Project : Happy
birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059
[Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง
ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย
สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก
Miyaจ้ะ *v*
SKYFALL : 01
The 21st
Century Globalization
ปัจจุบันนี้
มนุษย์เราน่ะ ไม่เหมือนกันสักทีเดียว...อย่างน้อยๆมีเรื่องเงินตรานั่นล่ะที่เข้ามาเป็นปัจจัย
คนที่มีเงินเยอะนั้น
เรียกง่ายๆว่ามหาเศรษฐี
เยอะขนาดไหน? คงต้องใช้คำอธิบายที่มันเหนือความเป็นจริงหน่อย
แต่ก็เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน
บางทีต้องนำไปถมพระราชวังแวร์ซายส์จนเต็มพื้นไม่ให้ว่างสักตารางเมตร
หรือไม่อย่างนั้นก็ลองเอาไปกองสุมๆคงจะประมาณเทือกเขาเอเวอเรสต์ หากขยันปีนถึงจุดยอดสักหน่อย
ก็คงเงยหน้าเก็บดาวได้ไม่ยาก
เพราะฉะนั้นหากอยากรู้ว่าดาวบนท้องฟ้ามีสักกี่ดวง? กรุณาไปถามบิลเกตส์
เจ้าของซอฟต์แวร์ที่มีทรัพย์สินในธนาคารกว่าห้าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ วอร์เรน บัฟเฟต์
ซีอีโอชื่อดังที่หายใจเข้าเป็นเงินหายใจออกเป็นทอง หรือ เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์
พ่อของ หลุยส์ วิตตอง ดิออร์ จาค็อป พวกเขาแหงนหน้านับกันทุกวัน
มันสมองของพวกเขาไม่ธรรมดา
การันตีจากมหาวิทยาลัยสำหรับพวกหัวกะทิเน้นๆ
ปัจจุบันเหล่าบุคคลที่เป็นคีย์แมนเหล่านี้
เข้าครอบครองหัวใจของมหาชนกว่าเจ็ดพันล้านคนบนโลก มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนจวบจนล้มลงบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง
หากว่าสักวันหนึ่งพวกเขาต้องลาโลกใบนี้ไป
ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติต้องจารึก...
ว่าครั้งหนึ่งบนโลกมนุษย์นี้
เคยมีคนระดับสุดยอดของยุคมีชีวิตอยู่
แต่! ช้าก่อน
!
คนที่มีเงินเยอะกว่ามหาเศรษฐีนั้น
เรียกง่ายๆว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ
เยอะขนาดไหน?
ลองจินตนาการกลับกัน
เอาทรัพย์ทั้งหมดที่ยามาโมโตะ ทาเคชิมีมาแปะๆให้เต็มพื้น
ถ้าคุณสามารถยกพระราชวังแวร์ซายส์มาวางบนลานเงินของเขาได้
พระราชวังลือชื่อนั่นจะลดขนาดลงเหลือแค่เพียงกระเบื้องหนึ่งแผ่น แล้วถ้าให้กองสุมๆ
มันก็คงไม่อาจเทียบเทือกเขาเอเวอร์เรสต์ เพียงแต่ถ้าหากขยันขึ้นไปแล้ว
คุณสามารถก้มเก็บดาวได้ก็แล้วกัน
ถ้าอยากรู้ว่าเหล่ามหาเศรษฐีของโลกอย่าง
บิลเกตส์ วอร์เรน บัฟเฟต์ หรือแม้แต่เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ มีผมหงอกสักกี่เส้น
กรุณาไปถาม ยามาโมโตะ ทาเคชิ เพราะตอนที่หมอนี่ก้มเก็บดาว
บังเอิญไปเห็นทั้งสามคนกำลังแหงนหน้าขึ้นพอดี
มันสมองของเขาก็ไม่ธรรมดา
ยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่เคยมีเพื่อนร่วมรุ่นอายุเดียวกัน ขึ้นม.ต้นเมื่ออายุสิบขวบ
ม.ปลายตอนย่างสิบสอง ปริญญาตรีจากอังกฤษชวดมาเมื่อตอนสิบสี่
ปริญญาโทจากที่เดียวกันเพราะโดนมหาลัยรั้งตัวก็ได้มาตอนสิบหก ต่อมาเกิดเบื่ออเมริกาเลยประชดไปอยู่อเมริกาแล้วได้ดอกเตอร์มาตอนยังไม่ทันสิบแปดดี
ครอบครัวอบอุ่น เหมาซื้อที่ดินหนึ่งหมู่บ้าน
มีสนามกอล์ฟ คอร์ทเทนนิส สระว่ายน้ำ ฟิตเนต ทิศเหนือติดทะเลสาบ ทิศใต้ติดไร่ดอกไม้
มักเหมาเครื่องบินประจำตระกูลไปเที่ยวต่างประเทศทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
ปัจจุบัน เขาคือ
ยามาโมโตะทาเคชิ
เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีหน้าตาหล่อและเท่ห์ขั้นเทพที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารและซีอีโอชื่อดัง
เจ้าของ
The Best Imperial ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมตลอดจนศูนย์ICTที่ใหญ่ที่สุดในยุคนี้
ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าทั้งหมดที่วางขายใน
The
Best Imperial ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า โต๊ะ ตู้ เตียง สบู่
แชมพู ครีมนวดผม น้ำยาล้างจาน ไม่เว้นแม้แต่ผ้าอนามัย ก็คือสินค้าจากแบรนด์The
Best ทั้งหมด แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ยามาโมโตะ ควบคุมการผลิต
และวางจำหน่ายไปแล้วทั่วโลก กำไรงามเบ่งบานชนิดที่ไม่มีใครแซงหน้าได้
เติบโตขยายอาณาเขตเป็นทวีคูณเฉกเช่นแบคทีเรีย
และคุณสมบัติที่พึงรับทราบข้อสุดท้าย
สถานภาพของท่านประธานยามาโมโตะ
ทาเคชิ....
โสดสนิท....
“ความจริงแล้ว
ฉันก็ไม่ได้อยากโสดนะ”
เด็กหนุ่มเจ้าของโปรไฟล์เหนือมนุษย์คนนั้นเปรยเบาๆเหมือนเถียงกับตัวเอง
ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มเปลือกไม้ไล่กรอกขึ้นบนลงล่างอยู่หน้าโน้ตบุ๊กตัวซ้ายอย่างรวดเร็ว
ส่วนนิ้วทั้งสิบกลับพรมอยู่กับคอมพิวเตอร์พีซีตัวขวา หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน
พร้อมเม้มปากเหมือนกำลังอยู่ความคิด
“แค่คู่ชีวิตฉันยังหาฉันไม่เจอแค่นั้นเอง
นายว่างั้นมั้ย เฟร็ดดอริกที่หก ?”
เจ้าของชื่อเฟร็ดดอริกโค้งรับ
อันที่จริงก็เป็นตำแหน่งของเลขานุการประจำตัวของผู้บริหารของ The Best
Imperial ส่วนคำว่า “ที่หก”
ก็หมายถึงเขาเป็นเลขาของทายาทรุ่นที่หกของตระกูล เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว
ไทค์สีดำ สวมทับด้วยสูทเรียบกริบประหนึ่งว่าเพิ่งผ่านการรีดไอน้ำเข้ากับกางเกงสแลคเนื้อดี
และสุดท้ายคือรองเท้าหนังมันเงาวับจนส่องเห็นหน้าได้
แน่นอนว่าหมดทั้งตัวของเขานี่
ทุกสิ่งคือแบรนด์The
Best แม้จะดูชาตินิยมไปหน่อย
แต่ท่านประธานตรงหน้าก็จงใจให้มันเป็นแบบนี้
ทั้งชีวิตถวายเป็นเลขาผู้ทนทานและจงรักภักดีต่อยามาโมโตะ
ทาเคชิ จวบจนชีวิตจะหาไม่ เพราะถ้าไม่ทนก็อาจจะหาชีวิตไม่เจอ
“แล้วท่านประธานเคยเจอเนื้อคู่แล้วเหรอครับ”
“ของมันแน่อยู่แล้วสิ”
ยามาโมโตะสวนกลับทันที สีหน้าของท่านดูมั่นอกมั่นใจ
ปรายตามองเลขาตัวเองเป็นเชิงว่าถามอะไรง่าวๆ “ คนอย่างฉันเจอเนื้อคู่ของตัวเองตั้งแต่เก้าขวบแล้วรู้เอาไว้ซะ!”
