Project : Happy birthday Gokudera Hayato
Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera]
Ft. Levi X Eren
Drama Action
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือหน่วยงานใดๆที่อ้างถึง
SKYFALL : 23
“อัลเฟร็ดเสียชีวิตแล้วครับ”
คำรายงานจากชายชุดดำว่าขึ้นในห้องกว้างหรู ผู้นำจอร์จิโอแห่งฝั่งซิซิลีรับรู้เพียงเลิกคิ้วขึ้น
เขาเคาะไปป์ลงกับจานแก้วด้วยท่าทางสบายๆราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต สอบถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ตรวจสอบแล้วหรือยังว่าตายจริง”
“ตรวจสอบเรียบร้อยครับ
ส่วนพยานไม่มีใครเห็นมือปืน ทราบเพียงแต่ว่าเขาตายเพราะถูกยิงจากระยะไกล
การเก็บศพและปิดข่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยครับ สื่อมวลชนรู้ว่าเขาเป็นมือปืนเลยมุ่งเป้าเขียนข่าวว่าอัลเฟร็ดถูกสังหารจากการขัดผลประโยชน์กับนายจ้างต้นสังกัด
ส่วนเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ก็ให้การกับตำรวจเพียงว่าเขาเป็นคนมาเช่าอาศัยอยู่เท่านั้น
ไม่ได้ให้รายละเอียดเจาะลึกใดที่จะสาวมาถึงเราครับ”
ผู้รายงานเว้นวรรคไปเมื่อถึงเรื่องที่เขาต้องใส่ใจกับมันเป็นพิเศษ “ส่วนประธานแห่ง
The
Best....”
“ยามาโมโตะ ทาเคชิอยู่ที่นั่นด้วยรึ”
ดวงตาสีแดงมีประกายบางอย่างขึ้นมา
แต่ท่าทีที่ไม่ตกใจอะไรนักก็แสดงว่าเป็นสิ่งที่คาดเอาไว้อยู่แล้ว กลับกันมุมปากของชายสูงวัยจะมีรอยยิ้มสนุกสนานมาเพิ่มเสียด้วยซ้ำ
“ครับ ตอนนี้
ยามาโมโตะและแดชีลล์ เลอรอยด์ได้หลบหนีออกจากคอนโด เขากำลังถูกควานหาตัวอย่างหนักทั้งจากตำรวจและสื่อมวลชนทุกแขนง
มีพยานมากมายชี้ตัวว่าเขาอยู่กับอัลเฟร็ดก่อนตาย
กลายเป็นผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดี
ขณะนี้สื่อออนไลน์ได้สะพัดข่าวออกไปแล้วครับ ส่วนหนังสือพิมพ์คาดว่าน่าจะเป็นวันพรุ่งนี้”
เคนนี่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะโบกมือให้สายสืบออกไป
รับรู้ถึงสายตาที่มองมาอย่างต้องการสอบถามจากชายสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงโซฟา
เคนนี่ยิ้มมุมปากหนึ่งที สำหรับเขา การตายของอัลเฟร็ดเป็นเรื่องธรรมดา
แต่สำหรับสตีเฟนมันคงเต็มไปด้วยปริศนา
“มีอะไรจะถามฉันก็ว่ามา”
“เหมือนท่านทราบอยู่ก่อนแล้วว่าอัลเฟร็ดจะตาย
คนที่ส่งนักฆ่าไปเก็บหมอนั่น...คือท่านเองหรือครับ”
“เปล่า”
เคนนี่ปฏิเสธทันที เขาไม่ได้โกหก “ถ้าฉันคิดจะฆ่า ฉันฆ่าไปตั้งนานแล้ว
ไม่ปล่อยให้แกพามันไปกบดานแบบนั้นหรอก...ทั้งๆที่ใช้การไม่ได้แล้วแท้ๆ”
“ขออภัยครับ”
“แล้วก็เรื่องของเดเมียน
เลอรอยด์ แกไม่ต้องไปตาม เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เป็นคำบอกกล่าวธรรมดาดวงตาสีแดงลึกล้ำหรี่ลงคล้ายจะสั่งอยู่ในที
สตีเฟนตีความหมายของมันออกว่าหลังจากนี้เรื่องของเบธิลด์
ทาวเวอร์และสองเครือธุรกิจมหาอำนาจแห่งเอเชียเขาจะไม่มีโอกาสได้ยุ่งเกี่ยวอีก
หรือไม่ก็จนกว่าจะมีคำสั่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เขาแสดงท่าทางอึกอักทันที
แต่ผู้เป็นนายก็กล่าวตัดบท
“ถ้าต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมล่ะก็ฉันว่าแกทำงานหนักไปแล้ว
คิดไปคิดมาฉันใช้งานแกโดยไม่ให้พักมาเป็นเดือน
ทั้งๆที่แกคงจะเหน็ดเหนื่อยมาตั้งแต่การประมูลเบธิลด์ ทาวเวอร์
ถ้าฉันยังทู่ซี้ให้แกไปทำงานอีก รู้สึกว่าฉันมันไม่มีหัวคิด
ลุยดะเอาเบี้ยแก่ๆไปสู้กับม้าพยศ”
“แต่ท่านควรจะระวังเรื่องประธานยามาโมโตะ”
สตีเฟนเอ่ยต่อทันที น้ำเสียงชายสูงวัยทั้งจริงจังและแฝงไปด้วยความหวาดระแวง
“ผมขอบังอาจเตือน สถานการณ์อาจฟังดูว่าเขากำลังเป็นรอง
แต่เด็กนั่นไม่สิ้นฤทธิ์เพราะเรื่องแค่นี้แน่”
“เรื่องนั้นฉันรู้
แต่แกก็ควรจะรู้ด้วยว่าตอนนี้เด็กนั่นกำลังสู้กับใคร ถึงเขาจะเก่ง
แต่เปลือกแท้ยังไงเขาก็คือเด็กสิบเก้า เขาอาจเป็นแผ่นฟ้าที่เหนือกว่าใคร
แต่ตอนนี้เขาก็ควรจะรู้ว่ายังมีใครที่เหนือกว่า”
เคนนี้ยิ้มร้ายกาจ
เขาแทบไม่สนใจกับการตักเตือนของพ่อค้าชราแต่อย่างใด
ซ้ำยังสรุปคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อยู่ไปเงียบๆซะแมคคาร์ที
อย่าคิดเคลื่อนไหวอะไร ถ้าขัดคำสั่งฉัน...ถึงตายแน่”
สตีเฟนก้มหน้ารับจำนนกับถ้อยคำอันเย็นเยียบ
ความผิดพลาดที่เขาไม่อาจกล้าแม้แต่จะเอ่ยคำแก้ตัว เขาพลาดจริง
และสำหรับจอร์จิโอกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ นี่คือหมากไร้ประโยชน์รอตัดสินชะตากรรม
วินาทีแรกที่เขารู้ว่าอัลเฟร็ดไม่สามารถนำสัญญากลับมาได้มันเหมือนกับตัวเองเอาคอพาดอยู่บนแท่นกิโยติน
ความกลัวตายคือสามัญสำนึกแรก นิ้วหัวแม่มือของเขาสั่นระริกเมื่อต้องกดรับโทรศัพท์จากบอส
แต่คำสั่งแปลกประหลาดว่าให้เก็บตัวอัลเฟร็ดไว้มันยิ่งกว่าปาฏิหาริย์
แต่สตีเฟนไม่เคยแม้แต่จะถามเหตุผล เพราะรู้ว่าไม่จำเป็น
