Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้
กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
Special chapter Kiss the rain
24/04/10
บางครั้งบางที
คุณอาจจะมีเรื่องที่นึกไม่ออก ทั้งๆที่มันติดอยู่ที่ปลายความจำ
บางครั้งบางที คุณกำลังพยายามนึกแทบตาย
ถึงขั้นไปแหวกม่านดูในตอนเช้าว่าท้องฟ้ามีสีเดิมหรือเปล่า
ลืมหวีผมก่อนไปทำงานหรือไม่ รองเท้าไม่ได้ขัด
หรือเมื่อวานหนังสือเล่มโปรดออกจำหน่ายแล้วคุณลืมไปซื้อ
และบางครั้งบางที
ที่คุณคิดมามันก็ผิดทุกอย่าง สุดท้ายมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “วันนี้วันอะไร”
ถ้าคุณเป็นแบบนั้น คุณกำลังเหมือน โกคุเดระ
ฮายาโตะ มือขวาคนเก่งแห่งวองโกเล่ในตอนนี้
“ให้ตายสิ นี่ตกลงฉันลืมอะไรเนี่ย!!” มือบางสองข้างทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน ข้างหนึ่งมีประโยชน์กว่าหน่อยคือแหวกเอกสารที่เป็นชั้นๆสูงน้องๆโตเกียวทาวเวอร์ดู
เผื่ออาจจะมีเอกสารสักแผ่นในกองนี้ที่ยังไม่มีลายเซ็นเขา
แต่มืออีกข้างกลับเกาหัวตัวเองจนเรือนผมสีเงินชี้ฟูไม่เป็นทิศเป็นทาง
ซึ่งแต่เดิมมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่อยู่แล้ว
ไม่มี...ไม่มี
เอกสารสองร้อยสิบเก้าแผ่นกับอีกสี่บรรทัด
มีลายเซ็นเขารับรองทุกหน้าไม่ขาดตกบกพร่อง
ทุกหน่วยส่งงานครบไม่มีหน้าไหนเขียนสะกดคำผิด
ตัวเลขยอดการค้ายังพิมพ์ถูกทศนิยมอย่างน้อยห้าตำแหน่ง จุดไม่เบี้ยว
ตัวอักษรห่างขอบซ้าย ขอบขวา ขอบบน ถูกต้องตามหลักการทำวิทยานิพนธ์ที่ถูกต้อง
แม็กหัวมุมเท่ากันเป๊ะๆ!
สรุป งานที่กองอยูบนโต๊ะ ไม่มีอะไรผิดพลาด....งั้นมันอะไรกันวะ?
หรือว่า...จะเป็นเรื่องนั้น...
ต้องใช่แน่ๆ...
เขาลืมให้อาหารเจ้าอุริ
ไอ้แมววายุที่เผาผลาญปลาไปวันละสี่ห้าตัว ลืมให้อาหารเช้ามันแน่ๆ!
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับ ท่านโกคุเดระ” เลขาประจำตัววายุเดินเข้ามาในห้องพร้อมถือแก้วกาแฟเข้ามาด้วย
กลิ่นเครื่องดื่มอัดคาเฟอีนทำให้จมูกโล่งได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ถ้ามันทำให้เขาหัวโล่ง คิดอะไรออกได้บ้างก็ดีสิ
“นี่...แกให้อาหารเจ้าอุริมันรึยัง” ร่างโปร่งบางเงยหน้าถามเลขาคนสนิท ชายหนุ่มกลอกตาคิดอย่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มรับ“เรียบร้อยแล้วครับ
เป็นปลาโอสองตัวครับผม”
สรุปไม่ได้ลืม
เจ้าอุริกินข้าวเรียบร้อยนอนหลับปุ๋ยอยู่ในกล่อง โกคุเดระพยักหน้ารับรู้ แล้วมุ่นคิ้วคิดอีกครั้ง ดวงตาสีมรกตมองเหม่อไปยังเครื่องดื่มสีน้ำตาลเข้มต่างลูกแก้วหมอดู
พยายามหาสุดขีดว่าไอ้ที่เขาลืมน่ะ มันซุกหัวอยู่ที่ไหนในเซลล์สมอง
อืม...กาแฟเรอะ
เฮ้ย! ใช่แล้ว!!!
ดวงหน้าเคร่งๆพลันคลายในบัดดล
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มพอใจที่ตัวเองคิดออก
อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องนานมาแล้วล่ะนะ
แต่ถ้าไม่ได้ใช้คืนก็คงจะคาใจไปจนชั่วชีวิตแหงๆ แต่ก็ไม่เป็นไรแค่นี้น่ะ คิดเหรอว่าตึกวายุขนหน้าแข้งจะร่วง
“นี่...”นิ้วเรียวกระดิกให้เลขาเข้ามาใกล้
“ช่วยอะไรฉันซักอย่างสิ”
ฐานทัพลับของฮิบาริ เคียวยะ
พู่กันชั้นดีจุ่มลงกับหมึกสีดำในขวด
แล้ววาดลงกับกระดาษแผ่นใหญ่เป็นตัวอักษร ชายหนุ่มรูปร่างโปร่งในชุดยูกาตะสบายๆกับวันพักผ่อน
บรรยากาศเงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนที่หอบัญชาการ
และไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับที่นั่นถ้าไม่ใช่เวลางาน นี่เป็นเหตุผลหนึ่งของผู้พิทักษ์เมฆาแห่งวองโกเล่ที่ไม่เคยไปประจำอยู่ที่ตึกเมฆาเลย
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากตึกเมฆาฝุ่นจะจับไปบ้าง
แล้วเหตุผลที่สองถึงเขาจะเป็นคนรับผิดชอบงานดีเยี่ยม
ไม่อยู่ในเครือข่ายไอ้พวกจะโดนบอมบ์รายเดือน แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเร่งงานแบบนั้น
และที่ทำงานส่งก็ไม่ใช่กลัวระเบิดของมือขวาแห่งวองโกเล่ แต่อย่างน้อยๆเขาก็ถูกตราหน้าว่าคือหนึ่งในผู้พิทักษ์
ถ้าไม่ทำตามหน้าที่ที่ตัวเองบัญญัติขึ้นมาก็จะเป็นที่ครหาสนุกปากชาวบ้าน
ขอเพียงไม่สุมหัว ไม่ทำตัวผิดกฎ
ไม่ทำอะไรไร้สาระ ไม่ทำให้เขาหมดสนุก
คนอื่นจะเรียกเขาว่าเป็นผู้พิทักษ์เมฆาของวองโกเล่รุ่นที่สิบก็พออลุ่มอล่วยให้ได้อยู่
เหตุผลที่สามอยู่ที่นี่เวลาจะออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับกล่องที่สนใจข้างนอกก็สะดวกกว่า
ไม่ตกเป็นเป้าสายตา
เห็นภายนอกเป็นเรือนทรงญี่ปุ่นโชยกลิ่นออกโบราณตามรสนิยมของเจ้าของ
แต่ที่นี่ก็คือแหล่งข้อมูลของวองโกเล่ชั้นเยี่ยม
ดังนั้นที่เขาอยู่ที่นี่
ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
“คุณเคียวครับ...”
