หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

Fic KHR [8059] My wind...our wind : Chapter1



Fic KHR [8059]
My wind...our wind
Dark Drama  Action
NC-17
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



Chapter 1 คำสัญญา



ณ คฤหาสน์วองโกเล่แฟมิลี่


ตึก ตึก                                                                                                                                                        

เสียงรองเท้าสีดำสนิทดังก้องกังวานไปตามจังหวะการเดิน ตัดกับความเงียบสงบยามตีสอง โคมไฟที่เรียงรายตามทางเดินสาดส่องให้เห็นร่างบางของผู้พิทักษ์วายุที่กำลังสาวเท้าให้เร็วมากที่สุด ผมสีเงินที่ยาวระคอดูโดดเด่นในความมืด ดวงหน้าขาวเนียนตามแบบของลูกครึ่งเอเชีย-ยุโรป ดวงตาสีมรกตล้ำค่ามักขุ่นตามอารมณ์ของเจ้าของที่ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ นอกซะจากนภาที่สูงส่งที่เขาเคารพสุดชีวิตมาตั้งแต่มัธยมต้น บัดนี้เด็กชายร่างเล็กผมฟูสีน้ำตาลที่ใครๆมักมองว่าไม่เอาไหน เกลียดการต่อสู้และเป็นคนใจอ่อนเกินกว่าจะมาแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ได้รับตำแหน่งบอสมาเฟียวองโกเล่รุ่นที่สิบอย่างเป็นทางการแล้วเขาก็ได้เป็นมือขวาผู้ที่จะเคียงข้างนภาจนกว่าจะสิ้นชีวิต


...ราวกับสายลมที่จะพัดเคียงคู่นภาผืนนี้...ตลอดไป


เหงื่อเม็ดใสเริ่มย้อยจากไรผมสีเงิน แต่ชายหนุ่มไม่สนใจจะปาด มีเพียงการเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเขาได้รับจดหมายประชุมลับของสมาชิกระดับสูงจากนภาแม้ว่าเวลาในการนัดผมจะเป็นตอนตีสองกว่าๆเหมือนยามนี้ก็ตาม อย่างไรซะมือขวาอย่างเขาก็ไปสายไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว


“ตีสองสิบเจ็ด...” ชายหนุ่มร่างบางเปรยออกมากับตัวเองเบาๆเมื่อมองหน้าปัดนาฬิกาสีเงิน คิ้วเรียวขมวดกันเล็กน้อย เหลือเวลาอีกสิบนาทีเศษ ถ้าไม่รีบละก็คงจะไม่ทันประชุมแน่ๆ ทำไงได้ในเมื่อตึกวายุอยู่ห่างไกลจากศูนย์บัญชาการใหญ่ขนาดนี้ คาดว่าไกลที่สุดในบรรดาตึกผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดตึกเลยด้วยซ้ำ ช่างไม่น่าสบอารมณ์เอาซะเลย เขาเป็นถึงมือขวาที่ควรอยู่ใกล้นภามากที่สุดไม่ใช่รึไง


...แม้แต่ตึกของหมอนั่นก็ยังใกล้กว่าตึกของเรา น่าสมเพชซะไม่มี


เรียวปากถึงกับเบะออก เมื่อนึกถึงใครบางคนเข้ามาในหัว คนบางคนที่เขาหมั่นไส้มาตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกเมื่อสี่ปีก่อนไม่ได้หมั่นไส้อย่างในความเก่งและหยิ่งทะนงอย่างเมฆา แต่เป็นความหมั่นไส้ในความโชคดีของหมอนั่นต่างหาก... คิดดูสิชิงดีชิงเด่นออกตัวอยากเป็นมือขวาแข่งกับเขามาตั้งนานทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เรื่องในวงการมาเฟียเลยแท้ๆ วันๆเอาแต่เล่นเบสบอลฉีกยิ้มได้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่ด้วยการตัดสินใจของเด็กน้อยอัลโกบาเลโน่ยอดฝีมือที่เขายอมรับอีกคนด้วยแล้ว หมอนั่นเลยได้มาเดินลอยชายในฐานะที่สูงส่งใช่เล่น



...ผู้พิทักษ์พิรุณ ยามามาโตะ ทาเคชิ



กึก! เฮือก!