ใครยังมีประโยชน์ก็ยังต้องมีชีวิตอยู่
ใครหมดประโยชน์ก็กำจัดทิ้ง กฎของเคนนี่ แอ็คเคอร์แมนมีเท่านี้ หรือแม้กระทั่งบางคนถูกสั่งให้รอดวันนั้น...จากนั้นก็รอเพื่อถูกสั่งให้ตายในวันข้างหน้า
ชายชรายืนขึ้นค้อมศีรษะก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูปิดลง ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บริหารเหลือบตามองมือขวาตนที่ยืนนิ่งเป็นรูปสลักอยู่ที่หลังเก้าอี้
เพียงเท่านั้นชายฉกรรจ์ในชุดสูทดำก็ผงกหัวรับ
เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นแล้วถ่ายทอดคำสั่งว่าให้จับตาดูสตีเฟน
แมคคาร์ทีไม่ให้คลาดสายตา
เคนนี่เอนหลังประสานมือไว้ที่ท้ายทอย
ในหัวลำดับภาพชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อพาร์ตเม้นท์ เขารู้อยู่แล้ว
ว่าที่อยู่ของอัลเฟร็ดต้องถูกยามาโมโตะค้นเจอ แล้วประธานแห่ง The Best คนเก่งก็ต้องไปที่นั่น อัลเฟร็ดถูกซักฟอกเรื่องสัญญา
แล้วต้องลามมาถึงเรื่องของเดเมียน
คิดมาถึงตรงนี้ดวงตาสีแดงทอประกายด้วยความเวทนาหรือสมเพชก็ไม่อาจดูออก
ยามาโมโตะ ทาเคชิ ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อยไม่ประสา ต่อให้อัลเฟร็ดไม่ตาย
เขาก็ไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับเดเมียนได้ แต่ถ้าอัลเฟร็ดยังรอดชีวิต
ยามาโมโตะอาจทำให้นักฆ่าคนนั้นกลายเป็นหมากของตัวเอง
การโน้มน้าวคนที่กำลังขวัญเสียเพราะทำงานพลาด มันไม่ได้ยากอะไรเลย เพราะฉะนั้นอัลเฟร็ดจึงต้องถูกตัดสินให้ตายเพื่อจอร์จิโอกรุ๊ป
ทั้งยังจำกัดความเคลื่อนไหวของยามาโมโตะด้วยกำลังตำรวจ เคนนี่ยิ้มเยาะ
เขารู้จักการเดินหมากอย่างนี้ดี
การเดินหมากที่มักเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากกว่าหนึ่งอย่างต่อหนึ่งตาเสมอ
ช่างน่าภาคภูมิใจและชิงชังในเวลาเดียวกัน
ชายแก่หัวเราะหึ
“เคลื่อนไหวแล้วรึ...รีไว”
‘ขณะนี้เราอยู่ที่คอนโดหรูที่ได้รับรายงานมายามาโมโตะ
ทาเคชิเคยพักอาศัย ทราบว่าที่จริงแล้วคือคอนโดของแดชีลล์ เลอรอยด์
เจ้าของห้างใหญ่ใจกลางฝรั่งเศส ตำรวจได้ทำการปิดล้อมและแต่ตอนนี้กลับไม่พบร่องรอยของนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังทั้งสอง
ถ้าหากมีความคืบหน้าแต่อย่างใด เราจะแจ้งให้ทราบทันทีค่ะ’
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!
แดชสบถในใจด้วยความเครียดจัด
ตอนนี้เขามึนงงจนไม่รู้อันไหนต้นอันไหนปลาย
เป็นเวลาสามชั่วโมงแล้วที่เขาแทบลืมว่าการนั่งหายใจให้ทั่วท้องมันเป็นยังไง
ตอนนี้เขานั่งอยู่ในรถที่เพิ่งเช่ามาใหม่ ใช้ห้องน้ำในปั๊มแห่งหนึ่งเป็นที่เปลี่ยนชุด
ซึ่งในอีกสามชั่วโมงหรือจนกว่าจะมีผู้พบเจอเข้าก็ต้องเปลี่ยนรถคันใหม่พร้อมปลอมตัวไปเรื่อยๆ
ทำทุกอย่างเหมือนผู้ร้ายหนีคดีไม่มีผิด
หลังเสียงปืนสักนาทีนิดๆเขาแทบร้องเหวอเมื่ออยู่ดีๆก็เห็นยามาโมโตะกระโดดลงจากหน้าต่างโดยใช้หลังคาของบ้านข้างล่างเป็นสิ่งรองรับ
ถึงจะรู้ว่าจากห้องของอัลเฟร็ดมันจะเป็นแค่ตึกชั้นที่สาม สูงไม่ถึงสิบเมตร
แต่มันก็อันตรายอยู่ดีกับการลงเหยียบสิ่งที่ไม่สมดุลสุดๆ หมอนั่นไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเป็นยังไง
มันพุ่งตัวเข้ามาในรถด้วยสภาพเลือดกระเซ็นเต็มทั่วเสื้อผ้าและใบหน้า
ไม่อธิบายอะไรนอกจากคำสั่งหนึ่งประโยค
‘เราต้องหนีแล้วแดช’
หนีอะไร หนีทำไม
หนีไปไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น ณ วินาทีนั้นเขาไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่รู้เพียงเสียงรถตำรวจที่ดังใกล้เข้ามากับสถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาต้องเข้าเกียร์แล้วเหยียบมันออกไปจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด
เขาลอบมองเพื่อนข้างตัวเป็นระยะๆ ยามาโมโตะสงบกว่าที่เขาคิดมาก
มันหยิบผ้าชุบน้ำในขวดแล้วเช็ดเลือดตามใบหน้าและลำคอออก
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้นั่นอาจมองทอดไปข้างหน้าเหมือนจ้องอะไรสักอย่าง
แต่เขาเป็นเพื่อนมันมานาน เขารู้ว่าไอ้ท่าทีแบบนี้คืออาการที่มีความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว
ยามาโมโตะกำลังคิด คิดให้เร็วที่สุดว่าจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์บัดซบนี่ได้ยังไง
เขาเลยปล่อยให้ไอ้เด็กโข่งนั่นคิดหัวแตกไปแล้วรีบเลี่ยงเส้นทางกลับคอนโดทันที
ถึงเขาจะไม่ชินสถานการณ์วิกฤติเท่ายามาโมโตะหรือโกคุเดระก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะกลับไปเจอตำรวจและนักข่าวห่าใหญ่
นึกขอบคุณที่ตระกูลเลอรอยด์ผูกสัมพันธ์กับบริษัทรถมานานด้วยการให้ยืมพื้นที่ในห้างเปิดมอเตอร์โชว์มานัดต่อนัด
การหารถสักคันมาขับในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากนัก
ไอ้ที่ลำบากจริงๆคือคอนโดเขาถูกยึดไปหมดแล้วนี่สิ!
