Project : Happy
birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059
[Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง
ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย
สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก
Miyaจ้ะ *v*
SKYFALL : 05
เขาควรจะฉุกใจคิดว่าคำพูดของนักธุรกิจมันต้องหารล้าน!
โดยเฉพาะคำพูดของซีอีโอแห่ง
The
Best ที่ลือลั่น มันยิ่งหาความน่าเชื่อถือไม่ได้เลย!
โกคุเดระ
ฮายาโตะมองภาพเบื้องหน้าตัวเองแล้วอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ เมื่อห้องอาหาร The Grill ที่เป็นจุดนัดรับประทานอาหารค่ำของผู้เข้าร่วมประมูลทุกคน ซ้ำยังเป็นห้องปิดพิเศษที่ทางเดเมียนจัดเตรียมไว้ตอนนี้มีแขกนั่งอยู่สองข้างโต๊ะจนแน่นเอี๊ยด
เหลือเพียงแค่สองที่นั่งที่ค่อนข้างจะหัวโต๊ะพอควร
และเจ้าของที่นั่งทั้งสองคนก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่
ฮะ!...เด่น!
เด่นสมใจเลย
แล้วเจ้าคนอยากเด่นมันก็ยังทำสีหน้านิ่งๆเท่ห์ๆแบบไม่เจ็บไม่คันอะไรสักนิดเดียว
ก่อนจะดึงแขนของเขาให้นั่งลงกับเก้าอี้เป็นเชิงว่าเราสองคนไม่ผิดอะไรทั้งนั้น
นี่ก็ตามเวลา...ความจริงมันก็ถูกของท่านประธานยามาโมโตะ เขาทั้งสองคนไม่ได้สาย เพราะนี่มันเวลาห้าโมงห้าสิบห้า
แต่ถึงอย่างนั้นการที่เขาทั้งสองคนมาเป็นคู่สุดท้ายมันก็พอที่จะลบข้ออ้างที่เหลือห้านาทีได้แล้ว
และก็เหมือนเดิม
สายตาของพวกพ่อค้าระดับโลกที่มองมาทางเขามันก็ชวนกระอักกระอ่วนใจ
แม้ไม่ได้มีรอยตำหนิรุนแรงเหมือนอย่างเมื่อตอนเย็น แต่มันก็เพิ่มความสงสัยเข้ามาแทนว่าทำไมเครือโกคุเดระและเครือยามาโมโตะ
ที่เพิ่งจะฉีกสัมพันธ์กันไม่นานมานี้ถึงมาด้วยกันอีกแล้ว และมันอาจมีกระแสความอิจฉาจากพวกบรรดาลูกสาวประธานบริษัทอื่นด้วย
พวกเจ้าหล่อนคงหาข้อสรุปได้ก่อนพ่อแม่ของตัวเองว่าเขาสองคนนอนด้วยกัน
...ยอดเยี่ยมมาก
แต่ดูเหมือนจะมีดวงตาอีกหนึ่งคู่ที่เพิ่มมาใหม่....และไม่เหมือนใคร....ซ้ำโกคุเดระก็เพิ่งได้สบกับเขาอย่างจังทันทีที่นั่งลง
“ขอแนะนำให้ทั้งสองท่านได้รู้จัก
นี่ลูกชายผม...แดชีลล์ เลอรอยด์”
สิ้นสุดประโยคแนะนำตัวดวงตาสองคู่ของผู้มาใหม่ก็เบิกขึ้นนิด
ประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือ เจ้าของเบธิลด์ ทาวเวอร์มีทายาทด้วยเหรอ
และนั่นทำให้ท่านประธานสายการบินต้องหรี่ตามองคนเบื้องหน้าอีกครั้ง
เห็นแค่แว้บแรก
โกคุเดระ ฮายาโตะก็หาคำสรุปได้เลย...
หมอนี่น่ะ....โคตรหล่อ
เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีน้ำตาลอ่อน
ดวงตาคมเรียวสีฟ้าอมเทานั้นบ่งชัดว่าเขาไม่มีเชื้อสายตะวันออกเลยแม้เพียงเสี้ยว
มองทั้งโครงหน้าคมคายและรูปร่างสูงสง่าแล้วเขาให้อารมณ์ประหนึ่งนายแบบถอดจากปกนิตยสารท่านชาย
เสียดายก็แต่สายตาของเขาเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยความฉลาดเฉพาะเรื่องที่ช่างเหมาะสมกับโต๊ะประธานบริษัทมากกว่าพรมแดงแคตวอล์ค
คำนวณจากสายตาแล้วแดชีลล์น่าจะแก่กว่าเขาสักประมาณห้าปี
ชนิดเรียนจบใหม่ๆ ทำงานหมาดๆ แต่อย่างน้อยภาพลักษณ์ดูเป็นผู้ใหญ่ภูมิฐานไม่แพ้พ่อก็ทำให้เขาคือคนวัยทำงานโดยแท้จริง
ไม่ใช่เด็กโกงอายุเหมือนพวกเขาสองคนนี่!
แต่ที่ทำให้ท่านประธานแห่งเครือโกคุเดระเบิกตาตะลึงไม่ใช่เรื่องที่หมอนี่หล่อ
เท่ห์ จนคิดว่าเดเมียนจ้างดารามาร่วมงานประมูลเป็นของสมนาคุณเล็กๆน้อยๆ
ที่เขาสงสัยคือ...เดเมียนมีลูกชายแบบนี้ด้วยเหรอ....
“ยินดีที่ได้พบ...สักที”
เสียงนุ่มทุ้มฟังสบายหูเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่ฟังคำว่า ‘สักที’
แล้วหางคิ้วของท่านประธานโกคุเดระถึงกับกระตุก...นี่คงไม่ได้โดนหลอกด่าอยู่ใช่มั้ย
“ใช่...ยินดีที่ได้พบสักที
นายไม่รู้หรอกว่าฉันรอวันนายหย่ากับข้าวมหา’ลัยนานแค่ไหน....แดช”
คำทักต่อกลับดังมาจากเด็กหนุ่มร่างสูงพร้อมกับรอยยิ้มพร่างพรายทว่าดูอันตรายเสียจนโกคุเดระเองยังอดขนลุกแปลกๆไม่ได้
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่มาคิดเรื่องนั้น
เมื่อกี้...ยามาโมโตะคุยกับผู้ชายตรงหน้านี่...แถมยังเหมือนสนิทสนมกันดี...
แล้วชื่อที่เรียกนั่น....ชื่อเล่น?
อย่าบอกนะว่า...
“เพื่อนสนิทสุดๆสมัยป.ตรี”
เหมือนยามาโมโตะจะรู้ว่าเขาสงสัยเรื่องอะไรเลยตอบให้โดยไม่ต้องรอคำถาม
แล้วคำตอบนั้นเรียกเสียงฮือฮาทั้งโต๊ะได้ไม่ยาก ยามาโมโตะคลี่ยิ้มมุมปากแล้วว่าต่อ
“ตอนนั้นหาคนคบไม่ค่อยได้...เลยได้หมอนี่มา”
ฟังเหตุผลของคนหาเพื่อนยากแล้วแดชีลล์ถึงกับเลิกคิ้วสูงแล้วหัวเราะในลำคอ
เป็นคนที่โกคุเดระต้องแอบซูฮกอีกคนว่าโดนเจ้าของ The Best แย็บเข้าให้แล้วพ่อคุณยังอารมณ์เย็นได้เหมือนปกติ
ถ้าเป็นคนเลเวลไม่ถึงคงได้วางมวยกันกลางโต๊ะไปแล้ว
แถมยังต่อหน้าแขกเป็นสิบและพ่อตัวเองด้วย
แต่ดูเหมือนเพื่อนเกลอที่ไม่ได้เจอกันมานานจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย
“ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้เด็กโข่งอายุสิบสี่มาเป็นเพื่อนเหมือนกัน....นายก็ไม่รู้หรอกว่าฉันต้องทนตอบคำถามคนอื่นแค่ไหนที่พวกเขาหาว่าพ่อฉันไปมีชู้เป็นคนญี่ปุ่น
แล้วเอาน้องต่างแม่มานั่งเรียนในคลาสด้วย”
“งั้นฉันก็โชคดีแล้ว
ที่ได้เป็นแค่พี่น้องชู้ของนาย”
“แต่เป็นโชคร้ายของฉัน...ที่ถูกทักว่ามีนายเป็นน้องชู้”
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสตอบกลับเสียงเรียบ
คำโต้ตอบอย่างฉับไวแถมฟังดูแรงไม่น้อยทำให้คนฟังทั้งโต๊ะอ้าปากค้าง ในขณะที่โกคุเดระขมวดคิ้วฉับ
ไม่ใช่นึกเคืองแทนท่านซีอีโอ The Best ผู้ยิ่งใหญ่ที่โดนกัดเหวอะหวะแต่เป็นสิ่งที่โกคุเดระอ่านได้จากนิสัยบางอย่างของทายาทเบธิลด์
ทาวเวอร์คนนี้มันทำให้เขาสนใจขึ้นมา.....
เยือกเย็น สุขุม
ฉลาด ยอมอ่อนยอมงอแต่ไม่ยอมถอย เข้าถึงได้ง่ายแต่รู้ใจได้ยาก
บรรยากาศที่อยู่รอบตัวน่าเชื่อถือแต่ก็ไม่น่าไว้วางใจในทีเดียวกัน....คุณสมบัติชั้นพรีเมี่ยมของนักธุรกิจเต็มเปี่ยม
และดูจากมหาวิทยาลัยที่จบที่เดียวกันกับยามาโมโตะแล้ว...ศักยภาพของหมอนี่สูงไม่ใช่เล่น
แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้จัก....แล้วทำไมไม่เคยเห็นหน้า
ทั้งๆที่โลกธุรกิจชั้นนำมันก็แคบพอๆกับยอดปิรามิด
พลันข้อสงสัยข้อแรกก็วกกลับเข้ามาในหัวของโกคุเดระ
ฮายาโตะอีกครั้ง
เดเมียน...มีลูกชายแบบนี้ด้วยเหรอ?
