Project : Happy
birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059
[Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง
ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก
Miyaจ้ะ *v*
SKYFALL : 02
“ยินดีที่ได้พบ
ท่านประธานโกคุเดระ ฮายาโตะ”
ดวงตาสีมรกตจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งราวกับประเมินราคาสินค้า น้ำเสียงยียวนกวนประสาทแบบนั้นยังเหมือนเดิม! แถมสายตาอวดดีก็ยังมีให้เห็นไม่เปลี่ยนแปลง ท่านประธานร่างบางก็เลยไม่รู้ว่าจะรู้สึกเป็นเกียรติดีมั้ยที่เจ้าของ The Best Imperial ผู้โด่งดังคนนี้มาต้อนรับถึงหน้าตึก
แต่เป็นเกียรติไม่เป็นเกียรติเขาไม่รู้! รู้อยู่อย่างเดียวว่ารังเกียจไอ้ออร่าที่จับวิ้งๆรอบตัวมันจัง! ก็เคยจินตนาการอยู่หรอกนะว่าโตมาจะหน้าตาเป็นยังไง พอได้มาเห็นกับตาแล้ว การที่อาเจ๊แพ้คนหน้าตาพรรค์นี้ก็พอจะสมศักดิ์ศรีขึ้นมาบ้างแหล่ะนะ
เกิดมาเป็นปัญหาหัวใจผู้หญิงจริงๆหมอนี่!
“ไม่เจอกันนานนะ เก่งขึ้นบ้างแล้วสิ?” ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นมอง “แต่มาอวดเก่งกับพี่สาวฉันแบบนี้มันไม่สวยมั้ง หาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ”
คิ้วเรียวขมวดกับสายตาที่คมบาดใจอย่างเช่นยามาโมโตะจำได้แม่นว่าคนตรงหน้ากำลังเครียด ระดับทายาทคนรองของเครือโกคุเดระแล้ว ก็คงรู้ได้ไม่ยากว่าความหมายของการปฏิเสธการดูตัวครั้งนี้หมายถึงอะไร ริมฝีปากของคนหาเรื่องใส่ตัวขยับเป็นรอยยิ้มพรายแล้วถามกลับซื่อๆ
“ฉันหาเรื่องใส่ตัวตรงไหน?”
โฮะ! ถามออกมาได้!?
“นัดผู้หญิงทั้งทีดันนัดโรงแรมตัวเอง นี่ไม่คิดจะออกนอกบ้านเลยใช่มั้ย กลัวทรัพย์สินที่มีอยู่แค่น้อยนิดจะรั่วไหลรึไง”
“ไม่ใช่หรอก...ความจริงการดูตัวที่แล้วมาสถานที่จะเป็นที่อื่น แต่นี่เพราะเป็นพี่สาวนายฉันถึงต้องรับรองให้ดีที่สุด แล้วก็เผอิญว่าคิดไม่ออกว่าจะมีที่ไหนหรูหราสมศักดิ์ศรีเท่า The Best Amari ไปได้”
ความมั่นใจที่พกมาเต็มกระเป๋านั่น
โกคุเดระรับรู้จากการตอบอย่างฉะฉานว่าต่อให้เอาโรงแรมทั้งโลกมาให้เลือก
ไอ้ตึกตะเกียบของมันก็ดีที่สุดว่าอย่างนั้นเถอะ น่าหมั่นไส้สุดจะทน!!
“แต่แล้ว...แกก็ปฏิเสธผู้หญิงที่มีสัดส่วน 36-24-34 สาวหุ่นฟ้าประทานขนาดนั้นแกเมินได้ยังไงฮะ! นี่ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่รึเปล่า! อ้อ...ใช่แน่ๆเลยไอ้คนสมองกลวงไร้สมรรถภาพ! ที่แกปฏิเสธพี่สาวฉันอย่างไม่ไยดีก็เพราะวางแผนอะไรเลวๆเอาไว้ล่ะสิ แกจ้องทำมิดีมิร้ายกับโกคุเดระอยู่ใช่มั้ย!”
ทายาทคนรองแห่งเครือโกคุเดระสวดยับ
ยามาโมโตะเลิกคิ้วฟังสองข้อกล่าวหาที่ดูท่าว่าจะเป็นเหตุเป็นผลกันเสียเหลือเกินแม้อารมณ์มันจะต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่ร่างบอบบางนั่นยังพูดออกมาได้ด้วยน้ำเสียงแว้ดๆเหมือนกันเป๊ะ แล้วนี่ถ้าเกิดพี่สาวที่ว่ารู้
คนตรงหน้าจะโดนสักกี่ฉาดฐานเอาสัดส่วนมาแฉได้อย่างหน้าตาเฉย
“เสียใจด้วยที่สัดส่วนพี่สาวนายมันไม่ตรงสเปคฉัน แต่แน่นอนว่าฉันยังเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวที่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว” น้ำเสียงนุ่มทุ้มทอดอ่อนโยนพร้อมสายตาที่มองมาบางทีอาจจะยังไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้โกคุเดระชะงัก แต่เป็นเพราะพ่อคุณไม่หยุดอยู่กับที่ ดันสาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วก้มหน้าลงกระซิบเสียงทุ้มต่ำเข้าที่ริมหู
“แถมยังเป็นคนเซ็กซี่ขาดใจ...”
“นี่!..เห้ย!!” โกคุเดระร้องลั่นพร้อมจะผลักอกอีกฝ่ายให้ถอยห่าง แต่ไม่ทัน เพราะมือแกร่งข้างหนึ่งฉวยคว้าเข้าที่ข้อมือหมับแล้วดึงร่างบางเข้าสู่ตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนแขนยาวอีกข้างตวัดรวบเอวเล็กไว้อย่างหลวมๆ การเข้าถึงเนื้อถึงตัวของผู้ชายด้วยกันครั้งแรกจะให้โกคุเดระทำยังไง ร้องกรี๊ดดีใจมันก็จะผิดคาร์แร็กเตอร์ไปมั้ง!
“ปล่อย! นี่นายอยากตายรึไง ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!”
จะให้รีบตายไปไหน
เดี๋ยวนายก็ขึ้นคานหรอก
ร่างสูงยิ้มกริ่มตอบในใจ
ก่อนจะก้มหน้าลงใกล้อีกฝ่ายที่ยิ่งเขาใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งเบนตัวออกห่างจนหัวจะทิ่มอยู่แล้ว
เสียงหัวเราะหึๆดังในลำคออย่างชอบใจแล้วแย้งข้อกล่าวหาอีกข้อ
“ฉันยังไม่ได้คิดจะทำมิดีมิร้ายกับโกคุเดระสักหน่อยนี่นา...ไม่ใช่คนไวไฟอะไรขนาดนั้น”
“ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!”
เท่านั้นทั่วใบหน้าเนียนก็ร้อนวาบ
กัดฟันกรอดถลึงตามองเจ้าคนไม่ไวไฟแต่หัวสมองคงจะมีปัญหาเรื่องการตีความ
มันถึงได้จินตนาการไปโน่น
แถมยังทำตาแป๋วซะจนน่าควักออกมาเอาไปตีแทนลูกปิงปองอีกต่างหาก!
แต่ไม่ว่าจะโกคุเดระไหนก็ตาม เขาขอนั่งยันนอนยันเลยว่าจะไม่ให้คนตรงหน้าย่ำยีแม้แต่ปลายนิ้ว!
....เอ่อ....ฟังดูแปร่งๆ
แต่ก็ช่างเหอะ...
“แค่คิดว่ามีปัญญางอกขึ้นมาหน่อยก็จะเอาชนะได้แล้วหรือไง....กลับไปยกขาหน้าก่ายหน้าผากคิดให้ดีก่อนเหอะ ฉันจะบอกอะไรนายให้ฟังว่า สำหรับเครือโกคุเดระแล้ว The Best ก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญเท่าไหร่นักหรอก ปฏิเสธซะได้ก็ดี ฉันจะได้ไปคว้าห้างหุ้นส่วนจำกัดอื่นมาแทนที่นายสักที!”