แดชระบายลมหายใจจนสุดปอดกับข่าวด่วนบนจอโทรศัพท์มือถือ
ยามาโมโตะเปิดประตูเข้ามา เขาอยู่ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับแจ็กเก็ตตัวหนึ่ง
ผมที่ถูกเซ็ตเสมอถูกหวีลง
ถึงจะเป็นช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแต่แดชก็อดวิจารณ์ในใจไม่ได้ว่าไม่มีใครจำหมอนี่ได้แน่
เหมือนสลัดคราบนักธุรกิจชั้นนำออกไปแล้วกลายเป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ
ยามาโมโตะม้วนสูทและเชิ้ตเปื้อนเลือดใส่ถุงพลาสติกแล้วโยนไปข้างหลัง แดชสตาร์ทรถอีกครั้ง
พยายามไม่ให้คนในปั๊มเห็นพิรุธแล้วขับออกไป
“ฉันไม่ได้ฆ่าอัลเฟร็ด”
ประธานแห่ง The
Best พูดจริงจัง แดชก็เชื่อ เขาได้แต่พยักหน้าปลงๆ
“รู้ๆ
ฉันรู้ว่าอย่างนายไม่โง่ฆ่าแหล่งข้อมูลของเราแน่ แล้วยังไง นายไม่ได้ฆ่าเขา
แล้วจะหนีอย่างกับโจรห้าศพอย่างนี้ทำไม?”
“ฉันเห็นหน้าคนยิง
ชายอายุสักสามสิบ ใส่แจ็กเก็ตหนัง สวมแว่นดำ มันถือปืนสไนเปอร์
หลังจากยิงเสร็จมันยกหูโทรศัพท์ มันรู้ว่าฉันดูอยู่ จงใจพูดช้าๆให้ฉันอ่านปาก
มันนั่นแหล่ะเรียกตำรวจมา” ยามาโมโตะเล่าเป็นท่อนๆ
ดวงตากลอกไปมาซ้ายขวานั่นยิ่งดูน่าขนลุกพอๆกับตอนที่ตัวเองสติไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่นัก
“ไม่มีผู้ร้ายที่ไหนเรียกตำรวจมาจับตัวเอง แต่มันต้องเรียกมาเพื่อจับเรา
ถ้าตามรอยคนร้ายตัวจริงไม่ได้ ฉันก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ฉันมีปืนสั้น
กระสุนไม่มีทางตรงกับปืนยาวซุ่มยิงแน่ๆ แต่เราจะถูกกักตัวเอาไว้จนกว่านิติเวชจะยืนยันอาวุธสังหารได้
จากนั้นเราจะถูกสอบปากคำ เพื่อปกป้องตัวเองฉันก็จำเป็นต้องพูดว่าฉันเห็นคนร้าย”
ยามาโมโตะอธิบายรวดเร็ว
แดชเม้มปากแล้วคิดตาม เขาชักจะเริ่มเครียดขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากที่เอาแต่ตกใจมานาน
เขาพอจะเดาเรื่องออก
“แล้วจากนั้นฉันก็ต้องเริ่มเล่า
ฉันเกี่ยวข้องกับอัลเฟร็ดยังไง อัลเฟร็ดเกี่ยวข้องกับใคร ใครเป็นต้นสังกัด
แล้วฉันมีธุระอะไรที่ต้องไปหาอัลเฟร็ด ฉันจะต้องบอกตำรวจหมดทุกอย่างถ้าต้องยืนยันความบริสุทธิ์
คราวนี้แหล่ะแดช ฝ่ายเราได้ประกาศสงครามกับศัตรูอย่างจริงจังแน่”
เด็กหนุ่มยิ้มเครียด “วิธีการยื่นหมูยื่นแมวของโกคุเดระคงแตกเป็นเสี่ยง
ทันทีที่เราเปิดโปงเรื่องของมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบธิลด์ ทาวเวอร์เมื่อเดือนก่อน
หรือเรื่องที่โกคุเดระส่งอาวุธให้พวกมันเมื่อสี่ปีก่อน
เรื่องที่สัญญาเราถูกขโมยเมื่อสองวันก่อน ทุกอย่างจะต้องถูกขุด
หลังจากนั้นนายก็น่าจะนึกภาพออกนะ
ว่าถ้าเอาเรื่องคาวๆของมาเฟียมาแฉกลางสาธารณะชนจะได้รับผลตอบแทนยังไง
น่าจะรุนแรงกว่าเห็นขโมยปล้นร้านสะดวกซื้อแล้วแหกปากตะโกนหน้าสี่แยกเยอะเลย”
ฟังแล้วแดชหน้าซีด
เขากลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งที่เข้ามาในหัวคือการไล่ล่าของพวกองค์กรมืด
เสียงปืน คนใกล้ตัวนอนจมกองเลือด ครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก
รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาทั้งหมด ทุกอย่างจะกลายเป็นฝันร้าย แล้วอยู่กันแค่สองหน่ออย่างนี้มันจะรอดจริงๆเหรอ
จะรอดได้หรือไง!?