ขายาวๆที่ก้าวอย่างต่อเนื่องหยุดกึก สัมผัสที่กดดัน หนาวยะเยือกถาถมเข้าสู่วายุจนแทบหยุดหายใจ เป็นสัมผัสน่า คลื่นเหียนพร้อมที่จะฆ่าคนได้ทั้งเป็นตามจิตวิทยา ถ้าเป็นคนอื่นละก็แข้งขาอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่กับคนอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะ ที่เป็นถึงมือขวาอย่างแน่นอน


เฮอะ! ก็แค่จิตสังหารแผ่วๆ คงจะมีหนูสอดแนมตัวไหนแอบเข้ามาในคฤหาสน์ล่ะสิท่า อย่าอยู่เลยแก!


ไดนาไมต์สามแท่งอยู่ระหว่างซอกนิ้วของวายุเรียบร้อย ดวงตาสีมรกตตวัดมองตรงเหลี่ยมผนังที่เขาเพิ่งเลี้ยวมาเมื่อกี้ ประสาทสัมผัสอันฉับไวบ่งบอกเลยว่าสัมผัสอันน่าสะอิดสะเอียนมันโผล่หัวออกมาจากตรงนั้น


ดับไปซะ!!!


เฟี้ยว  ตู้มมมมมม!!!


ไดนาไมต์ถูกเขวี้ยงออกจากนิ้วเรียวไประเบิดตูมตรงกกเสาอย่างแม่นยำ โคมไฟที่ห้อยระย้าอยู่ตกลงมาแตกกระจัดกระจาย ฝุ่นควันสีเทาหนาจนมองอะไรไม่เห็น ดวงตาสีมรกตหรี่ลงเพื่อเพ่งเล็ง ถ้าเห็นตัวเมื่อไหร่จะซ้ำให้ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเลยคอยดู


“แค่กๆๆ” เสียงไอสำลักควันของใครบางคนดังออกมาจากในความมืด ทำให้วายุยิ่งเพ่งหนักขึ้นไปอีก


หือ..เสียงคุ้นๆแฮะ


“แค่กๆๆ  ยังทักทายรุนแรงอย่างเคยนะ...โกคุเดระ”


“ไอ้บ้าเบสบอล!!!


คำตอบเป็นประจักษ์แก่สายตาเมื่อมีร่างสูงๆ เดินฝ่าควันออกมา ชายหนุ่มผมและตาสีดำสนิทในชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตและเนคไทสีฟ้ากับรอยยิ้มที่เป็นมิตรฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาจนเป็นเอกลักษณ์


“ชื่อฉันก็มีทำไมไม่เรียกน้า” ขายาวๆก้าวเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แขนข้างหนึ่งพาดลงบนไหล่เล็กอย่างไม่ได้รับอนุญาต คนตัวเล็กก็อยากจะสะบัดออกอยู่หรอก แต่ทำไงมันก็ไม่หลุดสักที


“แกตามฉันมาทำไม ตกใจหมดคิดว่าเป็นขโมย”


“ก็นี่มันทางไปห้องประชุมไม่ใช่หรอ”คำตอบพร้อมรอยยิ้มของพิรุณไม่ได้ถูกใจวายุแม้แต่น้อย จะเป็นไปได้ไง คนที่จะผ่านทางนี้มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นแหล่ะ โกคุเดระถอนหายใจยาวก่อนจะเดินต่อ เหมือนชินกับเหตุผลที่ไม่ค่อยเป็นเหตุผลของคนตัวสูงนี่เต็มกลืน


“จากตึกแกไปห้องประชุมไม่ได้ผ่านทางนี้เฟ้ย จะโง่เดินอ้อมมาทำไม”


“เดินมาหานายนี่ดูโง่มากเลยหรอ”


“หา...”คำอุทานดังออกมาอย่างอัตโนมัติอย่างประหลาดใจผสมขำ คนตัวสูงลงทุนเดินย้อนตามเขามาตั้งไกลเพื่อมาหาเขาเนี่ยนะ ไม่เรียกว่าโง่ก็บ้าได้แล้ว


แต่ถึงอย่างนั้นสีเลือดฝาดก็ดันมาตกแต่งแก้มขาวๆจนกลายเป็นสีชมพูน่ามอง ทำให้คนตัวสูงคลี่ยิ้มหวานออกมาอย่างรวดเร็ว


“หน้านายแด...”


