Project : Happy
birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059
[Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง
ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย
สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก
Miyaจ้ะ *v*
SKYFALL : 09
“ผมตั้งใจจะทรยศยามาโมโตะ...จริงๆ...”
ความเงียบและความกดดันหนักๆประทับลงเหนือโต๊ะสนทนา
ดวงตาสองคู่สบกันไปมากินเวลาหลายนาที คนหนึ่งก็เพื่อยืนยันในความคิดตน
ส่วนอีกคนก็เพื่อพิจารณาจับผิด และความนิ่งเงียบน่าขนลุกก็จบลงแค่นั้นเมื่อคนสูงวัยเอื้อมมือมาเพื่อจะหยิบเอกสารสักแผ่นในกระเป๋า
ปั่บ!
มือบางปิดมันลงทันที ริมฝีปากยิ้มสบายๆแล้วปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า
“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ” แล้วดึงมันเข้าหาตัวอย่างเก่า
“ทำไม”
“เพราะคุณต้องรับปากผมก่อนว่ายินดีตอบรับข้อเสนอของผม
ผมจึงจะยกข้อมูลทั้งเครือยามาโมโตะให้ และอีกอย่างหนึ่ง
ต่อให้เมื่อกี้คุณหยิบกระดาษสักแผ่นขึ้นอ่าน มันก็ไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่หรอก”
คิ้วที่เริ่มมีสีขาวแซมขมวดมุ่นกับประโยคท้ายของเด็กหนุ่ม
เขาไม่เคยประเมินเด็กตรงหน้าต่ำ คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าทุกวินาทีที่อยู่ต่อหน้าโกคุเดระ
ฮายาโตะต้องระวังให้ดี ต้องตระหนักว่าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอายุสิบเก้าในวงการ
แต่คือคนที่สัมผัสธุรกิจมาทั้งชีวิตสิบเก้าปีต่างหาก...
“ในกระเป๋านี้มีทั้งข้อมูลจริง...และข้อมูลเท็จ”
สตีเฟนสันนิษฐานเสียงเย็น
“ถูกแล้วครับ...เพราะบางข้อมูลเป็นสิ่งที่ผมใช้การคาดการณ์เครือยามาโมโตะที่พอจะเป็นไปได้ในอนาคตจากมุมมองของหุ้นส่วนเท่านั้น
บางอย่างก็พิสูจน์ได้แล้วว่ามันผิด แต่แทนที่จะโละทิ้งผมก็ยังเก็บไว้”
เมื่อเห็นสีหน้าของชายชราที่เริ่มทวีความเย็นชาเหมือนเข้าใจว่าเขาพยายมเล่นแง่
โกคุเดระจำต้องแก้ตัว
“ไม่ได้ตั้งใจเอามันมาต่อรองกับคุณตั้งแต่แรกหรอก...ก็เผื่อเจ้าของข้อมูลพวกนี้จมูกดีเกินมาเจอ
จะได้ไม่สงสัยว่าผมไปขโมยข้อมูลของเขามาโต้งๆ” เขาไม่ได้โกหก
ตอนแรกที่เอาไอ้พวกนี้ยัดใส่มาก็คิดแค่นั้นจริงๆ
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะมีประโยชน์มากกว่านั้น
เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก
รอยยิ้มที่อาเจ๊มักจะพูดกับเขาว่าอย่าทำบ่อยนักเพราะมันน่ากลัว
“แต่ตอนนี้ผมคิดจะใช้มันต่อรองกับคุณจริงๆ
คุณแมคคาร์ที...หลีกทางให้ผมซะ
แล้วผมจะแยกเอกสารจริงทั้งหมดให้กับคุณแล้วใส่ซีดีให้”
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่ามันเป็นข้อมูลจริง
แล้วเธอไม่ได้หลอกฉัน...ไม่สิ ไม่ถึงต้องหลอก
ฉันต้องถามตัวเองมากกว่าว่าจะมั่นใจในฝีมือเธอได้ยังไง
เธอรู้ได้ยังไงว่านั่นคือข้อมูลแก่นแท้ของเครือยามาโมโตะ
ในเมื่อเธอก็บอกเองว่าบางอย่างมันเป็นแค่การคาดเดา”
นัยน์ตาของชายสูงวัยเต็มไปด้วยความระแวง ยังคงนิสัยคิดเล็กคิดน้อยอย่างทุกครั้ง
เด็กหนุ่มหันไปหยิบน้ำแข็งเติมในแก้วของตัวเองแล้วรินวิสกี้ลงไปใหม่
ใช้แท่งเหล็กคนเสียงดังกิ๊งๆ ปากก็ว่าไปด้วย
“คุณเชื่อไม่ได้หรอก”
“อะไรนะ!”
“ผมบอกว่าคุณเชื่อไม่ได้”
โกคุเดระย้ำ ไม่สนใจว่าเข้าข่ายเจตนายั่วโมโหพวกมีอิทธิพล “แต่คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ
ผมไม่มีอะไรมารับประกันนอกจากจะบอกคุณว่า โกคุเดระคือผู้ที่รู้จักยามาโมโตะดียิ่งกว่าใคร...ก็เท่านั้นแหล่ะครับ”
เป็นอีกครั้งที่สตีเฟนไม่อาจหาคำไหนขึ้นมาโต้แย้งโกคุเดระได้อีก
เพราะเหตุผลที่เด็กหนุ่มให้เขามามันแสนจะง่ายดาย แต่มันไม่ได้ฟังง่ายๆสมกับประโยคเลย
และเขาก็ได้ตัดสินไปแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นพวกพูดจริงทำจริง
ถ้าหากไม่มั่นใจก็คงจะไม่พูด
“แล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่เชื่อด้วย
สิ่งที่ผมเอามาเสนอคุณถึงที่นี่คือการขนส่งชั้นวีไอพีที่จะทำให้คุณค้าอาวุธคล่องขึ้น
อาจตามด้วยฐานทัพลับที่ใช้เก็บสินค้าที่ใหญ่และมีเครือข่ายมากที่สุดในเอเชีย
แค่คุณเอาห้างสรรพสินค้าที่ยังเป็นแค่ห้างใหม่หัดดังอย่างเบธิลด์ ทาวเวอร์มาแลก...เทียบกันแล้วคุณแทบไม่เสียอะไรเลยนะ
คุณแมคคาร์ที เพราะถ้าคุณจับได้ว่าผมโกหก
คุณก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกทำตามแผนคุณเหมือนเดิม...เอาเบธิลด์ไปซะ
แล้วข้อตกลงเราก็ถือเป็นโมฆะ...คนที่เสียเปรียบก็คือผมคนเดียวเท่านั้น”
“ถ้าฉันจับได้ว่าเธอโกหก
สิ่งที่จะเป็นโมฆะคือชีวิตของเธอต่างหาก” ชายชราขู่เสียงเหี้ยม
แต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มรับ
“อันนั้นก็อาจจะใช่
แต่จะฆ่าผมคุณก็ต้องรอการอนุมัติจากบอสของคุณอยู่ดี...คงยังไม่ลืมใช่ไหมว่าคุณน่ะมันพวกเลือดผสม
การที่คุณจะยกปืนขึ้นมาส่องใครแล้วเหนี่ยวไกให้ใครตายด้วยตัวเอง มันก็ต้องฝ่าความกลัวกฎหมายเหมือนกับคนบนดิน...เขาคงไม่คุ้มครองคุณ...ผมพูดถูกใช่ไหม?”
หน้าตาของสตีเฟนเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนเด็กหนุ่มต้องบอกตัวเองว่าพอแค่นี้ดีกว่า
ไม่อย่างนั้นระดับความเครียดมันอาจทำให้ผลของการเจรจาคราวนี้ไม่ดีนัก
เสียงใสๆหัวเราะออกมาช่วยขับไม่ให้บรรยากาศมันตึงเครียดจนเกินไป
แล้วว่าด้วยรอยยิ้มซื่อๆ
“แล้วก็นั่นล่ะครับ
ระยะเวลาที่คุณกำลังโทรคอนเฟิร์มกับบอส ผมก็คงใช้จังหวะนั้นหนี
แต่ถ้าคุณจะเอาตั้งแต่ตอนนี้ผมตายแน่ๆ
ไม่ทันวิ่งออกจากร้านผมก็คงลงไปนอนจมกองเลือดกับพื้นผับแล้วมั้ง ถึงหนีออกจากร้านได้ก็มีแต่ทะเลสาบกับถนน...ผมไม่มีรถ
และก็ไม่มีแรงว่ายน้ำไปถึงอีกฝั่งโน้นด้วย จมน้ำตายอยู่ดี”
ชายสูงวัยถึงกับเลิกคิ้ว...เขาเพิ่งจะได้ยินคนพูดถึงความตายของตนเองได้อย่างหน้าตาเฉยขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลย...ถ้าสติไม่ดีก็ต้องมั่นใจว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น
นั่นก็หมายความว่าต่อให้จับผิดกันตรงนี้ก็เปล่าประโยชน์สินะ...