“เก้าขวบ?”
เลขาผู้เนี้ยบเว่อร์ทวนคำก่อนจะดีดนิ้วเปาะ “อ้อ! ท่านเฟร็ดดอริกที่ห้าเคยเขียนไว้ในตำราการเป็นเลขาก่อนที่ท่านจะเกษียณอายุว่าคนที่ทำให้ท่านประธานมองได้นานเกินห้าวินาที
มีอยู่แค่คนเดียว...เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เจอกันครั้งแรกในวันเกิดของท่านประธานสินะครับ”
ใบหน้าคมคายขยับเบือนจากคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกหลังจบประโยคของเลขา
แผ่นหลังเอนพิงกับเก้าอี้ลูกฟูกสักหลาดแล้วนิ่งเพื่อระลึก
...มันก็จริง...โลกทั้งใบนี้มีอยู่เพียงคนเดียวที่ยามาโมโตะทาเคชิให้ความสนใจ
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอื่นเข้ามาเลย ยิ่งไปกว่านั้น
เขาต้องไปดูตัวอาทิตย์ละครั้งเพราะมีสาวสวยมากหน้าหลายตามาติดพันเสียด้วยซ้ำ
แต่มันดีได้ไม่เท่าคนๆนั้นนี่...ให้ทำยังไงได้ล่ะ
“ก็มองแล้วมันไม่เป็นตัวของตัวเองดี”
ดวงหน้าคมคายยิ้มอ่อนโยนรับ รอยยิ้มหายากที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นของนักธุรกิจหนุ่มที่วันๆมีแต่งานเต็มหัว
ซ้ำดวงตาคู่นั้นยังละจากหน้าโน้ตบุ๊กแล้วมองทอดไปคลับคล้ายจะล่องลอย
“เหมือนเป็นอีกคน...
รู้สึกว่างเปล่า ไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง ไม่มีอะไรที่พิเศษไปจากคนอื่น”
“สวยมากเลยหรอครับ?”
“ใช่....ทั้งสวย...ทั้งมีเสน่ห์เย้ายวน”
“เซ็กซี่?”
“เห็นหน้าทีไร...ก็เกิดอารมณ์ทุกที”
“รสนิยม?”
“หัวสูง
ฉลาดและช่างเลือก...ยอดเยี่ยมไปเลย”
“ฐานะ?”
“ว่าที่เจ้าของสายการบินยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นและเอเจนซี่ทัวร์
เรียกได้ว่าทำรายได้ให้ญี่ปุ่นมหาศาล”
“การศึกษา?”
“ตรี โท เอก
จากอเมริกาตอนอายุสิบแปด ถ้าไม่มีฉันเป็นก้างขวางคอ
เขาคงได้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง”
“สัดส่วนล่ะครับ?”
“ถามไปวัดโลงศพแกเหรอ?”
ดวงตาคมมองปราดมาปานจะเชือดคอให้ขาดจากบ่าทำเอาเฟร็ดดอริกหุบปากสนิท
พร้อมๆกับที่โทรศัพท์เครื่องบางของท่านประธานยามาโมโตะดังขึ้นบนโต๊ะช่วยชีวิตได้ทันท่วงที
แต่ทันทีที่เห็นหน้าจอโชว์ชื่อเท่านั้นแหละ เด็กหนุ่มก็พ่นลมออกจากปาก
นัยน์ตากลอกขึ้นฟ้าสามสี่ตลบแล้วตัดสินใจกดรับ
แต่ในหัวนี่เขารู้เป๊ะๆว่าคนที่โทรมาจะพูดเรื่องอะไร
“ครับ แม่...”
[ทาเคชิลูกรัก
นี่อยู่ที่ตึกหรอ ตายล่ะ บ่ายนี้มีนัดสำคัญ ลืมไปแล้วหรอจ๊ะ] เสียงหวานหยาดเยิ้มของคุณนายใหญ่ของตระกูลยิ่งทำให้เครียดหนัก
ดวงตาคมชำเลืองมองนาฬิกาดิจิตอลมุมโต๊ะแล้วกรอกเสียงตอบอย่างหน่ายๆ
“ครับๆ
เหลืออีกประมาณสองชั่วโมง เดี๋ยวผมจะรีบลงไป
คราวนี้เป็นคุณหนูจากตระกูลไหนล่ะครับแม่ คู่ดูตัวของผมน่ะ”
ใช่แล้ว...อย่างที่บอกไป
งานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งของท่านประธานยามาโมโตะ คือไปดูตัว ไปดูก็ไปดูจริงๆ
แล้วก็กลับ ทำอย่างไรได้ ถ้าไม่ไปได้โดนหาว่าเป็นไอ้คนไร้มารยาท แล้งน้ำใจ
หน้าตาหล่อแต่เลวปานพระเอกนิยาย ซึ่งเขาปล่อยให้ตัวเองมีภาพลักษณ์แบบนั้นไม่ได้
[ต๊ายยย!! แม่ดีใจจังที่ลูกสนใจ คราวนี้เธอไม่เหมือนคนที่ลูกเคยเจอมาแล้วแน่นอน สวย
เซ็กซี่ หัวสูง ฉลาดและช่างเลือก]
ยามาโมโตะเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินคุณสมบัติอันพึงประสงค์
หัวใจเต้นตึกตักประหนึ่งว่าคนที่จินตนาการในหัวออกมานั่งอยู่ต่อหน้า ร่างทั้งร่างแข็งค้าง
แต่หูกลับจดจ่อกับข้อมูลของแม่ที่กรอกหูเขาอยู่ทีละประโยคๆ
[เป็นทายาทกิจการสายการบินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
แม่จองตั๋วหนังให้แล้วนะลูก ที่นั่งVIP แอร์เย็น เงียบสงบ
บรรยากาศเป็นใจ จากนั้นลูกก็พาเธอมาที่ไร่ดอกไม้บ้านเรา
ตอนเย็นก็ไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันริมทะเลสาบ โรแมนติกที่สุด]
ท่านประธานหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่
มือข้างที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
พอแม่ของเขาจะบอกชื่อคู่ดูตัวคนพิเศษ ให้ทายว่าเขาลุ้นขนาดไหน ยิ่งกว่าตัวโก่ง
เล็บเท้าทั้งสิบจิกพื้นจนเกร็ง
[และคนที่จะไปดูตัวกับลูกวันนี้ก็คือ!!!....]
“...”
[หนูเบียงกี้
ลูกสาวคนโตของท่านประธานโกคุเดระจ้ะ! อย่าให้สายนะ]
แทนคำตอบรับ
เขากลับเงียบแทน แต่แม่ของเขาก็ไม่ยี่หระ วางหูดังแกร็กไม่สนใจว่าจะมีคำตอบหรือไม่
ความรู้สึกที่มันตื่นเต้นขั้นทะลุเพดานอารมณ์ลดวูบลงเตี้ยติดดิน
เพราะชื่อนั้น...มันไม่ใช่ชื่อที่เขาปรารถนาสักหน่อย...เออ แต่เขาก็ควรคิดนะว่าคนๆนั้นจะมาเป็นคู่ดูตัวเขาได้ไง
ฝันกลางวันชัดๆ!
ยามาโมโตะวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ
ใบหน้าคมบอกอาการอึ้งและทึ่งอย่างถึงที่สุด
ก่อนที่จะค่อยๆผ่อนลมหายใจนับเลขข่มสติตัวเองแล้วแย้มรอยยิ้มเหนื่อยใจออกมา
มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป ทั้งๆที่เรื่องอื่นกลับโชคเข้าข้างและทำได้ดียิ่งกว่าใครแท้ๆ
แต่ทำไมพอเป็นเรื่องเกี่ยวกับนาย ฉันถึงทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยนะ
ขนาดจะเจอหน้าอีกสักครั้ง
ฉันยังไม่มีโอกาสเลย...
โกคุเดระ...
“นี่
เฟร็ดดอริกที่หก...ช่วยเตรียมคอลเลคชั่นน้ำหอม The best สำหรับฤดูใบไม้ผลิเอาไว้ด้วย
อ้อ แล้วหนึ่งในนั้นต้องมีกลิ่น Romantic Charisma นะ
ฉันชอบที่สุด”
“นี่ เจ๊! เจ๊ใช้น้ำหอมอะไรเนี่ย
กลิ่นนี้ผมเกลียดที่สุด!! โคตรเหม็นเลยเหอะ!?”
เสียงแหลมจัดของลูกชายคนรองของทายาทธุรกิจสายการบินอันดับท็อปโวยลั่นหลังจากที่เขาก้าวเข้ามาในห้องพี่สาวซึ่งวันนี้ดูจะแต่งตัวเว่อร์ผิดปกติ
หญิงสาวหุ่นในฝันของผู้ชายหลายคนกับเดรสกระโปรงพลีทสั้นอวดเรียวขาขาวกับเสื้อกั๊กสั้นขนเฟอร์สีนวลกำลังนั่งไขว่ห้างปัดอายแชร์โดว์ เธอหันกลับมาค้อนควับใส่น้องชายของตัวเอง
ไล่จิกตั้งแต่หัวจรดเท้า
ให้ตาย!
ยิ่งมองก็ยิ่งเครียด นี่ตกลงเธอมีน้องชายหรือน้องสาวกันแน่
พ่อกับแม่จะแบ่งความสวยให้หมอนี่มากเกินความจำเป็นไปแล้วมั้ง
เด็กหนุ่มเอวบางร่างเล็กวัยสิบเก้าปีที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดปล่อยชายสวมทับด้วยกั๊กไหมถักสีฟ้าอ่อน
เข้ากับกางเกงยีนส์เนื้อดีแนบขาเล็กเรียวตั้งแต่ต้นจรดข้อ ผิวของเขาขาวผ่อง
และด้วยนิสัยชอบทำแต่งานอยู่ในห้องแอร์ที่บริษัทยิ่งทำให้ไม่มีร่องรอยของความกร้านแดด
เครื่องหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีเขียวมรกต จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ
ทุกสิ่งล้วนสะกดสายตาคนมองชนิดที่ไม่มีใครอยากละสายตา
เธอล่ะจินตนาการไม่ออกว่าน้องชายของเธอจะไปหาผู้หญิงที่ไหนมาทำแฟน
ถ้ามีจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นคงได้เป็นคนที่โชคร้ายที่สุด
เพราะรู้สึกว่าความเป็นเพศแม่ตัวเองถูกดูหมิ่นอย่างร้ายแรงด้วยรูปลักษณ์หน้าตาของหมอนี่
แต่ก็เพราะมีหน้าตาของ
โกคุเดระ ฮายาโตะ คนนี้นี่แหล่ะเป็นหลักฐานยืนยัน
เบียงกี้ถึงได้มั่นใจว่าเธอเองที่เป็นพี่สาวของเขาก็เกิดมาสวย
ริมฝีปากอิ่มเคลือบไปด้วยลิปกลอสบิดเป็นรอยยิ้มหมั่นไส้
สองนิ้วเรียวคีบคอขวดน้ำหอมที่ถูกประณามว่าเหม็นไม่บันยะบันยังแล้วยื่นไปหาเจ้าของดวงหน้าสวยๆ
แต่อยากบอกว่ายิ่งเห็นไอ้น้ำหอมสีน่าขนลุกกระเพื่อมในขวดทรงวิลิศมาหราแล้ว
โกคุเดระยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม
“ไม่เข้าใจอารมณ์ของหญิงสาวก็อย่ามาพูดย่ะ! นี่น้ำหอมแบรนด์The
Best Romantic Charisma ที่ว่าที่สามีในอนาคตพี่ชอบที่สุด หอมจะตาย
ไม่เชื่อก็ลอง”
“เฮ้ย! เจ๊!!” ไม่ทันแล้ว คุณหนูเบียงกี้ผู้คลั่งไคล้ The Best ดึงแขนบางๆของน้องแล้วฉีดน้ำหอมที่เจ้าตัวว่าหอมแสนหอมลงบนข้อมือ
ตราราคิณที่ติดมาเพียงเสี้ยววินาทีเล่นเอา โกคุเดระ ฮายาโตะ ผู้เกลียด The
Best เข้าไส้อยากจะร้องไห้
ใช่...เขาน่ะไม่เหมือนกับเบียงกี้
อาเจ๊หลงรักแบรนด์นี้และเป็นแฟนพันธุ์แท้ชนิดที่มีสินค้าทุกคอลเลคชั่นที่ทางห้างสรรพสินค้านั้นวางขาย
บัตรเครดิตส่วนตัวถูกรูดจ่ายไปกับ The Best ไม่รู้เป็นเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
แต่การที่เงินส่วนตัวของคุณหนูใหญ่ของตระกูลโกคุเดระไหลเข้ากระเป๋าฝั่งโน้นไปนั้น
เขายังพอจะรับได้
แต่การที่สินค้าทุกตัวของสายการบินโกคุเดระ
แอร์ไลน์หรือผู้สนับสนุนรายใหญ่ของเอเจนซี่เขาเป็นของ The Best
Imperial ไปซะทุกสิ่งทุกอย่างนั้น เขารับไม่ได้!!
ทุกอย่างมันก็แค่เรื่องจำเป็น!
ที่ตกเป็นลูกค้ารายใหญ่แล้วจ่ายให้ฝั่งโน้นไปปีละหลายล้านเยนนั่นก็แค่เรื่องจำเป็นเท่านั้น!
เพราะพ่อกับอาเจ๊บอกว่าพวกแขกที่บินกับทางโกคุเดระบ่อยๆนั้นเรียกร้องจะเป็นจะตายให้สินค้าหลักที่วางขายในแอร์พอร์ตหรือบนเครื่องนั้นจะต้องเป็นของ
The Best ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่ามันต่างจากยี่ห้ออื่นตรงไหน
เบาะนั่งแล้วจะลอยได้? เตียงนอนแล้วจะฝันถึงมาเรีย โอซาว่า
หรือเปล่าเขาก็อยากจะรู้?
โกคุเดระทนไม่ไหว
เขาทนไม่ไหวที่จะเห็นซีอีโอหนุ่มชื่อดังในคราบเด็กเมื่อวานซืนบริหารงานได้เทพจัดเกินหน้าเกินตาขนาดนี้!! ถ้าหากถามว่าในญี่ปุ่น ผู้บริหารคนไหนที่โกคุเดระ
ฮายาโตะจับตามองมากที่สุด เห็นทีจะไม่พ้นเขาคนนั้น
ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!
เทพเจ้าในร่างของมนุษย์
ที่ว่ากันว่าแม้แต่ก้อนดินหากหมอนั่นหยิบขึ้นไปปั้นก็กลายเป็นทองได้....เว่อร์มั้ยล่ะ!?
ถ้าหากโกคุเดระเรียนจบเอกด้วยวัยเพียงสิบแปดปี
หมอนั่นก็จะจบเร็วกว่า ถ้าหากเขามีเงินเป็นหมื่นล้าน
แน่นอนว่าหมอนั่นต้องพยายามกอบโกยได้มากกว่า
เมื่อตอนเด็กๆก็เคยเจอกันอยู่บ้างเป็นครั้งคราวตามประสางานสังคม แต่หลังจากไปเรียนม.ต้น
ก็ไม่ได้เจอกันเลย
ทางสื่อมวลชน?