สิ้นคำใบหน้าคมของท่านประธานยามาโมโตะก็ยิ่งกวนประสาทหนักขึ้นกว่าเก่าด้วยรอยยิ้มกระตุกมุมปาก ดวงตาคมวาววับจ้องมองร่างบางที่ตอนนี้ไม่มีวี่แววจะคืนคำ แต่ก็เป็นไอ้นิสัยพูดจริงทำจริงแบบนี้นี่แหล่ะเป็นตัวการันตีถึงความพยายามเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เด็กจนโต...บางทีนี่อาจจะเป็นหลุมเสน่ห์ที่คนอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิไม่อาจปีนหนีออกไปก็เป็นได้
ยังเป็นคนที่ทำให้ฉันใจเต้นอย่างเคยเลยนะ...นายน่ะ...
“ก็ได้! ต่อจากนี้ไปธุรกิจของเราจะขาดจากกัน แล้วนายจะไปคว้าใครหน้าไหนมาช่วยก็ตามใจ ถ้าคิดว่าจะเอาชนะฉันได้ฉันก็จะไม่ห้าม...แต่มีอยู่อย่างเดียวที่ฉันจะทำให้นายได้รับรู้ว่า...”
“เครือยามาโมโตะนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับเครือโกคุเดระ...เช่นเดียวกัน ฉันก็คือคนที่ดีที่สุดสำหรับนาย...ไม่มีใครมาทดแทนได้”
เป็นคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าออกจากปากนัมเบอร์วันของผู้นำวงการธุรกิจแห่งยุคนี้ ก็เพราะอย่างนั้นโกคุเดระถึงได้นิ่งงัน หัวใจเต้นโครมๆ ในหูมีแต่คำท้าทายที่แปลกประหลาดและจริงจังที่สุดก้องเวียนอยู่ ซ้ำแรงบีบเข้าที่แขนจากอีกฝ่ายยังยืนยันสำทับว่าสามารถทำให้มันเป็นไปได้ง่ายๆ
บ้า...
ทั้งบ้าทั้งซื่อบื้อไม่เปลี่ยน
ดีที่สุดสำหรับฉันอะไรกัน...นี่ก้มมองเท้าของตัวเองบ้างหรือเปล่า?
ว่ามันยังไม่เคยเหยียบเข้าใกล้คำๆนั้นเลยสักนิด!
“ปล่อยได้แล้ว!” แขนบางบิดกระชากออกอย่างรวดเร็ว แล้วผลักอกคนตัวสูงให้ถอยห่างออกจากตัว นิ้วเรียวชี้จิกทะลุอากาศหมายทะลวงแสกหน้า พร้อมลั่นคำสั่ง
“ไอ้คนอวดดีอย่างนายฉันไม่เคยกลัวแม้ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็เถอะ ฉันจะทำให้ธุรกิจฉันไปได้ไกลออกนอกจักรวาลไปเลยโดยที่ไม่มีนาย ทางนายนั่นแหล่ะอย่าให้เห็นว่าร้องไห้ขี้มูกโป่งคลานต้อยๆกลับมาง้อฉันก็แล้วกัน!”
ใบหน้างามหยิ่งเชิดเรียกรอยกระตุกยิ้มมุมปากของคนฟัง
เสียงทุ้มแค่นหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ก็คนที่ชอบเล่นบทเสียน้ำตาน่ะมันใช่เขาที่ไหน
“เฮอะ! นายนั่นแหล่ะจะต้องร้องไห้ โกคุเดระ แต่ไม่ต้องกลัวไป...ฉันจะเตรียมอกเอาไว้ให้ซบ”
“เก็บอกสามเซ็นต์ของแกเอาไว้กอดแก้หนาวเวลาเจ๊งเถอะเว้ย!!”
โกคุเดระสวนกลับแว้ด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กึ๋นต่อกึ๋น แม้ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิจะเติบโตอย่างมั่นคงด้วยความคิดที่แพรวพราวอ่านยาก แต่เขาก็คืออัจฉริยะบุคคลที่ทันต่อทุกแผนการ ต่อให้เจ้าพ่อธุรกิจตรงหน้าจะงัดไม้ตายก้นหีบอะไรมาเขี่ยให้เขาตกบัลลังก์ ขอสาบานต่อหน้าไอ้ยามร่างยักษ์สองตัวที่มันยังยืนนิ่งไม่ไปไหนนั่นเลยว่า เขาจะเกาะอันดับท็อปให้เหนียวแน่นแล้วถีบส่งพ่อเทวดาท่าจะบ๊องนี่ตกลงไปแทน!
“หึ...ก็น่าสนุกดี เกิดมาก็ไม่เคยรู้จักคำว่าเจ๊งด้วยสิ เอางี้แล้วกัน ฉันให้เวลานายสามเดือน” ร่างสูงขยับยิ้ม นิ้วสามนิ้วชูขึ้น แต่ขอโทษทีที่ไม่เข้าใจภาษาคนบ้า จะให้อ๋อทันทีนี่มันยาก
“สามเดือนอะไร?”
“ภายในสามเดือนนี้ถ้าแน่จริงก็ทำให้โกคุเดระ แอร์ไลน์รุ่งกว่าเดิมให้ฉันดูหน่อย...เอาให้บูมจน The Best เจ๊งไปเลยก็ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วเกิดเป็นโกคุเดระ แอร์ไลน์ที่เดี้ยงแทน...นายต้องกลับมาหาฉัน เพราะถ้าปล่อยให้นายเคว้งคว้างนานกว่านั้น...ฉันสงสาร”
กติกาถูกตั้งขึ้นทันทีรองรับว่านี่คือการแข่งขันอย่างแท้จริง แม้มันจะฟังดูบ้าระห่ำแถมเงื่อนไขฟังดูเอาแต่ได้ก็เถอะ แต่ได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขันมันก็เหมือนเป็นคำเย้ายวนชวนให้โกคุเดระลงไปเล่นทันที ดวงตาสีมรกตวาวโรจน์แม้สั่นระริกประสานกับสายตาเจ้าเล่ห์นุ่มลึกจ้องมาสั่นหัวใจดวงน้อยให้เริ่มไหวสะท้าน
“แล้วนั่นหมายความว่านายจะเซ็นสัญญาต่อกับฉัน...โดยดำเนินเงื่อนไขตามข้อตกลงของการดูตัว” ริมฝีปากกรีดยิ้มคมเข้าไปอีกเมื่อเห็นใบหน้างามชะงักไป ร่างสูงค้อมตัวเล็กน้อยแล้วกระซิบเสียงเย็น
“ถึงตอนนั้น...ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ อะไรก็ตามที่มันเป็นของโกคุเดระ...ฉันก็จะขอทั้งหมด”
หา!?
เด็กหนุ่มร่างบางอุทานในใจ
ไม่ใช่ต้องการรักษามารยาท แต่เขาพูดไม่ออกต่างหาก
เหมือนลิ้นหรือกล่องเสียงเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ รู้สึกท้องไส้ตีมวนกัน
ความเย็นประหลาดแผ่วาบไปทั่วทั้งร่างกาย แต่ยกเว้นใบหน้า เขารู้สึกว่ามันร้อนฉ่าๆ
เพราะคำขอไม่เกรงใจแล้วด้านที่สุด...ขอทั้งหมด...ขอทั้งหมดเนี่ยนะ! ขอโทษ! ขอโทษเถอะ...
ใครมันจะไปให้หมดไส้หมดพุงได้ล่ะ
ไอ้เจ้าบ้า!!
