หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

Fic KHR [8059] My wind...our wind : introduction



Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama  Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



บทนำ



ณ ปราสาททรงยุโรปชานกรุงอิตาลี


บุรุษวัยอาวุโสในชุดสูทสีน้ำตาลดูสง่าภูมิฐาน นั่งอยู่บนเก้าอี้ลูกฟูกสักหลาด ขาทั้งสองไขว้แสดงถึงความมีอภิสิทธิ์ สายตาเฉียบคมแฝงไปด้วยอำนาจของผู้นำมองทอดไปบนโต๊ะที่ยาวกว่าห้าเมตร สองข้างโต๊ะถูกขนาบด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสนิทนั่งเรียงกันจนสุดริม บรรยากาศปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ไม่ได้แม้แต่เสียงของลมหายใจ ราวกับในห้องนี้ร้างไร้ซึ่งคนนั่งอยู่                                                                                                                                  


บุรุษผู้นั่งสูงสุดหันไปสบตากับคนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาเสมือนผู้รู้หน้าที่ ชายหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะถือหนังสือฉบับหนึ่งยืนตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงดังและชัดเจน


“นี่เป็นสาส์นจากบอสของแฟมิลี่เรา เป็นสาส์นที่ถูกต้องไร้การปลอมแปลง ถูกเขียนขึ้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน เวลา 15 นาฬิกา 40นาที ความว่า ถึงผู้พิทักษ์ องครักษ์ หัวหน้าหน่วย ตลอดจนสมาชิกแฟมิลี่ทุกคน หนังสือฉบับนี้เป็นหนังสือฉบับสำคัญที่เราจะเขียนในฐานะบอสของแฟมิลี่ เนื่องจากระยะเวลาผ่านไป เราเองก็ชราลงทุกที ความสามารถ คุณลักษณะก็ด้อยลงไปตามสังขาร ประกอบกับโรคประจำตัวที่คุกคามไม่เว้นแต่ละวัน เราจึงคิดว่าจะบริหารแฟมิลี่ไปอีกไม่ได้นาน จึงเรียนมาให้ทุกคนทราบถึงการแต่งตั้งบอสแฟมิลี่คนใหม่ ซึ่งเราเลือกเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแฟมิลี่ต้องอยู่ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด จะไม่มีวันที่แฟมิลี่จะล่มสลาย!!!” เสียงของชายหนุ่มหยุดลงก่อนจะนำเครื่องฉายภาพเฮโลแกรมฉายหนังสือคำสั่งให้สมาชิกแฟมิลี่เห็นได้อีกครั้งหนึ่ง


“ตราแฟมิลี่สีเงินเรืองแสงในที่มืดได้ พร้อมลายเซ็นของบอส นี่เป็นหลักฐานว่าคำสั่งนี้เป็นเรื่องจริง!”ชายหนุ่มตะโกนก้องเรียกเสียงฮือฮาจากหนุ่มฉกรรจ์นับหลายสิบคนที่ขนาบสองข้างโต๊ะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระงมไปทั่วห้องสลับกับเสียงถอนหายใจของเหล่าสมาชิกอาวุโส



การปฏิวัติแฟมิลี่ใหม่กะทันหันแบบนี้มันคงต้องใช้เวลานานพอสมควร...บอสคิดจะทำอะไร



“มีความคิดที่ขัดแย้ง...อย่างนั้นรึ” เสียงแหบห้าวแต่ทว่าทรงอำนาจเรียกสายตาทุกคู่ให้หันเข้าหา บุรุษผู้สูงส่งกวาดสายตามองสมาชิกแต่ละตนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไปอย่างเรียบเฉย


“ใครมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง รีบว่ามา”


“เรียนบอสที่เคารพ...”ชายอาวุโสผู้หนึ่งยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาต บุรุษผู้สูงส่งเหลือบสายตาก่อนจะพยักหน้าช้าๆ


“ขอบคุณในความกรุณา... เรื่องที่บอสจะสละตำแหน่งนั้นพวกเราไม่ขัดข้องใจใดๆทั้งสิ้น แต่เรื่องที่อยากให้ชี้แจงคือคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งของบอส ไม่ทราบว่าเขาคือใคร ขอเรียนบอสอย่าลืมว่าคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งนั้นต้องมีคุณลักษณะที่พึงถูกต้องทุกประการ” ชายอาวุโสโค้งคำนับหนึ่งทีเมื่อกล่าวจบ พร้อมๆกับเสียงสนับสนุนจากคนในห้องกลายๆ จากที่เห็นตอนนี้แล้ว ไม่มีใครเลยที่จะก้าวมานั่งเก้าอี้ในฐานะบอสคนต่อไปของแฟมิลี่ ไม่มีใครเหมาะสมแม้แต่ผู้เดียว...


