Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้
กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
Chapter 18 ปะทะ
ตู้มมมมมมมมมม!!!!
“แฮ่ก...แฮ่ก คุณซาซางาวะครับ
ที่นี่มันเวิร์กแน่หรอครับ คุณมุคุโร่ให้แผนที่เรามาไม่ผิดแน่นะ”
เด็กหนุ่มเจ้าของผมสีดำสนิทซึ่งตอนนี้ดูยุ่งๆกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทางสะกิดถามรุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆตัวเอง
น้ำเสียงปนหอบแทบฟังไม่ได้ศัพท์ แถมเสียงระเบิดเมื่อกี้ยังดังอยู่เหนือหัวพวกเขาเนี่ย
ซึ่งถ้าโชคไม่ช่วยฝ้าอาจจะถล่มมาทับหัวในอีกไม่กี่นาที
“ไม่รู้สิ
ก็เดินมาตามแผนที่ที่มันแฟคมาให้นี่แหล่ะ
จบศึกแล้วถ้ามันยังไม่ตายเราค่อยไปด่ามันเอา”
รุ่นพี่ตอบมาแบบไม่ได้ใช้สมองเท่าไหร่ หัวของคนฟังเลยส่ายไปมาอย่างระอา
“คนจะตาย...มันน่าจะเป็นเรามากกว่านะครับ
อึ๋ย!”
น้ำเสียงสั่นๆบอกแถมยังอุทานออกมาพร้อมกระโดดหลบก้อนอิฐพอทุบหัวคนตายได้ไปอย่างฉิวเฉียด
นี่ตกลงคนบัญชาการอย่างสายหมอกและนภาเห็นว่าพวกเขาสองคนเก่งหรืออยากจะแกล้งกันแน่
ชั้นใต้ดิน...มืดๆ ชื้นๆ และสุดท้าย...
กลิ่นอับไม่พึงประสงค์ยังเตะจมูกอย่างต่อเนื่อง!!!
พวกเขาขอเลือกไปมันส์กับศัตรูข้างบน
ดีกว่ามาส่องหาผู้พิทักษ์พิรุณในที่แบบนี้นะ
“ให้ตาย
ถ้าเราลงลึกกว่านี้สัญญาณเครื่องสื่อสารส่งไปไม่ถึงแน่
แถมเดินมาตั้งนานยังไม่เห็นวี่แววของยามาโมโตะเลย รีบขึ้นไปข้างบนดีกว่ามั้ง”
ดูเหมือนว่าคนเป็นรุ่นพี่อย่างอรุณจะทนต่อสภาพแวดล้อมของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
ไอ้ที่ว่าไม่เห็นวี่แววของพิรุณน่าจะเป็นเหตุผลรองลงมาซะมากกว่า
อย่าเลย...อัสนีก็คิดแบบเดียวกันนี่แหล่ะ
แต่ว่า...
“วองโกเล่ยังไม่ติดต่อมาเลยนะครับ
ไม่เดินตามแผนมันจะดีหรอ”
“อืม...” ร่างสูงๆของอรุณหยุดเคลื่อนไหวก่อนจะนิ่วหัวคิ้วเหมือนใช้ความคิด
ซึ่งคนเป็นน้องก็หยุดด้วยแล้วถลนตาจ้องลุ้นคำตอบ หวังว่ามันจะเป็นคำตอบดีๆล่ะก็นะ
“นี่แรมโบ้
ถ้าหากว่านายจะไปหาขุมทรัพย์ลูกอมตามลายแทง
แต่ว่าพอนายจะเดินไปหาลูกอมนายคิดว่าเส้นทางนี้มันไม่ใช่ นายจะเปลี่ยนเส้นทางเดินทันทีตามใจคิดของนาย...หรือว่า...จะรอให้คนมาเปลี่ยนลายแทงล่ะฮึ”
เป็นการเปรียบเทียบที่แปลกประหลาด...สำหรับคนอื่น
แต่สำหรับเด็กหนุ่ม
ดวงตาสีมรกตวาววับขึ้นทันที เจ้าตัวยิ้มแป้นแล้นก่อนจะตอบ
“แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนเส้นทางแล้วเดินไปหาลูกอมให้เร็วที่สุดสิครับ
ถ้าเกิดช้าลูกอมของผมหายไปจะทำยังไง”
“ฮ่าๆๆๆๆ งั้นก็ไปกันเถอะ
ไปหาลูกอมของนายกัน” คนอาวุโสกว่าหัวเราะร่วนถูกใจในคำตอบอย่างมาก
ก่อนจะเริ่มเดินตามทางที่พวกเขาคิด แต่ว่าไม่เป็นอะไรหรอก
เขาทั้งสองคนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ได้กลัวอุปสรรค ไม่ได้กลัวว่านภาแห่งวองโกเล่จะโกรธเคืองที่แอบนอกเส้นทางก่อนจะบอก
เขารู้ว่าบอสของพวกเขาไม่ใช่พวกบ้าอำนาจสั่งตัดหัวประหารเจ็ดชั่วโคตรลูกน้องที่ไม่เชื่อฟัง
อีกอย่าง...
