หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera] SKYFALL-NEGOTIATION- : 04



Project : Happy birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก Miyaจ้ะ *v*



SKYFALL : 04




Grand Hotel Kempinski Geneva


03:37 PM.


รถแท็กซี่แล่นฉิวมาจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวริมฝั่งทะเลสาบเจนีวา ตัวตึกตั้งเป็นแนวนอนเลียบริมฝั่งความสูงไม่เกินแปดชั้น แต่ยาวลึกทอดตัวบรรจุห้องเพียงพอที่จะรับนักท่องเที่ยวเรือนพันที่มาเยือน จะบอกว่าโรงแรมแห่งนี้สร้างมาเพื่อโปรโมทเจนีวาเลยก็คงไม่ผิด เพราะไม่ว่าจะพักอยู่ห้องใดก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสัญลักษณ์แห่งเจนีวาได้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุเจ็ทโดสูงกว่าร้อยสี่สิบเมตรในทะเลสาบ ล้อมรอบริมฝั่งด้วยนาฬิกาดอกไม้และอนุสาวรีย์การรวมชาติตระการตา มองไกลออกไปคือยอดเขามองบลังก์ ลายเซ็นที่บ่งบอกความเป็นเมืองแห่งสายเลือดสหภาพยุโรปบริสุทธิ์


เด็กหนุ่มสองคนที่ใครไม่รู้จักหน้าอาจมองว่าเป็นลูกคุณหนูมาเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวก้าวเท้าลงจากรถพร้อมๆกับเงินสดจำนวนหนึ่งจากมือของคนที่ตัวสูงกว่าจะยื่นให้คนขับรถพร้อมรอยยิ้มละไม ที่ทำอย่างนี้ก็ไม่ได้จะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษให้ร่างบางผมสีเงินที่ยืนมองอย่างจิกกัดจากทางข้างหลังให้ประทับใจอะไรหรอก มันไม่ใช่ประเด็นหลัก


เพราะเขารู้ว่าโกคุเดระไม่ค่อยพกเงินสดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในกระเป๋าสตางค์นั่นมีแต่บัตรเครดิตรุ่นแพลตินัมเน้นๆ เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหมอนี่ยังขอแปะโป้งเขาให้จ่ายค่ากาแฟให้ก่อนอยู่เลย


ดวงตาสองคู่เหลือบขึ้นมองตัวโรงแรมหรูด้วยความรู้สึกต่างกัน สำหรับโกคุเดระคิดว่ามันก็เป็นเรื่องน่าตลก กับสถานที่ที่ใกล้องค์กรสหประชาชาติขนาดเดินไปได้แค่นี้ กลับต้องเป็นสมรภูมิสู้รบย่อมๆของนักธุรกิจหลายชาติหลายภาษา แต่กับยามาโมโตะ เด็กหนุ่มผู้มีธุรกิจโรงแรมของตัวเองอยู่ในมือ ดูจากสีหน้าน่าหมั่นไส้นั่นแล้วกับรอยยิ้มน้อยๆนั่นแล้ว ก็เดาได้ไม่ยากว่าเขากำลังคอมเมนท์เจ้าตึกนี้ว่าไง


“นี่ ในฐานะคนเห็น The Best Imperial มาแล้ว ฉันขอบอกนายแบบไม่มีอคติเลยว่าตึกตะเกียบของนายออกแบบได้เด็ดกว่านี้จริง...” เสียงราบเรียบจริงจังแต่เจือไปด้วยกระแสเยาะเย้าตามสไตล์เจ้าตัวหันมาว่ากับเจ้าของโรงแรมเลื่องชื่อ แล้วตามด้วยอีกประโยคพร้อมไหวไหล่เบาๆ “แต่พูดถึงอายุอานามต้องบอกว่าตะเกียบลูกรักนายมันก็แค่เด็กชายวัยกระเตาะ...ดูถูกของเก่าแก่ระวังจะซวยเอา”


เท่านั้นแหล่ะร่างสูงถึงได้ทำหน้าอึ้งก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเต็มสตรีมอย่างที่นานๆจะได้ทำ พ่อคุณขำจนตัวงอเล่นเอาคนพูดขมวดคิ้วฉับเพราะเปลี่ยนอารมณ์ตามคนข้างๆไม่ทัน มันเป็นภาพหายากแค่ไหน สีหน้าตื่นๆพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นนั่นของเฟร็ดดอริกที่หกกับลอร์ดคริสโตเฟอร์ที่มารอรับถึงหน้าโรงแรมก็ยืนยันได้แล้ว


ไม่รู้ว่าคำพูดตรงไหนของเขาไปสะกิดต่อมฮาของหมอนี่ให้แตกละเอียดขนาดนี้ คนฟอร์มจัดอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิถึงได้ยืนขำน้ำตาเล็ดต่อหน้าลูกน้อง แถมยังเป็นหน้าโรงแรม คน...เยอะ! แขก...แยะ! ฝรั่งมังค่า เจ๊ก จีน นิโกร มีหมด! แต่พี่ท่านก็ยังระเบิดเสียงฮาได้อย่างไม่อายใคร


แล้วไม่อยากจะพูด ขนาดมันขำแล้วอ้าปากกว้างๆ ความหล่อก็ยังคงเต็มร้อยเหมือนเดิม...ไม่รู้ว่าทำได้ยังไง


“ไม่..คิด....ไม่คิดเลย...ว่านายจะเชื่อ...เรื่องอะไร..แบบนี้ด้วย” เสียงทุ้มกระท่อนกระแท่นเพราะยังอยู่ในอารมณ์ขำขัน ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองตรงมาที่เขาด้วยอารมณ์หลากหลายอย่างที่โกคุเดระก็แยกมันไม่ค่อยออกทั้งๆที่เรื่องแบบนี้เป็นอาวุธสำคัญของวงการเลยแท้ๆ อาจเพราะไม่ค่อยชินเท่าไหร่ล่ะมั้ง ที่เจ้าคนบ้างาน เห็นอะไรเป็นธุรกิจไปหมดคนนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าความสุขอยู่ในสายตา ถ้าเขาเดาไม่ผิด อาจจะมีอาการดีใจ...สมหวัง...ปลาบปลื้ม อะไรทำนองนั้นอยู่ด้วย เพียงแต่มันจางมากจนเหมือนตาฝาดไป


“แต่ฉันว่างานนี้ฉันไม่น่าซวยนะ ได้หัวเราะก่อนเข้างานแบบนี้น่ะ ฮะฮะฮะ....สุดยอดอ่ะ...ตั้งแต่ทำงานมา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย...” ยามาโมโตะสูดลมหายใจเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง แล้วหันมายิ้มให้เขา รอยยิ้มแม้มันจะบางเบาเพียงแค่สังเกตได้ยากจากมุมปากทั้งสองข้าง แต่โกคุเดระก็ดูออกว่ามันเป็นรอยยิ้มแน่ๆ มันไม่แปลกอะไรที่หมอนี่จะยิ้ม เพราะมันไม่ใช่คนเย็นชา...แต่ทำให้คนมองนิ่งชะงักไปเพราะมันดูไร้สิ่งใดเจือปนที่สุด มันบริสุทธิ์พอๆกับน้ำเสียงที่เอ่ยคำสั้นๆง่ายๆออกมา....


“....ขอบใจนะ”




เฮะ.....เฮ้!


ยามาโมโตะ ทาเคชิ เคยเอ่ยคำขอบคุณมั้ยนะ....ตอบได้เลยว่าบ่อย! ทุกครั้งที่เสร็จจากงานเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มลูกค้า เสร็จการประชุมหรือเจรจาร่วมลงทุนกับใครได้สำเร็จ...หมอนี่พูดประจำ


ยามาโมโตะ ทาเคชิ เคยยิ้มแล้วดูสดใสได้แบบนี้มั้ยนะ....แน่นอน! โกคุเดระเคยเห็น เวลามันไปดูตัวหรือออกเดตกับสาวที่ไหน มันยิ้มได้กว้างกว่านี้อีก ไม่เชื่อมาดูในโน้ตบุ๊คของเขา ไดรฟ์ดี ชื่อไฟล์ว่า สุดลับ!’ กดเข้าไปก็เป็นโฟล์เดอร์อีกชั้นชื่อ ลับสุดสุดกดเข้าไปก็เป็นโฟล์เดอร์อีกรอบ คราวนี้ชื่อ รู้ทัน! สันดานผู้ชาย นามว่านายยามาโมโตะ


ยาวไปหน่อย หยาบไปนิด แต่ก็เป็นชื่อที่สมกับข้อมูลข้างในดี เอาเป็นว่ารูปของมันเขามีเป็นร้อยๆรูป เวลามันคิดจะยิ้มแบบสว่างไสว มันก็ทำได้ดีจริงๆ ดีจนเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ...แต่ทำไมตอนนั้นเขานั่งดู นอนดู ยืนดู ดูเป็นสิบๆรอบ มันไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย


มัน...ไม่เห็น...จะแปลกๆ....แบบนี้เลย....