ไม่แม้แต่จะเห็นเงา เพราะทั้งเขาและยามาโมโตะ ไม่ชอบสร้างภาพอยู่หน้ากล้อง ทางอินเทอร์เน็ต?
ก็คงจะมีรูปพร้อมข่าวอยู่บ้าง แต่คิดหรือว่าคนอย่างเขาจะยอมเสียเวลาไปนั่งค้นชีวิตประจำวันของคู่แข่ง
เหอะ!
ค้นดิ!! โกคุเดระคนนี้ต้องปันเวลาชีวิตส่วนหนึ่งหมดไปกับการติดตามการทำงานของยามาโมโตะ
ไม่อย่างนั้นจะรู้เหรอว่าหมอนั่นแซงหน้าไปโดยที่เขาเองยังไม่ทันตั้งตัว และไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน
จะพาธุรกิจก้าวกระโดดตามไปเพียงใด แต่ฝ่ายโน้นก็ยังคงนำเขาอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ จนโกคุเดระต้องยกอีกฝ่ายขึ้นหิ้งเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง...ทั้งที่เมื่อก่อนไม่แม้จะมองเพียงหางตา
แต่ก็เพราะไม่มอง...ถึงไม่รู้ว่าคนๆนั้นก้าวไปอยู่ข้างหน้าเมื่อไหร่...พอรู้สึกตัวอีกที...ก็เหมือนว่าข้างหน้าของโกคุเดระ
ฮายาโตะคนนี้ ต้องมียามาโมโตะ ทาเคชิอยู่ตลอดเวลา...
หมอนั่นเก่งขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนกับว่าความสามารถของเขาไร้ขีดจำกัด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะคิดกับเขายังไง
แต่สำหรับโกคุเดระ ฮายาโตะแล้ว ให้นิยามยามาโมโตะทาเคชิ ก็คงจะจะมีเพียงคำว่า “คู่แข่งตลอดกาล”
ก็เท่านั้น
“เจ๊จะไปจริงๆหรอ...เอาตรงๆ...ชอบหมอนั่นเข้าแล้วหรือไง”
น้องชายยิงคำถาม แววจริงจังฉายชัดบนดวงตาสีมรกตน้ำงาม
คำถามที่ทำให้เบียงกี้ถึงกับวางแปรงปัดอายแชร์โดว์ลงแล้วหันกลับมายิ้ม....เป็นยิ้มบางๆที่มักจะไม่ค่อยมีใครได้เห็นนักจากสาวมั่นคนนี้
“ไม่เกี่ยวกับว่าชอบหรือไม่ชอบนะฮายาโตะ...แต่นี่เป็นธุรกิจ
ถ้าพี่กับเขาไปได้สวย กิจการของเราจะรุ่งเรืองขึ้นเยอะ...แล้วอีกอย่าง...”
ริมฝีปากสีพีชยิ้มกว้างขึ้น มองน้ำหอมในขวดด้วยดวงตาประกายหวัง
“ยามาโมโตะ ทาเคชิคนนั้น
เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งโลกปรารถนาจะแต่งงานด้วยทั้งนั้นแหล่ะ...”
จากนั้นร่างระหงก็ลุกขึ้น
แล้วคว้ากระเป๋าบนโซฟาก่อนจะเดินออกไป
แต่เธอไม่รู้หรอกว่าลืมกุญแจรถคันงามเอาไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ทั้งๆที่การลืมของนั้น ไม่ใช่นิสัยของเบียงกี้เลย
โกคุเดระนิ่งไป
มองพี่สาวที่มักจะทำตัวเปรี้ยวอยู่เสมอที่ตอนนี้ต่างไปจากเดิม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าในใจอาเจ๊กำลังห่วงอะไร
ก็ได้ยินมาเยอะเหมือนกันว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ ปฏิเสธผู้หญิงที่ไปดูตัวเป็นว่าเล่น
ความรักไม่สำคัญ ขอแค่ธุรกิจเท่านั้นที่จะอยู่เหนือกว่าใครอย่างนั้นเหรอ...
ปากแข็ง...
สำหรับผู้หญิงแล้ว
พอนานๆไป สิ่งที่สำคัญจริงๆ...
ก็คือความรักไม่ใช่หรือไง....
“เจ๊!!”
โกคุเดระวิ่งลงจากบันไดเวียนในบ้านพร้อมเรียกพี่สาว ใบหน้าสวยของเธอเงยขึ้นมาจากการค้นกระเป๋าอยู่ข้างรถเป็นเชิงว่าเห็นกุญแจบ้างหรือเปล่า
และสิ่งที่เกี่ยวนิ้วเรียวของน้องชายอยู่ก็คือกุญแจรถจริงๆ เพียงแต่ไม่ใช่ของเธอ
“ผมจะไปส่งเจ๊เองก็แล้วกัน”
หน้าเรียวขาวแต้มไปด้วยสีเลือดฝาดพยักเพยิดไปที่รถตัวเอง อย่างที่เบียงกี้รู้ดี
นี่คืออาการที่น้องชายคนเก่งของเธอเขินเวลาที่จะแสดงความห่วงใยพี่สาวสักครั้ง
ริมฝีปากบางขยับยิ้ม ก่อนจะเดินไปก้าวขึ้นลัมบอร์กินีสีขาวอีกคัน ดวงตาเฉี่ยวเหลียวมองสารถีผู้หน้ามนแล้วขำออกมาเบาๆ
“มีใครไปเดต แล้วเขาให้น้องชายไปเป็นเพื่อนบ้าง? นายเนี่ยยังเป็นเด็กน้อยไม่ประสาจริงๆเลยนะ
ฮายาโตะ”
“แล้วมีใครไปเดต
เขาทำหน้าแบบเจ๊บ้างล่ะ?” เจ้าเด็กน้อยไม่ประสาสวนกลับ มือเรียวคว้าเอาแว่นกันแดดมาใส่
พร้อมกับรวบผมขึ้นจากต้นคอขาวระหง ใบหน้าขาวจัดปะทะกับแดดจ้ายามบ่ายหันมามองพี่สาว
ที่แม้ไม่เห็นดวงตาก็รู้ ว่าแม้จะอวดดีแต่เปี่ยมไปด้วยกำลังใจ
“ยิ้มเข้าไว้เถอะเจ๊
เดินมั่นๆเชิดๆเข้าไปหาหมอนั่นเลย แล้วเจ๊จะรู้...ว่าผู้ชายทั้งโลกเขาแพ้ตั้งแต่เห็นขาเจ๊ขยับเดินก้าวแรก”
ลัมบอร์กินีคันเพรียวแล่นแหวกสายตาของประชาชนเข้ามาจอดในโรงแรมหรูสูงเสียดฟ้า
โกคุเดระหยุดรถ ดวงตามองทะลุแว่นเลนส์สีชา
เบื้องหน้าคือตึกแฝดออกแบบอย่างดีด้วยสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่แค่แฝดสองนี่สิ
ปาเข้าไปเป็นแฝดสี่!
ตึกแรกคือห้างสรรพสินค้า
The
Best Imperial ที่มีโกคุเดระเป็นลูกค้าอันดับหนึ่ง ตึกที่สองคือตึกที่อยู่ตรงหน้า โรงแรม The
Best Amari ตึกที่สามคือศูนย์ ICT และตึกสุดท้ายคือสำนักงานใหญ่
เบื้องหลังการทำงานทั้งหมดของตระกูลยามาโมโตะบรรจุอยู่ทุกชั้นของตึกหลังนั้น
ใช่...นี่เขากำลังเหยียบถ้ำของศัตรูอย่างเต็มรูปแบบ
แต่ขนาดนัดผู้หญิงยังนัดโรงแรมของตัวเอง...