คุซาคาเบะ ลูกน้องคนสนิทที่ติดสอยห้อยตามตั้งแต่เป็นผู้คุมกฎไร้เทียมทานในเมืองนามิโมริเลื่อนประตูเปิดออก
แต่คนถูกเรียกยังจับตาไปยังกิจกรรมบนโต๊ะไม่หันไปมองแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้เวลานี้ก็คือเวลาน้ำชายามเช้า
ฮิบาริถ้าไม่จำเป็นจะไม่แตะกาแฟ เพราะมันจะทำให้เขานอนไม่หลับ
ลูกน้องคนสนิทวางแก้วกระเบื้องใบสวยตรงหน้า
แต่กลิ่นที่ลอยมาแตะจมูก ดมยังไงก็ไม่ใช่กลิ่นชา สีที่ปกติจะเป็นเขียวใสๆอ่อนๆ
ดูยังไงก็เป็นสีน้ำตาลเข้ม
“เดี๋ยวนี้กล้าขนาดเปลี่ยนเครื่องดื่มของฉันเลยหรือไง”
“อ่ะ เอ่อ มิได้ครับ” ผู้เสิร์ฟของผิดสำแดงรีบชี้แจง “ความจริงผมก็จะชงชาให้ตามปกติหรอกครับ
แต่เมื่อสักครู่เลขาตึกวายุมาที่นี่แล้วมอบกาแฟแก้วนี้มาให้
บอกว่าเป็นกาแฟจากคุณโกคุเดระ ฮายาโตะ”
“หืม? งั้นเหรอ” น้ำเสียงไม่บ่งบอกถึงความแปลกใจที่ได้ของกำนัลจากมือขวาแห่งวองโกเล่
สีหน้ายังคงเรียบเฉยตามปกติ แล้วสอดนิ้วชี้ที่หูแก้วเพื่อยกขึ้น
แต่ก็พบกระดาษพับเล็กๆวางอยู่ใต้แก้ว แต่ก็สมกับเป็นผู้ชายคนนั้น
ไม่ทำตัวแปลกๆก็คงไม่ใช่โกคุเดระ ฮายาโตะ
‘กาแฟแก้วนี้ฉันยกให้
หายกันเมื่อคราวนั้น’
ข้อความสั้นๆสมเนื้อที่กระดาษไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าของเมฆา
ทำให้ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวจะจำได้หรือเปล่าว่าได้ไปสร้างหนี้บุญคุณกาแฟหนึ่งแก้วไว้กับวายุ
เขาพับกระดาษแล้ววางลงกับจานรองเหมือนเดิม
แล้วยกแก้วกลืนของเหลวร้อนๆขมๆอึกแรกลงคอ เพียงแค่กาแฟสัมผัสปลายลิ้น
กลิ่นลอยมาโปะจมูกเขาก็รู้ว่าแก้วนี้ไม่ใช่กาแฟสำเร็จรูป แต่คงจะชงเอง
หวาน...จนขม
คิดว่าคงใส่น้ำตาลไปไม่น้อยกว่าสามก้อน
รสหวานๆแตะปลายลิ้นจนน่าเอียน สู้กับรสขมจัดของกาแฟแท้
สุดท้ายเลยไม่รู้จะตัดสินได้ว่าขมหรือหวาน
รสชาติที่เอาแน่เอานอนไม่ได้แสดงได้ชัดว่าคนชงกำลังไม่มีความแน่ใจและลังเลอยู่ไม่น้อย
ทั้งๆที่จะหวานหรือขมมันก็คือกาแฟ กลั้นหายใจสักหน่อยแล้วกลืนมันลงไปก็คือกลืนกาแฟเหมือนกัน
แต่ก็เอาเถอะ
ต่อจากนี้หมอนั่นคงได้สับสนไปอีกนาน
กริ๊ก
แก้วที่เบาลงมากเพราะไม่เหลือกาแฟสักหยดวางลงกับจานรอง
ทำเอาคุซาคาเบะอดตะลึงไปไม่ได้กับท่าทีของเจ้านาย
ไม่รู้ว่าของร้อนๆจะลวกคอหรือเปล่าเพราะดันกลืนสามอึกก็หมดเกลี้ยง
“ไม่ต้องคืนแก้ว...เชื่อว่าแค่นี้ขนหน้าแข้งของตึกวายุคงไม่ร่วง”
คำสั่งเอาจริงเล่นเอาอดีตรองคณะกรรมการรักษาระเบียบต้องรีบเก็บอาการเหวอ
พลางเหลือบตามองแก้วกาแฟกระเบื้องหนาชั้นดีพร้อมจานรองเข้าชุดที่ต่อไปนี้คงได้เป็นเครื่องใช้ของที่นี่นับแต่วันนี้ไป
แล้วก็ต้องคอยหลบหน้าคุณโกคุเดระเอาไว้ดีๆด้วย
ช่างเป็นความคิดที่แยบยลปนโกงแฮ้ปสมบัติชาวบ้านเขาจริงๆ
ฮิบาริ เคียวยะ
ขยับรอยยิ้มมุมปากแล้วเขียนอักษรต่อ ไม่ได้รู้สึกผิดเข้าข่ายยักยอกทรัพย์สินแม้แต่นิด
เพราะมันก็เป็นงานอดิเรกดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเด็กๆอยู่แล้ว
อะไรที่เขาใช้หนี้มาเจ้าหนี้ก็ต้องรับไว้ด้วยความเต็มใจ
ไม่ให้ขาดทุนทั้งต้นทั้งดอกเบี้ย
และเผอิญว่า
ดอกเบี้ยของผู้พักษ์เมฆาคนนี้มันแพง
ตึกวายุ
ที่ไหนได้...ที่ไหนได้
ที่ลืมก็คือไอ้กาแฟเจ้าปัญหาแก้วนั้นที่เรายกไปให้รุ่นที่สิบนั่นเอง
รู้อยู่แล้วว่าเป็นของแกน่ะฮิบาริ เอาเป็นว่าฉันใช้คืนให้แล้วนะเฟ้ย
เพราะฉะนั้นรีบๆออกไปจากหัวฉันซะ!