“ละ ลอร์ดคริสโตเฟอร์!” ไม่ตอบรับ ไม่พูดอะไรทั้งนั้นนอกจากจะหันหน้าหนีแล้วเรียกลูกน้องคนสนิทเพื่อความปลอดภัยและคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้มันผิดปกติตามอีกฝ่ายไป ร่างบางจัดการถอดเสื้อโค้ตตัวนอกออกพร้อมยื่นแฟ้มเอกสารสีน้ำตาลให้คริสโตเฟอร์ถือ ในใจท่องบทภาวนาไว้อาลัยแก่ตัวเองเหมือนชีวิตกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ ใบหน้าหล่อเหลาเจือรอยยิ้มพิฆาตนั่นยังติดเต็มสองตาเขาแล้วแล่นไปตามก้านสมอง ฉายชัดในความทรงจำอย่างไม่บันยะบันยัง!


ซวย! นายนั่นแหล่ะที่จะซวยน่ะโกคุเดระ ฮายาโตะ!! หญิงสาวทั่วโลกได้ตามฆ่านายแน่ๆ!!


ร่างบอบบางสูดลมหายใจเต็มปอดแล้วปล่อยมันออกจนหมดก่อนจะจ้ำเท้าเดินเข้าโรงแรมไปทันทีโดยมีคนสนิทและคนฝ่ายเครือยามาโมโตะเดินตามไม่ห่าง แม้ลอร์ดคริสโตเฟอร์จะแปลกใจกับอารมณ์หุนหันพลันแล่นของเจ้านายหน่อยๆ แต่เรื่องที่เขาอยากจะแจ้งให้ท่านฮายาโตะของเขาทราบดูจะสำคัญกว่า


“เรื่องการเช็คอินมีปัญหานิดหน่อยครับ คือว่า...”


“ช่างมันก่อนเถอะ แล้วเรื่องที่ฉันให้จัดการ เรียบร้อยดีมั้ย” น้ำเสียงตัดบทจริงจังของผู้เป็นนายยังเจือไปด้วยการเร่งรีบทำให้ลอร์ดคริสโตเฟอร์เงียบไปก่อนจะพยักหน้าน้อยๆรับคำ


“เรียบร้อยครับ ทั้งเรื่องลงทะเบียน และที่แจ้งมาก่อนหน้านี้ ทุกท่านรออยู่ที่เลาจ์บาร์ครับ” คำเน้นของลูกน้องคนสนิทตรง ทุกท่านทำให้ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆอย่างถูกใจ หัวใจที่มันเต้นกระหน่ำอยู่ภายในอกค่อยผ่อนช้าลงจนกลายเป็นปกติ ดวงตาสีมรกตคู่งามมองตรงไปข้างหน้าด้วยความเรียบเฉยทว่าเต็มไปด้วยความมาดมั่น ทุกย่างก้าวของซีอีโอแห่งโกคุเดระนิ่งสงบและน่าเกรงขาม พร้อมที่จะเผชิญกับเรื่องทุกเรื่องที่จะถาโถมเข้ามาหลังจากนี้


ยามาโมโตะทอดมองแผ่นหลังเล็กๆที่เดินนำหน้าเขา ก่อนระบายยิ้มออกมา เหมือนเห็นเด็กชายร่างเล็ก หน้าตาน่ารักเหมือนกับตุ๊กตาบลายธ์ในอดีตซ้อนทับ ความจริงโกคุเดระ ฮายาโตะคนนี้เป็นคนสมาธิสั้นหน่อยๆ เหมือนเป็นคนที่อยู่เฉยไม่ค่อยได้ถ้าเป็นเวลาปกติ แต่พอเป็นเรื่องงาน...คนตรงหน้าจะอยู่กับตัวเอง อยู่กับเป้าหมาย แล้วไม่ไยดีสภาพแวดล้อม เหมือนตอนนี้แม้แต่ตัวเขา ก็น่าจะถูกตัดออกจากสายตาไปเรียบร้อยแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ เหมือนหัวใจจะถูกบีบขึ้นมาเสียเฉยๆ


นายก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...






ประตูกระจกเปิดออกเผยให้เห็นสถานที่พักผ่อนหรูสมระดับ สถานที่กว้างขวางตกแต่งเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นกับโซฟาหนานุ่มและโต๊ะไม้เคลือบเงาเข้าชุดกัน พร้อมกับโต๊ะกระจกและเก้าอี้ตัวสูงยาวริมหน้าต่างที่เป็นกระจกตั้งแต่พื้นถึงเพดานสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นส่วนตัว นับเป็นมุมที่เหมาะกับการจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เย็นๆแล้วชมทะเลสาบเจนีวายามตะวันอ่อนแสงได้อย่างไร้ที่ติ แต่ทัศนียภาพงามๆกับบรรยากาศเยี่ยมๆดูจะไม่ค่อยเข้ากับแขกเหรื่อเกือบสิบชีวิตที่เหมาเลาจ์นี้สักเท่าไหร่


เริ่มจากคนแรกจองมุมดีที่ริมหน้าต่างพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ ร่างสูงใหญ่ของชายอาวุโสเชื้อสายยุโรปแต่งกายด้วยชุดสูทสีขาวภูมิฐาน แต่เชิ้ตตัวในปลดกระดุมบ่งบอกความเป็นตาแก่เจ้าสำราญแล้วยังไฟแรงไม่แพ้หนุ่มสาว เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงพร้อมกับชายชุดดำขนาบข้างเหมือนเดิม แก้วไวน์ในมือยกขึ้นน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มทักทายให้สองผู้เข้ามาใหม่ชี้ชัดว่าตาแก่ตรงหน้าจำได้แม่นว่าพวกเขาเป็นใคร ทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมาก็ตั้งสี่ปี


ไล่มาตามโซฟาก็เป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการโรงแรมและห้างสรรพสินค้าเสียเป็นส่วนใหญ่ มีทั้งคนเอเชียและชาวยุโรป แต่ละคนล้วนมีใบหน้าแปะตามหนังสือพิมพ์หรือขึ้นจอโทรทัศน์กันมาแล้วทั้งนั้น ข้างกายของพวกเขาล้วนมีผู้ติดตาม ไม่ใช่เลขาคนสนิทก็บอดีการ์ด หรือไม่ก็ลูกชายลูกสาวที่วัยไม่ต่างจากโกคุเดระกับยามาโมโตะมากนัก แต่ละคนมีบรรยากาศที่ต่างออกไปจากสตีเฟนโดยสิ้นเชิง แต่โดยเฉลี่ยๆแล้วให้สรุปก็คือไม่สบอารมณ์


โดยเฉพาะสายตาของแต่ละคนที่มองมาทางเขาสองคน แหม...น่ากดดันจนขนลุกซู่ ก็สมควรอยู่หรอก เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทองของพวกเขาจะถูกผลาญไปเล่นๆเกือบสิบห้านาที ด้วยคำนัดของเด็กหนุ่มวัยเพียงสิบเก้าปี แถมยังไม่ได้นัดเอง ฝากให้เลขาคนสนิทเป็นคนจัดการอีกต่างหาก...แต่จำนวนคนที่ไม่ขาดไปแม้แต่คนเดียวไม่เว้นแม้แต่เจ้าของการประมูลแบบนี้ ก็นับว่าเครือโกคุเดระยังเป็นเครือธุรกิจขึ้นหิ้งในสายตาพวกเขาอยู่เหมือนเดิม


