หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

S.Fic The thief of Baramos [KaloXFelin] The authority of sword : 02



Project: Happy birthday Mameaw [28.07.13]
S.Fic The thief of Baramos
KaloXFelin
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักหญิง (เตือนเพื่อ!?) นั่นแหล่ะ เป็นนอร์มอลค่ะ ฟิคสุดยอดเฉพาะกิจจากหัวขโมยแห่งบารามอส และเป็นฟิคเรื่องเดียวแห่งปี 2013 อีกด้วย เลยเอามาลงกรุอีกเรื่อง สนใจอ่านได้ค่ะ ไร้พิษไร้ภัย 



The authority of sword


ตอนที่ 2



เจ้าหญิงเฟลิโอน่าคนเดียวที่กล้าขัดใจเจ้าชายแห่งคาโนวาล เหอะ! แน่จริงมาดูหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายก่อนเถอะ แล้วเปลี่ยนคำพูดมันก็ยังไม่สาย!


หน้าที่ในงานต้อนรับแขกคนพิเศษจากเดมอสของสุดยอดฮีโร่ผู้ช่วยให้เอเดนพ้นวิกฤต


หน้าที่อันทรงเกียรติที่มีเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น แล้วยังไม่ต้องไปแย่งกับใคร


ถ้าเจอคนที่มอบหมายเธอจะโบกรางวัลให้มันทั้งซ้ายและขวา!


หัวหน้าดูแลสัตว์ทรง อย่างเก่า!!


อยากจะบ้าตาย!!


“เอาน่า แกอย่าโกรธคาโลมันเลย งานแกดีจะตาย คราวนี้จะขี่เซร่าหรือเร็กซ์คราวนี้ไม่ต้องไปแย่งกับใครให้ปวดหัว” คิลบอกแบบนั้นแถมยังบ่นให้ฟังว่างานมันน่าเบื่อแสนเบื่อ นั่งตากน้ำค้างตากยุงรอเหยื่อมาตกหลุมมันขัดกับอาชีพนักฆ่า ต้องเป็นฝ่ายล่าเหยื่อต่างหากมันถึงจะถูกต้อง แถมอยากรู้นักว่าไอ้คนร้ายหน้าโง่ที่ไหนจะอยากย่างเข้ามาเดินเล่นในเขตอาคมของเจ้าชายคาโล วาเนบลี หัวหน้าป้อมอัศวินที่กางซะกว้างคลุมเรือนรับรองไปไกลถึงสวนหลังป้อม


สิ้นเปลืองแท้ๆ กางเขตอาคมแล้วยังสั่งคนไปเฝ้าอีก ไม่ต้องเดาให้มากความดูท่าแล้วสามหน่อผู้คุมกฎได้กลายเป็นผู้ว่างงานกว่าใคร


“แต่แกก็ยังได้เห็นคณะของพ่อใกล้ๆ ฉันสิต้องไปอุดอู้อยู่คอกสัตว์ หน้าพี่สาวนางกำนัลสักคนคงไม่ได้เห็น”


“นายคงไม่อยากไปร่วมงานข้างในห้องรับรองหรอก เชื่อฉันสิเฟริน” กัสว่าพร้อมเดินเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาในห้องนั่งเล่นของนักเรียนชั้นปีห้า ในมือถือม้วนกระดาษรูปแปลนภายในของห้องรับรองซึ่งเป็นส่วนรับผิดชอบของตนเองเป็นได้ว่าที่มาช้าเอาป่านนี้น่าจะโดนซีบิลกักตัวไว้วางแผนงาน นึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่มาเป็นลูกน้องเจ้าขอทานโร เซวาเรส รายนั้นไม่หยุมหยิมแต่รอบคอบ ไม่ละเอียดแต่ก็ครอบคลุม


เธอเลยได้มานั่งเล่นชิลๆที่ห้องพักทันทีที่หัวหน้าป้อมอนุญาตให้ออกจากห้องประชุม ดีจริงๆ


“แกมันไม่รู้จักฉัน” เด็กสาวแย้งวับ ทั้งที่หน้ายิ้มร่า “นั่นอะไร งานปาร์ตี้ ปาร์ตี้ข้ามแผ่นดินเชียวนะโว้ย! รายการบันเทิงใหญ่ขนาดนี้เกิดมาเพื่อเฟริน เดอเบอโรว์อยู่แล้ว”


เงียบกริบ ไม่มีใครมารับลูกต่อ หลังจากพวกมันที่ฟังเธอพูดแล้วหันมองหน้ากันตาปริบๆ ชวนให้คนพูดสงสัยนักว่าเธอพูดอะไรผิด


“พวกแกทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง”


“แกว่าเอวิเดสมาบันเทิง?” ครี้ดทวนเสียงสูง มันทรุดตัวนั่งแล้วหัวเราะก๊ากๆจนหลังงอ ตบหลังทายาทแผ่นดินเดมอสป้าบๆ “จอมปิศาจแห่งเดมอสเนี่ยนะจะเสด็จประพาสเอเดนเล่นเพื่อการบันเทิง คิดอะไรบ้าๆ”