เขาเองก็อยากจะพูดเถียงออกไปแบบนั้นแหล่ะนะ แต่ทำยังไงดีก็ในเมื่อเสียงมันไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว อุณหภูมิของร่างกายเปลี่ยนกลับไปกลับมาราวคนจับไข้ มือของเขาเย็นชืดทั้งที่หน้าร้อนวาบ แต่โกคุเดระ ฮายาโตะไม่ใช่สาวน้อยในการ์ตูนตาหวาน ดังนั้นจึงไม่มีวันเปลืองสมองไปคิดในแง่มุมที่ว่าเขาหวั่นไหวกับน้ำเสียงเสี่ยวๆขอไอ้ท่านประทานหน้าหล่อนี่เด็ดขาด!
แต่เถียงไม่ออกแบบนี้ เขาควรทำไง...คำตอบง่ายนิดเดียว
กลับ! เขาควรกลับบ้านแล้วอย่าได้เหลียวหลังอย่างที่อาเจ๊เคยบอก เอาล่ะหมุนตัวซะฮายาโตะ...นั่นแหล่ะ! แล้วก้าวขาไปเลย ยืนเถียงกับมันไปจะซึมซับเชื้อบ้าเข้าร่างกายแล้วเห็นมั้ย!! ตอนนี้นายรู้เป้าหมายของนายแล้ว ทำกิจการสายการบินให้รุ่งโรจน์ชัชวาล กระทืบ The Best ให้จมดิน ภารกิจชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วอัจฉริยะฮายาโตะ...กลับ!บ้าน!ซะ!
“เออ...นี่! โกคุเดระ” แต่ไม่ทันที่จะก้าวขาเดินสักก้าว เขาก็โดนเสียงทุ้มเรียกไว้ หมอนั่นจงใจปล่อยเวลาสักพักให้เขาซึมซับความหวาดผวา แล้วขอร้องอะไรไม่รู้สองแง่สองง่ามอย่างไม่น่าให้อภัย “ถ้าคราวหลังมาที่นี่ช่วยถอดหน่อยได้มั้ย...”
ถะ ถอด!!!
ใบหน้าเรียวซีดเผือดค่อยๆหันกลับมามองหน้าเจ้าคนพูดที่มันยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เหมือนเดิม
ดวงตาคมฉายแววขำขัน แล้วนิ้วยาวก็ชี้เข้าที่หัวตัวเอง
“ฉันหมายถึงหมวกน่ะ....”
ฟ้าดิน เป็นพยาน ฉันขอสาปแช่ง!! The Best จงล่มจม!! อย่าให้รอดในสามปี!!อย่าให้มีในสามเดือน!!
จงดับไปซะ!
“แล้วแกจะไปทำเขาดับได้ยังไงฮะ! ฮายาโตะ เอาไม่ซีกไปงัดไม้ซุง เดี๋ยวได้หัก!”
พี่สาวคนงามซักกลับทันทีหลังจากที่ร่างบางฟ้องให้ฟังจนหมดเปลือก ก็เพราะถูกท้ามาอย่างนั้นนั่นแหล่ะสองศรีพี่น้องถึงได้ซิ่งรถกลับมาที่คฤหาสน์แล้วนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ในห้องทำงาน เอกสารจะเต็มโต๊ะ ยอดหุ้นจะพุ่งสูงปรี๊ดอยู่บนจอพลาสมาขนาดหกสิบนิ้ว หรือเมล์จะเข้าเป็นพันฉบับก็ตามแต่ โกคุเดระ ฮายาโตะจะขอปิดหูปิดตาซักพัก แล้วคิดค้นวิธีเด็ดชีพไอ้ยามาโมโตะ ทาเคชินั้นให้จงได้
ตอนนี้ผู้ร่วมอุดมการณ์มีเพียงหนึ่งนั่นก็คืออาเจ๊คนสวยที่รัก ซึ่งตอนนี้มุมมองของเจ๊แกที่มีต่อท่านประธานหนุ่มคนนั้นก็กลับหน้ามือเป็นหลังเท้า เท่านั้นไม่พอ สายตาที่มองน้องชายอย่างเขาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน อย่างเช่นปกติเคยจิกเล่นๆเป็นไก่ แต่ตอนนี้เหมือนจะจวกแหลกดังนกกระจอกเทศ
นี่เขาไปทำอะไรให้...สวยเกินหน้าเกินตาก็ผิด?
“เจ๊เลิกมองผมอย่างงั้นเหอะ มีอยู่แค่สองคนแล้วไม่สามัคคีกัน มันจะไปรอดมั้ยเจ๊!”
“สัญญาก่อน!” อยู่ดีๆคุณพี่เธอก็โพล่ง ใบหน้างอง้ำเผยชัดว่าอารมณ์ยังขุ่น “สัญญาว่าพอเสร็จงานศพยามาโมโตะ ทาเคชิแล้ว ฮายาโตะจะพาพี่ไปขัดผิว อบซาวน์นา เหลาคาง ทำสปาผม” แม่คุณมีหน้าใส่มาได้เป็นชุด! ใบหน้าสวยของโกคุเดระ ฮายาโตะถึงกับอึ้ง กระพริบตาปริบๆมองหน้าพี่สาวที่ดูท่าว่าจะมีความแค้นกับรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่ไม่น้อย นัยน์ตาเฉี่ยวคมจ้องเขากลับอย่างเอาเรื่อง ไม่มีทางล้อเล่นเป็นการบังคับให้น้องชายต้องรีบพยักหน้ารัว
“อะ โอเคเจ๊ ขัดผิว อบซาวน์นา เหลาคาง ทำสปาผม ให้เสริมนมด้วยยังได้เลย เพื่อเจ๊....จัดไป!”
“ดีมากไอ้น้องรัก” หญิงสาวยิ้มหวานแต่หัวเราะหึๆ พับเก็บรังสีอำมหิตไปในบัดดล ก่อนจะเอ่ยถามน้องชายร่างบางด้วยสีหน้าเป็นงานเป็นการ “กลับมาที่เรื่องเดิม สรุปจะเอายังไง? ไอ้หมอนั่นกล้าตัดเครือโกคุเดระออกเชียวนะ แสดงว่ามันมั่นใจมากล่ะสิว่าตัวเองจะไม่เดือดร้อนจริงๆ”
“เป็นไปได้...เท่าที่ผมตามดูงานของ The Best มา ทางเราเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งก็จริง แต่ก็มีเครืออื่นไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่การท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าเกรดบี ไปจวบจนมินิมาร์ทที่มีสาขาทั่วประเทศต่างก็ถือสัญญาค้าในปริมาณรองจากเราไม่เท่าไหร่เลย”
“นั่นก็เพราะ The Best มีการจัดการที่ดีเยี่ยม คุณภาพของสินค้านับพันล้านชิ้นที่ผลิตไม่เคยบกพร่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดอื่นหวังที่จะดองธุรกิจกับเขา” เบียงกี้เสริม แม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าหมั่นไส้แต่ก็เป็นความจริงจนทำให้ร่างบางพยักหน้ารับเบาๆ การที่The Best ไม่เคยทำให้คู่ค้าผิดหวัง การที่หุ้นจะตกนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก รายได้ก้าวกระโดดฮวบๆ ซ้ำยังมีการจัดการที่แข็งแกร่งนั้น เขาผู้เคยเป็นลูกค้าอันดับหนึ่งนั้นรู้ดีกว่าใคร
จะพูดตรงๆ ก็คือธุรกิจที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา...ถ้าไม่งัดความสามารถที่มีทั้งหมดออกมาสู้ ก็อย่าหวังว่าจะสั่นคลอน The Best ได้ นี่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็คงจะผูกคอตายไปแล้ว
หากว่าน่าเสียดายที่ท่านประธานหนุ่มผู้เพอร์เฟคคนนั้นท้าคนสู้ผิด...เพราะความสามารถของโกคุเดระ ฮายาโตะคนนี้ จะไม่เพียงแค่เขย่าขวัญ The Best แต่จะถล่มมันให้แหลกคามือเลย คอยดูสิ!