เพราะพวกเขาเชื่อใจกัน...เชื่อว่าคนอย่างนภาจะต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ
ชั้นสี่ ชั้นของห้องข้อมูล
ผลั่วะ!! ปั้ก!!
“อั้ก!”
เสียงร้องสั้นๆของเหยื่อรายสุดท้ายดังขึ้นพร้อมลอยละลิ่วไปชนฝาผนังเรียกรอยยิ้มเหยียดของผู้บุกรุกได้อย่างดีเยี่ยม
มือขวาเหวี่ยงพลองมือเหล็กวาววับฟาดกับอากาศจนเกิดเสียงดังเฟี้ยวเหมือนเป็นการคลายกล้ามเนื้อ
คนที่นอนอยู่สยบปลายเท้านับสิบแทบเรียกได้ว่าตายแหล่มิตายแหล่
จะว่าน่าเบื่อก็ใช่...คิดว่าที่นี่น่าจะน่าสนใจกว่านี้ซะอีก...
แต่สุดท้าย...ก็นอนรอความตายเหมือนกระต่ายติดบ่วงเหมือนที่เคยเจอมา
ผู้พิทักษ์เมฆาถอนหายใจน้อยๆ
รอบๆตัวเขาไม่มีอะไรนอกจากคนใกล้ตายและห้องเรียงรายตามทางเดินเป็นตับ
ตั้งแต่บุกเข้ามาก็ลุยเปิดทางฉายเดี่ยวคนเดียวส่วนที่เหลือก็แยกย้ายกันตามหน้าที่
แต่สำหรับผู้พิทักษ์เมฆาการทำอะไรร่วมกับคนอื่นมันช่างเป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัย ยิ่งถ้าทำตามแผนของคู่อริที่อยากจะตอกฝาโลงให้ซะเต็มแก่นั่นมันยิ่งดื้อเข้าไปใหญ่
ร่างสูงหันหลังกลับอย่างไม่สบอารมณ์คิดว่าถ้าหากที่นี่ยังมีสัตว์กินพืชน่าเบื่อๆโผล่ออกมาให้ขย้ำอีกไม่กี่คนก็จะขึ้นรถกลับฐานทัพส่วนตัวซะ
เรื่องที่มาช่วยวายุและพิรุณให้ออกจากที่นี่ไม่ได้อยู่ในเจตนารมณ์ของเขาซักเท่าไหร่ ดวงตาคมสีรัตติกาลไม่หันไปมองผลงานของตนเองมีแต่ก้าวฉับๆเดินตามระเบียง
โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
ว่าช่องลมเหนือศีรษะของเขานั้นมีมัจจุราชถือมีดสีเงินวาวรอปลิดชีวิตอยู่...ถึงจะเป็นฮิบาริ
เคียวยะ
แต่ในที่มืดแบบนี้ดวงตาคมๆนั่นไม่มีทางเห็นหน่วยพรางตัวชั้นยอดของฟิลบาโลเน่
ก้าวเข้ามาสิ ฮิบาริ เคียวยะ...