“ไอ้ครี้ด! แกสิบ้า!! วะ!! แล้วจ้าวปิศาจจะมาเที่ยวบ้างไม่ได้รึไง”สาวน้อยเหวี่ยงจัดเมื่อพ่อตัวเองโดนปรามาสเข้าเต็มๆ อยากประกาศให้พวกเพื่อนหัวกลวงของเธอรู้นักว่าแท้จริงแล้วเจ้าบัลลังก์แห่งเดมอสโปรดการไปเที่ยวเล่นมากแค่ไหน
แต่พูดไปเพื่อนคงหาว่าเธอโม้ ในเมื่อความทรงจำของชาวเอเดนทุกคน เอวิเดสคือจอมปิศาจที่เกือบพังทลายสิ้นทั้งแผ่นดินถ้าหากไฮคิงกับเลโมธีไม่เข้าไปขวางปักหลั่น ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่จะเห็นเอเดนเป็นที่เที่ยว


นี่ถ้าไม่มีความดีความชอบของอดีตจักรพรรดิวิลเลียมที่ออกกฎแห่งไฮคิงบานตะไทขนาดที่ทำให้พ่อเธอยอมยกธงขาวประกาศสงบศึกเป็นเวลานานตามจำนวนกฎนั่น พวกเพื่อนบังเกิดเกล้าของเธอคงได้มองท่านจ้าวปิศาจเอวิเดสอันตรายกว่านี้


เป็นคนกลางนี่มันก็น่าเหนื่อยใจ...


“จริงอยู่ที่งานนี้ดูเหมือนท่านจ้าวอยากมาดูสารทุกข์สุขดิบของพระธิดาเฟลิโอน่ากับเหล่าพระสหาย แต่มันมีเป้าหมายเบื้องลึกกว่านั้น” คำพูดติดจริงจังดังมาจากท่านเสนาธิการฝ่ายซ้ายที่อยู่มุมห้องมีอิทธิพลเรียกคนทั้งห้องให้หันไปมองได้อย่างเคย หัวใจของทุกคนพาลเต้นระทึกอย่างกับเด็กรอฟังนิทานก่อนนอน


“เป้าหมายเบื้องลึก?”โคลว์ทวน


“คงจะเป็นเรื่องสำคัญ” เจคว่าต่อ เอามือลูบคางอย่างใช้ความคิด “แล้วก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”


“ใช่ เรื่องใหญ่มากเพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนสำคัญ คนสำคัญที่...”


“โร เซวาเรส!” เสียงดุเย็นเยียบของใครบางคนตัดนิทานก่อนนอนฉับ เจ้าตัวมารความสุขยืนพิงอยู่กับประตู ดวงตาสีฟ้าฉายแววตำหนิไม่สบอารมณ์จนทำให้นักเล่าตัวยงต้องรีบพับเรื่องท่ามกลางเสียงอวดครวญของพวกเด็กๆ ส่วนเจ้าเด็กดื้อที่ตีหน้างอง้ำกว่าใครก็คงไม่พ้นแม่เจ้าหญิงยอดยุ่งที่นั่งฟังหูผึ่งอยู่แถวหน้าสุด


ดวงตาสีเขียวของเสนาธิการเหลี่ยมจัดฉายแววชอบใจเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาดุสีฟ้าอย่างจัง ชักพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเฟรินถึงชอบยั่วโมโหเจ้าชายแห่งคาโนวาลตั้งแต่ปีหนึ่ง น่าเสียดายที่เขาเพิ่งค้นพบว่าเห็นเจ้าคนฉายาน้ำแข็งเดินได้แต่แท้จริงแล้วมีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำแข็งทั่วไปนัก ว่าแล้วคนไม่รู้จักกลัวก็หย่อนระเบิดลงไปอีกลูกเบ้อเริ่ม


“ไม่เป็นไรเฟริน ถ้านายอยากรู้ก็แวะมาที่ห้องฉัน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”


“จริงนะ!?


“โร เซวาเรส!!” ดังอีกรอบสมใจหมายพร้อมไอเย็นไล่เกาะตามแขนมาเป็นของแถมทำให้ท่านเสนาธิการแกล้งสะดุ้งอย่างน่าเตะ เจ้าตัวหันไปยิ้มน้อยๆแล้วโค้งให้เจ้าชายน็อตหลวมแล้วพร้อมที่จะหลุดง่ายๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โดยมีสายตาของคนน็อตหลวมที่ว่ามองตามจนลับ


คาโลตวัดสายตากลับมาแล้วมองไปรอบห้อง เขาถอนหายใจ นี่ถ้าเขาเกิดไม่นึกย้อนกลับมารับใครบางคนที่ห้องนั่งเล่น เสนาขอทานมากเล่ห์คงจะเล่าเรื่องนั้นให้เธอฟังจนหมดเปลือก ทั้งๆที่เขาก็กำชับมันไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ แล้วดูสิ แม่ตัวแสบยังมาถลึงตาใส่เขาอีก มันไม่สมควรเลยสักนิด!