“เจ๊...เราต้องการข้อมูลคู่ค้าของเครือยามาโมโตะโดยด่วน” ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง “ถ้าเราโชคดี ผมว่าเรามีทางที่จะปิดบัญชีกับมันได้ภายในสามเดือน”
“ยังไง ฮายาโตะ?” หญิงสาวมุ่นคิ้วถาม ชักจะตามไม่ทันกับแผนการน้องที่ซ่อนอยู่ภายใต้สายตาแหลมคม ทายาทคนรองแห่งเครือโกคุเดระกระตุกยิ้ม แขนเรียวกอดไขว้กันที่หน้าอกแล้วชี้แจง
“เจ๊ก็รู้นี่ว่าโกคุเดระ แอร์ไลน์น่ะจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเครือยามาโมโตะไปถึงปีละหลายพันล้านเยนนะ แต่ต่อไปนี้พอไม่มีเราถือหางให้มัน นั่นหมายความว่ายามาโมโตะจะเสียเงินก้อนนั้นไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งวิธีแก้ของมันก็คงจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง...หนึ่ง คือขึ้นราคาสินค้าทุกตัวให้สูงขึ้น ถ้าตามที่ผมคำนวณก็คงจะอย่างละสิบเปอร์เซ็นต์ล่ะมั้ง แต่เพียงแค่นั้นพวกลูกค้าคงได้บ่นมันหูชาแน่...ดีไม่ดีแทนที่จะเป็นการแก้ไข กลับเป็นว่าเป็นการลดลูกค้าซะเอง”
“อ้อ...” เบียงกี้รับคำ ริมฝีปากบางเริ่มกรีดรอยยิ้มบ้างเมื่อคิดภาพถึงวิธีการที่สองขึ้นมาในบัดดล “ เหมือนนายจะเดาถูกนะฮายาโตะ เพราะหมอนั่นบอกกับพี่ว่ามันมีเครืออื่นที่รอเสียบเราอยู่แล้วก็อาจจะทำให้ The Best ขาดทุนได้ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วที่นายต้องการข้อมูลคู่ขาของเครือยามาโมโตะก็เพราะจะตรวจสอบล่ะสิว่าจะมีใครที่รอเสียบตำแหน่งของเราอีกบ้าง และคนๆนั้นก็คงจะต้องกระเป๋าหนักพอที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับโกคุเดระ แอร์ไลน์ได้ล่ะสิ”
“ใช่! ทางหมอนั่นเองก็มีเวลาไม่มากนักหรอกเจ๊”
ร่างบางว่าต่อพร้อมแค่นหัวเราะหึ นัยน์ตาคู่ฉลาดหรี่ลง
หวนคิดถึงเวลาประหลาดที่ร่างสูงคนนั้นจำกัดให้กับเขา
“ถ้ายามาโมโตะหาคู่ค้าไม่ได้ภายในสามเดือนหลังจากหมดสัญญากับเราแล้วล่ะก็ โดยเฉลี่ยเงินหมุนของหมอนั่นจะหายไปเดือนละแปดสิบสามล้าน รวมสามเดือนก็ราวๆสองร้อยห้าสิบล้าน แม้ขนหน้าแข้งของมันจะไม่ร่วงเพราะเงินแค่นี้ก็เถอะ แต่ก็จะเป็นเป้าให้พวกหุ้นส่วนแคลงใจแล้วพากันหมดความเชื่อถือ ดีไม่ดีอาจจะถูกถอนหุ้นก็ได้....”
เฮอะ! แล้วทำมาเป็นบอกว่าสงสารกลัวฉันเจ๊งในสามเดือน
คิดเรอะว่าฉันจะตกหลุมตื้นๆที่แกขุดไว้.....ความคิดอ่อนหัด!
เบียงกี้กะพริบตาปริบๆมองน้องชายที่ตอนนี้เหมือนองค์ลง รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเธอมาเป็นพี่สาวเขาไม่ใช่ศัตรู ถึงเธอจะรู้ว่าเซลล์สมองของฮายาโตะมันต่างจากคนทั่วไปตั้งแต่เด็กก็เถอะ แต่แบบนี้ขนาดเธอที่เป็นพี่สาวยังรู้สึกขนลุก แต่ท่าทางฝ่ายยามาโมโตะ ทาเคชิคงจะไม่คิดแบบเธอ ถึงได้กล้าท้าเรื่องเป็นเรื่องตายกับฮายาโตะถึงขนาดนี้
“แต่ว่านะฮายาโตะ ถ้าคิดจะล้วงข้อมูลสำคัญของเขาล่ะก็ ไปเสิร์ชจากอินเทอร์เน็ตไม่มีหรอกนะยะ”
“ก็ใครบอกเจ๊ว่าผมจะใช้วิธีเด็กๆอย่างนั้นเล่า!” ร่างบางค้านเสียงแหลม ความคิดแว้บเข้ามาในหัวไวๆ ดวงตาสีมรกตวาววับมองทะลุไปนอกกระจกบานใหญ่ราวกับจะสะบั้นทุกอณูอากาศ ส่วนสีหน้าและน้ำเสียงถ้าให้พูดตามตรงต้องบอกว่ามันคือที่สุดของความโรคจิต
“อยากได้ลูกเสือ...มันก็ต้องเข้าถ้ำเสือสิเจ๊...”
500 m. ห่างจากตึกแฝดเครือยามาโมโตะ
08.00 PM.
เขาว่ากันว่าเข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า...
จะสู้กับคนบ้าก็ต้องรอบคอบ...
ดวงตาคู่งามมองหน้าตึกที่สี่ผ่านทางเลนส์กล้องส่องทางไกลชั้นหนึ่งที่อุตส่าห์ให้ป๊าส่งมาให้จากอเมริกา ความละเอียดของมันแม้อยู่ห่างขนาดนี้ก็ยังเห็นทุกรูขุมขนของยามเฝ้าประตู อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ ตึกสำคัญๆอย่างตึกบัญชาการใหญ่ให้คนเฝ้าแค่สี่คนนี่มันจะดูถูกพวกขโมยเกินไปหน่อยแล้วมั้ง แต่ไม่ใช่ขโมยทรัพย์สินมีค่า แต่เป็นของสำคัญทางธุรกิจที่หากรั่วไหลก็อาจจะสูญเสียกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ก็ถึงบอกไง ว่าคนอย่างนายน่ะมันก็แค่ไก่อ่อน ยามาโมโตะ ทาเคชิ!
มือเรียวหยิบหมวกแก๊บขึ้นสวมก่อนที่จะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วเหน็บกล้องปากกาเข้าที่กระเป๋าเสื้อ ชุดตัวโคร่งยัดชายที่เหลือบานเข้ากับกางเกงจะช่วยพรางตัวโกคุเดระ ฮายาโตะที่นับตั้งแต่วินาทีนี้จะไม่ใช่ทายาทคนรองแห่งเครือโกคุเดระอีกต่อไป แต่จะเป็นเพียงแค่เด็กพนักงานเดินสายไฟคนหนึ่งแค่นั้นเอง
ก็รู้อยู่หรอกว่าแผนมันออกจะบ้านๆไปหน่อย
แต่จะให้เขาไปฟัดกับยามหมีความสี่ห้าตัวเหมือนในหนังแล้วลอบเข้าตึกน่ะ
มันไม่สามารถ
“เฮ้! หยุดก่อน
ไอ้น้อง!” ไอ้พวกยามหน้าตามู่ทู่ยกแขนท่อนใหญ่กันทันทีเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเดินเข้าไปในตึก
ก่อนจะโค้งหลังลงให้อยู่ระดับเดียวกันแล้วกรอกตาพิจารณาอยู่นานสองนาน
โกคุเดระก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะ ก็ดูท่าว่ารูปร่างหน้าตาเขาจะดูขัดกับเครื่องแบบซะเหลือเกิน...มันช่วยไม่ได้นี่
รัศมีความไฮโซมันปิดไม่มิดเท่าไหร่
“มาทำไม” มันถามเสียงเข้ม
“แหะๆ คือผมมาจากบริษัทสาธารณูปโภคครับ ได้รับแจ้งว่าไฟฟ้าของตึกนี้มีปัญหา เลยจะมาดูให้น่ะครับ” แน่นอนว่าไอ้บริษัทสาธารณูปโภคอะไรนั่นก็คือหนึ่งในบรรดาเครือๆของโกคุเดระ ต่อให้โทรไปเช็คก็จับไม่ได้ ไอ้ยามหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วแบมือ
“ขอบัตร!”