“ขอโทษทุกท่านที่ให้รอ” ร่างบอบบางโค้งน้อยๆตามมารยาทแล้วคลี่ยิ้มบางด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะหันไปทางบุรุษผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวหัวโต๊ะ ฝ่ามือเรียวบางยื่นออกไปแล้วเอ่ยทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศส  “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานนี้ครับ คุณเดเมียน เลอรอยด์


เจ้าของชื่อแย้มยิ้มแล้วลุกยืนขึ้น อายุของเขาน่าจะอ่อนกว่าตาแก่สตีเฟนอยู่ประมาณห้าหกปี มีผมสั้นสีบลอนด์ทองแซมน้ำตาล ดวงตาสีเทาจาง จมูกโด่งสูง หนวดเครารอบริมฝีปากถูกโกนจนสะอาดสะอ้าน โดยรวมแล้วภายนอกนับว่าเป็นชายวัยกลางคนที่ท่าทางดูใจดี บรรยากาศรอบตัวอบอุ่นสมกับเป็นสุภาพบุรุษโรแมนติกเชื้อสายฝรั่งเศสเต็มเปี่ยม แล้วขนาดเขายังเด็กกว่าตาแก่เจ้าเล่ห์นั่นขนาดนี้ เขายังติดกระดุมเรียบร้อยจนถึงคอ แล้วผูกด้วยเนกไทสีสุภาพ ไม่น่าใช่พวกรักสนุกแต่ไม่เจียมสังขารแน่นอน


“ทางผมสิที่เป็นเกียรติ คุณโกคุเดระ คุณยามาโมโตะ” ฝ่ามือย่นของชายสูงวัยกว่ายื่นมาจับตอบแล้วเขย่าเบาๆ ก่อนจะหันไปจับมือทักทายกับเด็กหนุ่มร่างสูงผมสีดำอีกคน แล้วว่าต่อเป็นภาษาอังกฤษด้วยความไม่ถือสา “หวังว่าเบธิลด์ ทาวเวอร์จะได้รับความกรุณาจากคุณทั้งสองคน”


ท่าทางนอบน้อมเกรงอกเกรงใจของเดเมียนโดยไม่แยแสว่าเด็กหนุ่มสองคนมีอายุคราวลูกหลานทำให้นักธุรกิจที่นั่งอยู่บนโซฟายิ่งตาลุกวาว รังสีอำมหิตของพ่อค้ายามเจอคู่แข่งแกร่งๆยิ่งทวีความเด่นชัด พวกเขารู้อยู่แล้วว่ามาที่นี่ก็ต้องมาประมือกับซีอีโอหนุ่มเจ้าของกิจการ The Best แต่ก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้นี่เองว่าต้องรับมือกับท่านประธานแห่งสายการบินโกคุเดระแอร์ไลน์ที่เลื่องลือด้วย 


พวกเขาไม่ได้อยากคิดที่จะต้องมาแพ้เด็ก แต่ถ้าไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้คงจะไม่รู้สึก เพียงแค่เด็กสองคนนี้โผล่เข้ามาในเลาจ์ แต่เดิมที่พวกเขาเป็นพญามังกร เหมือนจะได้กลายร่างเป็นไส้เดือนซะเดี๋ยวนั้น


ยามาโมโตะและโกคุเดระนั่งลงกับโซฟาตัวที่ว่างโดยมีเลขาคนสนิทประกบหลัง ดวงตาสีมรกตคมกริบชวนร้อนๆหนาวๆกวาดมองเหล่าผู้ร่วมวงการทุกคน แล้วริมฝีปากบางก็ขยับยิ้มอย่างเป็นมิตรและสุภาพ


“เพื่อเป็นการไถ่โทษ ทาง The Best มีของขวัญเล็กๆน้อย...หวังว่าทุกท่านจะชอบ” กล่องไม้หรูสีดำสนิทจำนวนครบคนในที่ประชุมวางตรงหน้าแขกทุกคนโดยเฟร็ดดอริกที่หก ข้างในคือผ้าเช็ดหน้าสีกรมท่าผืนหนาเนื้อดี ปักไหมสีทองเป็นอักษรตัวเขียนภาษาอังกฤษเล็กๆว่า The Best ที่ชายผ้า และถูกพับอย่างวิจิตรบรรจงเป็นรูปร่างของดอกคริสแซนติมั่ม หรือดอกเบญจมาศ ดอกไม้มงคลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น


“นึกไม่ถึงนะ ว่าทางThe Best จะออกเงินซื้อของไถ่โทษแทนเครือโกคุเดระด้วย” เสียงแหบห้าวของบุรุษอาวุโสที่นั่งควงแก้วไวน์อยู่ริมหน้าต่างเอ่ยขึ้น ในมือย่นพลิกกล่องไปมาแล้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางเด็กหนุ่มสองคน “ได้ข่าวว่าพวกเธอถอนหุ้นกันแล้วไม่ใช่?


เป็นการกัดอย่าง เสือที่เจ็บแสบพอควรทำให้ร่างบางกระตุกยิ้ม ตาแก่นั่นอยู่กับมาเฟียมากไปจริงๆ ทักทายกันคำแรกเล่นเอาบรรยากาศที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งร้อนอ้าวไปใหญ่


“แหม...พวกผมสองคนไม่ได้ถอนหุ้นเพราะเกลียดขี้หน้ากันนี่ครับคุณแมคคาร์ที เผอิญว่ามาสายกันทั้งคู่เลยต้องสมัครสมานสามัคคีกันหน่อย มีอะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป...อย่างน้อยๆก็จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาคนเดียว”


คำตอบสบายๆมาจากเด็กหนุ่มร่างสูงผมสีดำสนิทพร้อมกับท่าทางการนั่งไขว่ห้างและเอามือกอดอก แผ่นหลังแกร่งพิงกับกับโซฟายิ่งทำให้ร่างสูงดูผ่อนคลายทว่าสง่าผ่าเผย แต่สายตาของยามาโมโตะไม่ได้สบายเหมือนน้ำเสียงและกริยา มันแฝงไปทั้งความท้าทายและเด็ดขาดราวกับจะฉีกเป้าหมายให้แหลกสลายเป็นชิ้นๆ  วินาทีนั้น เหล่าคุณหนูบรรดาลูกสาวนักธุรกิจโดนเด็ดหัวใจกันครบทุกคน (อาจจะรวมลูกชายบางคนเสียด้วยซ้ำ) พวกเจ้าหล่อนใบหน้าร้อนผ่าว บางคนรีบก้มหน้างุดหลบสายตาที่มีเสน่ห์ร้ายกาจ แต่กับบางคนนั่งมองตาค้าง อยู่ในโลกแห่งจินตนาการเพ้อฝันไปแล้วเรียบร้อย


โกคุเดระเห็นภาพประหลาดๆแล้วไม่รู้จะปั้นสีหน้ายังไง จะหมั่นไส้เจ้าคนหล่อข้างๆที่หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือจะฟินตามพวกหล่อนไปดีไหมว่าอย่างน้อยก็คุ้มค่าเครื่องบินที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลตามบุพการีกันมาถึงนี่


“สรุปแล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเรา คุณโกคุเดระ” คำถามจากหนึ่งผู้ร่วมการประมูลเรียกให้ร่างบางหันไปหาพร้อมๆกับสายตาทั้งหมดที่จับจ้องมาที่เขา โกคุเดระผ่อนลมหายใจนิดแล้วตอบอย่างตรงไปตรงมา


“ผมมีข้อเสนอที่จะเลื่อนงานประมูลในวันพรุ่งนี้ออกไปเป็นวันมะรืน แล้วเปลี่ยนงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นพรุ่งนี้แทน” ข้อเสนอจากเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าแต่ผลงานกลับโชกโชนไม่สมตัวทำให้ดวงตาทุกคู่เบิกกว้าง ความเงียบปกคลุมห้องนัดพบอย่างน่าขนลุก แต่คนพูดก็ยังไม่เอ่ยอะไรอีก ซ้ำยังทำหน้าเรียบเฉยราวกับจะบอกว่าที่พูดไปมันเป็นความจริงทุกประการ


“บ้า!!” คำบริภาษดังมาจากอีกฝั่งโต๊ะทันที เมื่อหันไปมอง โกคุเดระก็จำได้ว่าเขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในจีน ดวงตาเรียวเล็กของเขาลุกโพลงอย่างน่าขันบ่งบอกว่าที่ได้ยินเมื่อกี้มันเป็นเรื่องงี่เง่า “เธอมีสิทธิ์อะไรมาเปลี่ยนแปลงกำหนดการประมูล อยู่ๆจะมาให้เลื่อนงานออกไปเนี่ยนะ!! คิดอะไรอยู่ไม่ทราบ!!!


