หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Au.Fic Attack on Titan [Levi X Eren] FORENSIC : หลักฐานชิ้นที่ 6



Au.Fic  Attack on Titan [Levi X Eren] FORENSIC
Drama  action  investigation
NC-17                         
คำเตือน : เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ด้วยแนวเรื่องนี้เป็นฟิคที่ตัวหนังสือค่อนข้างเยอะ โปรดระวังอาการล้าทางสายตาจ้ะ




หลักฐานชิ้นที่ 6 เหตุผล




            เอิร์ด จิน กระชับปืนในมือ ขณะที่เดินเข้ามาในใต้ถุนตึกร้าง มันเป็นตึกที่รอทุบเตรียมก่อสร้างใหม่เพราะฉะนั้นไม่มีใครเข้ามายุ่มย่าม เมื่อวานนี้หลังจากที่เควิน บราวน์เข้าผ่าตัดในโรงพยาบาล หัวหน้ารีไวสั่งให้เพ็ตโทร่าสืบหาประวัติมัน และฝากให้ทางผบ.เอลวินหาคนเข้ามาติดกล้องขนาดเล็กไว้ตามตึกที่อยู่รายล้อมโรงพยาบาลทุกจุด

            หากเควิน บราวน์มีสังกัดแล้ว ทันทีที่หมอนี่ถูกตำรวจจับได้ หัวหน้าของมันก็มีหน้าที่ต้องเลือกว่าจะมาขโมยตัวกลับไป หรือกำจัดทิ้ง ซึ่งดูท่าว่าจะเป็นอย่างหลัง

            ถ้าอย่างนั้นสำหรับพวกมันแล้ว เควิน บราวน์อาจเป็นแค่ลูกกระจ๊อกปลายแถวไม่มีความสำคัญใดๆ เขายังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าต่อให้หมอนั่นรอดจากมือปืนนี่มันจะเป็นประโยชน์ต่อคดีได้ไหม แต่ถึงอย่างนั้นทีมสืบสวนพิเศษทุกคนก็รู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาไม่มีเบาะแสใดๆตามตัวอาชญากรอาร์นันโด แฟ้มคดีของพันตรีเอียนถูกขโมยไปจนหมด ทุกอย่างต้องนับจากหนึ่งใหม่ เพราะฉะนั้นแม้หลักฐานจะมีมูลน้อยแค่ไหน พวกเขาก็จำเป็นต้องรักษามัน

            ความเงียบของฝีเท้าตำรวจชุดสอบสวนพิเศษนั้นจัดว่าระดับเอ เอิร์ดเดินขึ้นบันไดปูนเปลือย พยายามไม่ไปรบกวนฝุ่นหนาๆให้มันฟุ้งจนรบกวนจมูก ออลโอ้บอกเขาว่าคนร้ายไม่มีวอล์คกี้ทอล์คกี้ นั่นหมายความว่ามันมาคนเดียว

            แปลก...การมาฆ่าคนทั้งๆที่รู้ว่าอยู่ใต้จมูกตำรวจแบบนี้ ลุยเดี่ยวมางั้นเหรอ

            ต้องการอะไร หรือแค่ท้าทายตำรวจ?

            [เอิร์ด! คนร้ายเคลื่อนไหว! มันกำลังหนี!!] ออลโอ้ตะโกนเสียงเข้มเข้ามา เขาสบถหนึ่งทีแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดจนแทบเรียกได้ว่ากระโดด นายตำรวจหนุ่มขึ้นมาถึงชั้นที่มือปืนกำลังซุ่มดูอยู่ ชั้นนี้เป็นชั้นโล่งกว้าง ระเบียงเป็นปูนสูงเพียงแค่หน้าอก ลมโกรกเข้ามาทุกทิศทาง เอิร์ดหันซ้ายหันขวา ไม่เห็นแม้เงาใคร

เขารีบก้าวไปแถวระเบียง ฝุ่นเกาะหนาเป็นนิ้ว แต่มีบางหย่อมที่เหมือนจะสะอาดกว่า เหมือนเพิ่งมีใครเอาบางอย่างมาวางทับ

            เอิร์ดลองตั้งท่าเหมือนคนจะยิงปืนสไนเปอร์ มันทับรอยสะอาดๆนั้นได้พอดี คนร้ายเล็งปืนจากตรงนี้ มันตรงกับกระจกห้องพิเศษของโรงพยาบาล แล้วห้องนั้นก็มีเควิน บราวน์นอนอยู่

            เอิร์ดมีสีหน้าเจ็บใจ แต่เขาก็จำที่ต้องรายงานไปตามตรง

            “มือปืนได้หลบหนีไปแล้วครับ”









            “รับทราบ” เสียงทุ้มต่ำกล่าวใส่วอล์คกี้ทอล์คกี้ไปสั้นๆรับรู้สถานการณ์ทางฝั่งตึกร้าง รีไวมีสีหน้าหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่คิดที่จะสั่งลูกน้องให้ไล่ล่า เพราะถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงมันคงไม่มีทางจบแบบเงียบๆอีกแน่