“ฉันร้อน!” เสียงประท้วงแบบขอไปทีพร้อมๆกับเจ้าตัวหันหน้าไปอีกข้างหนึ่งเป็นหลักฐานว่าวายุพยายามปกปิดหน้าตาของตัวเองแค่ไหน แต่หารู้ไม่ว่ากิริยาของเขาดันไปกระตุกต่อมที่เรียกว่าอยากแกล้งของอีกฝ่ายเต็มๆ


เป็นพวกไม่ยอมแพ้ ยิ่งหลบก็ต้องยิ่งต้อน... ใช่มั้ยล่ะ


พิรุณที่เย็นฉ่ำขยับเข้าไปประชิดตัวก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนเพื่อให้คนตัวเล็กหยุดเดิน ใบหน้าคมคายหล่อเหลาก้มลงมาใกล้แล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาสีมรกต ดวงตาสีเปลือกไม้นิ่งงันราวสะกดจิต ทว่ามีรอยยิ้มพรายเหมือนพอใจอะไรบางอย่าง


แกคิดจะทำอะไรฉันวะ! จ้องจนหน้าฉันแทบพรุนเป็นรังต่อแล้วนะโว้ย!


“ฮะๆๆ เพิ่งรู้นะ...” ร่างสูงหัวเราะร่วนก่อนจะยักคิ้วอย่างอารมณ์ดี “ว่าดวงตาของนายสวยกว่าดวงดาวซะอีก”


“หะ หา!” แทบอยากจะเอาหมัดเสยคางของคนตัวสูงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เพราะแขนแกร่งที่ยึดข้อมือไว้เหนียวปานมือปลาหมึก ทำให้โกคุเดระทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้าปากพะงาบๆชี้หน้าอย่างเคืองจัด


“ปล่อยฉันนะโว้ย!!


“ร้อนรึไง โกคุเดระ” น้ำเสียงของพิรุณล้อเลียนอย่างเห็นได้ชัด เขาอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นแก้มขาวๆยิ่งขึ้นสีเลือดเข้าไปอีกแต่ก็ยอมปล่อยแขนเล็กๆไว้โดยดี


ฮึ่ย! ไอ้บ้าเบสบอล! ไอ้โรคจิต อย่าให้ฉันฟ้องรุ่นที่สิบแล้วถีบแกตกตำแหน่งนะ พ่อจะหัวเราะให้ลั่นตึก


“นี่โกคุเดระ”


“อะไรของแกอีก ถ้าไม่มีสาระฉันส่งแกไปทัวร์นรกจริงๆนะ!


“ถ้าสมมติสักวัน...มันไม่เป็นแบบนี้ล่ะ” คำถามอันแปลกแปร่งของคนตัวสูงเล่นเอาคิ้วเรียวๆของโกคุเดระขมวดกันอย่างไม่เข้าใจ ไม่เชิงว่าไม่เข้าใจสิ ต้องพูดว่าหมอนี่ถามอะไรเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ


“หมายความว่าไง”


“ก็หมายความว่าสักวัน... เราไม่ได้อยู่กันแบบนี้... ไม่มีนาย ไม่มีฉัน ทั้งสึนะ และคนอื่นๆ... ต้องขาดใครไปซักคน คงเหงาแย่เลยเนอะ” รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของพิรุณ ดวงตาสีเปลือกไม้เหลือบมามองโกคุเดระที่เบะปากให้กับความคิดที่ไม่รู้จักโตเป็นผู้ใหญ่ซักที


“ยังคิดอะไรงี่เง่าเหมือนเดิมเลยนะแกน่ะ มันจะเป็นไปได้ยังไง!


