Project : Happy Birthday Kazahaya san
S.Au.Fic KHR [8059]
Romantic Comedy
PG
PG
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไป
ปักษามุกดา
ตอนที่ 3
เช้าวันรุ่งขึ้น คฤหาสน์ตระกูลโกคุเดระ
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะกง...เห็นมั้ย
หนูบอกแล้วว่าตื่นมาหนูจะเล่าให้ฟัง กงก็ซักหนูอยู่ได้เมื่อคืนอ่ะ
สรุปปักษามุกดาเล่มงามของเราก็ไม่ได้อยู่ที่ยามาโมโตะ หรือตระกูลไฮโซหน้าไหนทั้งนั้น
ไปอยู่กับโจรสามหาวไร้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็ไม่รู้”
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่รีบเอาออกซิเจนเข้าปอดโดยด่วน
รู้สึกว่าเหงือกตัวเองแห้งเป็นพิเศษเพราะเสียน้ำลายหลายลิตรไปกับการเล่าเหตุการณ์สุดเร้าใจเมื่อคืนให้อากงตัวเองฟัง
ดูท่าว่าอากงแกจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เดินวนไปเวียนมาหน้าห้องนอนเขา
เฝ้าทุบประตูถามเหตุผลที่เขาไม่ได้ปักษามุกดากลับบ้านมาตลอดทุกชั่วโมง...พอเช้ามาเขามีแรงที่จะลืมตาอ้าปากได้
สมเด็จกงก็ใส่เป็นชุด เจาะทุกรายละเอียดเป็นฉากๆอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
....แต่ว่าทำไม
ทำไมอากงต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคุณซาวาดะด้วยล่ะ มันน่าขายหน้ามั้ยเนี่ย!?
“เอ่อ อากงจีครับ
อย่าเพิ่งโทษโกคุเดระคุงเลยนะครับ ทุกอย่างมันเป็นเหตุสุดวิสัย
ไม่มีใครคิดหรอกครับว่าจะมีคนก่อเหตุจลาจลแล้วขโมยปักษามุกดาไปแบบนั้น” น้ำเสียงอ่อยๆของคุณหนูแห่งซาวาดะกรุ๊ปรีบปรามก่อนที่อากงจีแกจะสูดลมปราณเต็มปอดแล้วซักหลานตัวแสบต่อ
ทั้งนี้ด้วยความห่วงและอยากมาดูอาการของเพื่อนรักกลัวว่าจะตรอมใจไปซะก่อนทำให้คุณหนูซาวาดะรีบเหยียบรถมาที่คฤหาสน์โกคุเดระแต่เช้าตรู่
แต่ทันทีที่เห็นภาพอากงจีกำลังสอบสวนหลานของตัวเองซะละเอียดถี่ยิบก็พอจะอนุมานใหม่ได้ว่าบางที
โกคุเดระคุงเพื่อนของเขาอาจตรอมใจด้วยสาเหตุอื่นก็ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณหนูซาวาดะ
อากงไม่ติเจ้าฮายาโตะมันแรงนักหรอก”
ประมุขตระกูลโกคุเดระยิ้มหวานให้แขกผู้เยาว์วัยก่อนจะพับเก็บเรียบร้อยภายในเสี้ยววินาทีที่หันไปหาหลานตัวเองอีกครั้ง
“แต่ตามเรื่องแล้ว
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ขโมยปักษามุกดา ไอ้หนูยามาโมโตะ ทาเคชิก็ชนะแกอยู่ดีใช่มั้ย” ประโยคแสลงหูติดขั้วหัวใจ!
คุณหนูโกคุเดระคน(โคตร)รวยรับไม่ได้!
“แง่ง! ไม่ใช่นะกง
หนูเนี่ยนะจะแพ้มัน ไม่มี! ไม่มีวันนั้นซะหรอก!! มันก็แค่...มันก็แค่เป็นเจ้าของแค่ในนามเท่านั้นอ่ะ!....เอ้อ
แล้วถ้าเราสามารถหาปักษามุกดาได้ก่อนมัน เราชิ่งเลยดีมั้ยกง!”
โป๊ก!
“โอ๊ย! อะไรอ่ะกง!!”
ตะพดมังกรหยกของอากงจียกขึ้นเคาะกะโหลกหลานไม่เบาไม่แรงนัก
เล่นเอาคุณหนูซาวาดะที่นั่งอยู่ข้างๆเผลอเอามือลูบหัวตัวเองโดยอัตโนมัติ ท่านกงจีส่ายหน้าด้วยความหน่ายในความคิดหลานที่ไม่ได้ดูเลยว่าอีกฝ่ายที่คิดจะชิ่งน่ะ
มันเป็นใครมาจากไหน
“ตอนนี้แกอย่าเพิ่งคิดเลยว่าจะชิงปักษามุกดาเอามาเชยชมได้
มันไปอยู่ที่ไหนตามหาให้ได้ก่อนเถอะ บ๊ะ! พูดแล้วยังแค้นไม่หายโว้ย!
ไอ้แก่อุเก็ตสึจัดเงินประมูลไปมากกว่าฉันได้ไงวะ!?”
เอี๊ยดดดดด!
ไม่ทันที่คุณหนูโกคุเดระจะอ้าปากกว้างตอบอากงของตัวเองด้วยความมั่นใจว่าเป็นเพราะเกลือในสายเลือดของกงมันเข้มข้นจนเกินไป
ก็มีเสียงรถแล่นมาจอดกึกที่หน้าคฤหาสน์ สองปู่หลานมองหน้ากันอย่างงงงวยปนรำคาญว่ามีผู้ใดกล้าเหยียบถ้ำเจ้าพ่อมาเฟียตั้งแต่เช้า
และแล้วก็มีพ่อบ้านสูงวัยคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามารายงานในบัดดล
“เรียนท่านใหญ่ คุณหนูฮายาโตะ คุณหนูซาวาดะ.....ตระกูลยามาโมโตะมาครับ”
“หา!!?”
คุณหนูแห่งตระกูลลุกผึง ก่อนจะวิ่งถลาไปหน้าบ้านพร้อมกับสึนะโยชิที่ลุกตามเพื่อนรักตัวเองไปติดๆ
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างรับแสงอาทิตย์ยามสายที่สะท้อนผิวมันแผล็บของรถคันหรูส่วนตัวคุณชายยามาโมโตะที่จอดสนิทอย่างเงียบงัน
หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆรู้สึกอึ้งอย่างบอกไม่ถูก
ก็ร้อยวันพันปีหมอนี่เคยมาเหยียบเขตแดนของเขาที่ไหน
ถ้าเกิดข่าวแพร่สะพัดออกไปในวงการมืด
มีเค้าลางว่าจะเป็นตระกูลยามาโมโตะเข้าบุกถล่มตระกูลโกคุเดระถึงคฤหาสน์ชัวร์!
ตายๆ! แล้วดูสิ
พื้นหินอ่อนจากรัสเซียแผ่นละหลายหมื่นที่ไม่เคยรองรับสัมผัสยางรถยนต์ที่ไหนนอกจากเฟอร์รารี่ของเขา
ต้องถูกเบียดขยี้โดย BMW นิรนาม ช่างน่าสงสารนัก
ถลอกมั่งหรือเปล่าน่ะ?
พอร่างสูงผมสีดำตั้งสุดเท่ทรงเดิมในเสื้อเชิ้ตสบายๆดีน้ำเงินก้าวเท้าออกจากรถได้นั้น
คุณหนูโกคุเดระก็ปฏิบัติตนเป็นเจ้าบ้านที่ดีไม่มีที่ติ ดัชนีเรียวชี้ทะลุผ่านอากาศตรงไปยังแสกหน้าหล่อๆของคุณชายยามาโมโตะทันที
พร้อมกล่าวทักทายต้อนรับอาคันตุกะคนดังด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง
“ไอ้คุณชายยามาโมโตะ รูปไม่หล่อ
พ่อไม่รวย เหล่าอาหมวยไม่เอา แกตามมาหาเรื่อง!.....? อุย!..... อากงอุเก็ตสึ!!”
พลันน้ำเสียงตวาดแว้ดๆได้ผ่อนลงรวดเร็วโดยอัตโนมัติ
นิ้วชี้เรียวที่ค้างอยู่กลางอากาศหดกลับทันที เมื่อมีบุรุษอาวุโสคนหนึ่งก้าวขาจากประตูหลังออกมา
อายุของเขาใกล้เคียงกับอากงจีของคุณหนูโกคุเดระได้ เรือนผมสีดำเริ่มมีสีขาวแซมบ่งบอกถึงความสูงวัย
ใบหน้าของเขาละม้ายคล้ายคลึงกับคุณชายยามาโมโตะไม่ผ่าเหล่าผ่ากอ
และที่สำคัญรอยยิ้มละมุนละไมไม่เคยเลือนหายไปจากหน้าของเขาเลย
ไม่ว่าจะมองเมื่อใดรูปลักษณ์ของคนๆนี้ก็เหมือนคุณปู่ผู้ใจดีเสมอ เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่รักสงบแตกต่างจากอากงจีที่ยังคงซ่าไม่ห่วงอายุ
การจะได้พบหน้าเขานั้นถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก
ท่านใหญ่อาซาริ อุเก็ตสึ
ประมุขแห่งตระกูลยามาโมโตะ และเป็นอากงของคุณชายยามาโมโตะ ทาเคชิ
ผู้มีอิทธิพลล้นฟ้าชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้
ธุรกิจการบันเทิงและสื่อต่างๆทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคอยู่ในมือของเขาคนนี้
อืม...ยกขบวนกันมาทั้งกงทั้งหลานแบบนี้
คงจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระซะแล้วสิ....
“เอ่อ ขอโทษฮะ ไม่ทราบว่าอากงมาด้วย” คุณหนูผู้เยาว์ทั้งสองค้อมตัวเล็กน้อย แม้ว่าคุณหนูโกคุเดระจะเขม่นตระกูลยามาโมโตะถึงเพียงใดก็ต้องก้มหัวเคารพผู้อาวุโสเบื้องหน้าทุกทีด้วยความเกรงใจในประสบการณ์และอุดมการณ์ผู้สูงส่ง
เจอหน้าทีไรเขาทำตัวไม่ถูกทุกทีตั้งแต่ยังเด็กยันโต
ท่านใหญ่อุเก็ตสึยังคงยิ้มละไม
ดวงตาทอแววอ่อนโยนพิศมองร่างบางเบื้องหน้า “ไม่เจอกันนานนะฮายาโตะคุง
โตขึ้นเยอะเลย สวยเหมือนจีสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด”
“หล่อฮะกงหล่อ...”
คุณหนูโกคุเดระผู้ที่ถูกชมอย่างตรงไปตรงมาว่าสวยเอ่ยแก้พร้อมส่งยิ้มแห้งๆ ขนตามเรียวแขนลุกเกรียวนึกกลัวสายตาของคนแก่
แต่ก็ไม่ลืมตวัดสายตาจิกกัดไปหาคุณชายยามาโมโตะที่ยืนกลั้นยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ข้างๆกงตัวเอง
อุเก็ตสึผู้อารมณ์ดีเสมอหัวเราะเบาๆแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
ก่อนจะเบือนสายตาไปหาคุณหนูร่างเล็กอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าของคฤหาสน์ “ดีใจที่ได้เจอเธอด้วย...สบายดีนะสึนะโยชิคุง?”