อารมณ์ของคนฟังเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ความหมายที่ตีได้มันจะชวนหงุดหงิดเพิ่มขึ้น ก็เจ้าเด็กตรงหน้าเล่นการันตีความปลอดภัยของตนเองเสร็จสรรพแล้วแถมยังทำท่าทางว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ
ซึ่งถ้าดูแล้วมันก็ใช่ ต่อให้โกคุเดระทรยศเขาขึ้นมาจริงๆ คนที่จะซวยไม่ใช่เขา
แต่เป็นตัวเด็กหนุ่มเอง บอสของเขาไม่มีทางปล่อยเด็กคนนี้ไว้แน่ และถ้าสักวันท่านประธานแห่ง
The
Best รู้เข้าว่าอดีตหุ้นส่วนคนสำคัญเอาข้อมูลลับบริษัทมาแฉให้เห็นกันจะๆ
ร้อยทั้งร้อย โกคุเดระต้องถูกถอนรากถอนโคน
เรียกได้ว่าทั้งบนดินและใต้ดินไม่มีที่ให้ยืนเลย...
“ตกลง...ข้อเสนอของเธอ
ฉันรับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง แต่ก็ยังคงถาม
“ไม่คุยกับบอสของคุณก่อนเหรอ
อย่างน้อยก็น่าจะโทรไปบอกสักหน่อย”
“เธอคงไม่คิดว่าฉันจะติดต่อกับเบื้องบนต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ
คุณหนู” คำแย้งเรียบๆทำให้ร่างบางหัวเราะแหะแล้วพึมพำกับตัวเองว่า ‘จริงด้วยสิ’
มือบางยกวิสกี้ขึ้นดื่ม และถามขึ้นทันทีที่กลืนของเหลวดีกรีแรงลงคอ
“แล้วกับเคลล์แมน
มาร์ตัน คุณจะทำยังไงกับเขา”
“ปลาตัวเล็กก็ควรถูกปล่อยสู่แหล่งน้ำ
และใช้ชีวิตปกติต่อไป...หึ
ฉันก็แค่บอกว่าต่อให้เรารวมเงินกันก็แพ้ทุนทรัพย์ของทางโกคุเดระ
หรือไม่ก็อาจจะอ้างว่าเดเมียนชอบใจในผลประโยชน์ที่จะทำกับโกคุเดระมากกว่าก็เลยเลือกให้เธอชนะ
มีเหตุผลอีกร้อยแปดประการที่จะทำให้คนหัวอ่อนอย่างเขาเชื่อ...แต่วางใจได้
เขาจะเข้าใจว่าเธอชนะโดยบริสุทธิ์”
ขอบคุณมากเลย!
โกคุเดระไม่รู้ตัวเองจะทำหน้าอย่างไรดีกับคำยืนยันนั้น
แต่เขาก็โล่งใจเปลาะหนึ่งที่เคลล์แมนจะได้ใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าบนดินต่อไป
แต่รู้สึกว่าเจ็บแสบๆกับประโยคสุดท้าย แต่มันก็คงจะว่าไม่ได้
ในเมื่อตอนนี้เขาเหมือนเอาตัวเองกำลังชุบสีดำไปอย่างช้าๆ ขนาดแค่คำว่าบริสุทธิ์
เขายังฟังว่ามันขัดหูจริงๆ
แต่ตอนนี้มันสำเร็จ...เขาเจรจาสำเร็จแล้ว
ไม่มีตรงไหนที่เป็นรอยโหว่ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนทุกประการ
“คุณแมคคาร์ทีครับ...เรื่องข้อมูลจริงของเครือยามาโมโตะผมจะจัดการทั้งหมดภายในคืนนี้
แล้วพรุ่งนี้คุณก็คงจะได้รับมัน” คนฟังเพียงพยักหน้ารับ
แต่ดวงตาสีฟ้าลึกล้ำนั้นยังคงอ่านยากแล้วมีรอยน่ากลัวประหลาด แต่ฟันธงได้มันไม่ใช่สายตาที่พันธมิตรที่เชื่อใจจะมองกัน
มันเป็นสิ่งที่รับรู้ได้โดยอัตโนมัติ
“นี่...คุณหนูโกคุเดระ...” เขาโดนเรียก
ไม่รู้ทำไมเพียงแค่นั้นกลับทำให้มุ่นหัวคิ้วได้ สตีเฟนคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยต่อ
“ถ้าฉันจะขออะไรเธอสักหน่อย
เธอจะขัดข้องไหม”
ทันทีที่ชายชราเอ่ยประโยคนี้ออกมาเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองมันเต้นผิดจังหวะ
ความโล่งใจที่ได้ฟังคำว่า ‘ตกลง’ หายไปจนไม่มีเหลือกลับกลายเป็นความระแวงเข้ามาแทนที่
สัญชาตญาณที่เคยร้องเตือนเขามาโดยตลอดที่ทำงานวงการนี้มันบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
ยังไม่ยอมจบสินะ...
“อะไรล่ะครับ”
“เรื่องข้อมูลของเครือยามาโมโตะ...ในกระเป๋าใบนี้น่ะ
อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ก็หวังว่าเธอจะเข้าใจ”
หมอนั่นเกริ่นยาว คำเกริ่นฟังเรื่อยๆเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร
แต่มันทำให้คนฟังระแวงขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจเธอ
แต่ฉันว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะทำ...หลังจากที่ฉันได้ข้อมูลแล้ว ฉันจะขอตรวจสอบด้วยตนเอง...ชนิดเข้าฐานของมันเลย”
“คุณ...หมายความว่าไง”
เขาถามเสียงแผ่วแม้ในหัวจะเดาภาพเอาไว้รางๆ ตาแก่นี่กำลังเล่นตลกที่ขำไม่ออกกับเขา
แค่พูดว่าจะเข้าถึงฐานนั่น...มันก็ชัดเจนพออยู่แล้ว
“ฉันว่าเธอเข้าใจนะคุณหนู”
สตีเฟนดักคอ “ทำไม?....” เขาโน้มตัวลง ดวงตาสีฟ้าจัดจ้อง
รอยยิ้มร้ายมองดูราวกับกำลังเยาะเย้ย “เธอมีปัญหาอะไรถึงให้ฉันตรวจสอบข้อมูลไม่ได้หรือเปล่า...”
“ไม่ใช่”
โกคุเดระปฏิเสธทันที
พยายามหายใจเข้าออกให้ช้าเพื่อไม่ให้อาการลนลานแม้เพียงนิดเผยออกมา
“นั่นมันอันตรายเกินไป ถ้าคุณคิดที่จะลักลอบเข้าตึกของยามาโมโตะ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นค่อนข้างรัดกุม
ต่อให้คุณผ่านระบบคน แต่ทุกห้องในตึก HQ ก็ยังมีเครื่องสแกนคนเข้าที่ยามาโมโตะเป็นผู้เขียนโปรแกรมเอง”
ดวงตาคู่สวยหรี่ลง
น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยช้าๆ “...ก็หรือคุณจะเสี่ยง”
“เธอเองก็เคยเสี่ยงมานี่”
ชายสูงวัยสวนกลับง่ายๆ “ด้วยวิธีโจรๆ อย่างที่เธอเคยบอกฉันใช่หรือเปล่า”
คนๆนี้!
โกคุเดระเม้มริมฝีปาก
แววตาของเขาตอนนี้มันก็คงไหวระริก
แต่เขาก็ภาวนาไม่ให้สตีเฟนช่างสังเกตกับท่าทีของเขาขนาดนั้น
ตั้งแต่ที่เขาเหยียบเข้าเจนีวานี้ แผนการทุกอย่างของเขามันไม่มีพลาด
แล้วเขาก็บังคับกับตัวเองว่ามันจะต้องสำเร็จทุกงาน
และมันก็ผ่านมาได้ด้วยดี...แต่นั่นแหล่ะเป็นดาบสองคม
เขาบอกได้เลยว่าคืนนี้เขาชะล่าใจจนเกินไป แล้วตอนนี้มันกำลังจะเล่นนอกบท...เขาคิดไม่ถึง...คิดไม่ถึงว่าสตีเฟนจะเล่นถึงขนาดนี้
ถ้าปล่อยให้พวกนี้ขึ้นศูนย์บัญชาการหลักของ
The
Best แย่แน่ๆ
แย่แน่! ยามาโมโตะ!!