“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีงาน”


คำกล่าวสั้นๆติดจะดุของหัวหน้าป้อมแล้วอาจจะพ่วงตำแหน่งคุณพ่อจอมเข้มงวดไล่เพื่อนให้ไปนอน ทุกคนถึงได้ยอมเคลื่อนย้ายก้น เฟรินบู้ปากเดินขมวดคิ้วเข้าไปหาคนที่ยังไม่ยอมยุรยาตรตามเพื่อนไปสักที แต่ยังยืนรอเธออยู่อย่างนั้นดวงตาสองคู่สบประสาน ร่องรอยอิดโรยบนใบหน้าขาวๆของมันฉายชัดแต่ก็ยังฝืนอวดเก่งมาหาเธอถึงนี่แทนที่จะกลับห้องก็ช่วยลดความหงุดหงิดไปได้มากกว่าครึ่ง


“รู้ตัวไหมว่านับวัน นายยิ่งทำตัวไม่น่ารัก” เฟรินตำหนิเสียงเขียว คนไม่น่ารักถึงกับขมวดคิ้ว แต่ก็ถูกนิ้วของอีกฝ่ายจิ้มเข้าไปตรงหว่างกลางให้มันคลายออกจนได้ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนที่มองเมื่อไหร่ก็อบอุ่นสว่างไสวเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวใจของหัวหน้าป้อมอัศวินให้ฟื้นฟูจากอาการเหนื่อยล้าเป็นสิ่งเดียวที่เขาอยากเห็นหลังจากทำงานหนักมาตลอดวัน


“อย่าเครียดนักเลยคาโล วันนี้นายเหนื่อยมามาก”


“นายก็ด้วย” เสียงทุ้มว่าแล้วแย้มรอยยิ้มบาง รอยยิ้มที่ทำให้หน้าเซียวๆน่ามองขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่า คาโลปลดเสื้อคลุมของตัวเองออกก่อนจะจับอ้อมไปคลุมไหล่ให้เด็กสาว เสียงพึมพำบ่นเบาๆว่านี่เริ่มจะเข้าหน้าหนาวแล้วเธอก็ยังไม่พกเสื้อหนาๆติดตัว แถมด้วยมือใหญ่ยื่นมาคว้าข้อมือเธอให้ออกเดิน


ทั้งคู่เดินไปตามระเบียงหอพักของป้อมอัศวินท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟข้างทางส่องให้เห็นทางรำไร สายลมต้นฤดูเหมันต์หอบเอาความเย็นจนทำให้คนที่เกลียดความหนาวเข้าไส้ต้องรีบใช้มือข้างที่ว่างกระชับเสื้อคลุม เท่านั้นในหัวก็คิดเรื่องอะไรบางอย่างออกทันที


ฮึ ว่าแล้วเชียวว่าทำไมสาวๆทั่วทั้งเอดินเบิร์กถึงได้อยากโดนคาโลถอดเสื้อให้สวมนัก


ก็นี่มันเสื้อวิเศษลงมนต์(เสน่ห์)โดยทายาทจอมภูตแห่งสโนว์แลนด์ ใส่ปุ๊บอุ่นปั๊บ อุ่นมันไปทั้งตัว...


“ความจริงฉันก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร” เฟรินว่า เริ่มแกว่งมือข้างที่จับกับชายหนุ่มเบาๆ แล้วบ่นงุ้งงิ้งไปตามประสา “นายก็รู้ว่ารายการไหนที่ทำแล้วเหนื่อยเปล่านี่ ฉันจะไม่ทำ เพราะมันเปลืองแรง ไม่คุ้ม”


“ใช่ ก็เพราะนายคิดอย่างนั้น ฉันเลยคิดว่าเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ทรงคงเหมาะกับนายที่สุด” เจ้าชายแห่งคาโนวาลพยักหน้ารับในขณะที่เด็กสาวข้างๆแยกเขี้ยวให้นี่ถ้าเธอไม่ติดหนี้บุญคุณเสื้อกับมืออุ่นๆที่มันให้เธอมา รับรองว่าหน้าหล่อๆที่สาวกรี๊ดนักกรี๊ดหนาจะมีรอยโบกตามสัญญา



“คงจะมีแต่แกนั่นแหล่ะที่คิดเรื่องสบายๆกับคนอื่นเขาไม่เป็น”


“เพราะคนที่คิดแต่เรื่องสบายจะไม่มีทางได้เป็นกษัตริย์” คำย้อนนิ่งเรียบพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสวยเหลือบมาเล็กน้อยเพื่อสบกับคนฟังเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันไปสนใจทางเดินต่อ


“เกิดเป็นราชนิกูลต้องรับใช้ประชาชน และเกิดเป็นประชาชนต้องได้รับความคุ้มครองและสวัสดิภาพ มีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ต้องแก่งแย่ง ไม่ต้องชิงดีชิงเด่น ไม่ขัดสนจนต้องเบียดเบียน เป็นเพียงนายตนไม่ใช่นายคนอื่น ถ้านายยังไม่เข้าใจตรงนี้ ฉันว่านายควรจะกลับไปเรียนวิชาหัวใจกษัตริย์ใหม่”


“ประสาท!” เพียงได้ยินชื่อวิชาไม้เบื่อไม้เมาตอนปีสอง เธอก็สบถออกมาเสียงดัง ขนงี้ลุกซู่ปานฝันเมื่อกลางวัน “หัวใจกษัตริย์บ้าบออะไรไม่เอาอีกแล้ว เหนื่อยจนตัวจะขาดเป็นชิ้นๆ ถึงจะได้ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาก็เถอะ รอปีหกเรียนหัวใจประชาดีกว่า ฉันว่าน่าสนกว่าเยอะ”


คำบ่นของคนไม่เคยรักเรียนเรียกดวงหน้าของบุรุษให้ไปหันมอง คาโลมุ่นหัวคิ้วอย่างแปลกใจ คิดไปว่าคนเราสามปีนี่ก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน อย่างน้อยๆเจ้าตัวยุ่งนี่ก็รู้จักสนใจอยากเรียนวิชานั้นวิชานี้กับเขาบ้าง รอยยิ้มบางผุดพรายบนใบหน้าหล่อคมทันทีที่คิด แต่ดูเหมือนมันจะเป็นการชมอย่างโจ่งแจ้งไปหน่อย คนหูไวตาไวถึงหันมามองขวับ


