หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera] SKYFALL-NEGOTIATION- : 08



Project : Happy birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก Miyaจ้ะ *v*



SKYFALL : 08



โกคุเดระรีบจ้ำออกมาจากร้านโดยที่ไม่ลืมขอโทษพนักงานด้วยว่าจู่ๆเขาก็กดเรียกผ่านวอล์คกี้ทอล์คกี้ให้ตกใจเล่น แต่แล้วไม่ทันที่ขาจะพ้นประตู ร่างบางชะงักค้าง ปากเกือบอ้าพะงาบๆเมื่อเห็นใครบางคนที่บอกว่าจะมารับยืนกอดอกพิงกับรั้วเหล็กในห้าง แล้วคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองมันจนเหลียวหลัง ไม่เว้นแม้แต่พนักงานภายในร้าน แน่ล่ะสิ ใครมันจะไปคิดว่าวันดีคืนดีผู้บริหารที่ใหญ่ที่สุดของ The Best จะมายืนเท่ๆอยู่ที่นี่! ตอนนี้!

ร่างบางสูดลมหายใจแล้วตรงรี่เข้าไปหาคนชอบเด่นอย่างรวดเร็ว

“ให้ฉันไปยืนรอนายหน้าห้างมันก็ไม่เสียหายเท่าไหร่หรอกนะ ไอ้บ้า!

“ไม่ล่ะ ฉันว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะขึ้นมารับพันธมิตรของตนเองที่ดูท่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการเจรจา แถมอาจจะมีอะไรมาสะเทือนอารมณ์” เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้ม สายตาเจาะจงที่หางตาของอีกฝ่ายที่ดูจะมีคราบนิดๆ “อีกอย่างฉันมีธุระจะคุยกับพนักงานร้านนี้นิดหน่อย รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”

ฝ่ามือใหญ่กดบ่าเขาให้นั่งลงกับม้านั่งหน้าร้านแล้วเดินเข้าไป โกคุเดระไม่ได้ยินว่ายามาโมโตะพูดอะไรบ้าง แต่เห็นพนักงานค้อมหัวรับคำ แล้วเขาก็เดินออกมา ถึงมันจะชวนสงสัยแต่โกคุเดระไม่มีเวลาสนใจ ที่เขาอยากจะรู้ตอนนี้ก็คือยามาโมโตะได้อะไรจากงานที่เขามอบหมาย ไม่จำเป็นต้องถามว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ

“กับเคลล์แมนเป็นยังไง”

“ก็ดี ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แล้วก็รอดมาได้โดยไม่มีรูพรุนบนตัว” เด็กหนุ่มร่างสูงตอบขำๆ พลางเดินไปด้วย “หมอนั่นมั่นใจมากเลยล่ะว่าจะต้องได้เบธิลด์ ทาวเวอร์ เตรียมไวน์ตัวใหม่ลงด้วยสิ คราวนี้นายคิดยังไงล่ะ นี่เป็นหุ้นส่วนบริหาร แล้วเคลล์แมนของเราก็น่าจะมีสิทธิ์ในการนั่งแท่นผู้จัดการของเบธิลด์ ทาวเวอร์ถ้าสตีเฟนชนะ คิดไหมว่ามันแปลกๆ”

“แปลกอยู่” โกคุเดระรับคำ ในหัวเริ่มปะติดปะต่อ “คนอย่างสตีเฟนถ้าจะเอาเปรียบใคร หมอนั่นทำได้แบบสุดๆเลยล่ะ แต่ดูเหมือนเคลล์แมนจะไม่ได้ถูกข่มขู่...” เสียงพึมพำเงียบไป พยายามต่อจิ๊กซอว์เรื่องราวในหัวให้สำเร็จ ใช่ ไอ้ที่เขาทิ้งมันไว้ให้กระจัดกระจาย ตอนนี้ได้เวลาจัดการกับมันแล้ว มันควรจะต่อกันเป็นเรื่องเป็นราวสักที

สตีเฟนอยากได้เบธิลด์ทาวเวอร์ให้กับบอสตัวเองที่เป็นมาเฟียอิตาลีเพื่อเป็นโกดังเก็บอาวุธและของผิดกฎหมาย หมอนั่นมีปัญหาเรื่องทุนทรัพย์ที่ไม่แน่ว่าจะชนะผู้เข้าประมูลคนอื่นได้...นี่แหล่ะ คีย์เวิร์ด นำไปสู่การหาพรรคพวก และคนๆนั้นก็คือพ่อค้าไวน์จากฮังการี เคลล์แมน มาร์ตัน

และจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เพิ่งได้มาสดๆก็ถูกต่อลงไปว่า เคลล์แมน มาร์ตันมีสิทธิ์นั่งแท่นหุ้นส่วนของเบธิลด์ ทาวเวอร์พอๆกับสตีเฟน ไม่ได้ถูกข่มขู่ แสดงว่าเป็นการเสนอ การทำธุรกิจบนดิน พวกเราสู้กันด้วยข้อเสนอ ผลประโยชน์ และเงิน...โดยเฉพาะเงิน ปัจจัยหลักในสงครามการประมูลคราวนี้เลย
            
            พลันโกคุเดระก็รู้สึกว่าคำตอบสุดท้ายมันไปจรดกับปัญหาแรกได้อย่างกับงูกินหาง

            “พวกเขาจะรวมเงินกัน!

            “และเซ็นสัญญาร่วมหุ้นด้วยชื่อของเคลล์แมน มาร์ตันถ้ามันสำเร็จขึ้นมา" ยามาโมโตะเสริม “บางทีสองคนนั้นอาจจะตกลงกันประมาณให้เคลล์แมนนั่งแท่นผู้บริหารไปก่อน แล้วก็ค่อยลากเจ้าสตีเฟนเข้าร่วมหุ้นอย่างเนียนๆ เพราะเบธิลด์เป็นกิจการที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การขยายสาขาเป็นเรื่องใหญ่ และกับเจ้าของที่ดินทั่วโลกแถมยังเป็นเมืองเจริญ อัตราค่าครองชีพสูงอีก ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อยากได้ ลองมันเสนอราคาพิเศษๆให้พวกเบธิลด์รู้สิ...โห...ตะครุบกันทันทีเลยล่ะ”

            “พวกมันใช้วิธีบนดินกับเราจริงๆด้วยสิ” เด็กหนุ่มร่างบางแค่นหัวเราะเสียงแผ่ว แถมยังเป็นวิธีที่คาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ต้องบอกสตีเฟนไม่มีปัญหาเรื่องเงินอีกแล้ว หมอนั่นกำลังทรัพย์เยอะกว่าใครในที่นี้ แถมด้วยกำลังคน พรรคพวกหนุนหลังพันธุ์โคตรดุ แถมยังหลุมหลบภัยชั้นดีทั้งโลกสว่างและโลกมืด

            สมบูรณ์แบบเลย จากเดิมที่เขามองไม่เห็นหนทางจะสำเร็จ ตอนนี้เหมือนถูกดึงให้ถอยหลังมาอีก อย่าว่าแต่สำเร็จ จะสู้ยังไงเขายังรู้สึกว่ามันเตรียมตัวว่าจะ...