“สิ่งที่ผมคิดก็คือถ้าเป็นผม ผมจะไม่พูดเหมือนคุณ คุณเหลียน” ร่างบางโต้กลับทันทีด้วยความเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าดังลั่นห้องกว้างๆ และไม่แยแสกับสายตาของคนที่เหลือที่แม้จะไม่ได้พรวดพราดทะลุกลางปล้องเหมือนพ่อค้าจากจีน แต่ก็มีแววตำหนิหรือประณามอยู่เต็ม “ผมว่าผมบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วนะ ว่าเป็นข้อเสนอ ไม่ได้บ่งชัดว่าต้องเปลี่ยน...ถ้าคุณเข้าใจคำพูดของผมจริงๆ คุณจะไม่ด่าผมออกมาแบบนั้น”


เหล่าคนถูกกัดทั้งทางตรงทางอ้อมถึงกับสะอึก ใบหน้าแดงก่ำ ควันออกหู หางคิ้วเต้นริกๆ แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างแน่ ชายแก่หัวเราะออกมาเบาๆท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด บรรจงจิบไวน์รสเยี่ยมในมือแล้วเอ่ยถาม


“แล้วถ้าเธอเป็นพวกฉัน ได้ยินคนมาเสนออะไรแบบนี้ใส่ เธอพูดว่ายังไง”


“ผมก็จะถามว่าทำไม”


“งั้นก็ทำไม?” ชายแก่ถามต่ออย่างว่าง่าย


“อย่างแรกเลย ผมคิดว่าผมเสียเปรียบ” คนฟังพากันเลิกคิ้ว แต่ร่างบางกลับไหวไหล่ “แม้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาเป็นเหตุผล แต่ผมก็เสียเปรียบจริงๆ ผมเพิ่งมาถึงเจนีวาเมื่อสายๆ ทั้งๆที่หลายท่านมาถึงกันตั้งแต่สองสามวันก่อน หรือนานกว่านั้นด้วยซ้ำ ผมว่าผมมีเวลาทำความรู้จักกับทุกท่านน้อยเกินไป เลยอยากจะขอเวลา”


คำของ่ายๆที่ทุกคนไม่คิดว่ามันจะหลุดออกจากปากของซีอีโอหนุ่มวัยสิบเก้าปีที่วุฒิการศึกษาสูงกว่าใครในที่นี้ มันทั้งน่าขำทั้งน่าระแวง ขนาดตัวคนพูดเองยังรู้สึกเลยว่านั่นเป็นเหตุผลที่ฟังงี่เง่าที่สุดที่เขาเคยพูดมา เยี่ยม! ดูสายตาที่จ้องมาทางเขาสิ มันไม่มีแววติเตียนอยู่แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นสมเพชแกมระอามากกว่า แถมยังมีคนแค่นหัวเราะใส่ด้วยแน่ะ


“เธอยังเด็กกับวงการนี้เกินไปจริงๆ คุณหนูโกคุเดระ...” นักธุรกิจจากรัสเซียส่ายหัว แววตาของเขาผิดหวังเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก “ฉันว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบตัวเองนะ”


“ใช่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย”


“ยังไงก็ยอมรับไม่ได้ ใครทำตามต้องโง่มากแน่ๆ”


“เลิกคิดไปซะ!


ดังตามมาติดๆจากฮังการี เยอรมัน และปิดท้ายด้วยจีนที่ดูจะกระฟัดกระเฟียดมากกว่าใคร แต่แววตาของประธานแห่งโกคุเดระแอร์ไลน์กลับจริงจังยิ่งกว่าเก่าซ้ำยังเจือไปด้วยไอเย็นเยือกราวกับจะหยุดทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้พอลงแต่เพียงเท่านั้น ใบหน้าสวยรูปไข่เฉยชา แม้มุมปากจะยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ


“แต่ผมว่ามันไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย แค่สลับวันงานเลี้ยงกับวันทำงานเท่านั้นเอง และเหตุผลอย่างที่สอง...ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะได้ผลประโยชน์ มันเป็นการเปิดโอกาสให้กับทุกท่านต่างหาก พวกเราในที่นี้ก็ทำธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน มันน่าจะดีไม่น้อยที่จะมีเวลาอีกสักวันในการพูดคุยแลกเปลี่ยนและพบปะสังสรรค์ และเหตุผลข้อสุดท้ายผมว่ามันก็ชัดเจนอยู่แล้ว...นั่นคือผลของการพูดคุย” ร่างบางเว้นวรรคไปท่ามกลางความเงียบสนิทที่โรยตัวบางเบาเหนือโต๊ะไม้เคลือบ ดวงตาคมกริบสีมรกตกวาดมองอากัปกริยาของคู่แข่งทุกรายช้าๆทว่าเน้นย้ำ แล้วเอ่ยต่ออย่างไม่ให้เสียจังหวะจะโคน


“หลายท่านอาจเถียงผมในใจว่าแค่เพิ่มมาคืนเดียว มันก็คงจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ...นั่นก็จริงในบางมุมมอง...” ริมฝีปากบางเม้มสนิทแล้วแสร้งพยักหน้าน้อยๆราวกับจะไม่ยี่หระ แต่ประโยคสำทับต่อมากลับขโมยลมหายใจของเหล่าพ่อค้าหน้าเงินทั้งห้อง


“จะแตกต่างเพียงก็แต่...งานเลี้ยงในคืนวันพรุ่งนี้มีประธานของเครือยามาโมโตะกับเครือโกคุเดระร่วมงานเลี้ยงด้วย...นี่คือทั้งหมดที่ผมจะเสนอ แต่ถ้าหากท่านใดไม่เห็นด้วย...ผมก็ต้องขอโทษ”


ประโยคเดียวที่เปลี่ยนทุกอารมณ์ ประโยคเดียวที่ปรับทุกทัศนคติ ประโยคเดียวที่เปลี่ยนสายตาของทุกคนให้กลายเป็นประกายวาววับราวกับยินดีได้อย่างเหลือเชื่อ ทุกคนจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มผมสีเงินยวงที่ยามนี้ดูราวกับผู้คุมเกม ทันทีที่จ้องเข้าไปในดวงตาฉาบแววมุ่งมั่นและเด็ดขาดนั้นทำเอาคนมองขนลุกซู่ มือสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ สิ่งที่ก้องอยู่ในหัวคือคำพูดของเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีตรงหน้าที่ทั้งแน่วแน่และจริงจัง


เครือยามาโมโตะกับเครือโกคุเดระที่ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนของกันและกันและไม่เคยไว้วางใจใครอื่นให้มาถือหุ้นด้วย แต่ตอนนี้เมื่อตีความหมายสิ่งที่เด็กหนุ่มร่างบางเอ่ยมา ประตูเหล็กกล้าที่ไม่เคยเปิด ยามนี้ไม่ได้ให้โอกาสเพียงแค่เบธิลด์ ทาวเวอร์เท่านั้น แต่อาจรวมถึงทุกบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ แล้วกับกิจการ The Best และสายการบินโกคุเดระแอร์ไลน์ ตลอดจนการจัดการเอเจนซี่ทัวร์อันดับหนึ่งของเอเชียที่มีรายได้และกำไรมหาศาล...จะทิ้งหรือจะรับโอกาสที่เด็กหนุ่มตรงหน้ายื่นให้...คำตอบมันก็รู้กันอยู่แล้ว


“เหตุผลดี...” เสียงแหบห้าวที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยชม ดวงตาสีฟ้าอ่านยากราวมหาสมุทรลึกของสตีเฟนฉาบไปด้วยแววชมเชยนิดๆแต่ก็ยังคงมากเล่ห์อย่างเก่า และเท่าที่โกคุเดระสังเกต หากไม่นับยามาโมโตะ ตาเสือเฒ่านี่เป็นคนเดียวที่ไม่แสดงกริยาใดๆกับคำพูดของเขา และไม่เคยเต้นไปตามเกมของเขาง่ายๆ ชายชรามักจะนั่งเงียบ พิจารณา ไตร่ตรอง รับฟังทุกเรื่องแต่ไม่ได้ใส่ใจกับทุกเรื่อง และไม่เคยมองอะไรเพียงผิวเผิน  บุคลิกของคนที่โกคุเดระรับมือยากที่สุด