“ไม่ต้องมายิ้ม!” เฟรินแยกเขี้ยววับ ถลึงตามองเจ้าชายคนสำคัญที่ยังมีคดีติดตัว “สรุปแกไปเชิญพ่อฉันมาเอดินเบิร์กทำไม ตอบไม่ดีเจออัด”


“ก็แล้วถ้าฉันตอบดี นายมีอะไรจะให้ฉันไหม?” เสียงนุ่มทุ้มของคนถูกขู่กลับทวงถาม ประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเจ้าชายตรงหน้าเพราะพี่ท่านเกิดมีอารมณ์คล้อยตามบรรยากาศโรแมนติกทำให้หัวใจดวงน้อยสะดุดเต้นตีลังกา ใบหน้านวลขึ้นสีจนน่าเอ็นดู แม้ปากแม่คุณยังไวว่าไปโน่น แถมยังหัวเราะคิกคักตามฟอร์มคนชอบยั่ว


“ฉันมันแค่ขโมยธรรมด๊าธรรมดา จะมีอะไรไปถวายให้เจ้าชายคาโนวาลแห่งหอคอยงาช้างได้ล่ะ หือ?


เล่นเอาบรรยากาศหายวับ!


หล่อนบอกว่าเขาไม่น่ารัก อยากย้อนถามนักว่าใครกันแน่ที่ชอบทำตัวไม่น่ารัก


หัวหน้าป้อมอัศวินผ่อนลมหายใจ ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นหายไปทันทีพร้อมกับบรรยากาศที่ท่านพยายามจะสร้าง เปลี่ยนเป็นความเย็นชาน่าขนลุกเข้ามาแทนที่ สำทับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอย่างสายเลือดขัตติยวงศ์ผู้สูงศักดิ์ทำให้เฟรินแทบอยากตบปากตัวเอง


“รู้ตัวก็ดีว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นเรื่องของเจ้าชายก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้หัวขโมยรู้”


“ไอ้คาโลบ้า! แต่นั่นมันพ่อฉันนะ!” ว่าแล้วก็เสยหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด สบถด่าโคตรเจ้าชายให้สะดุ้งสะเทือนไปทั้งคาโนวาล “อย่างน้อยแกน่าจะให้ฉันได้พบพ่อบ้าง”


“ไม่ต้องห่วงหรอก เฟริน ตอนกลางคืนจะมีงานเลี้ยงต้อนรับจ้าวปิศาจเอวิเดส ฉันได้เตรียมที่นั่งให้นายได้ร่วมโต๊ะเสวยเรียบร้อย”


“แต่ว่า...!


“ถึงห้องแล้ว”


คำกล่าวเรียบจากคาโลทำให้เฟรินหันกลับไปปะทะกับห้องที่เธอแสนจะเบื่อหน่าย มันจะเป็นเรื่องอะไร้ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนขึ้นปีสี่ คาโลได้รับตำแหน่งหัวหน้าป้อมอย่างเป็นทางการ สิทธิ์อำนาจแรกที่พี่ท่านขอใช้ไม่ใช่ขยายโรงอาหารดราก้อนตามที่เธอขอ แต่เป็นการขยายห้องพักหญิงประจำชั้นปีให้ใหญ่พิเศษแล้วจับเธอยัดมานอนรวมกับอีกสามสาว!


แน่นอนว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่ยอมย้าย เตรียมประกาศสงครามบารามอส เดมอส คาโนวาลอีกรอบแล้วสู้ให้ตายกันไปข้าง จนเป็นฝ่ายเจ้าชายที่เล่นขี้โกง อ้างสิทธิ์ราชบุตรเขยเวรๆนั่นส่งจดหมายไปบอกท่านจ้าวเอวิเดสถึงเดมอส ลงท้ายปล.ด้วยประโยคน่าตบกะโหลกว่าที่มันทำไปทั้งหมดก็เพื่อสวัสดิภาพของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า


เท่านั้นแหล่ะพระบิดาบังเกิดเกล้าผู้ไม่เคยขัดใจถึงกับยื่นคำขาดว่าถ้าเธอไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ปิดเทอมหน้าร้อนนี้จะให้มาอยู่ในโอวาทของราชินีจันทราแทน ประทับตราราชวงศ์เกรเดเวลตัวแดงโร่!


ตลอดเวลาเกือบสองปีที่เหมือนกับฝันร้าย หัวเธอไม่ปูดเป็นลูกมะอึกเพราะคทาแม่เจ้าประคุณแองเจลีน่า ก็ต้องสำลักคำสุภาพของเจ้าหญิงเรนอนคนงาม มาทิลด้าที่เธอเคยบอกว่าไม่หยุมหยิมแต่ตำหนิเธอทุกรอบหากพบว่าโต๊ะ ตู้ เตียงไม่เรียบร้อย อยู่กับผู้หญิง อย่างผู้หญิง ทำเอาคนไม่อยากเป็นหญิงจะบ้าตาย! แม้ว่าพักหลังๆคาโลจะเริ่มทนเสียงโอดเสียงครวญไม่ค่อยไหว อนุญาตให้เธอไปเล่นทโมนกับเพื่อนผู้ชายฝั่งโน้นบ้าง แต่มันก็ต้องลากเธอกลับมาส่งห้องก่อนสามทุ่ม


ชักไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นพระคู่หมั้นหรือพ่อคนที่สามกันแน่!