“เราขอให้ใครช่วยได้บ้างไหม”
แดชถามอย่างมีความหวัง “อย่างเลขานาย เราโทรหาเขาได้หรือเปล่า”
“ไม่
เราลากเฟร็ดดอริกให้มาติดอวนกับเราไม่ได้” ยามาโมโตะปฏิเสธทันที
“คิดถึงกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือการที่เราถูกจับ เราจะเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นพักใหญ่ๆ
เพราะฉะนั้นเราควรเหลือคนที่ยังคงทำงานได้ไว้
ข่าวมันแพร่ไวขนาดนี้เฟร็ดดอริกก็ต้องรู้แล้ว แต่การที่หมอนั่นไม่ติดต่อมาก็คงเพราะคิดเหมือนกัน”
แดชพยักหน้า
เขาทำได้แค่เข้าใจและยอมรับสภาพ
“ตอนนี้ทำได้แค่หนี
ฉันจะขับรถ ส่วนนายเฝ้าข่าวไว้” เขาโยนโทรศัพท์ให้ยามาโมโตะ
“อาจจะได้สักครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเราต้องปิดจีพีเอส ปิดสัญญาณโทรศัพท์
จำกัดตัวเองออกจากสังคมทั้งหมด ถ้ายังไม่อยากถูกจับ...เข้าใจใช่ไหมยามาโมโตะ...ครึ่งชั่วโมงนี้น่ะ”
“โอเค”
ยามาโมโตะรับคำเขา หมอนั่นพยักหน้าสองสามที เข้าใจความหมายทันทีกับเวลาครึ่งชั่วโมงนั้น
มันเป็นครึ่งชั่วโมงที่เขาต้องวางแผนเอาตัวรอดโดยปราศจากการติดต่อกับใคร
ฉับพลันหน้าจอมือถือรายงานว่ามีข่าวด่วนเข้ามา
‘ขณะนี้เรายังตามตัวยามาโมโตะ
ทาเคชิและแดชีลล์
เลอรอยด์อย่างต่อเนื่องท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลมีเดีย ความคิดเห็นกว่าเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อว่านักธุรกิจหนุ่มทั้งสองเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมอัลเฟร็ด
บอตแมน ดังนั้นเราจึงมีสัมภาษณ์พิเศษจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิดเครือ The
Best มากที่สุด ด้วยเป็นหุ้นส่วนมานานกว่าหลายสิบปี
เขาคือผู้ครอบครองตำแหน่งสูงสุดของบริษัทสายการบินและท่าอากาศยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเอเชีย..."
"คุณโกคุเดระ ฮายาโตะค่ะ”
ยามาโมโตะตาเบิกโพลงเช่นเดียวกับแดชที่ชะลอรถอัตโนมัติ
ชื่อของบุคคลที่ไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุดยังก้องในหู
พลันภาพร่างบอบบางของคนที่คิดถึงมาโดยตลอดก็ปรากฏบนจอมือถือพร้อมกับนักข่าวหลายสำนักที่เอาทั้งไมโครโฟนหรือเครื่องอัดเข้าไปประกบ
ด้านหลังมีเลขาคนสนิทอย่างลอร์ดคริสโตเฟอร์และทีมการ์ดอีกสี่คน
สถานที่คือบริเวณหน้าตึกหลักของโกคุเดระแอร์ไลน์ไม่ผิด ไม่ใช่ภาพตัดต่อ
ไม่ใช่เรื่องโกหก คนตรงหน้าเขาคือโกคุเดระจริงๆ
“แหม...ช่างเป็นสัมภาษณ์ที่เรียกเรตติ้งจังนะ”
“นายขับต่อไปเถอะ”
“ตอนนี้นายควรบอกให้ฉันหยุดรถจะปลอดภัยกว่า
ไม่งั้นได้เสยอะไรสักอย่างคว่ำแน่ ฉันโกรธจัดแล้ว” แดชพึมพำลอดไรฟัน
ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์นึกสาปแช่งสำนักข่าวทั่วโลก ยามาโมโตะเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
แต่เขาก็พอจะคิดอยู่แล้ว โกคุเดระไม่เพียงแต่เป็นอดีตหุ้นส่วนเบอร์หนึ่งของเขาแต่ยังคือหนึ่งในท็อปนักธุรกิจโลก การได้สัมภาษณ์คนดังขนาดนี้ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจของข่าวไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ สื่อไม่พลาดแน่ แต่ประเด็นอยู่ที่โกคุเดระ
...ว่าจะพูดอะไรบ้าง
ช่วงแรกนักข่าวได้บอกโกคุเดระถึงสถานการณ์ของเขากับแดช
โกคุเดระยังคงเป็นโกคุเดระ ไม่แตกตื่นกับอะไรง่ายๆ
ใบหน้าสวยรับฟังอย่างสงบอย่างเคย ขมวดคิ้วบ้างเล็กน้อย
พยักหน้าเป็นระยะว่าเข้าใจในเรื่องที่นักข่าวเล่า
‘เรื่องทั้งหมดนี่คุณได้ทราบมาก่อนหรือเปล่าคะ’
คำถามแรกถูกยิงออกไป ยามาโมโตะหน้าตึงทันที
มันแทงใจเขายิ่งกว่าคำถามไหนจนแดชหัวเราะหึๆทั้งล้อทั้งสมน้ำหน้า
‘เราเจอกันครั้งสุดท้ายคือเมื่อสามวันก่อน
ผมรู้ว่าเขาไปอังกฤษ แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขานะ’ โกคุเดระตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ
มีนักข่าวอีกคนบอกให้เขาช่วยเพิ่มเติมรายละเอียด