“ครับ สบายดีครับ”
สึนะโยชิค้อมหัวน้อยๆรับคำ
แต่ไม่ทันที่จะได้ถามสารทุกข์สุกดิบอีกฝ่ายกลับตามมารยาท
เสียงตะพดมังกรหยกของใครบางคนก็เคาะป๊อกๆกับพื้นของคฤหาสน์ เรียกสายตาของทุกคู่ให้หันไปมองในความเด่นเหนือใคร
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่เปิดกว้างกอดอกมองอาคันตุกะด้วยความเรียบเฉย
สายตาหยิ่งทะนงสีแดงจางของเจ้าบ้านผู้เป็นใหญ่ตวัดมองคุณชายทาเคชิเพียงเล็กน้อย
ก่อนจะหยุดอย่างถาวรที่คู่ปรับตลอดกาล...อาซาริ อุเก็ตสึ
“แกจะเต๊าะเด็กไปถึงไหนหา? แก่แล้วก็เจียมบ้าง...แล้วจะมัวยืนอยู่ทำไม
เข้าไปนั่งในบ้านก่อนมั้ยอากง คนแก่ยืนนานๆน่ะมันพาลจะเคล็ดขัดยอก”
ฉับพลันรอยยิ้มละไมของท่านใหญ่อุเก็ตสึก็แลดูเยือกเย็นขึ้นมาเฉยๆ
ดวงตาสีดำขลับคมเข้มสบประสานกับไทหวงแห่งตระกูลโกคุเดระด้วยอารมณ์ที่นิ่งงันไม่สั่นไหว
และทุกคนก็จะได้รู้ต่อไปนี้ว่าคนเดียวที่กล้าต่อปากต่อคำกับท่านใหญ่จีแห่งโกคุเดระโดยไม่กลัวอาญาตัดลิ้นน่ะคือใคร...
“ฮะ ฮะ นายก็แก่ลงไปเยอะเลยนะจี...เห็นเดินสองขาอยู่หลัดๆ
ตอนนี้ต้องถือตะพดซะแล้ว
มันช่วยเสริมสร้างบารมีหรือช่วยค้ำจุนสังขารกันล่ะ หือ?”
“อย่าเพิ่งหาเรื่องด่วนลงโลงตอนนี้เลยอุเก็ตสึ...ฮายาโตะ
เชิญแขกเข้าบ้าน” ท่านใหญ่จีสะบัดชายเสื้อผ้าแพรสีแดงพรึ่บหันหลังสาวเท้าอาดๆเดินเข้าบ้าน
ทิ้งให้คุณหนูโกคุเดระรีบโกยเหล่าแขกเหรื่อที่ทั้งเต็มใจรับและไม่เต็มใจรับด้วยความรู้สึก
กลัว อึดอัด ประหม่า หงุดหงิด ปะปนระคนกันไปย่างเท้าเข้าคฤหาสน์
แต่ไม่ทันที่จะได้เคลื่อนกายแม้แต่ย่างเดียว
รถยนต์คันงามที่ไม่คุ้นตาอีกคันก็แล่นมาจอดต่อท้าย BMW ของคุณชายยามาโมโตะ ทันทีที่ผู้มาใหม่ก้าวเท้าลงจากรถเท่านั้นแหล่ะ
คิ้วขวาของคุณหนูโกคุเดระได้กระตุกหงึกๆ กล้ามเนื้อใบหน้าเกิดอาการเป็นอัมพาตไปกะทันหัน
ผิดกับยามาโมโตะที่ยิ้มร่า ยกมือทักทายอย่างสนิทสนม....แต่หนักที่สุดเห็นจะเป็นคุณหนูซาวาดะที่ว่าเก็บความรู้สึกทางใบหน้าได้เก่งกาจยังเผลออ้าปากค้างพะงาบๆ
คิ้วโก่งขมวดเป็นโบว์อันเบ้อเร่อ
วันนี้นี่มันยังไง?
พระศุกร์ไม่ทันเข้าพระเสาร์ก็แทรก ปิศาจยังไม่ทันแยก
ซาตานหัวแฉกก็ปรากฏกาย อยากรู้นักกลิ่นธูปบ้านใครไปเรียกพ่อคนนี้ม้า!!?
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกท่าน...ต้องขอโทษด้วยที่ปรากฏตัวด้วยความเด่นอย่างกะทันหัน
สาเหตุหลักที่ผมมา บอกตามตรงก็คือสึนะโยชิคุงอยู่ที่นี่...”
อ่ะฮ้า? แล้ว...?
“สาเหตุรองเพื่อช่วยเพื่อนและ....อืม...คนพิเศษของเพื่อน
ผมมีนี่มาเปิดให้ทุกท่านดูครับ แน่นอนว่าเป็นประโยชน์...คึหึหึหึ” ดวงตาทุกคู่เพ่งไปยังวัตถุทรงสี่เหลี่ยมสีดำที่อยู่ในมือมุคุโร่
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ามันคือวีดีโอม้วนหนึ่ง...
“นี่เป็นวีดีโอจากภาพวงจรปิดที่ผมไปขอมาจากโรงแรมที่จัดงานประมูลปักษามุกดาเมื่อคืนนี้ครับผม”
ด้วยประการฉะนี้
ห้องรับรองของคฤหาสน์โกคุเดระที่ว่างเว้นจากการรับแขกมานานก็คับคั่งไปด้วยเหล่าบุคคลชั้นนำของวงการธุรกิจราวกับงานเปิดแถลงข่าวอะไรสักอย่าง
โซฟาหัวและท้ายโต๊ะประกบด้วยสองผู้อาวุโสแต่ความสามารถและพลังใจช่างร้อนแรงไม่ต่างกับเด็กหนุ่มวัยรุ่น
ส่วนทายาททั้งสองคนนั่งประจำที่
สายตาจับจ้องไปยังทีวีจอแอลซีดีจอใหญ่ที่มุคุโร่เพิ่งจะดันม้วนวีดีโอใส่เข้าเครื่องเล่นเมื่อกี้นี้
ส่วนคุณหนูซาวาดะทายาทสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผู้สูงส่งบัดนี้ต้องผันตัวมาเป็นช่างควบคุมระบบชั่วคราว
คอยจูนภาพที่มันมืดทึบในห้องจัดเลี้ยงให้ดูชัดเจนและคมชัดที่สุด
“เจ้าทาเคชิเล่าให้กงฟังว่าปักษามุกดาถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตาในงานประมูล
แล้วก็บอกว่าฮายาโตะคุงนั้นสนใจปักษามุกดามาก ก็เลยคิดว่าถ้าร่วมมือกับฮายาโตะคุงตามหาน่าจะตามหาได้รวดเร็ว”
คุณหนูโกคุเดระเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ก็ยังกล้ามานั่งยิ้มประกบอยู่ข้างๆเขาเหมือนเดิม
น่าฆ่าชะมัด!
นี่ไปนินทาเรื่องของเขาให้กงตัวเองฟังจนหมดเปลือกเลยใช่มั้ยนี่
“อ่า...ฮะ
ปักษามุกดาเป็นกระบี่ที่สวยมากจริงๆ แล้วมันก็น่าเสียดายมากถ้าต้องตกไปอยู่ในมือคนไม่รู้ค่า....ไม่ต้องห่วงนะฮะอากงอุเก็ตสึ
ผมกับเพื่อนจะช่วยคุณชายยามาโมโตะหามันอย่างสุดความสามารถ”
ท่านใหญ่อาซาริ
อุเก็ตสึพยักหน้ายิ้มด้วยความพอใจ ดวงตาอ่อนโยนยิ่งทวีกระแสเอ็นดูอบอุ่นมองคุณหนูร่างบาง
“ขอบใจนะ...ขอบใจที่เธอให้ความสำคัญกับปักษามุกดาถึงขนาดนั้น”
เอาอีกแล้ว...น้ำเสียงจริงจังที่เหมือนมีอะไรเคลือบแฝงแบบนี้
มันเหมือนกับน้ำเสียงของยามาโมโตะเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด...น้ำเสียงที่ฟังแล้วชวนให้คิดไปต่างๆนานา
ว่าแท้จริงแล้วกระบี่ปักษามุกดาที่แสนเลอค่า คืออะไรสำหรับตระกูลยามาโมโตะกันแน่.....เป็นของสำคัญมากอย่างนั้นเลยหรือ
แต่พลันคุณหนูโกคุเดระก็ดึงตัวเองออกจากความคิดได้
เมื่อมีเสียงของใครบางคนชักจะคันปากและพูดจาไม่เข้าหู
“ใช่มั้ยล่ะครับ
อากง....บอกแล้วว่าคุณหนูฮายาโตะเชื่อถือได้
แล้วอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองคุณหนูเขาสิครับ ถ้าเขาเกิดไปหลงรักกงแทนผมขึ้นมา
จะทำยังไง” โหวววววว!!! พ่อยอดขมองอิ่ม
เรียกซะชินปากเลยนะคุณหนูฮายาโตะน่ะ ร่างบางตวัดสายตามองขึง
กลุ่มคำด่าจัดชุดเรียบเรียงจากสมองมาจ่อที่ปากเตรียมเรียบร้อย...แต่เมื่อเขาได้สบสายตาที่แพรวพรายมีประกายแปลกๆโดยตรงของอีกฝ่ายแล้ว....ช่างน่าตกใจ
เขาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ทำไมต้องรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆเหมือนหัวใจข้างในที่เคยนิ่งเงียบมาตลอดเหมือนมันถูกรบกวนอย่างสาหัส.....มันสั่น....สั่นเมื่อเขาคนนี้จ้อง...พร้อมกับคำๆหนึ่งที่พูดออกมาว่า....
‘รัก’
“เอาละครับยามาโมโตะคุงกับคุณหนูโกคุเดระเพื่อนเกลอ
อย่าเพิ่งเปิดสงครามน้ำลายกันเลยนะครับ
ตอนนี้วีดีโอพร้อมแล้ว...ผมว่าเรามาจับข้อพิรุธที่กล้องวงจรปิดจับได้ดีกว่า” โกคุเดระเบือนหน้าตรงมามองจอทีวีอีกครั้ง แต่เขาไม่แน่ใจตัวเองซะแล้วว่าหันไปเพื่ออะไร
เพื่อเตรียมจับคนร้ายขโมยปักษามุกดาจากวีดีโอของมุคุโร่
หรือเพื่อหลบสายตาของใครบางคนและเพื่อซ่อนอาการประหลาดที่มันอาจเผลอแสดงออกมาทางสีหน้ากันแน่
เป็นอะไรไป โกคุเดระ ฮายาโตะ...
ตั้งสติหน่อย ตอนนี้ต้องทำงานนะ ทำงานๆๆ!!
“ตอนนี้เป็นตอนที่ไฟดับและมีเสียงปืนดังขึ้นพอดีนะครับ...” มุคุโร่ถือรีโมทหยุดภาพ ภายในจอเห็นความมืดสนิท
หากแต่ว่ามีความคมชัดโดยฝีมือคุณหนูซาวาดะ
เห็นแสงสว่างวาบสีส้มส่องเฉียดเฉียงเต็มจออย่างไร้จุดหมาย
ดูก็รู้ว่าระดมยิงอย่างบ้าคลั่ง “จากนี้ทุกท่านจับตาไปที่เวทีนะครับ
แสงสีทองที่เห็นเป็นประกายคือปักษามุกดา จนกว่ามันจะหายไป
อย่าคลาดสายตาเด็ดขาดนะครับ”
มุคุโร่กดเล่นวีดีโอต่อ
พร้อมกดซูมเข้าเจาะจงที่เวทีให้เห็นแสงสีทองจากกระบี่ปักษามุกดาอย่างชัดเจน
ดวงตาหกคู่เพ่งจ้องไปยังจอทีวีไม่กระพริบ พลันไม่ถึงห้าวินาทีต่อจากนั้น
ท่ามกลางหมอกควันเขม่าแสงสีทองก็หายวับไป
กลายเป็นความมืดกลืนกินไปกับห้องเหมือนเอาผ้าสีดำมาคลุมเอาไว้อย่างนั้น...รวดเร็ว แนบเนียน
เพียงชั่วพริบตาเดียว...