“ขอบคุณครับ และผมจะดีใจมากหากได้คุยกับคุณ” ร่างบางตอบกลับอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่นั่งส่วนตัวของสตีเฟนอย่างไม่เกรงกลัวรังสีทะมึนของชายชุดดำที่พร้อมจะล้วงปืนมายิงหัวเขาทิ้งถ้าเฉียดเข้าไปใกล้เจ้านายของตน มือบางคว้าไปที่ขวดไวน์ข้างกายชายแก่ แล้วขยับยิ้มที่มุมปาก


Oremus Tokaji Furmint Mandolas 2011 ไวน์ตระกูล Oremus Tokaji ของดีจากฮังการี” เสียงหวานเอ่ยเนิบนาบพร้อมกับสายตาเฉียบคมอ่านยากปรายมองไปทางพ่อค้าจากฮังการีที่นั่งอยู่บนโซฟาจนคนถูกมองต้องหลบสายตาวูบ ร่างบางหัวเราะน้อยๆก่อนจะหันกลับมาหาชายแก่อย่างเก่า แล้วกระซิบแผ่วเบา


“ถ้าคุณได้คุยกับผมคุณอาจจะได้มากกว่าไวน์นี่ก็ได้ คุณแมคคาร์ที...”


“หึหึหึ งั้นก็น่าจะดีกว่านี้จริงๆ...เพราะมันบ่มมาถึงสี่ปี” ชายแก่หัวเราะอารมณ์ดี แวบหนึ่งที่โกคุเดระสังเกตว่าดวงตาสีฟ้าลึกลับลุกโชติช่วงยามที่คนตรงหน้าเอ่ยเน้นถึงจำนวนปี หากแต่ดวงตาสีมรกตคู่สวยกลับสบเขาไม่หลบ ร่างบางยิ้มรับก่อนจะพยักหน้า


“....ก็ถ้าคุณต้องการ” เจ้าของแมคคาร์ทีคอปเปอร์เรชั่นหรี่ตาลงทันทีที่ฟังคำตอบรับแปลกประหลาด ดวงหน้าของเด็กหนุ่มถูกซ้อนทับด้วยท่านประธานแห่งเครือโกคุเดระคนก่อนที่เมื่อสี่ปีที่แล้วมาเจรจากับเขา ความรู้สึกตอนนั้นเขาไม่มีวันลืม คนตรงหน้าไม่ใช่แค่คนที่อายุน้อยกว่าแต่วางวุฒิภาวะอย่างเหมาะสม พูดทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาและวางกับดักหอมหวานเอาไว้ให้ใครต่อใครต้องตกหลุมพราง ต้องบอกว่าถอดแบบกันมาไม่มีผิด...มันมีไม่กี่คนจริงๆ...ที่จะทำให้เขารู้สึกสนุกกับธุรกิจได้ขนาดนี้


“สรุปเรื่องที่โกคุเดระเสนอมา จะผ่านหรือไม่ผ่านอยู่ที่คุณจะตัดสินใจครับ คุณเลอรอยด์” เสียงนุ่มทุ้มจากเด็กหนุ่มร่างสูงเรียกสายตาคนทั้งห้องให้จับจ้องเจ้าของเบธิลด์ ทาวเวอร์ ชายผู้สูงวัยพยักหน้านิ่งๆเป็นเชิงเข้าใจแล้วมองเด็กหนุ่มกลับแล้วถาม


“คุณยามาโมโตะ คุณเป็นผู้ที่ถือว่าเท่าเทียมกับคุณโกคุเดระทุกประการ คุณมีความเห็นอย่างไร”


“ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ เด็กหนุ่มร่างสูงว่ายิ้มๆ ท่าทางสบายๆของเขาช่วยขับบรรยากาศตึงเครียดของห้องประชุมให้หายไปทันตา “ไม่ใช่ว่าผมเข้าข้างเขาเพราะเคยเป็นหุ้นส่วนกันหรอกนะ ผมสนใจเพียงแค่ผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น และเท่าที่ฟังเขาพูด ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ”


สิ้นคำของเด็กหนุ่ม ท่าทางอาการลุ้นจนตัวโก่งของเหล่าผู้เข้าร่วมประมูลถึงได้ผ่อนคลายลง ทุกคนต่างลอบถอนหายใจเงียบๆแต่ก็สังเกตกันได้ชัด พอเห็นอย่างนี้แล้วมันทำให้ยามาโมโตะอดชมร่างบางที่ยืนอยู่นั่นไม่ได้ วาทศิลป์ของหมอนั่นยังดีไม่มีตก เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้คนเชื่อและสนับสนุนเขาได้ เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร เปลี่ยนคำก่นด่าให้กลายเป็นชื่นชม เปลี่ยนสมบัติของคนอื่นให้กลายเป็นกำลังของตัวเอง...หมอนั่นทำได้ทุกอย่าง...


ใช่...ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการอย่างสวยงาม...





ย้อนไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน ที่ร้านกาแฟ


“แต่เป็นข้อเสนอของคนที่จนตรอกกว่า...อย่างฉัน” ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องคู่สนทนาอย่างนิ่งเรียบทว่าไม่กดดันใดๆ เอกสารในซองสีน้ำตาลวางลงกับโต๊ะอย่างเก่าแล้วยื่นไปข้างหน้า “นายยังไม่ต้องรู้หรอกว่าในซองนี้มันคืออะไร รู้ไว้แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันไม่คิดจะมอบให้นายเลยจริงๆ แต่ถ้าเรื่องออกมาเป็นแบบนี้...ก็คงช่วยไม่ได้”


“หมายความว่าฉันยังไม่ควรเปิด?


“ใช่...เดี๋ยวสถานการณ์มันจะบังคับให้นายเปิดเอง...” ร่างบางเม้มริมฝีปากนิด สีหน้าลำบากใจหายไปเพียงเสี้ยงนาทีแล้วกลับไปเรียบเฉยอย่างเก่า “อย่างแรกฉันต้องการเลื่อนงานประมูล อย่างน้อยก็หนึ่งวัน”


“หืม?” คนฟังเลิกคิ้ว มือแกร่งวางแก้วกาแฟลงแล้วพิงแผ่นหลังกับโซฟาอย่างครุ่นคิด สงสัยแต่ก็ไม่ปฏิเสธ “ไม่ฉุกละหุกไปหน่อยเหรอ พวกแขกคนอื่นไม่ยอมกันแน่”


“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันมีวิธีทำให้พวกเขายอมรับได้ก็แล้วกัน” ร่างบางตัดบทอย่างหงุดหงิดเมื่อมีคนมาขัดจังหวะ เมื่อเห็นร่างสูงพยักหน้ารับถึงได้พูดต่อ “ฉันจะให้ลอร์ดคริสโตเฟอร์เป็นคนเรียกให้พวกเขาทั้งหมดไปรวมตัวกันที่เลาจ์เอง ส่วนนายก็บอกเฟร็ดดอริกของนายซะว่าให้เตรียมของขวัญตามจำนวนแขกเอาไว้ด้วย...เอาอะไรก็ได้”


“ได้...ทำอย่างนี้คงจะเอาไปขอโทษหากพวกเราไปสาย มันจะทำให้พวกแขกอารมณ์บูดน้อยลง แล้วนายจะได้ชักจูงพวกเขาได้ง่ายขึ้น” ใบหน้าคมคายก้มลงกับจอโทรศัพท์แล้วพิมพ์คำสั่งส่งไปหาเลขาส่วนตัวทันที นับว่าเป็นความโชคดีที่เขาก้มหน้าอยู่ ไม่งั้นจะได้เห็นจะๆตาว่าใบหน้าสวยของคนตรงข้ามแสดงความหมั่นไส้ที่เขารู้ทันมากแค่ไหน แต่ก็นับว่าโชคดีที่เป็นพวกเข้าใจเร็ว จะได้ไม่ต้องแจงสี่เบี้ยให้ฟัง


“นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างภาพติดตาให้สตีเฟนเห็น...ว่านายกับฉันถึงเราจะขาดกันแต่ก็เป็นมิตรกันอยู่” โกคุเดระเสริม แต่คราวนี้ทำให้คนฟังเงยหน้าขึ้นมาได้ชะงัก หัวคิ้วที่ขมวดหากันน้อยๆบ่งชัดว่าเขาไม่เข้าใจ แต่ประธานแห่งเครือโกคุเดระกลับให้เหตุผลสั้นๆว่า “มันเชื่อมโยงกับแผน”


“โอเค...แล้วยังไงต่อ”


“การที่ฉันจะเลื่อนประมูลได้หรือไม่ได้นั้น มันขึ้นอยู่กับเจ้าของเบธิลด์ ทาวเวอร์ แต่ถ้าฉันทำให้พวกแขกคนอื่นๆไร้ข้อกังขาและเห็นด้วยกับฉันแล้ว มันก็เหลือคนเดียวที่เขาจะถามความเห็น นั่นก็คือนาย เพราะนายเป็นคนเดียวที่มาถึงเจนีวาพร้อมฉัน ขึ้นเครื่องไฟลท์เดียวกัน นั่งรถของโรงแรมคันเดียวกัน และตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าเราไปถึงโรงแรมพร้อมกันอีก มันจะถือว่าฉันกับนาย ใช้เวลาในสถานที่ประมูลเท่ากันทุกประการ นั่นหมายความว่านายมีทุนในเรื่องเวลาเท่ากันฉัน...การรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่ายคือกฎของการประมูล...เขาต้องถามนายแน่นอนว่าเห็นด้วยหรือเปล่า แล้วถ้านายตอบว่าเห็นด้วย....”


“เขาอนุญาตแน่...”
                                                                                       



“ถ้าเช่นนั้นผมยอมรับเรื่องที่คุณโกคุเดระเสนอมา การประมูลจะมีขึ้นในวันมะรืน และวันนี้หกโมงตรงขอเชิญทุกท่านร่วมโต๊ะอาหาร ที่ห้องอาหาร The Grill และรับฟังกติกาการประมูลครับ ส่วนเวลาจากนี้เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย” จบคำสรุปของดาเมียนที่ยามาโมโตะคาดการณ์ไว้แล้ว ร่างบอบบางของประธานสายการบินก็เดินตรงไปหาเลขาคนสนิทที่จับเสื้อโค้ตเตรียมสวมให้อย่างรู้งานแล้วเดินออกจากเลาจ์ไปพร้อมกับแขกคนอื่นๆทันที โดยทิ้งให้ห้องรับรองกว้างเหลือเพียงแค่เจ้าของบริษัทจัดหาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่


ชายสูงวัยหยิบกล่องไม้สีดำมะเมื่อมแล้วพิจารณาของขวัญไถ่โทษจากเด็กหนุ่มอีกครั้ง นึกชมทาง The Best ที่ออกแบบรูปร่างของสินค้าได้เหมาะสมกับความเป็นบ้านเกิดได้ขนาดนี้...ดอกคริสแซนติมั่ม...


หากเขาจำไม่ผิด ดอกไม้นี้มีความหมายถึงชื่อเสียง เกียรติยศและความน่าเกรงขาม ทั้งยังเคยใช้เป็นตราตัวแทนของจักรพรรดิและราชนิกูลแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัยในอดีต แต่อีกความหมายหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ชายแก่คลี่ยิ้มออกมา ดวงตาลึกล้ำมีประกายระริกสนุกสนาน คิดผนวกกับนิสัยที่ไม่น่าใช่คนหัวโบราณอย่างท่านประธานโกคุเดระด้วยแล้ว มันก็ยิ่งใช่...


ใช้มอบยามเมื่อเจอกับผู้อาวุโสที่ไม่ได้เจอกันมานาน พร้อมกับคำอวยพรสั้นๆว่า โชคดี


หึ...แต่พอคิดถึงหน้าของเธอแล้ว มันดูไม่ใช่คำอวยพรเลยสิ...คุณหนูโกคุเดระ








“เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ!!! พูดใหม่อีกทีซิ ลอร์ดคริสโตเฟอร์!!!!เสียงโวยลั่นของท่านประธานสายการบินวัยสิบเก้าปีดังสะเทือนไปทั่วทั้งชั้นอย่างไม่เกรงใจแขกเหรื่อที่อยู่ในห้องพักที่เรียงกันเป็นตับข้างหลังเขา ดวงตาสีเขียวมรกตคู่งามจ้องเขม็งไปที่เลขาส่วนตัวที่ร้อยวันพันปีไม่เคยทำงานพลาด แต่คราวนี้โกคุเดระอยากให้เรื่องที่ได้ยินเมื่อกี้นี้เป็นแค่เรื่องโกหก


“ลูกน้องนายบอกว่า ตอนนี้ห้องพักเหลือเพียงห้องเดียวเป็นห้องสุพีเรียร์เตียงใหญ่ ฉันกับนายเลยต้องนอนด้วยกัน” แต่เสียงตอบกลับดังมาจากร่างสูงหน้าหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ แถมยังยักคิ้วกวนประสาททำให้เขาต้องถลึงตากลับไปให้ ตาคมเข้มมีประกายวิบวับอย่างกับเด็กได้ขนมจนเขาอยากจิ้มให้มันบอดๆไปซะ ความรู้สึกที่ความซวยไล่เลียแผ่นหลังมันเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่ถ้าหญิงสาวทั่วโลกรู้เขาจะไม่หนีตายหัวซุกหัวซุนรึ อย่าว่าแต่ทั่วโลกเลย อย่าให้แม่พวกที่อยู่ในห้องรับรองเมื่อกี้มาเห็นเถอะ


แล้วมันมีแต่ความรู้สึกแปลกๆ จะให้อธิบายยังไง ชาบริเวณปลายมือปลายเท้า ลมหายใจติดขัด แล้วหัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับคู่แข่งนับสิบที่เลาจ์เมื่อสักครู่ แต่ให้สรุปเลยก็คือมันไม่สบายใจ มันแปลก! แปลกจนเขาไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้หมอนี่แล้วอ่ะ เข้าใจมั้ย!?


“ผมจะแจ้งท่านฮายาโตะตั้งแต่มาถึงแล้วครับ แต่ท่านบอกว่าให้เอาไว้ก่อน” คำอธิบายตามความสัตย์จริงจากเลขาทำเอาร่างบางหุบปากฉับ เออ ใช่ มันจะบอกเขาแล้วแหล่ะ แต่ตอนนั้นเขาไม่สนอะไรนอกจากทำงานตามแผน ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรพรรค์นี้


แต่นี่อาจจะเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายก็ได้ ตั้งแต่ยามาโมโตะ ทาเคชิผงาดขึ้นมาเป็นผู้บริหารของ The Best หมอนี่ก็ระวังตัวแจไม่ค่อยให้ใครเข้าใกล้ นี่อาจจะเป็นโอกาสแรกและแน่นอนว่ามันจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้ล้วงตับหมอนี่ชนิดเผาขน แถมตอนนี้ยังมีเรื่องแผนการมาติดพันอีกต่างหาก...อืม...ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่เลว...มั้ง


โกคุเดระเม้มริมฝีปากแน่นและเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้ตามนิสัยเวลาที่คิดอะไรไม่ออก แต่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม แค่นอนด้วยกันเอง เป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย ไม่ใช่หนุ่มสาวที่พากันหนีผู้ร้ายหรือหลบฝนแล้วโรงแรมดันเป็นใจเหลือห้องเดียวเหมือนในละคร


ชิ! ช่วยไม่ได้...


“แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ ขนของเข้ามาเลย” เมื่อได้ยินคำตัดสินพร้อมสั่ง ลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็โค้งรับก่อนจะเปิดประตูห้องให้ผู้เป็นนายทั้งสองคนเดินเข้าไป แล้วถือสัมภาระตามเข้าไปติดๆพร้อมกับเฟร็ดดอริก ดวงตาสองคู่ของเลขาในตำนานเหลือบมองกันเพียงเสี้ยววินาที แต่ถ้าจะให้สื่อตามภาษาสายตาของคนพันธุ์เดียวกัน ทางฝั่งยามาโมโตะคงจะบอกประมาณว่า เจ้านายเอ็งน่ะแปลกส่วนทางโกคุเดระคงจะสวนกลับไปว่า ก็ของเอ็งมันประหลาดก่อน!’