หลังจากฟังกติกาการประมูลแล้วได้คร่าวๆว่าหุ้นส่วนเบธิลด์
ทาวเวอร์ที่เขาจะชิงกันนี้เป็นสาขาหลักในกรุงปารีสที่เพิ่งจะเพิ่มเติมสวนลอยฟ้าไว้ที่ชั้นสูงสุด
เป็นหุ้นส่วนแบบจำกัดรับความผิด1ที่ชนิดว่าเหมาะสมการลงเงินประมูลในวันพรุ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินหลักว่าใครจะได้เบธิลด์
ทาวเวอร์ไป
เล่นเอาพวกข้อเสนอหรือจุดเด่นของธุรกิจผู้เข้าแข่งขันกลายเป็นพระรองไปถนัดตา
นอกเหนือจากนี้ทางเบธิลด์
ทาวเวอร์ยังคิดจะขยายกิจการไปที่นิวยอร์ก
ซึ่งนับว่าเป็นการออกขยายพื้นที่ทางธุรกิจออกนอกยุโรปเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
และผู้ที่จะดูแลสาขาใหม่แกะกล่องนี้ก็คือแดชีลล์ เลอรอยด์
พูดถึงหมอนี่แล้ว...โกคุเดระอยากจะหาเวลาคุยด้วยจริงๆ
ทำยังไงดี....ให้ยามาโมโตะนัดให้จะดีไหม
“ยินดีที่ได้พบ...”
ไม่รู้ว่าพระเจ้าได้ยินหรือยังไง
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นข้างหลังจนทำให้มือบางเกือบปล่อยเค้กชิ้นโตร่วงจากจาน
แล้วหมอนี่ลุกจากโต๊ะเดินตามเขามาหยิบของหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เรื่อง
....แถมสำเนียงของเขายังเป็นอเมริกันจ๋าทั้งๆที่เมื่อกี้ยังพ่นไฟเป็นอังกฤษออริจินัลกับยามาโมโตะอยู่เลย
“ยินดีที่ได้รู้จัก...เลอรอยด์”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นกับคำเรียกท้ายประโยค แล้วยิ้มออกมาบางๆแถมยังสังเกตได้ยากพอกับรอยยิ้มประหลาดเมื่อกลางวันของเจ้ายามาโมโตะก็เถอะ
แต่เขาก็ยิ้มออกมาจริงๆ
“นายเรียกฉันแดชีลล์ก็ได้...ที่นี่มีเลอรอยด์ตั้งสองคน”.....อ่า
ถูกเผงตามที่เขาเดา หมอนี่ทำตัวเข้าถึงได้ง่ายเป็นบ้า
“ไม่เป็นไร...เพราะคนที่ฉันคุยด้วยตอนนี้ก็มีแค่เลอรอยด์คนเดียว...อีกอย่างนายแก่กว่าฉัน แถมฉันไม่ได้เป็นเพื่อนเด็กโข่งของนายเหมือนยามาโมโตะด้วยสิ”โกคุเดระว่าต่อแถมไหวไหล่เบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ ซ้ำรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏบนใบหน้าเรียวสวยยังทำให้คนมองเผลอนิ่งไปชั่วครู่ และคิดถูกแล้วที่เดินตามร่างบางนี้มาเพื่อจะทักทาย เพราะคำพูดเมื่อกี้ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสยังอดยอมรับไม่ได้ว่าท่านประธานที่เด็กที่สุดของงานคนนี้มีวิธีตอบได้น่าสนใจ
ปกป้องทั้งตัวเองและคู่แข่ง
เหมือนจับต้องยาก...แต่อยู่ใกล้แล้วสบายใจ
ไม่มีบรรยากาศกดดันเหมือนพวกตาแก่กระหายเงินบนโต๊ะนั่น แต่สายตาของเด็กหนุ่มคนนี้...กลับเหมือนกำลังมองเขาอยู่อย่างทะลุปรุโปร่ง
ให้ตายสิ....
“นายนี่มัน...น่าสนใจจริงๆด้วย”
ประธานแห่งเครือโกคุเดระเลิกคิ้วสูงกับคำชมตรงไปตรงมา แล้วชมกลับซื่อๆ
“นายเองก็น่าสนใจ”
“หือ...นายสนใจฉัน?”
“ใช่สิ”
คนถูกถามรับง่าย แถมในดวงตาคู่สวยยังมีประกายซื่อตรงว่าเขาพูดจริงไม่ได้ล้อเล่น “อยู่ดีๆก็มีคนหน้าตาดีขั้นเทพอย่างนายมาโผล่กลางโต๊ะอาหาร
มันจะไม่น่าสนใจได้ไง แล้วนายไม่เห็นสายพวกคุณหนูที่นั่งอยู่นั่นเหรอ...โห...เล่นเอารอยพรุนบนตัวยามาโมโตะลดไปได้เป็นกอง
ถ้าพวกหล่อนยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปนายได้ คงทำไปแล้ว”
หา...?
ชายหนุ่มถึงกับอุทานในใจ
ดีที่มันไม่หลุดออกมาจากปาก
โกคุเดระ
ฮายาโตะนับว่าเป็นคนที่สองต่อจากประธานแห่ง The Best ที่ทำให้เขาอึ้งสองครั้งติดในวันเดียว
เด็กคนนี้บอกว่าเขาน่าสนใจเพียงเพราะหล่อเนี่ยนะ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะอึ้งเลย
เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกแน่ที่มีคนมาประทับใจกับรูปร่างหน้าตาของเขา...แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมันง่ายๆขนาดนี้
ไม่มีรอยอึกอักเก้อเขินจนน่ารำคาญเหมือนเวลาพวกผู้หญิงจะชม
ชัดเจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ แถมยังฟังดูจริงใจเสียจนสมเป็นคำพูดของเด็ก
นั่นล่ะมั้ง...ที่มันสะกดสายตาเขาได้...
“นั่น....ก็เป็นสิ่งที่ได้มาแต่เกิด
ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่หรอกที่ถูกชมน่ะนะ...” หลังจากเงียบไปสักพักทายาทแห่งเบธิลด์
ทาวเวอร์แค่นหัวเราะหึ แล้วถ้าหากโกคุเดระฟังไม่ผิดมันคลับคล้ายว่ามีความไม่พอใจนิดๆอยู่ในน้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นด้วย
“แล้วนายล่ะ..ที่ฉันบอกว่านายน่าสนใจ
อยากให้เป็นเรื่องหน้าตาหรือเปล่า”
“เอ่อ...ไม่”
ปฏิเสธทันทีที่โดยไม่ต้องคิด เขาส่องกระจกทุกวันเขารู้อยู่
โดนอาเจ๊จิกทุกวันจนตระหนัก เชื่อขนมกินได้ว่าคนตรงหน้าไม่มีวันชมเขาว่า ‘หล่อ’
แน่ๆ “....คิดว่าไม่...นะ”
“นั่นสิ...ดูนายไม่ค่อยอยากฟังเท่าไหร่”
แดชีลล์พยักหน้ารับยิ้มๆ “แต่สบายใจได้ ที่ฉันบอกว่านายน่าสนใจ
เพราะอยู่ดีๆก็นัดพวกพ่อค้าระดับโลกพวกนั้นไปรวมตัวกันที่เลาจ์
ปล่อยให้พวกเขารอสักสิบห้านาที
แล้วสุดท้ายก็โผล่เข้ามาพร้อมกับเจ้าของเครือยามาโมโตะแล้วเสนอไปตรงๆว่าขอเลื่อนงานประมูล
อ้อ!
มีของกำนัลเล็กๆน้อยไม่ให้พวกคนแก่โมโหด้วย”
“อ่า...”
ใบหน้าสวยเจื่อนไป ฟังวีรกรรมเมื่อตอนเย็นของตัวเองแล้วชักกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ที่น่าขนลุกแล้วชวนเสียวสันหลังวาบก็เพราะมันถูกเล่าเป็นฉากๆจากแดชีลล์
เลอรอยด์ผู้ที่ไม่อยู่ในสถานการณ์แม้แต่วินาทีเดียว
“ฉันทำไปเพราะมีเหตุผล”
“เหตุผลที่ว่าอยากรู้จักพวกผู้เข้าร่วมประมูลให้มากขึ้นนั่นน่ะเหรอ”
ปลายเสียงทุ้มสูงขึ้นเล็กน้อยบอกความไม่เชื่อเล่นเอาหัวใจของคนฟังกระตุกวาบ
ซ้ำเมื่อมองไปในดวงตาคมสีฟ้าอมเทานั่นโกคุเดระรู้สึกได้เลยว่าความคิดของคนตรงหน้าไปไกลชนิดอาจจะดักทางเขาได้แล้ว
เท่านั้นความรู้สึกที่ไม่ได้มีมานานก็เข้ากอบกุมจนหัวใจมันฟ้องโดยการเต้นเป็นจังหวะถี่เร็ว
เหงื่อชื้นมือเขาต้องจับจานเค้กให้แน่นขึ้นเผื่อว่ามันจะร่วงอีกสักรอบ
“จะบอกว่าที่นายลงทุนขอ
มีวัตถุประสงค์เท่านั้น” บ่งชัดว่าเป็นคำถามไม่ใช่บอกเล่าซ้ำยังเป็นการคะยั้นคะยอให้ตอบอย่างชัดเจน
ยิ่งทำให้ร่างบางต้องลอบเม้มริมฝีปากนิดเพื่อบรรเทาความแห้งผาก
ถึงวินาทีนี้ประธานแห่งเครือโกคุเดระยอมรับเลยว่าเขาประเมินคนตรงหน้าต่ำไป
ดวงตาคมที่จ้องมาที่เขาไม่วางตานั่นมันบ่งชัดว่าจะไม่ล้มเลิกไปง่ายๆจนกว่าจะมีคำพูดหลุดจากปากเขาสักคำ....