            “อย่าบอกนะว่าคิดเรื่องแพ้อยู่” เสียงนุ่มทุ้มดักคอ ร่างบางหันไปมอง หมอนี่ทำตัวเหมือนพยาธิในกระเพาะเขาจริงๆด้วย แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรยามาโมโตะก็ว่าขึ้นด้วยความเรียบเฉยทว่าฟังจริงจัง

“ถ้านายกลัวว่าเฟร็ดดอริกจะเป็นอะไรไปนักจนกระทั่งขอร้องฉันซะขนาดนั้น ก็อย่าคิดคำว่าแพ้ขึ้นมาในหัวอีก...เพราะถ้าหมอนั่นเจอเรื่องอย่างเลวจนถึงตายจริงๆ จะได้ดีใจหน่อยที่อย่างน้อยก็ได้ตายเพื่อคนที่สู้อยู่เสมอ....ไม่ใช่คนที่คิดว่าตัวเองจะแพ้”

“ไอ้บ้า...” ฟังเป็นคำด่าแน่ๆ แต่คนด่ากลับรู้สึกว่ามันดังแผ่วเบา “นายเคยเห็นฉันยอมแพ้หรือไง”

“ไม่เคย” ยามาโมโตะตอบทันทีแล้วสตาร์ทรถ แต่เขายังไม่ขับออกไปไหน กลับเอี้ยวตัวไปเปิดกระเป๋าตู้เย็นหลังรถ นอกจากเบียร์ จิงเจอร์เอล มันยังมีผ้าเย็นอีกด้วย แล้วตอนนี้เจ้าผ้าเย็นนั่นก็อยู่ตรงหน้าเขา

“ฉันไม่เคยเห็นนายยอมแพ้ และก็ไม่ได้อยากเห็น แต่ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเห็นนายท้อบ้าง...เหนื่อยบ้าง...แต่ที่ๆนายจะรู้สึกท้อได้ คือข้างๆฉัน”

ความเงียบกลืนกินเมื่อดวงตาสีมรกตจ้องใบหน้าหล่อเหลาของคนที่อยู่ตำแหน่งผู้ขับไม่วาง แว้บหนึ่งที่ดวงตาคู่คมมีรอยประหลาดปรากฏอยู่ มันเว้าวอน เรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง หรืออาจเป็นการทวงหา โกคุเดระไม่ค่อยเข้าใจ แล้วเขาก็ไม่กล้าสรุปกับประโยคย้ำเบาๆที่ตามมาว่ามันเป็นการบังคับหรือไม่

เพราะถ้ามันบังคับ...คงเป็นการบังคับที่อ่อนโยนที่สุด...

“ข้างฉันเท่านั้นนะ...โกคุเดระ”







งานเลี้ยงขอบคุณแขกที่เข้าร่วมประมูลจัดขึ้นที่ชั้นสองของโรงแรมห้อง Foyer C เป็นห้องขนาดเล็กประมาณการจัดงานเลี้ยงค็อกเทลได้ห้าสิบคน การตกแต่งดีไซน์เป็นโซฟาสีดำคู่หมอนสีน้ำตาล ครีม และเบจกับโต๊ะไม้มะฮอกกานีขนาดเล็กเข้าชุดกัน แสงไฟสีส้มนวลให้อารมณ์อบอุ่นเหมือนดินเนอร์กับครอบครัว

เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของกิจการสายการบินเดินเข้ามาในห้อง สวมสูทแฟชั่นสีขาวมองสบายตาสมกับบรรยากาศของงานเลี้ยง ใบหน้าสวยกระตุกหน่อยๆเมื่อรู้สึกถึงสายตาของผู้คนมองมาที่เขาเป็นตาเดียวทั้งๆที่มั่นใจว่าไม่ได้แต่งตัวเด่นอะไร หลายคนอาจจะคิดว่าคราวนี้เขามาแปลกๆ หนึ่งลอร์ดคริสโตเฟอร์ไม่ได้มาด้วย และสองเขาไม่ได้มี ท่านประธานยามาโมโตะ ทาเคชิติดสอยห้อยตามกันมาอย่างทุกครั้ง

รู้สึกถึงความกดดันที่หายไปมากโข โอเค...แม่คุณหนูพวกนั้นคลายความริษยาในสายตาเวลามองเขาไปแล้ว บางคนอาจจะคิดด้วยซ้ำว่าเขาโดนยามาโมโตะตัดหางปล่อยวัด แต่เสียใจ! เจ้าบ้านั่นต่างหากที่โดนเขาทิ้ง! เขาสั่งให้หมอนั่นปรากฏตัวหลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง ปูอารมณ์ประหนึ่งเจ้าชายออกโรงช้าสุด เพราะต่อไปนี้เขาไม่ควรมียามาโมโตะอยู่ข้างๆ

มันคืองานเดี่ยว และเขาท่องมาโดยตลอดว่ามันต้องสำเร็จ

โกคุเดระพรูลมหายใจยาว สายตาควานหาเป้าหมาย ซึ่งไม่ผิดหวัง ร่างสูงใหญ่ของชายวัยห้าสิบปลายยังนั่งอยู่ที่มุมปลอดคน มีคนคุยด้วยอยู่ประมาณสองสามราย และหนึ่งในนั้นก็คือเคลล์แมน มาร์ตัน ไม่มีบอดีการ์ดอย่างทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่กล้าฟันธงหรอกว่าเจ้าสูทดำพวกนั้นไปที่ปารีสกันหมด

ดวงตาสีมรกตหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อประเมิน โอกาสก็เหมาะสมที่จะเข้าไป แต่อย่ากระนั้นเลย เขาไม่ควรเดินดุ่มๆเข้าไปแบบนั้น แม้ว่าเป้าหมายจะมองเห็นเขาแล้วก็ตามที

หนึ่ง เขาเป็นคนเอ่ยขอเลื่อนเอางานเลี้ยงมาไว้วันนี้เองกับปาก ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการรู้จักมักจี่กับประธานบริษัททุกคน ไม่เจาะจงเฉพาะสตีเฟน ตอนที่เขาเดินเข้ามาในงานก็เป็นเป้าสายตามากพอแล้ว ถ้าเขาคว้าแก้วไวน์สักแก้วจากบริกรแล้วไปยื่นเชิญตาแก่นั่นถึงโต๊ะ โอเค ทุกคนรู้แน่ว่าเขาอยากเจรจาตกลงกับใคร และสองเขาควรจะยืนเฉยๆเพื่อหาเกราะกำบังชั้นเลิศ...เกราะที่จะช่วยพรางสายตาคนแล้วพาเขาไปหาสตีเฟนได้อย่างเนียนๆ

“ต้องการตัวช่วยอยู่ล่ะสิ” เสียงนุ่มทุ้มสำเนียงอเมริกันที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู ร่างบางกลอกตา มันจะไม่คุ้นได้ไงก็ในเมื่อวันนี้เขานั่งคุยกับหมอนี่ถึงสองชั่วโมง

แดชีลล์ยื่นแก้วไวน์ให้เขา ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดที่สไตล์ไม่ค่อยแตกต่างจากเขาเท่าไหร่ เพียงแต่เป็นสีน้ำเงินขับให้หมอนี่ดูสว่างขึ้นจม รอยยิ้มมุมปากส่งมาให้เล่นเอาคนรับเครียดขึ้นขมับเมื่อรับรู้ถึงสายตาทิ่มแทงมาจากสาวน้อยทั้งหลายที่อยู่ไกลๆโน่น และอีกอย่างหมอนี่ผิดที่ผิดเวลามาก เขาต้องการเกราะ แต่มันไม่ต้องใหญ่สะดุดตาขนาดนี้ก็ได้ แทนที่จะช่วยพราง คนจะยิ่งมองมากกว่าเก่าน่ะสิ