โกคุเดระ
ฮายาโตะผู้มีความจำเป็นเลิศยิ้มกริ่มอารมณ์ดีหลังจากที่ส่งของคืนหนี้เป็นกาแฟ(พร้อมแก้วใบงามแพงที่สุด)ไปที่ฐานทัพของเมฆา
เจ้าตัวก็นั่งหมุนเก้าอี้เพราะคิดว่าภารกิจสำเร็จ
แต่ก็อารมณ์ดีได้ไม่นานพลันคิ้วก็ขมวดอีกรอบ
เพราะเหมือนกับว่ายังลืมอะไรอีกบางอย่าง
ดีไม่ดีที่พยายามนึกแทบตายนี่อาจจะไม่ใช่กาแฟแก้วนั้นก็ได้
อะไรกันแน่ฟะ?
หรือบางทีอาจจะเป็น...”สิ่งนั้น!”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันราวชั่งใจ
แล้วถลกพรมที่พื้นเผยให้เห็นพื้นที่มันไม่เรียบเป็นแผ่นเดียวกันเหมือนที่อื่น
เพราะว่าเป็นประตูลับที่เขาไปบังคับ
เอ๊ย...ขอให้จางนีนิสร้างเชื่อมติดกับหอใหญ่อย่างลับๆ
ดูเหมือนจะเคยลองเดินลงไปแล้วด้วย แต่ผลปรากฏมันก็แค่ไปโผล่อยู่หน้าประตูห้องของเขาเอง
แต่ด้วยลางสังหรณ์และเชื่อในฝีมือของช่างเทคนิคอัจฉริยะนิดหน่อย
มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่!
ไม่รอช้า
ร่างโปร่งบางรีบเปิดประตูลับแล้วกระโดดลงไปทันที
ความมืดของชั้นใต้ดินทำให้มือต้องรีบก่ายกดสวิตช์ไฟ
โคมสีส้มก็ดับๆติดๆเรียงไปตามทางเดิน
ผนังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำๆเพราะตะใคร่น้ำเกาะ บ่งบอกว่าไม่ค่อยได้ใช้เส้นทางนี้เท่าไหร่
ดูเหมือนตอนนั้นฉันจะขึ้นไปตามบันไดนี่
มันสมองเริ่มประมวลความจำ
แล้วมองไปอีกทางที่ตรงข้ามกับบันได เป็นทางที่มองไม่เห็นจุดหมายว่าจะไปโผล่ที่ไหน
นั่นแหล่ะคือสิ่งที่โกคุเดระ ฮายาโตะ เข้าใจว่ายังสงสัยอยู่
ขาเรียวเดินไปตามทางเดินที่มีแสงพอเห็นทางเดินได้สลัวๆ
เลี้ยวซ้ายที โค้งขวาที หัวใจก็เต้นตึกตักอยู่ภายในอก
ใจหนึ่งก็กลัวใจหนึ่งก็อยากรู้ แต่ถ้าจะให้วิ่งกลับตอนนี้เสียชื่อมือขวาหมด
ดังนั้นเลยต้องเดินต่อไป บางทีสุดทางนี้อาจจะทะลุออกไปนอกหอบัญชาการ
หรือว่าอาจจะไปโผล่ในห้องทดลองเจ๋งๆที่เขายังไม่รู้ก็ได้
ทางตัน...
ตันจริงๆ
แต่มีบันไดลิงปีนขึ้นไปข้างบนเหมือนทางนั้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
หวังก็แต่ว่าจะไม่เป็นเหมือนอีหรอบเดิมหรอกนะ
ร่างโปร่งบางปีนบันไดขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วเปิดประตูที่อยู่เหนือหัวออก
พลันแสงสว่างก็สาดส่องเข้าตาจนเขาต้องยกมือขึ้นมาป้อง
ที่ไหนของโลก...วะเนี่ย?
นอกหอเหรอ? ไม่ใช่อย่างรุนแรง
เพราะที่เขาโผล่มามันก็โผล่จากพื้นที่ปูพรมสีน้ำเงินไว้ เป็นทางเดินของตึกๆหนึ่ง
แต่ตึกไหนยังเดาไม่ได้ บางทีอาจจะเป็นตึกใดตึกหนึ่งในเขตรโหฐานของวองโกเล่
หันซ้าย...เจอทางเดิน
รูปภาพที่เรียงกันเป็นตับ
หันขวา...เจอประตู
มาโผล่หน้าประตูอีกแล้ว!!
แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่หน้าห้องฉันแน่นอน
ตึกฉันพรมสีแดงทั้งตึกเฟ้ย แล้วก็ต้องมีแจกันใบละเหยียบแสนวางตรงหัวมุมนั้นด้วย
แล้วหน้าห้องต้องตกแต่ด้วยพันธุ์ไม้เลื้อยหายากระดับท็อปเท็นวางสองข้างประกบประตูซ้ายขวา
รูปภาพต้องเป็นรูปเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทุกยุค ทุกสมัย สรุปง่ายๆ
ที่นี่ไม่ใช่ตึกของวายุแห่งวองโกเล่ชัวร์ๆ ล้านเปอร์เซ็นต์
แล้วที่ไหนฟะ?