พวกกัดไม่ปล่อย
ดีไม่ดี...เล่นยากกว่ายามาโมโตะซะอีก......
ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งและนาน
บรรยากาศเงียบเชียบทว่ากดดันจนแม้แต่ยืนยังทำได้ยากทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้นวินาทีต่อวินาทีจนไม่อาจผ่อนคลายได้
เหมือนกับให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความอดทน แต่พลันความรู้สึกทั้งมวลก็มลายหายไป
กลับตาลปัตรทันทีเมื่อชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสยิ้มบางเหมือนที่เขาได้เห็นตอนแรกออกมา ท่าทีสบายๆราวกับว่าเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงการเล่นกล
ท่าทีที่เปลี่ยนอย่างปุบปับทำให้โกคุเดระรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
“นาย...คงจะคิดอย่างนั้นจริงๆนั่นล่ะ
โกคุเดระ ฮายาโตะ”
คนๆนี้....
“เอาล่ะ....เอาไว้คุยกันดีๆทีหลังดีกว่า...และหวังว่าจะได้เป็นที่โต๊ะผู้บริหารของเบธิลด์
ทาวเวอร์”
คำอวยพรอย่างสุภาพพร้อมกับมือเรียวแข็งแรงที่ยื่นออกมาแสดงความเป็นมิตรทำให้คนอ่อนวัยกว่าต้องสูดหายใจลึกเพื่อปรับอารมณ์
แล้วยิ้มออกมาบ้างตามมารยาทเป็นเชิงขอบคุณ
และมือเรียวบางเตรียมจะยื่นออกไปสัมผัส....
“นายไม่มีสิทธิ์!”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบกร้าวดังขึ้นข้างหลังทายาทเบธิลด์
ทาวเวอร์จนทั้งคู่ต้องชะงักมือค้างกลางอากาศ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ท่านประธานแห่งเครือยามาโมโตะมายืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ดวงหน้าคมคายนั้นบ่งชัดว่าไม่สบอารมณ์
ซ้ำดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้นั้นยังดูมืดมนกว่าปกติ...สีหน้าที่แม้แต่โกคุเดระที่รู้จักกับยามาโมโตะมาสิบปีก็ไม่เคยเห็น...
แต่ใครบางคนก็รู้อยู่แล้ว....ว่ามันต้องเป็นแบบนี้
“อะไรที่ว่าไม่มีสิทธิ์”
คำถามนั้นเหมือนจงใจยั่วเย้ามากกว่าอยากรู้จริงๆ ไม่สนสายตาดุดันที่นานๆทีจะปรากฏ
ร่างสูงสง่าของท่านประธานแห่ง The Best เดินเข้าใกล้ทั้งคู่อีกนิดแล้วชำเลืองมองร่างบาง
กระซิบบ่นในใจว่าจบงานนี้เขาไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่!
“ก็ตามตัวนี่...ไม่เห็นต้องแปล
ไม่แน่ว่าเครือโกคุเดระจะได้เบธิลด์ไป อย่างน้อยก็ฉันคนนึงที่ไม่ยอมง่ายๆ”
“เป็นเกียรติสุดๆเลย
ที่นายอยากได้กิจการฉันขนาดนั้น” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
อาการกวนประสาทเฉพาะตัวที่ยามาโมโตะมองรู้ว่ามันจงใจกระพือไฟในใจเขาให้โหมอีกระลอก
“แต่ถ้าคิดอย่างนั้นจริง....นายตกคำว่า
‘ยัง’ ไปนะ ยามาโมโตะ”
ดวงตาคมหรี่ลงทันทีที่จบประโยค
หมอนี่คงจะหมายถึงคำพูดที่เขาแทรกทะลุกลางปล้องก่อนที่มันจะถูกเนื้อต้องตัวโกคุเดระ
แต่ร่างสูงก็ไม่คิดจะเอ่ยแก้ใดๆ
ในเมื่อนั่นก็ตรงตามความคิดของเขาแล้ว....อะไรที่คนอื่นไม่มีสิทธิ์
มันก็คือไม่มีสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือภายภาคหน้าก็ตาม
สิทธิ์ที่เป็นของเขา....ของเขาคนเดียว....
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสคลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้วหันมาทางท่านประธานร่างบางอีกครั้ง
แม้สายตาจะกล่าวคำอำลา แต่ริมฝีปากที่ขยับน้อยๆนั้นมันอ่านได้ชัดเจนว่า ‘เรื่องจับมือ...เอาไว้วันหลัง’
แล้วเขาก็เดินกลับไปร่วมโต๊ะกับบรรดาแขกตามปกติ
ไม่สนใจ ไม่อธิบาย ไม่เหลียวแล แถมยังไม่รับผิดชอบอีกด้วย
อ่า....ตอนนี้โกคุเดระรู้แล้ว
ว่านอกจากหมอนั่นจะหล่อขั้นเทพ ฉลาดและมีไหวพริบสูง
หมอนั่นยังมีนิสัยแย่แบบประหลาดๆ
แดชีลล์
เลอรอยด์เป็นจอมวางระเบิดตัวยงเลย
หมอนั่นทิ้งยามาโมโตะตอนอารมณ์ไม่ปกติไว้กับเขา!
ไม่ใช่กลัว! แต่ไม่รู้จะรับมือยังไง
ก็บอกไปแล้วว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้
แล้วเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจด้วยซ้ำว่าหมอนี่อารมณ์บูดเรื่องอะไร
เรื่องที่เขามาคุยกับเพื่อนของตัวเองแบบไม่บอกไม่กล่าว...เรื่องที่บอกว่าแดชีลล์ไปแย่งสายตาสาวๆมา
เรื่องที่เขาจะแย่งเบธิลด์ไปจากมือ หรือเรื่องไหน
ใครมันจะไปรู้!
“อะ...อะไรของนาย”
เสียงสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นเอ่ยลองเชิงถามไปก่อน
แต่ใบหน้าถมึงทึงนั่นไม่ลดดีกรีความดุลงเลย
ซ้ำยังไม่มีคำตอบนอกจากร่างสูงสง่ายังเดินเข้าใกล้เขาเรื่อยๆ
และโกคุเดระก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากถอยหลังไปเรื่อยๆ
จนสุดท้ายแผ่นหลังบางก็ติดกับโต๊ะวางเบเกอรี่หลากชนิด
“หาเพื่อนคุยได้ดีไปหน่อยนะ...โกคุเดระ”
น้ำเสียงทุ้มพร่าดังขึ้นเหนือศีรษะพร้อมลมหายใจอุ่นๆทำให้ใจของคนฟังเต้นรัวอย่างไม่รู้สาเหตุจนเหมือนว่าเหตุการณ์มันซ้อนทับกับเมื่อตอนอยู่ในห้องไม่ผิดเพี้ยน
แขนแกร่งสองข้างเท้าลงกับโต๊ะตัวยาวข้างหลังเขาช่วยลดระดับความต่างของส่วนสูงได้ดีเยี่ยม
แต่ขอโทษที่ไม่ไม่ได้เป็นผลดีกับท่านประธานแห่งโกคุเดระเลย
เมื่อปลายจมูกโด่งนั้นเลื่อนระดับลงมาจนถึงหน้าผากเขา ความใกล้ชิดที่ไม่คุ้นชินมันยิ่งจะทำให้เขาเป็นบ้า!
แถมนี่มันก็ริมห้องอาหารหรูๆ
ถึงจะเป็นริมห้องก็เถอะ ก็สถานที่สาธารณะ!? เขาไม่รู้ว่ายามาโมโตะตั้งใจจะทำอะไร
แต่เอาหัวแม่โป้งคิดมันก็ไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ตามข้างถนนแน่ๆ
แล้วถ้าจะทำขึ้นมาจริงๆ
คิดคนอย่างท่านประธานแห่ง The
Best สนสายตาคนอื่นมั้ย คำตอบก็คือ ไม่!
“ถะ
ถอยออกไปก่อนได้มั้ยเล่า! แล้วจะเล่าให้ฟัง” ไม่มีคำตอบรับจากคนถูกสั่ง
แต่ระยะห่างและสัมผัสของลมหายใจนั้นห่างออกไปแต่ร่างกายก็ยังคงใกล้ชิดเหมือนเดิม....นี่ถอยแล้วใช่มั้ย
ขอบคุณมาก!
“ตกลงว่ายังไง...”