“อะไรก็เกิดขึ้นได้น่า”


“ฟังฉัน ไอ้บ้าเบสบอล!” โกคุเดระก้าวขามาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะใช้นิ้วชี้เรียวๆจิ้มจึ้กๆไปที่หัวของคนตัวสูงกว่าหลายที        


"ถ้าหัวแกไม่ได้มีแต่เรื่องเบสบอล ดาบ แล้วก็ขี้เลื่อยแล้วล่ะก็ ฉันจะพูดให้แกฟังเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกต้องยืนอยู่ข้างๆรุ่นที่สิบ ทำทุกอย่างเพื่อรุ่นที่สิบ คอยปกป้องรุ่นที่สิบ แม้ในวันนั้นจะไม่เหลือใครเลย... แม้แต่ฉันก็ตามที!”คำพูดไม่กี่ประโยคของร่างโปร่งบางซึมซับเข้าไปในจิตใจของพิรุณ ดวงตาสีเปลือกไม้สั่นระริกแต่ก็แทบจะสังเกตไม่เห็น



ถ้าสักวันไม่เหลือใครเลย ทำไมต้องเป็นนาย ต้องเป็นนายหรอ


“แม้แต่นาย...หรอ”


“ก็เออสิ! แต่ตอนนี้ในอีกสองนาทีแกกับฉันยังไม่ถึงห้องประชุมล่ะก็เตรียมโดนกระสุนของคุณรีบอร์นได้เลย!” ร่างโปร่งบางกระแทกพร้อมคว้ามือใหญ่ให้วิ่งตามตัวเองไป โดยที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของพิรุณเลยว่าหม่นลงแค่ไหน



...ถ้าสักวันไม่มีนาย... อย่าว่าแต่จะปกป้องสึนะเลย แค่แรงที่จะยันตัวเองลุกขึ้นยืน...จะไหวรึเปล่า ฉันก็ไม่รู้







“แฮ่ก ขอโทษที่มาสายครับรุ่นที่สิบ แฮ่ก แฮ่ก”


“ขอโทษนะสึนะ แฮ่ก แฮ่ก”


เสียงหอบหายใจถี่ดังพร้อมกับคำขอโทษขอโพยจนแทบฟังไม่ออกของสองผู้พิทักษ์ ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องประชุมที่มีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เด็กชายผมสีน้ำตาลไหม้ฟูในชุดสูทสีดำสนิทนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวโต๊ะ ข้างๆเป็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมคายสวมชุดสูทกับหมวกทรงสูง ไล่ลงมาทางด้านซ้ายเก้าอี้ตัวที่สองเป็นผู้พิทักษ์แห่งอรุณ ที่นั่งตรงกันข้ามคือผู้ชายหน้าตาดีมีเสน่ห์ในชุดลายวัวที่คลุมทับด้วยสูทดำอีกชั้นหนึ่ง ถัดไปเป็นบุรุษนัยน์ตาและผมสีรัตติกาลใบหน้าที่เย็นชาทว่ากลับดูดีสมบุคลิกที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามคือชายหนุ่มผมสีน้ำเงินไพลินยาว ดวงตาสองสีที่เป็นเอกลักษณ์กับรอยยิ้มเหยียดที่ไม่สามารถเดาความคิดออกได้


เหลือไว้ซะแต่ที่นั่งสองที่ประกบซ้ายขวาของบอสแห่งวองโกเล่เท่านั้นที่ว่างอยู่


ซวยชิบ! สายจริงๆด้วย ต่อไปนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะเนี่ย!!!


“ก็เอาไว้บนบ่านายนั่นแหล่ะโกคุเดระ แต่ถ้ายังไม่นั่งในอีกสามวิมันอาจจะไม่อยู่บนบ่านายก็ได้” ร่างสูงในหมวกทรงสูงขู่เสียงเรียบพร้อมหันกระบอกปืนคู่ใจมาที่สองผู้พิทักษ์ที่กำลังหน้าซีดเผือด


ขะ ขอโทษครับคุณรีบอร์น ก็เพราะไอ้บ้านี่ล่ะครับมันทำผมเข้าประชุมสายสองร่างทรุดตัวนั่งข้างประกบนภาแห่งวองโกเล่แสดงตำแหน่งมือซ้ายและมือขวา โดยมือขวาคนเก่งไม่วายโยนความผิดให้คนที่มาถึงพร้อมกันรับไปเต็มๆ


คึหึหึหึ ไปทำอะไรกันมาล่ะครับ ปกติโกคุเดระคุงไม่เคยมาสายนี่นา คำถามจี้ใจดำยิงออกจากปากชายหนุ่มผมสีน้ำเงินไพลินพร้อมรอยยิ้มละไม วายุใจร้อนได้ฟังแล้วแทบอยากจะกระโดดถีบออกจากห้องประชุมซะ


ไอ้หัวสับปะรดเอ๊ย ถ้าในห้องนี้ไม่มีรุ่นที่สิบกับคุณรีบอร์นนะแก


มือขวาต้องมาถึงห้องประชุมก่อนยี่สิบห้านาที วันนี้นายทำผิดกฎนะโกคุเดระ ฮายาโตะ


“แล้วทีแกไม่เข้าประชุม ฉันยังไม่เอาเรื่องแกเลยไอ้คณะกรรมการรักษาระเบียบงี่เง่า!