“ฉันว่านายไม่ค่อยเหมาะกับงานนี้นะ เลอรอยด์” โกคุเดระพูดไปตามความจริง แต่คนไม่เหมาะกลับยิ้มกว้าง ยักไหล่

“ฉันก็ไม่ได้มาเสนอตัวเป็นคนคุ้มภัยให้นายสักหน่อย ไม่ชอบรับงานซ้ำซ้อนน่ะนะ แต่อย่างน้อยๆฉันก็มาช่วยนายเลือกเกราะได้” โกคุเดระหัวเราะหึกับคำรับปากจะช่วยของพันธมิตรคนใหม่ แดชีลล์กวาดตามองทั่วงานอย่างที่เขาทำเพียงชั่วครู่ ฉับพลันรอยยิ้มเจ้าเล่ห์รู้ทันก็ปรากฏที่มุมปาก 

“สาวๆกลุ่มนั้นมองพวกเรามากไปนะ...อีกอย่างเราไม่ใช่บุคคลสาธารณะด้วย ควรจะเก็บค่ามองกันหน่อย...” ว่าแล้วมือเรียวแข็งแรงก็ผลักหลังเขาไปข้างหน้านิดๆ ก่อนที่ตนเองจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง เป้าหมายของแดชีลล์อยู่ที่โต๊ะสตีเฟน หมอนั่นยิ้มแย้มทักทายทุกคนอย่างเป็นมิตรและนั่งลงร่วมวงอย่างง่ายดาย

สนุก! สนุกเลย!

โกคุเดระหัวเราะแข็งๆขึ้นในใจ หมอนั่นหางานโหดหินให้เขาอีกแล้ว! เขาเคยบอกกับตัวเองว่าวงเม้าท์ของผู้หญิงนี่มันเป็นอีกโลกที่ไม่มีทางก้าวถึง แต่เจ้าคนนิสัยเสียแปลกๆชอบวางระเบิดนี่ก็ผลักเขามาเจอเรื่องแบบนี้เข้าเต็มเปา

ช่วยไม่ได้!

ท่านประธานร่างบางตรงดิ่งไปที่ผู้หญิงท่าทีมีรสนิยมกลุ่มหนึ่งดูได้จากการแต่งตัวและเครื่องสำอางบางๆบนใบหน้า แล้วพวกเจ้าหล่อนกำลังคุยถึงห้องเสื้อของแคตวอล์คปารีสแฟชันวีคอย่างออกรสออกชาติ ถึงเรื่องแบบนี้เขาจะไม่ค่อยถนัด แต่มันไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

“ชุดนี้...ใช่คอลเลคชั่นใบไม้ผลิของซูเฮย์ มูแรดด์ หรือเปล่า” เขาถามขึ้น แสร้งปั้นหน้าไม่ค่อยแน่ใจนิดๆ เมื่อทอดมองเจ้าเดรสสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ตัวสวยของเด็กสาว นัยน์ตาสีเขียวกับผิวสีน้ำผึ้งสวยจากการอาบแดดบอกว่าเจ้าหล่อนเป็นคนแถบสแกนดิเนเวีย โกคุเดระยิ้มนิด แล้วว่าต่อ

“แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วย พอดีพี่สาวผมคลั่งไคล้มูแรดด์เป็นบ้าเป็นหลัง เลยอยากสอบถามห้องเสื้อดีๆแถวนี้หน่อย” โกคุเดระหัวเราะเบาๆกับท่าทีของคนตรงหน้า เธอแข็งเป็นหิน วงเม้าท์ของเธอด้วยเหมือนกัน เขาเลยขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วถามซ้ำ

“สรุปแล้ว...ใช่หรือเปล่าฮะ”

“อะ...ชะ ใช่ ใช่ค่ะ” เธอคงยังไม่ค่อยหายอึ้ง แต่โกคุเดระไม่มีเวลาให้เธอหายใจหายคอมากขนาดนั้น เขารุกต่อ

“โชคดีจัง...คือ มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ แบบว่า...ยังไงดีล่ะ ผมมาแถวนี้ก็ไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าหรอก ยิ่งเป็นของผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ แต่พี่สาวผมน่ะ ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเอากลับไปฝากสักชุดให้ได้ ช่วยแนะนำหน่อยเถอะนะฮะ”

สีหน้าเกรงใจและน้ำเสียงหวานๆเหมือนน้องชายตัวน้อยกำลังหลงทางคงทำให้พวกหล่อนผ่อนคลายได้มาก หลายคนเริ่มมีแววเอ็นดู ผู้หญิงก็แพ้ผู้ชายลุคประมาณนี้ทุกคน ไม่หล่อตะลึง ก็ขอให้น่ารัก ดูเป็นคนดื้อด้านนิดๆ แต่ก็มีมุมออดอ้อนให้ตามกรี๊ด แล้วเขาที่ฟ้าไม่ได้ให้หน้าตาหล่อคมอย่างท่านประธานบางคนแถวนี้ ก็ต้องขอเลือกใช้ตัวเลือกที่สองไปโดยปริยาย

แต่ขอที...ขอทีเรื่องแบบนี้....ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาไม่มีทางทำ ยิ่งพูด ฮะ อะไรนี่เมินไปเถอะ เรื่องของผู้หญิงให้อาเจ๊จัดการไปนั่นแหล่ะดีแล้ว เขาไม่ถูกสายตาของพวกผู้หญิง ไม่ว่ามันจะมาแบบไหนก็ตามเถอะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือสีแดงๆบนใบหน้าของพวกชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆนั่น

“ถ้าใกล้ที่สุดและตรงแหล่งจำหน่ายที่สุดก็คือฝรั่งเศสเลยล่ะค่ะ อันที่จริงส่วนตัวดิฉันกับคุณพ่อก็เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ของมูแรดด์ด้วย”

“เยี่ยมเลย!” เขาร้อง ถามต่ออย่างกระตือรือร้น “แล้วตอนนี้คุณพ่อคุณอยู่ที่ไหน”

“เอ่อ...อยู่ไหนน้า...” เธอลากเสียงยาวแล้วชะเง้อไปรอบห้อง ก่อนจะร้องอ๊ะเบาๆ แล้วชี้ไป “นั่งคุยอยู่กับท่านประธานแมคคาร์ทีตรงโน้นน่ะค่ะ”

บิงโก...

“คือ...ไหว้วานอีกสักอย่าง ผมอยากคุยกับท่านมากเลย แล้วให้คุณช่วยแนะนำสไตล์หรืออะไรอย่างนี้ได้ไหม ถ้าผู้หญิงเหมือนกัน คุณน่าจะเข้าใจรสนิยมอาเจ๊มากกว่าผมน่ะ” เธอตอบรับอย่างไม่มีอิดออด ถึงโกคุเดระจะแอบคิดไว้ก็เถอะว่าหลังจากนี้เจ้าหล่อนอาจจะหวังค่าตอบแทนเล็กๆอย่างเบอร์โทรส่วนตัวท่านประธานยามาโมโตะหรือไลน์ของแดชีลล์ก็ตามที

มือเรียวบางยื่นออกไปแทนไมตรีจิต

“ขอบคุณฮะ เรียกผมว่าฮายาโตะเฉยๆก็ได้” เธอจับมือผมแทบจะทันที ท่าทางแบบนั้นร้องกรี๊ดได้อาจจะทำไปแล้ว

