Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้
กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
บทนำ
ณ ปราสาททรงยุโรปชานกรุงอิตาลี
บุรุษวัยอาวุโสในชุดสูทสีน้ำตาลดูสง่าภูมิฐาน
นั่งอยู่บนเก้าอี้ลูกฟูกสักหลาด ขาทั้งสองไขว้แสดงถึงความมีอภิสิทธิ์
สายตาเฉียบคมแฝงไปด้วยอำนาจของผู้นำมองทอดไปบนโต๊ะที่ยาวกว่าห้าเมตร
สองข้างโต๊ะถูกขนาบด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสนิทนั่งเรียงกันจนสุดริม
บรรยากาศปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ไม่ได้แม้แต่เสียงของลมหายใจ
ราวกับในห้องนี้ร้างไร้ซึ่งคนนั่งอยู่
บุรุษผู้นั่งสูงสุดหันไปสบตากับคนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาเสมือนผู้รู้หน้าที่
ชายหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะถือหนังสือฉบับหนึ่งยืนตัวตรง
พูดด้วยน้ำเสียงดังและชัดเจน
“นี่เป็นสาส์นจากบอสของแฟมิลี่เรา
เป็นสาส์นที่ถูกต้องไร้การปลอมแปลง ถูกเขียนขึ้นเมื่อวันที่ 16
มิถุนายน เวลา 15 นาฬิกา 40นาที ความว่า ถึงผู้พิทักษ์ องครักษ์ หัวหน้าหน่วย
ตลอดจนสมาชิกแฟมิลี่ทุกคน
หนังสือฉบับนี้เป็นหนังสือฉบับสำคัญที่เราจะเขียนในฐานะบอสของแฟมิลี่
เนื่องจากระยะเวลาผ่านไป เราเองก็ชราลงทุกที ความสามารถ
คุณลักษณะก็ด้อยลงไปตามสังขาร ประกอบกับโรคประจำตัวที่คุกคามไม่เว้นแต่ละวัน
เราจึงคิดว่าจะบริหารแฟมิลี่ไปอีกไม่ได้นาน
จึงเรียนมาให้ทุกคนทราบถึงการแต่งตั้งบอสแฟมิลี่คนใหม่ ซึ่งเราเลือกเอาไว้แล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแฟมิลี่ต้องอยู่ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด
จะไม่มีวันที่แฟมิลี่จะล่มสลาย!!!”
เสียงของชายหนุ่มหยุดลงก่อนจะนำเครื่องฉายภาพเฮโลแกรมฉายหนังสือคำสั่งให้สมาชิกแฟมิลี่เห็นได้อีกครั้งหนึ่ง
“ตราแฟมิลี่สีเงินเรืองแสงในที่มืดได้
พร้อมลายเซ็นของบอส นี่เป็นหลักฐานว่าคำสั่งนี้เป็นเรื่องจริง!”ชายหนุ่มตะโกนก้องเรียกเสียงฮือฮาจากหนุ่มฉกรรจ์นับหลายสิบคนที่ขนาบสองข้างโต๊ะ
มองหน้ากันเลิ่กลั่กเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระงมไปทั่วห้องสลับกับเสียงถอนหายใจของเหล่าสมาชิกอาวุโส
การปฏิวัติแฟมิลี่ใหม่กะทันหันแบบนี้มันคงต้องใช้เวลานานพอสมควร...บอสคิดจะทำอะไร
“มีความคิดที่ขัดแย้ง...อย่างนั้นรึ”
เสียงแหบห้าวแต่ทว่าทรงอำนาจเรียกสายตาทุกคู่ให้หันเข้าหา
บุรุษผู้สูงส่งกวาดสายตามองสมาชิกแต่ละตนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไปอย่างเรียบเฉย
“ใครมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
รีบว่ามา”
“เรียนบอสที่เคารพ...”ชายอาวุโสผู้หนึ่งยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาต
บุรุษผู้สูงส่งเหลือบสายตาก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ขอบคุณในความกรุณา...
เรื่องที่บอสจะสละตำแหน่งนั้นพวกเราไม่ขัดข้องใจใดๆทั้งสิ้น
แต่เรื่องที่อยากให้ชี้แจงคือคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งของบอส ไม่ทราบว่าเขาคือใคร
ขอเรียนบอสอย่าลืมว่าคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งนั้นต้องมีคุณลักษณะที่พึงถูกต้องทุกประการ”
ชายอาวุโสโค้งคำนับหนึ่งทีเมื่อกล่าวจบ พร้อมๆกับเสียงสนับสนุนจากคนในห้องกลายๆ
จากที่เห็นตอนนี้แล้ว
ไม่มีใครเลยที่จะก้าวมานั่งเก้าอี้ในฐานะบอสคนต่อไปของแฟมิลี่
ไม่มีใครเหมาะสมแม้แต่ผู้เดียว...