“ผมว่ามันไม่จำเป็น”
เขายังหว่านล้อม
“แต่มันก็ไม่เสียหายที่จะทำ”
สตีเฟนแย้งทันควัน มุมปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้ม “หรือเธอทำไม่ได้จริงๆ”
หัวใจของคนฟังกระตุกวูบ
ฟันขบกันอย่างเงียบงันภายในริมฝีปากที่เม้มสนิท สายตาและน้ำเสียงของสตีเฟนไม่ใช่การปรามาส
แต่เป็นการจับผิด แล้วถ้าเขาแสดงท่าทีคัดค้านไปมากกว่านี้มันจับได้แน่ๆ
ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือตอนไหน
จะปล่อยให้อารมณ์หรือความตื่นกลัวมาทำให้งานเสียไม่ได้เด็ดขาด
นั่นคือสิ่งที่เขาเตือนตัวเองมาตลอด
แล้วถ้ามันมาพังเอาตอนนี้
นายรู้ใช่ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น โกคุเดระ ฮายาโตะ! นายได้เป็นศัตรูกับพวกมันเต็มตัว
อย่าว่าแต่มันจะกำจัดนายทิ้งเลย พ่อนาย แม่นาย เฮียล่ะ... อาเจ๊อีก
คนใกล้ตัวนายทั้งหมด ใช่...รวมถึงหมอนั่นด้วย...
“ผมทำได้...”
ความรู้สึกหนักอึ้งที่บ่าและขมับค่อยๆคืบคลานทันทีที่ต้องพูดคำๆนี้ออกไป
และมันย้อนกลับไม่ได้แล้ว “ทำได้...” เขาย้ำ ราวกับย้ำกับตัวเองมากกว่า
แต่นั่นก็เรียกรอยยิ้มพึงใจบนใบหน้าชายชราได้เป็นอย่างดี
“มีอะไรจะแนะนำไหม
คุณหนูโกคุเดระ”
“ก็ถ้าคุณไม่รังเกียจวิธีเด็กๆ”
เด็กหนุ่มพูดขึ้น มือประสานกันไว้บนโต๊ะแล้วเล่าช้าๆ “The Best สาขาใหญ่ที่โตเกียว เป็นตึกแฝดสี่ และตึกริมขวาสุดคือศูนย์บัญชาการหลัก
ที่หน้าตึกมียามเฝ้าอยู่ พวกเขาถูกฝึกมาเป็นอย่างดี และแต่ละคนมีเครื่องสแกนบาร์โค้ดบนบัตรเพื่อตรวจคน
ถ้าไม่ใช่บุคลากรที่ระบุเอาไว้ในฐานข้อมูล ก็ไม่สามารถเข้าได้”
“แล้วใครบ้างที่เข้าได้...”
“คนของเครือยามาโมโตะ...และคนของโกคุเดระ”
เด็กหนุ่มตอบ “ผมสามารถทำให้คนของคุณเข้าไปในตึกได้โดยป้อนไวรัสเอาไว้ในบัตร
มันจะทำให้สแกนผ่านทุกเครื่องตรวจ...”
“วิธีโจรจริงๆด้วยสิ”
สตีเฟนแทรกขึ้นแล้วหัวเราะหึๆ
“แต่ฉันว่าแบบนั้นมันไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่...ช่วยป้อนข้อมูลว่าคนของฉันเป็นคนของเธอ
น่าจะดีกว่านะ”
เพียงเท่านั้นร่างกายของเด็กหนุ่มก็ชาวาบจนไม่อาจขยับ
ลมหายใจติดขัดจนมันไม่พอที่จะไปเลี้ยงร่างกายในขณะอารมณ์ยังไม่ปกติ มันกดดัน
ราวรอบกายของเขามืดมิด
ไม่ได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงพูดคุยของผู้คนทั้งๆที่นี่มันเป็นสถานเริงรมย์
ว่าแล้ว...มันตั้งใจแบบนี้จริงๆด้วย...มันตั้งใจให้ชื่อโกคุเดระเป็นคนทรยศเครือยามาโมโตะจริงๆ
มันตั้งใจให้เขาหักหลังยามาโมโตะจริงๆ
ว่าแล้วคำพูดของสตีเฟนก็ลอยเข้าหัว
เครือยามาโมโตะครอบครองธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีสาขาเกือบทั่วโลก
แทบทุกตารางนิ้วคือที่ของเขา กำลังคนและกำลังทรัพย์มหาศาล และถ้าใครคิดจะเป็นศัตรู
นั่นคือการปิดตายหนทางรุ่งเรืองทางธุรกิจบนดิน...นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ The Best ไม่มีใครกล้าคิดคดโกงมาจนถึงทุกวันนี้
เพราะถ้าคิดจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ
‘สิ่งที่ดีที่สุด’ นั่นหมายความว่าต้องกลายเป็น ‘สิ่งที่เลวร้ายที่สุด’
ฮึ...นายรู้อะไรไหมยามาโมโตะ...ตอนนี้ฉันรู้สึกอย่างนั้นเลย...
“ผมจะทำให้ตามที่คุณขอครับ”
ท่านประธานแห่งเครือโกคุเดระกลับมาถึงโรงแรมด้วยสติที่ไม่ครบร้อยเท่าไหร่
หนึ่งก็คือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ วิสกี้ออนเดอะร็อคสองแก้ว และสองคือผลของการเจรจา
จะว่าสำเร็จมันก็คงจะพูดไม่ได้เต็มปาก... เขาบอกกับแดชีลล์เองว่าถ้าจะให้ทรยศยามาโมโตะเข้าจริงๆ
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่พอต้องมาทำตามคำพูดของตัวเองแล้วกลับปฏิเสธไม่ได้...มันอึดอัด...อ่อนล้า
เหมือนมีอะไรสักอย่างกดทับ และมันคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสีหน้าผิดหวัง...เจ็บใจหรือโกรธแค้นเมื่อยามาโมโตะรู้เรื่อง...
โดยเฉพาะสีหน้าผิดหวัง...เขาไม่อยากจะเห็นเลย
สู้ให้หมอนั่นโกรธหรือชี้หน้าด่าเขาหรือดุใส่เหมือนในร้านกาแฟมันยังจะดีซะกว่า...แต่ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน
เขาก็ต้องทำใจยอมรับมัน เพราะไม่อย่างนั้น เขาจะเดินหน้าต่อไม่ได้ เริ่มจากตอนนี้คือเขาพักห้องเดียวกับยามาโมโตะไม่ได้...
โกคุเดระผ่อนลมหายใจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินตรงดิ่งไปที่เคาท์เตอร์โรงแรม
“ฉันโกคุเดระ...ขอกุญแจสำรองห้อง A312 ด้วย”
พนักงานชายเพียงแค่เช็คชื่อของเขาในระบบการจองห้องจากนั้นก็รีบค้นกุญแจแล้วยื่นส่งให้เขาในทันที
แต่พอร่างบางจะก้าวขาไป
โทรศัพท์ของเขาก็ร้องเตือนและมันเป็นข้อความMMSและก็มาจากลอร์ดคริสโตเฟอร์
เขาเลื่อนดูเนื้อหาข้อความจนหมดซ้ำไปซ้ำมา
อ่านแล้วอ่านอีกจนกระทั่งย้ำกับตนเองได้ว่านี่มันคือความจริง
“เอ่อ...มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”
พนักงานถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นแขกคนสำคัญยืนนิ่งมองโทรศัพท์ตนเอง
ใบหน้าสวยหันมาหาแล้วร้องขอบางสิ่งเพิ่มเติม
“รบกวนอีกอย่าง...ช่วยหาปากกากับกระดาษให้ฉันสักแผ่นจะได้ไหม”
ชายหนุ่มยังคงทำหน้าที่บริการของตนเองอย่างดี
เขาหยิบปากกาลูกลื่นที่เสียบอยู่และกระดาษ A4 ให้
ท่านประธานสายการบินยิ้มจางๆเป็นเชิงขอบคุณและนั่งลงกับโซฟาตรงล็อบบี้แล้วลงมือเขียนลงไป
ร่างบางเดินไปตามชั้นที่เต็มไปด้วยห้องพักราคาแพง
และหนึ่งในนั้นก็คือห้องของเขาที่พักกับยามาโมโตะ
ในมือของเขาถือเอกสารในซองสีน้ำตาล เป็นซองเดียวกันกับที่เขาถือเข้าไปในร้านกาแฟและบอกว่าให้ยามาโมโตะเป็นฝ่ายเก็บไว้
แต่สองวันที่ผ่านมาเขาเลือกที่จะฝากมันไว้ในห้องของลอร์ดคริสโตเฟอร์
เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าประตูห้อง
ยิ้มออกมาเมื่อภาพบางอย่างมันผุดเข้าในหัว เขาเถียงกับตัวเองจะเป็นจะตาย
คิดจนหัวแทบแตกว่าจะเอายังไงดีทันทีที่รู้ว่าต้องนอนห้องเดียวกับหมอนั่น
แล้วสุดท้ายก็ยอมด้วยเหตุผลข้างๆคูๆว่าอาจจะล้วงความลับบริษัทของหมอนั่นได้...ฝันกลางวันมาก
เขาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากเถียงไร้สาระกับหมอนั่น
แบ่งห้องอย่างกับเด็กสาวกลัวเสียจิ้นกับแฟนหนุ่ม
นั่งสติแตกไม่เข้าเรื่องจนต้องให้เขาเตือน...แล้วยังเลือดกำเดาไหลอีก
ใช่...เขาไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย...ไม่ได้งานได้การสักอย่าง
เขาทำตัวไม่เหมือนซีอีโอชื่อดังที่ใครๆต่างรู้จัก...บางทีก็ลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้สถานะระหว่างเขากับยามาโมโตะ
มันไม่เหมือนเดิม...