ร่างสูงถามย้ำ น้ำเสียงที่ฟังดูน้อยใจก็ไม่ใช่โกรธก็ไม่เชิงยิ่งทำให้ใบหน้าเขาร้อนหนัก“จำเป็นมากเหรอที่ต้องคุยกับหมอนั่นน่ะ”
“ก็จำเป็นอยู่....สัญชาตญาณฉันมันบอกว่าหมอนั่นไม่ธรรมดา”
“แน่ล่ะ...เขาเป็นถึงรองประธานของเบธิลด์
ทาวเวอร์ นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงดีกรีเกียรตินิยม เจ้าของกิจการทั่วโลกต่างจับตามองเขากันทั้งนั้น
เผลอๆอาจมากพอๆกับฉันและนาย”
“ไม่ใช่”
ร่างบางปฏิเสธ
รอยกังวลฉายชัดบนใบหน้าอย่างที่นานๆทีจะเห็นพร้อมกับริมฝีปากที่เม้มสนิทเหมือนคิดหนัก
ยามาโมโตะเลิกคิ้วกับอากัปกริยานั้น ก่อนจะยอมถอยออกมาเพื่อรับฟัง เพราะถ้าคนอย่างโกคุเดระคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยาก...มันก็คงจะยุ่งยากจริงๆ
“หมอนั่นรู้จักฉัน...”
ดวงตาสีมรกตมองลอบมองตรงไปที่ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่นั่งอยู่เกือบหัวโต๊ะไกลๆ
แล้วย้ำทีละคำอีกครั้งแผ่วเบาจนราวเป็นเสียงกระซิบ “เป็นอย่างดีด้วย”
ใช่...ที่เขานึกเฉลียวใจก็เพราะสำเนียงของแดชีลล์
หมอนั่นเป็นคนฝรั่งเศส ซ้ำยังไปเรียนที่อังกฤษ
ดังนั้นต้องชินกับสำเนียงอังกฤษแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
ขนาดพูดกับยามาโมโตะก็ยังดูปกติ แต่กับเขาหมอนั่นกลับพูดอเมริกันออกมา
ถ้าเป็นคนที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก แล้วพอรู้มาบ้างว่าเขาเป็นอดีตหุ้นส่วนกับยามาโมโตะ
ซ้ำยังมีเรื่องความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาตั้งสิบปี
ถ้าจะเดาก็ต้องเดาว่าเขาไปเรียนอังกฤษเหมือนยามาโมโตะ...ไม่ใช่อเมริกา
เดี๋ยวนะ....
ถ้าเป็นคนที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกงั้นเหรอ....
นั่นสิ...เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่ประโยคแรกของแดชีลล์แล้ว
หมอนั่นเล่นพูดตั้งสองรอบ
‘ยินดีที่ได้พบ...’
หมอนั่นรู้ประวัติเขา...ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
แล้วรอ....ที่จะได้พบหน้าเท่านั้นเอง
“สรุปว่านอกจากหมอนั่นชื่ออะไร
เชื้อชาติอะไร จบจากไหน ที่บ้านทำงานอะไร สเป็คผู้หญิงเป็นแบบไหน
นายไม่รู้อะไรอีกเลยงั้นเหรอ!” ร่างบางโวยวายใส่เขาอย่างผิดหวังจัดหลังจากที่เข้ามาในห้องแล้วใส่กลอนสนิท
คำถามแรกที่โกคุเดระถามเขาก็คือเขารู้จักแดชีลล์
เลอรอยด์คนนั้นถึงตับไตไส้พุงเลยหรือเปล่า ซึ่งเขาก็ได้ตอบเท่าที่รู้ไปหมดแล้ว
แทนคำขอบคุณก็ได้เสียงแหลมๆกับหน้าเหวี่ยงๆมานี่แหล่ะ
ความจริงคนที่ควรจะหงุดหงิดน่ะ...มันคือเขาต่างหาก....
คิดว่าที่เขาต้องมานั่งมองคนตรงหน้าทำท่ากระฟัดกระเฟียดเพราะอยากรู้จักผู้ชายคนอื่นมากมายขนาดนี้...เขาไม่ต้องทนเลยใช่ไหม...แล้วนี่ยังไม่นับคดีเก่าที่ไปยืนคุยอะไรไม่รู้กับหมอนั่นอยู่ตั้งนานสองนานจนกระทั่งไม่รู้สึกตัวว่าเขามองอยู่...คิดว่าเขาไม่โกรธเลยงั้นเหรอ
“ไปหาเอาจากกูเกิ้ลยังน่าจะได้มากกว่านี้เลย”....นั่น
ยังมาทำเป็นบ่น
“กูเกิ้ลก็ได้พอๆกับฉันนี่แหล่ะ
ดีไม่ดีอาจจะไม่มีสเป็คผู้หญิงก็ได้” ท่านประธานแห่ง The Best แย้งก่อนจะแจงเหตุผล “นายคิดว่าคนอย่างหมอนั่นยอมเผยไต๋เรื่องส่วนตัวให้คนอื่นรู้ง่ายๆรึไง
ยิ่งรู้ว่าเป็นคนพันธุ์เดียวกันแล้วเป็นไปไม่ได้ใหญ่ อีกอย่างฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะไปรู้เรื่องส่วนตัวของหมอนั่นด้วย”
“แต่ตอนนี้ถ้าเรารู้เรื่องส่วนตัวของหมอนั่นมันยิ่งจะทำให้เราทำงานง่าย
เพื่อนนายจะเป็นมิตรหรือศัตรู....ภูมิหลังของเขาจะเครื่องตัดสิน”
“ทำไม”
ยามาโมโตะถามต่อ
“นอกจากหมอนั่นจะรู้จักฉันดีแล้ว....เขายังรู้มากกว่านั้นน่ะสิ”
โกคุเดระตอบทันที
แล้วจะก้าวเท้าไปนั่งที่โซฟาตัวตรงข้ามกับคู่สนทนาเพื่อให้มันสื่อสารได้ง่ายขึ้น
แต่ไม่ทันที่จะก้าวได้สักก้าวสบสายตามีเลศนัยของเจ้าของห้องอีกคนแล้วทำให้เขาขมวดคิ้วฉับ
ก้มลงมองเท้าตัวเองแล้วเกือบร้องจ๊ากออกมา
เท้าเขาจะก้าวผ่านเส้นเทปกาวที่ตัวเองเป็นคนตีไว้อยู่แล้ว...ลืมไปซะสนิทว่าโซฟาก็อยู่ฝั่งหมอนั่น!
ท่านประธานสายการบินส่งสายตาเขียวปั้ดไปให้คนที่กำลังนั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีจัด
ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งบนเตียงฝั่งตัวเอง สูดลมหายใจแล้วเอ่ยถาม
“นายได้ยินที่หมอนั่นพูดกับฉันหรือเปล่า
ประโยคสุดท้าย....ไม่สิ รองสุดท้าย”....แล้วก็ไม่นับทางสายตา เงื่อนไขข้อพิเศษที่โกคุเดระเลือกที่จะไม่พูดมันออกไป
แถมยังรู้สึกตงิดๆ หวิวๆแปลกๆ เมื่อเขายังเห็นว่ายามาโมโตะยังไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
ถึงเขาจะไม่ทราบสาเหตุที่มันแน่ชัดนัก
แต่เลี่ยงเรื่องที่แดชีลล์พยายามติดต่ออะไรบางอย่างกับเขามันจะดีที่สุด
อีกอย่างมีตัวหมากโผล่มาให้วิเคราะห์อีกคนแบบนี้ งานอะไรยุ่งยากก็ควรจะตัดออกไป
ท่านประธานแห่ง The Best นิ่งคิดไปสักพักก่อนจะค่อยๆพูดออกมาทีละคำเหมือนท่องหนังสือ
“นาย...คงจะคิดอย่างนั้นจริงๆนั่นล่ะ
โกคุเดระ ฮายาโตะ?” หางเสียงบ่งความไม่แน่ใจนัก แต่โกคุเดระก็พยักหน้ารับ
“ใช่...นายรู้มั้ย
ว่าฉันมาคิดดูดีๆแล้ว หมอนั่นไม่ได้คิดจะปล่อยฉันไปหรอก
แล้วที่เขาตัดบทแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเชื่อเรื่องที่ฉันกุด้วย...”
โกคุเดระเม้มปากเมื่อนึกถึงสายตาของชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่มองมาพร้อมๆกับที่เขาพูดประโยคนั้น....สายตาที่โกคุเดระเคยเห็นแต่ไม่บ่อยเท่าใดนัก...และเขาก็ไม่ปรารถนาที่จะเห็นมันบ่อยๆด้วย
สายตาของคนที่รู้ทัน......
“เขารู้ว่าฉันจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้ตอนงานเลี้ยง”....เพราะอย่างนั้นถึงได้พูดมันออกมา
แล้วเขาต้องรู้ให้ได้ว่าอยู่ๆคนที่ไม่มีในรายชื่อเข้าร่วมงานประมูลก็มาโผล่ที่เจนีวากะทันหันแบบนี้มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องรู้เรื่องของเขา แผนการของเขาชนิดเจาะลึก แล้วท่าทีที่อยากพบหน้าเขาที่นี่ก็อีก...มันคืออะไร
คนที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาเข้าร่วมประมูลด้วยจนกระทั่งเมื่อเช้า
แต่แดชีลล์คนนั้นกลับบอกว่ายินดีที่ได้พบเขาราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมา
แล้วไหนจะเรื่องแผนการพรุ่งนี้อีกเขารู้ได้ยังไง แต่รู้ได้ยังไงยังไม่น่ากลัวเท่ากับรู้แล้วจะทำยังไงกับมัน
ดูเหมือนตัวละครปริศนา
ปริศนาแท้ๆเลย
เพราะตอนนี้คำถามทุกอย่างที่ตีพันกันในหัว...มันยังไม่มีคำตอบสักอย่าง
จะทำยังไง...จะทำยังไง....นายจะทำยังไงดี
โกคุเดระ ฮายาโตะ
ทะเล่อทะล่าเข้าไปเจรจากับเขาตรงๆงั้นเหรอ
ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรสักอย่างเนี่ยนะ แทนที่จะได้เดินเท่าทันกัน
เป็นการที่ว่าเขาจะเดินห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วนายจะได้เป็นฝ่ายให้เขาจูงจมูกน่ะสิ
แล้วปลายทางที่หมอนั่นจะเดินจะไปจบที่ตรงไหน เข้าปากตาแก่สตีเฟนหรือเปล่า
ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างที่วางมามันมีแต่พังกับพัง!