หึ...นี่ตลอดทั้งชีวิต
ไม่คิดจะง้อใครเลยล่ะสิ
“น่าวางระเบิดเป็นบ้า
หรือไม่ก็เอาเครื่องบินรบเสียบทะลุกลางไปเลย”
“ทำไม? กลัวสู้เขาไม่ได้หรือไง?”
“โหย เจ๊!! กะอีแค่เศษปูน เศษกระจกแบบนี้เนี่ยนะ
ตระกูลเราสร้างได้เป็นสิบๆชุดเลยเหอะ....รีบๆลงไปได้แล้วไป”
“อวยพรพี่ก่อนสิ”
ใบหน้าสวยยื่นมาหาเขาพร้อมทำหน้าบ้องแบ๊วเหมือนเด็กสาวเดตแรก
ทำเอาโกคุเดระเบะปากก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม น้ำเสียงมั่นใจที่เอ่ยประโยคต่อมา
เป็นเสียงที่เคยไปพูดมาแล้วบนเวทีนักธุรกิจระดับโลก
และคนฟังทุกคนล้วนมั่นใจ
มือบางๆคู่นั้นจะทำให้มันสำเร็จได้
“ตระกูลโกคุเดระสง่างามและมั่นคงไม่มีใครเทียบได้ด้วยขาของตัวเองมานานแล้วเจ๊
แล้วถ้ายังมีผมอยู่ ผมจะไม่ให้ใครมาอยู่เหนือเรา สัญญาเลย!”
“ฮึ...”
เบียงกี้หัวเราะเบาๆ มือบางตบลงกับไหล่มนของน้องชายก่อนจะเปิดประตูออกจากรถไป
เรียวขางามก้าวสาวผ่านสายตาคนแถวนั้นหลายสิบคู่
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายต่างมองเธอจนลับสายตาเหมือนต้องมนตร์สะกดอย่างที่น้องชายเธอว่าไม่มีผิด
ก็ถ้าหากเจ้าของ The Best
Imperial คนนั้น
ถูกขนานนามว่าเป็นเทวดาที่นางฟ้าเดินดินอย่างพวกเธอต้องการไปชิดใกล้
หากไม่ดีกว่าใคร...ก็อย่าหวังว่าเทวดาคนนั้นจะหันมามอง
แต่สำหรับเบียงกี้แล้ว...เธอกลับไม่รู้สึกกลัวสักเท่าไหร่หากโดนปฏิเสธกลับมา
....เพราะเดี๋ยวก็ค่อยมาร้องไห้ซบอก...เทวดาน้อยๆอีกองค์
ที่นั่งรออยู่ในรถนั้นก็ได้...
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักที่จะมีคุณหนูหรือพวกนักธุรกิจชั้นนำมาเดินเชิดอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรม
The
Best Amariแต่การที่ลูกสาวคนโตของเครือโกคุเดระ
แอร์ไลน์มาเดินเฉิดฉายอยู่ที่นี่ย่อมตกเป็นเป้าสายตาของคนยิ่งกว่าดาราเพราะเรื่องความเก่งและความอัจฉริยะในการบริหารธุรกิจได้ดีไม่แพ้เจ้าถิ่นที่นี่ของเธอกับน้องชายดังกระฉ่อนไปทั่วอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะสนใจทักทายใคร ดวงตาเฉี่ยวคมไม่สะท้อนผู้คนที่อยู่รายล้อมคนใดทั้งสิ้น
...นอกเสียจากคนๆเดียวเท่านั้น
เด็กหนุ่มอายุอานามเท่าโกคุเดระ
ฮายาโตะอยู่สวมเครื่องแต่งกายเต็มยศ
ไม่ว่าจะเป็นกั๊กดำสนิทและสวมทับด้วยสูทอีกชั้น ภายในคือไทค์และเชิ้ตสีที่เข้ากันอย่างดี
กางเกงสีดำเนื้อหนาคลุมขายาว
ใบหน้าคมของเขามีรอยยิ้มมาแต่งแต้มน้อยๆเมื่อเห็นเธอเดินใกล้เข้ามา
ก่อนจะลุกขึ้นยืนต้อนรับ
เบียงกี้เคยได้ยินมาบ้างหรอกว่าต่อหน้าท่านประธานยามาโมโตะคนนี้แล้ว
หญิงสาวทุกคนจะมีความรู้สึกเป็นอัมพาต...เหมือนร่างกายจะหลอมละลายเพียงเขาใช้สายตามองมา...ตอนนั้นเธอค้านอย่างมั่นใจว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง
แต่ตอนนี้...เธอสัมผัสได้จากร่างกายของเธอเองว่าเป็นจริงซะยิ่งกว่าจริง!
“เชิญนั่งครับ
คุณเบียงกี้” คุณพระคุณเจ้าช่วย!! เสียงทุ้มหวานปานน้ำตาลดันทะลุหลอดเลือด
ให้ตายสิ เธอไม่อยากจะคิด ว่ามีคนละลายตายกับเสียงของหมอนี่มาแล้วกี่ศพ
“ไม่เจอกันนานนะคะ
ฉันจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจอคุณ ฉันอยู่แค่ม.2 เอง”
ริมฝีปากบางยิ้มหวานสู้
ลูบกระโปรงแล้วนั่งลงกับโซฟากำมะหยี่จากนั้นยกตวัดขึ้นไขว่ห้างอย่างมีสเต็ป อา...ใช่
แล้วจากการกวาดด้วยหางตา มีผู้ชายที่อยู่รอบๆตาวาวกับขาของเธอไม่ต่ำกับสิบราย และเหมือนพระเจ้าเมตตา
เจ้าผู้ชายจอมปฏิเสธคู่ดูตัวเบื้องหน้าดันบ้าจี้จ้องเธอตาเป็นมันอีกคน
เพียงแต่เขาไม่ได้จ้องขา...แต่ดันจ้องหน้านี่สิ
“เอ่อ...คุณยามาโมโตะคะ?”
“คล้าย...”
“หือ?”
“ผมกำลังจะบอกว่าคล้ายกันดีจริงๆครับ
คุณกับน้องชายน่ะ” ร่างสูงตอบอย่างมั่นใจพร้อมรอยยิ้มยืนยันว่าผมไม่ได้พูดอะไรผิด
ยิ่งทำให้เบียงกี้รู้สึกไปไม่เป็น ตั้งแต่ออกดูตัวกับผู้ชายมา
คนๆแรกที่เริ่มเรื่องคุยได้ประหลาดที่สุดก็คือท่านประธานหนุ่มตรงหน้านี่แหล่ะ
นี่คืออะไร? ประเด็นอยู่ตรงไหน!?
การเดตแบบใหม่สไตล์อเมริกันเหรอ ทำไมเธอถึงไม่รู้จัก!?
“ค่ะ...ก็คงอย่างนั้น
หลายคนก็เคยพูดว่าฉันกับน้องเหมือนแฝดคนละฝากันเลยทีเดียว”
ตามน้ำ...มีแต่ต้องตามน้ำไปเท่านั้น
แล้วต้องบิ้วท์อารมณ์ให้ได้สาวน้อยมีข้อด้อยโดนเปรียบเทียบกับน้องชายคนเก่งเค้นคะแนนน่าสงสารเต็มประดา
แต่ละครหลังข่าวของเธอนี่สิกลับไม่ถูกใจยามาโมโตะเข้าอย่างจัง
ไอ้ผู้ชายนิสัยแปลกกลับส่ายหน้าน้อยๆ และชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม
หัวคิ้วขมวดมุ่นเหมือนคิดอะไรเครียดๆอยู่อย่างนั้นแหล่ะ
“ผมแค่บอกว่าคล้ายครับ
ไม่ใช่เหมือน นั่นหมายความว่ามีข้อแตกต่างกันอยู่ จะให้ผมแจงให้ฟังก็ได้นะครับ
ไม่ยากเกินความสามารถ” คนพูดยื่นข้อเสนอเหลือเชื่อให้ง่ายๆเหมือนพ่อค้าขายของในตลาด
โดยไม่สนใจสีหน้าประหลาดๆของลูกค้าเลย
“เอ่อ...คือว่า...”