โกคุเดระเปิดประตูเข้าไป
น่าแปลกใจอยู่ที่ห้องมืดสนิท
แต่บางทีงานเลี้ยงอาจจะยังไม่จบและยามาโมโตะยังไม่กลับห้อง เขาเดาว่าเป็นเช่นนั้น
จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหวังทำธุระให้เสร็จแล้วออกมาก่อนจะโดนเจอ แต่ปรากฏว่าเขาเดาผิด
เมื่อเดินเข้าไปอีกหน่อยเห็นเตียงนอน และเจ้าของห้องอีกคนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
บอกชัดว่าหลับลึกเพราะขนาดเขาเปิดประตูเข้ามายังไม่ขยับตัวเลย...
อ่า...นานๆทีจะเห็นนะเนี่ย...ตอนหมอนี่แบตหมดน่ะ
แต่ก็สมควรที่จะเหนื่อยล่ะ...คืนนี้คงมีคนเข้าหายามาโมโตะเยอะมาก
ก็ตัวเขาที่บอกพร้อมจะเปิดโอกาสคุยกับทุกคนดันหายออกไปจากงานดื้อๆ มันก็ต้องมาลงที่หมอนี่โครมเดียว
ร่างบางยกกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองมาไว้ข้างตัว
เนื่องจากเขาไม่ได้หยิบจับอะไรออกมามากมายนักมันเลยไม่ต้องเสียเวลาเท่าไหร่ แต่ขั้นตอนต่อไปนี่สิ...เสียเวลาแน่....
เขาวางซองเอกสารบนโต๊ะเล็กๆตรงหัวนอน
แล้วยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาจับจ้องไปที่ร่างสูง
ใบหน้าอ่อนล้าที่ไม่มีใครเคยเห็นกับเสียงกรนเบาๆเพราะความเหนื่อย
ยังคงบ่งบอกว่าหมอนี่ก็แค่คนธรรมดา
ร่างกายก็ยังคือเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไปแต่ต้องมาแบกรับอะไรมากมายจนกระทั่งมีโรคเครียดเป็นโรคประจำตัวอย่างกับคนแก่
หมอนี่เป็นคนงี่เง่าที่บางทีคิดอะไรเขาก็ไม่เข้าใจ ชอบทำอะไรไม่ปรึกษาคนอื่น
ไม่สนใจอะไรนอกจากเป้าหมาย บางทีการกระทำนั้นก็อาจจะทำให้มองดูเป็นคนเลือดเย็นที่ชอบเมินเฉยกับความรู้สึกของใคร
แต่ตลอดสิบปีที่ผ่านมา...ตลอดสองวันที่อยู่ด้วยกัน
เขายอมรับ...ท่านประธานยามาโมโตะ ทาเคชิ คือผู้บริหารธุรกิจที่เยี่ยมยอดสมกับที่พา
The
Best มายืนอยู่ตรงจุดนี้จริงๆ
“ขอโทษที่ต้องพูดตอนนายหลับนะ...”
เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน
เขาแค่อยากระบายมันออกมาให้ตัวเองฟัง และให้หมอนี่ฟัง แต่ไม่ต้องรับรู้
ไม่ต้องตอบอะไรทั้งสิ้น...แค่นอนนิ่งๆ...อยู่แบบนี้ก็พอ.....
“ฉันรู้ว่ามันงี่เง่าที่มาทำอะไรแบบนี้...แต่ถ้าฉันไม่พูดออกมา...ฉันอาจจะคับใจตายเอาได้...คือฉันไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะเป็นยังไง
ผลมันจะออกมาแบบไหน
แต่ฉันยืนยันว่าภารกิจที่นายให้ฉันช่วยแย่งเบธิลด์มามันจะต้องสำเร็จ...นายไม่ต้องเป็นห่วง...พรุ่งนี้อะไรหลายๆอย่างมันอาจจะดูแปลกไปบ้าง....แต่ฉันขอให้นายทำตามข้อตกลงของเราตามเดิม....หึ! อย่าลืมนะเฟ้ย! ว่านายไม่มีสิทธิ์ขัดใจฉัน” เด็กหนุ่มยิ้มขำออกมา
แล้วนั่งคุกเข่าลงทั้งสองข้าง ค่อยๆพูดต่ออย่างช้าๆ
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่องเลย
ยามาโมโตะ โดยเฉพาะสองวันนี้ตั้งแต่พบหน้ากับนายและอยู่ที่เจนีวา อะไรหลายๆอย่างที่นายทำ
ฉันอาจจะไม่เข้าใจ...หรือเข้าใจแต่ฉันไม่กล้าเดา ฮึ่ย! ใครมันจะไปเดาได้ล่ะวะ
ก็นายเล่นเป็นคนแบบนี้เนี่ย...พ่อคนเลิศเลอ เพอร์เฟค คนในฝันของสาวทั้งโลก...ติดนิสัยเลือกได้สิถึงชอบทำอะไรไม่ชัดเจน...ไปฝึกมาใหม่เลยนะ...เอาให้ชัดเจน...ให้ชัดเจนพอที่คนซื่อบื้อเรื่องพรรค์นี้อย่างฉันจะเข้าใจได้”
ตอนนี้เขายังกับคนบ้า
บ่นอะไรไม่รู้ออกมาหมดเปลือก แต่ขนาดเขาพูดยาวเหยียด
คนตรงหน้าก็ยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องจนต้องทำให้เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันขอบคุณมาก...ขอบคุณนายที่ยอมทำตามแผนการของฉันทุกอย่าง...ขอบคุณที่ยอมรับฟังแม้บางอย่างมันจะดูเห็นแก่ตัว...แล้วก็ขอบคุณ.....”
เสียงของเขาหายไปเพราะก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอ จนต้องก้มหน้าแล้วกลืนมันลง
บังคับให้มองหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้มันชักจะพร่าลงทุกที
“...ที่ยอมเชื่อใจ...คนอย่างฉัน...”
เด็กหนุ่มยืนขึ้นปาดน้ำตาแล้วรีบหิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้องให้ไวที่สุดก่อนที่ภาพอะไรต่อมิอะไรจะไหลเข้าหัวทำให้เสียสมาธิมากกว่านี้
ร่างบางงับประตูลงแล้วหันหลังยืนพิงอย่างอ่อนแรง เขาฝังหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเอง
แต่ไม่คิดที่จะร้องไห้ต่อ มันไม่ใช่เวลามากลัว เสียใจ หรือสำนึกผิดอะไรทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นที่เขาทำได้คือลูบมือขึ้นจนถึงไรผม สงบสติอารมณ์ให้เร็วที่สุดอย่างเคย
ได้เวลาสู้ต่อแล้วนักตกปลามือสมัครเล่น...นายยังมีเรื่องต้องจัดการอีกเยอะเลย
ราวสี่สิบห้านาทีก่อนหน้านี้
ปารีส
ฝรั่งเศส
ศูนย์การค้าและโรงแรมเบธิลด์
ทาวเวอร์ สาขาหลัก
การวางโครงสร้างของตึกคล้ายๆกับเครือ
The
Best ที่โตเกียว เบธิลด์เป็นตึกแฝดสองสูงตระหง่าน
ตึกเอเป็นห้างสรรพสินค้ากินพื้นที่เจ็ดชั้นแรก
ชั้นแปดและเก้าเป็นชั้นเก็บสต็อกสินค้า ส่วนชั้นสิบขึ้นไปจนถึงชั้นยี่สิบห้าเป็นโรงแรมหรู
มีทางเชื่อมอยู่ที่ชั้นสิบแปดไปหาตึกบีที่เป็นตึกอำนวยการ สูงน้อยกว่าตึกแรกหกชั้น
สถานที่ที่ประกอบไปด้วยห้องประชุม สำนักงาน และข้อมูลของกิจการ...