แต่เห็นใบหน้าอ่อนเพลียของมันแต่ละวันแล้วใจซนๆของคนชอบป่วนก็พาลพร้อมอยากทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยๆงานบนโต๊ะของคนตรงหน้าก็มากมายทั้งที่มันให้เธอเห็น กับที่ปิดไว้เป็นความลับอีกไม่รู้ต้องเท่าไหร่ เธอก็ไม่ควรทำให้มันต้องเหนื่อยอีก


เมื่อก่อนไม่ค่อยสำนึก พี่สาวในคทาคอยกรอกหูทุกวัน แต่ตอนนี้ชักเริ่มรู้สึกขึ้นมาบ้าง


“เฮ้อ...ราตรีสวัสดิ์คาโล หลับฝันดี” บุรุษแย้มรอยยิ้มน้อยๆเมื่อรับฟัง ก่อนจะรับเสื้อคลุมคืนกลับมา แต่ไม่ทันไรก็ต้องหุบยิ้มฉับแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแทนเมื่อคนชอบลีลายังยืนยิ้มแป้นแล้นไม่ยอมเข้าห้องไปสักที


“มีอะไรอีก”


“แล้วนายไม่คิดจะบอกฝันดีฉันมั่งเหรอ แลกกันไง”เจ้าชายแห่งคาโนวาลชะงักไปนิดกับคำต่อรองของแม่ยอดยุ่ง สบกับดวงตาคู่โตสีน้ำตาลที่รอลุ้นจนน่าขำ ก่อนจะผ่อนอารมณ์เล็กน้อยแล้วเอ่ยคำหวานส่งคนเข้านอน


“เป็นไปได้ก็ไม่ต้องฝัน หลับให้สนิทซะเฟริน พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”


คำหวานจากนักรักชั้นอนุบาลที่แสนจะโรแมนติก...มาก!









ขนาดมันบอกไม่ให้เธอฝัน


แล้วเธอมายืนอยู่ทำไมที่นี่!


ความมืดรอบตัวจนมองไม่เห็นทาง กับบทสวดสาปแช่งน่าขนลุกดังงึมงำ พร้อมกับไอเย็นๆที่แผ่ปกคลุมเริ่มเกาะรูขุมขนให้สั่นเล่น นี่ถ้าเธอไม่เคยสู้รบปรบมือกับหัวหน้าป้อมน้ำแข็งไสมาก่อนมีหวังแย่แน่ แต่ตอนนี้มันใช่เวลามาคิดถึงใครซะที่ไหนบรรยากาศแบบนี้เฟรินจำได้ ต้นเหตุที่เธอละเมอลั่นกลางสภา


ไอ้ผีบ้านั่นมันเล่นเธออีกแล้ว!


แต่คราวนี้อย่าหวังเลยว่ามันจะเป็นเหมือนเมื่อตอนกลางวัน เธอต้องลากคออีกฝ่ายมานั่งคุยให้รู้แล้วรู้รอด
หนึ่งในวิชาก้นหีบของตระกูลเดอเบอโรว์ ตาดีในที่มืดสอดส่องหาไอ้ผีบ้านั่น แต่ก่อนเฟรินก็เชื่อหรอกว่าผีมันต้องตัวใสๆ มองไม่เห็น แต่วิญญาณสามตนในคทาพิพากษาของคาโลลบความเชื่อนั้นไปจนหมด ไม่เพียงแต่เห็นได้ ยังตีได้ หยิกได้อีกต่างหาก


หันซ้าย....ไม่เจอใคร หันขวา...มีแต่ความว่างเปล่า


แล้วข้างหลัง....


“จะอยากเห็นฉันไปทำไม เจอกันทุกวันอยู่แล้ว”


ไอ้บ้านี่มันสันดานแย่! เฟรินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เธอควรจะสอนมันรู้ใช่ไหมว่าถ้าจะเป็นผีที่ดีก็ไม่ควรโผล่มาข้างหลังคนอื่นแบบนี้! คนกล้าท้าผีหันกลับไปเตรียมสวดยับแม้ใจจะเต้นระทึก แต่พอเห็นภาพเบื้องหน้าบทสวดทั้งหมดก็ต้องกลืนหายลงคอไป


เรืองแสง...เฮ้! ไม่ได้โกหก เจ้าผีบ้านั่นเรืองแสงจริงๆ แสงสีทองอ่อนๆจับรอบกายดูแล้วเหมือนนางฟ้าหรือเทพธิดาในนิทานก่อนนอน แถมหน้าตาก็....สวย...มั้ง?


ผมสีน้ำตาลเหยียดยาวเคลียไหล่เล็กมนล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ ดวงหน้าสวยใสอ่อนเยาว์เกินกว่าที่จะเรียกว่าผี ดวงตากลมโตสีน้ำตาลฉายแววอ่อนโยนทว่าเข้มแข็งตามประสาคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางสีอ่อนดูท่าว่าจะจัดไม่ใช่น้อยขยับยิ้มให้เธออย่างกวนประสาท


เอื๊อก!