จะว่าคุ้นก็คุ้นอยู่หรอกนะ
โกคุเดระเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู
เผยโฉมห้องกว้างที่มีโต๊ะทำงาน ที่ต่างจากโต๊ะเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะมันกลับเต็มไปด้วยช่อดอกไม้และกล่องของขวัญแทนแฟ้มเอกสาร
ข้างหลังเป็นตูโชว์หรูที่บรรจุรางวัลร้อยพัน เหรียญรางวัลเอย เกียรติบัตรเอย
ถ้วยชนะเลิศเอย ตรงนี้ที่ชี้ชัดให้กับวายุว่าใครเป็นเจ้าของตึก
ตึกพิรุณของยามาโมโตะ ทาเคชิ!!!
ไอ้เจ้าจางนีนิ!!!
ไอ้เจ้าบ้า!!! ไหนบอกให้สร้างทางไปหอใหญ่ไงล่ะวะ
แล้วมาโผล่ทำไมที่นี่ หา!? ถึงที่นี่มันจะเดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงหอใหญ่ก็เถอะ
แต่ก่อนอื่นสิ่งที่เตะตาสีเขียวมรกตตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาไม่ใช่อะไร
แต่เป็นช่อดอกไม้และกล่องของขวัญนับไม่ถ้วนกองเป็นภูเขาบนโต๊ะ
โกคุเดระเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกกุหลาบสีแดงแล้วเบะปากให้มันอย่างหมั่นไส้ราวกับว่ามีหน้าของเจ้าของติดอยู่กับดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น
อะไร? คิดว่าเขาอิจฉาเหรอ
เปล๊า! เปล่าเลย
แค่สงสัยเท่านั้นแหล่ะว่าวันนี้เป็นวันเกิดมันเหรอไง?
เดี๋ยวนะ?...วันเกิด...
วันเกิดของยามาโมโตะ...
เฮ้ย!!!!!!!!
เหมือนกับเอากุญแจถูกดอกมาไขหัว ไอ้สิ่งที่คิดมาหัวแทบระเบิดแต่เช้าเหมือนมันกระเด็นออกมาดิ้นแด่วๆอยู่บนพื้น
แลบลิ้นปลิ้นตาสมหน้าคนขี้ลืมเต็มที่ ใบหน้าที่แต่เดิมซีดอยู่แล้วได้ยิ่งซีดเข้าไปใหญ่
มือสั่นกึกๆ วางดอกไม้ลงกับโต๊ะอย่างเดิมอย่างไร้เรี่ยวแรง ตากวาดมองบรรดาการ์ดที่แนบมากับแต่ละของขวัญใจความแฮปปี้เบิร์ธเดย์ยิ่งทำให้ร่างโปร่งบางเครียด
อะไรกัน...วันเกิดไอ้บ้าเบสบอลหรอกเหรอ?
แล้วนี่เขาจะทำยังไง?
เย็นนี้จัดงานเลี้ยงแหงๆ
ตายหองแล้วตู...
19.00น. หอบัญชาการวองโกเล่ แฟมิลี่
งานมงคล เชื่อสิว่านี่มันงานมงคล
ปาร์ตี้น่ะ ไม่ใช่งานรำลึกครบรอบวันตาย
กะอีแค่งานวันเกิดจะกลัวอะไรกันฟะ!!!
เขาพยายามจะบอกกับตัวเองอย่างนั้นแหล่ะนะ
แต่ไม่รู้ทำไมต้องมาเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ด้วยล่ะ ข้างในเริ่มมีเสียงเพลง
เสียงหัวเราะ เชื่อว่าทุกคนคงจะอยู่ในนั้นยกเว้นเขาคนเดียว โกคุเดระ
ฮายาโตะไม่เคยกลัวงานวันเกิดมากขนาดนี้ในชีวิต ที่กลัวไม่ใช่อะไรเอียงหูมาใกล้ๆ
แล้วจะบอกให้ฟัง...
ลืมเตรียมของขวัญน่ะสิ!
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา
วายุคนนี้จะหัวใสในการสรรหาการแสดงโชว์ในงานวันเกิดได้รับเสียงตอบรับและคะแนนจนท่วมท้นเป็นที่หนึ่งตลอด
แต่คราวนี้รู้มั้ยว่าถึงคราวที่เซียนคนนี้ต้องจวนตัว ในมือว่างเปล่ามีแต่ตัว หัวใจ
สมอง ตับไตไส้พุงเท่านั้นแหล่ะ ใครจะไปรู้ล่ะ ไอ้พวกผู้พิทักษ์ที่รักคนอื่นๆไม่เห็นโทรมาเตือนกันสักหน่อยเลย
ถึงว่าวันนี้เงียบฉี่ ท่านรุ่นที่สิบก็ด้วย
แต่เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก
แกร๊ก...แอ๊ด
“อ๊ะ คุณโกคุเดร้า....” ทันทีที่เปิดประตูเสียงเพลง
กลิ่นอาหารรวมทั้งเด็กหนุ่มอัสนีก็ถลาเข้ามาหา จนเขาเกือบตั้งรับไม่ทัน
มือข้างหนึ่งถือจานไก่ทอด อีกข้างเล่นเอาวายุแห่งวองโกเล่ปวดขมับตุบๆ เพราะเป็นสิ่งที่เด็กรุ่นไม่ควรจะแตะเลย
แถมใบหน้าของเด็กหนุ่มยังแดงเรื่อ หายใจทีมีกลิ่นแอลกอฮอล์โชย
ยืนเฉยๆยังเอียงเลยนะนั่น
แต่จริงๆเด็กมันก็ผ้าขาว
ถ้าไม่มีใครให้ดื่ม มันจะมาเมาแอ๋แบบนี้เหรอ
ไอ้ตัวไหนให้เด็กดื่มเหล้าฟะ!!!