“เอะ...เอ๋...บะ บัตร?”
“เออ! ก็บัตรไงไอ้หน้าอ่อน อย่าคิดว่าระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่อ่อนด๋อยนะว้อย เอาบัตรพนักงานของแกมาตรวจซะ!” มันตะคอกเสียงดังปานว่าเขาเป็นนักโทษ แล้วมันเป็นพัศดี
พอมันรับไปเท่านั้นแหล่ะ ก็ทำเต๊ะท่าเหมือนยามในหนังนั่นคือดูหน้าเขากับรูปในบัตรสลับกันไปมาสองสามที แต่ดูท่าว่าไอ้ท่านประธานบริษัทนี้ยังจะพอมีหัวหน่อย นั่นก็คือมีการแจกเครื่องสแกนบัตรให้พวกยามถือแล้วจัดการอ่านบาร์โค้ดเช็คว่าเป็นบัตรจริงบัตรปลอม
แต่ก็แน่นอน คนอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะไม่มีวันมาจอดอยู่หน้าป้อมยามแล้วโดนเตะโด่งกลับบ้านหรอก ก็บัตรพนักงานที่เขานั่งทำประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมาที่นี่น่ะ มีไวรัสของคอมพิวเตอร์ใส่อยู่ ต่อให้เอาเครื่องสแกนอัจฉริยะที่ไหนมาจี้ มันก็ประกาศโพลงๆว่าเป็นของจริงหมดนั่นแหล่ะ
เอาล่ะ รีบๆถอยทางให้ฉันซะไอ้พวกหน้าเหียก!
“สรุปให้ผมเข้าไปดูไฟได้รึยังอ่ะ”
“ยัง!” ...อ่าว!?
“ถึงบัตรจะยืนยันตัวตนที่แท้จริงได้ แต่แกต้องผ่านด่านสุดท้ายก่อนถึงจะเข้าไป” มันแสยะยิ้ม สีหน้าบ่งชัดคงจะอยากป้ายความผิดให้เขาเป็นผู้ร้ายใจจะขาด “เอาล่ะ...บอกรหัสของแกมาเซะ”
“รหัสประชาชน?”
“รหัสพนักงานเว้ย!”
โกคุเดระนิ่งอึ้ง เบิกตาถลน เหงื่อที่ไม่รู้มาจากไหนไหลซิกๆเต็มแผ่นหลัง หัวใจที่มันอยู่ข้างในเต้นโครมครามดังเช่นพวกผู้ร้ายโดนตำรวจจับไต๋ได้ ร่างบางอยากด่าสาปแช่งไอ้ยามตรงหน้าใจจะขาดว่าเข้มงวดอะไรไม่เข้าท่า หากเป็นรหัสประจำตัวประชาชนเขาจำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว แต่กับรหัสบ้ารหัสบอที่เขานั่งมั่วตอนปั๊มบัตรเถื่อนนั่น
แน่นอนว่าจำได้อยู่แล้ว
เขากันเหนียวมาทุกอย่างนั่นแหล่ะ นั่นก็เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นตึกของยามาโมโตะ
จะมาเจออะไรเหนือความคาดหมายมันก็ไม่แปลก
“294-72-8941”
“ชิ เออ ถูก!” ไอ้ยามร้องออกมาอย่างเสียดายจัด ซึ่งก็พอจะเข้าใจหรอกว่าอยากจะทำงานเอาหน้า ลากพวกหัวขโมยไปหมอบศิโรราบต่อหน้าเจ้านายมันแล้วขึ้นเงินเดือนให้ล่ะมั้ง โกคุเดระยิ้มหวานแล้วโค้งให้หนึ่งทีก่อนจะเดินตัวปลิวเข้าตึกบัญชาการของเครือยามาโมโตะไปอย่างไร้ข้อกังขา ก็นึกสงสารอยู่เหมือนกันที่ดันมาหลงกลแผนการบ้านๆแบบนี้ แต่จะทำไงได้ ถ้าเกมนี้เขาแพ้ แค่คิดก็รู้สึกสงสารตัวเองไปถึงกระดองใจ
สายตาเฉียบคมกวาดทั่วแผนผังอาคารที่ติดไว้ตรงผนังชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว พลันหัวสมองก็จำได้ขึ้นใจแล้วคุ้นชินอย่างแม่นยำ แต่ถ้าหวังพึ่งแต่ระบบความจำสุดแสนจะภาคภูมิใจของตัวเองมันก็คงจะไม่ได้ผลขนาดนี้ ก็คงต้องนึกขอบคุณเจ้าของ The Best คนนั้นที่มันอุตส่าห์พาเขาวิ่งขึ้นวิ่งลงที่ตึกนี่เมื่อสิบปีก่อน
ริมฝีปากบางขยับยิ้ม เมื่อพบกับห้องที่เป็นเป้าหมาย เพราะมันถูกระบายเป็นสีแดงสดชี้ชัดว่าเป็นห้องสำคัญที่สมควรจะเรียกว่าเป็นหัวใจของ The Best ได้เลยล่ะมั้ง
แต่ถึงขนาดสำคัญก็ยังมีไอ้เด็กซื่อบื้อคนหนึ่งพาเขาเข้าไปทัวร์มาแล้วนี่นะ....
โกคุเดระเลือกใช้บันไดทางหนีไฟแล้วขึ้นชั้นสูงมาเรื่อยๆ ถึงแม้ในตอนนี้ร่างบอบบางจะปลอมตัวอยู่ก็เถอะ แต่การที่เด็กเดินสายไฟธรรมดาๆมาเอ้อระเหยลอยลมอยู่บนชั้นของห้องผู้บริหารแบบนี้มันเป็นเป้าสายตา เดี๋ยวดีไม่ดีก็อาจจะโดนเจอเข้าแล้วซักถามนู่นนี่เสียเวลาตายชัก
ใช่...เขาน่ะไม่ค่อยจะมีเวลานัก เพราะตอนที่ขึ้นบันไดมาได้ยินพวกพนักงานคุยกันตามทางเดินพอดีว่าเจ้าของ The Best คนนั้นกำลังคุยกับลูกค้าที่โรงแรมอยู่ แล้วจะกลับมาที่ตึกนี้ตอนสี่ทุ่มน่ะสิ
ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ อย่างหมอนั่นอาจจะไม่ถึงขั้นโยนเขาเข้าคุก แต่จะให้คู่แข่งคนสำคัญมาเห็นได้ยังไงว่าทายาทคนรองแห่งโกคุเดระผู้เก่งกาจต้องทำตัวเหมือนแมวขโมยลอบเข้าตึกชาวบ้านแบบนี้
ร่างบางหันซ้ายขวาก่อนจะทอดมองประตูบานใหญ่ตรงหน้าที่ไม่มีร่องรอยการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกว่าแม้ระบบรักษาความปลอดภัยก็ยังใช้เป็นระบบเดิม ทั้งๆที่เคยโดนไวรัสมหาประลัยของเขาเข้าไปเต็มๆขนาดนั้น ก็ยังไม่เข็ด มือเรียวสอดเข้าใต้ถุงมือสีขาวก่อนที่จะทำการฌาปนกิจมันอย่างเก่า ใบหน้าละมุนมีรอยยิ้มมาแต่งแต้ม เมื่อฝ่ามือผลักเข้าห้องข้อมูลได้ เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างที่เปิดทางด่านสุดท้ายให้กับโกคุเดระอย่างง่ายดาย
ง่ายดาย?
ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่มีเวลาให้เขาคิด
ปากกาแท่งเดียวที่ทำหน้าที่เป็นทั้งกล้องดิจิตอลและไฟฉายเสาะหาข้อมูลที่ต้องการทันที
มือเรียวพลิกแฟ้มคู่ค้าของเครือยามาโมโตะฉับไว สายตากวาดรายชื่อที่เรียงกันเป็นตับ
ซึ่งแต่ละชื่อก็ฟังคุ้นหูร่างบางทั้งนั้น
แต่ละบริษัทคือบริษัทปลีกย่อยที่ลองๆคิดดูแล้วไม่น่าจะมาต่อกรกับเครือโกคุเดระได้เลยแม้แต่นิด
แล้วก็ไม่เห็นมีแววว่าจะติดต่อกับลูกค้ารายใหม่อย่างที่เขาคิด
ปลายนิ้วเรียวรัวชัตเตอร์ที่หัวปากกา ส่วนในใจก็คิดว่าหมอนั่นทำอะไรอยู่ ขนาดคู่แข่งเป็นเขาแต่ยังไม่เห็นขยับตัวทำอะไรสักอย่าง
ยามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นคนใจเย็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย....หรือเป็นตัวเขาเองที่ใจร้อนจนเกินไป
ดวงตาสวยกรอกไปมากับโต๊ะเอกสารก่อนจะหยุดที่ซองสีขาวกับซองสีน้ำตาลที่วางอยู่คู่กันซึ่งไม่มีรอยยับและฝุ่นเกาะเลยแม้แต่น้อย ดูก็รู้ว่ามันเป็นของใหม่ที่เพิ่งเอามาวางได้ไม่นานนัก มือบางหยิบมันขึ้นมาเพ่งพินิจ แต่พลันก็ชะงัก นัยน์ตาเบิกกว้าง เมื่ออ่านจ่าหน้าซองที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน
หลักฐานการยื่นซองประมูลกับห้างสรรพสินค้าดังที่เจนีวา!! แถมยังลงวันที่เป็นวันมะรืนนี้อีกด้วย!!
ถ้าอย่างนั้นในซองสีขาวนี่ก็คงจะเป็น...เช็คธนาคารที่ระบุจำนวนราคาเอาไว้เรียบร้อย
ร่างบางกลืนน้ำลายอึก มือบางสั่นระริกทั้งๆที่สีหน้ามีแววสะใจ ก่อนที่จะยกซองสีขาวขึ้นส่องกับแสงไฟฉาย ริมฝีปากบางบิดเป็นรอยยิ้มเหยียด ความจริงเขาอยากจะหัวเราะให้ลั่นตึกไปเลยด้วยซ้ำ
หึ...ฉันเคยบอกนายเอาไว้แล้วใช่มั้ย ว่าถ้านายพาฉันเข้าห้องนี่ ฉันจะทำนายเจ๊งกะบ๊งเข้าสักวัน
คราวนี้แหล่ะ!...คราวนี้แหล่ะที่นายจะเตรียมบอกลาอาชีพซีอีโอแสนจะทรงอิทธิพล แล้วเนรเทศตัวเองไปเป็นคนขายเครื่องกรองน้ำซะ ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!!
“เฮ้...ลอร์ดคริสโตเฟอร์” ร่างบางเรียกลูกน้องคนสนิทที่เปรียบเสมือนมือขวาของตัวเองทางโทรศัพท์ แล้วกระซิบสั่งด้วยรอยยิ้ม “นายเตรียมเอกสารยื่นซองประมูลให้ฉันหน่อย...อ่า...ใช่ พาสปอร์ตด้วย ฉันจะไปเจนีวาพรุ่งนี้...อ้อ จำนวนเงินในเช็คเท่าไหร่น่ะเหรอ....”
ใบหน้างามที่ใครต่อใครเห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือนางฟ้าไม่ก็ตุ๊กตา
ยามนี้ก็ดีแล้วที่ไม่มีใครเห็น
เพราะคงต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่าเป็นปิศาจหลุดออกมาจากขุมนรกตัวจริงเสียงจริง
“เดี๋ยวฉันไปเขียนเอง...เพราะมีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้ว่าต้องเขียนเท่าไหร่....”
10.00 PM.
สี่ทุ่มแล้ว ตึกบัญชาการของเครือยามาโมโตะก็เงียบสงัดอย่างเคย ร่างสูงสง่าของท่านประธานเดินเรียบเรื่อยมาตามทางเดิน พร้อมกับใช้มือนวดๆไปแถวๆต้นคอด้วยความล้าที่ต้องประชุมมาตลอดทั้งบ่าย ความจริงถ้าเป็นปกติเขาก็อาจจะแค่ซักถามความเรียบร้อยกับพวกยามหน้าประตูแล้วก็กลับบ้าน แต่คราวนี้พิเศษกว่าหน่อยเพราะถูกฟ้องว่ามีคนของบริษัทสาธารณูปโภคต้องสงสัยเข้ามาซ่อมไฟให้ ก็เลยอยากจะขึ้นมาดูผลงานของเด็กเดินสายไฟจอมขยันซักหน่อยที่ทำงานแม้กระทั่งกะกลางคืน
เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะกับพื้นพรมไม่รีบร้อนแล้วก็หยุดที่หน้าห้องข้อมูล ดวงตาคมหยุดชะงักที่เครื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่มันเหมือนซ้อนทับเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน นิ้วแกร่งยกขึ้นเขี่ยๆเศษซากเครื่องสแกนอย่างคุ้นเคย แถมกลิ่นไหม้ๆแบบนี้ ยังเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครกล้าเหมือน
แล้วใบหน้าคมก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มพร่างพราย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้กวาดมอง ของทุกชิ้นยังอยู่ในสภาพเดิมและวางตำแหน่งเดิมเรียบร้อย ร่างสูงเดินเข้าไปประชิดกับโต๊ะเอกสาร แล้วก้มลงเพ่งกับปกแฟ้มสำคัญอย่างรายชื่อคู่ค้าตลอดจนรายรับรายจ่ายสุทธิกับบริษัทนั้นๆ ก็ทั้งๆที่ฝุ่นมันจับไปทั่ว แต่ตอนนี้กลับสะอาดเป็นหย่อมๆ
แล้วไหนจะกลิ่นที่ฟุ้งไปทั่วห้องอย่างนี้อีก...เขาก็อยากจะไปถามแม่บ้านเหมือนกันว่าเปลี่ยนไปใช้สเปรย์ปรับอากาศยี่ห้ออะไร...
จะได้ให้ไปซื้อมาสักร้อยโหล....