แต่ไม่ว่าพิรุธในภาพจะเล็กปานเข็มสอยผ้าขนาดไหน
ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาที่คมแหลมดุจสายตาพญาเหยี่ยวของคนบางคนไปได้
“มุคุโร่คุง
ช่วยเลื่อนกลับไปที่วินาทีที่สามสิบสอง แล้วพอซภาพเอาไว้.....มันมีบางอย่างผิดปกติ
ใช่มั้ยจี?” ท่านใหญ่อุเก็ตสึวิเคราะห์นิ่งๆพร้อมสั่งเสียงเรียบ
เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะฟากตรงข้ามอย่างถูกใจ
“สายตายังดีอยู่นี่...”
เหล่าคนหนุ่มรุ่นหลานทั้งสี่ทำอะไรไม่ได้นอกจาะนั่งอึ้งในความสามารถการมองเห็นของเหล่าอากงของตัวเอง
ฉับพลันคุณหนูโกคุเดระก็รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวขึ้นมาเฉยๆ
เพราะดันไปนึกถึงสายตาของประมุขแห่งตระกูลยามาโมโตะที่มองเขาเมื่อเช้าแล้วมาชมซึ่งๆหน้าว่า
‘สวย’.....บอกตามตรง ว่ามันน่ากลัวมาก!
มุคุโร่ทำตามที่ผู้อาวุโสบอกในทันที
เขาค่อยๆกรอภาพกลับอย่างละเอียดไปวินาทีที่สามสิบสองแม่นเป๊ะ
แล้วสิ่งที่ว่าเป็นพิรุธที่อากงจีและอากงอุเก็ตสึจับได้ก็เป็นประจักษ์แก่สายตา....แม้ว่ามันจะไม่ชัดมาก
แต่หากดูดีๆมันก็พอที่จะสังเกตได้
ข้างๆแสงสีทองของปักษามุกดาที่ส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด
มีแสงสีทองอีกแสงหนึ่งส่องวิบวับขึ้นมาใกล้เคียง
ลักษณะของมันค่อนข้างจะเป็นเส้นยาวๆ
“น่าจะเป็นสร้อยนะครับ”
คุณหนูซาวาดะเริ่มสันนิษฐาน ซึ่งทุกคนในที่นั้นเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ได้นัดหมาย
พิธีกรชายหญิงผู้ซึ่งอยู่ใกล้ปักษามุกดาที่สุดที่ทางกองประมูลจัดจ้างมาก็ไม่ได้ไฮโซถึงขั้นใส่สร้อยทอง
ข้อนี้เหล่าเด็กหนุ่มทั้งสี่คนผู้นั่งข้างหน้าสุดในงานประมูลจำได้และมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นน่าจะเป็นแขกหรือของผู้ร่วมเข้าประมูลอย่างไม่มีข้อสงสัย
“ถ้าอย่างนั้น...คงจะใส่เยอะน่าชมเลยนะครับนี่
แม้ในความมืดมันยังเห็นจากกล้องวงจรปิดได้ชัดขนาดนี้” มุคุโร่ขยายความต่อ เป็นดั่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทุกคนเริ่มทบทวนความจำผ่านทางสายตาของตัวเองเมื่อคืนว่า
เขาพอจะเห็นใครที่ใส่สร้อยทองบนคอแบบหามมาทั้งบ้านแบบนั้น
แต่ในที่สุดคุณหนูโกคุเดระก็ถึงบางอ้อก่อนคนอื่น กำปั้นทุบลงบนมือบางอีกข้าง
แล้วแสยะยิ้มออกมาแล้วบอกอย่างมั่นใจ
“ต้องใช่มันแน่ๆ...ไอ้เฒ่ายี่สิบเจ็ดล้าน”
เหอ?
“คะ..ใครนะครับ?” มุคุโร่ถึงกับติดอ่าง ส่วนที่เหลือได้พากันเลิกคิ้วสูงเพราะงงกับศัพท์เฉพาะที่คุณหนูแกพูดมากมาย
พยายามนึกว่าไอ้เฒ่ายี่สิบเจ็ดล้านอะไรนั่นมันเป็นใคร รู้จักหรือเคยผ่านหูมาบ้างไหม
“ก็คนนั้นไง....ไอ้คนที่เข้าร่วมประมูลปักษามุกดา
แล้วเสนอราคายี่สิบเจ็ดล้านน่ะ! มันเป็นตาแก่หัวล้านพุงพลุ้ยใส่สร้อยทองเท่าที่ฉันสแกนจากสายตาไม่ต่ำกว่าสิบเส้น
อ่อ แล้วก็นะ สแกนจากสายตาอีกเหมือนกัน น่าจะเป็นทองจริงสักสามเส้น
ที่เหลือเก๊เกรดเอ” .....ว่าแล้วพอจบประโยคพ่อคุณก็ยกชาถ้วยสวยจิบนิดๆอย่างมีมาด
เป็นอันจบพิธี
สุดยอด! สายตา
จมูก ลิ้น หู และสัมผัสทางผิวกายของคุณหนูโกคุเดระได้ผ่านการฝึกจับของแบรนด์เนมมาอย่างโชกโชน
จริง เก๊ ซื้อจากโบ๊เบ๊ที่ประเทศไทย หรืออิมพอร์ทไกลจากปารีสไม่สามารถหลอกเขาได้ทั้งนั้น
นี่เป็นความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้...ไม่มีใครเหมือนและก็ไม่มีใครอยากเหมือนด้วย
เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจรองจากฝีมือการยิ่งปืนระยะกลางเชียวนะเออ!
“ถ้าเป็นคนนั้นล่ะก็ผมรู้จักนะครับ
เขาคือเจ้าสัวหัวเจ๋อ....เขาเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมในเกาะฮ่องกงที่ล่ะครับ
และก็เป็นหุ้นส่วนในการจัดการประมูลเมื่อคืนนี้ด้วย
ที่คุณหนูฮายาโตะพูดมาก็น่าจะลงล็อกนะครับ
ถ้าเขาจะวางแผนเพื่อก่อจลาจลย่อมๆมันก็ทำได้ไม่ยากเย็น
เพราะบุคคลวีไอพีที่เป็นหุ้นส่วนนั้นจะเข้าออกงานประมูลตอนไหน
เมื่อไหร่ก็ได้ซะด้วย”
“ถือซะว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยอย่าเพิ่งปักใจเชื่อไปร้อยเปอร์เซ็นต์”
ประมุขแห่งโกคุเดระเอ่ยเตือนผู้อ่อนประสบการณ์กว่าเสียงเข้ม “และจากที่ฉันดู
วิถีการยิงของกระสุนไม่ได้จงใจเพื่อต้องการสังหารใคร เป็นเพียงเครื่องก่อความวุ่นวายเพื่อขโมยปักษามุกดาไปเท่านั้น...ถ้าจะจัดการก็อย่าทำอะไรที่มันเกินกว่าเหตุ”
อะฮ้า? จัดการเหรอ?
“งั้นคืนนี้หนูขอไปทดลองชิมนะกงนะ...”
พองานเข้าแน่นอนว่าคุณหนูโกคุเดระก็คึกเป็นของคู่กัน
ดวงตาสีมรกตส่งสายตาเป็นประกายขออนุญาตอากงตัวเอง
จีถอนหายใจยิ้มๆแล้วพยักหน้าหงึก
“ก็ได้...แต่ว่า”
พอได้ยินคำขึ้นต้นประโยคเงื่อนไข หัวใจที่เตรียมโห่ร้องด้วยความยินดีก็ต้องหดเอาไว้ก่อน
คิ้วเรียวเลิกขึ้นพร้อมรับฟัง
“แกจะต้องไปกับคุณชายยามาโมโตะ เข้าใจมั้ย”
“ห๊า!!!????”
คุณหนูโกคุเดระร้องลั่นประท้วงอย่างไม่ทันยั้งปากทั้งที่ในใจก็รู้อยู่ว่ามีท่านใหญ่อุเก็ตสึนั่งอยู่ด้วย
มือไม้สองข้างแบออกสั่นกึกๆถามอากงตนทางภาษากายว่า “ทำม้ายยยย??”
“ยังจะมาเอ๋อกินอีก!
ก็เขาเป็นเจ้าของปักษามุกดาที่ถูกต้องและชอบธรรม
ส่วนแกก็แค่ผู้ช่วยเขา ถ้าไม่ให้เขาไปด้วย
เกิดแกลุยเดี่ยวแล้วชิ่งปักษามุกดาไปตามที่แกบอกฉัน ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ
ไอ้หลานรัก!”
รู้แล้ว!!! รู้ว่าไม่ใช่เจ้าของอ่ะ!! แต่อย่าย้ำบ่อยนัก หัวใจที่บอบช้ำมันยังไม่ทันจะสมานก็กระทืบซ้ำมาได้อีกเนาะ!!
แล้วก็ไปแฉให้เขาฟังหมดว่าจะแอบชวดไปเงียบๆ
ทุกอย่างรุมทึ้งความรู้สึกของคุณหนูโกคุเดระตัวน้อยๆคนนี้จนเจ็บ! ใครจะได้ยินข้าพเจ้าบ้างว่าข้าพเจ้า
เจ็บ!!!
ดวงหน้างามงอง้ำขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆหันหน้ามองคุณชายคู่หูที่ต้องลุยไปด้วยกันในคืนนี้อย่างเคืองจัด
ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่เปลี่ยนสีหน้าจากเดิม แต่รอยยิ้มที่ส่งมานั้นมันชักจะไม่ใช่พร่ำเพรื่อเหมือนเก่า
เหมือนกับมันซึมเข้าไปผ่านสายตาแล้วไปก่อกวนระบบอวัยวะเขาเรื่อยๆ มันชักจะไม่ไหวซะแล้ว
อึดอัดและความหงุดหงิดมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เป็นไปได้ก็ไม่อยากเห็นหน้าหมอนี่เลยสิ
ให้ดิ้นตาย!
ไม่อยากเห็นหน้า....จริงๆ
จริงๆ....นะ
20:00 PM.
โรงแรมชื่อดังของเจ้าสัวเจ๋อหัว ชั้นใต้ดิน
G
“ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้กับแกด้วย
พูดตามตรง แกควรจะดีใจแล้วขอบคุณฉันสักร้อยสักพันครั้ง
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยไว้ใจให้ใครมาลุยเคียงบ่าเคียงไหล่ฉันสักคน”
“เหรอครับ?”
“เออ”
โว้ยยยยยย! หงุดหงิด! ไม่ชอบ!
...เขาก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วย
เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอชิ้นเบ้อเร่อ
เขาไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากความเสี่ยงในครั้งนี้สักเล็กสักน้อย เงินหรอ เหอะ!