“อ๊ะ โกคุเดระคุง มานั่งนี่สิ” นภาแห่งวองโกเล่ที่อยู่หัวโต๊ะกวักมือเรียกเขา
ทำเอามือขวาต้องรีบซ่อนหน้าโหดแล้วเดินสาวเท้าไปนั่งด้วยท่าทียิ้มแย้ม
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้
โต๊ะอาหารยาวไม่แพ้โต๊ะประชุมมีทุกคนนั่งประจำที่ของตัวเองยกเว้นเขาจริงๆ
แถมยังมีนักฆ่าอันดับหนึ่งที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอึกๆอีกหนึ่งที่
แต่จะว่าไปก็เรียบง่ายกว่าที่คิดนะ
ใช่วองโกเลี่ยน เบิร์ธเดย์ปาร์ตี้แน่หรอ?
“น่าเสียดายนะครับที่ปีนี้อายุของยามาโมโตะคุงเป็นเลขคู่
ไม่งั้นจะได้มีวองโกเลี่ยน เบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ตามธรรมเนียม”คำเปรยของสายหมอกตอบคำถามในใจของร่างโปร่งบางเหมือนได้ยิน
จะว่าไปก็ใช่ โล่งอกที่ปีนี้เป็นปีคู่เลยไม่มีงานวันเกิดแบบโหด มันส์
ฮาตามธรรมเนียม ไม่งั้นคนที่ไม่เตรียมอะไรอย่างเขาก็ต้องโดนเจื๋อนตามธรรมเนียมแหงแซะ
“เฮ้ยๆ อย่ามัวพร่ำเสียดายเลยเฟ้ย
เอาแก้วมาเดี๋ยวฉันรินให้ ไม่เมาไม่เลิกแน่!! เฮ้ย!
ฮิบาริ เอาไปเลยนะแก อย่ามาเก๊ก ฉันรู้ว่าแกต้องดื่ม มาๆ!” ซาซางาวะ เรียวเฮ
ผู้ที่ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าสติไม่สมประกอบเพราะแอลกอฮอล์ไปหลอนประสาท
ยังอุตส่าห์ส่งแก้วแบ่งความเมาไปยังผู้ที่นั่งสงบ
แล้วโกคุเดระก็พอจะรู้ตัวการว่าใครเป็นคนเอาเหล้าให้แรมโบ้ดื่ม
“ไม่เอาล่ะ”
“เฮ้ งานอีกยาวนานนะเฟ้ย
ไม่ดื่มเดี๋ยวได้หลับ” เหตุผลที่หาคำตอบไม่ได้ว่าไปอ้างอิงตรรกะที่ไหนทำให้ฮิบาริ
เคียวยะขยับยิ้มน้อยๆ
ไม่รู้ว่าโกคุเดระรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าหางตาคมของเมฆาตวัดมองเขาอยู่
“เมื่อเช้าฉันดื่มกาแฟ
ไม่ต้องห่วงว่าจะหลับ คนที่จะฟุบคือคนที่ดื่มหนักอย่างนายต่างหาก”
“หา! แกว่าไงนะ!!!”
“มาช้านะโกคุเดระ” เสียงของคนที่เป็นเจ้าภาพดังขึ้นตัดการเถียงระหว่างเพื่อนดื่มเพื่อนเมาอย่างเมฆาและอรุณ
มันเป็นการทักทายที่ตั้งใจแขวะเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใบหน้าคมคายเปื้อนยิ้มก่อนถาม
“เตรียมของขวัญอยู่หรือเปล่า”
“แล้วทำไมฉันต้องเตรียม ให้ตายซี่แกน่ะ
นี่มันงานวันเกิดครั้งแรกหรือไง”
“แต่ถ้าเป็นจากโกคุเดระไม่ว่าปีไหนฉันก็อยากได้น่ะ
นึกว่าเดาถูกซะอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่เหรอ” แววตาสีน้ำตาลนั้นฉายแววเศร้าลง
น้ำเสียงตัดพ้อที่ทำให้ร่างโปร่งบางน้ำแข็งจับไปทั่วร่างกาย จะตอกหน้ารับเต็มๆว่า ‘ไม่ใช่!’ ก็พาลจะพูดไม่ออกซะนี่ ทีคนอื่นยังไม่เตรียมของขวัญเลย
แล้วมันมาหวังอะไรกับของเขาล่ะ
“วันนี้ไม่ใช่วองโกเลี่ยน
เบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ก็จริงนะโกคุเดระ” คุณท่านรีบอร์นวางแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะ
ก่อนจะหันมาหาเขาแล้วแสร้งปั้นหน้ามุ่นคิ้วถือหางข้างเจ้าของงานเต็มกำลัง “แต่ถ้าเจ้าของงานเขาขอแล้วไม่ทำให้
มันก็ใจร้ายไปหน่อยนา...”
เฮ้ย! กฎข้อไหนล่ะครับท่าน!!!
“นั่นสิๆ โกคุเดระคุง
ยังไงวันนี้นายเป็นตัวแทนของทุกคนมอบของขวัญดีมั้ย” แม้แต่ประมุขแห่งวองโกเล่ที่นั่งหัวโต๊ะ
ยังเห็นดีเห็นงาม มอบหมายหน้าที่ตัวแทนอย่างที่เจ้าตัวรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง!
รุ่นที่สิบก็เป็นไปกับเค้าด้วย!!
“ผมก็อยากเห็นค้าบบบบบ”
แกน่ะเมาแล้ว ไอ้วัวบ้า!!
“เอาเลยไอ้หัวปลาหมึก
แกมาช้ากว่าใครๆเขาด้วย ฉันรู้ว่าแกน่ะต้องมีอะไรเจ๋งสุดหูรูดซ่อนไว้”
“ไม่ขัดข้องหรอก
ตอนนี้ฉันกำลังเบื่อๆด้วย”
พวกแกเลิกทะเลาะกันเมื่อไหร่ฟะ ไอ้เรื่องรุมตูนี่ถนัดจริ๊ง!!!