“โอลิเวีย วิลโลว์ค่ะ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

เป็นอย่างที่คาดการที่เขาเดินมาพร้อมกับโอลิเวีย มันไม่เป็นที่สะดุดตาเท่าไหร่ เขาสามารถนั่งลงกับโซฟาตัวตรงข้ามกับตาแก่สตีเฟนได้แบบเป็นธรรมชาติสุดๆ แล้วเขาจำต้องนั่งคุยปั้นน้ำเป็นตัวว่าอาเจ๊เบียงกี้สนใจเสื้อผ้าแบรนด์ดังนั่นอยู่สักพักโดยมีแดชีลล์คอยผสมโรงและดึงความสนใจอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเขาต้องขอยอมรับในฝีมือว่าเรื่องการโน้มน้าวใจ หมอนี่เก่งชนิดหาตัวจับยาก ไม่ถึงสิบห้านาทีดี แม่สาวน้อยโอลิเวียก็แยกวงเม้าท์ไปจากเขาโดยสมบูรณ์

ตอนนี้คนที่กำลังเกาะกระแสสนทนากับเขาอย่างหนาแน่นก็คือสตีเฟนกับเคลล์แมน ดูจากการพูดคุยของพ่อค้าฮังการีที่เขาแอบหยอดถามเรื่องการขยายการตลาด นับว่ายามาโมโตะหาข้อมูลมาไม่ผิด แม้ไม่ชัดเจนนักเพราะมีสตีเฟนนั่งคุมอยู่แต่เขาก็พอเดาได้ พวกเขาตั้งใจจะรวมเงินประมูลกันจริงๆ

เขาคงต้องรีบแล้วสิ...

“อ้าว...ไวน์หมดน่ะครับ” ร่างบางเอ่ยขึ้นเมื่อรินขวดสุดท้ายจนหมดทุกหยด มันคงจะเหลือหรอกก็เขาเล่นรินให้ทุกคนแบบหนากว่าปกติ ร่างบางยิ้มและลุกขึ้นอย่างยินดี “ผมว่าผมไปขอข้างล่างมาเพิ่มดีกว่า ทุกท่านนั่งคุยกันไปตามสบายนะครับ”

“งั้นให้ผมไปช่วยไหม คุณโกคุเดระ” เคลล์แมนอาสา

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมไปกับคุณหนูเขาเอง” สตีเฟนลุกยืนขึ้น จัดเสื้อสูทเล็กน้อยแล้วเดินออกมาพร้อมกับเขา สีหน้าของประธานแห่งเครือโกคุเดระแม้ยังจะมีรอยยิ้มบนริมฝีปาก แต่ดวงตาคู่สวยไม่ได้ยิ้มด้วย ร่างบางเดินคู่ออกไปกับพ่อค้าค้าที่ พอพ้นประตู เขาก็เอ่ยขึ้นแผ่วเบา

“ไปที่ Java Club ผมมีเรื่องจะเจรจากับคุณ” แต่เกินคาดที่คนถูกเชิญไม่เพียงแค่ตอบรับสั้นๆว่าเห็นด้วย แต่กลับเอ่ยขึ้นว่า

“ก็ดี...ฉันเตรียมที่เอาไว้แล้ว”
           






            Java Club เป็นไนต์คลับที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมและอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา สถานที่เริงรมย์ชื่อดังไปทั่วทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ดนตรีจังหวะแดนซ์ปลุกระทึกให้คนกำลังกรึ่มๆขึ้นไปวาดลวดลายบนฟลอร์อย่างเมามันส์ หลายคนมากับกลุ่มเพื่อนหรือไม่ก็คนรัก แน่นอนว่าเด็กวัยไม่น่าเกินยี่สิบกับคนแก่ใกล้หกสิบที่เดินมาด้วยกันก็ทำให้คนมองเยอะน่าดู แล้วคนอ่านสายตาคนอื่นขาดอย่างโกคุเดระ บอกได้เลยว่ามันน่าขนหัวลุก

            ไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขากับสตีเฟนเป็นคุณลุงกับคุณหลานที่นึกเซ็งชีวิตประจำวันเลยมานั่งดริ๊งค์ปรับทุกข์กันตามประสาคนในครอบครัว บางทีอาจจะมีคนคิดถูกว่าเขาสองคนเป็นนักธุรกิจหรือคนทำงานเหมือนๆกันคิดอยากมาตกลงอะไรกันสักอย่าง มันคงจะเป็นอย่างนั้นได้ ถ้าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มหน้าอ่อนที่ดูยังไงก็ยังไม่จบมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้น ไอ้กรณีขนหัวลุกประมาณเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงต้อยอะไรทำนองนั้นคงจะเหมาะสมที่สุด

            บางทีถ้าไม่รีบหาที่นั่งหลบภัย เขาอาจจะโดนผู้จัดการมาไล่ข้อหาเข้าผับผิด

            สตีเฟนเดินนำเขามาทางปีกขวาของร้านที่ดูจะหรูหรากว่าพวกโซนนอกๆมาก บางทีอาจจะเป็นที่สำหรับวีไอพี มุมสลัว ดนตรีได้ยินเบาลงเยอะ คุยกันปกติก็คงจะรู้เรื่อง โกคุเดระหรี่ตามอง สมแล้วที่เจ้าตัวพูดว่าจองเอาไว้ โต๊ะด้านในสุดของโซน มีเจ้าสูทดำสองคนยืนคุมเชิงอยู่

            “สั่งไวน์สองขวดแล้วไปส่งที่งานเลี้ยงโรงแรม โต๊ะของเคลล์แมน มาร์ตัน ถ้ามีใครถามถึง ให้บอกว่าฉันกับคุณหนูโกคุเดระมึนมากแล้ว และจะขึ้นห้องพัก แขวนป้ายห้ามรบกวนที่หน้าห้อง และถอดสายโทรศัพท์ด้วย” สตีเฟนสั่งการกับลูกน้องเสร็จสรรพ คงจะไม่ให้ใครตามตัวหรือติดต่อ ป้องกันการสอดแทรกเจรจาซะเนี้ยบเลย...หึ! ก็ดี

            “ห้องของท่านไม่มีปัญหาครับ...แต่ห้องของคุณโกคุเดระที่พักร่วมกับประธานยามาโมโตะ...”

            “ฉันขอย้ายห้องแล้ว” เขาโกหกคำโตไปอย่างฉาดฉาน “ห้อง A312 สามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ท่านประธานแมคคาร์ทีบอก”

            ห้องที่เขาบอกไปคือห้องของลอร์ดคริสโตเฟอร์ มันคงตบตาได้บ้าง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซันที่แขกพักเต็มเอียด ไม่แปลกอะไรห้องพักใหม่ของเขาจึงเป็นแค่ห้องคลาสสิค แล้วตอนนี้เจ้าของห้องที่แท้จริงมันอยู่ซะที่ไหน ตามไปสมทบเจ้าเฟร็ดดอริกอยู่ที่ปารีสต่างหาก แล้วต่อให้พวกมันไปเช็คเอากับแผนกเช็คอิน ชื่อที่เช่าห้องนั้นก็บอกแค่ว่า ‘Gokudera Group’ ก็เท่านั้น

            “อ้อ! วานอีกอย่าง กระเป๋า Pierre Cardin สีน้ำตาล ช่วยเอามาให้ฉันด้วย” เขาสั่ง แม้มันจะน่าสงสัยนิดหน่อยแต่ลูกน้องของสตีเฟนโค้งรับโดยไม่มีคำถามแล้วพากันเดินออกไป

            สถานการณ์รอบตัวเริ่มสงบ ไม่มีลูกน้องของใครมายืนข่มให้เกร็งไปถึงกระดูก ซ้ำคู่เจรจาของเขาก็ดูพร้อมตั้งแต่ออกจากมุ้ง มันเลยเป็นเวลาที่ควรจะเริ่มพูดธุระ