“ตึกบี
ชั้นแรกสาม ชั้นสองหกคน...ชั้นสามห้าคน...ชั้นจากชั้นสี่จนถึงชั้นสูงสุดมีอยู่ชั้นละสองคน...และดาดฟ้าจากตึกเอที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสวนลอยอีกหก”
เสียงพึมพำรายงานตามภาพที่ตนมองเห็นได้จากกล้องส่องทางไกล DEV-5 จากอีกตึกที่อยู่ห่างประมาณห้าร้อยเมตร จากนั้นเขาก็กดบันทึกวิดีโอ
จากตรงนี้เห็นไม่ชัดเท่าไหร่นัก แต่ก็พอจะบรรยายได้ว่าเจ้าพวกชุดสูทดำเกือบสี่สิบชีวิตกำลังติดตั้งอะไรบางอย่าง
ส่วนพวกที่อยู่ข้างล่างทำหน้าที่เป็นฝ่ายสังเกตการณ์
มันลงมือกันทันทีที่ห้างปิด
รอให้พนักงานออกไปหมด จับรปภ.มัด เอาปืนจ่อแล้วไล่ให้ไปกองๆกันไว้ที่ชั้นหนึ่งโดยไม่ทันที่จะมีใครร้องขอความช่วยเหลือ
ไม่มีการค้นข้าวของ หรือขโมยสิ่งใดออกไป ยังไม่มีเสียงปืนหรืออะไรที่มันน่ากลัวกว่านั้น
แล้วถึงแม้ว่าพวกที่ทำงานอยู่ตั้งแต่ชั้นสามสิบขึ้นไปถึงดาดฟ้าจะไม่มีปืน
แต่มันก็ไม่บรรเทาความน่าขนลุกได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตัวเลขก็คงยังเป็นเขาหนึ่งคนต่อปืนสิบกว่ากระบอกอยู่ดี...
ส่วนตัวต่อตัวเปล่าๆ
ใครจะชนะมันก็รู้อยู่แล้ว
พลันเลขาของท่านประธานยามาโมโตะก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ
ตั้งแต่นั่งเครื่องมาเขาก็ถอนหายใจเป็นร้อยๆรอบ แต่ปริปากบ่นไปมันก็ไม่มีประโยชน์
เพราะนานๆทีที่เจ้านายของเขาจะออกคำสั่งเด็ดขาดชนิดว่าต้องทำ ต้องได้ ต้องเดี๋ยวนั้น
และห้ามเอ่ยปากถามหรือคัดค้านเด็ดขาด แล้วเขาต้องได้เรื่องกลับไปรายงาน ไม่มาก...ก็ต้องมากที่สุด
ไม่งั้นอาจจะได้เห็นปิศาจตัวเป็นๆมายืนต่อหน้า
ไม่มีใครกล้าสู้หน้ากับท่านประธานยามาโมโตะตอนโกรธ...เขาเองก็เหมือนกัน
ร่างสูงลงมาจากตึกแล้วเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์
เขาวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วเอ่ยสั้นๆเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “ฝากด้วย”
จากนี้ไปสิ่งที่เขาจะใช้เก็บข้อมูลก็มีเพียงแค่กล้องจากโทรศัพท์มือถือ
ขีดเส้นทางเดินในตึกในหัวได้จากการดูโครงสร้างภายนอก
ตรงเอวมีปืนที่กระบอกเก็บเสียงเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเขาภาวนาว่าคงจะไม่ได้ใช้
เฟร็ดดอริกโค้งตัวลงแล้วแอบอยู่ตรงพุ่มไม้หน้าอาคาร ในหัวคิดคำนวณไปด้วย
ตอนนี้จำนวนคนต่อชั้นยังเท่าเดิม และยิ่งชั้นล่างนี่ เป็นพวกติดอาวุธทั้งหมด
เขาแค่มาสอดแนม
ไม่ใช่มาสู้กับคน หรือมาช่วยคน เพราะฉะนั้นลุยเข้าไปตรงๆดูท่าจะไม่ใช่เรื่องฉลาด
ร่างสูงค่อยๆออกจากที่ซ่อนแล้วอ้อมไปทางด้านหลังของตัวตึกโดยใช้พวกพุ่มไม้เป็นที่กำบัง
พวกรปภ.ทั้งหมดยังถูกจับมัดและกองกันไว้ที่โซนด้านหน้าดังนั้นหมายความว่าพวกทางเข้าออกของห้างยังไม่ถูกล็อก
ซึ่งก็เป็นความจริง เมื่อประตูสำหรับพนักงานเปิดให้เขาอย่างง่ายดาย เขารีบเข้าไปในลิฟต์ขนของแล้วกดไปที่ชั้นสิบแปดซึ่งเขามองแล้วว่าจากตึกเอนี้เป็นชั้นโรงแรม
และปลอดเจ้าพวกสูทดำ
เสียงกิ๊งดังเบาๆกับประตูลิฟต์ที่เปิดออก
เขามองซ้ายมองขวา และชะโงกมองตามมุมอับของเสาข้างๆอย่างเคยนิสัย
และเมื่อมันปลอดภัยไร้คนจึงเดินออกมา รีบสาวเท้าเลี้ยวตรงมุมขวาและเป็นทางยาวประมาณสิบห้าเมตร
และจากทางเชื่อม พื้นเป็นปูนซีเมนต์ปูพรม มีหลังคาแต่ผนังเป็นกระจกใสแจ๋ว
ถ้าหากมองลงมาจากดาดฟ้าตึกเอโดยผ่านกล้องส่องทางไกล มันเห็นได้ง่ายๆเลย
ถ้ามันมองทันละก็นะ...
มุมปากของเลขาร่างสูงกระตุกเป็นรอยยิ้ม แล้วพุ่งตัวเข้าไปในทางเชื่อมอย่างไม่มีการลังเล
ขายาวก้าวสลับกันอย่างรวดเร็ว ใช้ปลายเท้าแตะพื้นอย่างเงียบกริบ
ส่วนดวงตาคมมองตรงไปข้างหน้าแต่ครอบคลุมทัศนวิสัยด้านข้าง
ตาหลังที่เรียกอีกอย่างว่าสัญชาตญาณยังคงเตือนว่าไม่มีสายตาใดจับจ้องเขามาจากดาดฟ้าตึกเอ
แต่ฉับพลันความเย็นประหลาดก็แผ่คลุมจนเขาต้องตวัดสายตาไปข้างบน
ดาดฟ้าตึกบี!?
เขาถูกเห็นเหรอ....บ้าน่า!
ร่างสูงสไลด์ตัวเข้าตรงมุมเสาต้นใหญ่เป็นที่กำบังเมื่อถึงจุดหมาย
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกสูทดำใกล้เข้ามา
แล้วเขาก็เห็นด้วยว่าพวกมันเพิ่งจะผละออกมาจากห้องเก็บของข้างในนั้น จำต้องทิ้งเรื่องสายตาปริศนาที่มองลงมานั่นก่อน
ตอนนี้เขาอยู่ใกล้เป้าหมายเพียงแค่ก้าวเดียว
ถ้าเข้าไปดูก็จบภารกิจสินะ...แต่ถ้าเข้าไปดูก็ต้องผ่านเจ้าพวกนั้นสองคน
พวกมันไม่มีอาวุธ แล้วเขาก็บอกไปแล้วว่าถ้าตัวต่อตัวเปล่าๆสู้กัน ใครจะชนะ...
แน่ล่ะ! ก็ต้องเขาน่ะสิ!
“เฮ้ย!”