ตายหยังเขียด โกคุเดระ
ฮายาโตะจะจดจำไว้ในสารานุกรมขนบธรรมเนียมของวองโกเล่แฟมิลี่ว่า
ไม่ว่างานวันเกิดของสมาชิกครั้งไหน ไอ้เจ้าภาพมันก็เป็นพระเจ้าทั้งนั้น
แถมวันนี้พระเจ้าที่มันนั่งยิ้มหวานกล้าเอ่ยปากขอของขวัญจากคนที่มันไม่มีอะไรก็คือพระเจ้าที่ชื่อว่า
ยามาโมโตะ ทาเคชิ เห็นพระเจ้าองค์นี้ยิ้มเมื่อไหร่ โลก(ของโกคุเดระ)
ได้ถึงคราววิบัติ
แล้วที่มาสายนี่ไม่ใช่เพราะไปมัวเตรียมของขวัญ
มัวแต่เดินอยู่หน้าประตูต่างหากล่ะ! เข้าใจกันมั่งสิฟะ!
“โกคุเดระคุงไปเตรียมมาอย่างที่ทุกคนว่านั่นแหล่ะครับ
แหม… ยามาโมโตะคุงนี่ก็ตาแหลมจริงๆ
เพราะว่าของขวัญที่สมศักดิ์ศรีของมือขวาแห่งวองโกเล่น่ะ ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
เจ็ดต่อหนึ่ง!
ตอนแรกเห็นมันเงียบ
คิดเข้าข้างตัวเองไปเล็กน้อยว่าโรคุโด มุคุโร่จะอยู่ฝ่ายเขาบ้าง
แต่คิดว่าคงจะมองจอมขมังเวทย์แห่งวองโกเล่ในแง่ดีเกินไปหน่อย ที่ไหนได้เจ้าตัวพ่อไม่แต่สนับสนุนอย่างเดียว
ดันไปตบปากรับคำซะเต็มที่ ยิ่งทำให้พิรุณยิ้มกว้างเข้าไปอีก
ก็มันหาได้ง่ายๆที่ไหนล่ะ โอกาสที่จะแกล้งสายลมให้จนมุมแบบนี้น่ะ
“นี่โกคุเดระคุง
อย่าทำหน้าตาคนขี้แพ้แบบนั้นสิครับ” สายหมอกกระซิบเบาๆ แต่ไม่ทันที่คนโดนว่าว่าขี้แพ้จะสวนกลับ
นิ้วเรียวภายใต้ถุงมือสีดำก็ลอบชี้ไปบนเวที “ผมเตรียมมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว
งานเนี้ยง่ายสุดๆแล้วนะครับ ถ้ายังไม่ร่วมมือกันอีก ผมก็จนใจ”
ดวงตาสีมรกตเหลือบไปบนเวทีตามนิ้วของผู้วางแผน
สิ่งที่ตั้งตระหง่านก็คือเปียโนหลังสีดำมันเลื่อมเป็นเงา
สิ่งที่วายุเห็นแล้วตาค้างเก็บอาการไม่อยู่ เอาเถอะถึงจะล้อเล่นกันแรงไปหน่อย
แต่พวกตบหัวแล้วทุบหลัง เอ๊ย ลูบหลังอย่างมุคุโร่ก็ยังมาสร้างหนี้ให้เขาอีกจนได้
ช่วยไม่ได้ ไม่ทำมีหวังโดนเจื๋อน
ไหนรุ่นที่สิบจะผิดหวังอีก
ในที่สุดร่างระหงของผู้พิทักษ์วายุก็ต้องจำใจขึ้นเวที
ดนตรีจากเครื่องขยายเสียงถูกปิดลง เสียงทุกอย่างสงบจนห้องเงียบ
ทุกคนต่างจับตามาที่เวที
เมื่อมองสายลมเคียงคู่กับเปียโนแล้วแลดูสวยสง่าอย่างไม่อาจละสายตา
นิ้วเรียวพลิกไปตามสมุดรวมโน้ตเพลง ก่อนจะคีบเพลงๆหนึ่งออกมาวางกับที่วางโน้ตเพลง
ริมฝีปากสีอ่อนลอบยิ้ม
อย่างไรก็ตามเมื่อเล่นเพลงนี้จบก็ต้องรีบเก็บโน้ตเพลงนี้เข้าที่
เขาไม่มีทางให้ได้เห็นชื่อเพลงเด็ดขาด
ไม่ใช่ชื่อมันไม่เป็นมงคลแต่ว่าแค่ไม่ให้เจ้าของงานในวันนี้เห็น...ก็เท่านั้นเอง
ปลายนิ้วเรียวบรรจงกดลงบนคีย์
เสียงเปียโนใสๆที่บรรเลงออกมาเพราะฟังรื่นหูราวเสียงดนตรีของเทพยดา
เพลงที่สะกดคนฟังเบื้องล่างได้เหมือนต้องมนตร์ เปลี่ยนบรรยากาศจากห้องจัดงานเลี้ยงผันไปเป็นบรรยากาศกลางธรรมชาติและแมกไม้ที่มีสายฝนโปรยปราย
ความอุดมสมบูรณ์จากน้ำฟ้าเย็นๆชำระล้างจิตใจให้สดชื่น
ดอกไม้กำลังแรกแย้ม ต้นกล้าผลิใบ
พฤกษาสูงใหญ่ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำฝน
ดวงหน้าสวยของโกคุเดระบัดนี้ฉาบไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
เพลงนี้ฟังดูเผินๆแล้วเป็นทำนองที่ฟังดูเดียวดาย รอคอย และเศร้าใจ
แต่ทำนองที่บรรเลง ณ
ตรงนี้นักเปียโนที่ฝีมือพลิ้วไหวดั่งสายลมได้แปรผันไปเป็นบทเพลงที่ฟังดูหวานซึ้ง
นุ่มนวลยิ่งกว่าเพลงไหนๆ เพียงแต่ว่าคนที่ฟังอยู่ข้างล่างนั้นคงจะเข้าใจ...