เจ้าตัวทำท่าคิดอะไรเล็กน้อยแล้วให้ข้อมูลไป ‘ผมเดาว่าเขาอาจจะไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย
หรือมีธุระปะปังอะไรบางอย่าง เราไม่ได้ติดต่อกันระหว่างนั้นเลย เอ่อ
แบบผมว่าเขาคงยุ่ง อีกอย่างโทรจากญี่ปุ่นไปอังกฤษมันก็ไม่ใช่จะถูกๆน่ะ’
‘ขอโทษค่ะ
แต่ที่บอกว่าไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย นั่นใช่คุณ แดชีลล์ เลอรอยด์
นายห้างใหญ่เบธิลด์ ทาวเวอร์คนปัจจุบันหรือเปล่าคะ’
‘คิดว่าใช่
เขาเป็นเพื่อนสนิทกัน
ตามข่าวนั้นบอกสงสัยว่ายามาโมโตะจะเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมมือปืนถูกไหม...แล้วกับแดชีลล์
เลอรอยด์ทางตำรวจก็สงสัยเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ’ โกคุเดระถามกลับ
แดชเหลือบตามองหน้าจอนั้นทันที ส่วนยามาโมโตะได้แต่ขมวดคิ้วคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
ได้ยินเสียงนักข่าวแทรกเข้ากล้องมาว่าแดชีลล์
เลอรอยด์เดินทางมาที่อังกฤษเมื่อสามวันที่แล้วพร้อมกับยามาโมโตะ
มีตั๋วเครื่องบินยืนยัน แล้วทั้งคู่ก็หายไปจากคอนโดอย่างไร้ร่องรอย
โกคุเดระร้องอ้อ
พยักหน้าแล้วไม่ได้ว่าอะไร
‘แล้วคุณโกคุเดระคิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เบธิลด์
ทาวเวอร์ถูกวางระเบิดเมื่อเดือนก่อนหรือไม่คะ’
‘อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้
เรื่องนี้ทางตำรวจคงจะกำลังสืบสวนกัน แต่ถ้าถามความเห็นผม ผมว่ามีความเกี่ยวข้องด้วยสูง’
พอพูดจบนักข่าวก็ฮือฮาทันที ยามาโมโตะยกตัวขึ้นมาจากเบาะ
ส่วนแดชร้องหือยาวๆ แต่โกคุเดระก็ไม่มีท่าทางว่าจะพูดแก้หรือบอกว่าตัวเองล้อเล่น
เจ้าตัวยังยิ้มบางๆเหมือนเดิม ดวงตาสีมรกตยังคงฉายความแน่วแน่อย่างที่ใครต่อใครก็คุ้นเคย
มีคนถามถึงเหตุผล โกคุเดระก็ให้ไปง่ายๆ ‘ต้องบอกว่าเหตุการณ์มันยังไม่สงบนัก
ถ้าหากมีผู้ไม่หวังดีคิดทำลายชื่อเสียงเบธิลด์อีก ก็คงจะเป็นไปได้’
‘ขออีกสักคำถามนะคะ
คุณโกคุเดระมีความรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคะ’
‘ตอนนี้
เบธิลด์ ทาวเวอร์เป็นหุ้นส่วนของผม พูดกันตามความจริงคือผมค่อนข้างจะห่วงเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบต่อกิจการของเขา
และเชื่อว่าคนใกล้ตัวอย่างครอบครัวก็ต้องรู้สึกอย่างเดียวกัน
ก็หวังแต่ให้เหตุการณ์ร้ายๆมันผ่านพ้นไปด้วยดี’
‘แล้วประธานยามาโมโตะล่ะคะ’
เจ้าของชื่อที่ฟังอยู่แทบทำโทรศัพท์หลุดมือแม้ไม่ใช่เวลา
เขาเพิ่มเสียงอีกโดยอัตโนมัติแม้จะมีเสียงแดชโวยวายมาว่ากลัวลำโพงจะแตก
มันเป็นธรรมดาที่เขาจะอยากรู้ว่าจะมีความรู้สึกอะไรจากคนปากแข็งแถมยังความรู้สึกช้านั่นบ้างไหม
‘เอ่อ
เขา...’ ใบหน้าสวยมีร่องรอยความลำบากใจ พึมพำไม่เต็มเสียงนัก
‘เขาเป็นพวกไม่ชอบให้ใครห่วงเท่าไหร่
เราแทบไม่เห็นเขาจนมุมหรืออ่อนแอสุดๆ
ยามาโมโตะจะวางแผนสำหรับเหตุการณ์ล่วงหน้าเสมออีกทั้งเขายังจัดการตัวเองได้ดีเยี่ยม
เขาเป็นคนแบบนั้น...ผมก็เลยเชื่อว่าเขาต้องไม่เป็นอะไร”
หลังจากนั้นร่างโปร่งบางก็ยืนให้กล้องนับยี่สิบตัวถ่ายจนพอใจจากนั้นพวกการ์ดและลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็กั้นที่ให้เจ้าตัวเดินขึ้นรถไป
แดชฉวยโทรศัพท์ไปจากมือเขาแล้วกดปิดทันที ไม่พอยังปิดเครื่อง
ปิดจีพีเอสในรถตามที่เจ้าตัวลั่นไว้ แถมยังเหล่มองเขาเป็นระยะๆอีกด้วย
บรรยากาศในรถชักอึมครึมกว่าเก่าสังเกตได้จากสีหน้านิ่งๆของยามาโมโตะแต่ตาขวางดุเอาแต่จ้องไปข้างหน้าอย่างเดียว
แดชกลอกตา
นึกอยากด่าเหลือเกิน ทำเป็นบ่นว่าฝ่ายนั้นล่ะไม่ประสาพอเป็นเรื่องความรัก
แล้วไอ้ทำตัวเหมือนคนงอนแฟนระหว่างการหนีทั้งตำรวจทั้งมาเฟียนี่คืออะไรไม่ทราบ!
“ฉันรู้ว่านายหงุดหงิด
แต่ตอนนี้โปรดดึงสติครับท่านประธานThe Best
ไม่งั้นได้พังแน่!”
“หมอนั่นไม่น่าพูดแบบนั้น”
ยามาโมโตะกระซิบกับตัวเองเสียงเย็นอย่างกับคนที่ยังอยู่ในห้วงคิด แดชพยักหน้ารัว
เขาเข้าใจ ทำได้แค่เข้าใจ!