“น้องชายคุณตัวบางกว่า
ผิวขาวกว่า”
“เป็นเพราะเขาทำแต่งานน่ะค่ะ
แต่แบบนั้นสุขภาพก็ค่อนข้างแย่...” อะ...อะไร? หมอนี่ต้องการอะไรกันแน่(วะ)
แล้วนี่เธอกำลังทำอะไร ไปเถียงเขาให้ได้อะไรขึ้นมาเรอะ!? จากการเดตที่คิดว่าจะหวานซึ้งกลายเป็นการโต้วาทีโดยมีญัตติเป็นโกคุเดระ
ฮายาโตะไปแล้ว!
มันเกิดอะไรขึ้น!?
“ตาโตเป็นประกายแม้ไม่กรีดอายไลน์เนอร์และใส่คอนแทคเลนส์”
จากการชี้แจง มันเริ่มเข้าสู่โหมดเพ้อ แต่คนพูดคงไม่รู้ตัว
“ถึงจะไม่กรีดอาย
แต่ก็ใส่คอนแทคเลนส์สายตานะ” เธอก็มีหน้าที่ที่ต้องปลุกเขาต่อไป
แต่ดูมันไม่เป็นผลเลย
“รสนิยมก็ดี
ไม่ซ้ำซากจำเจ”
“.......”
“จมูกโด่งธรรมชาติ
ริมฝีปากบางแดงระเรื่อปราศจากลิปสติก และ....”
ดวงตาคมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ไล่วนอยู่บนใบหน้างามที่ตอนนี้ปั้นอารมณ์ไม่ถูกของเบียงกี้ก็หรี่ลงเล็กน้อยแล้วเลื่อนต่ำลงใต้ลำคอขาวเพรียว
มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้ม
“หน้าอกไม่มีซิลิโคน”
“ไอ้หมอนั่นมันจะไปมีได้ยังไงล่ะหา!!
ไอ้เบื๊อกนี่!!! ”
ร่างทั้งร่างของคุณหนูคนโตแห่งโกคุเดระดีดผึงจากโซฟา
สองมือบางสั่นระริกตบปังลงกับโต๊ะสะดุ้งสะเทือนไปทั้งล็อบบี้ แต่เธอไม่สนใจ!
ไม่สนใจว่าใครจะมองจะนินทา เรื่องมันอยู่แค่ว่าเธอโดนไอ้เด็กเปรตมานั่งมองหน้าแล้วจินตนาการเปรียบเทียบกับน้องชายตั้งนานสองนานเนี่ยนะ!
หยาม! แบบนี้มันหยามกันชัดๆ
แล้วไอ้ที่มันมีอยู่เนี่ย ของจริง! ของจริงนะจะบอกให้
เป็นสิ่งเดียวที่เบียงกี้ภูมิใจว่าเธอได้มากกว่าน้องชายอย่างแน่นอน!
“และถ้าเขาโกรธคงไม่แค่ทุบโต๊ะใส่
แต่ผมคงโดนตั๊นหน้าหงายกลิ้งไปแล้ว” ยามาโมโตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มองหญิงสาวที่กำลังเดือดพล่านอย่างไม่สะทกสะท้าน
เพราะเขาถือคติว่า พูดความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และก็ไม่เคยมีใครฆ่าเขาตายเพราะคำพูดสักที
“เห็นมั้ย
ว่าคุณไม่เหมือนโกคุเดระ ฮายาโตะสักหน่อย สบายใจแล้วนั่งลงเถอะครับ”
อ๋อ...ที่พูดทั้งหมดนี่เพราะอยากให้เธอสบายใจ...เป็นพระคุณอย่างสูงเลยพ่อยอดขมองอิ่ม!
“นี่นายพูดจาแบบนี้กับคู่ดูตัวทุกคนเลยรึเปล่า
ยามาโมโตะ ทาเคชิ”
สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไป
บรรยากาศคุณหนูผู้เรียบร้อยที่อุตส่าห์ทนมานานแตกเพล้งๆแล้วลงไปกองกับพื้นอย่างไม่มีชิ้นดี
รังสีอำมหิตพวยพุ่งจากร่างเป็นนางพญา พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มผู้เพอร์เฟคตรงหน้าถึงได้โสดจนถึงปัจจุบัน...ก็ใครใช้ให้พูดจาสุนัขไม่รับประทานอย่างนี้
ไม่โดนฝ่ามือก็บุญหนักหนาแล้ว
เหมือนยามาโมโตะจะรู้ดีว่าเบียงกี้คิดอะไรอยู่
เขาเอนตัวพิงกับโซฟาอย่างสบายแล้วผ่อนลมหายใจ
“ในการดูตัวมาไม่ต่ำกว่าห้าสิบครั้งในชีวิตผม
ผมพูดกับพวกเธอเสมอครับว่าผมมีคนที่มองไว้แล้ว....แต่คุณเป็นคนแรก...ที่ผมยอมบอกว่าเขาเป็นใคร”
ชัดเจนแจ่มแจ้ง หมอนี่กำลังจะบอกว่ามันหลงรักน้องชายเธอเข้าแล้วไงล่ะ
หะ...หา...?....หละ
หลงรัก!?
เดี๋ยวสิ! หลงรักเนี่ยนะ!?
ยามาโมโตะ ทาเคชิ
กับ โกคุเดระ ฮายาโตะ เนี่ยนะ!?
พระเจ้า!! นี่คิดวิธีทำให้โลกแตกไม่ออกรึไง!? ทำไม! ทำไมต้องเอาวิธีนี้!? มันแหวกแนววิจิตรพิสดารไปมั้ย!!
“นะ
นี่นายพูดเรื่องจริงหรอเนี่ย...” เสียงของเบียงกี้สั่นและแห้งแล้งปานว่าเป็นยายแก่ใกล้ตาย
แถมปากยังอ้าพะงาบๆเช่นว่าออกซิเจนที่เข้าทางจมูกนั้นมันไม่เพียงพอ แต่สีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายตอกย้ำให้เธอยอมรับความจริงอันโหดร้ายอย่างไม่ปรานี
“ผมไม่เคยพูดโกหกคุณก็รู้...เอาล่ะครับ
จากเวลาที่คุณมาจนถึงวินาทีนี้มันกินเวลาไปแล้วเกือบยี่สิบนาที...เราควรจะเข้าเรื่องพูดคุยสำคัญของการนัดดูตัวคราวนี้ได้แล้ว
ต่อจากนี้ไปถ้าผมไม่อนุญาตกรุณาอย่าพูดแทรกนะครับ” นี่มันคิดว่าเธอเป็นลูกน้องมันไปแล้วมั้ง
“ขะ
เข้าใจแล้วค่ะ” แต่เธอก็บ้าก้มหัวงุดเชื่อฟัง เออ! เอากันเข้าไป
“ผมรู้ว่าที่ผู้ใหญ่ของเราสองตระกูลต้องการเกี่ยวดองกันก็คงเป็นเรื่องธุรกิจ
ต้องขอบคุณเครือโกคุเดระมากนะครับที่ให้ความอนุเคราะห์ The Best
Imperial มาเป็นเวลานาน....แต่....”