แต่.../แต่...


ก็คงจะไปด้วยกันได้...ล่ะมั้ง!/ก็คงจะไปด้วยกันได้...ล่ะมั้ง!’








“เขตนายอยู่นั่น! เขตฉันอยู่นี่! ไม่อยากตายก็ห้ามข้ามมา เข้าใจ!?


“ทำไมอ่ะ?


“ถามว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ไม่ใช่ให้ถามกลับว่าทำไม”


“งั้นก็ไม่เข้าใจ”


โว้ยยยยยยยยยยย!!!!


โกคุเดระ ฮายาโตะกำลังเจอเรื่องยุ่งยากถึงขึ้นทึ้งหัวตัวเอง แล้วอยากเอาหน้ากดหมอนให้ขาดอากาศหายใจตายไปซะแทนที่จะเงยขึ้นมาแล้วเห็นหน้าหล่อๆของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูทั้งซื่อทั้งเอ๋อจนน่าบ้องกะโหลก ปกติยามาโมโตะ ทาเคชิไม่ใช่คนหัวช้าขนาดนี้ มันต้องเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อสิ! นี่เขาอุตส่าห์ลงทุนขอหมอนข้างกับกระดาษกาวจากพนักงานมาแล้วจัดการเอาไอ้หมอนเท่าท่อนซุงนี่มากั้นกลางเตียงเป๊ะๆ ตรงพื้นแปะเทปกาวแบ่งครึ่งห้องไม่ขาดไม่เกิน ไม่เชื่อเอาตลับเมตรมาวัดความกว้างยาวก็ได้ เอ้า!


เจตนาออกจะชัดเจนแจ่มแจ้ง ทีเรื่องแบบนี้ล่ะแกล้งโง่ขึ้นมาทันทีเลย! เขานั่งอธิบายข้ามหมอนข้างให้มันฟังมาจะยี่สิบนาทีแล้วนะโฟ่ย!!


“ฟังฉันดีๆอีกที ฉันกับนายเราเป็นคู่แข่งกัน คู่แข่งทางธุรกิจที่แทบจะไม่มีโอกาสมานอน....เอ่อ...นั่นแหล่ะ นอนเตียงเดียวกัน ฉันจำเป็นต้องทำอย่างนี้เพราะฉันมีเหตุผล”


“เหตุผลอะไร”...นี่ไม่เก็ทจริงๆใช่มั้ยครับ...ร้องไห้แป๊บ


“อย่างน้อยก็รักษาสิทธิส่วนบุคคลของฉันกับนายให้มากที่สุด” เด็กหนุ่มร่างบางอธิบายช้าๆเหมือนสอนเอบีซีเด็กอนุบาล และต้องคอยสูดลมหายใจลึกๆเป็นพักๆเพื่อไม่ให้ตบะแตกฆ่าไอ้เด็กโข่งตรงหน้าซะก่อน “เรื่องตาแก่สตีเฟนเราอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่เบธิลด์ ทาวเวอร์ นายกับฉันเราเป็นศัตรู ฉันมีแผนของฉัน นายมีแผนของนาย นายคงไม่อยากอยู่ใกล้คนที่พร้อมเชือดนายทุกเมื่อใช่หรือเปล่า ฉันก็เหมือนกัน...อีกอย่างฉันแพ้ฝุ่น...ส่วนนายเคล็ดขัดยอกง่าย ดังนั้นเราสองคนไม่มีใครสามารถลงไปนอนพื้นพรมแข็งๆได้...ทีนี้เข้าใจใช่ไหม...วิธีนี้ดีที่สุด”


“ดีตรงไหน” คอมเมนท์เสร็จสรรพ ร่างสูงสง่าก็ปรายมองของผิดปกติในห้องพักสุดหรูแล้วทำสีหน้าแหยๆเหมือนพวกมันเป็นสิ่งอัปมงคล ก่อนที่ดวงตาคู่คมที่มีเสน่ห์ร้ายกาจนั่นจะมองตรงมาที่เขา มือแกร่งวางลงบนหมอนข้างแล้วโน้มตัวจนเกือบชิดอีกฝ่ายจนคนถูกมองหัวใจหล่นวูบ ก้มหน้าต่ำแล้วหลับตาปี๋ตามสัญชาตญาณหากแต่ยังคงสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่คลอเคลียบริเวณหน้าผาก มันถึงเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าตอนนี้หมอนั่นอยู่ใกล้เขามากแค่ไหน


“อะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันไม่อยากอยู่ใกล้นาย” เสียงนุ่มทุ้มของเขากระซิบแผ่วเบาแต่เจือไปด้วยอาการตัดพ้อชัดเจน “ฉันเคยบอกหรอ?...เคยแสดงออกอย่างนั้นหรือไง?...แล้วถ้านายยังตอบกลับมาว่า ใช่ฉันเถียงนายขาดใจแน่ เพราะฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยทำ”


“....”


“สำหรับนาย...ฉันไม่รู้หรอก และไม่คิดจะสนใจด้วย...แต่สำหรับฉัน การได้ใช้เวลาอยู่ใกล้นายให้นานที่สุดคือสิ่งที่ฉันอยากทำ...เพราะงั้นวิธีของนายที่ทำให้เราเข้าใกล้กันไม่ได้...มันจะไปดีได้ยังไง”


“แย่...สำหรับฉัน”


อยู่ดีๆหัวใจของท่านประธานโกคุเดระก็ทวีจังหวะจนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วมันยิ่งชัดเจนจนเจ้าของได้ยินเมื่อภาพในความฝันบนเครื่องบินเมื่อเช้าเกิดซ้อนทับภาพความจริงที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา เขาจำได้ว่าตอนนั้นหมอนี่ก็ใช้น้ำเสียงแบบนี้ แสดงสีหน้าแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงไม่รู้และไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร...เพื่ออะไร การที่คนๆหนึ่งอยู่ใกล้ใครอีกคนมันเป็นเพราะอะไร แล้วทำไมต้องทำหน้าจริงจังแบบนั้น


เหมือนกับเขาถูกตรึง...ให้มองหน้าอีกฝ่ายตลอดเวลา...


ให้อยู่ในสายตา...ตลอดเวลา...


“แต่ไม่เป็นไร นายมีปัญญาแบ่ง ฉันก็มีปัญญาข้าม นายบอกเองว่าเราเป็นคู่แข่งกัน ฉันก็ไม่คิดจะขอร้องนายดีๆอยู่แล้ว จากนี้ไปก็ระวังตัวไว้ให้ดีเหอะ...” แววตาของเขาเต็มไปด้วยการคาดโทษทั้งที่มุมปากยังประดับรอยยิ้มบางๆ แถมยังยักคิ้วตบท้ายอย่างไม่สนใจคนฟังว่าอยู่ในอาการอึ้งไม่หาย...ด้าน...ด้านอ่ะจ้ะ...ใครไม่เคยเห็นคนหน้าด้านที่ดูหล่อที่สุดในปฐพีก็เข้ามาดูเถอะ ไม่รู้ว่าแต่ละคำนั่นกล้าพูดออกมาได้ยังไง...