“มันก็ถูก...” บุรุษผู้สูงส่งกล่าวเสียงเรียบเช่นเดิม จิตใจของผู้นำไม่หวั่นไหวสักนิด “แต่ถามว่าไม่มีใครเลย ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากใช่มั้ย”


“บอสหมายถึง...!” ชายฉกรรจ์แทบทุกคนพูดออกมาด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง เมื่อตีความหมายของผู้นำ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว และก็เป็นเรื่องสมาชิกทุกคนไม่ปรารถนาจะนึกถึงมันอีก



ความผิดอันแสนร้ายแรงและขมขื่นที่แฟมิลี่นี้พยายามปกปิด...



การหายตัวไปของลูกชายคนเดียวของบุรุษผู้สูงส่ง!



“ตะ  แต่ว่าบอสครับนายน้อย ได้หลบหนีออกจากปราสาทเมื่อสิบปีก่อน จากรายงาน นายน้อยพยายามลืมความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับปราสาทหลังนี้ รวมทั้งตัวของบอสด้วย แม้แต่คุณหนูเบียงกี้ที่ดูแลนายน้อยอยู่ นายน้อยยังแทบไม่หลงเหลือว่าคุณหนูเบียงกี้เป็นพี่สาว และที่สำคัญกว่านี้...”ชายหนุ่มเว้นช่วงไปเพื่อถอนหายใจ ความจริงที่จะพูดต่อจากนี้ช่างบั่นทอนความหวังของแฟมิลี่ยิ่งนัก 



“ปัจจุบันนายน้อยเป็นถึงผู้พิทักษ์วายุของวองโกเล่แฟมิลี่รุ่นที่สิบ ...มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะนำตัวนายน้อยมาตามที่บอสประสงค์”



“ถึงเวลานั้นเราคงต้องเปิดศึกกับวองโกเล่ มันเป็นอะไรที่ไม่ควรเสี่ยงกับความพินาศของแฟมิลี่เรา”


“ได้โปรดบอสไตร่ตรองใหม่เถอะครับ”


ความคิดเห็นของสมาชิกหลั่งไหลเข้าสู่หูทั้งสองข้างของผู้เป็นบอสเรื่อยๆ ล้วนแล้วแต่เกรงกลัวที่จะนำลูกเสืออกจากถ้ำเสือ บารมี ความเก่งกาจของวองโกเล่แฟมิลี่มีมากเพียงใดใครๆก็รู้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำคนสำคัญออกมา พอถึงคราวต้องเปิดศึกชิง ความเป็นไปได้ที่จะชนะ ไม่มีเลยแม้แต่น้อย


“แต่การคงอยู่ของแฟมิลี่ก็เป็นสิ่งสำคัญ วองโกเล่รุ่นที่สิบไม่ใช่คนที่โหดร้ายไร้วัฒนธรรมแต่อย่างใด คงจะพอเจรจาได้และอีกอย่าง ปราสาทหลังนี้ยังหลงเหลือ ของอีกหนึ่งสิ่งที่เด็กคนนั้นไม่มีวันลืมเลือน” น้ำเสียงของบุรุษผู้สูงส่งยังคงยืนกรานทว่าอ่อนลงเล็กน้อยในตอนท้าย สีหน้าที่เข้มขึ้นทำให้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงคัดค้านอีก เหลือไว้เพียงสีหน้าที่เป็นกังวลเท่านั้น บุรุษผู้สูงส่งใช้ไม้เท้าค้ำก่อนจะค่อยๆยืนจากเก้าอี้ ตะโกนคำประกาศิตกร้าว


“ส่งหนังสือไปเจราจากับวองโกเล่แฟมิลี่!!! ถ้าฝ่ายนั้นไม่ยอม...”




“คงต้องมีการชิงตัว!!!




วายุคือลมที่โหมกระหน่ำ บุกโจมตีคู่ต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ในบางครั้งก็เป็นสายลมที่อ่อนโยน พัดพาความอบอุ่นให้แก่แฟมิลี่...แต่ตอนนี้จะมีใครรู้หรือไม่....



ว่าพวกเขากำลังจะสูญเสียสายลมไปแล้ว...




TBC…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น