“พาสปอร์ต เอกสาร เช็ค โน้ตบุ๊ค แท็ปเล็ท เครดิต สัมภาระสำหรับหนึ่งอาทิตย์” หญิงสาวสวยสะคราญแต่น้อยกว่าน้องชายวันนี้อยู่ในเสื้อโค้ทขนเฟอร์ทวนรายการอยู่ในห้องรับรองพิเศษก่อนที่กำลังจะขึ้นเครื่อง ตั้งแต่เช้ามาเบียงกี้ต้องตีหน้าเศร้าใจจะขาดที่อีกสองวันตัวเองดันติดออกงานราตรี เลยไม่อาจติดสอยห้อยตามน้องชายไปช่วยงานที่เจนีวาได้ แต่จริงๆแล้วเธออยากจะซื้อพลุมาจุดฉลองซักร้อยชุด เพื่อด้วยที่ว่าเธอได้เป็นเอกราช ไม่มีความงามของน้องมาบดบังตอนออกงาน
ไม่มีวินาทีไหนจะสุขได้เท่าการที่ไม่มีฮายาโตะยืนอยู่ข้างๆอีกแล้ว โอ้...ขอบคุณสวรรค์
“พร้อมแล้วน่าเจ๊” ร่างบางบอกปัดๆ ก่อนจะมองป้ายไฟแดงๆที่วิ่งอยู่บนจอพลาสมาว่าอีกครึ่งชั่วโมงเที่ยวบินจะออก แล้วแน่นอนว่าต่อให้จองเมื่อวาน ทายาทคนรองแห่งเครือโกคุเดระก็ได้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสอย่างไม่มีมีปัญหา มันก็แน่ ก็สายการบินนี้เติบโตได้ด้วยมือของเขา เขาไม่มีทางทุบหม้อข้าวของตัวเองแล้วไปนั่งสายการบินอื่นหรอก
“ดูแลท่านฮายาโตะให้ดีด้วยนะ ลอร์ดคริสโตเฟอร์”
เบียงกี้หันไปกำชับผู้ติดตามเพียงคนเดียวซึ่งนั่นก็คือเลขาส่วนตัวที่ทายาทคนรองเครือโกคุเดระไว้ใจเหมือนคนในครอบครัว ร่างสูงโปร่งเจ้าของชื่อลอร์ดคริสโตเฟอร์โค้งรับอย่างสุภาพ ความจริงก็ต้องบอกว่าเป็นชื่อตำแหน่งเหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่ยิ่งเป็นคนสนิทของผู้อาวุโสในตระกูลโกคุเดระสูงขึ้นเท่าไหร่ คำนำหน้านามคริสโตเฟอร์ก็จะยิ่งเพิ่มยศตามตำแหน่งขุนนางของอังกฤษ ของเบียงกี้กับโกคุเดระ ฮายาโตะเป็นลอร์ด แต่ถ้าเป็นของป๊าก็จะเรียกว่าดยุก
ไฮโซใช่มั้ยล่ะ?
“ไปแล้วนะ เดี๋ยวจะเอาคู่ค้ารายใหม่กลับมาฝาก” รอยยิ้มพิมพ์ใจแบบนั้นเพิ่มความสว่างไสวให้โลกเหมือนแสงอาทิตย์ ทำให้เบียงกี้ต้องยิ้มรับกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ เป็นอย่างนี้ประจำเธอเหมือนเป็นนังพี่สาวใจร้ายในละครที่อิจฉาน้องแต่ก็ต้องแพ้ความดีที่บริสุทธิ์ผุดผ่องทุกที เบียงกี้น้ำตาคลอด้วยความซึ้งใจพร้อมกับโบกมือนิดๆแล้วมองน้องชายร่างบางก้าวขึ้นเครื่องไป แล้วไม่ลืมที่จะส่งกำลังใจให้ประมูลชนะสมพรปาก
เอาเถอะ...ไปเจิดจรัสอยู่ที่เจนีวาซะฮายาโตะ
ส่วนที่ญี่ปุ่น พี่สาวคนนี้จะส่องประกายแทนนายเอง
“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านฮายาโตะ” แอร์ร่างงามหน้าใสที่โกคุเดระคัดมากับมือสำหรับชั้นเฟิร์สคลาสต้อนรับด้วยน้ำเสียงเพราะพริ้งในชุดสูทหญิงเข้ารูป และกระโปรงสอบสั้นเครือเข่า ร่างบางยิ้มรับเล็กน้อยก่อนที่จะส่งกระเป๋าเอกสารให้ถือก่อนจะมองไปทางห้องข้างหน้าที่เป็นห้องของนักบิน
“วันนี้ไม่ใช่หรอกค่ะท่าน พอดีต้องไปประจำอีกเครื่อง” หญิงสาวผู้ต้อนรับหัวเราะคิกแล้วตอบให้ทันทีเมื่อรู้ว่านายน้อยของตนกำลังมองหาใคร โกคุเดระย่นจมูกเล็กน้อยอย่างขัดใจที่โดนพวกสาวๆตามทันทุกที แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา เพราะปกติก็ไม่ค่อยจะได้เจอกันอยู่แล้ว และนี่อุตส่าห์ถ่อมาหาถึงแอร์พอร์ตก็หวังว่าจะเจอหน้าให้หายคิดถึง แต่ก็ต้องผิดหวังซะนี่
“งั้นก็ช่างเถอะ วันนี้ชั้นเฟิร์สคลาสเงียบดีนะ ไม่มีคนเลยเหรอ”
“มีแขกพิเศษเพียงท่านเดียวกับผู้ติดตาม เพิ่งขึ้นมานั่งเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเองค่ะ”
ดวงตาสีมรกตมองตามมือบางที่ผายไปยังที่นั่งเยื้องไปทางด้านหลังซึ่งมีใครบางคนกำลังนั่งฟังเพลงสบายๆอยู่
โกคุเดระพยักหน้าหงึกหงักรับแล้วโบกมือให้แอร์สาวออกไป แล้วบอกเลขาคนสนิทให้ไปนั่งที่ก่อนได้
แล้วจึงเดินไปเพื่อที่จะทักทาย
ก็จะให้ทำเป็นไม่เห็นหัวได้ยังไง ในเมื่อคนที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของโกคุเดระ แอร์ไลน์ได้ นอกจากกระเป๋าจะหนักแล้ว ต้องเป็นคนใหญ่คนโตในสังคมแน่ๆ เขาในฐานะผู้บริหารของสายการบินที่แสนจะเพอร์เฟคนี้ก็ควรจะไปต้อนรับให้สมเกียรติสักหน่อย
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่....”
“โกคุเดระ แอร์ไลน์ สายการบินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีผู้บริหารสวยที่สุด ใช่มั้ยครับท่านประธานโกคุเดระ?”....อือ ใช่
บ้านแป๊ะแกเซ่!!!!
ร่างบางยืนนิ่งอึ้งมองไอ้ผู้โดยสารสองคนที่หน้าหนามานั่งแสลนอยู่ในชั้นไฮโซแบบนี้
ทรงผมตั้งๆกับหน้าตาหล่อเหลากวนประสาทและรอยยิ้มน่าถีบเป็นยี่ห้อบอกอย่างดีว่าคนที่จะร่วมทางไปกับท่านประธานโกคุเดระก็คือคนใหญ่คนโตทางธุรกิจแห่งยุคตามที่สันนิษฐาน
แถมยังเป็นเจ้าของกิจการที่เขาแอบเข้าไปล้วงข้อมูลมันเมื่อคืนด้วย!!
“ยะ ยามาโมโตะ!! กะ.. แก... แกมาอยู่ในเครื่องบินฉันได้ยังไง เครื่องบินประจำตระกูลแกก็มีไม่ใช่เหรอ!”
ให้ตาย ให้ตายสิ! บินจบเที่ยวนี้เขาต้องตามแม่มดหมอผีมาปัดรังควาญชั้นเฟิร์สคลาสนี่ซะ
เสื่อมเสียสิริมงคลหมด!! แล้วยังไม่พอ มันยังพ่วงขี้ข้ามาอีกหนึ่งซึ่งชื่อเชยๆว่าเฟร็ดดอริกที่หกที่เจ็ด
อะไรเนี่ยแหล่ะ โอยยยย ตรูล่ะกลุ้ม!