“มันก็ถูก...”
บุรุษผู้สูงส่งกล่าวเสียงเรียบเช่นเดิม จิตใจของผู้นำไม่หวั่นไหวสักนิด
“แต่ถามว่าไม่มีใครเลย ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากใช่มั้ย”
“บอสหมายถึง...!” ชายฉกรรจ์แทบทุกคนพูดออกมาด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง เมื่อตีความหมายของผู้นำ
เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว
และก็เป็นเรื่องสมาชิกทุกคนไม่ปรารถนาจะนึกถึงมันอีก
ความผิดอันแสนร้ายแรงและขมขื่นที่แฟมิลี่นี้พยายามปกปิด...
การหายตัวไปของลูกชายคนเดียวของบุรุษผู้สูงส่ง!
“ตะ แต่ว่าบอสครับ ’นายน้อย’ ได้หลบหนีออกจากปราสาทเมื่อสิบปีก่อน จากรายงาน
นายน้อยพยายามลืมความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับปราสาทหลังนี้
รวมทั้งตัวของบอสด้วย แม้แต่คุณหนูเบียงกี้ที่ดูแลนายน้อยอยู่
นายน้อยยังแทบไม่หลงเหลือว่าคุณหนูเบียงกี้เป็นพี่สาว
และที่สำคัญกว่านี้...”ชายหนุ่มเว้นช่วงไปเพื่อถอนหายใจ
ความจริงที่จะพูดต่อจากนี้ช่างบั่นทอนความหวังของแฟมิลี่ยิ่งนัก
“ปัจจุบันนายน้อยเป็นถึงผู้พิทักษ์วายุของวองโกเล่แฟมิลี่รุ่นที่สิบ
...มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะนำตัวนายน้อยมาตามที่บอสประสงค์”
“ถึงเวลานั้นเราคงต้องเปิดศึกกับวองโกเล่
มันเป็นอะไรที่ไม่ควรเสี่ยงกับความพินาศของแฟมิลี่เรา”
“ได้โปรดบอสไตร่ตรองใหม่เถอะครับ”
ความคิดเห็นของสมาชิกหลั่งไหลเข้าสู่หูทั้งสองข้างของผู้เป็นบอสเรื่อยๆ
ล้วนแล้วแต่เกรงกลัวที่จะนำลูกเสืออกจากถ้ำเสือ บารมี
ความเก่งกาจของวองโกเล่แฟมิลี่มีมากเพียงใดใครๆก็รู้
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำคนสำคัญออกมา พอถึงคราวต้องเปิดศึกชิง ความเป็นไปได้ที่จะชนะ
ไม่มีเลยแม้แต่น้อย
“แต่การคงอยู่ของแฟมิลี่ก็เป็นสิ่งสำคัญ
วองโกเล่รุ่นที่สิบไม่ใช่คนที่โหดร้ายไร้วัฒนธรรมแต่อย่างใด คงจะพอเจรจาได้และอีกอย่าง
ปราสาทหลังนี้ยังหลงเหลือ ‘ของ’ อีกหนึ่งสิ่งที่เด็กคนนั้นไม่มีวันลืมเลือน”
น้ำเสียงของบุรุษผู้สูงส่งยังคงยืนกรานทว่าอ่อนลงเล็กน้อยในตอนท้าย
สีหน้าที่เข้มขึ้นทำให้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงคัดค้านอีก
เหลือไว้เพียงสีหน้าที่เป็นกังวลเท่านั้น
บุรุษผู้สูงส่งใช้ไม้เท้าค้ำก่อนจะค่อยๆยืนจากเก้าอี้ ตะโกนคำประกาศิตกร้าว
“ส่งหนังสือไปเจราจากับวองโกเล่แฟมิลี่!!! ถ้าฝ่ายนั้นไม่ยอม...”
“คงต้องมีการชิงตัว!!!”
วายุคือลมที่โหมกระหน่ำ
บุกโจมตีคู่ต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ในบางครั้งก็เป็นสายลมที่อ่อนโยน
พัดพาความอบอุ่นให้แก่แฟมิลี่...แต่ตอนนี้จะมีใครรู้หรือไม่....
ว่าพวกเขากำลังจะสูญเสียสายลมไปแล้ว...
TBC…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น