มีจนล้นฟ้าแล้วจะเอาอีกทำไม ปักษามุกดาเหรอ
เจ้าคนที่อยู่ข้างๆก็คาบไปเชยชมซะแล้ว ถ้าปฏิบัติภารกิจสำเร็จ
มันก็จะไปวางตั้งอย่างสง่างามที่คฤหาสน์ตระกูลยามาโมโตะ
ออกข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งพาดหัวตัวเท่าหม้อแกง
ส่วนเขาก็ต้องกินแห้วไปตามระเบียบ
แต่ว่าก็รับปากมาแล้วนี่นะ
จะไม่ทำให้เต็มที่มันก็กระไรอยู่ พอเห็นสายตาและท่าทีของท่านใหญ่อุเก็ตสึและคุณชายยามาโมโตะแล้วมันก็สื่ออกมาจนรู้สึกได้ว่า
ปักษามุกดาไม่ใช่ของประมูลราคาแพงธรรมดาๆ
แต่มันเหมือนเป็นของสำคัญที่สูญเสียไปไม่ได้โดยเด็ดขาดอย่างนั้น....และคุณหนูโกคุเดระคนนี้ใช่จะเลือดเย็นไร้ไมตรี
(เพราะน้ำใจจริงๆนะ ไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้น เชื่อได้!?) เขาจึงต้องลักลอบเข้ามาในโรงแรมของเจ้าสัวจอมโลภ มาถือปืนเดินย่องๆไปตามบันไดหนีไฟกับคุณชายยามาโมโตะสองต่อสอง
“นี่ฉันถามจริงๆเถอะนะไอ้คุณชาย
บ้านแกก็ไม่ได้จนขี้เหร่อะไร แต่ทำไมถึงต้องทุ่มให้ปักษามุกดานัก
ฉันรู้ว่ามันสวยและน่าครอบครองมาก
แต่ที่แกถึงกระทั่งยอมบึ่งรถจากบ้านมาให้ฉันช่วยตามหา มันไม่ธรรมดาแล้วมั้ง”
ยามาโมโตะฟังคำถามตรงไปตรงมาของร่างบางก็อึ้งไปเล็กน้อย
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยปักษามุกดามากจนเกินผิดสังเกตอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ
วงหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบางๆแล้วถามกลับ
“แล้วอากงจีท่านไม่เคยบอกคุณหนูเลยเหรอ
ว่ามันสำคัญยังไง”
“เคย...ก่อนจะไปประมูล กงบอกว่าเป็นของสำคัญกับตระกูลโกคุเดระมาก
แต่ว่าฉันไม่คิดว่ามันมีความหมายอะไรลึกซึ้ง
กงคงแค่อยากกดดันฉันให้เอาปักษามุกดามาให้ได้มากกว่า......แล้วตกลงแกจะตอบฉันมั้ย
ว่าสรุปมันเป็นยังไง?”
“อืม......ไม่เอา ไม่บอกครับผม”
อ้าว! เฮ้ยยย!?
คุณหนูโกคุเดระชักหน้าเขียว เพราะร่างสูงที่เดินตามคุ้มหลังเขาเอาแต่หลอกฟังแล้วยิ้มอ่อนโยนลูกเดียว
ไม่หือไม่อือ แถมยังอมพะนำทำตาใสอีกต่างหาก เดี๋ยวปั๊ดพ่อจิ้มตาบอด!
“เห็นว่ายอมช่วยแล้วอย่ามาลามปามได้มะ!
แล้วคิดว่าฉันอยากรู้นักเหรอไง ก็ถามไปงั้นๆ ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร!”
“หือ? นี่คุณหนูงอนผมอยู่เหรอเนี่ย?” เหมือนจะทึ่งมาก
คุณชายยามาโมโตะคนหล่อเบิกตาโตแล้วร้องถามราวกับว่าไม่เชื่อหูตัวเอง
มันช่างเป็นประโยคคำถามจริงต้องการลูกกระสุนแทนคำตอบซะเต็มแก่
ดีไม่ดีลูกตะกั่วที่คุณหนูโกคุเดระใส่มาเต็มรังเพลิงดูท่าจะมีคนเต็มใจกินมันแทนเหล่าศัตรูซะแล้ว
“ใครงอนแก ระวังปากหน่อยเหอะ!”
“ก็คุณหนูไง...ไม่ต้องห่วงครับ
เอาเป็นว่าถ้าช่วยผมชิงปักษามุกดาคืนได้ ผมจะเล่าให้ฟังเป็นรางวัล โอเคมั้ย?”
โถ!!
เอารางวัลมาล่อ
แล้วคิดว่าคุณหนูโกคุเดระผู้เกรียงไกรผ่านมาร้อยศพคนนี้จะกระโจนเข้าหา
ครางเสียงแง้วๆปล่อยให้ลูบหัวเกาคางหรือไง ไอ้บ้าหน้าไม่อาย ทุ้ย!!
“เลิกปัญญาอ่อนได้ละ!
แล้วก็หุบปากซะ!!
อีกชั้นก็จะมีศัตรูโผล่มาแล้ว เสียงของแกมันวอนให้ลูกกระสุนลอยมาเจาะกะโหลกสิ้นดี”
สองทายาทมาเฟียหน้าตาดีลักลอบอย่างเงียบเชียบปานเสือหมอบแมวเซาผ่านชั้นใต้ดินจนขึ้นมาถึงทางนี้ไฟในชั้นล็อบบี้
ได้สำเร็จ ซ้ายขวาหน้าหลังยังคงว่างโล่งโจ้ง คุณหนูโกคุเดระเบะปากอย่างนึกไม่ชอบใจ
โรงแรมนี้หละหลวมในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยในเกณฑ์ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน
ยามหรือบอดี้การ์ดไม่มาเดินตรวจตรากันสักคน กล้องวงจรปิดเกรดบีที่แขวนเสริมบารมีอยู่ก็เหมือนมีเอาไว้บอกว่า
โรงแรมนี้รวยพอที่จะมีกล้องวงจรปิดติดนะค้าบบบ!? แถมบรรยากาศโดยรอบตามทางเดินจากประตูหนีไฟมันยังเงียบเชียบ
ได้ยินเพียงเสียงจังหวะการเดินของคนสองคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามภารกิจครั้งนี้เขาก็ไม่อยากให้ปืนสั้นคู่กายของเขาต้องเป็นหมันน่ะนะ
ภาวนาในใจว่าออกมาสักคนเท้อ! ออกมาให้ฆ่าสักสี่ห้าศพจะดีมาก
คุณหนูโกคุเดระย่างสามขุมไปเรื่อยๆ
ในมือกระชับไกแน่นพร้อมเหนี่ยว และแล้วปรารถนาของเขาก็เป็นจริง
เมื่อมีเสียงฝีเท้าพร้อมเสียงพูดคุยของยามกลุ่มหนึ่งแว่วเข้าหูมา
พลันริมฝีปากบางก็กระตุกยิ้มเหยียด สมพรปากจริง อยากเชือดหมู ก็มีอยู่ในอวยออกมาให้เชือด
โชคร้ายหน่อยเน้อ...ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นคนละกัน
กริ๊ก!
“ไง...พรรคพวก”
ปังๆๆๆ!!!
ไม่ทันที่จะเอ่ยปากทักทายกลับ
ลูกกระสุนก็สาดใส่อย่างไม่ปรานี
เหล่าชายฉกรรจ์สี่คนโดนเจาะตามลำตัวเลือดสาดกระเซ็นล้มลงกับพื้นตามๆกับเป็นใบไม้ร่วง
“เฮ้ย!! เสียงปืน!!
มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุกที่ทางเดินชั้นล็อบบี้!!!!”
พอชุดแรกดับไปแล้ว แน่นอนว่าต้องมีชุดสองผุดขึ้นมาอีกเป็นดอกเห็ด
แต่คราวนี้ไม่มาเงียบ เสียงโหวกเหวกร้องเรียกเตือนพวกเดียวกันดังลั่น เสียงฝีเท้าวิ่งตึกๆมาล้อมทุกทิศทางที่เขายืนอยู่
พร้อมยกปืนนับสิบกระบอกขึ้นจ่อจนไม่เหลือช่องว่างให้หลบหนี แต่มันไม่ทำให้ผู้ล่าทั้งสองตื่นตระหนก
ซ้ำยังจุดประกายยิ้มชั่วร้าย ทั้งสองหันหลังเข้าหากัน
หัวใจเต้นระทึกพร้อมรับความบันเทิงจากเสียงหวีดร้อง
เอาละนะ...สงครามมาแล้ว
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!
“อ๊ากกกๆๆ!”
ปืนสองกระบอกของยามาโมโตะและโกคุเดระสาดกระสุนให้ศัตรูอย่างบ้ากระหน่ำ
จังหวะของเพชฌฆาตทั้งสองที่ไม่เคยแม้แต่จะทำงานด้วยกันสักครั้งกลับเข้ากันได้อย่างไร้ที่ติ
ศัตรูทางด้านหลังของแต่ละคนถูกสังหารโดยอีกฝ่ายร่วงเกลื่อนพื้น
การหลบกระสุนและการยิงที่เยี่ยมยอดของสองทายาทตระกูลมาเฟียทั้งซ้ายและขวาเป็นสเต็ปเดียวกันราวถูกโยงใย
ไม่มีแม้แต่จะเคลือบแคลงใจแล้วนึกหวั่น
เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าที่เขาระดมยิงศัตรูที่อยู่เบื้องหน้านี้ไม่เพียงแต่ป้องกันตนเอง....หากแต่ยังเป็นการปกป้องอีกคนที่เป็นเจ้าของแผ่นหลังที่พิงอยู่ด้วย
จนสุดท้ายพวกบอดี้การ์ดที่อาจหาญมายืนจ่อปืนใส่เด็กหนุ่มผู้ทางอิทธิพลทั้งสองก็ล้มกายกองอยู่บนพื้น
ผืนพรมสีแดงสดกลายเป็นสีคล้ำชื้นเพราะซึมซับเลือด
คุณหนูโกคุเดระหันไปมองศัตรูที่อยู่ข้างหลังตัวเอง แล้วพยักหน้าอมยิ้มน้อยๆ
อดชมฝีมือการยิงปืนของคุณชายยามาโมโตะไม่ได้ เพราะว่าตอนสู้อยู่เขาไม่ได้สัมผัสแม้เสียงกระสุนเฉี่ยวผ่านมาทางเขาเลยสักนิด
“งานเรียบร้อยไม่เลว...”
คุณชายยามาโมโตะแย้มยิ้มหวาน
แล้วโค้งรับแทนคำขอบคุณ ดูไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศกลางศพคนตายเกลื่อนแต่ก็สง่างามราวกับเจ้าชาย
“คุณหนูเองฝีมือก็ยังไม่ตกนะครับ เอ๊...หรือว่าเป็นเพราะคนที่อยู่ข้างหลังคุณหนูเป็นผมกันน้า
คุณหนูถึงไว้ลายได้งดงามเพื่อปกป้องผมขนาดนี้”
“เพ้อเจ้อ!”
ร่างบางด่าเข้าให้ หัวใจเต้นรัวอย่างไม่รู้สาเหตุ “รีบขึ้นไปข้างบนดีกว่าน่ะ
ถ้าเกิดมันหนีไปก่อนแล้วจะยุ่ง”
ตุบๆๆๆๆๆ
ทั้งสองคนอ้อมไปข้างหลังทางลิฟท์ขนส่งที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก
แอบเหลือบเห็นพวกรักษาความปลอดภัยวิ่งกรูกันอยู่กลุ่มใหญ่ท่าทางเดือดร้อนไม่ใช่น้อย
แต่ก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำให้เหล่าแขกเหรื่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หรือนั่งจิบกาแฟอยู่ต้องแตกตื่น
หรือไม่แน่ว่าแขกเหล่านั้นอาจชินกับสถานการณ์อย่างนี้แล้วก็เป็นได้
ลิฟท์ขนส่งอยู่ตรงหน้าพร้อมชายฉกรรจ์ใส่เครื่องแบบยามยืนมือไขว้หลังจังก้าเฝ้าอยู่ไม่ขยับเขยื้อน
ยามาโมโตะเอานิ้วชี้แตะปากเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเงียบแล้วอยู่เฉยๆ
ก่อนที่มาเฟียหนุ่มฝีเท้าดีจะอ้อมไปข้างหลังยามแล้วปรี่เข้าประชิดตัวด้วยความเร็วชั่วพริบตาและเงียบงันราวกับเท้าไม่ได้แตะพื้น
กร๊อบ!