“รู้ๆ
ฉันก็ว่าหมอนั่นไม่น่าจะสัมภาษณ์ถึงนายแบบนั้น ถึงไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์พิเศษ
แต่เป็นถึงคนที่ร่วมงานกันมาตลอดควรจะบอกเป็นห่วงหน่อยก็ดี
แต่ยามาโมโตะ...นายคิดจริงๆเหรอว่านายจะได้ยินอะไรแบบนั้นจากโกคุเดระ”
แดชทำเสียงขึ้นจมูกนิดๆ บอกชัดว่ามันเป็นไปได้ยากมาก หรือไม่ก็เป็นไปไม่ได้เลย
“ฉันว่าที่หมอนั้นเค้นความกล้าบอกว่าเชื่อใจนายผ่านสื่อแบบนั้นก็หรูสุดๆแล้ว”
“นั่นสินะ
แล้วนายคิดว่าหมอนั่นต้องเค้นใจกล้าแค่ไหนที่จะบอกว่าห่วงแดชีลล์
เลอรอยด์กับสื่อล่ะ” ยามาโมโตะถามกลับ
แดชหันไปมองเพื่อนด้วยท่าทีอิหลักอิเหลื่อแต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อสีหน้าของยามาโมโตะยังเต็มไปด้วยความคิด
ประธานแห่ง The
Best มีร่องรอยความโกรธก็จริงแต่ไม่ใช่เรื่องหึงหวงแน่นอน
ยามาโมโตะยิ้มมุมปาก แค่นหัวเราะด้วยอารมณ์ที่เดาไม่ค่อยถูกนัก “เรื่องที่นายพูด
ฉันจะเอาไว้คิดบัญชีกับโกคุเดระทีหลังก็ได้ แต่เรื่องนี้เราต้องรีบเคลียร์ด่วนที่สุด”
“หมายความว่าไง”
“นายก็รู้ว่าฉันมาอังกฤษโดยไม่ได้บอกอะไรโกคุเดระสักอย่าง
แล้วก็ไม่ได้บอกด้วยว่าจะมาเจอกับนาย
เพราะงั้นโกคุเดระไม่มีเหตุผลอะไรที่จะพูดว่านายอยู่ที่นี่
หมอนั่นเป็นพวกชอบเดาตามสัญชาตญาณก็จริงแต่ก็ต้องการข้อมูลเพียงพอ
ไม่มีทางพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าต่อหน้าสื่อมวลชน
ความจริงหมอนั่นเป็นพวกเกลียดการอยู่หน้ากล้องด้วยซ้ำ”
ยิ่งพูดยามาโมโตะก็ยิ่งขมวดคิ้ว เรื่องแปลกประหลาดเริ่มเข้ามาทีละเล็กละน้อย “ ‘เราไม่ได้ติดต่อกัน’
‘เหตุการณ์ระเบิด’ ‘ครอบครัว’ นายไม่คิดเหรอว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องวงในทั้งนั้น มันคือสิ่งที่โกคุเดระจะเลี่ยงที่สุดตามนิสัยคนที่ไม่อยากโดนลงคอลัมน์กอซซิป
แต่ที่เขาจงใจพูดมันออกมา”
“แถวบ้านฉันเรียกการกระทำแบบนี้ว่าล่อเป้า”
แดชต่อทันที ยักไหล่แล้วอธิบายง่ายๆ “เป็นสิ่งที่พวกสื่อชอบทำกันอยู่แล้ว
นายก็น่าจะเคยเห็นนะ แบบที่เขียนพาดหัวข่าวโตเท่าบ้านแล้วเลือกใช้คำดึงดูดผู้อ่านน่ะ
ก็เหมือนกับกระทู้ต่างๆในเน็ตถ้าหัวเรื่องน่าสนใจ คนก็จะกดดูเยอะนั่นแหล่ะ”
“แต่ถ้าเป็นแถวบ้านโกคุเดระมันจะเรียกว่าเหวี่ยงเบ็ด...แถมหมอนั่นเล็งปลาไว้หลายตัวมากด้วย...ฉันพูดแล้วก็อย่าตกใจล่ะแดช...”
เขาเว้นวรรคไป
ก่อนกล่าวสรุปขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“โกคุเดระกำลังล่อศัตรู
โดยใช้เราเป็นเหยื่อ”
“หา!?”
“ถ้ามือปืนที่สังหารอัลเฟร็ดคือคนเรียกตำรวจมาจับเรา
โกคุเดระก็คือคนที่ช่วยให้ตำรวจยิ่งตามตัวเรามากขึ้น
จากสัมภาษณ์เมื่อกี้มันยิ่งทำให้ตำรวจรื้อคดีเมื่อเดือนก่อน พวกมันจะยิ่งตามตัวเราเพื่อตามไปสอบปากคำว่าโกคุเดระพูดจริงหรือเปล่า
หรือไม่การที่หมอนั่นบอกว่าห่วงนายกลางสื่อก็อาจจะเพื่อต้องการให้ตำรวจเร่งตามตัวนายเพื่อดึงนายมาปกป้อง
เขาต้องเร่งมือเพื่อทำผลงานแข่งกับนักสืบเอกชนด้วย"
ยามาโมโตะนิ่งไป เขาพยายามนึกว่าโกคุเดระพูดอะไรออกไปบ้าง ทุกอย่างที่หมอนั่นพูดไม่ใช่ไม่มีความหมาย แต่มันแฝงไปทุกเจตนาที่หมอนั่นตั้งใจให้มันได้รับรู้ไปทั่วโลก
"โกคุเดระยังออกโรงช่วยตำรวจทางอ้อมด้วยซ้ำ ที่หมอนั่นบอกว่า 'เราไม่ได้ติดต่อกัน' นั่นก็เพื่อต้องการบอกว่าเขาสามารถติดต่อกับฉันได้แบบเป็นส่วนตัว เช่นโทรศัพท์ ฉันมีหลายเบอร์มากเพื่อเอาไว้ติดต่อธุรกิจ แต่คนที่รู้เบอร์ฉันมากที่สุดก็คือโกคุเดระ เพราะรวมเบอร์ไพรเวตไปด้วย ถ้าตำรวจได้หมายศาลเมื่อไหร่ เขาต้องเชิญโกคุเดระไปให้ข้อมูลเพื่อหาเบาะแส ผลก็คือเราจะถูกตามตัวแบบพลิกแผ่นดิน...พอเราถูกจับ สื่อแพร่ข่าวออกไป
ตอนนั้นล่ะถึงจะรู้ผลว่าโกคุเดระตกได้ปลาอะไร”
ยามาโมโตะแปลความหมายด้วยรอยยิ้มเครียดๆ
โกคุเดระเป็นอย่างนี้เสมอ ทำตัวแบบนี้ประจำ หมอนั่นเวลาทำอะไรจะไม่เคยให้เวลาเขาเตรียมใจ
ยามาโมโตะยอมรับว่าตามความคิดของโกคุเดระได้ มันใช้แก้ปัญหาและรอดมาได้ทุกครั้ง
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบใจทุกอย่างที่หมอนั่นคิด เพราะสุดท้ายแล้วมันมักจะลงเอยที่เจ้าตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย
โดยเฉพาะครั้งนี้ที่เขาว่ามันน่ากลัวกว่าครั้งไหน
“หมายความว่าถ้าจะทำให้แผนการของโกคุเดระสัมฤทธิ์ผล
เราต้องถูกจับใช่ไหม” แดชหันมาถาม ยักไหล่เป็นเชิงถามว่า ‘จะเอายังไง’
ยามาโมโตะยิ้มออกมานิดหน่อย...แปลก
เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงแล้วที่เขาหนีมา
ตลอดเวลาเขาพยายามไม่แสดงออกให้แดชเป็นกังวล แต่ที่จริงเขาทั้งเครียดและกลัว
ชีพจรและการหายใจไม่เคยเป็นปกติได้นับตั้งแต่วินาทีที่ได้ยินเสียงปืน กลิ่นเลือด
ศพ คราบเขม่า ความล้มเหลว ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาจนรู้สึกอยากอาเจียน
ไม่รู้จะหนีไปทางไหนหรือทำอะไรต่อดี แต่นี่หมอนั่นได้เลือกเส้นทางเอาไว้ให้เขาแล้ว
แล้วหมาจนตรอกอย่างเขาจะทำยังไงได้...