“หืม


“อะ เอ่อ พอเถอะทุกคน ในเมื่อมันครบแล้วก็เปิดประชุมล่ะนะ”นภาสีใสตัดบทเมื่อเห็นว่าห้องประชุมจะกลายเป็นสมรภูมิรบสงครามประสาทของเหล่าผู้พิทักษ์ไปซะแล้ว มือเล็กๆหยิบเอกสารปึกใหญ่แจกให้กับทุกคนก่อนจะเริ่มพูด
“ก่อนอื่นผมขอเริ่มจากกระจายกำลังไปดูแลพื้นที่ของเราในอิตาลี รวมถึงพื้นที่ของวาเรียด้วย ด้านวาเรียทางโน้นเค้าได้ล็อกตัวเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นคุณพี่น่ะครับ...”


“โอ้ ด้วยความยินดีเลยซาวาดะ งานนี้สบายสุดหูรูด!”ผู้พิทักษ์อรุณตบปากรับคำทันทีไม่มีอิดออด ไม่มีงานไหนที่ผู้พิทักษ์กำลังใจร้อนแรงคนนี้จะไม่ทำ บางทีทำเกินไปด้วยซ้ำ


“ต่อไปก็อิตาลีเหนือฝั่งคุณลันเชีย ฉันได้วางให้แรมโบ้ไปนะ”


“หา ผมเนี่ยนะครับวองโกเล่” เด็กหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุด ในชุดลายวัวอ้าปากร้องประท้วง ก็เขาอยากอยู่หอบัญชาการกินแล้วก็นอนไปวันๆมากกว่านี่นา แล้วตั้งแต่เป็นผู้พิทักษ์มาเคยไปทำงานแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ


“ใช่ นายนั่นแหล่ะ แต่นี่เป็นงานแรกที่ฉันไว้วางใจให้นายไปดูแลพื้นที่ ฉันจะส่งอีกคนนึงไปดูแลนายด้วย” นภาแห่งวองโกเล่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงคนไม่รู้จักโตตามประสา ทำเอาผู้พิทักษ์ที่เหลืออีกสี่คนใจหายวาบ


ใครจะอยากไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก!!!


“อืม เป็นนายละกันนะยามาโมโตะ” รอยยิ้มหวานมอบให้คนอยู่ทางซ้ายอย่างไหว้วาน ความจริงไม่มีตัวเลือกต่างหาก คนที่เหลือมีใครจะพอเป็นพี่เลี้ยงได้นอกซะจากพิรุณที่ฉ่ำเย็นคนนี้


“โอ๊ส วางใจได้เลยสึนะ”คนตัวสูงยิ้มอย่างยินดี แล้วหันไปจับมือคนที่อยู่ตรงข้ามมาเขย่า “เป็นงานแรกเลยนะที่ได้ทำกับนาย ฝากตัวด้วยนะแรมโบ้”


“เช่นกันครับคุณยามาโมโตะ”


“ส่วนที่เหลือ โกคุเดระคุง มุคุโร่และคุณฮิบาริอยู่ที่หอบัญชาการใหญ่นะครับ”


“ครับ รุ่นที่สิบ”


ฮึ่ย ทำไมไอ้บ้าเบสบอลถึงได้ออกพื้นที่วะ ทำไมไม่เป็นมือขวาอย่างฉัน!


“วองโกเล่ว่ายังไงก็เอาตามนั้นละกันครับ”


คึหึหึหึ ดีเหมือนกันไม่ต้องออกไปข้างนอกให้เมื่อย แถมยังได้ดูแลวองโกเล่อีกต่างหาก


“ครับเอาเป็นว่าทุกคนตกลง เริ่มออกเดินทางพรุ่งนี้นะทั้งสามคน คุณพี่ออกตอนเจ็ดโมงเช้า ส่วนยามาโมโตะกับแรมโบ้ออกตอนหกโมงเช้านะ”


“รับทราบ!