            “คุณแมคคาร์ที ผมอยากตกลงกับคุณเรื่องเบธิลด์ ทาวเวอร์” เขาเข้าเรื่องเร็วอย่างไม่มีอารัมภบทจนทำให้คนฟังเลิกคิ้ว ลดเครื่องดื่มลง นัยน์ตาเจ้าเล่ห์พราวระยับ

            “ให้เดา...ประโยคต่อไปของเธอจะบอกว่า ช่วยหลีกทางให้ผมหน่อยใช่หรือเปล่า” สิ้นประโยคกลั้วหัวเราะตรงไปตรงมาโกคุเดระเงียบ นิ่งไปสักพักแล้วริมฝีปากบางเฉียบขยับเป็นรอยยิ้ม แต่ดวงตาคู่สวยไม่ได้ยิ้มด้วย มันกลับจ้องอย่างแน่วแน่มาที่เขา ว่าขึ้นด้วยรูปประโยคเหมือนจะล้อเล่นทว่ามันคือความจริง

            “แหม...เดาเก่งนะครับ”

            นัยน์ตาพราวหายไปทันควันเหมือนเปลวเทียนโดนลมเป่า น้ำเสียงของชายชราเริ่มเย็นเยียบ “เรื่องแบบนี้อย่าล้อเล่นนะคุณหนู มันขำไม่ออกยิ่งกว่าตอนที่เธอบอกให้เลื่อนการประมูลเยอะเลย”

            “แต่ฟังข้อเสนอของผมคุณอาจจะขำออกก็ได้” เด็กหนุ่มแย้งสบายๆ “มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สี่ปีที่แล้วผมไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณ ไม่อย่างนั้นเรื่องของเรามันคงไม่ค้างคาจนถึงทุกวันนี้ แต่ผมรู้นะคุณแมคคาร์ที ว่าโกคุเดระแอร์ไลน์ยังเป็นเป้าหมายขึ้นหิ้งของคุณอยู่...ไม่สิ...” เขาเว้นไป นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้น

“ของบอสคุณต่างหาก”

            “ใช่ ถูกต้องเลย บอสฉันถูกใจกิจการของเธอมากกว่าใคร ไม่มีใครแจกจ่ายอาวุธของเราทั่วถึงได้เหมือนเครือโกคุเดระ เส้นทางทางอากาศทั่วทั้งโลกนี้เป็นของเธอ แถมศักยภาพของบุคลากรยังสูงลิ่ว สั่งอย่างไรได้อย่างนั้น จำได้ว่าตอนจับมือกับเธอ บอสของฉันได้กำไรจากการส่งอาวุธบานตะไท เร็ว ปลอดภัย สินค้าไม่บุบสลาย”

            เป็นคำชมตรงๆที่ชวนคลื่นเหียน แน่ล่ะสิ มันรู้สึกแย่อยู่แล้ว เขากำลังโดนบอกว่าตัวเองสามารถทำงานผิดกฎหมายได้อย่างง่ายดาย เลือดพ่อค้าในตัวสกปรกไม่ต่างจากคนพูดเท่าไหร่ หรือบางทีอาจจะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ

สตีเฟนหัวเราะในลำคอ จ้องใบหน้าของคู่เจรจาผ่านแก้วไวน์สีใสแล้วหมุนมันไปมาเหมือนกำลังนึกถึงเรื่องราวในความทรงจำ

“อันที่จริงคราวนั้น...เธอไม่จำเป็นต้องอ้างให้ตำรวจสากลมาเป็นเกราะคุ้มภัยก็ได้ มันไม่มีประโยชน์...คิดบ้างไหมว่าการที่บอสฉันต้องการส่งอาวุธเยอะๆ ถึงขั้นใส่เครื่องบินของเธอไปเนี่ย แท้จริงแล้วเราไปซื้อมันมาจากใคร...”

นัยน์ตาคู่สวยค่อยเบิกกว้างกับคำเปรยที่ฟังสบายๆราวกับพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ หัวใจของผู้ฟังสั่นสะท้านกับเรื่องที่ไม่เคยได้ยิน เขากลืนน้ำลายเมื่อความเงียบเข้าครอบคลุม คำตอบมันเดาได้ไม่ยากเลย

“เงามืดในกระทรวงกลาโหม”

ไม่มีคำเฉลยจากคนถาม แต่ความพึงพอใจในแววตาของชายชรามันก็แปลว่าถูกต้อง เท่านั้นท่านประธานแห่งเครือโกคุเดระก็รู้สึกเหมือนมีแรงกดดันมหาศาลทิ้งลงที่ไหล่ทั้งสองข้าง อาการชาวาบแล่นไปทั่วทั้งร่าง

มันก็หมายความว่าที่เขารอดมาได้ ไม่ใช่เพราะอำนาจของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นเพราะถูกปล่อยมา...เป็นเพราะสตีเฟนปล่อยเขาให้ออกมาเอง วงการมาเฟียที่เขาเคยพูดกับแดชีลล์แม้จะฆ่าใครได้ง่ายๆ บังคับให้ทุกอย่างอยู่ในอาณัติโดยอาศัยเพียงแค่อำนาจ แต่มันก็มีบุคคลบางจำพวกที่พวกโลกมืดเลือกที่จะไม่บังคับ สู้วางกับดักและรอวันเวลาให้เดินมาหาเอง

แล้วตัวเขาก็คงเป็นบุคคลจำพวกนั้น....

“มีเรื่องที่เธอไม่ควรรู้อีกเยอะ ในวงการของเรา” สตีเฟนคลี่ยิ้ม เหลือบตามองเขาอย่างสื่อความหมาย “ก็เว้นแต่ว่าเธอจะก้าวขาเข้ามาอีกคน แล้วคราวนี้บอกเอาไว้ก่อนเลยคุณหนูโกคุเดระ พวกฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่”

ดวงตาสีเขียวหลุบต่ำลง เขาเม้มริมฝีปาก รีบดึงตัวเองให้นิ่งมากที่สุดแม้ความรู้สึกแย่เริ่มประเดประดัง แต่มันเป็นเรื่องปกติ คุยกับคนพวกนี้มันก็ต้องโดนแรงกดดันจนอยากจะอาเจียนแบบนี้อยู่แล้ว เขาสูดหายใจให้กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศมันไปเลี้ยงเต็มปอด นี่มันเพิ่งเริ่ม...เพิ่งเริ่มเองโกคุเดระ

อย่าตื่นเวทีให้มันมากนัก!

“ผมไม่เคยชินกับเรื่องพรรค์นี้หรอก และก็ไม่ได้อยากจะไปอยู่ฝั่งคุณด้วย แต่มันเป็นเรื่องจำเป็น...ผมต้องการชนะการประมูล และเมื่อผมได้หุ้นบริหารของเบธิลด์มาแล้ว ผลประโยชน์จะตกไปอยู่ที่คุณเต็มๆ...แน่นอนว่ามากกว่าการใช้เคลล์แมน มาร์ตันเป็นหมาก”

ดวงตาสีฟ้าจัดมีประกายวาบขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายรู้ทันว่าพันธมิตรเขาเป็นใคร แต่ประเด็นตรงนั้นเขาไม่ได้ตกใจเท่าไหร่นัก ต้องบอกว่ามันเป็นไปตามคาดมากกว่า อีกอย่างเรื่องที่น่าสนมันมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว

“ฉันจะได้ผลประโยชน์กว่ายังไง”

“ผมไม่ใช่คนในวงการของคุณ แต่ผมก็พอจะรู้ว่าตอนนี้กำลังมีสงครามย่อมๆของพวกวงการมืดในแถบยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ไม่ฝรั่งเศส ก็อิตาลี อาจไม่เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรงแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นเป็นแก๊งพันธมิตร แล้วคุณกำลังต้องการส่งอาวุธล็อตใหญ่ไปให้พวกเขาจนถึงขั้นต้องใช้ห้างใหญ่อย่างเบธิลด์ ทาวเวอร์เป็นฐานทัพ แต่คุณเองก็ยังมีปัญหาที่สอง...”