“ก็คงต้องถูกจับ”
แดชเม้มปากกับคำพูดเบาๆนั่น
ไม่ต่อปากต่อคำหรือถามเหตุผล เหลือบมองป้ายข้างทางที่ตอนนี้เขาพ้นลอนดอนมาแล้วกำลังจะเข้าสู่เซาธ์อีสต์โคสต์
แดชหรี่ตามองถนนเบื้องหน้าที่ไม่ค่อยมีรถขวักไขว่เท่าไหร่นักเพราะเป็นเขตชานเมือง
พลันแดชเบิกตาโพลงเมื่อเห็นรถคันหนึ่งที่กำลังสวนมาวิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วทำท่าจะข้ามเลนมาหาเขา
“เฮ้ยๆๆ!”
แดชร้องลั่น เขาเหยียบเบรกจนมิด เสียงล้อเสียดสีถนนดังสนั่นแสบแก้วหู
ท้ายรถปัดเหวี่ยงด้วยความเร็วของมันจนสุดท้ายหยุดขวางกลางถนน
เช่นเดียวกับไอ้รถเจ้าปัญหาที่หยุดขวางกลางลำกั้นปิดถนน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วอย่างกับพายุพัด ผ่านไปเท่าที่สติจะรับรู้ได้ แดชเงยหน้าจากพวงมาลัย
เขาลูบหน้าหนึ่งที ช่องท้องโล่งกลวงไปหมด มือยังสั่นไม่ยอมหยุด
“พระเจ้าช่วยๆ”
เขากระซิบกับตัวเองเสียงสั่น ถามหาคนข้างตัว “เป็นไงเพื่อน ยังไม่ตายใช่มั้ย”
ไม่มีเสียงตอบ
แต่เสียงหอบหายใจก็ช่วยยืนยันได้ แดชพรูลมหายใจ แต่ไม่ทันที่จะได้หายใจโล่งดี มีผู้ชายสี่คนลงมาจากรถ
หนึ่งในนั้นควานเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทแล้วยื่นบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พวกเขาเห็น
“นี่ตำรวจ!!
กรุณาลงมาจากรถเถอะครับ! เราต้องการตัวพวกคุณไปสอบปากคำ
ถ้าหากยังหนีจะมีความผิดข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่นะครับ!”
แดชกับยามาโมโตะหันไปมองข้างหลังโดยอัตโนมัติ
มีรถอีกคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดปิดทางหนีของพวกเขา ส่วนด้านข้างนั้นเป็นป่ารกชัฏ นี่มันเรียกว่าไร้หนทางจริงๆ
“โอเค
ฉันรู้ว่าเราถึงเวลาต้องลงไปแล้ว มันเป็นฉากที่โกคุเดระจัดขึ้น
นี่อาจจะเป็นการเล่นตำรวจจับผู้ร้ายที่สมจริงที่สุด นั่นตำรวจจริง
แต่นายก็อย่าลืมว่านายเป็นผู้ร้ายจริงๆเหมือนกัน” แดชเตือนเสียงต่ำ
เขาคว้าไหล่เพื่อนไว้แล้วบีบแน่น
“บอกฉัน...ถ้านายถูกขุดเรื่องของเคลล์แมน
มาร์ตันขึ้นมา นายสามารถเอาตัวรอดได้ นายจัดการได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาใช่ไหม!?”
ยามาโมโตะส่ายหน้า
“ขอบเขตอำนาจของ The Best น่ะจำกัด ตำรวจลอนดอนทำเป็นปิดหูปิดตาเรื่องที่ฉันฆ่าเคลล์แมนได้
แต่ตอนนี้เราอยู่กันที่เซาธ์อีสต์โคสต์ ที่นี่ฉันจัดการอะไรไม่ได้
พูดง่ายๆก็คือนอกเครือข่าย”
“เฮ้ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับโกคุเดระส่งนายเข้าคุกแบบไม่ได้ตั้งใจเลยไม่ใช่เหรอ!"
“อือ...ก็คงจะใช่”
เด็กหนุ่มร่างสูงว่า ยิ้มจางให้กับสีหน้าสิ้นหวังของเพื่อน เขาไม่รู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาได้ขนาดนี้
แต่เขาคงไม่โทษโชคชะตา ยังไงมันก็คงต้องเกิดเข้าสักวัน เขาฆ่าคน
ไม่มีทางที่คนทำผิดจะอยู่ได้อย่างสบายๆแล้วทำเหมือนเรื่องที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องโกหกหรือฝันร้าย ไม่โทษโกคุเดระ หมอนั่นทำดีที่สุดอย่างที่เคยทำมาตลอด แล้วถ้านี่เป็นความต้องการของโกคุเดระ
เป็นวิธีการที่จะทำให้พวกเขาไปสู่หนทางชนะ เขาก็ต้องกระโดดลงไป
แม้ว่าทางนั้นมันจะเป็นนรก...มันเป็นเรื่องที่โทษใครไม่ได้
ถ้าหากจะโทษ...ยามาโมโตะก็คงจะโทษตัวเอง
ที่ปิดเรื่องนี้กับโกคุเดระตั้งแต่ทีแรก...