ริมฝีปากของเด็กหนุ่มขยับยิ้มน้อยๆก่อนที่จะนำเอกสารหนึ่งแผ่นวางลงบนโต๊ะ
ดวงตาสวยของหญิงสาวชำเลืองดูเพียงเล็กน้อยก็รู้
แน่ล่ะสิ...เพราะกระดาษแผ่นนี้คุณพ่อกับฮายาโตะเคยเซ็นไม่รู้กี่แผ่น
“อย่างที่เห็น
สัญญาคู่ค้าของเรากำลังจะหมดวาระภายในสิ้นเดือนนี้
ทางเรายินดีต่อสัญญาถ้าหากทายาทเครือโกคุเดระยอมตกลงปลงใจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผม...นั่นแหล่ะครับคือสาเหตุของการดูตัว”
“ใช่
เรื่องสัญญาครบวาระน่ะฉันรู้ แต่เงื่อนไขบ้าๆต่อท้ายนั่น ให้ตายยังไงก็ไม่เข้าใจ”
“ผมทำให้คุณเข้าใจเดี๋ยวนี้ก็ได้”
ยามาโมโตะสวนกลับ เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว
“พูดง่ายๆคือพวกคุณมีทางเลือกอยู่แค่สองทาง หนึ่ง...ไม่ต้องต่อสัญญา
แล้วอย่าคิดเชียวว่าถ้าผมเสียลูกค้าอย่างเครือโกคุเดระไปผมจะเดือดร้อน
ตอนนี้มีสายการบินและเอเจนซี่การท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่อื่นๆรอต่อคิวเสียบแทนคุณยาวเป็นหางว่าว
ถึงจะไม่กระเป๋าหนักเท่า แต่อย่างน้อยๆ
ผมก็คงเสียดุลการค้าไปไม่เกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
หญิงสาวเบิกตากว้างทันทีที่ท่านประธานหนุ่มกล่าวจบ
ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกเมื่อพูดในสิ่งที่ในหัวประมวลผลได้
“หมายความว่า...นายกล้าทิ้งโกคุเดระ?”
“อ๋อ
ถ้าหมายถึงธุรกิจล่ะก็ใช่ครับ...” ยามาโมโตะกลั้วหัวเราะ “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่กล้านี่”
เบียงกี้นิ่งอึ้ง
ดวงตาของเธอเบิกขึ้น มือเรียวเผลอบีบเข้ากับที่วางแขนของโซฟาหนานุ่ม
หัวใจของเธอไหวสะท้านเมื่อจ้องมองไปในดวงตาสีเปลือกไม้นั้นไม่มีแววล้อเล่นอยู่เลย
ทุกอย่างที่ยามาโมโตะพูดคือสิ่งที่คำนวณมาอย่างดี
เขาทิ้งโกคุเดระได้ตามที่พูดแน่...แต่ฝ่ายของเธอนี่สิ...
“แต่ถ้าพวกคุณเสีย
The
Best ไป...มันต่างกันโดยสิ้นเชิง....อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าลูกค้ากว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ที่บินกับพวกคุณพึงพอใจในระบบสินค้าและบริการซับพอร์ทของ
The Best เป็นหลัก” รอยยิ้มคมผุดพราย สายตาของเขาจับจ้องเช่นราชสีห์จับเหยื่อ
ยามาโมโตะเท้าคางมองหญิงสาวที่เหมือนยังคิดไม่ตกแล้วหัวเราะน้อยๆ
“ถ้าคิดไม่ทัน ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าคุณจะเสียลูกค้าไปกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์
ลองคำนวณสิครับว่าถ้าเอาไปตีเป็นเงินแล้วจะขาดทุนไปสักกี่ล้าน?”
“.......”
“ถ้าไม่คิดอะไร
ขาดทุนแค่นี้
ทำให้อัจฉริยะอย่างเครือโกคุเดระสั่นคลอนได้ไม่นานนักหรอกครับ...แต่กับคนๆนั้นแล้ว...คงจะไม่มีทางทนได้แน่...เพราะด้วยนิสัย
เขาไม่ยอมถอยให้ใครแม้เพียงก้าว”
“เอาจริงเหรอ...”
หญิงสาวครางถามเสียงสั่น
ในภาวะที่จนมุมและเสียเปรียบอย่างที่ไม่เคยประสบตั้งแต่ก้าวเดินในเส้นทางนี้กำลังมารออยู่ตรงหน้า
“นี่นาย....พูดจริงใช่มั้ย”
ยามาโมโตะนิ่งเงียบ
สีหน้าของเขาไม่มีแววเอื้ออาทรสงสารแม้เห็นความลำบากใจของผู้หญิง
นั่นก็เพราะแบบนี้ที่ทำให้กิจการของ The Best Imperial ไร้เทียมทานท่ามกลางสงครามเศรษฐกิจเลือดเดือด
และถ้ายิ่งเกี่ยวข้องกับโกคุเดระ
ฮายาโตะเพียงใด ยามาโมโตะ ทาเคชิยิ่งอ่อนข้อให้ไม่ได้
“มันเป็นจริงแน่ครับถ้าคุณเลือกวิธีที่หนึ่ง...ส่วนวิธีที่สอง
ฟังดูเข้าท่ากว่าเยอะ แค่คุณไปบอกโกคุเดระ ฮายาโตะให้มาพบผมแล้วเซ็นสัญญาต่อ...ทุกอย่างก็จบ”
“แค่ฮายาโตะเซ็น...ก็จบ?”
เบียงกี้ทวนคำ ดวงตาคมกรอกไปมาอย่างหน่ายๆเมื่อจับความเจ้าเล่ห์ของท่านประธานตรงหน้าออก
ดวงตาสวยช้อนมอง แล้วแค่นหัวเราะ
“จบตรงไหนไม่ทราบ? ...ถ้าเกิดฮายาโตะเซ็นสัญญาต่อล่ะก็...ต้องบอกว่ามันเพิ่งเริ่มต่างหาก ได้เริ่มความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรนั่นกับนายยังไงล่ะ”
“หึ
ความจำดีนี่นา...”
เบียงกี้จ้องสีหน้ายิ้มๆของอีกฝ่ายแล้วอารมณ์มันพาลจะเดือดแล้วก็แตกโพละ! นอกจากคำว่า
‘หมั่นไส้’ แล้ว
ไม่รู้จะหาคำไหนมานิยามท่านประธานยามาโมโตะได้อีก เธอไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าเกิดไปพิศวาสน้องชายเธอเข้าแต่ชาติปางไหน
หรือมันจะเป็นแค่ละครจำอวดหลอกตาหวังจะใช้เป็นกับดักผูกมัดเครือโกคุเดระตลอดไปก็ไม่รู้
แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้อะไร
ก็อย่าหวังว่าสัญญาคู่ค้าฉบับนั้นจะมีลายเซ็นของโกคุเดระ
ฮายาโตะ!!
“ถ้านายคิดจะต่อสัญญากับโกคุเดระ
ฉันแนะนำให้ฉีกมันทิ้งไปได้เลย แล้วบางทีมันอาจจะทำให้นายได้เห็น ว่าเครือของฉันแข็งแกร่งได้โดยปราศจาก
The
Best ได้ยังไง”
แล้วร่างระหงก็คว้ากระเป๋าแล้วลุกพรวดออกไปต่อหน้าต่อตายามาโมโตะ
ทิ้งเอาไว้เพียงคำพูดหนักแน่นยืนยันแทนคำตอบของน้องชาย ซึ่งร่างสูงก็คาดเอาไว้แล้วว่าต่อให้เจ้าตัวมาพูดเอง
มันก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
แผ่นหลังกว้างพิงกับโซฟา
ใบหน้าคมคายเปื้อนยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน ในมือคว้าถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
สายตาคมมองทอดออกไปไกลแสนไกลนอกกระจกใสเช่นเดียวกับความคิดที่เริ่มท่องไปตามเกมอย่างทุกครั้ง
แต่คราวนี้ชักจะเสี่ยง...เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาไม่ใช่แค่รู้สึกเจ็บใจ...แต่มันคงเจ็บเข้าไปข้างในจริงๆ
ตอนนี้...ฉันปล่อยมือนายแล้วนะ
โกคุเดระ
ต่อจากนี้ไปก็เอาเลย...เชิญไล่ตามฉันให้พอใจ
แล้วถ้านายคว้าฉันไว้ได้
ณ จุดที่เรียกว่า ‘ที่สุดในโลก’ อย่างที่นายเคยพูด
ถึงตอนนั้นฉันก็จะไม่หนีนายไปไหน...และก็จะไม่ปล่อยนายอีก...เป็นครั้งที่สอง
ช้า!!