หรือจะไปคุยกับเดเมียน
พ่อของหมอนั่นเลยทีเดียว...นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่
เพราะถ้าหากมีคนเห็นว่าหนึ่งในผู้ร่วมประมูลขอเข้าพบเจ้าของกิจการแถมยังคุยกันเป็นการส่วนตัว
เขามีหวังโดนตราหน้าว่าโกงการประมูลแน่ ดีไม่ดีคนที่เห็นเป็นแมคคาร์ทีแล้วเกิดเจ้านั่นโทรไปรายงานบอสมันแล้วลงมือทำอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้
แล้วแก้ไม่ทัน โอ้!
เขาไม่อยากจะจินตนาการ!
จะทำยังไงดี
คิดสิคิด คิดเข้า!
นี่นายจะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไง...
จะทำให้เรื่องที่แทรกกลางมานี่เข้าไปอยู่กับแผนนายตรงไหน...แล้วมันจะสำเร็จหรือเปล่า
แล้วถ้ามันไม่สำเร็จ...รู้ใช่มั้ยว่ามีอะไรรออยู่
เพราะฉะนั้น...นายต้องทำมันให้ได้
ต้องทำให้ได้เท่านั้น!
แล้วมันก็กลับมาที่คำถามเดิมเหมือนกับวงเวียน
จะทำยังไง?
โว้ยยยยยยยยยยยย!!!!
“ดูเหมือนตอนนี้นายจะมีปัญหา?”
เจ้าของห้องอีกคนที่สังเกตท่าทีอีกฝ่ายมานานถามขึ้น
ต่อให้โกคุเดระไม่พูดหรือไม่แสดงท่าทีร้อนใจจนอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้เรื่องที่มันคาราคาซังออกมาให้หมดแต่เขาก็สังเกตได้
ดวงตาที่กลอกไปมาอย่างเร็ว การกะพริบที่ผิดปกติ
แล้วมือบางๆนั่นบีบกันไปมานั่นแหล่ะที่ฟ้อง
“อือ...ยอมรับว่าหนักเลย”
คำยอมรับออกมาง่ายๆทำให้ยามาโมโตะเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มนิดๆที่มุมปาก ไม่ใช่อาการสะใจสมน้ำหน้า
และไม่ใช่เวทนาสงสาร แต่เป็นพึงพอใจ เพราะโกคุดระเป็นแบบนี้เสมอ
ไม่ทิฐิกับบางเรื่อง ถ้าบอกว่ามีปัญหาก็บอกว่ามี
ไม่ใช่คนแสร้งอวดว่ารับทุกอย่างไว้กับตัวได้
แต่ถ้าเรื่องไหนที่เขาบอกว่าเขาจะทำให้ได้...เรื่องนั้นร้อยทั้งร้อยก็จะสำเร็จ...
“ค่อยๆคิดไป เดี๋ยวมันก็หาทางออกได้
ตอนนี้ปัญหาของนายมีอยู่อย่างเดียว นั่นคือนายไม่รู้จุดประสงค์ของแดช
แต่ปัญหานี้ถ้านายไม่สามารถหาคำตอบของมันได้ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องยุ่งยากนับร้อยจะตามมา
และที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือ โกคุเดระแอร์ไลน์ หรือ เครือยามาโมโตะได้เป็นแหล่งกบดานของพวกวงการมืด”
คำพูดที่ดูตอนแรกก็ปลอบใจดีอยู่แต่ไอ้ที่ตามมายาวเหยียดนั่นฟังดูยังไงก็ตอกย้ำ
ร่างบางถึงได้แยกเขี้ยววับให้คนพูดแล้วสวนกลับออกไปอย่างหัวเสีย
“ก็ถ้านายรู้ขนาดนั้น
ทำไมไม่มาชะ....!” ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง มองใบหน้าคมคายที่เริ่มคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเขาเกือบจะกลืนคำพูดสุดท้ายไม่ทัน
คำพูดที่เขาไม่ทันยั้งคิดเพราะอาการใกล้สติแตก เกือบจะหลุดออกไปแล้ว....
คำว่า ‘ช่วย’.......
“โชคดีนะ
ที่นายรู้ตัวเร็ว ไม่ให้ฉันต้องเตือน นั่นเป็นข้อตกลงก่อนออกจากร้านกาแฟของเราเลย”
ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่โกคุเดระขำไม่ออกเลยสักนิด
ใช่...เป็นข้อตกลงที่ยามาโมโตะเป็นคนขอว่าหมอนั่นยอมรับที่จะทำแผนการของเขาแต่ทุกอย่างอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว
คนคุมเกมคือเขาคนเดียว และยามาโมโตะเป็นเพียงผู้ช่วยที่ทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง
แต่จะไม่เสนอข้อคิดเห็นอะไรสักอย่าง...และต่อให้แผนพังไม่เป็นท่า
มันก็มีอยู่สาเหตุเดียวเท่านั้น ก็คือโกคุเดระ ฮายาโตะทำตัวเอง....
มันฟังดูโหดร้ายสำหรับคนเป็นพันธมิตรกัน...นั่นก็อาจใช่
แต่เขากับยามาโมโตะไม่ใช่มิตรแท้
สัญญาที่ไม่ได้ต่อนั้นเป็นหลักฐาน แล้วเราก็ยังเป็นคู่แข่งกัน...คู่แข่งที่ไม่ต่างอะไรไปจากคนเข้าร่วมประมูลคนอื่นๆนั่น.....เพียงแต่แค่การร่วมมือชั่วคราวที่แต่ละฝ่ายกุมผลประโยชน์ของกันและกันอยู่เป็นข้อผูกมัดสัญญา
ดีไม่ดีระหว่างที่เขาอยู่ด้วยกัน...ดำเนินการตามแผน
ในหัวของยามาโมโตะก็อาจจะคิดตลบหลังโกคุเดระอยู่ทุกเมื่อ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แล้วยามาโมโตะก็มีสิทธิ์ที่จะทำ
ในขณะเดียวกันแผนการของเขาก็อาจจะคว่ำเครือยามาโมโตะแล้วฮุบเบธิลด์ไว้โดยไม่ทันรู้ตัว
แต่ที่เขาเกือบจะหลุดคำๆนั้นออกไป....มันก็พอที่จะตอกย้ำได้แล้ว....
เขายังคงวิ่งตามยามาโมโตะ
ทาเคชิคนนี้อยู่เหมือนเดิม.....
ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องพักหรู
และมันคงจะทวีความเงียบและกดดันเช่นนี้ต่อไป หากไม่มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา
“ตั้งสติให้ดีโกคุเดระ
ถ้านายสติแตกจริงๆตอนนี้....มันจบแน่...จบทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ”
เป็นเสียงเรียบเฉยแต่ฟังดูทรงอำนาจของนักธุรกิจนัมเบอร์วันของเอเชีย
รูปประโยคมันฟังดูจะเหยียบซ้ำไม่ต่างอะไรกับคำพูดเก่า
แต่มันกลับไม่ทำให้ร่างบางรู้สึกแย่...ซ้ำมันยังทำให้ใจที่เคยสับสนของเขาเริ่มนิ่งคิดแล้วค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆได้อย่างน่าประหลาด
....มันไม่ใช่คำปลอบใจ....ไม่ใช่แน่ๆ
เพราะคนอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่เคยที่จะต้องมาเยียวยาความรู้สึกของใคร
ไม่ใช่ว่าเขาเลือดเย็นที่ไม่อยากจะทำ แต่มันเป็นสิ่งที่ห้ามทำ และไม่สมควรทำ....โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่ง
แต่คำพูดนั้นมันเป็นการเตือน...เตือนด้วยความปรารถนาดี.......
ไม่ใช่เข้าพยุงให้ลุกเมื่อล้ม....แต่มันเพียงแค่การสะกิดแล้วบอกว่า
เวลานี้เขาสมควรที่จะลุกขึ้น....
แค่นั้น....แต่ก็เพียงพอแล้วจริงๆ....
“โอ...เค....”
ร่างบางสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ
หลายๆครั้งหวังอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศจะทำให้สมองปลอดโปร่ง
มือบางทั้งสองข้างแนบแก้มตัวเองแล้วตบเบาๆเพื่อตั้งสติ
“เดี๋ยวฉันจะเริ่มคิดใหม่
มันจะต้องมีสักวิธีที่....!”
พลันหัวใจก็กระตุกวูบคำพูดอีกครึ่งประโยคหยุดชะงักไปในบัดดล
แม้แต่การกระทำทุกอย่างยังคงหยุดนิ่งไว้ตรงนั้น เมื่อสัมผัสนุ่มนวลของมือเรียวแข็งแรงวางลงบนศีรษะ
ไม่มีการโคลง ไม่มีการขยี้ แต่ก็ไม่ขยับไปไหน...วางอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ความอบอุ่นไล่ลงมาจนถึงใบหน้า
มือของเขาที่นาบแก้มตัวเองอยู่รู้ดี
เป็นอีกครั้งที่ร่างบางได้ยินเสียงนาฬิกาข้อมือของคนที่สัมผัสเขาสวมอยู่....และมันก็เหมือนเดิม....