สีหน้าของชายชรานิ่งสนิท ไม่ใช่เฉพาะตัวเขาที่มองโกคุเดระ ฮายาโตะออก เขาเองก็โดนอ่านได้ง่ายๆเหมือนกัน ใช่ เขามีปัญหาที่สอง แล้วปัญหานี้ก็ใหญ่พอที่บอสสั่งให้เขามาคว้าเบธิลด์ ทาวเวอร์เอาไว้ในมือ ไม่นาน...เรื่องที่เขาคิดในใจเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เฉลยให้ฟังกับปาก

“นั่นก็คือคุณจะยึดเบธิลด์ได้ แต่คุณก็มีปัญหาในการขนส่งอยู่ดี...ทางบก คุณคงต้องใช้รถบรรทุก ส่วนทางเรือก็คงจะเป็นเรือขนส่งสินค้าย่อมๆ....ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันอาจจะถูกตรวจค้นตามวิสัย”

“ทางอากาศของเธอก็อาจจะถูกตรวจค้นได้ง่ายๆเหมือนกัน” ชายชรายังคงแย้ง อารมณ์ประหนึ่งกำลังต่อรองราคาสินค้า แต่คนอ่อนวัยกว่ากลับไม่เสียสมาธิ พยักหน้ารับ

“ก็จริง โกคุเดระแอร์ไลน์อาจไม่รอดพ้นกองทัพอากาศ แต่เรื่องนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอครับ” เขายิ้มมุมปากเมื่อเรื่องเข้าทาง “อย่างน้อยผมเคยส่งอาวุธให้คุณหนึ่งครั้ง แล้วคุณก็บอกเองว่าโกคุเดระทำงานได้อย่างมีศักยภาพ สร้างกำไรให้คุณมหาศาล...หรือจะปฏิเสธ?

หึ! เจ้าเด็กคนนี้....

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะชื่นชมหลุดออกมาอย่างไม่ปิดบัง คำพูดของเขาโดนย้อนเข้าตรงเป้าและไร้ข้อโต้แย้งจนอดที่จะส่ายหัวเบาๆเป็นเชิงสมเพชตัวเองไม่ได้ นี่ก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่บอสของเขาไม่กล้าทำอะไรกับโกคุเดระ เพราะตัวตนของเด็กหนุ่มคนนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ

ไม่ใช่เพราะโกคุเดระ ฮายาโตะคือนักธุรกิจคนสำคัญแห่งเอเชีย แต่เพราะความสามารถของเขาน่าเสียดายเกินกว่าจะสั่งเก็บ รวมถึงการไม่เกรงกลัวแม้กำลังเจรจาต่อรองกับคนจากโลกที่ตัวเองไม่รู้จัก...เดินหน้าบุกไม่สนใจอะไร แต่ก็รู้จักหยุดและถอยหลังเพื่ออ่านกระแสเกม ทำทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมาย และสุดท้ายเป็นเหตุผลที่น่าสนใจที่สุด และถ้าไม่ได้เจอมากับตัวก็คงจะไม่รู้สึก...


โกคุเดระคือของสำคัญของยามาโมโตะ


เขายังจำได้ ดวงตาคมกริบของเด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีที่อาจหาญชาญชัยมาเจรจากับเขาเพื่อยืนยันความปลอดภัยให้หุ้นส่วนของตัวเอง และคำพูดเยือกเย็นน่าขนลุกทรงอำนาจที่เกือบจะทำให้ลูกน้องหกเจ็ดคนที่อยู่ข้างชักปืนจ่อ


เรื่องที่คุณมีข้อตกลงทำธุรกิจกับโกคุเดระ ผมไม่มีอะไรขัดข้อง ทุกอย่างจะดำเนินไปตามนั้น...แต่ถ้าคุณกล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ คุณจะกลายเป็นศัตรูกับเครือธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียทันที...ผมรู้ว่าเจ้านายคุณไม่เดือดร้อน แต่คุณน่ะ...ไม่แน่ นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นเรื่องเท็จจริงที่สมเหตุสมผล เหมือนปัดแก้วน้ำตกจากโต๊ะ มันก็จะแตกนั่นแหละ....คุณแมคคาร์ที


ซึ่งคุณหนูโกคุเดระคงไม่รู้หรอก ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่เคยยกเรื่องตำรวจสากลมาอ้างกับเขาเลย...แต่กลับใช้ The Best มาต่อรอง นั่นแหล่ะที่ทำให้เขาสนใจในความสัมพันธ์ของสองเครือนี้อยู่ลึกๆ

“ไต่ตรองให้ดีนะครับ ถ้าคุณร่วมมือกับเคลล์แมน มาร์ตัน คุณจะได้เบธิลด์ไป แต่มันก็ได้แค่รัง คุณยังไม่เห็นหนทางที่จะไปหาอาหารแล้วแน่นอนว่ามีนายพรานเล็งปืนมาที่คุณอยู่เต็มไปหมด...แต่ถ้าคุณหลีกทางให้ผม คุณจะได้ทั้งรัง พรรคพวกเป็นนกติดเกราะ และไม่ต้องออกไปไหน นกเหล็กของเราจะหาอาหารแทนคุณเอง”

เป็นครั้งแรกที่สตีเฟนพูดอะไรไม่ออก เขากำลังนิ่งคิดและพิจารณาตามที่คนอ่อนวัยกว่าพูดจริงๆ แต่โกคุเดระไม่มีเวลาให้ชายอาวุโสคิดนานขนาดนั้น เพราะถ้าหากเขาเป็นฝ่ายรุก เขาจะรุกจนถึงที่สุด

“ก็หรือ...คุณต้องการรังใหม่ที่ใหญ่กว่าแถวๆโตเกียว ผมก็สามารถหาให้คุณได้”

The Best Imperial?” สตีเฟนเลิกคิ้ว ทวนถามอย่างไม่เชื่อ “พวกเธอถอนหุ้นกันแล้วไม่ใช่รึไง แล้วอีกอย่าง ท่านประธานยามาโมโตะเขาคงจะอยากเล่นเกมที่ขำไม่ออกกับเธอหรอก คอนเน็คชันของ The Best กว้างใหญ่ขนาดไหนเธอก็น่าจะรู้ดีกว่าฉันอีกนะ The Best กว่าสี่ร้อยสาขาทั่วเอเชียแปซิฟิคและยุโรป ยังไม่รวมเครือข่ายของการโรงแรมและการท่องเที่ยวของ The Best Amari ธุรกิจยักษ์ใหญ่ขนาดนั้นเธอคงไม่ลืมหรอกว่าเขามีใครคุ้มหัวอยู่ ทุกย่างก้าวในโลกนี้แทบเป็นของเขา คิดว่าเขาจะสนใจข้อเสนอร่วมธุรกิจกับเธอใหม่เพียงเพราะเธอไปขอร้องอย่างนั้นเหรอ ยิ่งเป็นกับฉันด้วยนี่นะ?