“หึ ฉันเองก็อยากจะบินเดี่ยวๆสบายๆอยู่หรอก แต่ที่อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่เพราะจะมาขอบคุณพนักงานเดินสายไฟบางคนน่ะสิ ที่ดึกแล้วแต่ก็ยังอุตส่าห์เข้าไปดูไฟให้” ร่างสูงขยับยิ้มพราย สายตาคมจับจ้องไปที่ร่างบางที่แอบสะดุดลมหายใจตัวเองทันทีที่พูดคำว่าพนักงานเดินสายไฟ แต่เจ้าตัวยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้บังอาจจ้องหน้าท่านประธานยามาโมโตะกลับไปแบบไม่มีความผิดติดตัว
“คนแบบนั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จะละเมอก็ให้มันน้อยๆหน่อย”
“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะ คนของเครือโกคุเดระนี่ฉลาดเกินตัวกันทุกคนไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นกับแค่พนักงานเดินสายไฟที่จำกระทั่งรหัสพนักงานของตัวเองได้นี่น่าจะหาได้ไม่ยากนา...โกคุเดระ”
ดวงตาสีมรกตจ้องอีกฝ่ายกลับทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองพลาด สายตาชาญฉลาดและอวดเก่งของร่างสูงตรงหน้าจ้องทะลุเขาเหมือนกับจะจับเท็จ แต่หน้ากากสีหน้าเรียบเฉยของคนที่เติบโตมาในวงการแบบนี้ก็ยังใช้ได้ดี ร่างบางเลิกคิ้วแล้วทวนคำ
“จำรหัสพนักงานได้? แล้วมันแปลกนักรึไง ใครๆเขาก็จำกันได้ทั้งนั้น”
“ใครๆที่ว่าของนายน่ะ คงไม่ใช่พวกแรงงานธรรมดาๆหรอกมั้ง” ยามาโมโตะสวนกลับ ปลายเสียงสูงแสร้งแสดงความแปลกใจ “สมัยนี้ใครเขาจะจำรหัสพนักงานกัน ระบบสแกนบาร์โค้ดก็มี แล้วยิ่งเป็นระดับคนทำงานแบบนั้น ไม่ใช่พวกละเอียดที่จะมาใส่ใจอะไรเล็กๆน้อยๆ...มันก็เว้นซะแต่ว่า...”
“เป็นพวกมีหัวสมองปลอมตัวมา แล้วยึดติดความสมบูรณ์แบบจนขาดธรรมชาติของมัน...”
หัวใจดวงน้อยของทายาทคนรองแห่งโกคุเดระกระตุกวูบแล้วเปลี่ยนเป็นเต้นผิดจังหวะ ลำคอตีบตันพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ความกลัวแล่นเข้าจับจิตดังเช่นพวกประธานบริษัทอื่นๆเป็นเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านประธานยามาโมโตะ ทาเคชิ แต่ความกลัวก็คือความกลัวที่เจ้าตัวรู้อยู่แก่ใจ โกคุเดระยึดหลักเสมอว่า กลัวได้ แต่ห้ามหนี เก็บความหวั่นเกรงไว้ ห้ามให้อีกฝ่ายรู้
“แต่ก็ไม่เป็นอะไรหรอก...ฉันไม่ซีเรียส” ร่างสูงลุกขึ้นแล้วโค้งให้อย่างสง่างามปานว่ามันเป็นเจ้าชายหลุดออกมาจากนิทานปรัมปรา แล้วยิ้มหวาน “เพราะไปเที่ยวเจนีวากับนายนี่มันก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ไม่ได้ไปเที่ยวเฟ้ย!! แล้วก็ฉันอนุญาตให้แกเกาะเครื่องติดไปด้วยก็ได้ แต่จำไว้ ว่าอาณาเขตของแกมันก็แค่นั้น อย่าเข้ามาใกล้เขตฉันเด็ดขาด เข้าใจมั้ย!?”
แน่นอนว่าคนบ้ามันต้องไม่เข้าใจภาษาของเขาแน่นอน ดังนั้นร่างบางจึงเลือกที่จะไม่รอฟังคำตอบแล้วหมุนตัวกลับไปนั่งที่ของตนทันที แฟลชไดรฟ์จิ้มจึ้กเข้ากับโน้ตบุ๊คแล้วนั่งเช็คหุ้นให้หายเครียด แต่ดูท่าว่าร่างบางจะคิดผิด เพราะต่อให้อยู่กันคนละโซนอย่างหัวกับท้าย แถมผนวกความเป็นส่วนตัวของห้องวีไอพีก็ตามทีเถอะ แต่ใจมันไม่เป็นสุข หัวมันปวดหนึบๆราวกับว่าเขามานั่งข้างๆอย่างนั้น
หมดกัน! ทริปสบายๆไปเจนีวาของฉัน!!
“ท่านฮายาโตะ...”
เดือดร้อนถึงเลขาคนสนิทต้องชะโงกหน้ามาดู “สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะครับ
เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน ผมว่าท่านควรจะพักผ่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” มือบางโบกปัดๆ ทั้งๆที่การมองเห็นเริ่มจะพร่าเลือน “นายเองก็ช่วยฉันวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่งแล้วเตรียมเอกสารจนเสร็จ ก็ควรจะพักสักงีบเหมือนกันนะ”
ลอร์ดคริสโตเฟอร์ยิ้มรับคำสั่งที่แสนจะอ่อนโยนของเจ้านายแล้วรับคำเบาๆ ถึงแม้จะเป็นห่วงก็ตามทีเถอะ แต่ในเที่ยวบินนี้อย่างน้อยๆก็ไม่ได้มีแต่เขาที่คอยดูแลใส่ใจท่านฮายาโตะ เพราะเจ้าของกิจการ The Best คนนั้นก็คงจะเฝ้ามองด้วยความห่วงใยไม่ต่างกัน
ซึ่งก็นับว่าเลขาคนเก่งของโกคุเดระ ฮายาโตะคาดการณ์ไม่ผิด ร่างสูงแม้จะใส่เฮดเซ็ทครอบซะมิดแต่หูของเค้าจับเนื้อความของเพลงไม่ได้เลย เพราะมัวแต่เฝ้าพะวงกับร่างบางที่นั่งข้างหน้าที่ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าโกคุเดระถึงได้รีบบินไปเจนีวาปัจจุบันทันด่วนอย่างนี้เพราะเหตุอะไร แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการเตรียมทุกอย่างเพื่อไปผจญกับเวทียื่นซองประมูลในคืนเดียวนี่มันรากเลือดเพียงใด
ตัวก็มีอยู่แค่นั้น
ยังจะฝืนอีก...
ยามาโมโตะถอดเฮดเซ็ทแล้วลุกเดินไปแถวหน้าอย่างไม่กลัวอาญาคำสั่งของร่างบาง
แต่พลันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าท่านประธานคนเก่งผล็อยหลับไปแล้วเรียบร้อย
คงจะเหนื่อยจัดถึงทำให้วูบไปทั้งๆที่หน้าจอคอมยังมีหุ้นแล้วข้อมูลอะไรต่อมิอะไรเปิดโชว์เอาไว้หมด
ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะขยับยิ้มบางเมื่อทอดมองใบหน้าสวยล้ำ ที่ไม่ว่าจะที่ไหน
เมื่อไหร่ หรืออยู่ในอากัปกริยาใด ก็ทำให้เขามองได้อย่างไม่มีวันเบื่อ
เจ้าของกิจการ The Best ไม่เคยทำอะไรแบบนี้
เขาไม่วันมาปิดโน้ตบุ๊คของคู่แข่งตัวฉกาจโดยที่ไม่ดูอะไรผ่านหูผ่านตาไปเลย
ซ้ำยังไม่เคยปรับเบาะเก้าอี้บนเครื่องบินให้ใคร และไม่เคยห่มผ้าให้ใครด้วย
แล้วก็ไม่เคยคิด...
ว่าอยากให้ระยะทางจากญี่ปุ่นไปเจนีวา...มันไกลแสนไกลเหมือนไปขั้วโลกเหนือเลยก็ดี...
.
.
.
.
.
.
.
TBC...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น