ช้า...จนเหมือนจะหยุดนิ่ง
“ยามา...โมโตะ?”
“ขอไปเปลี่ยนชุด...”
เสียงทุ้มว่าขึ้นอย่างอ่อนโยน
แล้วการที่บอกคงหมายถึงขอข้ามอาณาเขตเพื่อเข้าห้องน้ำอีกรอบ
แต่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง
รอยยิ้มแบบเดียวกับที่หมอนี่มอบให้เขาเมื่อเช้าหน้าโรงแรมที่เป็นต้นเหตุให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
และเสียงที่แผ่วเบาลงกว่าเดิม แต่มันกลับดังชัดเจนสำหรับคนฟัง
“แล้วหลังจากนั้นฉันจะนั่งอยู่ข้างๆจนกว่านายจะคิดออก....สัญญา”
ร่างสูงยกมือออกจากศีรษะเขาแล้วหยิบชุดคลุมเดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่ไม่ฟังคำอนุญาต
แต่ถ้ารอฟังเชื่อเลยว่าคืนนี้สงสัยท่านประธานแห่ง The Best ได้นอนทั้งชุดสูทเต็มยศแน่ๆ
เพราะตอนนี้โกคุเดระยังรู้สึกว่าลิ้นตัวเองยังแข็งๆไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว
มีแต่มือที่วางอยู่กับหน้าที่พอจะขยับได้ เขาจึงคลึงกับแก้มหยุ่นๆของตัวเองเร็วๆ
ไม่แน่ใจว่าทำไปเพราะเตือนสติใหม่
หรือเพราะไล่ความร้อนผ่าวๆที่ไม่รู้สาเหตุนี่กันแน่ หมอนั่นทำเขาอึ้ง
อึ้งมาตั้งแต่เช้าแล้ว ความจริงอาจจะตั้งนานแล้วแต่ไม่ทันสังเกต น้ำเสียง กริยา
ท่าทาง สายตา ที่ติดอยู่ในความจำทันทีที่เขาเห็น แล้วมันจะตามหลอกหลอนไปเรื่อยๆ
แล้วสุดท้ายเขาก็คงเก็บไปฝันเหมือนตอนอยู่บนเครื่องบิน
เฮือก! ไม่!
ไม่ๆๆๆ ไม่ได้! อย่าเพิ่งนะ
ตอนนี้นายให้อะไรมาอยู่ในหัวนายไม่ได้ โกคุเดระ ฮายาโตะ ซีอีโออัจฉริยะแห่งปี!
นายต้องจัดการเรื่องแดชีลล์ เลอรอยด์ ใช่! หมอนั่นเท่านั้นที่นายควรคิด....แค่หมอนั่น....โอเค....
หากแต่ยังไม่ทันสะกดจิตตัวเองได้นานนัก
ประตูห้องน้ำก็เปิดดังผลัวะ
“ขอโทษที
โกคุเดระ พอดีว่าฉันลืมชุดนอนน่ะ”
เด็กหนุ่มร่างสูงที่ออกมาจากห้องน้ำอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดซึ่งดูท่าว่าข้างในมันคงจะไม่อีกอะไรอีกแน่ๆ
แต่เขาจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าหมอนั่นจะรู้จักมัดสายตรงเอวให้มันมิดชิดเรียบร้อย
ได้ข่าวว่าชุดคลุมนี่มันก็มีวิธีแต่งคล้ายๆชุดยูคาตะบ้านเกิดน่ะนะ
ทำไมถึงทำท่าว่ามันใส่ได้ยากเย็นนัก!
แต่การที่หมอนี่ถูกส่งไปเรียนอังกฤษตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกนี่มันก็เป็นเหตุผลที่พอให้อภัยได้
แต่ที่มันไม่สมควรให้อภัยก็คือลูกตาของโกคุเดระ
ฮายาโตะเองนี่แหล่ะ!
นัยน์ตาสีเขียวมรกตไล่มองไปตั้งแต่แขนแข็งแรงสองข้างที่โผล่พ้นชุด
มันดูเรียวยาวแต่ก็เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่มีอย่างพอดิบพอดีจนน่าจะเป็นอ้อมแขนในฝันของสาวทั่วโลกได้ไม่ยาก
ไล่ไปถึงช่วงบ่ากว้างต่อกับช่วงคอกำยำเห็นลวดลายของเส้นเอ็นชัดเจนซ้ำเจ้าตัวยังยกมือขึ้นนวดเค้นมันเบาๆเพื่อบรรเทาอาการเมื่อย
เท่านั้นยังไม่พอ
เพราะลูกตาไม่รักดียังพาเขาไปทัวร์ถึงแผงอกแข็งแกร่งที่ชุดผ่าให้เห็นจนถึงท้อง โอ้! พระเจ้าช่วย
ให้ตายเถอะ! จะให้เขากรีดร้องออกมาเป็นภาษาอะไร
หมอนี่เป็นแค่นักธุรกิจ
เป็นแค่คนบ้างานที่วันๆน่าจะอยู่แต่หน้าเอกสารกับคอมพิวเตอร์ แต่หมอนี่มีซิกแพ็ค!
แถมมันยังขึ้นได้อย่างสวยงามราวกับเจ้าตัวบรรจงปั้น สรุปแล้วว่ารูปร่างของยามาโมโตะ
ทาเคชิ นอกจากจะเป็นสิ่งที่หญิงสาวทั่วทั้งโลกนี้ปรารถนา
ผู้ชายมาเห็นก็ยังอยากได้อยากมี!
แล้วถึงผิวของยามาโมโตะ
ทาเคชิจะไม่ขาวเหลืองอย่างคนเอเชีย แต่ก็เป็นสีผิวอย่างที่ชาวยุโรปตั้งใจไปนอนกันกลางแดดเพื่อให้ได้มา
เฉดเดียวกันไม่ผิดไม่เพี้ยนซึ่งหมอนี่ก็มีแล้วอย่างเพอร์เฟค
และโกคุเดระก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ามันเป็นสีแทนได้สม่ำเสมอไปแทบทั่วร่างกาย...
ทุกตารางนิ้ว...เลย...จริงๆ....ยกเว้นส่วนที่ยังไม่เห็นน่ะ......นะ
แหมะ!
พลันความคิดก็หยุดชะงักลงเมื่อมันมีเสียงแปลกๆคล้ายของเหลวหยดลงตรงหน้า
แล้วหลักฐานก็ชัดเจน เพราะเมื่อเขาก้มมอง
มันไหลเป็นสายเปลี่ยนผ้าห่มสีขาวให้กลายเป็นดวงๆสีแดงทันใด
เลือด!!! เลือดกำเดา!!!
“โกคุเดระ! นายเลือดกำเดาไหล!!
เงยหน้าขึ้น! อย่าก้มนะ! เงยหน้าขึ้นไว้”
ยืนยันว่ามันเป็นของจริงอีกครั้งเมื่อคนเห็นเหตุการณ์อีกคนร้องลั่นคับห้องแล้วดึงทิชชู่จากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมาบีบจมูกเขาซ้ำยังดันคางให้เขาเงยหน้าขึ้นจนคอเกือบเคล็ด
แล้วค่อยประคองเขาให้ออกห่างจากเตียงไปนั่งที่โซฟาแทน
เผื่อว่าถ้ามันเปื้อนมากกว่านี้
พนักงานที่มาขนเครื่องนอนไปซักจะจินตนาการถึงอะไรไปไกลเตลิดเปิดเปิง
แต่ความจริงมันคือเขาเลือดกำเดาไหล! ไหลโจ๊กๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
รู้อย่างเดียวว่ามันเกิดหลังจากที่เขานั่งมองหมอนี่ในชุดคลุมอาบน้ำ อะไร! นี่เขาเป็นอะไร! ทำไมมันเหมือนทำอะไรผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิต
ตัวของเขาชาจนขยับไม่ได้แล้ว หัวใจเต้นโครมๆ สมองยิ่งตื้อหนัก แล้วคนที่บีบจมูกเขาอยู่นี่จะมาอมยิ้มทำเพื่ออะไร! รู้ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยรู้สึกอยากแทรกแผ่นดินหนีขนาดนี้มาก่อนเลย
โอ้! ท่านประธานคนดังแห่งโกคุเดระแอร์ไลน์
เลือดกำเดาไหล เพียงเพราะมองหุ่นผู้ชาย! โอ้!
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
นี่อยู่ๆเลือดกำเดานายไหลได้ไง” คนข้างตัวแสร้งถามเสียงเครียด
แต่คนที่เครียดจริงๆคือคนถูกถามนี่ เพราะดูสายตามันสิ
มองยังไงก็รู้อยู่เต็มอกถึงสาเหตุที่เลือดเขาไหลออกจากจมูกจนชุ่มทิชชู่
เปลี่ยนไปจนเกือบค่อนกล่องแล้ว!
“เลือดกำเดาไหลได้ไง
ไอ้บ้า!
จบป.เอกแล้วยังไม่รู้ ก็เส้นเลือดฝอยในจมูกแตก แล้วมันก็ไหลออกมา จบ!” เขาอธิบายเสียงอู้อี้ไป ลอกมาจากหนังสือสุขศึกษาสมัยประถมเน้นๆ
คิดว่าตรงประเด็นที่สุดแล้วนะ เพราะฉะนั้นก็ขอภาวนาให้ถอนสายตาเคลือบแคลงเจือล้อเลียนนั่นออกไปสักที
แต่ดูเหมือนคำอ้อนวอนในใจของโกคุเดระจะส่งไปไม่ถึงเลย
“อันนั้นเป็นสาเหตุภายใน...ฉันอยากรู้สาเหตุภายนอก”...แล้วจะอยากรู้ไปทำไม!