“อั่ก!”
ยามาโมโตะจัดการบิดคอของยามคนเดียวที่เฝ้าลิฟท์ขนส่งแถมใช้ปลายเท้าเขี่ยให้พ้นทาง
ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกร่างบางให้เข้ามาในลิฟท์
จากนั้นก็กดชั้นสูงที่สุดซึ่งเป็นชั้นของสำนักงานใหญ่ซึ่งเป็นที่เจ้าสัวเจ๋อหัวนั่งอยู่
เมื่อปิดลิฟท์ความเงียบสงบของตู้สี่เหลี่ยมแคบๆก็เข้าครอบงำ ลิฟท์ตัวนี้มีคนอยู่เพียงแค่สองคน
พวกเขายืนอยู่เอาหัวไหล่พิงติดผนังลิฟท์คนละด้าน
แต่ละคนต่างก็เงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงหายใจเบาๆ
การเคลื่อนที่แต่ละชั้นๆตามตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆมันช่างยาวนาน
ยามาโมโตะไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ไม่อยากจะพูดกับเขา แต่ไม่มีอะไรจะพูดต่างหาก
“นี่...”
เสียงเรียกเบาๆจากโกคุเดระทำให้เขาเบือนหน้าไปมองพร้อมเลิกคิ้วถาม
รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“ที่ฉันยอมช่วยแกคราวนี้
ไม่ใช่เพราะอยากให้ยามาโมโตะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณโกคุเดระหรอกนะ...แต่เพราะฉันไม่อยากเห็นปักษามุกดาไปตกอยู่ในมือของคนที่ไม่เห็นคุณค่าของมันเพียงพอ......ปักษามุกดาน่ะ
งดงามสูงส่ง
แม้ฉันไม่รู้จักมาก่อนฉันยังรู้สึกหลงรักและหวงแหนมันเลย.....และพอเห็นท่าทางของแกกับอากงอุเก็ตสึ
ฉันก็รู้ได้ไม่ยากว่า ปักษามุกดาน่าจะเป็นของสำคัญที่ตระกูลยามาโมโตะไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้”
“แล้วถ้าคนที่ได้ปักษามุกดาไปเป็นแก....บางทีฉันอาจจะรับได้ก็ได้...มั้ง”
ยามาโมโตะฟังอีกฝ่ายพูดนิ่งๆ
รู้สึกชื่นชมในตัวของคุณหนูโกคุเดระเป็นร้อยเป็นพันเท่าทวีคูณ
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาน้อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ทอดมองอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยนเอ็นดู
และยามเมื่อคุณหนูโกคุเดระแย้มรอยยิ้มบางแล้วหันมาหา
มันก็เหมือนเป็นดั่งมนตร์สะกดให้โลกทั้งใบหยุดหมุน รอยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น
เพราะเจ้าตัวชอบเก็บซ่อนมันเอาไว้ภายใต้ชื่อเสียงและบารมีที่น่าเกรงขาม จึงถูกบ่มให้หวานล้ำจับใจ
อา...คุณหนูแกไม่รู้หรือยังไงนะว่าที่นี่เป็นโรงแรม...แล้วถ้าเขาเกิดอยากสลัดคราบสุภาพบุรุษขึ้นมาจะทำยังไง?
“ขอบคุณมากนะครับ คุณหนูฮายาโตะ”
“อย่ามาเรียกชื่อฉันสิเฟ้ย!
ขนมันลุก!” ร่างบางตวาดแว้ด
มองเขม่นอีกฝ่ายด้วยความเคร่งเครียด เล่นเอาลดอายุความตึงผิวของใบหน้าลงไปอีกสองสามปี
ยามาโมโตะเอียงคอแล้วพรูลมหายใจ พยักหน้าหงึกๆยอมรับง่ายดาย
“โอเคๆครับ ไม่เรียกก็ไม่เรียก
เอาไว้เรียกวันหลังก็ได้เนอะ!”
“อะไรนะ!”
ติ๊ง!
ไม่ทันจะได้ระบายความหงุดหงิดใส่
ลิฟท์ก็หยุดที่ชั้นสูงสุดแล้วเปิดออก เท่านั้นแหล่ะคุณชายยามาโมโตะมองซ้ายมองขวาแล้วเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉยพร้อมรอยยิ้มน่าหมั่นไส้
ทำให้คุณหนูโกคุเดระต้องกดอารมณ์ความรู้สึกให้ลงไปลึกๆ สูดลมหายใจแห่งความขันติ
แล้วรีบเดินตามออกไป ชั้นนี้ไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่ไฟบางดวงก็ไม่เปิด
แต่เครื่องปรับอากาศยังคงทำหน้าที่ให้ความเย็นเฉียบอย่างต่อเนื่อง
เด็กหนุ่มสองคนค่อยๆกดฝีเท้าอย่างแผ่วเบา
ควบคุมอารมณ์ให้นิ่งเฉยแล้วใช้สายตากลอกไปกลอกมาตลอดเวลาเพื่อระวังภัย
แต่ดูท่าแล้ว ชั้นนี้มันจะร้างคนโดยสมบูรณ์
เสียงหรือกลิ่นอายจิตสังหารไม่โผล่หางออกมาเลยแม้แต่คนเดียว และแล้วในที่สุด
ทั้งสองก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม้แกะสลักบานใหญ่
ที่หน้าประตูมีป้ายเหล็กสีเงินเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนเป็นภาษาจีนแปลว่า
ผู้อำนวยการ
ยามาโมโตะค่อยๆเอื้อมมือไปจับลูกบิดแล้วบิดออกอย่างแผ่วเบา
ให้ลมช่วยพัดให้บานประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ในมือถือปืนมั่นแล้วค่อยๆก้าวย่างเข้าไปในห้อง
ตามด้วยคุณหนูโกคุเดระมาติดๆ
ในห้องช่างผิดความคาดหมายอย่างเหลือเชื่อ
แทนที่จะมีเจ้าสังเจ๋อหัวนั่งอยู่ กลับไม่มีใครสักคน
ห้องมืดสนิทมีเพียงโต๊ะทำงานและของใช้ของประดับราคาแพงเป็นจำนวนมาก
แสงไฟนีออนจากในกรุงฮ่องกงส่องให้พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ เงียบงัน
และว่างเปล่า บนโต๊ะไม่แม้แต่จะมีเอกสารใดๆวางอยู่
พอหันสายตาไปมองในตู้โชว์ขนาดใหญ่ ก็ไม่มีแม้แต่เงากระบี่งามนามปักษามุกดาเลย
คุณหนูโกคุเดระควานหาสวิซต์ไฟแล้วเปิดมันทันที
พอไฟสีขาวสว่างกระพริบติดก็เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเจ้าสัวเจ๋อหัวไม่ได้อยู่ที่นี่
และดีไม่ดีก็คงจะพาปักษามุกดาหนีไปไหนต่อไหนให้พ้นเงื้อมมือของพวกเขาแล้ว!!
โธ่เว้ย!
นี่พวกเขามาช้ากันไปกี่ก้าวกัน!? ภารกิจล้มเหลวงั้นเหรอ!!
“เวรเอ๊ย! หนีไปแล้วจริงๆด้วย!!
รีบลงไปข้างล่างเร็ว แล้วรีบติดตามเผื่อจะทัน”
ด้วยความห่วงและเสียดายคุณหนูโกคุเดระสั่งอย่างรีบร้อนแล้วทำท่าจะผลุนผลันออกจากห้องเสียเดี๋ยวนั้น
ถ้าไม่ติดว่ายามาโมโตะคว้าข้อมือแล้วออกแรงดึงเอาไว้ก่อน
“คุณหนูจะไปไหน อย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ”
“ไม่ให้ใจร้อนยังไงไหว!!?” โกคุเดระตวาดลั่นอย่างเหลืออด
ฟิวส์จุดหลอมเหลวต่ำก็พาลขาดเอาได้ง่ายๆเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังคงใจเย็นไม่ทุกข์ร้อน
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น “หรือแกไม่ห่วงปักษามุกดาเลย
แกสู้ประมูลกับฉันเพื่อให้ได้มันมาในราคาร้อยล้านนะ!! แต่คุณค่าทางจิตใจก็สูงค่ากว่านั้นไปไม่รู้เท่าไหร่
แกเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ....แล้วนี่แกยืนบื้ออะไรอยู่!!!? จะปล่อยให้มันหายไปต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะไอ้บ้ายามาโมโตะ!!”
“แล้วคุณหนูจะให้ผมทำยังไงครับ...ถ้าเขาหนีไปจริงๆ
ตอนนี้คงไปได้ไกลแล้ว” รอยยิ้มเศร้าๆมอบให้โกคุเดระ
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการปลอบใจอีกฝ่ายหรือปลอบใจตนเองกันแน่
ดวงตาสีน้ำตาลเข้าเปลือกไม้หลุบต่ำลงเหมือนคนสิ้นหวัง
ค่อยๆปล่อยข้อมืออีกฝ่ายลงอย่างไร้แรง
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้โกคุเดระควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่อยู่
ซ้ำยังหัวเสียมากขึ้นอีกหลายเท่า
ไอ้ขี้แพ้ตรงหน้าไม่ใช่ยามาโมโตะ
ทาเคชิที่เขารู้จัก! ไม่ใช่!!
“แกพยายามเพื่อมันมาตลอดนะ
แล้วไหงยอมแพ้แค่นี้ฮะ!? เสียแรงที่ฉันมาช่วย
แล้วถ้าไม่ได้ปักษามุกดากลับไปอากงอุเก็ตสึจะว่ายังไง อากงฉันจะว่ายังไง
แล้วมุคุโร่กับคุณซาวาดะที่อุตส่าห์มาช่วยล่ะ แล้วความรู้สึกฉันล่ะ!? ถ้าช่วยแกไม่สำเร็จ มันก็ต้องรู้สึกแย่
แล้วฉันก็ต้องโทษตัวเองว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ปล่อยให้ปักษามุกดาหายไป!!”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คุณหนู”
ยามาโมโตะขยับยิ้มแล้ววางมือลงบนเรือนผมสีเงินนุ่มสลวยของอีกฝ่ายแล้วยีมันเบาๆ
“คุณหนูพยายามเต็มที่แล้ว จะโทษตัวเองทำไม ผมก็ทำเต็มที่แล้ว
เราสองคนไม่ได้บกพร่องในหน้าที่ คนอื่นก็คงจะเข้าใจล่ะครับ....ส่วนปักษามุกดา
ถ้าพยายามไล่ตามแล้ว แต่ก็จับไม่ได้แบบนี้
แสดงว่าตอนนี้ผมยังไม่ทรงอำนาจมากพอที่ปักษามุกดาจะเลือก...”
“แต่มันสำคัญกับตระกูลของแกมากนะ!
ปักษามุกดาไม่เลือกก็ช่าง! แต่แกเป็นคนที่ฉันเลือก
และเห็นสมควรว่าแกควรจะได้ครอบครองปักษามุกดาแทนฉัน!”