สองนักธุรกิจชื่อดังที่หลบหนีมาเกือบสี่ชั่วโมงเต็มลงจากรถ
ยืนประจันหน้ากับนายตำรวจนอกเครื่องแบบ
ยามาโมโตะกวาดสายตามองภาพที่ตำรวจหลายนายเข้ามาประกบตัวเขาแล้วพาไปขึ้นรถ
เขาปล่อยทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่ขัดขืน ทำตัวปกติจนน่าประหลาด
มีเพียงดวงตาที่มีประกายบางอย่างขึ้นมากับคำกระซิบเบาๆให้ตัวเองได้ยิน
“โอเค...โกคุเดระ
เราลองมาเสี่ยงกันสักตั้ง”
‘ตอนนี้สองนักธุรกิจหนุ่มที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมอัลเฟร็ด
บอตแมนได้ถูกคุมตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยตำรวจในเขตเซาธ์อีสต์โคสต์
ทั้งคุณยามาโมโตะ ทาเคชิและคุณแดชีลล์ เลอรอยด์จะถูกสอบปากคำที่สถานีตำรวจ
ทั้งนี้ได้มีการกั้นไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายใน
หากการสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่เราจะรายงานให้ทราบในคราวต่อไปค่ะ’
นักข่าวหญิงคนหนึ่งกล่าวสรุปกับหน้ากล้อง
ฉากหลังเธอเป็นสถานีตำรวจขนาดใหญ่ที่มีสำนักข่าวอื่นๆไปรอทำข่าวอีกมากมาย
หลังจากนั้นข่าวตัดไปเป็นวิดีโอที่ชายหนุ่มร่างสูงสองคนเดินเข้าประตูไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่
มีการ์ดคุ้มกันอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปรบกวนการสอบปากคำ
โกคุเดระดูข่าวทั้งหมดผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
เขาสะดุดลมหายใจนิดหน่อย หัวใจเต้นผิดจังหวะไปบ้างเมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินผ่านกล้องไป โกคุเดระเกาข้างแก้มตัวเอง อาจเป็นเพราะไม่ได้เจอกันหลายวันมันก็เลยทำให้เขาคิดถึงหน้าหล่อๆนั่นล่ะมั้ง
แต่ไม่นับที่เขาต้องพยายามหรี่ตามองอย่างลุ้นๆนะว่ายามาโมโตะจะแอบส่งคลื่นรังสีความโกรธทะลุผ่านมาหรือเปล่านะ! โอเค
เขายอมรับว่าทำแบบนี้แล้วต้องเตรียมตัวขอโทษหมอนั่นดีๆที่ทำอะไรกะทันหันไม่บอกไม่กล่าว
แต่เขาว่าการที่ยามาโมโตะยอมให้ตำรวจคุมตัวแสดงว่าหมอนั่นต้องเข้าใจแผนการของเขาสักเจ็ดแปดส่วน
ยังหัวไวสมกับเป็นหมอนั่นเหมือนเดิม
ส่วนเขาพอเหวี่ยงเบ็ดพร้อมเหยื่ออันโอชะไปแล้ว
ก็ต้องรอปลาติดเบ็ด
พลันเสียงข้อความก็ดังขึ้น
โกคุเดระหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของคนๆหนึ่ง
เด็กหนุ่มร่างบางยิ้มกว้างออกมา หัวใจพองโต เขาแทบอยากกระโดดโลดเต้นพร้อมร้องดังๆเหมือนตอนที่นักฟุตบอลทำประตูได้ด้วยซ้ำ
รอเดี๋ยวก่อนเถอะ รองานเสร็จเมื่อไหร่
เขาจะขอเลี้ยงบุฟเฟต์พรีเมี่ยมคนที่ส่งข้อความมาจริงๆด้วย
โกคุเดระกดมือถือตามเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มา
กดโทรออกแล้วเอาแนบหู นิ้วเรียวเคาะรอสัญญาณเสียงที่กำลังติดต่อไปยังปลายสาย
จนสิ้นสุดการรอ
[นั่นใคร]
เสียงแหบของชายสูงวัยคนหนึ่งดังผ่านมา
ทั้งตัวคำถามและตัวน้ำเสียงมีแต่ความหวาดระแวง โกคุเดระเหยียดยิ้ม
“ผมโกคุเดระ
ฮายาโตะครับ คุณเดเมียน เลอรอยด์”
TBC...
มิยะขอเม้าท์
เดี๋ยวก่อนนะ
ก่อนจะแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไอ้หน้าหล่อแถวนี้ ขอไอ้มิยะโหยหวนแป๊บนึง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
เสร็จแล้วเสร็จจนได้ตอนนี้ ไม่เข้าใจจริงจัง
ทำไมตอนสั้นๆถึงได้เสร็จยากเสร็จเย็นเยี่ยงนี้ คือจะบอกว่าวันที่ 21 แล้ว ยังได้ไม่ถึงครึ่งตอนเลยง่ะ แต่เข็นมันทันวันเกิดแกได้นี่
ชั้นล่ะดีใจจริงๆ อิลูกเขยยย TvT
เอ้าๆ
สุขสันต์วันเกิดนะยามาโมโตะ ทาเคชิ
สุขสันต์วันเกิดอิลูกเขยเบอร์หนึ่ง
ผ่านไปกี่ปีๆก็ให้ท้ายแกอยู่คนเดียวเนี่ย มีความสุขมากๆ เท่ห์ๆอย่างนี้ไปอีกนานๆ
เห้อ คิดถึงจัง คิดถึงจนต้องไปค้นรีบอร์นบนชั้นมาอ่านเลย
อ่านกี่รอบๆก็คิดว่าแกนี่มันเท่ห์จริงๆนะ เพราะงั้นก็ขอมอบตอนนี้ให้เป็นของขวัญไปเลย
แฮ่!
พูดถึงฟิคต่อ
ตอนนี้อยากบอกว่าฟ้าถล่มภาคนกดำมีความยากและความซับซ้อนซ่อนเงื่อนแซงภาคเจรจาไปเรียบร้อยแล้ว
สาเหตุที่ไอ้มิยะเสร็จช้าเพราะมัวแต่เลือกรูธนี่แหล่ะ
พอจะเขียนรูธนี้มันก็มีเหตุผลมาแย้ง ทั้งความเหมาะสม ความไม่สมเหตุสมผลอะไรมากมาย
สุดท้ายเลยออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งตอนต่อๆไปจะคลี่คลายค่ะว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ จะบอกว่าตอนนี้ทุกคนเดินหมากของตัวเองแล้ว หนูก๊กคิดจะทำอะไร เบอร์เดเมียนได้มาจากไหน คุณรีไวทำอะไรอยู่ แล้วนุ้งเลนล่ะ แล้วชะตากรรมอิเนียนจะเป็นเช่นไร
โปรดติดตาม....
เจอกันตอนหน้าจ้ะ
แต่คงจะต้องสลับกับนิติเวชบ้างเป็นบางเวลา
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
Miya
ยังรออยู่นะคะ อยากให้กลับมาเขียนต่อจังเลย
ตอบลบฮืออ คิดถึงมากๆเลยค่ะ
ตอบลบคือเราพึ่งมาเจอเรื่องนี้ไม่กี่วันก่อนค่ะ ช้าไปไหมช้ามาก เราชอบเรื่องที่คุณมิยะเขียนมากๆเลยทุกเรื่องในblogเลยค่ะ ถึงเราจะคาดหวังเล็กๆว่าอยากให้คุณมิยะมาแต่งต่อจัง ฮ่าฮ่า ชอบภาษาที่ถ่ายทอดออกมามากมากเลยค่ะไม่รู้จะเรียบเรียงยังไงดีแต่เราขอชื่มชมคุณมิยะจริงๆค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ
ตอบลบ