เสียงอุทานดังลั่นเมื่อร่างสูงกระโดดออกจากที่ซ่อนพร้อมกับขาข้างหนึ่งที่ชาร์จเข้าเต็มสีข้างหนึ่ง
หมอนั่นเซไปสองสามก้าว แล้วพวกที่เหลือก็หยุดนิ่งเพียงแค่ชั่ววินาที
แต่เขาไม่ปล่อยให้เจ้าเหยื่อรายแรกตั้งหลัก ทันทีที่มันพุ่งสวนมา เขาหลบลงล่างแล้วซัดหมัดคมๆไปที่ลิ้นปี่อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนมันไอโขลกแล้วลงไปกองกับพื้น
กุมส่วนที่โดนชกและไม่มีทางลุกขึ้นใหม่แน่...นั่นน่ะจุดอ่อนมนุษย์
อย่าให้ได้โดน...จุกเหลือคำบรรยาย
รอยยิ้มจุดเข้าที่มุมปากเมื่อหันไปหาอีกหน่อที่เหลือ
ทุกคนยังตั้งท่าสู้มือเปล่าทั้งๆที่เพื่อนโดนโจมตีจนล้ม
มันเป็นข้อยืนยันกับสิ่งที่เขาเห็นทางกล้องส่องทางไกล...เจ้าพวกนี้ไม่มีปืน
เขาคิดได้เท่านั้นก็ต้องตั้งสมาธิเพียงชั่ววินาที
เมื่อคู่กรณีบุกเข้ามาแบบไม่มีปื่มีขลุ่ย ชายร่างยักษ์เงื้อหมัดแล้วเตรียมซัดเข้าที่กกหูของเขา
จงใจอย่างมากที่จะให้สลบตามสัญชาตญาณนักล่าที่ต้องการจับเป็น ร่างสูงกัดฟันกรอด
ใช้แขนปัดป้องชั่ววินาทีที่เห็นวิถีหมัดอยู่หางตา ให้ตายสิ! เฉียดขมับของเขาไปนิดเดียวเอง
“บัดซบ!”
มันร้อง แล้วทำท่าจะถลาเข้ามาอีกรอบแต่เขาใช้ท่อนขาแตะตัดเข้าที่กลางลำตัวจนล้มกลิ้ง
อาศัยจังหวะเข้าไปยันมันลงกับพื้นอย่างเก่าแล้วใช้เข่าพร้อมน้ำหนักตัวทั้งหมดที่มีทับแขนทั้งสองข้างให้ตรึงอยู่กับพื้น
แล้วรัวหมัดเข้าที่ปลายคางซ้ำๆ ไม่นานเกินรอ คนร่างยักษ์เฉียดสองเมตรสลบเลือดกบปากสมใจเขาทันที
“โอเค...หลับไปสักพักเถอะ”
เลขาแห่งเครือ
The
Best ลุกยืนขึ้น พลางสำรวจมือกับเนื้อตัวตัวเองไปด้วย
ถึงจะไม่รู้สึกแขยงกับเลือดที่กระเด็นมาติด แต่มันติดนิสัยว่าต่อหน้าท่านประธานร่างกายเขาต้องเรียบร้อยทุกกระเบียดจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วใส่มัน
เขาสะบัดมือเล็กน้อยให้หยดเลือดมันกระเซ็นออกไปบ้าง
พรูลมหายใจให้อัตราชีพจรมันค่อยๆลดลงจนเป็นปกติแล้วสาวเท้าเดิน
เขาไม่มีเวลามาจัดการเก็บร่างสะบักสะบอมของพวกมัน และชั้นนี้ยังมีอีกสองคน
เพราะฉะนั้นเขามีเวลาไม่มากนักในการเก็บหลักฐาน
เขาเปิดตูเก็บของอย่างไม่รอช้า
ดวงตาสีดำสนิทเบิกโพลงอย่างตื่นตะลึง เผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นบางอย่าง ติดแน่นอยู่ผนังในสุด
รูปร่างทรงกระบอกมัดรวมกันแล้วถูกติดตั้งไว้กับแผงวงจรดิจิตอล
ซึ่งแผงนั้นยังคงดับสนิทแต่พร้อมจะทำงานทันทีเมื่อรับสัญญาณจากรีโมต ระโยงระยางด้วยสายไฟเส้นเล็กๆ...ในตู้นี้มีสอง
แต่ถ้าให้คำนวณทั้งตึกแล้วมันก็คงมีเป็นร้อยๆชุด
“ระเบิดเวลา...เล่นแรงเป็นบ้า!”
เขาหันซ้ายหันขวาดูแต่ละห้องที่เรียงรายแล้วอดผิวปากหวือไม่ได้ “ชั้นนี้...ไม่สิ
ตึกนี้ทั้งตึกมันเป็นแหล่งเก็บข้อมูลเลยไม่ใช่หรือไง...เอาจริงเหรอเนี่ย”
นิ้วรีบกดชัตเตอร์แล้วปิดมันลงให้เร็วที่สุด
แม้จะรู้สึกแย่ที่ต้องหันหลังใส่มัน เขาไม่ได้เลือดเย็นและกู้ระเบิดเป็น เลขาแห่ง The Best ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ภารกิจของเขามีเพียงเท่านี้ และตอนนี้เขาไม่มีอุปกรณ์
ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องเหนือความคาดหมายขนาดนี้
แล้วถ้าเขาเอาชีวิตไม่รอดกลับไป ทั้งเจ้านายของเขาและประธานโกคุเดระจะดำเนินงานตามแผนไม่ได้เลย
ขายาวรีบก้าวและมุ่งหน้าออกจากตึกให้เร็วที่สุด
แต่พลันเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นห้องๆหนึ่งที่ดูแปลกกว่าห้องอื่น
ที่เขาว่าแปลกคือแปลกในความรู้สึก
มันกระตุ้นสัญชาตญาณให้หยุดแล้วจ้องมันทั้งๆที่ก็เตือนกับตัวเองเสมอว่าไม่มีเวลาแล้ว
แต่ถ้าเขาเดินผ่านไปตอนนี้ เชื่อได้เลยว่าต้องเดินกลับมาดูมันอีกรอบ
ไวเท่าความคิด
เลขาแห่ง The
Best รีบเปิดประตูเข้าไปข้างใน
ห้องกว้างมืดๆพอมองเห็นได้บ้างจากไฟฉายปากกา เท่าที่เห็นก็คือเฟอร์นิเจอร์หรูหราราคาแพงสี่ห้าชิ้นใหญ่ๆเช่นโต๊ะทำงาน
ตู้เก็บของ โซฟา และในสุดก็คือหน้าต่างที่ทำจากกระจกใหญ่ทั้งบาน มองออกไปคือวิวปารีสยามค่ำคืน
‘ห้องของผู้บริหาร’
เฟร็ดดอริกสันนิษฐานกับตนเอง
แล้วดูท่าว่าจะไม่ใช่ของเดเมียนหรือแดชีลล์ เพราะรสนิยมการแต่งห้องเช่นผ้าม่าน
รูปตกแต่งคือแนวผู้หญิง ซ้ำยังเป็นหญิงสูงศักดิ์ซะด้วย
เขาหยิบรูปบนโต๊ะขึ้นส่องกับไฟฉาย รูปหญิงวัยกลางคนสวยหมดจดในชุดสูทเข้ารูปสำหรับสตรีและกระโปรงสอบสีครีมกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน
และเก้าอี้นั้นก็ไม่ใช่ตัวไหน...ตัวที่อยู่ข้างหน้าเขานี่แหล่ะ เพียงเท่านั้นเขาก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว
เจ้าของห้อง...นี่คงเป็นห้องของผู้ก่อตั้งตึกนี้
คุณหญิงเบธิลด์ เอลีน แชคก์...
และดูว่าของใช้ส่วนตัวของเธอจะถูกเก็บไว้ในห้องนี้ทั้งหมด
ร่างสูงเดินเข้าไปที่ตู้เก็บของที่บรรจุไปด้วยแฟ้มเอกสารและอัลบั้มรูป
เขาก็กะจะเปิดรูปดูเพื่อยืนยันให้แน่ใจอยู่หรอกถ้าไฟฉายไม่ส่องไปกระทบกับอะไรบางอย่างในกล่องแก้วคริสตัลที่วางอยู่ข้างๆเข้าเขาเปิดมันออกแล้วหรี่ตาลงพิจารณา...แหวนแพลตินัมประดับเพชร
ซึ่งดูแล้วเหมาะจะเป็นแหวนแต่งงาน
และข้างในวงแหวนสลักตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเขียนเอาไว้ด้วย...
Beth & Steve
บ้าน่า! นี่มัน....!!
เขารีบเอาไฟฉายคาบไว้ที่ปาก
และคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอย่างรวดเร็ว โฟกัสเป็นอย่างมากที่ตัวหนังสือตัวเล็ก
แต่ไม่ทันที่จะสำรวจอะไรมากไปกว่านั้น
อะไรบางอย่างก็ร้องเตือนจากข้างหลังด้วยอาการเย็นวาบ แต่เพียงแค่เขาหันหลังกลับไป
เสียงหนักๆดังปึ้กก็ดังคับหูเพียงชั่ววินาที
แล้วหลังจากนั้นโลกนี้มันก็มืดสนิท...