สิ้นคำพูด คุณหนูโกคุเดระก็ต้องปิดปากเงียบ
ก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าด้วยอารมณ์อะไร เสียดายของ
หงุดหงิดที่ไอ้เฒ่ายี่สิบเจ็ดล้านนั่นหนีไป
หรือนึกสงสารคนตรงหน้าจนต้องพูดให้กำลังใจออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริงกันแน่
รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาโดนจ้องอย่างอึ้งๆ
โดนจ้องจากสายตาคู่นั้นที่เขาบอกว่าไม่อยากจะเห็นมันอีกจนไม่รู้ว่าจะหลบยังไง
มันช่างน่าอายจนเขาอยากจะกัดลิ้นของตัวเองให้ขาด
แก้ตัวหรือกลบเกลื่อนแบบไหนก็คงปิดบังไม่ได้จริงๆ
ยามาโมโตะเริ่มขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ
เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างสบายๆ
แล้วพรูลมหายใจเบาๆเหมือนกับรู้สึกเหนื่อย....แน่นอน...เหนื่อยสิ
คุณหนูโกคุเดระคนนี้จะทำให้เขานึกรักมากไปถึงไหนจึงจะพอ
ต้องเก็บความรู้สึกที่มีล้นหัวใจไม่ให้แสดงออกไปอย่างเกินควรนี่...มันเหนื่อยนะ
แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจ
หรือเสียดายเลย ที่ได้เลือกคนๆนี้
เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายเพิ่งหลุดปากออกมาว่าเลือกเขา....
“แค่นี้...ก็ต้องขอบคุณมากแล้วครับคุณหนู”
ขอบคุณจริงๆ.....
“นี่แก...”
“อ๊ะ คุณหนูดูนี่สิครับ” ไม่ทันจะพูดอะไร
ยามาโมโตะก็เดินดุ่มๆไปที่แท่นอะไรบางอย่างแล้วผายมือให้คุณหนูโกคุเดระดู “เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลลาภ ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก
ผู้ที่ทำธุรกิจหรือการพาณิชย์ส่วนใหญ่ล้วนมีท่านไว้บูชา
แล้วอีกอย่างท่านยังขึ้นชื่อเรื่องการประทานพรด้วย” ร่างสูงย่อกายลงทำความเคารพ
เทพเจ้ารูปสลักองค์เล็กที่นั่งอย่างสง่างามบนแท่น
เบื้องหน้ามีธูปปักอยู่ในกระถางจำนวนมากด้วยแรงศรัทธาของเจ้าของ
ใบหน้าคมคายหล่อเหลาหันมามองคุณหนูโกคุเดระอีกครั้ง
แล้วถามยิ้มๆ
“คุณหนูโกคุเดระมีเรื่องที่อยากขอพรกับท่านมั้ยครับ...บางทีมันอาจจะสัมฤทธิ์ผลก็ได้”
เป็นไปได้หรอ?
แม้จะค้านในใจ แต่คุณหนูโกคุเดระก็ไม่ได้เถียง
เทพเจ้าองค์นี้อากงก็บูชาที่คฤหาสน์
แล้วก็พร่ำซ้ำๆว่าเรื่องเหล่านี้ก็มีผลที่ทำให้ตระกูลเขาอยู่เย็นเป็นสุขฟูเฟื่องในเรื่องโชคถึงขนาดนี้....แล้วถ้าเรื่องปักษามุกดา...ในเมื่อพยายามแล้วไม่ได้
เทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเขาหรือไม่นะ
“อืม...ก็อยากให้ปักษามุกดากลับมาหาเจ้าของที่แท้จริงที่คู่ควรกับมันล่ะมั้ง”
ยามาโมโตะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
พลางมองหน้าละมุนของอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ
คุณหนูโกคุเดระคงจะไม่รู้ว่าเขาก็ภาวนาแบบนั้นเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าคนที่คู่ควรที่ทั้งสองหมายถึง จะเป็นคนๆเดียวกันหรือเปล่า?
เพราะบางที
อาจมีคนบางคนที่ถูกเลือกเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้....
คฤหาสน์โกคุเดระ 07:35
AM.
ร่างระหงของคุณหนูแห่งตระกูลออกมายืนรับแสงแดดอ่อนๆในยามเช้า
ในมือถือแก้วชาร้อน ยกขึ้นจิบเป็นระยะๆ ท้องฟ้าในวันนี้เป็นสีฟ้าสดใส
ปุยเมฆขนนกบางเบาวาดยาวผ่านท้องฟ้าน่ามอง เหมือนกับเรื่องวุ่นวายผ่านไป
ชีวิตเขาก็คืนสู่ความเป็นปกติ คงจะไม่มีเรื่องยุ่งๆเข้าให้จัดการอีก
ส่วนปักษามุกดา...คงจะต้องให้เวลาเป็นเครื่องช่วยสมานแผลหัวใจ
ไม่นานนักหรอกเขาก็คงจะลืมมันเอง...
อืม...เหมือนคุณหนูโกคุเดระคนนี้เป็นหนุ่มน้อยเพิ่งอกหักจากรักแรกเลยว่ามั้ย?
แล้วไอ้เรื่องวุ่นวายที่ว่า...มันคงจะไม่วกกลับมาหาเขาจริงๆน่ะ!?
จะจริงเร้อ....?
“มีพัศดุส่งมาครับ คุณหนู”
พ่อบ้านคนหนึ่งเดินตรงมาหยุดข้างๆเขา
ก่อนจะค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วยืนส่งพัศดุไปรษณีย์ให้
มันห่ออย่างดีท่าทางจะไม่ต่ำกว่าสามชั้นผูกทับด้วยเชือกเส้นใหญ่อีกเส้นเรียบร้อย
คุณหนูโกคุเดระรับมันมาถือไว้พร้อมผงกหัวเป็นเชิงขอบใจ
สิ่งแรกเลยที่เขารู้สึกทันทีที่ถือมันก็คือ....หนัก!
มันหนักจนเขาต้องเดินเข้าคฤหาสน์แล้ววางมันลงกับโต๊ะ
พิศดูอีกครั้งอย่างช่างใจ ชื่อผู้รับคือชื่อเขาไม่ผิดเพี้ยน
แต่ชื่อผู้ส่งนี่สิไม่เขียนบอกเลยแม้แต่น้อย ส่วนที่อยู่นั้นเหรอ บอกได้คำเดียวว่าไม่คุ้นไม่รู้จักเลย
คุณหนูโกคุเดระนั่งลงแล้วเอาหูแนบกับกล่องพัศดุอย่างระแวง ทำยังไงได้!
เขามีคนรักเท่าผืนหนัง คนชังไซร้เท่าผืนเสื่อ
มีอยู่หลายรายกล้าส่งบอมบ์ลูกย่อมๆมาลงบ้านเขาทั้งต่อหน้าและลับหลัง
แต่เท่าที่ดูแล้วรูปร่างของมันไม่เหมือนระเบิดเลยแฮะ ฟังเสียงก็ไม่มีเสียงแปลกๆที่เป็นเอกลักษณ์ของระเบิด
อะไรวะ?
คุณหนูโกคุเดระเริ่มคลายปมเชือกออกแล้วค่อยๆบรรจงแกะกล่องแต่ละชั้นอย่างบรรจง
ในใจก็คิดไปด้วยความฉงนว่าในใจมันคืออะไร แล้วคนส่งทำไมจึงเป็นปริศนาขนาดนั้น
จนสุดท้ายกล่องกระดาษสีน้ำตาลหนาก็ถูกแกะออกหมด เหลือเพียงกล่องแข็งๆที่มีฝาปิดสีขาวอยู่ภายใน
ร่างบางสูดหายใจลึกแล้วผ่อนยาว ควบคุมมือให้นิ่งแล้วเอื้อมไปค่อยๆยกเปิดออก
และแล้วของที่นอนหลับใหลภายในก็เป็นประจักษ์กับสายตา
ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!
ผีหลอกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!
ผีหลอกๆๆๆๆ ภาพลวงตาแน่ๆ มันเป็นภาพลวงตา
ไม่มีอยู่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้!!!
คุณหนูโกคุเดระอึ้ง กรีดร้องอยู่ในใจเพราะไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้
มันเหมือนคนเป็นใบที่กล่องเสียงเกิดการจับอัมพาต ดวงตาเบิกค้าง ปากอ้าเหวอ
เขาเป็นประสาทหลอนแน่ๆที่เห็นมัน ก็สิ่งที่อยู่ในนั้นน่ะคือกระบี่สีทองอร่ามสลักลายหงส์เจ็ดตัว
มีไข่มุกเจ็ดเม็ดฝังอยู่ ยังอยู่ในสภาพที่งามสมบูรณ์ ไม่หัก ไม่บิ่น
ไม่มีรอยขีดข่วนอะไรทั้งสิ้น!! สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ
ปักษามุกดา!
มันคือปักษามุกดาตัวจริงเสียงจริงงงงงง
โอ้ มายไฉ่ซิ้งเอี๊ย!!!!
ตอนนี้เขาต้องการคำอธิบายกับของที่มันหายไปแล้วแต่กลับมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า
และแล้วใต้ปักษามุกดาก็มีจดหมายฉบับหนึ่งพับวางอยู่
มือบางที่สั่นสะท้านเอื้อมไปคว้ามันมา แล้วคลี่มันออกอ่านอย่างรวดเร็ว
ถึงตระกูลโกคุเดระ
สวัสดี
ฉันอาซาริ อุเก็ตสึ ประมุขแห่งตระกูลยามาโมโตะ ถ้าเกิดคนที่เปิดอ่านจดหมายฉบับนี้เป็นฮายาโตะคุงล่ะก็คงจะตกใจมากสินะ
เธอตั้งสติดีๆแล้วฟังที่อากงพูดให้ดีนะ เรื่องนี้อากงอยากให้เธอถามรายละเอียดจากจี
อากงของเธอให้เรียบร้อย อีกสักพักฉันกับทาเคชิจะไปถึง ฉันได้เห็นถึงความคู่ควรและเหมาะสมในตัวเธอแล้ว
ฉันจะไปทาบทามเธอในฐานะคู่หมั้นของยามาโมโตะ ทาเคชิตามสัญญา
และปักษามุกดาราคาหนึ่งร้อยล้านเล่มนั้นถือเป็นของหมั้น
เป็นของจริงที่ส่งตรงจากฉัน ไม่มีการกลั่นแกล้งใดๆทั้งสิ้น
ฉันดีใจที่จะได้เธอเป็นหลานสะใภ้นะ แล้วเจอกัน
ลงชื่อ
อาซาริ
อุเก็ตสึ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!
อาก๊งงงงงงงงง!!!! อากงมาหาหนูเดี๋ยวนี้นะ!!” มือบางปล่อยกระดาษราวกับจับของร้อน คราวนี้ไม่บงไม่ใบ้มันแล้ว
คุณหนูโกคุเดระตะโกนสุดเสียงเรียกกงของตนเอง ซึ่งไม่นานเกินรอ
ประมุขของตระกูลโกคุเดระโผล่หน้าออกมาจากห้องด้านในด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
เพราะเสียงของหลานตัวเองดังสะเทือนไปถึงหูชั้นใน
แต่พอออกมาเห็นหลานตัวแสบยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าถึงได้ขมวดคิ้วถาม
“อะไรของแกวะ ร้องอย่างกับเจอผีหลอก”
“ก็ผีหลอกน่ะสิ!
ผีปักษามุกดากงน่ะ ดู กงดูนะ
นี่ปักษามุกดาของแท้ไม่เก๊ไม่ปลอมอะไรทั้งนั้นอ่ะ!! แล้วดูนี่
จดหมายจากกงอุเก็ตสึ เขาเขียนมาให้หนูถามรายละเอียดจากกง
หนูหมั้นเหมิ้นอะไรกับคร้ายยยยยยยยยยยยยยย อะไรมันเป็นอะไร หนูมึนแล้ววววววววววว”
คุณหนูโกคุเดระระบายสิ่งที่เห็นให้จีฟังจดหมดจนสิ้น
น้ำเสียงก็สั่นเหมือนจะร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ ส่วนอากงแกก็ไม่ได้ตกใจตามหลานเลย
แถมยังพยักหน้าร้องอ้อเบาๆอีกต่างหาก เหมือนกับเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องธรรมดาปกติก็ไม่ปาน
“ก็แกต้องหมั้นกับไอ้หนูยามาโมโตะจริงๆนี่หว่า...เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตกลงกันมานานร้อยกว่าปีได้แล้วเฟ้ย
เอ้อ!