ช้าเกินไปแล้วนะอาเจ๊!!
สกิลการเดตลดลงแน่ๆ
นี่แค่ให้ไปปราบบอสเด็กๆไม่เอาอ่าวแค่เนี้ย ไปเป็นชั่วโมง!
ร่างบางพลิกตัวไปมาในรถอย่างหงุดหงิด
นึกกล่าวโทษพี่สาวที่เคยขยี้หัวใจชายหนุ่มในการดูตัวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่คราวนี้กลับพลาดท่าเป็นฝ่ายให้เขาขยี้เองซะล่ะมั้ง นี่ถ้าแพ้กลับมานะ พ่อจะสวดให้ยับเลย!
โกคุเดระเกลี่ยปอยผมตัวเองให้เข้าทรงก่อนที่จะคว้าหมวกชาลีมาสวมกันแดดแล้วก้าวเท้าลงจากรถ
ถึงจะมั่นใจแค่ไหนว่าอาเจ๊เขาจะไม่พลาดท่าตกล่องปล่องชิ้นไปกับหมอนั่นง่ายๆ แต่ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง
จะใจแข็งกับผู้ขายได้สักกี่น้ำ
นี่ถ้าไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเผยไต๋ธุรกิจให้เขาฟังจนหมดเปลือก
ต่อจากนี้ไปจะทำอะไรกิน!
ขาเรียวจ้ำพรวดๆพร้อมที่จะตรงเข้าไปในโรงแรม
แต่ไม่ทันที่มือจะแตะกับประตูบานใส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างยักษ์สองคนก็ถลาเข้ามากันเอาไว้ซะก่อน ดวงตาสีมรกตถลึงขึ้นทันที
ในหัวมันพาลจะหมุนติ้วๆ
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้มีปัญหากับระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่นัก
“โรงแรม The Best Amari ต้อนรับแขกหน้าตาไฮโซขนาดนี้ด้วยการยืนขวางรึไง! ถอย!!” แต่ไอ้พวกคนถ่อยก็ยังไม่ถอยอย่างที่เขาสั่ง ยังยืนจังก้าแถมยังใช้สายตาสแกนซะจนทั่วตัวแล้วก็หยุดเป็นพิเศษที่บนหัวงามๆ
“ต้องขออภัยด้วยนะครับ
แต่แขกของที่นี่ต้องทำตามกฎ เราไม่อนุญาตให้สวมหมวกเข้าโรงแรมครับ” ร่างบางเลิกคิ้วกับคำชี้แจง...ต้องถอดหมวก
อ้อ เหรอ!
“นี่แน่ใจนะว่าไม่ใช่สถานที่ราชการ
จะเต่าตุ่นไปไหนเนี่ย ฉันไม่ถอด มีปัญหา!?”
แต่ไม่ทันที่ยามร่างยักษ์จะพูดอะไร
หนึ่งในสองคนนั้นก็ต้องหันไปเปิดประตูให้กับผู้ที่จะออก
แต่คนที่ออกมานั่นแหล่ะคือเป้าหมายของผู้บุกรุกเสียงแจ๋วที่มาโหวกเหวกอยู่ตอนนี้
“อาเจ๊!”
หญิงสาวที่เดินออกมานั้นยังสวยสมบูรณ์แบบไม่บกพร่อง
แถมชุดของเจ้าหล่อนก็ยังเรียบร้อยดี แต่ที่เห็นจะไม่ปกติก็คือใบหน้าที่งอหงิก
มือบางกำแน่นที่สายกระเป๋าจนสั่น
แถมรอยแค้นอะไรบางอย่างยังลุกโชนในดวงตาคล้ายกับว่ามันจะระเบิดออกมารอมร่อ
“ปะ...เป็นอะไรรึเปล่า”
“กลับบ้าน
ฮายาโตะ!
กลับแล้วอย่าได้เหลียวหลัง!!” เบียงกี้สะบัดหน้าสั่งน้องแล้วก้าวเดินพร้อมจะไปท่าเดียว
ทำให้โกคุเดระต้องรีบคว้าแขนเอาไว้ก่อน ยิ่งเห็นสีหน้าเจ็บใจของพี่สาวแล้วทำให้โกคุเดระตีความได้อย่างเดียวว่าคราวนี้เสน่ห์ของคุณหนูคนโตของตระกูลโกคุเดระถูกหมางเมินเป็นครั้งแรก!
“เจ๊เป็นไร...นี่อย่าบอกนะว่าถูกหมอนั่นไล่ตะเพิดกลับมา”
เบียงกี้ค้อนขวับ
แต่ยิ่งเห็นหน้าสวยๆของน้องชายแล้วพาลทำให้เธอนึกถึงไอ้บทเพ้อๆของไอ้ท่านประธานยามาโมโตะ
ขาวกว่า!
บางกว่า! ตาโต! ปากแดง!
เออๆ รู้แล้ว!! จะมาตอกย้ำกันทำไมหนักหนา หา!
“พี่จะพูดอีกครั้งเดียวฮายาโตะ
กลับบ้าน!” ว่าแล้วแม่คุณก็สะบัดแขนแล้วเดินดุ่มๆออกไปทันที
น้ำตาที่ดูรู้ทั้งรู้ว่าแกล้งบีบปลิวมาตามสายลมเล่นเอาบรรยากาศชวนให้น้องชายล้างแค้นเต็มแก่
ถึงจะแอบสะใจเล็กๆก็เถอะ แต่ความเจ็บปวดของอาเจ๊ที่ถูกปฏิเสธการดูตัวนับว่าเป็นการหยามเกียรติตระกูลโกคุเดระสูงสุด
ตัวเขาในฐานะน้องชายผู้กตัญญูต่อพี่สาวจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้!!
“เฮ้ย! พวกแกสองตัวรีบไสหัวไป!
ฉันจะไปลากคอบอสของพวกแกมาเค้นคอให้รู้เรื่อง!”
“ไม่ได้ครับ
ต้องถอดหมวกก่อน” มันย้ำ แต่เขาไม่ฟัง
“เสียเวลาตายชัก! ถอยไป!”
“ไม่ครับ”
“โว้ยยยย!! ก็บอกว่าให้...!”
“เอะอะอะไรกัน”
เสียงนุ่มทุ้มแหวกวงจิกตีระหว่างประธานร่างบางกับยามร่างยักษ์ได้อย่างดี
ความเงียบเข้าครอบคลุมเมื่อดวงตาสามคู่เห็นร่างสูงสง่าในชุดสูทสุดเท่ยืนล้วงกระเป๋าแล้วกำลังเดินมาด้วยความมาดมั่น
รังสีประหลาดที่พวยพุ่งออกมาจากตัวเป็นเชิงว่าพระเอกมาแล้วนั่นยิ่งทำให้โกคุเดระรู้ว่าหมอนี่เป็นใคร
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เบิ่งขึ้นนิดๆเมื่อเห็นผู้บุกรุกชัดๆก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกระแสอ่อนโยนอบอุ่น
ทอดมองอาคันตุกะที่ไม่คาดฝันตาไม่กะพริบดังเช่นที่เคยเป็นเมื่อตอนเด็ก
ก็คิดอยู่หรอกว่าตอนโตก็คงจะสวยไม่หยอก
แต่มาเห็นเองจริงๆต้องบอกว่าผิดคาด
เพราะว่าสวยกว่าที่คิดเอาไว้ไม่รู้ตั้งกี่เท่า...
หึ
นี่แหล่ะน้า...สมกับเป็นเนื้อคู่ฉัน
“ยินดีที่ได้พบ
ท่านประธานโกคุเดระ ฮายาโตะ”
.
.
.
.
.
TBC...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น