ตริง....
เพลงจบแล้ว
วายุแห่งวองโกเล่บรรเลงเพลงจบท่ามกลางเสียงปรบมือ
ความรู้สึกที่ได้เล่นเปียโนยังให้ความรู้สึกที่ดีเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามก็ต้องขอบคุณสายหมอกคนนั้นอย่างช่วยไม่ได้
เพราะถ้าลำพังเขาคงคิดไม่ได้ทันทีแน่ๆ
อุตส่าห์ไปขนเปียโนหนักๆอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ร่างโปร่งบางโค้งน้อยๆตามมารยาทแล้วกำลังจะหยิบโน้ตเพลงเก็บไว้ตามเดิมเพื่อปิดผนึกมันซะ
แต่ราวกับว่ามีคนรู้ทันความคิด วินาทีที่มือจะสัมผัสกระดาษ ลมประหลาดก็พัดวูบ
พัดโน้ตเพลงไปตกอย่างเป็นใจที่หน้าเจ้าภาพงาน ยามาโมโตะ ทาเคชิ
เฮ้ย!!!!!!! ม่ายยยยยยยยยย!!!!!!
จะไปคว้าตอนนี้คงไม่ทันเพราะมือของพิรุณได้หยิบโน้ตเพลงนั้นขึ้นมาดูเสียแล้ว
ปล่อยให้วายุหัวใจเต้นตึกตักแทบทะลุออกมานอกอก
ในกระดาษไม่มีเนื้อเพลงที่จะให้อ่านแล้วเข้าใจ เพราะมันเป็นเพลงบรรเลง แต่สิ่งที่วายุกลัวคือชื่อเพลงที่จ่าอยู่บนหัวกระดาษตัวเบ้อเริ่ม!!
มันหยิบไปดูแล้ววววววว จบกันทีชีวิต!!!
พิรุณขยับยิ้มกับโน้ตเพลงนั้นก่อนจะพับมันเก็บใส่กระเป๋าเสื้อตรงอกด้านซ้าย
โดยไม่ให้ใครเห็น
ร่างสูงสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้บรรเลงเปียโนแล้วระบายยิ้มละไม
“เป็นของขวัญที่ดีมากจริงๆ ฉันดีใจจัง”
คำขอบคุณที่ทำให้ดวงหน้าต้องร้อนผ่าว หัวใจยิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ แต่ก็ต้องรีบเก็บมัน
สวมหน้ากากเหยียดยิ้มหนีความอาย
“ชิ! เด็กจริงๆเล้ย
แต่เรื่องแค่นี้มีเหรอที่ฉันจะทำไม่ได้” ปากแข็งๆยังอวดเก่งไปตามประสา แต่ใบหน้าที่แดงก่ำไม่รู้จะซ่อนไม่ให้ตาแพรวพราวสีน้ำตาลเข้มเห็นยังไง
เห็นทีลงไปต้องไปเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากรอกเข้าปากซักแก้ว
เพื่อจะบอกว่าที่เขาหน้าแดงน่ะเป็นเพราะเหล้าไม่ใช่เพราะเขินอะไรนั่น
แต่ก็ช่างมันเถอะ
วันนี้เป็นวันเกิดจะยกให้ซักวันก็ได้
“ยุ่งเรื่องของคนอื่นนี่เก่งนะ” เสียงแขวะเรียบๆจากคนที่นั่งกอดอกส่งผ่านมาถึงหูของนักวางแผนมือวางอันดับหนึ่ง
เรื่องเชื่อมความสัมผัสน่ะเขาถนัด แต่ถ้าเป็นเรื่องยุให้กลุ่มแตกก็อัจฉริยะเลยล่ะ
เจ้าตัวหัวเราะหึๆในลำคอก่อนยิ้มรับ
“ขอบคุณที่ชมนะครับ”
.
.
ได้ยินอะไรไหมสายฝน...เสียงที่เพราะพริ้งที่แว่วๆมานั่น
มันเป็นเสียงของสิ่งที่อยู่เคียงข้างมาตลอดเป็นผู้บรรเลง
สัมผัสได้ไหมสายฝน...สัมผัสได้ถึงเนื้อแท้ของเสียงเพลงที่คลอเคลียอยู่ไม่ไกล
นิ่มนวลราวกับจุมพิตของสายลม
นาย...ไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวหรอกนะ...เพราะมีอยู่คนหนึ่งที่เคียงข้างนายเสมออยู่...ไม่เคยไปไหน
ธรรมชาติของโลกใบนี้จะเป็นผู้รักษาสัญญา
สายฝนกับสายลมจะเคียงคู่กันตลอดไป...
Kiss the rain
My wind our wind special chapter/END
มิยะขอเม้าท์
สวัสดีทุกท่านฮับ วันนี้มาพร้อมกับฟิคเรื่องแรกในชีวิตของไอ้มิยะ และเป็นฟิคที่ยาวที่สุดด้วย โฮววววววววว แต่ในที่สุดก็หาบ้านใหม่ให้อยู่ได้แล้ว งือออออ เหนื่อยแต่ก็ดีใจมากๆเลยค่ะ TTvTT อัพเสร็จจนได้ตรู
คือเรื่องนี้ลงเป็นเรื่องแรกในบอร์ดดำ และตอนบอร์ดดำปิดตัวไป ไอ้มิยะเสียดายคอมเม้นท์มากๆ คือขอบคุณตรงนี้อีกครั้งเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ....
