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปในทิศทางเดิม


สุนทรีย์ที่ไหน อารมณ์ดราม่าต่างหาก... ทากาสึงิวางเครื่องดนตรีลงกับพื้นชานระเบียงก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยใช้ตักนิ่มของคาซึระต่างหมอนหนุน พลางเอื้อมมือสางผมสีดำยาวสยายอย่างเบามือ ดวงตาข้างนั้นเริ่มปรือลงคล้ายกำลังจะเข้าสู่นิทรา สายลมเย็นยามเช้าของเอโดะพัดเอากลิ่นอายดินและดอกไม้หอมรื่นจมูก แต่คาซึระรู้ดีว่าสำหรับทากาสึงิแล้ว เอโดะแห่งนี้มีแต่กลิ่นเหม็นโสมม


ผมอยากหลับ...ไม่อยากเห็นมันอีก โลกที่เน่าเฟะใบนี้...ไม่อยากเห็นมัน จนกว่ามันจะพังทลายย่อยยับด้วยน้ำมือผม
           

ถ้าอยากหลับนัก ก็หลับเสียสิ คาซึระยิ้มน้อยๆ มือบางลูบเรือนผมสีดำสั้นของอีกฝ่ายช้าๆเป็นจังหวะคล้ายปลอบโยน น้ำเสียงนุ่มแผ่วดังกังวานชวนฟังไม่ต่างจากเครื่องสายที่ทากาสึงิเล่นเมื่อชั่วครู่


หลับตาลง...แล้วบอกฉันว่าเธอเห็นอะไรบ้าง


เปลือกตาค่อยๆปิดลงตามคำพูด น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นใบหน้าของหัวหน้ากองทัพอสุราจะปล่อยวางไม่คิดอะไร ผ่านไปราวสองนาทีทากาสึงิกระตุกยิ้มน้อยๆแล้วเริ่มเอ่ยปากเป็นคำตอบสั้นๆ


“เห็นซึระ...”


สิ้นคำพูด หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะเรื่อยๆของคาซึระได้พลันกระตุกวูบ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องที่ใบหน้าคนกำลังหลับตาพริ้มอย่างไม่เชื่อหู


“เห็น...ใครนะ?


“แปลก เห็นมาตั้งนานตั้งแต่หลับตาแล้ว...เห็นอยู่คนเดียว เห็นซึระ เห็นมันอยู่คนเดียว....แล้วก็แปลก...ทั้งๆที่หลับตาอยู่แท้ๆแต่ภาพนั้นสว่างจนแสบตา...”


เห็นแต่เขาเหรอ...ยังไงก็เห็นแต่เขางั้นเหรอ


ทากาสึงิ...นายคิดจะทำยังไงกับฉันกันแน่


“จะว่าไปแล้วนะอาจารย์ ซึระกับผมน่ะต่างกันมากทั้งๆที่เรียนกับคุณมาด้วยกันแท้ๆ เจ้าหมอนั่นคือแสงสว่างเปรียบเหมือนดวงตะวันที่คอยส่องนำทางให้เอโดะพ้นจากยุคมืด แต่สำหรับผมคือความ           ดำมืดที่จะกลืนกินเอโดะให้หายไป แต่ไม่ว่าใครจะทำวิธีการใด สุดท้ายความเน่าเละที่เกาะกินอยู่ทุกวันนี้ก็ต้องสูญสลายไปอยู่ดี...”


“ซึระคือคนสำคัญของเอโดะ และเอโดะก็สำคัญกับมันมากเช่นกัน มันถึงยอมสู้ตายถวายหัวเพื่อปกป้องขนาดนั้น  คนที่สำคัญจะถูกจารึก หากซึระตายไปแล้วชื่อของมันคงจะถูกลิขิตเอาไว้ในตำนานวีรบุรุษ...” ทากาสึงิดึงมือบางที่วางอยู่บนหัวของตัวเองมาจับเอาไว้ นิ้วชี้ไล้วนเกลี่ยบนฝ่ามืออย่างเพลิดเพลิน


“แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่เคยนึกถึงหรอกว่าซึระสำคัญกับผมตรงไหน....มันเป็นคนเดียวที่ผมหลับตาแล้วมองเห็น จนตอนนี้ก็ยังเห็นอยู่ไม่หายไป...หึ ชักแสบตาแล้วสิ”


ร่างสูงบนตักเริ่มหายใจสม่ำเสมอ นิ้วแกร่งที่เกลี่ยฝ่ามือบางอยู่ช้าลงๆจนนิ่งไปในที่สุด ทากาสึงิทิ้งศีรษะหนุนตักของคาซึระอย่างสมบูรณ์ เขาไม่ได้นึกรังเกียจหากทากาสึงิจะยึดเขาเป็นที่พึ่งแล้วหลับลงอย่างสบายใจ ไม่ได้ซ้ำอยากจะให้ท่องไปในโลกแห่งความฝันอันแสนหวานที่เจ้าตัวคิดว่ามีความสุขที่สุด


แต่รู้อะไรบ้างไหมว่า...ที่พึ่งคนนี้ก็รู้สึกเหนื่อยบ้างเหมือนกัน...