ดูยังไงไอ้บ้านี่ก็คือเธอเป๊ะๆ!เวลาส่องกระจก (เรนอนบังคับจะหวีผมให้) ตอนแรกเผลอคิดไปแวบหนึ่งว่าอาจจะเป็นท่านแม่อลิเซียหนีท่านตาไฮคิงที่โลกโน้นแล้วมาหาเธอเสียอีก แต่การแต่งตัวของไอ้บ้านี่ดูยังไงก็ยังห่างไกลกับเจ้าหญิงแห่งบารามอสที่เธอเคยย้อนเวลาหาอดีตไปพบมา เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสบายๆ แถมยังนั่งแหกแข้งแหกขาบนเก้าอี้ หาไม่เจอแม้เศษเสี้ยวกริยามารยาทเยี่ยงกุลสตรี


เหอะ! ตลก! ตลกเกินไปแล้ว!!


นั่นมันเธอ ดูยังไงก็เธอ! เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปรินเซส ออฟ เดมอส ชัดๆ!


“ตกใจอะไร” มันยังมีหน้ามาถาม เสียงหวานๆนั่นฟังดูก็รู้ว่าดัด! “ตกใจที่เห็นฉันเป็นผู้หญิง หรือว่าที่ฉันหน้าเหมือนเธอ”


“เอ่อ...” คนโดนลอกเลียนแบบใบหน้าเกิดอาการติดอ่างเป็นเด็กน้อย ค่อยๆเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ ยิ่งเห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งเหมือน ยิ่งเห็นก็ยิ่งคุ้นเคยจนน่าแปลก เฟรินทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามขณะที่มองตาไม่กระพริบ


“แหะๆๆ” เจ้าตัวดีหัวเราะแห้ง เกาหัวแกรกๆ ไม่เคยรู้สึกตะขิดตะขวงใจเวลาคุยกับสาวที่ไหนเท่ามันเลย “ก่อนอื่นถ้าเราจะคุยกันยาว ฉันคงต้องหาทางเรียกชื่อเธอก่อน เอาชื่อไหนดี คนหน้าตาแบบนี้มีหลายชื่อนะ เฟริน เฟลิโอน่า ธิดาแห่งความมืด ไอ้หมาบ้า หรือเจ้าหนูสายฟ้าป้อมอัศวิน แต่ฉันจะดีใจมากถ้าเธออนุญาตให้ฉันเรียกเธอว่า เฟริน”


คนถูกตั้งชื่อยิ้มน้อยๆแล้วโคลงศีรษะ ดวงตาที่เหมือนเธอเปี๊ยบจ้องมองมา แล้วเอ่ยแผ่วเบา


“เธอรู้ว่าเธอควรเรียกฉันว่าอะไร”


เฟรินเบิกตาค้างก่อนจะจ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ จ้องตาตัวเองอย่างที่ทำในกระจกเงา ดวงตาสื่อความหมายได้ร้อยพันทำให้หัวใจถึงกับวาบไหว ฉับพลันลมประหลาดก็พัดวูบ แสงอะไรบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว เธอกะพริบตาช้าๆแล้วตัดสินใจเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกไปเบาๆราวกับต้องมนต์


“ผ่า...ปฐพี?” คนตรงหน้ายิ้มราวกับพึงพอใจในชื่อ


โอ้! โอ้! โอ้! โอ้ พระเจ้า!! สนุกแน่งานนี้ เฟริน เดอเบอโรว์!!


ไอ้หมอนี่คือผ่าปฐพี! ดาบเล่มเท่าควายที่เธอจับมันเหวี่ยงมาสี่ปีกว่า แท้จริงแล้วเป็นสาวบอบบางร่างน้อย โอ้! คิดแล้วอยากลากเพื่อนทั้งป้อมมาให้เห็นกับตา เธอจะได้อวดซักทีว่าไม่ได้มีแต่ไอ้คาโลเท่านั้นที่เดินทำเท่พกอาวุธติดวิญญาณ เธอก็มีเหมือนกัน แถมวิญญาณที่ว่ายังหน้าตาเหมือนเธออย่างกับแกะ! อืม....นี่อาจจะเป็นแอพพลิเคชันพิเศษที่พ่อเอวิเดสแอบใส่ไว้ในดาบก็ได้ ทำไมถึงไม่เคยบอกกันเลยหนอ


“นี่ ผ่าปฐพี ถ้าแกจะมีตัวตนทั้งทีน่าจะเลือกหน้าตาหน่อยน้า มาเหมือนทำไมกับฉัน น่ารักมันก็ส่วนน่ารักอยู่หรอก แต่คนตามฆ่าเยอะ ความปลอดภัยติดลบ” เจ้าตัวดีเริ่มซ่าเมื่อรู้ว่าผีที่เธอกลัวมันมาตั้งนานกลับเป็นดาบคู่ใจ ปากไวรีบค่อนแขวะทั้งๆที่เมื่อกลางวันยังเสียงสั่นเวลาคุยกับมันอยู่เลย คนความปลอดภัยติดลบยิ้มรับพร้อมจ้องหน้าคู่สนทนาอย่างมีความหมาย เสียงตอบดังฟังกังวาน


“ไม่ใช่ว่าทำไมต้องเลือกให้เหมือน แต่มันต้องเหมือนเลยต่างหาก ฉันคือเธอ เธอคือฉัน วิญญาณเราผูกสัมพันธ์ ไม่มีใครแยกจากใคร”


“ก็พอเข้าใจ” เฟรินยิ้ม ชักชอบคำพูดของคนตรงหน้า ดูปรัชญางี่เง่าไปหน่อย แต่ก็ตรงไปตรงมาเหมือนนิสัยเธอดี “แต่ที่ไม่เข้าใจก็เมื่อกลางวัน เสียงแกเป็นผู้ชายชัดๆ แล้วทำไมตอนนี้เป็นผู้หญิงเฉย”