ก้าวเข้ามาหาความตาย...
ฉันจะใช้มีดเล่มนี้กรีดเนื้อแกให้เป็นริ้วๆ!
ดวงตาของนักฆ่ามองรอจังหวะให้เมฆาแห่งวองโกเล่เดินเข้ามาในจุดที่จะเล่นงานได้สะดวก
มีดสั้นคมกริบในมือเงื้อสูงขึ้นและ...จู่โจม!!!
นักฆ่ากระโดดลงมามีดในมือจ่อตรงไปที่ลำคอหมายจะเชือดเส้นเลือดใหญ่ให้จอดในฉัวะเดียว
ดวงตาสีรัตติกาลเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
ระยะทางมันชิดเกินไปต่อให้ยกทอนฟามากันตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว!!!
เคร้ง!!!
ผลั่วะ!!
“อั่ก!”
เสียงเหมือนกับโลหะกระทบกันอย่างแรง
เสียงต่อมาคือเสียงหนักๆของวัตถุตีกระแทกกับร่างกายมนุษย์ และเสียงร้องของความเจ็บปวด
แต่สาบานได้ ว่าโลหะสองสิ่งที่กระทบกันนั้นไม่ใช่ทอนฟากับมีดสั้นอย่างแน่นอน
ใคร!!?
“คึหึหึหึ ใช้ไม่ได้เลยนะครับประมาทแบบนี้
ถึงจะเก่งยังไงแต่คนประมาทไม่มีทางเอาชีวิตรอดในวงการมาเฟีย”
และแล้วคำตอบก็ลอยมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่แสนจะเป็นเอกลักษณ์และคำพูดแขวะเชิงเย้ยหยันไปกระตุกความอดทนต่ำๆของผู้พิทักษ์เมฆาพังทลาย
สองมือกำทอนฟาแน่นจนสั่น จิตสังหารรุนแรงแผ่กระจายด้วยบันดาลโทสะ
ไม่ผิดหรอก
ดวงเนตรสีดำสนิทกำลังสะท้อนภาพของคนที่ยืนบังเขาอยู่ข้างหน้า...
โรคุโด มุคุโร่!!!
ให้ตายสิ...ถูกศัตรูช่วยเอาไว้...
น่าสมเพชสิ้นดี!!
“ฉันฆ่าแกแน่!”
น้ำเสียงต่ำทุ้มเอ่ยลอดไรฟันอย่างเย็นเยียบตัดกับอารมณ์ภายในที่กำลังปะทุเหมือนภูเขาไฟ
แต่คนที่เขาจะฆ่าไม่ใช่ศัตรูต่างแฟมิลี่ที่พยายามจะฆ่าเขาหรอก
แต่เป็นศัตรูร่วมแฟมิลี่ที่ทะเล่อทะล่ามาช่วยเอาไว้ต่างหาก
สายหมอกวาดรอยยิ้มกว้างอย่างไม่เดือดร้อน
เขาคิดถูกแล้วล่ะที่ขอแยกกับนภาตามคนๆนี้มา
ไม่งั้นผู้พิทักษ์เมฆาอาจจะเอาชีวิตไม่รอดกลับวองโกเล่ก็เป็นได้
“อึก...พะ พวกแก” เสียงนักฆ่าลอบกัดคำราม
พร้อมค่อยๆพยุงตัวของตัวเองเผชิญหน้าสองซาตานที่ยืนอยู่
แทนที่ตอนแรกกะจะได้ชีวิตของฮิบาริ เคียวยะ กลับไปแลกกับรางวัลงามๆอยู่แล้ว
โผล่หัวมาจากไหนอีก!!!
“ไอ้พวกบุกรุก!!
พวกแกจะไม่มีทางได้กลับออกไป!!!”
หืม?