เขาตบท้ายด้วยประโยคปรามาสบอกชัดว่าเด็กหนุ่มไม่มีทางทำได้ ร่างบางนั่งตัวตรงขึ้นอีกนิด มือวางบนโต๊ะ พยักหน้าช้าๆพร้อมยอมรับง่ายๆ

“ใช่ คุณพูดถูก หมอนั่นเป็นพวกเจ็บแล้วจำ ต่อให้เป็นผมที่เป็นหุ้นส่วนมาตลอดสิบปีไปขอร้องก็คงไม่มีทางใจอ่อน แต่คุณพูดผิดไปอย่างนะ คุณแมคคาร์ที...กับหมอนั่น...ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจ ผมไม่เคยขอร้อง เราเชื่อมกันไว้ด้วยผลประโยชน์เท่านั้น มันจึงมีก็แต่ข้อเสนอ...”

น้ำเสียงของเด็กหนุ่มกดต่ำอย่างเย็นเฉียบ ไม่ใช่เพื่อกดดันหรือข่มขู่ แต่เพื่อยืนยันออกมา เขาเว้นวรรค แล้วแจงขึ้นใหม่เรียบๆ

“เอาเป็นว่าความกว้างขวางของยามาโมโตะ ผมทราบดี เพราะผู้ประกอบการอย่างเราๆหวังของแค่สองสามสิ่งจากธุรกิจ...อะไรบ้างล่ะ...ผลกำไร...ความอยู่รอดท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่เปลี่ยนผัน แล้วเจ้ากำไรและสิ่งที่ทำให้ธุรกิจเราคงอยู่ได้มันจะมีรูปธรรมเป็นอะไรถ้าไม่ใช่เม็ดเงิน....แล้วยามาโมโตะก็ได้รับอย่างมหาศาลตามคอนเน็คชันที่หว่านไปทั่วโลกอย่างที่คุณว่านั่นแหล่ะครับ...”

เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก เสียงใสเอ่ยขึ้นต่ออย่างชัดเจน

“แต่นั่นก็แค่บนดิน...”

เท่านั้นสตีเฟนก็พอเดาออกว่าเด็กหนุ่มต้องการจะสื่ออะไรกับเขา แต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดต่อ

“ทุนทรัพย์ที่แท้จริงในโลกของพวกคุณน่ะ ผมจินตนาการไม่ออกหรอก แต่ก็พอจะรู้ว่ามันมากราวกับเอาดอลลาร์ไปแลกเงินเยน เมื่อสี่ปีก่อนผมไม่ได้คิดค่าขนส่งให้คุณแม้แต่แดงเดียว แต่คราวนี้ผมลองใส่ความเป็นไปได้ขึ้นมาว่าถ้าหากเราเป็นเหมือนคู่ค้ากัน ผมจะได้รับค่าตอบแทนจากบอสของพวกคุณเท่าไหร่ต่อการทำงานหนึ่งครั้ง...ค่าตอบแทนที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างมาเฟียสองแก๊งค์...ค่าตอบแทนที่ทำให้พวกคุณยังคงเป็นพันธมิตรกันต่อไป...ค่าตอบแทนที่ทำให้ลูกค้าไว้ใจและยังคงไว้ใจสินค้าของแฟมิลี่คุณในภายภาคหน้า...คราวนี้ผมถามกลับนะคุณแมคคาร์ที มันเยอะเท่าไหร่ คุณคงรู้ดีกว่าผมใช่ไหม?

“เยอะมาก...ถ้าเธอทำสำเร็จ” เขายอมรับ “ถ้ากิจการเธอสามารถเติบโตได้ด้วยการร่วมหุ้นกับฉัน การที่จะเอาไปต่อรองกับเครือยามาโมโตะคงจะง่ายขึ้น ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเอเจนซี่ทัวร์อันดับหนึ่งในญี่ปุ่นอยู่แล้วใช่ไหม” คิดมาถึงตรงนี้แล้วเขาอดยิ้มออกมาอีกครั้งไม่ได้ ยอมรับเลยว่ากระบวนการวางแผนของโกคุเดระ ฮายาโตะวิ่งไปไกลแล้ว แต่มันก็เบี่ยงเบนประเด็นไม่ได้หรอก

“แล้วถ้าคิดกลับกัน ฉันมีวิธีอื่นที่จะได้โกคุเดระแอร์ไลน์มาเป็นหมาก และตัวเองก็เป็นเจ้าของเบธิลด์ ทาวเวอร์ด้วย อย่าลืมว่าฉันเป็นใคร ขอแค่ชนะการประมูล ฉันก็พร้อมที่จะเลือกหมากต่อไปชนิดชี้ตัวได้เลย และตัวเธอเองก็คงไม่รอดหรอกนะ คุณหนู”

“แบบนั้นมันอีกกรณีนะ...ผมไม่ยอมแน่ๆ” เด็กหนุ่มแย้งขึ้นทันที

“ไม่หรอก...เธอหนีบอสของฉันไม่พ้นแน่” สตีเฟนเตือนเสียงเข้ม “อย่าคิดว่าอะไรมันจะง่ายเหมือนที่ผ่านมาดีกว่า”

“ผมไม่ได้คิดอะไรง่ายๆ แต่พูดในสิ่งที่ตัวเองจะทำเท่านั้น แล้วถ้าผมไม่ได้ถือหุ้นเบธิลด์ ทาวเวอร์ทุกอย่างก็คือจบ จากที่ผมจะเป็นหมากให้คุณ ผมจะหนีคุณจนตามจับไม่ได้เลย ผมพูดจริง และจะทำให้ได้ด้วย เรียกได้ว่าที่ผมหนีคุณมาตลอดสี่ปีนี้ทาบไม่ติด คราวนี้ทางเดียวที่คุณจะยึดเครือโกคุเดระได้ คือตามล่าผมให้พบแล้วฆ่าทิ้งซะตรงนั้น”

พลันบรรยากาศที่พอจะสบายๆอยู่บ้างเหือดหายไปทันที ดวงตาสีฟ้าจัดหรี่ลงจนราวกับเหมือนเหยี่ยวที่กำลังจ้องเหยื่อ แต่เสียก็แต่เหยื่อของเขาไม่ใช่ลูกนกหรือหนอนแมลง เด็กหนุ่มตรงหน้าโต้กลับเขาได้อย่างมั่นใจและฉาดฉาน ดวงตาคู่สวยสีมรกตไม่ได้มีแววข่มขู่หรือกดดัน เขาสังเกตมานานตั้งแต่เริ่มคุยแล้ว...ไม่ใช่ว่าท่านประธานร่างบางคนนี้ขู่ไม่เป็น แต่มันไม่ใช่นิสัยมากกว่า เพราะคนเลือกที่จะขู่ คือคนที่ทำไม่ได้อย่างปากว่า แต่เด็กคนนี้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

เด็กนี่พูดจริง แล้วตระหนักเสมอว่าต้องทำให้ได้อย่างที่พูด...มันถึงฟังแล้วน่ากลัวยิ่งกว่าการขู่ไหนๆ

            ชายชราผ่อนลมหายใจนิดหน่อย แล้วถามขึ้น

            “ทำไมถึงอยากได้เบธิลด์ ทาวเวอร์ขนาดนั้นล่ะ”