ฟิคเรื่องนี้นับว่าเป็นฟิคที่ "ดิบ" ที่สุดในความคิดไอ้มิยะเลย กร๊ากกกกกกกก คือไม่ต้องพูดถึงภาษา ไม่มีความสละสลวยแต่อย่างใด ไม่สวย ไม่งดงาม ไม่อ่อนหวาน แล้วก็ไม่น่ารักด้วย แต่ถ้าให้พูดถึงความประทับใจของคนเขียนที่มีต่อฟิคเรื่องนี้คือ มันเหมือนเป็นเพื่อน เพื่อนที่อยู่กับไอ้มิยะตอนดึก อยู่กันไปทุกวัน เจอกันทุกวัน จนอยู่ไปอยู่มามันก็ถึงเวลาสมควรที่จะต้องปิดฉาก รู้สึกใจหายวาบเลยค่ะ นี่แหล่ะที่ทำให้ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่ไอ้มิยะผูกพันมากที่สุด และมันก็เหมือนความสัมพันธ์ของตัวละครทุกตัวในเรื่องด้วยค่ะ
เรื่อง
My
wind our wind เป็นฟิคที่ตอนแรกมิยะนอนคิดเพลินๆ
คิดได้อยู่ฉากเดียวค่ะ คือฉากที่หนูก๊กกลับบ้านเก่า ฮ่าๆ
ไปๆมาๆมันก็ได้กลายเป็นอย่างที่เห็น My wind
เรื่องนี้ฉากเลิฟซีนมีไม่มาก พระนางแยกจาก เจอกันซึ่งๆหน้าไม่กี่ตอน
เพราะว่าเรื่องนี้มิยะไม่อยากเน้นความรักเท่าไหร่
คงจะเป็นแนวความไว้วางใจกันระหว่างหนูก๊กกับยามะมากกว่า
ซึ่งสิ่งนี้แหล่ะที่มีอยู่ในคู่ 8059 ที่ทำให้มิยะหลงใหล
สุดท้ายแล้ว มิยะจะรวบรวมบทสรุปของ My wind our wind ไว้ ณ
ตรงนี้ค่ะ
คำสัญญา
คำสัญญาเป็นแกนหลักของเรื่องนี้เลยค่ะ เพราะมีคำสัญญามากมายที่ปรากฏในเรื่องนี้
สัญญาระหว่างหนูก๊กกับยามะ
เรื่องที่สักวันหนึ่งไม่มีใครอยู่รวมถึงหนูก๊ก คนที่ต้องคอยปกป้องเคียงข้างสึนะคือยามะ
สัญญาระหว่างหนูก๊กกับยามะ
เรื่องที่ว่าหนูก๊กต้องดูแลตัวเองให้ดีในระหว่างที่ยามะไม่อยู่
สัญญาระหว่างหนูก๊กกับยามะ
เรื่องที่ว่ายามะต้องดูแลแรมโบ้ให้ดีๆ
สัญญาระหว่างหนูก๊กกับพ่อ
เรื่องที่หากไม่คิดหนีก็จะไม่ทำร้ายวองโกเล่
สัญญาระหว่างแรมโบ้กับสึนะ
เรื่องที่จะไม่แพร่งพรายหนูก๊กถูกลักพาตัวให้ยามะรู้
สัญญาระหว่างแรมโบ้กับยามะ
เรื่องที่จะไม่ปิดบังกัน มีอะไรให้พูดกันทุกเรื่อง
สัญญาของหนูก๊ก(สัญญากับตัวเอง)
เรื่องสึนะจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ
สัญญาของยามะ(สัญญากับตัวเอง)
เรื่องที่คนทีช่วยหนูก๊กตองเป็นเขาเท่านั้น
สัญญาระหว่างหนูก๊กกับยามะและรวมถึงวองโกเล่ทุกคน
“สัญญาว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
เท่านี้แหล่ะจ้ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก เม้นท์ได้เป็นกำลังใจจ้ะ
Miya
แย่ล่ะสิ สารภาพแบบแมนๆเลยค่ะว่าเคยย่องเข้ามาบล๊อกครั้งนึงเมื่อสมัยไหนจำไม่ได้
ตอบลบแต่ก่อนหน้านี้นะคะ พอเปิดดูอีกทีอ้าวว ไหงเคยอ่านแล้หว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำเราชี้ช้ำกะหล่ำปลีมากเลยค่ะ คือสงสารยามะมาก จากเรื่องเมื่อกี๊สงสารก๊ก หมาถึงฟ้าถล่มน่ะค่ะ
อ่านละหัวใจนี่บีบรัด คือก๊กจ๋าหนูซึนไปนะลูก ยามะน่าสงสาร ไม่คิดติดใจเลยว่ายามะผิดสัญญา เพราะยามะช่างรันทดนักแอบรักข้างเดียวและอื่นๆ แบบตามไปสุดล่าแต่ก็ยิ่งห่าง แถมก๊กอยากลืมอะไรสารพัด ขอโทษนะคะแต่อ่านละได้อารมณ์ดราม่าจริงจัง อารมณ์แบบนายไม่สำคัญนะ สำหรับฉันยังไงนายก็ไม่ใช่ที่หนึ่ง แต่สำหรับยามะก๊กคือที่หนึ่ง ไหนจะฉากที่ทุกคนร่วมกันปิดอีก สุดยอดค่ะเศร้ามาก น้ำตาตกใน กระซิก แบบเราในตอนนั้นแอบหมั่นไส้สึนะหนักๆ รู้นะว่ามีเหตุผล แต่คนค้ารักของเค้ารู้คนสุดท้าย มันเจ็บนะเนี่ย จบดีมากเลยค่ะ ซึนคงเส้นคงวาตลอดจริงจัง ดูแลยามะดีๆนะลูก สงสารเค้ามาก
โอวววว ถ้าสงสารยามะขนาดนี้สงสัยต้องตามอ่านฟ้าถล่มอีกรอบ หักล้างกันพอดีเลยค่ะ
อยากได้โมเม้นก๊กเลิกซึนบ้างอะไรบ้างในฟิคที่ไม่ออ จริงจังเลยค่ะ แบบหลุดๆก็ยังดีโมโหหีงบ้างก็ได้ เนียนจะได้ยิ้มได้เยอะๆ ฮี่ๆ
อินไปหน่อยขนาดอ่านนานแล้วยังจำได้ติดใจเลยค่ะ ยามะผู้น่าสงสารแงงงงงงงงง
ขอโทษจริงๆค่ะสำหรับการไม่เช็กสเปลลิ่งหัวไม่ไหวละจริงๆ T_____T
เป็นกำลังใจให้นะคะ สุดยอดค่ะ^^