ประโยคนั้นเรียกให้คิ้วของสองผู้พิทักษ์ของวองโกเล่เลิกขึ้นพร้อมกัน
ก่อนคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีอย่างสายหมอกจะเอ่ยพร้อมกลั้วหัวเราะ
“คงไม่ได้มั้งครับ...ความจริงก็ไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นขโมยลอบเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หรอก
แต่พวกเราแค่อยากได้ของคืนเท่านั้นเองครับ”
“นายน้อยฮายาโตะไม่ใช่ของพวกแก พวกแกกำลังจะขโมยทายาทคนสำคัญของฟิลบาโลเน่!!!” อีกฝ่ายตะคอกลั่นแต่สายหมอกกลับยักไหล่ไม่ยี่หระ
“พูดไม่ถูกนะครับ ความจริงพวกคุณต่างหากที่ขโมยคนสำคัญของวองโกเล่
พวกเราในฐานะผู้เสียหายก็มาทวงคืนสิครับ
แต่เพราะว่าพวกคุณดื้อกันเองเลยต้องเจรจารุนแรงไปนิดหน่อย”
น้ำเสียงเย็นยังคงเจือไปด้วยความกวนประสาทอย่างไม่ลดละ
พลางดวงตาสองสียังชำเลืองไปทางคนเจ็บที่นอนอย่างระเกะระกะด้วยฝีมือของเมฆาเป็นเชิงประกอบ
นักฆ่าของฟิลบาโลเน่เดือดจัด
ยกขึ้นดีดนิ้วดังเป๊าะ
ทันใดนั้นนักฆ่านับสิบๆคนโผล่มากจากไหนก็ไม่รู้ยืนล้อมเมฆาและสายหมอกเป็นวงกลมจนไม่มีช่องว่างให้ผ่าน
ในมือถืออาวุธนานาชนิดจ่อใส่พวกเขาเตรียมปลิดชีพชนิดจะไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก
“พูดมากอยู่ได้ ถ้าอีกสองนาทียังไม่ฆ่าไอ้นั่นซะ
ฉันจะฆ่าแกแทน”
“อย่าใจร้อนสิครับ”
สายหมอกยิ้มหวานให้เพื่อนร่วมแฟมิลี่ที่กำลังทำหน้าเหี้ยมแกมรำคาญ
“จะว่าไปผมช่วยชีวิตคุณเอาไว้นะฮิบาริคุง ไม่คิดจะขอบคุณหรือยังไงกันครับ”
คนที่ถูกทวงหนี้นิ่งไปเล็กน้อย
ก่อนที่มุมปากจะกระตุกรอยยิ้มปิศาจร้าย
“เอาความตายแทนคำขอบคุณดีมั้ย”
สายหมอกขยับรอยยิ้มเย็นรับ
เสียงหัวเราะประหลาดประจำตัวเล็ดลอดออกมาแต่ฟังดูวังเวงน่ากลัวกว่าปกติ มือที่อยู่ภายใต้ถุงมือสีดำกระชับอาวุธคู่กายแน่นขึ้น
“คึหึหึหึ มากไปแล้วครับ ผมรับไม่ได้หรอก
เอาเป็นว่า...”
“...”
“ช่วยผมจัดการคนที่มาขัดขวางเราก็เป็นเกียรติอย่างสูงแล้วล่ะครับ”
สิ่งสองสิ่งที่มีสถานะและรูปร่างเหมือนกัน
แต่ติดอยู่เพียงทว่าล่องลอยอยู่ต่างระดับ...ไม่มีวันไหนที่จะเห็นอยู่ข้างเคียงกัน
ไม่มีวันเป็นไปได้...
แต่คิดไหม...ว่าสักวันหนึ่ง
มันเป็นแบบนั้นมา จะเกิดอะไรขึ้น...?
ก็ทั้งขมุกขมัว หนาวเย็น
บดบังมองไม่เห็นหนทางเลย ไม่ใช่หนทางธรรมดา แต่เป็นหนทางที่ชื่อว่าการรอดชีวิต...
เหมือนสายหมอกและกลุ่มเมฆานี้จะรายล้อมทางเดินราวกับความฝันนำไปสู่โลกอีกโลกหนึ่ง...
โลกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน...