“ทีเธอเป็นชายบ้าง หญิงบ้าง ดีไม่ดีเป็นหมา ฉันยังไม่เคยว่าเลย” เจ้าดาบปากดีกลับว่าไปโน่น เล่นเอาเจ้านายระบุเพศยากถลึงตาง้างหมัด แต่มันยังหัวเราะไม่รู้สึกรู้สา ก่อนแจงเสียงใส


“ใจเธออยากให้ฉันเป็นใคร ฉันก็เป็นคนนั้น จะเฟริน เดอเบอโรว์ หัวขโมยที่ร่อนเร่ไปมา ไม่รู้แม้แต่สายเลือดที่แท้จริงของตัวเอง หรือจะเป็นเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล ทายาทสองแผ่นดินที่ก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และปิศาจได้ง่ายเหมือนดีดนิ้ว...ก็คนเดียวกันทั้งนั้น”


คนฟังกลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าชาดิกกับตัวตนที่แสนจะรับได้ยาก


“อย่าพูดเรื่องเครียดอย่างนั้นน่า แกอยู่กับฉันมาตลอด แกก็เห็น ใช่ว่าฉันก็อยากเป็นธิดาแห่งสงคราม”


“ใช่ เธอไม่อยากเป็นหรอก” ผ่าปฐพีรับคำ ดวงตาสีน้ำตาลช้อนมาสบ พลันบทสวดที่ดังรำคาญหูมาตลอดก็เงียบดับ ราวกับเตรียมรับฟังประโยคที่ดังกังวาลในความมืด


“แต่สายเลือด เธอไม่อาจปฏิเสธมันได้ เฟลิโอน่า เกรเดเวล”


“สายเลือดปิศาจ?” เฟรินต่อ


“สายเลือดอาถรรพ์ผู้ครอบครองอาวุธอาถรรพ์” ผ่าปฐพีขยายความ มุมปากขยับเป็นรอยยิ้ม “ที่เรียกอาถรรพ์อย่างฉันให้บังเกิด  เช่นเดียวกับมงกุฎแห่งใจ คทาแห่งพลัง แหวนแห่งปราชญ์ ดาบแห่งกษัตริย์ที่พินาศดับสูญ แต่วิญญาณยังคงอยู่คู่มนุษย์ผู้ยังละโมบกระหายในอำนาจ”


“แล้วคราวนี้ฉันต้องใช้อะไรซื้ออำนาจของแกล่ะ” คนรู้แกวถามอย่างใจเย็น นั่งเท้าคางยิ้มๆมองจิตวิญญาณของตนเอง แล้วชูนิ้วเสนอเป็นข้อๆ “เลือดเนื้อ หัวใจ ความทรงจำ หรือว่าชีวิต”


“เธอสละของพวกนั้นให้ฉันได้งั้นหรือ?” มันทวน แต่เฟรินกลับเบะปาก ชักมือกลับ


“ฉันจะบอกว่า ถึงแกจะขออะไรฉันก็ไม่ให้ทั้งนั้นแหล่ะโว้ย!” คนฟังเลิกคิ้วชะงักไปนิด พยักหน้าหงึกหงักเหมือนได้รับคำตอบที่ไม่ได้เหนือไปกว่าการคาดการณ์ใดๆ


“ถ้างั้นเราคงจะต้องคุยกันใหม่ คิดให้ดีเฟลิโอน่า เพราะสิ่งที่ฉันอยากจะขอจริงๆ มันไม่ได้หาง่ายๆนัก...หรือบางทีอาจจะไม่มีเหลือในโลกใบนี้แล้วก็ได้”







“...ริน”


“เฟริน...”


“ไอ้บ้าเฟริน!!!!


โป๊ก!


“โอ๊ยยย!! เจ็บ!!” เด็กสาวร้องลั่น คลำหัวตัวเองป้อยๆ ติดสปริงดีดตัวเองจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้ว ภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอจนต้องใช้มือขยี้ ก่อนหันกลับไปมองแม่สาวน้อยแองเจลีน่า โรมานอฟ เจ้าหล่อนยังอยู่ดีในชุดนอนปาจาม่าสีฟ้ายืนจังก้าควงอาวุธมหาประลัย ขนาบข้างด้วยมาทิลด้ากับเรนอนที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่งเช่นเดียวกัน แววตาติดง่วงของสาวๆแต่ละคนกับไฟหน้าโต๊ะอ่านหนังสือเปิดโพลงท่ามกลางความมืดเป็นหลักฐานอย่างดีว่านี่เป็นเวลากลางดึก
ยังไม่สมควรตื่น แล้วตื่นกันมาทำไม


“คุณเฟรินนอนละเมอค่ะ” เรนอนเฉลย ใบหน้าสวยของเธอแม้จะงัวเงียแต่ก็ยังแสดงความเป็นห่วงชัดเจน “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดิ้นพล่านเลยแถมยังร้องอือๆออๆตลอดเวลา”


“ผม...” เพียงแค่สรรพนามหลุดปาก ว่าที่คิงแห่งอเมซอนคนงามผู้ไม่หยุมหยิมขึงตาขวับ ทำให้เจ้าตัวดีรีบทำคอหด แล้วเปลี่ยนใหม่ “ฉะ ฉัน...ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ฝันร้าย”