“ต่อไปเป็นเรื่องธุรกิจ...วองโกเล่ขนส่งปืนสารพัดชนิด อาร์ก้า ไรเฟิล เอ็มสิบหก ได้กำไรดีกว่าคู่แข่งการค้าถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ คุณดีโน่ได้ไปดูตลาดอาวุธให้แล้วช่วงนี้กำไรจากการขนส่งกระสุนตกลงนิดหน่อย...นภาแห่งวองโกเล่ยังคงร่ายเนื้อหาการประชุมที่ได้ข้อมูลมาจากมือขวาอย่างต่อเนื่อง ชัดเจนและเนิ่นนานท่ามกลางสายตาที่ชื่นชมและเชื่อมั่นของเหล่าผู้พิทักษ์



ซาวาดะ สึนะโยชิ เด็กผู้ชายที่ไม่เอาไหนทั้งในเรื่องเรียน กีฬาแม้กระทั่งเรื่องหัวใจ จับผัดจับผลูถูกฝึกให้เป็นหัวหน้าแก๊งค์มาเฟีย... เติบโตเป็นนภาที่งดงามและสูงส่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ...


คนเราก็ต้องมีการพัฒนา...


ต้องมีการเติบโตให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ...


แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูล ถึงจะไปได้อย่างที่ฝัน


ราวกับนภา...


เอ่อ...ขอขอบใจโกคุเดระคุงที่ประสานงานเรื่องข้อมูลทุกอย่างนะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้ครับ



ที่มีสายลมคอยช่วยพัดเกื้อกูลหนุนรองเอาไว้...ตลอดเวลา







เฮ้อ เลิกประชุมสักที  เฮ้ โกคุเดระจะไปไหนล่ะ


มือไวๆขอผู้พิทักษ์ของพิรุณคว้าแขนเล็กๆของวายุเอาไว้ แต่พอร่างโปร่งบางหันมาทำเอาคนที่ร่าเริงผงะไปได้เหมือนกัน หน้าขาวซีดราวกับเลือดไม่ไปเลี้ยงและขอบตาคล้ำๆใต้ดวงตาสีมรกตสวย บ่งบอกว่าร่างโปร่งบางนี้เหนื่อยมากแค่ไหน


ฉันเหนื่อย จะไปนอนแล้ว


ฉันรู้ว่านายเหนื่อย แต่จะอยู่ฟังฉันก่อนไม่ได้รึไง


พรุ่งนี้ฉันต้องออกเดินทาง นายไปส่งฉันได้มั้ย


ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว...แต่ก็อยากถาม


ให้คนอื่นไปเซ่! ใครมันอยากจะไปส่งแกกัน!”


คนอื่นมีงานน่ะ พิรุณยังคงหว่านล้อม แม้จะรู้ว่าเหตุผลนั้นโง่เง่าเต็มที


คิดว่าฉันไม่มีเรอะ! งานฉันเยอะกว่าไอ้พวกเวรนั่นเป็นร้อยเท่า


ฮะๆๆ นั่นสินะเหมือนจะเป็นคำพูดที่ปลงใจ แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับวาดลงบนใบหน้าหล่อเหลา ไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด "งั้นฉันให้สึนะไปส่งก็ได้


ไม่ได้นะเฟ้ย รุ่นที่สิบงานเยอะจะตาย แค่นั้นท่านก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ทำไมต้องเสียเวลาไปส่งไอ้บ้าเบสบอลอย่างแกด้วยล่ะวะ ฉันไปส่งก็ได้พอใจยัง


ตามแผน! ร่างโปร่งบางก็เป็นอย่างนี้ซะทุกที กลัวว่านภาจะทำงานหนักตลอด ถ้าเป็นนภาที่เคารพแล้วจะออกตัวทำเองทุกครั้งทั้งที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำงานจนร่างกายรับไม่ค่อยไหวแล้วน่ะ นิสัยแบบนี้ใครก็ดูออก..มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


จริงหรอ! หกโมงเช้าเจอกันหน้าตึกฉันนะ


เออ





พิรุณกำลังจะสร่างซา แล้วแบบนี้จะมีอะไรที่จะอยู่ข้างเคียงวายุได้อีก




TBC...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น