“และตอนนี้เราควรจะอาบน้ำและลงไปทานอาหารเย็นกันได้แล้ว และขอโทษด้วยที่ต้องละเมิดอาณาเขต บังเอิญว่าห้องน้ำ มันอยู่ฝั่งนาย” นิ้วชี้แกร่งชี้ไปข้างหลังเขา ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีเล็กๆ ส่งสายตาของผู้ชนะประมาณว่า ฉันบอกแล้ว ฉันมีปัญญาข้ามแล้วพี่ท่านก็เดินไปคว้าผ้าขนหนูกับชุดคลุมอาบน้ำเตรียมตัวข้ามกระดาษกาวบนพื้นเต็มที่ ถ้าเจ้าของห้องอีกคนไม่รีบกระโดดลงจากเตียงไปยืนขวางแล้วเอามือยันหน้าอกแน่นๆนั่นไว้ซะก่อน


“อะไร?” ท่านประธานแห่ง The Best ขมวดคิ้ว “นี่นายคงไม่ใจดำถึงขั้นห้ามฉันอาบน้ำใช่มั้ย”


“เปล่า! อันนั้นมันเรื่องจำเป็น ฉันเข้าใจ” ดวงตาสีมรกตหลุบต่ำทันทีเมื่อคิดถึงประโยคต่อไป เลียริมฝีปากตัวเองอย่างคิดหนักว่าจะพูดดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นใจบอกออกไป “ที่ฉันจะบอกคือ นายควรให้ฉันอาบก่อน เพราะนายอาบน้ำช้ามาก ไม่งั้นเราลงไปประชุมไม่ทันแน่”


เหตุผลจริงจังพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูง เขาไม่ได้แปลกใจที่จะโดนโกคุเดระแย่งอาบน้ำ แต่ที่เขาสงสัยคือ คนตรงหน้ารู้ได้ยังไงว่าเขาอาบน้ำช้า เขามั่นใจนะว่าตอนที่เจอกันเด็กๆ โกคุเดระไม่เคยมายืนรอเขาอาบน้ำ แต่อันที่จริงต้องบอกว่ามันแปลกๆตั้งแต่บอกว่าเขาเคล็ดขัดยอกง่ายแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะเขาเป็นโรคเครียดหน่อยๆ มันเลยส่งผลถึงกล้ามเนื้อแถวหลังคอไล่ลงไปถึงช่วงบ่า แล้วมักจะลงหลังเอาง่ายๆถ้างานเยอะมากๆแถมพักผ่อนน้อย ยิ่งเดินทางมาเป็นสิบชั่วโมงแล้วไม่ได้งีบแบบนี้ มันเล่นงานเขาแน่


แต่โกคุเดระ...ก็รู้


ใบหน้าคมคายระบายรอยยิ้มบาง ก่อนที่จะจับเข้าที่มือบางบนอกแล้วกุมมันเอาไว้เบาๆ ส่วนมืออีกข้างค่อยๆยกขึ้นแตะข้างแก้มใสอย่างทะนุถนอมราวกับว่าถ้าสัมผัสมันแรงกว่านี้มันจะแหลกเช่นแก้วบางๆ สัมผัสอบอุ่นนั้นยังคงประทับนิ่งและเนิ่นนาน เป็นอีกครั้งที่โกคุเดระหาคำจำกัดความกับสายตาของร่างสูงไม่ได้ มันมีรอยปรารถนา เว้าวอน อดกลั้นกับอะไรบางอย่าง แต่ก็มีกระแสของความพึงพอใจ


“คราวนี้ไม่นานแน่...รอแป๊บนึง...นะ” ฝ่ามือใหญ่ลูบผ่านเสี้ยวหน้าไปอย่างเชื่องช้าแล้วก็เดินผ่านตัวเขาไป เท้าของหมอนั่นก้าวผ่านเขตที่ถูกตีแบ่งครึ่งห้อง แต่ทำไมโกคุเดระถึงรู้สึกว่ายามาโมโตะไม่ได้ก้าวข้ามเพียงแค่เทปกระดาษ หัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอกกับสัมผัสร้อนผ่าวข้างแก้มที่ไม่เคยเป็นนี่ มันเหมือนเป็นเครื่องยืนยัน


ไม่น่าใช่หรอกนะ...เขาขอให้มันไม่ใช่...


เพราะถ้ามันใช่...



นายเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกเลย รู้ตัวไหม...โกคุเดระ ฮายาโตะ


.


.


.
TBC…

มิยะขอเม้าท์

จบตอนที่สี่แล้วค่ะ โฮยยยยยยย ปาดเหงื่อ เขียนมาสี่ตอนแล้ว พูดเลยว่าตอนนี้ฟิคเรื่องนี้ติดอันดับท็อป 3 ฟิคที่รักมากที่สุด แล้วก็แต่งยากที่สุด ยิ่งแต่งไปยิ่งดูว่าหนูก๊กเราสโตรกเกอร์พอสมควร ฮ่าๆ ขอบคุณทุกกำลังใจจากพี่น้องทุกคนในเฟซ และเมื่อตอนที่แล้วขอบคุณน้องมุกมากๆ ที่มาเจิมเม้นท์จ้ะ เพื่อนตูนด้วยที่ให้โอกาสมาอ่านฟิคเค้า ดีใจจริงๆที่ชอบ  แล้วก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมค่ะ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ซึ้งใจมากแล้วสำหรับคนเปิดบล็อกใหม่ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ 

วันนี้มีภาพของโรงแรมที่ถ่ายทำฟิคเรื่องนี้มาให้ดูล่ะ อันที่จริงต้องบอกว่าพอคิดได้ว่าโลเกชั่นเป็นเจนีวา ก็หาโลดเลย และได้ Grand Hotel Kempinski Geneva มาล่ะค่ะ เป็นโรงแรมหรูห้าดาวที่มีอยู่จริงในแผนที่เจนีวาจ้ะ อยู่ริมทะเลสาบเจนีวา บรรยากาศสวยงามและโรแมนติกมากกกกกก >..<

                       
                                                           ตรงนี้จะเป็นหน้าโรงแรมค่ะ



ส่วนนี่จะเป็นที่เลาจ์บาร์




ส่วนนี่ห้องหอ เอ๊ย! ห้องพักของสองนักธุรกิจหนุ่มเรา เห็นน้ำพุชัดเจน โรแมนติกเป็นใจมวากกกกกกก

ขอบคุณภาพจาก http://www.kempinski.com/en/geneva/grand-hotel-geneva/welcome/


แหะๆๆ หมดแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ถ้ามีฉากใดเพิ่มเติมจะนำมาให้ชมอีกค่ะ แล้วก็ตอนนี้พร้อมที่จะเปิดไหต่อไป // ห๊า!! คืออยากแต่งฟิค Attack on Titan คู่รีเอมากกกกก ไหเก่ามีอยู่เต็มแต่แอบวางธีมเรื่องไว้แล้วอ่ะ (ปิดหูปิดตาต่อไป)

ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนบล็อคค่ะ เม้นท์ได้เป็นแรงใจน้า

Miya



2 ความคิดเห็น:

  1. อ๊ากกกก! พาร์ทนี้หนูก๊กมาดราชินีมากๆอะ ละลายแปปพี่มิยะ -///- สมกับที่เป็นว่าที่ภรรยา(??) ของประธานบริษัทThe bestจริงๆ ชาบู ชาบู+_+
    ยามะก็น่าหมั่นไส้มากก จะตอนไหนมาดไหนเก๊กหล่อได้ตลอด!! =[]=
    ขอสกรีมดังๆกับฉากในห้องนอนมากค่ะ ! T_T ไอตอนที่คุณเลขาพูดว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเช็คอินก็สังหรณ์ใจหน่อยๆ
    ในที่สุดก็อย่างที่คิดเลยค่ะ โมเม้นห้องเต็ม >< ขอบคุณคนที่มาเช่าห้องให้มันเหลือแค่ห้องเดียวมากๆค่ะ -.-
    ยามะก็แกล้งเอ๋อ เนียนได้อีก โดยเฉพาะประโยคนี้อะดิ

    'สำหรับนาย...ฉันไม่รู้หรอก และไม่คิดจะสนใจด้วย...แต่สำหรับฉัน การได้ใช้เวลาอยู่ใกล้นายให้นานที่สุดคือสิ่งที่ฉันอยากทำ...เพราะงั้นวิธีของนายที่ทำให้เราเข้าใกล้กันไม่ได้...มันจะไปดีได้ยังไง'

    หนูก๊ก รู้ตัวซะที ยามะเขาพูดอ่อย(เฮ้ย?!) ขนาดนี้แล้วเนี่ย -/////-

    รอตอน5ค่าาา ขอรีเควสฉากฟินเยอะๆนะพี่มิยะ *//* (ไม่ค่อยเลยนะตรู=__=)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณน้องมุกมากๆเลยค่ะ รู้เปล่า ฉากในห้องน่ะ เก๊าเขียนยากกว่าฉากในเลาจ์อีกอ่ะ // เป็นพวกอ่อนด้านโรแมนติกสินะ แต่ทำให้คนอ่านฟินได้ ก็ดีใจแล้วค่ะ

      นางเอกเรามันความรู้สึกช้า เพราะงั้นตกรุกหนักๆ กร๊ากกกกกกก // อุ๊บส์ พูดอะไรออกไปย์ =///=

      ลบ