นี่แสดงว่าฉันไม่เคยเอาคำสั่งสืบทอดของโกคุเดระรุ่นแรกให้แกดูเลยเรอะ!”
หลานคนฟังสะบัดหน้าพรืดรัว เล่นเอาอากงแกตกใจถอยหลังแล้วร้องอ้าว
ก่อนที่จะเดินไปค้นอะไรบางอย่างจากลิ้นชักที่อยู่ตรงมุมห้อง
ลิ้นชักใยแมงมุมชักเกาะหลังนั้นอากงแกหวงมาก
แล้วก็ไม่อยากให้ใครเข้าไปใกล้รวมถึงตัวเขาเอง
แม้แต่คนทำความสะอาดอากงแกยังต้องอยู่เฝ้าเพราะกลัวลิ้นชักสุดที่รักจะล้มครืนเพราะอายุที่ไม่มากไม่น้อยไปกว่าตัวแก
ท่านใหญ่จีเดินกลับมาพร้อมถือสาส์นบนผ้าที่ม้วนเรียบร้อยออกมา
สาส์นฉบับนี้คล้ายราชโองการของฮ่องเต้ที่เห็นบ่อยๆในหนัง
มันเก่าจนผ้าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วอ่อนยวบยาบตามกาลเวลา
จีคลี่สาส์นในตำนานแห่งตระกูลโกคุเดระออกแล้ววางบนโต๊ะเบื้องหน้าหลาน
แล้วเริ่มเล่าตำนานของสองตระกูลที่ถูกถ่ายทอดมารุ่นสู่รุ่น
“นี่เป็นสาส์นที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่นของตระกูลโกคุเดระ
ความจริงมันมีอยู่สองฉบับ คืออยู่ที่เรา...และอยู่ที่ตระกูลยามาโมโตะ
เขียนโดยบรรพบุรุษรุ่นแรกของแต่ละตระกูล ว่ากันว่าในสมัยก่อนบรรพบุรุษของเราทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก
จนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตาย....พวกท่านต้องการให้ความสัมพันธ์ในมิตรภาพต้องยืนยาวไปกาลนาน
จึงตกลงกันว่าผู้สืบทอดรุ่นที่สิบของสองตระกูลจะต้องหมั้นหมายกันโดยมีปักษามุกดา
กระบี่เลอค่าที่บรรพบุรุษสองท่านนั้นช่วยกันออกแบบ แล้วสั่งทำขึ้นมาด้วยฝีมือของช่างประดิษฐ์มือหนึ่งจากในวัง....แต่ปัจจุบันด้วยการค้า
การเงิน บารมี อำนาจ บริวารของพวกเราล้วนเท่าเทียมไปทุกๆด้าน
ก็มีบ้างที่ต้องเขม่นและรู้สึกหมั่นไส้อีกฝ่าย....แต่อันที่จริงแล้ว
เรากับยามาโมโตะมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกว่าใคร...”
“...แล้ว?”
“ก็อย่างที่ว่า
แกกับเจ้าหนูยามาโมโตะคือผู้สืบทอดรุ่นที่สิบของตระกูลทั้งคู่
แกสองคนก็ต้องหมั้นกันตามโองการ แต่ถ้าแกไม่เชื่อ แกจะลองชักกระบี่ดูก็ได้...”
พอจบคำ ท่านใหญ่จีก็ยกปักษามุกดาออกจากกล่องให้หลานถือ ทันทีที่สัมผัส
กลิ่นอายและอณูของความเก่าแก่ มนตร์ขลัง
ความละเอียดอ่อนช้อยที่ไร้ที่ติสมกับเป็นศิลปะของชาววัง
และที่สัมคัญคุณหนูโกคุเดระสัมผัสได้...สัมผัสได้ถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ
ความสมัครสมานสามัคคี
และมิตรภาพที่แข็งกล้าของบรรพบุรุษสองตระกูล.....ความรู้สึกนี้แหล่ะที่เขารับรู้มาโดยตลอดตั้งแต่อยู่ที่งานประมูล...พอถอดฝักออก
คมกระบี่สีเงินวาวออกลายครามไม่มีแม้แต่สนิมเกาะสะท้อนใบหน้าของเขาได้ราวกระจกเงา
ตรงโคนใกล้ๆกับด้ามดาบมีชื่อของสองตระกูลสลักอยู่อย่างชัดเจน
...ยามาโมโตะ โกคุเดระ.....
นี่คือของที่บรรพบุรุษมอบให้กับเขา....รู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งอย่างสุดหัวใจ....
แต่ว่า....
ทำไมต้องเป็นของหมั้น!!!
“กง เดี๋ยวสิ!
นี่แสดงว่ากงรู้อยู่แล้ว แล้วทุกคนก็รู้อยู่แล้วใช่มั้ย
แล้วเรื่องงานประมูล เรื่องที่ปักษามุกดาโดนขโมยและคนร้ายก่อจลาจลในงาน
แล้วไอ้เจ้าสัวเจ๋อหัวยี่สิบเจ็ดล้านนั่นอ่ะ!”
“บ๊ะ! แกคิดว่าไอ้เรื่องแค่นี้ตระกูลยามาโมโตะกับฉันไม่มีปัญญาปั้นขึ้นเรอะ
ทุกอย่างก็เพื่อทดสอบแกว่าแกจะรู้สึกเห็นค่าในปักษามุกดา
และพร้อมที่จะหมั้นกับเขาได้หรือเปล่าก็เท่านั้น
เริ่มจากติดต่อไปทางโรงแรมแล้วขอให้จัดงานประมูลโดยใช้ชื่อของโรงแรมนั้น
ต่อมาก็หลอกล่อให้แกไปประมูล แล้วทางยามาโมโตะก็จัดฉากว่ามีคนประสงค์ร้ายจะมาขโมยปักษามุกดา
เสียงปืนในงานก็แค่เสียงประทัดที่ทำขึ้นพิเศษ
คนในงานที่บาดเจ็บก็แค่โดนสะเก็ดประทัดแต่สำออยเท่านั้นล่ะ.....”
“อ้าว? กง
แล้วมุคุโร่กับคุณซาวาดะอ่ะ เรื่องวีดีโอกล้องวงจรปิดก็มีเบื้องหลังเหรอ”
“หึ โรคุโดกรุ๊ปกับซาวาดะกรุ๊ปได้ให้ความเรื่องมือตัดต่อก่อนจะเอามาให้แกดู”
“โรงแรมเมื่อคืนที่หนูไปลุยกับไอ้คุณชายยามาโมโตะ
ก็เป็นละครช่ายม้ายยยยย!!!?”
“เออ ใช่ โรงแรมที่แกไปเมื่อคืนก็เป็นโรงแรมของไอ้แก่เจ๋อหัวจริงๆ
เพียงแต่พวกเราเตี๊ยมกับมันไว้แล้ว ให้มันปิดโรงแรมหนึ่งวัน แล้วใส่คนของเราเข้าไปแทน
ทั้งพนักงาน บอดี้การ์ดที่แกทำเท่ยิงมันตายนั่นก็ลูกน้องแกทั้งนั้น
พวกมันไม่ตายหรอก แกวางใจได้....สุดท้ายก็เป็นอย่างที่แกเห็น
ปักษามุกดาไม่ได้ถูกขโมย แต่เพียงถูกซ่อนไว้ แล้วเอามามอบให้แกวันนี้
เพราะแกสอบผ่าน...”
แผนการชั้นเซียนตีตราโดยท่านใหญ่จีทำให้หลานยิ่งหูอื้อหนัก
วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สมองยิ่งตื้อหนัก ตั้งแต่เกิดมา ณ
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เขารู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าเต่าตุ่นที่สุด
แต่ว่าตอนนี้...
โอเค
ทุกอย่างชัดเจน....สรุปคุณหนูโกคุเดระผู้เพอร์เฟคโดนจับไปเล่นละคร
ทุกอย่างเป็นเรื่องแหกตา!! ถามว่าแค้นมั้ย! แค้น!! แต่ที่เหนือความแค้นมันคือความอาย
หน้าของเขาบางลงไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว!!! โฮกกกกกกกกกกกกก
“แต่กง! หนูไม่หมั้นนะ
จะให้หมั้นได้ไง หนูกับมันผู้ชายทั้งคู่นะเอ้อ! กงจะทำให้ตระกูลโกคุเดระเป็นหมันในรุ่นหนูเหรอ!”
ไม่เอานะ...รับไม่ได้อ่ะ แล้วท่านบรรพบุรุษที่รักก็ไม่คิดบ้างเหรอครับว่า
รุ่นที่สิบนี่อาจจะเป็นชายคู่หรือหญิงคู่ก็ได้น่ะ แทนที่จะได้สานสัมพันธ์
กลับเป็นการตัดเชื้อวงศาคณาญาติซะล่ะมากกว่า
“โอ๊ย! แกก็หมั้นกันไปก่อนสิวะ!
จะแต่งไม่แต่งค่อยว่ากัน นี่แกคิดจะขัดคำสั่งบรรพบุรุษเรอะ!!
รู้มั้ยว่ามันบาปขนาดไหน ตายไปนรกไม่รับ สวรรค์ไม่ต้องการ!! แล้วแกสองคนก็ชอบกันไม่ใช่เหรอ มันจะมีปัญหาอะไร?”
หา!!! โอมายเจ้าแม่กวนอิม!!!!!
ชอบ! เขาเนี่ยนะเกิดไปชอบไอ้คุณชายยามาโมโตะหัวตั้งนั่นเข้าให้แล้ว
อิมพอสสิเบิ้ล เป็นไปไม่ได้อย่างแรง!
“กงพูดอะไรออกมา หนูเนี่ยนะชอบมัน
ไม่มี้ไม่มี ไม่มีวันนั้นซะหรอก!”
“อ้าว เหรอครับ
แล้วที่คุณหนูบอกว่าผมเป็นคนที่คุณหนูเลือกนี่มันยังไง”
พลันเสียงนุ่มทุ้มหล่อเหลาของใครบางคนก็ดังแทรกบทสนทนาเมามันส์ของสองกงหลาน
คุณหนูโกคุเดระหันขวับ หัวใจยิ่งทำงานหนัก รู้สึกร้อนไปทั่วใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้
เพราะคนตัวสูงในชุดสูทดูเต็มยศกว่าวันอื่นที่เดินเข้ามานั้น
เป็นคู่หมั้นตามคำสั่งบรรพบุรุษของเขา...พักหลังๆนี้แค่เป็นคู่แข่งก็มองหน้าไม่ค่อยจะติดอยู่แล้ว
แล้วนี่มาเป็นคู่หมั้นเขาไม่ต้องหันหลังคุยกับมันเลยเหรอ
ยามาโมโตะแสดงความเคารพท่านใหญ่จีด้วยรอยยิ้ม
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือท่านใหญ่อุเก็ตสึที่แย้มยิ้มเป็นรูปเดียวกับหลานเด๊ะ
“จีคงเล่าให้เธอฟังหมดแล้วสินะฮายาโตะคุง....เมื่อคืนทาเคชิก็เล่าให้อากงฟังเหมือนกันว่า
เธอเป็นคนเลือกเขา....ฮึๆๆ ฉันล่ะก็โล่ง นึกว่าเจ้าหลานชายจะอกหักดังเป๊าะเพราะแอบไปรักเธอข้างเดียวซะแล้ว”
เล่าอีกแล้ววววว!!