“ฝันร้ายของนายใช้คำว่าแค่ไม่ได้หรอกเฟริน” สาวน้อยหนึ่งในผู้คุมกฎว่าบ้าง เจ้าหล่อนวางคทาสารพัดประโยชน์ลงกับหัวเตียงแล้วทรุดกายนั่งลงข้างเธอ


“ที่ฉันตื่นไม่ใช่เพราะนายละเมอ แต่สัมผัสได้ถึงพลังไอมนตร์รุนแรงแผ่มาจากตัวนาย” แองจี้หรี่ตา ดวงหน้าจริงจังกับคำพูดเรียบๆของแม่มดสาวทำเอาเฟรินชาวาบ “มนต์ดำเดมอส”


ดวงตาอีกสามคู่ที่ฟังเบิกกว้างก่อนจะเป็นมาทิลด้าที่รับสถานการณ์ได้ดีกว่าใคร หล่อนพยักหน้ารับแล้วหันกลับมาจ้องคนที่นั่งทำตาแป๋วอยู่บนเตียง พร้อมออกความคิดเห็นทันที


“เรื่องนี้ควรถึงคาโล”


“ไม่!” เจ้าตัวรีบแย้งวับ


“ไม่ได้ค่ะ คุณเฟริน คุณคิลเคยเล่าให้เรนอนฟังว่าตอนปีหนึ่งคุณเฟรินเคยโดนเวทย์ในฝันไปครั้งหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสเกือบเอาตัวไม่รอด ถ้าคราวนี้มันเป็นเรื่องร้ายแรงจะทำยังไงกันคะ”


เฟรินเม้มริมฝีปากจ้องตากับสามสาวแห่งป้อมอัศวินที่ไม่มีแววว่าจะปล่อยเธอไปง่ายๆ คนหนึ่งก็แม่มดพ่วงดีกรีจากเมืองวิทช์มหาเวทย์ ไอ้ฝันประหลาดที่เธอไปนั่งคุยกับผ่าปฐพีอยู่นานสองนานก็เพราะด้วยฤทธิ์วิญญาณอาวุธของเดมอส ไม่มีทางตบตาแองจี้ไปได้


ต่อมาก็มาทิลด้า ไม่ว่าเรื่องใดถ้าเจ้าหล่อนไม่จัดการให้กระจ่างเด็ดขาด ดูท่าคงจะนอนไม่หลับ


แล้วสุดท้ายเจ้าหญิงเรนอนคนดีที่เฟรินไม่คิดอยากต่อกรด้วย แต่บอกแล้วว่าสาวยิ่งงามยิ่งไว้ใจไม่ได้ หากไม่ใช่เจ้าหล่อนรับคำคาโลมาอย่างดิบดีว่าตราบใดที่เธออาศัยอยู่ห้องนี้ เป็นตายร้ายดีอย่างไรต้องรายงานถึงหูท่านหัวหน้าป้อมทุกอย่าง


บ้าจริง!


“แต่ตอนนี้คาโลมันยุ่งจะแย่ ใกล้งานที่ท่านพ่อจะเสด็จแล้วด้วย แค่ฝันแค่นี้อย่าไปกวนมันเลยนะ” เจ้าตัวดีเริ่มแจกยิ้มหวาน คำพูดที่ปรับโทนให้กลายเป็นเสียงนุ่มชวนละลายยังใช้การได้ดีไม่ว่ากับหญิงหรือชาย ตบท้ายด้วยมือบางเอื้อมไปจับไหล่สาวน้อยผมทองที่อยู่ใกล้เธอที่สุด หลุบตาลงเล็กน้อยเว้าวอนเสียงอ่อน “นะ...ถือว่าฉันขอร้อง...”


ได้ผลไม่ได้ผลไม่รู้ แต่ที่แน่ๆพวกเจ้าหล่อนหันกลับไปมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ระบายยิ้มอ่อนใจออกมาเป็นเชิงยอมแพ้ นี่คงจินตนาการกันไปไกลว่าเธอห๊วงห่วงคาโลจะเหนื่อยอย่างที่เธอตอแหล คิดตรงนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ ผู้หญิงนี่น้อ ยังไงก็แพ้เรื่องโรแมนติก


ไฟในห้องดับลงอีกครา เฟรินพลิกตัวไปอีกข้างเข้ากับผนังห้องสีขาว จ้องปะทะกำแพงแล้วคิดถึงคำพูดของดาบคู่ใจที่ยังค้างอยู่ในหัวไม่พลาดไปแม้แต่คำเดียว


“คิดให้ดีเฟลิโอน่า เพราะสิ่งที่ฉันอยากจะขอจริงๆ มันไม่ได้หาง่ายๆนัก...หรือบางทีอาจจะไม่มีเหลือในโลกใบนี้แล้วก็ได้”


หึ ไอ้ดาบงี่เง่า!น่ารักซะเปล่าแต่สมองโคตรทึบ!


แกอยู่กับฉันมากี่ปีถึงไม่รู้ว่าไม่มีอะไรที่ท่านเฟรินคนนี้หามาไม่ได้ ถ้าขโมยไม่ได้อย่างเก่า เดี๋ยวไปเรียนวิชาขอจากไอ้โรเอาก็ได้ หึ งานนี้ขอเงินได้ทอง ขอบ้านได้พระราชวัง!


คิดจะมาเลียนแบบไอ้มงกุฎเฮงซวยนั่น ฉันว่ามันไม่เท่เท่าไหร่เลยนะ...ผ่าปฐพี


.


.


.


.

.


TBC...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น