ชั้นเจ็ด
ชั้นของห้องทำงานใหญ่ของบอสแห่งฟิลบาโลเน่
ตึก...ตึก...ตึก
เสียงรองเท้าหุ้มส้นดังเมื่อกระทบกับพื้นพรมชั้นดีของชั้นที่เจ็ด
ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดของคฤหาสน์หลังนี้ ผู้พิทักษ์พิรุณของวองโกเล่พยายามกดฝีเท้าให้เบาที่สุด
ถึงแม้ว่าตอนนี้รอบๆกายจะไม่มีใครเลยนอกจากเขาก็ตาม
แสดงว่าพรรคพวกที่เหลือเป็นนกต่อได้ดีทีเดียว
อยากจะขอบคุณอยู่หรอกที่มาช่วยกันพร้อมหน้าแบบนี้
แต่ต้องหลังจากอยู่พร้อมหน้ากันครบแล้วสิ!!
พิรุณจับดาบไว้อย่างมั่นคง
ดวงตาสีเปลือกไม้มองซ้ายขวาหน้าหลังอย่างรอบคอบ
เสียงการเต้นของหัวใจและลมหายใจยังคงดังเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่องในความเงียบ
น่าจะเป็นเพราะว่าชั้นนี้เป็นชั้นพิเศษถูกตัดจากโลกภายนอกด้วยเครื่องมือเก็บเสียง
ทั้งๆที่ข้างล่างลงไปสองสามชั้นยังสู้กันตึกแทบพัง
แต่ว่าชั้นนี้กลับรักษาความเงียบได้อย่างน่าอัศจรรย์
เขากำลังเหยียบถ้ำของจ่าฝูงโดยสมบูรณ์
เท้าพาเจ้าของมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้หรูแกะสลักงดงาม
ท่าทางจะเป็นห้องใหญ่พอดู
ถ้าเทียบกันแล้วคล้ายๆกับห้องประจำของนภาแห่งวองโกเล่เลยทีเดียว
หัวใจยังคงควบคุมจังหวะเดิมของมัน ไม่มีอาการสั่นหรือว่าจะเร่งเร็วขึ้น มือข้างขวากำดาบแน่นมั่นคง
ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดประตู
“เชิญ...”
เฮือก!
น้ำเสียงแหบห้าวของชายอาวุโสที่ทรงอำนาจดังผ่านมาจากหลังประตูเหมือนกับมีตาทิพย์มองเห็นว่ามีคนรอเขาอยู่หน้าห้อง
พิรุณชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะกรีดรอยยิ้มถูกใจ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หลงทางล่ะนะ
พิรุณผลักประตูให้เปิดกว้าง
ห้องภายในไม่ได้ต่างกับห้องของนภาแห่งวองโกเล่มากนัก
แต่สิ่งที่สะดุดสายตาของเขาก็คือชายอาวุโสนั่งอยู่บนเก้าอี้สักหลาดตัวใหญ่
ในมือถือแก้วชาควันลอยกรุ่น ดูใบหน้าจะเยือกเย็น มีอุดมคติและใจดี
เห็นหน้าของพ่อแล้วพิรุณก็เผลอไปคิดถึงคนเป็นลูก...ไม่ได้เหมือนกันเลยซักนิด!