โกคุเดระอยากเถียงแบบนั้นแหล่ะออกไป
แต่ตอนนี้เขาเหมือนผู้ต้องหาที่ทำอะไรก็ผิดไปหมด แล้วคนเขาถามอะไรก็ต้องตอบให้ได้
ในหัวพยายามเรียบเรียงสาเหตุของเลือดกำเดาที่พอจะเป็นไปได้
อย่างแรกเลยคือมนุษย์จะเลือดกำเดาไหลเพราะอากาศร้อน!
สายตาดีๆรีบควานหารีโมตแอร์พลันหวังให้มันเป็นตัวช่วยให้ชีวิตรอด
แต่ตัวเลขดิจิตอลที่มันโชว์หราอยู่นั้นกลับถีบเขาลงนรกอย่างไม่น่าให้อภัย....สิบห้าองศา! หน้าร้อนที่ญี่ปุ่นบวกอุณหภูมิห้องนี้ไปเกือบสองเท่า....เขายังไปออกรอบตีกอล์ฟกับอาเจ๊ได้สบายๆอยู่เลย
ไม่ได้ๆ!
สาเหตุต่อมา...แอลกอฮอล์! แอลกอฮอล์ทำให้ความดันในเลือดสูง
อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้ แต่วันนี้เขาได้แตะเหล้าสักอึกไหม...ไม่!
“เอ่อ....เหล้ารัม! ใช่ๆ
ขนมเค้กที่ฉันกินเมื่อเย็นมีเหล้ารัมผสม...อาจจะแรงไปหน่อย
แล้วเมื่อกี้ฉันก็ค่อนข้างเครียด ความดันขึ้น” โอเค...โกคุเดระรู้สึกว่ามันเป็นเหตุผลที่ดูเป็นจริงที่สุด
แต่ก็งี่เง่าที่สุดในเวลาเดียวกันด้วย
ดวงตาคู่คมหรี่ลงเหมือนพิจารณาแต่ก็ไม่มีคำถามอะไรออกมาอีก
แต่ถ้าหูของท่านประธานสายการบินไม่ฝาด
เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆดังขึ้นในลำคอของหมอนั่นด้วย โอเค ยามาโมโตะไม่เชื่อเขา
แต่มันก็สมควรแล้ว เพราะถ้าหมอนี่เชื่อ
เตรียมไปเผาพวกปริญญาบัตรที่มันฟ้องๆว่าหมอนี่เป็นอัจฉริยะเหนือมนุษย์ได้เลย เด็กหนุ่มร่างบางไม่กล้าเอี้ยวหัวไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ราวกับเป็นภาพที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต จ้องเพียงแค่ฝ้าสีขาว แค่ฝ้าสีขาว
แต่ก็ต้องจ้องจนมันรู้สึกหน้ามืดตาลาย
ดีกว่าไปจ้องอย่างอื่นแล้วทำให้เลือดไหลไม่หยุด
เขาคิดว่าไอ้เหตุการณ์แบบนี้มันจะมีแค่ในการ์ตูนลามก
ไม่มาเจอกับตัวคงไม่บรรลุหรอก
เขาทำตัวเหมือนพวกแม่สาวน้อยเวลาเจอไอดอลคนโปรดแล้วห้ามอารมณ์ไม่อยู่ นี่รู้ถึงไหน
อายถึงนั่น!
แต่เฮ้ย! ดะ...เดี๋ยวสิ!
เมื่อกี้เขาคิดว่าไงนะ....
ว่า...ยัง...ไง....นะ
ความคิดทั้งหมดทั้งมวลหยุดชะงักลง
อารมณ์ทุกอย่างเริ่มผ่อนลงจนกลายเป็นปกติ เลือดในกายลดอัตราไหลเวียน
แล้วหัวของเขาเริ่มโปร่งขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่อะไรบางอย่างมันแว้บขึ้นมาอย่างชัดเจนเหมือนกับพื้นกระดาษสีดำสนิทแล้วเอาพู่กันจุ่มสีขาวไปป้ายมัน
“ยามาโมโตะ” เสียงเรียกแปลกแปร่ง
ซ้ำคนเรียกยังมีอาการเหมือนหุ่นยนต์เด็กเล่นตอนถ่านหมด
“อะไร”
“นายบอกว่านายรู้สเป็คผู้หญิงของแดชีลล์ใช่หรือเปล่า”
คำถามแปลกประหลาดซ้ำยังไม่เข้าสถานการณ์ทำให้คนฟังมุ่นหัวคิ้วแล้วอดท้วงขึ้นมาไม่ได้
“โกคุเดระ
ฉันรู้ว่านายกำลังหัวเสียซ้ำยังเสียเลือด เพราะงั้นอย่าเพิ่งคิดอะไรผิดประเด็น”
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้ผิดประเด็น
แล้วนี่มันเป็นงานเป็นการนะ!”
น้ำเสียงที่แทบเรียกได้ว่าตวาดกับแววตาจริงจังจนน่าขนลุกนั่นทำให้ยามาโมโตะอึ้งชะงัก
มองคนที่ค่อยๆเอาทิชชู่ออกจากจมูกแล้วก้มหน้าลงให้อยู่ในระดับปกติเมื่อเลือดหยุดแล้ว
ดวงตาคู่สวยปรายมองเขาอีกครั้งแล้วย้ำทีละคำว่าตอนนี้ตนเอาจริง “ว่ายังไง
นายบอกว่านายรู้ใช่มั้ย”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องรู้จักแฟนคนแรกของหมอนั่นด้วยสิ...ไม่ๆ
ไม่ถึงขั้นเป็นคนแรกก็ได้ แค่เป็นคนที่หมอนั่นรักที่สุด ไว้ใจที่สุด
แล้วครอบครัวยอมรับ ถ้านายรู้ก็ช่วยบอกนิสัยใจคอของเธอมาหน่อย” โกคุเดระถามต่อ มันก็ยังคงไม่ทำให้ยามาโมโตะกระจ่างว่ามันเกี่ยวกับการแก้ปัญหายังไง
แต่เขาก็ตอบไป
“รู้
หมอนั่นเคยเล่าให้ฟังสมัยเรียน เธอชื่อ เอเบลล์ โฟล
โบดูออง นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ที่มีค่าตัวขึ้นหกหลัก ตอนที่คบกันทั้งคู่ยังอยู่ม.ปลาย
แต่เธอก็ได้ขึ้นปกนิตยสารหลายฉบับแล้ว เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง แต่ไม่หยิ่ง
และเชื่อว่าการทำงานหาเงินเองโดยที่ไม่พึ่งพาสมบัติเก่าตระกูลเป็นเรื่องน่ายกย่องยิ่งกว่าอะไร
แถมยังมีเชื้อสายขุนนางนิดๆด้วย แต่พอเวลาผ่านไป
เวลาของนักธุรกิจกับนางแบบก็ไม่ตรงกัน ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
เก่งแค่ไหนก็ต้องการเวลาเอาใจใส่...เพราะงั้นทั้งคู่เลยไปกันไม่ยืด”
“แล้วใครจีบใครก่อน”
“แน่นอนว่าเป็นฝ่ายชาย
ตอนนั้นเจ้าหล่อนอย่างกับนางฟ้า ส่วนแดชเราเป็นได้แค่ทายาทนักธุรกิจที่บ้าแต่ตำรา”
โกคุเดระฟังข้อมูลแล้วพยักหน้ารับช้าๆ
ริมฝีปากเริ่มปรากฏเป็นรอยยิ้มก่อนที่จะคว้าไอโฟนสีขาวของตัวเองขึ้นมาแล้วกดเบอร์หาใครบางคน
พลางมองนาฬิกาข้อมือไปด้วยคิดคำนวณว่าตอนนี้ที่นั่นน่าจะสายแล้ว
แล้วทันทีที่มีคนรับสาย เขาก็สั่งการทันทีโดยไม่รีรอ
“มีเรื่องให้ช่วยหน่อย
อีกเก้าชั่วโมงจะไปงานเลี้ยงใช่มั้ย ช่วยเช็คว่ามีเอเบลล์ โฟล โบดูออง
เป็นนางแบบรับเชิญไปงานด้วยหรือเปล่า
ถ้าไม่มีติดต่อไปที่ต้นสังกัดให้ส่งตัวมาให้ได้
ต่อให้นั่งเครื่องซุปเปอร์โซนิคมาก็ต้องทำ บอกไปว่าให้มาเดินเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมตัวใหม่ของ
The
Best แล้วทางโกคุเดระยินดีจ่ายค่าตัวให้สามเท่า
แถมให้เซ็นสัญญาเป็นนางเอกโฆษณาตัวใหม่ของเอเจนซี่ทัวร์เลย...”