“ให้ตายสิ! พวกแกปล่อยให้มันเข้ามาได้ยังไงวะ!!” เจ้าคนลงมือตวาดเพื่อนอีกสองคนข้างหลังด้วยความโกรธผสมตื่นตระหนก
จ้องคนที่นอนอยู่ไม่กะพริบ นี่ถ้าบอสของพวกเขารู้เข้า มันจะเป็นยังไง
“ไอ้หมอนี่มาสอดแนมแน่
ฉันจำมันได้...เลขาที่ตามยามาโมโตะ ทาเคชิแจอย่างกับหมารับใช้
แล้วมันน่าจะรู้แล้วด้วยว่าเรามาทำอะไรที่นี่” อีกคนคาดเดาเสียงเหี้ยม ในมือกระชับปืนสั้นเก็บเสียงแล้วส่องไปที่คนหมดสติ
“ฉันว่าเราไม่ควรปล่อยให้มันรอด”
“เออ...รีบๆจัดการให้ไวเลย”
สิ้นเสียงเห็นด้วยจากเพื่อน ชายคนถือปืนก็วางนิ้วชี้ที่ไกปืน
เล็งแม่นที่ตำแหน่งทรวงอก หวังให้การยิงระยะแค่นี้มันทะลุจากแผ่นหลังถึงหัวใจเพียงแค่นัดเดียว
เพล้ง!
“โอ๊ย!!”
แต่ยังไม่ทันที่จะเหนี่ยวไกกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็แตกกระจาย
ไม่เท่านั้นมือของชายฉกรรจ์ที่ถือปืนยังเลือดอาบ ฝ่ามือทะลุ อาวุธร่วง
ส่วนพื้นที่อยู่ห่างออกไปนั่นมีลูกตะกั่วฝังอยู่ ปืนออโตเมติก .357 เก็บเสียง ระยะสามเมตร...
หน้าห้องนี่เอง!!
“นั่นใคร!!”
ฝั่งชายชุดดำตะคอกถาม ดวงตาเต็มไปด้วยความระวังระไว
แต่ไม่มีคำตอบจากความมืดหลังประตู พลันก็มีวัตถุประหลาดสองสามลูกกลิ้งเข้ามาในห้อง
และพ่นแก๊สสีขาวหนาทึบไปทั่วทั้งห้อง เหล่าชายชุดดำเอามือปิดจมูกทันทีตามสัญชาตญาณ
บ่นเสียงขรมคับห้องแล้วปัดป้องควันให้จางลง ทว่าเพียงแค่นั้นก็เป็นช่องว่าง
ให้เจ้าของการโจมตีเมื่อสักครู่นี้เข้ามาในห้อง
แล้วขโมยตัวผู้บาดเจ็บหนีไปต่อหน้าต่อตา
“มันมีคนมาช่วย! บัดซบเอ๊ย!!
รีบตามไปเร็ว!!” ชายร่างยักษ์สี่ห้าคนวิ่งออกจากห้องทันที
วิ่งไล่ตามชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่เห็นหลังไวๆ
และถ้าพวกเขาปล่อยให้สองคนนั้นหนีรอด งานนี้ลำบากแน่!
“ชิ! ให้มันได้อย่างนี้สิ!!” คนเป็นฝ่ายหนีกัดฟันกรอด
พลางมองคนที่นั่งสลบอยู่บนเก้าอี้สำนักงานมีล้อสลับกับเจ้าพวกยักษ์ที่ไล่ตามมาติด
แล้วรีบเข็นให้ไวที่สุดโดยไม่สนใจว่าบาดแผลตรงท้ายทอยจะได้รับการกระทบกระเทือน
ก็ใครใช้ให้หมอนี่ตัวใหญ่กว่าเขาล่ะ แค่เขามาช่วยนี่ก็บุญโขแล้ว
ไม่ต้องคิดถึงว่าเขาจะแบกมันขึ้นบ่าแล้วออกวิ่งนะ แค่ยกขึ้นเก้าอี้แขนเขาก็ชาแล้ว!
พิ้วๆๆ!!!
เสียงปืนดังขึ้นสามนัดซ้อนจากปลายกระบอกเก็บเสียง
ซึ่งเป็นของเขาทั้งหมด เขาไม่ได้หวังให้ยิงโดนพวกมัน
แต่แค่สกัดไว้สักสองสามวิก็ยังดี เพราะตอนนี้เขาคิดแค่เรื่องหนี หนีเท่านั้น! ถ้าพวกมันมาจากข้างหลังเขาจะเป็นคนยิงสกัด
แต่ถ้าพวกมันมาจากข้างหน้าเขาก็หวังให้เจ้าพนักพิงนี่หนาพอที่จะเป็นบังเกอร์กันกระสุนได้ละกัน
ลอร์ดคริสโตเฟอร์รีบดันทั้งเก้าอี้ทั้งร่างคนเจ็บเข้าไปในลิฟต์แล้วปิดลงอย่างรวดเร็ว
ชั่ววินาทีที่ประตูลิฟต์ปิด เขาเห็นพวกมันแว้บๆที่มุมเสาแล้ว ให้ตายสิ! ตอนนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเดียวเลย
นิ้วเรียวกดไปสามชั้นคือชั้นสี่
ชั้นหนึ่ง และชั้นG พวกมันรู้ว่าเขาใช้ลิฟต์และมีจุดประสงค์จะหนี เพราะฉะนั้นร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องไปดักรอที่ชั้นหนึ่ง
หรือไม่ก็ชั้น G ที่เป็นชั้นจอดรถของแขก
โดยที่พวกมันคงจะลืมไปว่าช่วงนี้เบธิลด์ทาวเวอร์กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสวนลอยฟ้า
ชั้นจอดรถที่ชั้นสี่จึงเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสำหรับรถคนงาน
ไอ้พวกสมองมีแต่กล้าม! รอลิฟต์เปล่าๆไปเถอะ
“นายจะตายไม่ได้
ถ้านายตาย ท่านฮายาโตะของฉันรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่! เพราะฉะนั้นห้ามตาย! ห้ามตายเข้าใจมั้ย!”
เขาโน้มลงกระซิบกับคนเจ็บเสียงเครียด นึกอยากให้มันลืมตามาฟังเขาบ่น
เขาจะไล่ยาวตั้งแต่กล้าดียังไงบุกเข้ามาสืบข่าวในดงมาเฟียคนเดียว
แถมยังสู้กับพวกมันมือเปล่าอีก ใช่...เขาเห็น
เห็นกระทำบ้าๆนั่นทั้งหมดจากดาดฟ้าตึกบีนั่นแหล่ะ
จะว่าทำงานเป็นเลขามากเกินไปจนทำให้สกิลบอดีการ์ดทื่อลง
หรือทำตัวสมกับเป็นพระเจ้าเฟร็ดดอริกที่หกตามที่เจ้านายมันตั้งให้ดี
ยุติธรรมไม่เข้าเรื่อง!!
ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสี่
เขารีบเข็นคนเจ็บบนเก้าอี้สักหลาดตัวใหญ่แล้วออกวิ่งทันที
หูฟังเสียงฝีเท้าหนักๆของเจ้าพวกสูทดำ
ที่เขากำลังมุ่งหน้าไปคือทางออกไปที่จอดรถฝั่งตะวันออก
ส่วนทางตะวันตกไม่น่ามีปัญหา เขาได้ยินพวกมันวิ่งลงไปแล้ว
ตึกๆๆๆ
พิ้ว!
เสียงปืนหนึ่งนัดแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงมาจากข้างหน้า
เป็นวินาทีเดียวกันที่คนกำลังหนีกลั้นหายใจหมุนเก้าอี้แล้วทรุดตัวนั่งให้เจ้าพนักพิงหนาๆกลายเป็นเกราะกำบัง
แทรกแขนและเสี้ยวใบหน้าผ่านด้านข้างของเก้าอี้แล้วยิงสวนไปอย่างแม่นยำ
เจ้าของลูกกระสุนเมื่อกี้ล้มหงายตึง เขาหอบหายใจ
อัตราชีพจรตอนนี้มันกระหน่ำจนแทบระเบิด ถ้าเมื่อกี้เขาไหวตัวไม่ทัน
ต้องมีคนตายคนหนึ่ง ไม่เขา...ก็เจ้าเลขาบ้าบิ่นที่สลบอยู่นี่!
‘ขอบคุณพระเจ้า!’