ทำไมหมอนี่เป็นคนช่างเม้าท์ได้ขนาดนี้! แต่ละเรื่องก็สาระดีๆทั้งนั้น!
“เออ...คุยกันตามสบายนะ ว่าที่สามี?แกก็มาแล้ว ฝากเนื้อฝากตัวกับเขาซะ
มีอะไรขุ่นข้องหมองใจก็อย่าเพิ่งฆ่ากันซะก่อนล่ะ ...เอ้อ! ไอ้แก่อุเก็ตสึ
แกไปแข่งเขียนตัวอักษรในห้องศิลปะรอพวกหลานมันคุยกันเป็นไง? อย่าบอกนะเฟ้ย
ว่าแก่แล้วข้อต่อไม่ดี ขนาดลากเส้นยังเบี้ยว?”
“ฮึๆๆๆ ท่านผู้เฒ่าจีชวนมามีหรือจะปฏิเสธ
ฉันต่อให้สักสิบนาทีก็ยังได้ เผื่อว่าจะไม่มีแรงยกพู่กัน”
ว่าแล้วก็เดินลับหายกันไปทั้งคู่
ทิ้งไว้เพียงสายตาอวยพรอย่างกับวันแต่งงานอย่างนั้น
ฟังแล้วก็กระดากเขินสะเทิ้นอาย(มาก) เขาต้องยอมรับใช่มั้ยว่านี่เป็นชะตากรรมที่ไม่อาจผลักดัน
เขาต้องยอมรับใช่มั้ยว่าคนที่นั่งมองหน้าเขาอยู่นี่มันเป็นคู่หมั้นเขาแล้ว เหอะ!
แต่สมน้ำหน้ายัยคุณหญิงนั่นอย่าง ลูกสาวเหม่ยฉีแกไม่มีสิทธิ์แล้วเฟ้ย!
อยากพูดจาไม่เข้าหูดีนัก!
“ทำไม...มองทำไม สะใจนักสิ ที่เล่นหนังยาวตบตาฉันได้
แต่ฉันไม่มีทางหมั้นกับแกหรอก รู้ไว้ซะ!”
“อ้อ....เหรอครับ
แล้วใครกันน้าที่พูดให้ผมฟังในงานประมูลว่า อะไรที่ฉันทุ่มกำลังสุดตัวแล้ว
ฉันก็มั่นใจว่ามันคู่ควรกับฉัน แล้วฉันคู่ควรกับมัน หึหึหึ นั่นน่ะ
เป็นคำบอกว่าคุณหนูพร้อมที่จะหมั้นกับผมเต็มที่เลยไม่ใช่เหรอครับ....อ้อๆๆ มีอีกๆ
เมื่อคืนนี้เอง ที่คุณหนูบอกว่าคุณหนู....”
“เฮ้ยๆ พอแล้วๆๆๆ ไม่ต้องพูด”
มือบางยกขึ้นห้ามทันที แต่มือนั้นกลับถูกคว้าไปกุมไว้อย่างถืออภิสิทธิ์
สายตาเว้าวอนส่งมาหาเขาจนรู้สึกหวั่นไหว
สัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนมันเลื่อนตั้งแต่มือที่ถูกกุมจนเข้าครอบคลุมหัวใจ ทั้งที่คิดว่าพูดอะไรมาก็จะไม่ฟัง
ถามอะไรมาก็จะไม่ตอบ
กลับกลายเป็นว่าต้องนิ่งและสบตาราวกับถูกดึงดูดเข้าไปหลงในมนตร์อย่างนั้น
นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงขอบอกเลยว่าวิธีอ้อนสาวของมันฝีมือสูงชั้นอ๋อง
“แล้วผมจะต้องทำยังไง...ต้องรักคุณหนูไปอีกนานแค่ไหน...ต้องรักไปอีกมากเท่าไหร่
คุณหนูถึงจะรับรู้ได้ เรื่องหมั้น เรื่องปักษามุกดาแล้ว
สำหรับผมมันเป็นพรหมลิขิตที่ผ่านมาเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้ดูแลคุณหนู.......ได้โปรดหมั้นกับผมเถอะนะครับ
คุณหนูฮายาโตะคนดี...”
ไอ้บ้า...พูดออกมาได้ไม่อายปาก...
พูดออกมาได้ว่าฉันไม่รับรู้
ฉันรับรู้จนไม่เป็นตัวของตนเองอีกแล้ว แล้วพูดออกมาจนได้.....คุณหนูฮายาโตะน่ะ!
“ไอ้ปัญญาอ่อนสมองทึบ
บอกแล้วไงเฟ้ยว่าอย่าเรียกชื่อน่ะ!”
“อ้าว...ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะครับ
เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนะ จะเรียกนามสกุลมันจะดูเหินห่างไปมั้ยครับ...เอ้อ
ถ้าคุณหนูกลัวเสียเปรียบ จะเรียกผมว่า ทาเคชิ
ก็ได้จะได้แฟร์ๆไง...อืม...หรือว่าถ้าคุณหนูอยากได้เปรียบ จะเรียกสูงไปอีกขั้นว่า ‘ที่รัก’
ก็ได้ครับ ผมไม่ถือ...”
โหวววววววววววว ที่รัก!
คำนี้ทำใจนานขนาดไหนถึงจะกล้าเรียก สักชาติยังไม่พอเลยมั้ง
แล้วทาเคชิน่ะ อย่าหวังเลยว่าจะหลุดออกจากปากของเขา คนอะไรหลงตัวเองขั้นเทพ
แถมยังหน้าหนาติดแน่นทนนานไม่หลุดไม่ลอก เคยหนายังไงมันก็หนายังงั้น
“ถ้าเกิดหมั้นกันไป แกรู้จักฉันมากขึ้น
แล้วแกไม่รักฉันล่ะ ถึงตอนนั้นจะถอนหมั้นฉันมั้ย”
คำถามนี้พร้อมกับใบหน้างามที่เคลือบแคลใจถึงกับทำให้ยามาโมโตะยิ้มกว้าง
เขาเอื้อมมือไปลูบผมนิ่มลื่นของอีกฝ่ายเบาๆ
“ไม่มีทางครับ...หน้าที่ของผมต่อไปนี้คือการทำให้คุณหนูฮายาโตะรักผมให้ได้
แล้วก็ไม่ต้องกลัวครับผมไม่ใช่คนทำอะไรแล้วหันหลังกลับ
มันจะต้องเพิ่ม...เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับปักษามุกดาที่เก่าแก่เท่าไหร่
หรือผ่านไปสักกี่ร้อยกี่พันปี ความงดงามของมันจะไม่ถดถอยลง
แต่จะกลับเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เพราะอย่างนี้มันจึงเป็นสิ่งแทนความรักของเราสองคน”
“ถ้าอย่างนั้นก็...อืม”
“อะไรนะครับ” ยามาโมโตะแสร้งขมวดคิ้ว
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปใกล้เหมือนไม่ได้ยิน
“ก็บอกว่า อืม ไง”
“อืม อะไรครับ
สมองผมมันไม่เก่งเรื่องตีความนะครับคุณหนู พูดให้ชัดๆซิ”
พ่อตัวแสบสมองทึบแกล้งเอามือป้องหูพร้อมรับฟัง ทำเอาคุณหนูโกคุเดระหน้าแดงฉ่า
มองซ้ายมองขวาไม่มีใครอยู่ ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ
เบา...แต่ฟังแล้วซึ้งและเพราะจับใจ
“ฉันก็จะหมั้นกับแกไง...แล้วก็จะพยายามรักให้มากขึ้น
ให้สมกับศักดิ์ศรีและเจตนารมย์ของปักษามุกดา”
ยามาโมโตะยิ้มอย่างยินดีแล้วรวบตัวร่างบางมาอยู่ในอ้อมกอด
ไม่มีอะไรที่เขาโหยหาไปมากกว่านี้ ไม่มีอะไรที่มีความสุขได้มากกว่าตอนนี้
สัมผัสนี้ที่เขาจะต้องหวงแหนและปกป้องด้วยชีวิต และจะต้องดูแลบ่มเพาะด้วยจิตใจ
งานหมั้นของพวกเขาเป็นไปอย่างเรียบง่าย
มีเพียงสิ่งเดียวที่นิ่งรับฟังเป็นสักขีพยาน...
ปักเอ๋ยปักษา เคล้าเคียงคลอมุกดาไม่ห่างหาย
เปรียบกับรักประจักษ์แจ้งไม่เคลือบคลาย เป็นดั่งสายที่สลักทอถักใจ
หากแม้นผ่านนานไปชั่วไกลโกฐิ ยังรุ่งโรจน์ไม่หมองหมางกระจ่างใส
หากปักษามุกดาคู่อยู่ฉันใด ความรักจักเคียงใจฉันนั้นเอย....
ปักษามุกดา/END
มิยะขอเม้าท์
ว่ามั้ยคะว่า....
ฟิคเรื่องนี้มันแหกตาชัดๆ!
แหกทั้งนอกเรื่องและในเรื่อง เรื่องนี้ไม่เหมาะสมกับผู้แสวงหาดราม่า เข้าข่ายฟิคที่บวมที่สุดที่ไอ้มิยะเคยแต่ง แล้วนี่ไอ้อินโทรต้นๆ
มันหมายความว่ายังไง! สรุปคือ เอามันมาหลอกเท่านั้นล่ะค่ะ
แหะๆ //โดนเสยยย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มอบให้กับพี่สาวคนสวย พี่หวาน Kazahaya เมื่อราวๆสามปีที่แล้ว คือจำได้ว่าปั่นน้ำไหลไฟดับมากด้วยที่ว่ากลัวไม่ทัน การวางพล็อตเรื่องนี้กับคาร์แร็กเตอร์เป็นแนวที่เพิ่งเคยทำเป็นเรื่องแรกจริงๆค่ะ แล้วก็เกิดรักมันเข้าาอย่างจังอ่ะ
ยามะเรื่องนี้สุภาพบุรุษ รวยล้นฟ้า
อิทธิพลล้นแผ่นดิน จะเดินจะเหินก็ต้องดูดีไปหมด
ซึ่งไม่เคยแต่งยามะให้หล่อเฟี้ยวขนาดนี้มาก่อน พอแต่งดูแล้วหลงรักค่ะ เอ้อ!
คิดภาพไปก็ดูดีเหมือนกันนี่นา ก็เลยมาเป็นยามาในฉบับนี้ได้
ส่วนหนูก๊กอันนี้ของแน่ของแท้ จะเรื่องไหนก็ต้องสวยเริ่ด(?)
เชิด หยิ่ง เพราะหลงรักก๊กแบบนี้ไปแล้ว หลงรักย่าจีด้วย
เลยจับสองคนเขามาร่วมงานกันอีกค่ะ
เอาไว้งานหน้าจะลองจิ้นดูว่าถ้าหนูก๊กรับบทยาจกขึ้นมาจะเข้ามั้ย หึหึหึ
ส่วนคู่รองได้วาง 6927
ไว้แต่แรก อยากให้คุณมุได้เป็นเพื่อนยามะ
อยู่คู่กันแล้วคงเนียนเพอร์เฟคไร้เทียมทานค่ะ ฮ่า
ส่วนหนูก๊กกับสึนะนั้นเวลาแต่งให้อยู่ด้วยกันก็ง่ายกว่าที่จะเป็นคนอื่นค่ะ
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ตัวมิยะเองก็ชอบเขียน ก็เลยได้มาเป็นแบบนี้
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วยิ้มสักเล็กสักน้อย ไอ้มิยะก็ชื่นใจล่ะค่า ^______^
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก เม้นท์ได้เป็นกำลังใจจ้ะ
Miya
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น