“เธอ...ยามาโมโตะ ทาเคชิ
ผู้พิทักษ์พิรุณแห่งวองโกเล่” น้ำเสียงนั่นยังคงเนิบๆ
รอยยิ้มบางๆถูกส่งให้ราวกับต้อนรับแขก ซึ่งคนที่มาเยือนก็ส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน
“ดีใจครับที่ได้พบคุณ ตามหาแทบแย่”
“ขอโทษที่ทำให้ลำบาก” แก้วชาใบสวยถูกวางลงกับจาน
คิ้วเข้มๆมุ่นเข้าเล็กน้อยเหมือนสงสัยบางอย่าง
“แต่จะว่าไปฉันว่าเธอน่าจะลำบากน้อยที่สุด”
“ไม่หรอกครับ
ผมคือคนที่เหนื่อยที่สุดต่างหาก” เจ้าคนเหนื่อยที่สุดสวนทันควันพร้อมรอยยิ้มพราย
ถึงปากจะบอกอย่างนั้น แต่ว่าสภาพไม่ได้บ่งบอกว่าเหนื่อยแต่อย่างใด
มีเพียงเหงื่อที่ย้อยจากขมับถึงคางเพราะความร้อนเท่านั้น แต่เขาพูดไม่ผิดนะ
เขาอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว มาวันแรกจัดการยามไปหลายคนเปิดทางให้วองโกเล่ไปในตัว
แถมยังจะต้องคอยหลบๆซ่อนๆทั้งวันอีก ถ้ามีโบนัสพิเศษคงต้องยกให้อย่างไม่มีทางสงสัย
ชายอาวุโสหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างพิจารณา
คิดว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขานี่ท่าทางจะเก่งไม่หยอก
“อะไรที่เธอคิดว่าเหนื่อย?
บางสิ่งบางอย่างมันไม่คุ้มค่าเหนื่อยหรอกนะ
เล่นบุกรุกสถานที่ส่วนตัวของคนอื่นยามวิกาลโทษก็หนักไม่เบา
หรือถ้ารวมว่าฆ่าคนตายโดยไม่มีสาเหตุ ทำลายทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาล
ข้อหาพวกนี้สามารถทำให้พวกเธอไปนอนในคุกวินดีเช่ได้สบายๆ”
ว้าว...โทษใหญ่ใช่เล่น
พิรุณนิ่งฟังคำเย้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ
แต่ไม่ได้คิดจะกลัวแต่อย่างใดแถมยังยิ้มรับกับข้อหาอุกฉกรรจ์นั้นอีกต่างหาก
“ฮะๆๆ
ไปนอนที่วินดีเช่สักคืนก็ไม่เลวหรอกครับ แต่มุคุโร่เค้าบอกว่าที่นั่นไม่น่านอนเท่าไหร่
แต่ถ้ามีเพื่อนล่ะก็ไม่แน่...ไม่ทราบว่าลักพาตัว
กักขังหน่วงเหนี่ยวนี่เขาติดคุกกันกี่ปีครับ”
ช่างเป็นวาจาที่ชวนให้สติขาดเอาง่ายๆ
ทั้งสีหน้า น้ำเสียง รอยยิ้มเหยียดที่เย็นไม่ต่างกับฝนเดือนห้า
แต่ชายอาวุโสยังคงนิ่ง เก็บความรู้สึกได้ดีสมกับเป็นผู้ใหญ่กว่า
รอเวลานี้มานานแล้ว...ว่าแต่มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?
“เธอมาเอาตัวฮายาโตะคืน แต่ว่ามาคนเดียว
ท่าทางวองโกเล่จะไว้ใจเธอมาก”
“จะคืนให้มั้ยครับ”
ดูแล้วพิรุณไม่ได้สนใจกับคำชมนั้นเท่าไหร่ รอยยิ้มนั้นหายวับไป
มีดวงตาที่ฉายแววนักดาบและจิตสังหารอันเยือกเย็นเข้ามาแทนที่
เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าคนตรงหน้าจะเป็นถึงพ่อบังเกิดเกล้าของวายุ
ไม่สิ...คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ควรจะเรียกว่า ‘พ่อ’
ซะด้วยซ้ำไปสำหรับหมอนั่น!!
ทั้งๆที่มีโอกาสดูแล กลับละเลย...
ปล่อยให้หมอนั่นต้องทนกลายเป็นหมาป่าเดียวดายของวงการ
เที่ยวระเห็จเร่ร่อนไปขอที่คุ้มหัวตามแฟมิลี่...
น่าโมโหที่หมอนั่นต้องเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า...น้ำตาที่ไม่ใช่ของฉัน...
น่าโมโหนัก!!!