            “ก็เพราะมันไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงน่ะสิ...ถึงต้องเอามาได้น่ะครับ” เป็นคำตอบที่ฟังแปลกประหลาด แต่คนฟังก็แล้วหัวเราะร่วนอย่างถูกใจ แล้วไล่ถามเข้าไปอีก

            “ต่อให้ฉันหลีกทางให้เธอ มันก็ไม่ใช่ว่าเธอจะหมดขวากหนามนะ มั่นใจไหมว่าตัวเองจะชนะแน่ๆ”

            “คุณหมายถึง ทางประธานยามาโมโตะ?” สตีเฟนพยักหน้าทันทีที่เด็กหนุ่มทวนถาม เท่านั้นริมฝีปากบางก็ยิ้มออกมา ความจริงเขาเกือบผิวปากหวือออกมาด้วยซ้ำ ความตื่นเต้นมันแทบพุ่งทะลุ ใช่เลย...นี่แหล่ะไคลแม็กซ์ เขารอให้ตาแก่สตีเฟนถามเขามานานแล้ว ถ้าประโยคนี้โผล่เมื่อไหร่ เขาถึงจะได้เริ่มแผนการนั้นอย่างจริงๆจังๆสักที

            อย่างนี้เรียกว่าอะไรดี...ปลาตอดเหยื่อที่ติดอยู่ปลายฮุก?

            “ผมชนะประธานยามาโมโตะ ทาเคชิได้แน่ๆด้วยจำนวนเงินประมูล” คนฟังเลิกคิ้ว เขาเลยขยายความเข้าไปอีก “ผมทราบว่าเขาเตรียมเงินมาประมูลเบธิลด์ ทาวเวอร์เท่าไหร่ ทราบเป็นจำนวนตัวเลขครบทุกหลัก...เห็นตัวเช็คมาแล้วด้วยจะว่าอย่างนั้นก็ได้...แน่นอนว่าผมเตรียมเงินมามากกว่าเขา โอกาสชนะคือแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะคุณก็รู้ใช่ไหมว่าหุ้นส่วนคราวนี้มันสู้กันด้วยเงิน”

            “ไปเห็นมาได้ยังไง” ชายชราถามทันที

            “วิถีโจรน่ะครับ...อย่ารู้เลย” เขาตอบตรงๆ ถ้าคนฟังเป็นแดชีลล์ หมอนั่นคงทำหน้าแหยอย่างที่เขาไม่อยากเห็น แต่โชคดีหน่อยที่เป็นสตีเฟน การเก็บอาการชั้นเซียนก็ยังพรางความรู้สึกด้วยใบหน้าไม่เจ็บไม่คันนั่นอยู่ หรือเจอกับตนเองจนชินเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจ

“แล้วมันเชื่อได้แค่ไหน” สตีเฟนขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้าเหมือนเรื่องที่เขาพูดเป็นไปไม่ได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว “ไม่ใช่ว่าเธอโดนเขาหลอกนะ?

นอกบทนิดหน่อยแฮะโกคุเดระลอบเหลือกตา เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันหรอกว่าเงินนั้นมันจริงหรือเท็จ แต่ขึ้นชื่อว่ายามาโมโตะ ทาเคชิมันเชื่อไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้ว เขายอมรับเลยว่าเรื่องนี้ทำเขาปวดหัวไม่น้อย ตอนแรกเขาก็ถามยามาโมโตะออกไปจริงๆว่ามันเชื่อได้แค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่เกี่ยวแล้ว...

ใช่ ไม่เกี่ยวเลย ทันทีที่หมอนั่นบอกว่าเงินนั้นแลกกับอะไร


            แลกกับความเชื่อใจให้นายมาอยู่ฝ่ายเดียวกับฉัน...


            “ครับ...เชื่อได้แน่นอน” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ หัวใจบีบรัดอย่างหนักเมื่อหันไปรับกระเป๋าเดินทางใบย่อมจากลูกน้องของสตีเฟน กระเป๋าที่เขาฝากไว้ที่ห้องของลอร์ดคริสโตเฟอร์มาโดยตลอด แล้วก็โกหกยามาโมโตะไปว่าเอามาใส่พวกของฝากให้กับเบียงกี้ ดังนั้นมันควรจะเป็นกระเป๋าว่างๆ

แต่แท้จริงแล้ว...กระเป๋าใบนี้มันไม่ได้ว่าง....

            เอกสารข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ The Best  ทั้งที่ออกสื่อและไม่ออกสื่อ แต่ก็เป็นทุกข้อมูลเบื้องลึกที่เขาติดตามยามาโมโตะมาโดยตลอดสิบปี พวกมันถูกบรรจุไว้เต็มกระเป๋าและตอนนี้มันโชว์หราอยู่ตรงหน้าสตีเฟน ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง จ้องกระดาษหนาขนาดหนึ่งรีมที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือไม่วาง แล้วเหลือบตามองเขา...เขาก็พอจะเข้าใจอารมณ์ของสตีเฟนนะ เคยเห็นปลาแก่หิวโซอยากกินเหยื่อแต่ก็ลังเลว่าจะโดนกระตุกเหงือกไหม...แบบนั้นเลย...

            “คราวนี้มันขำไม่ออกจริงๆนะเนี่ยคุณหนู เธอรู้ไหมว่าแบบนี้ในวงการฉันเขาเรียกกันว่าอะไร”

            “ทรยศ” เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ แล้วว่าขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ถ้าเจ้ายามาโมโตะเป็นมาเฟียผมคงถูกตามล่าไปตลอดชีวิตและโทษตายก็คงจะเบาไป...แต่ผมไม่มีทางเลือก นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมจะยืนยันได้ว่าผมสวามิภักดิ์กับคุณ....เป็นอย่างที่คุณคิดนั่นแหล่ะ คุณแมคคาร์ที...”

            พลันเสียงก็กลืนหายไปชั่วขณะเพราะความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้น เสียวสันหลับวาบและขนลุก...อาการของความเกรงกลัวที่คนอย่างเขาไม่ค่อยได้เป็นเท่าไหร่ แต่นั่นมันเป็นความรู้สึกเก่าที่ได้พูดประโยคนี้ตอนแรก...มันไม่น่าตกใจ...แต่ที่เพิ่มมา...สอดแทรกเข้าเหมือนกับเป็นคลื่นรบกวน มันทำให้เขาพูดไม่ออก

            เป็นภาพที่หมอนั่นวางมือบนศีรษะเขา และคำพูดที่ก้องขึ้นชั่วขณะว่าจะอยู่ข้างๆยามเขาท้อ...

เด็กหนุ่มตัดสินใจตัดของพวกนั้นออกไป ดวงตาคู่สวยเฉียบคมและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้มันจะตัดกับเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ

“ผมตั้งใจจะทรยศยามาโมโตะ...จริงๆ...”


.


.


.


.


.

            TBC…



มิยะขอเม้าท์

ปะ แปดตอนแล้ว เฮ้!! คือ ตอนแรกตั้งใจว่าจะปั่นตอนเก้าให้จบแล้วลงไปพร้อมกันเลย แต่หันไปดูเนื้อหาตอนเก้า... ปล่อยทีละตอนๆดีกว่า แล้ววันนี้มีภาพสถานที่มาให้ดูอีกแว้วก่ะ เป็นสองโลเกชั่นใหญ่ในตอนนี้เลย

ภาพแรกคือ Foyer C เป็นเหมือนห้องจัดเลี้ยงสัมมนา


ภาพที่สองคือจาวาคลับ คลับดังในเจนีวาอยู่ริมทะเลสาบ ม่วงเชียว


ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อกนะก๊ะ

Miya





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น