ไหล่บางเริ่มสั่นสะท้านจนคุมไม่ค่อยจะอยู่ ขอบตาชักร้อนผ่าว ก้อนอะไรบางอย่างเลื่อนมาจุกอยู่ที่ลำคอ ฝ่ามือข้างหนึ่งกำแน่นกระชับตรงหน้าอกที่ยามนี้มันช่างเจ็บแสนเจ็บ ส่วนอีกข้างปิดปากตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ให้ความอ่อนแอใดๆเล็ดลอดออกมาได้ แต่เขาจะทนไปได้อีกนานเพียงใด เมื่อคำพูดทุกคำของทากาสึงิยังคงก้องเวียนอยู่ในโสตประสาทของเขาทุกถ้อยคำ...


“มันเป็นคนเดียวที่ผมหลับตาแล้วมองเห็น จนตอนนี้ก็ยังเห็นอยู่ไม่หายไป”


นาย...ต้องการอะไรจากฉันกันแน่


“ฮึก...” ตอนนี้ ขอร้อง...ขอเพียงแค่ว่าน้ำตาอย่าเพิ่งไหล...


ขอร้อง...อย่าเพิ่งหลุดเสียงสะอื้น อย่าทำให้หมอนี่รู้ตัวแล้วตื่นขึ้นมาเห็นความน่าสมเพชของนักแสดงที่กำลังจะหลุดออกนอกบท


ทากาสึงิ...ฉันมีตัวตนอยู่ในจินตภาพของนายเมื่อยามหลับตา แต่ว่ามันจะมีค่าอะไรอย่างนั้นหรือ?


เมื่อนายลืมตามาเผชิญกับโลกแห่งความจริง นายกลับเห็นคนอีกคน...






“จะไปไหนขอรับ คุณคาซึระ” มือขวาแห่งกองทัพอสุราดังขึ้นข้างหลังร่างโปร่งบางที่ยืนกอดอกพิงกับรถม้า น้ำเสียงที่ไม่สู้จะวางใจนักทำให้คาซึระพอเข้าใจว่าตอนนี้พวกคิเฮไทคิดว่าเขาเป็นของใต้อาณัติไปเสียแล้ว หาใช่แขกที่มาเยี่ยมเยียน


ฉันจะไปในเมืองสักหน่อย แต่ถ้านายไม่ไว้ใจ จะอาสาเป็นคนขับรถม้าตามไปคุมฉันก็ได้


หามิได้ขอรับ อารมณ์ของคาวาคามิยังคงเย็นเยือก ต้องขออภัยหากคำถามของกระผมทำให้คุณลำบากใจ เพียงแต่ว่าตอนนี้คุณสำคัญต่อชินสุเกะมาก ถ้าคุณหายไปในขณะที่เขาหลับ ผมเกรงว่าจะทำให้อาการของเขายิ่งทรุด อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณจะไปผมก็ไม่ห้ามครับ แต่ขอเพียงรีบไปรีบกลับก่อนที่ชินสุเกะจะตื่น


ฟังคำพูดของคาวาคามิแล้วคาซึระขยับยิ้มบางเสริมเค้าโครงหน้าให้งดงามชวนมอง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นมีแววเจืออารมณ์ขบขัน  นึกแปลกใจอย่างว่ากองทัพอสุราจะไว้ใจคนนอกมากเกินไปแล้ว


แล้วนายไม่กลัวฉันหนีหรือไง ฉายาฉันน่าจะดังระบือมาถึงที่นี่อยู่


โคทาโร่จอมหลบหนีใช้ไม่ได้กับชินสุเกะ...กระผมรู้ขอรับว่าคุณไม่หนี


อา....นั่นสินะ


คาซึระผ่อนลมหายใจออกเบาๆรู้สึกว่าในลำคอตีบตันไปหมด  ไม่มีเสียงใดที่จะเอ่ยโต้แย้ง ร่างบางหันกลับไปแล้วลงมือปลดชนักตัวเกี้ยวที่ติดอยู่กับรถม้า ก่อนจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วสะบัดบังเหียนให้ม้าห้อตะบึงออกไปด้วยความเร็วทันที


ลมที่โชยมาปะทะใบหน้า เป็นเครื่องบอกอย่างดีว่าร่างกายของเขาถูกพาให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เขาอยู่ห่างไกลออกไปจากคฤหาสน์ของทากาสึงิทุกทีๆ แต่ความรู้สึกนี่มันอะไร มันเหมือนกับมีด้ายบางๆผูกลึกเข้าไปตรงหน้าอกด้านซ้ายของเขา เป็นด้ายที่ยาวมาก...หากวิ่งไปเท่าไหร่ก็ไม่มีวันขาด แต่ถ้าหากคิดจะหนีเมื่อไหร่ มันจะออกแรงดึงจนรู้สึกเจ็บมหาศาล


ฮึ..โคทาโร่จอมหลบหนี คงจะได้สิ้นชื่อก็ครานี้...



หัวใจเจ้าเอย...ข้าขอโทษที่ปล่อยให้เจ้าไร้ซึ่งอิสระภาพ ตั้งแต่เมื่อก่อนจวบจนปัจจุบัน

.

.

.
TBC...

2 ความคิดเห็น:

  1. โอ้ววววว ชีวิตคาซึระของเจ๊ช่างอาภัพนักT^T

    ตอบลบ
  2. โอ้ววววว ชีวิตคาซึระของเจ๊ช่างอาภัพนักT^T

    ตอบลบ