“ดูท่าเธอจะฝีมือดี ยามาโมโตะคุง
ขอฝากชื่นชมไปถึงบอสของเธอ คฤหาสน์นี้เงียบมานานแล้วตั้งแต่ฮายาโตะไม่อยู่
พวกเธอสร้างสีสันได้ดีทีเดียว...” ชายอาวุโสยิ้มกริ่ม
ดวงตาแห่งผู้มีอำนาจยังคงจ้องนักดาบหนู่มตั้งแต่หัวจรดพื้นอย่างชื่นชม
ก่อนที่จะเอ่ยประโยคต่อไปฟังหนักแน่นและจริงจัง ถึงดวงตาจะทอความขบขันอารมณ์ดี
“แต่ตัวประกอบอย่างพวกเธอถึงเวลาต้องเข้าฉากหลัง
เพราะต่อไปแฟมิลี่คงจะมีข่าวดีเร็วนี้ๆเกี่ยวกับบอสคนใหม่”
หือ...บอสคนใหม่?
พิรุณทวนในใจ
พลันดวงตาสีเปลือกไม้ก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อทราบได้ว่าบอสคนใหม่ที่ว่าจะเป็นใคร แต่เพียงไม่กี่วินาทีใบหน้าคมคายก็กลับเป็นปกติทั้งที่ในใจกำลังสับสนว้าวุ่นมากมาย
“ไม่เหมาะครับ...หมอนั่นน่ะใจร้อน
เลือดขึ้นหน้าง่าย ผมว่าจะให้ขึ้นตำแหน่งบอสมันไม่เวิร์คเท่าไหร่ ฮะๆๆๆ
จะวางตัวกัปตันทีมไม่ใช่จับน้องชายของกัปตันคนก่อนมาดำรงตำแหน่ง”
“ฉันรู้”
ชายอาวุโสพยักหน้าหงึกหงักไม่นึกโกรธที่โดนเด็กเมื่อวานซืนเทศน์
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับในมือถือไม้กระบองยาวประมาณสองเมตรได้
นับว่าเป็นกระบองที่สวยหรู หากไม่ติดว่ามีคราบเลือดเกาะอยู่ประปราย
“ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งไหนถึงจะเหมาะ?”
พิรุณขยับยิ้มเย็นกับคำถามนั้น
มือกำดาบแน่นขึ้น แหวนสีเงินรูปโล่และตราหยดน้ำมีไฟลุกพรึ่บเป็นสีน้ำเงินงดงาม
อะไรที่เรียกว่าเหมาะ?
คำตอบของเขาอาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะ
ความจริงสิ่งที่เหมาะที่สุดคือวายุที่เคียงข้างพิรุณ
อยากจะตอบอย่างนั้นอยู่หรอก...
แต่ตอนนี้จะยอมเอาส่วนรวมก่อนก็ได้
เพราะไหนๆหมอนั่นก็เป็นสิ่งที่สำคัญ สำคัญเหนืออื่นใด...
“วายุของวองโกเล่”
ชั้นห้า
ห้องเก็บตัวพิเศษของนายน้อยแห่งฟิลบาโลเน่
เสียงระเบิดกัมปนาท
การสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียงร้องระงมของเหล่าบรรดามาเฟีย
กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
ศึกย่อมๆของผู้เหล่าพิทักษ์วองโกเล่และมาเฟียนับพันของฟิลบาโลเน่
เหตุการณ์กำลังคุกรุ่นอยู่ภายนอก
แต่ทว่ามีร่างเพรียวบางร่างหนึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงหรู
เหมือนโดนตัดขาดจากบรรยากาศข้างนอก เปลือกตาหลับพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
ดวงหน้าสวยหวานเจือไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย
จะหลับให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้...
ไม่อยากตื่น ไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้อะไร
ไม่อยากรับรู้ถึงความห่วงใยอาทรของเหล่าวองโกเล่...
ไม่อยากรับรู้ผลในศึกครั้งนี้...
ไม่อยากรับรู้ความเป็นจริงเมื่อตื่นขึ้นมา...
และเขาไม่อยากรับรู้...
ว่ามีคนๆหนึ่งกำลังต่อสู้เพื่อเขาอยู่...
TBC…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น