โกคุเดระเงียบไปแล้วทำหน้าแหยๆก่อนยกมือถือออกจากหูเล็กน้อยแสดงว่าปลายสายต้องบ่นเป็นชุดแน่ๆว่าอยู่ดีๆก็ได้รับคำสั่งอะไรไม่รู้ยาวเหยียด
นั่นแหล่ะที่ทำให้ยามาโมโตะรู้ว่าคนที่โกคุเดระโทรไปหาเป็นใคร
“เออน่า....มันเป็นงาน
อีกอย่างก็อย่าปล่อยให้นางแบบคนสวยเหงาเลยเชียว
ชวนเขาคุยด้วยนะ...อย่างน้อยๆก็เรื่องแฟนหนุ่มคนฮอตที่ชื่อ แดชีลล์ เลอรอยด์ เอาให้ละเอียดเจาะลึก....ผมให้ไม่เกินสองทุ่มตามเวลาท้องถิ่นโตเกียว”.....นั่นหมายความว่าเขาต้องได้ข้อมูลทั้งหมดของแดชีลล์ไม่เกินสิบเอ็ดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้
“อืม...แค่นี้
แล้วจะรอ” ทันทีที่วางสาย เจ้าของห้องอีกคนก็ส่งสายตาคำถามมาให้
เพราะอยู่ดีๆท่านประธานแห่งเครือโกคุเดระทำท่าจะคิดอะไรออกก็ไม่รู้ ซ้ำยังคิดเร็วทำเร็ว
และดูเรื่องราวไม่ค่อยปะติดปะต่อ
“ไม่มีอะไรมากมาย
สาเหตุที่นายกับกูเกิ้ลรู้เรื่องแดชีลล์แค่หางอึ่ง นั่นก็เพราะพวกนายเป็นผู้ชาย...
แต่นายไม่รู้หรอกว่าวงเม้าท์ของผู้หญิงเวลาคุยกันเรื่องหนุ่มคนชอบน่ะมันเป็นอีกโลก....พวกหล่อนมือโปรยิ่งกว่าสายลับ”
ร่างสูงอึ้งไปนิดกับคำอธิบาย เรียบเรียงแผนการแก้ปัญหาของคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ตนเองสืบเองไม่ได้....ก็เลยคิดล้วงข้อมูลจากเอเบลล์งั้นเหรอ เป็นเรื่องที่ยามาโมโตะคาดไม่ถึง แล้วมันก็ดูธรรมดากว่าที่คิดมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสสำเร็จค่อนข้างสูง
ร่างสูงอึ้งไปนิดกับคำอธิบาย เรียบเรียงแผนการแก้ปัญหาของคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ตนเองสืบเองไม่ได้....ก็เลยคิดล้วงข้อมูลจากเอเบลล์งั้นเหรอ เป็นเรื่องที่ยามาโมโตะคาดไม่ถึง แล้วมันก็ดูธรรมดากว่าที่คิดมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสสำเร็จค่อนข้างสูง
แถมยังจัดการปัญหาที่คิดว่าจะเจอเอาไว้อย่างรัดกุมแล้วด้วยสิ....
เพราะคิดไปคิดมาไอ้เรื่องที่จะลากนางแบบระดับท็อปขนาดนั้นไปโตเกียวกะทันหันโดยไม่สนตารางงานเจ้าหล่อนมันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
แต่โกคุเดระก็อุตส่าห์เอาข้อมูลนิสัยของเอเบลล์ที่เขาบอกไปใช้จนได้เรื่อง
หล่อนไม่ใช่คนหยิ่ง แล้วกระตือรือร้นหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมากกว่าใคร
ดังนั้นไม่มีทางปฏิเสธค่าตัวสามเท่านั่นแน่ๆ แถมยังมีพรีเซนเตอร์สินค้าของ The Best มีโฆษณาของโกคุเดระแอร์ไลน์เป็นตัวล่ออีก
นับว่าเป็นโอกาสที่ทำให้เจ้าหล่อนติดปีกบินโดยเพื่อนร่วมวงการคนอื่นไม่มีทางตามทัน
ให้ตายสิ...เหยื่อหอมหวานขนาดนี้ปลาตัวไหนจะไม่กิน
แล้วคนเหวี่ยงเบ็ดก็กะจังหวะได้อย่างดีเลย
ฝ่ายนางแบบดังเป็นพลุแตก
ส่วนฝ่ายพวกเขาได้โปรโมตกิจการตัวเองโดยสาวสวยระดับเวิร์ลคลาส....ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
แถมยามาโมโตะยังอดยอมรับใจเด็ดๆของโกคุเดระที่ทุ่มจ่ายค่าตัวเอเบลล์ไปไม่น้อย
แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับคุ้มเกินคุ้ม
“เท่านี้ก็เหลือแต่จะนัดเพื่อนแดนน้ำหอมของนายไปคุยล่ะ...อืม...เอาให้เนียนๆหน่อย”
พลันสายตาของโกคุเดระก็ไปหยุดที่กล่องไม้สีดำมะเมื่อมหนึ่งกล่องที่วางอยู่บนหัวเตียง...กล่องผ้าเช็ดหน้าที่เฟร็ดดอริกเป็นคนเตรียม....
“มันอาจจะเหลือ แต่เฟร็ดดอริกไม่น่าทำงานพลาด” ยามาโมโตะให้เหตุผล แต่คนฟังกลับคลี่ยิ้มราวกับเจอขุมสมบัติ
“ใช่ที่ไหน....เลขานายมันระดับพรีเมี่ยมเลย ฉันว่านายต้องตบรางวัลให้เขา ถึงจะเหมาะ”
“แต่ไม่แน่เรื่องเอเบลล์ เจ้าหล่อนอาจจะไม่อยากรื้อฟื้นความจำกับความรักเก่าๆ ที่จบไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นนายก็ยังไปคุยกับแดชไม่ได้” ร่างบางยิ้มรับกับข้อกังวลนั้น พลางเอ่ยอย่างสบายๆ เหมือนกับว่าแผนการที่คิดออกความเป็นไปได้ที่จะไม่สำเร็จแทบจะเป็นศูนย์
“เวลาผู้หญิงจะล้วงความลับของผู้ชายที่ชอบ ฉันบอกว่าพวกเธอมือโปร...แต่เวลาที่ผู้หญิงจะขุดคุ้ยเรื่องของผู้หญิงด้วยกันน่ะ...ฝีมือขั้นเหนือเมฆเลย”
โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นชื่อเบียงกี้ ล่ะก็นะ.....
.
.
.
.
.
TBC.....
มิยะขอเม้าท์
อะไร....อย่ามองเก๊าแบบนั้นนะ....เก๊าไม่ได้ตั้งใจให้นุ้งก๊กเป็นแบบนั้นนะ กร๊ากกกกกกกกก ของขวัญน่าปาไห ของแถมน่าปายิ่งกว่า ขอขมาแม่ยกหนูก๊กรอบทิศ ไหนๆฟิคเรื่องนี้มันก็แหวกแนวมาหลายอย่างแล้ว แหวกอีกสักอย่างจิเป็นไรไป ไม่ได้มีกันง่ายๆนะ ที่นุ้งก๊กมองกล้ามอิเนียนแล้วเลือดกำเดาไหลเนี่ย // แถครั้งที่ 1 แล้วก็ถ้าเลือดไม่ไหล ก็คิดไม่ออกด้วย // แถครั้งที่ 2 ไม่มีครั้งที่ 3 เดี๋ยวจิไม่มีชีวิตรอดกลับไป ฮ่าๆๆๆ
อุอิ ตอนนี้มีอภิธานศัพท์เล็กน้อยค่ะ >..<
1.หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิด คือการเป็นหุ้นส่วนแบบการรับผิดชอบจ่ายหนี้ที่เกิดจากกิจการตามจำนวนเงินที่ลงทุน แต่ไม่มีสิทธิ์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เข้าทำนอง ลงทุน 1 ล้าน ก็ใช้หนี้ 1 ล้านค่ะ
อันที่จริงฟิคตอนนี้นี่เสร็จไล่ๆกับของขวัญเลยค่ะ ทั้งๆที่ปั่นทีหลังมากมาย ไหงฟิคบวมๆแบบนี้ไอ้มิยะเวิ่นได้เป็นหน้าๆเลยห๊า T[]T จากนี้ไปฟ้าถล่มจะเริ่มเคร่งเครียดตามจ่าหัวว่า Drama Comedy แล้วนะคะ สะ สรุป อิแนวนี้นี่มันยังไง มันไม่ใช่ดราม่าไปเลยแบบน้ำตานอง แต่ก็ไม่ได้ฮาไปเลยจนท้องคัดท้องแข็ง อยากลองเขียนอะไรแนวนี้มานานแล้ว ฮา
ตะ
ตอนนี้นี่มีเพลงประกอบนะ
ความจริงเป็นเพลงประกอบฟิคที่ไอ้มิยะอยากปล่อยออกมานานแล้ว
แต่คิดว่าตอนนี้แหล่ะที่เหมาะที่สุด เป็นเพลง ฉันพร้อมจะไปกับเธอ ของพี่บอย
โกสิยพงษ์ Feat.
พี่ตู่ ค่ะ ฟังแล้วมันโฮกอ้ะ ชอบจังหวะ ชอบทำนอง ชอบเนื้อร้อง
ชอบความหมาย คิดว่ามันเหมาะกับไอ้คู่นี้มากๆ แปะโล้ด
ต่อไปจะไปลุยกับนิติเวชล่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก เม้นท์ได้เป็นกำลังใจจ้ะ
Miya
ต่อไปจะไปลุยกับนิติเวชล่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก เม้นท์ได้เป็นกำลังใจจ้ะ
Miya
อะไรคือการที่ก๊กเลือดกำเดาไหล!!! =[]= อ่านแล้วฮามากคือแบบ แหมๆ คิดอะไรอยู่ลูก หนูก๊กแอบหื่นงะ ร้ายมิใช่เล่น ฮี่ๆๆ -.......- พาร์ทนี้เปิดตัวละครใหม่ แท่แด๊นนน แดชชช แลดูหล่อแบบลึกลับ(?) ยังไงชอบกล
ตอบลบรอพี่มิยะปั่นตอน 6 ระหว่างนี้ขอแว่บไปอ่านฟิคเรื่องอื่นก่อนนะคะ ฮี่ๆ FIGHTING!!! *-*