เขาล่ะอยากพึมพำประโยคนี้เป็นร้อยๆรอบ
เก้าอี้ของคุณหญิงแชคก์นับว่าช่วยชีวิตได้อีกแรงหนึ่ง
ไม่มีกระสุนมาถึงตัวคนที่นั่งอยู่ แต่วัตถุสีเงินที่โผล่พ้นเนื้อผ้าที่บุอย่างดีก็ช่วยตอกย้ำว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งเฉียดตาย
เลขาแห่งเครือโกคุเดระขบฟันกรอด ประเมินพวกมันผิดไป
ยังไงพวกนั้นก็มาเฟียตัวจริงเสียงจริง
เรื่องจะโดนเป่าร่วงโดยไม่บอกไม่กล่าวมันเกิดขึ้นได้ทุกวินาทีอยู่แล้ว
ร่างสูงโปร่งรีบเข็นคนเจ็บออกทางประตู
ข้างนอกมีรถจอดรอรับอยู่แล้ว กระจกกันกระสุนรอบทิศ
และคนขับก็เป็นลูกน้องในเครือที่ประจำอยู่ปารีสแล้วเขาโทรให้มาช่วยงาน
ทันทีที่ลากร่างสูงใหญ่เข้ามาในรถ ปิดประตูลง
แล้วลูกน้องเขาเหยียบคันเร่งนั่นแหล่ะ เขาถึงวางใจได้เปลาะหนึ่ง
กลิ่นแอร์คละเคล้าไปด้วยกลิ่นเลือดทำให้เขาต้องพลิกท้ายทอยของเจ้าคนที่นอนขวางบนตักดู...โดนฟาดด้วยสันปืนเต็มแรง....รอยแผลแตกไม่ใช่น้อยๆ
คิดได้เท่านั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วขยุ้มกดลงไปห้ามเลือด
แต่แบบนี้มันอันตราย ดีไม่ดีกระโหลกอาจจะร้าวก็ได้ หรือถ้ากระเทือนผ่านไปถึงก้านสมอง
หมอนี่อาจมีปัญหาทางการหายใจ
“เอายังไงดีครับคุณกิโนสะ”
ลูกน้องถาม เขาเหลือบไปสบตาผ่านกระจกมองหลังเล็กน้อยแล้วสั่งสั้นๆ
“ไปโรงพยาบาล”
พูดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็คิดบางอย่างขึ้นได้
หมอนี่โดนทุบไปก่อนที่จะส่งข้อมูล เขาล้วงมือในกระเป๋ากางเกงหาโทรศัพท์อีกฝ่าย
แล้วมันก็เป็นจริง เพราะหน้าที่ค้างอยู่ตรงหน้าจอยังเป็นหน้ากล้องอยู่เลย
นิ้วโป้งเลื่อนหาเบอร์โทรศัพท์ของเจ้านายเขา แต่ผลปรากฏว่ามันไม่มี
เลขาแห่งเครือโกคุเดระหน้าหงิกทันที
บ่นกับตัวเองในใจว่าแค่เบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเจ้านายตัวเองนี่ก็หัดเก็บไว้บ้างก็ได้มั้ง...หรือไม่แน่
อาจจะเคยขอแล้ว แต่ท่านยามาโมโตะอาจจะไม่ให้ก็ได้
เขาเลยต้องจัดการโอนข้อมูลภาพทั้งหมดใส่เครื่องของตัวเองแล้วเป็นธุระส่งไปหาท่านฮายาโตะ
เท่านี้ก็เป็นอันว่าภารกิจเสร็จสิ้น ว่าแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งตัวเองต้องมาช่วยคนที่ตอนนี้จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่
ศัตรูก็ไม่เชิง ขอยืมคำของท่านฮายาโตะมาใช้ก็แล้วกัน กับหมอนี่เรียกว่า ‘คู่แข่ง’
คงจะเหมาะสมที่สุด...เป็นคนเก่ง ฉลาด หัวไว
พร้อมทั้งสติปัญญาและความสามารถ เป็นท็อปของรุ่นตั้งแต่สมัยฝึกอยู่ในสถาบันแล้ว
เพราะฉะนั้นท่านประธานยามาโมโตะคนก่อนถึงกับมาทาบทามตัวทันทีที่จบการฝึก
ส่วนเขาก็โดนดึงไปโดยเครือโกคุเดระ หลังจากนั้นเราก็ขาดการติดต่อไปโดยปริยาย
เอาเป็นว่าถ้าเจ้านายของหมอนี่กับเจ้านายของเขาห่างหายไม่เห็นหน้ากันแค่ไหน
เขาก็ไม่เคยเห็นเงาหัวกันและกันเท่านั้นแหล่ะ
พลันนิ้วเรียวก็เขี่ยหน้าจอโทรศัพท์อีกฝ่ายไปที่อัลบั้มรูป
เขาไม่ใช่คนไร้มารยาทหรอก แต่เผื่อมันมีรูปใบไหนตกหล่นที่เขายังไม่ได้ส่งให้ท่านฮายาโตะอีกบ้างก็เท่านั้น
เขาเลื่อนลงไปดูเรื่อยๆ แต่ไม่เจอรูปไหนที่พอจะบ่งบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับงานวันนี้แล้ว
หากแต่มีภาพหนึ่งที่ทำให้นิ้วโป้งของเขาหยุดชะงัก
ภาพของเด็กหนุ่มสองคนกำลังกอดคอกันยิ้มกว้าง
ในมือของทั้งคู่ชูเหรียญทองวาววับ เป็นรูปของเขากับหมอนี่เองสมัยยังเรียนกันอยู่ในสถาบันฝึกบอดีการ์ด
เขาเป็นท็อปด้านการยิงปืน ส่วนหมอนี่ก็เป็นที่หนึ่งในศิลปะการต่อสู้มือเปล่า
เป็นคู่หูดูโอ้ที่ว่ากันว่าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีใครกล้าหือเลยทีเดียว...
“หึ...ถึงฝีมือจะทื่อลงไปหน่อย
แต่ผลงานก็ยังอยู่ในระดับเอนะ คุณเฟร็ดดอริกที่หก...อ้อ...ไมใช่สิ...”
ลืมไปเลยว่าหมอนี่ก็มีชื่อกับเขาด้วย...เป็นชื่อจริงๆที่พนันได้เลยว่าเจ้าตัวก็ท่าจะไม่ได้ยินใครเรียกมานาน...
เขาหลุดขำแล้วเรียกขึ้นใหม่...
“...โคงามิ
ชินยะ...”
.
.
.
.
.
TBC…
มิยะขอเม้าท์
ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ >w<
แบบ...แบบ...เซอร์ไพรส์ค่ะ เซอร์ไพรส์พิเศษ ฮ่าๆๆๆ ขอขมาแม่ยกคุณกิโนะและคุณโคทั่วราชอาณาจักร
แต่บทนี้นี่มันไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับตัวละครจากไซโคพาสแล้วจริงๆ
คือจะคิดเป็นตัวละครออริจินอล
เรื่องนี้ก็มีตัวละครออริออกมาเดินเล่นกันให้ควั่กไปหมดแล้ว
เลยได้ออกมาเป็นแบบนี้แหล่ะ
อันที่จริง
ตอนแรกลอร์ดคริสโตเฟอร์น่ะ เก๊าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นกิโนะซัง
แต่จะเป็นอีกคนคือพ่อคนผมขาวยาวๆ
แบบเห็นนายหัวเงินบ่าวหัวขาวยืนคู่กันแล้วน่าจะดูดีไม่น้อย อีกทั้งในรีเควส! จำได้เปล่า
บอกว่ามีคุณโคโชโกะมาร่วมแจมด้วยก็ได้อะไรแบบนี้
แต่ไปๆมาๆพี่กวางเทใจรักคุณโคกิโนะไปซะแบ๊ว เลยเป็น กิโนะซังก็แล้วกัน
ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เพราะหลุดคาร์แร็กเตอร์อยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แต่คุณโคกับอิเนียนนี่ของตายค่ะ
เพราะเห็นเคมีบางอย่าง แบบเหมาะเหม็งกันสุดๆ
แต่ว่ามันไม่ถึงขั้นจะเป็นคู่รองหรอก คือเก๊าให้คุณโคกับกิโนะซังมาเป็นดารารับเชิญค่ะ เรื่องนี้ยังคงเป็น 8059 เช่นเดิมค่ะ ฮี่ๆ อันที่จริงความสัมพันธ์ก็เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนั่นแล...เป็นคนพันธุ์เดียวกัน เลขาในตำนานที่ลือเลื่องที่ทำงานถวายหัวเจ้านายอย่างสุดใจขาดดิ้นมากกว่า ฮ่าๆๆๆ
อิอิ
เอาไว้เจอกันตอนหน้า เร็วๆนี้ค่ะ
Miya
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น