มีกฎหลายข้ออยู่ที่เอลวินขอจากเขาเพื่อแลกกับการที่จะยอมช่วยเหลือเขาทุกอย่างเพื่อตามหาตัวเจ้าพวกวายร้ายข้ามชาติ หนึ่งในนั้นคือเขาต้องไม่ปฏิบัติราชการแบบ เอิกเกริก คำๆนั้นคงจำกัดความถึงไม่วิสามัญฆาตกรรมโดยไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ไม่ตามจับผู้ร้ายกลางวันแสกๆต่อหน้าสาธารณชนจนชาวบ้านเดือดร้อน แล้วถ้าคดีนั้นไม่เกี่ยวกับอาร์นันโดแล้วล่ะก็ เขาต้องยอมรามือให้ตำรวจในพื้นที่จัดการทันที

            เอลวินอ้างว่านี่คือการรักษาภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือขององค์กรตำรวจสากลเบอร์ลิน ถ้าหากเขาไม่ยอมปฏิบัติตามจะถูกพิจารณาให้ปลดจากหน้าที่ทันที นั่นเป็นสิ่งที่รีไวจำต้องรับฟัง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจปล่อยมือองค์กรนั้นได้ มันเป็นยิ่งกว่าสิ่งที่ค้างคาในใจ ยิ่งกว่าเสี้ยนหนาม

เรียกว่าฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนก็คงไม่ผิด

“พวกมันคงรู้ตัวเพราะดูพวกเราอยู่เหมือนกัน” ฮันซี่ว่า “เราอาจโดนแฮคระบบกล้องวงจรปิด หรือไม่พวกมันก็อาจเอากล้องมาติดเพิ่ม เรียกอะไรดี ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่”

เอเลนฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ทุกคนยังไม่มีท่าทีว่าจะเครียด เขาเองก็ด้วย ส่วนหนึ่งก็คือเขาโล่งใจที่ยังไม่ได้ยินเสียงปืน โรงพยาบาลยังปกติ กระจกไม่แตก ยังไม่มีใครตาย โดยเฉพาะเควิน ที่เอเลนรู้สึกว่าทีมสอบสวนพิเศษต้องประคบประหงมและปกป้องเขาราวกับไข่ในหิน

“สวัสดีครับ” นายตำรวจสองคนทักทายเมื่อเห็นพวกเขาเดินตรงเข้ามา แต่เอเลนพอที่จะจับน้ำเสียงและสีหน้าได้ มันเป็นการทักทายตามมารยาท และดูเหมือนว่าหัวหน้ารีไวจะไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องพวกนั้นด้วย

“รู้หรือเปล่าว่าผู้ต้องสงสัยกำลังจะถูกฆ่า” ฝ่ายตำรวจสากลเข้าเรื่องอย่างไม่รีรอ แม้เป็นเพียงเสียงกระซิบเพราะไม่ต้องการให้ในโรงพยาบาลแตกตื่นแต่มันกลับน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงตะคอกดังๆ ดวงตาสีเทาเต็มไปด้วยการตำหนิ

ตำรวจสองนายมุ่นหัวคิ้ว แต่ก็พยายามอธิบาย “พวกเราจัดเวรยามคอยป้องกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วครับ นอกจากมีแพทย์เข้ามาดูอาการเป็นระยะๆและพยาบาลเข้ามาให้ยาแล้ว เราไม่เคยให้ใครเข้าไป”

“รวมถึงตำรวจอย่างพวกนายด้วยงั้นสิ” รีไวสวนกลับไปทันที เขากรีดรอยยิ้มหยัน “มีคนร้ายคนหนึ่งเล็งไรเฟิลมาจากตึกด้านโน้น ทันทีที่มันลั่นไก ลูกกระสุนแหวกอากาศมาด้วยความเร็ว ทะลุกระจกแตกแล้วทะลวงหัวเควิน บราวน์...ตอนนั้นหรือไงถึงจะเข้าไปดูกัน”

“โปรดทำความเข้าใจครับ พวกเราไม่สามารถเข้าไปเฝ้าเขาภายในห้องได้” นายตำรวจคนหนึ่งชี้แจง

รีไวมุ่นหัวคิ้ว “ทำไม”

“ก็เพราะผู้ต้องสงสัยของนายเขาใส่ Nasal cannula* น่ะสิ” พลันเสียงตอบก็ดังมาจากทางด้านหลัง รีไวปรายตามองก่อนจะหันกลับไปยืนประจันหน้ากับผู้ที่สืบเท้าเข้ามาหาพร้อมกับกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะอยู่นิดๆ “นายรู้ไหมว่ามีเชื้อก่อโรคเยอะแยะแค่ไหนในโรงพยาบาล ฤทธิ์ของมันทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ใส่เครื่องมือทางการแพทย์ เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงระมัดระวังเรื่องการเข้าเยี่ยมมาก หนึ่งก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้นายเอาเชื้อโรคไปติดเขา และสองคือป้องกันไม่ให้คนไข้เอาเชื้อโรคมาติดนายเอง...เท่านี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนดีไหม สิบตรีรีไว”

ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นมาหยุดเท้าต่อหน้า เอเลนก็สังเกตเขาได้ชัดเจนขึ้น เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง อายุน่าจะสักสามสิบต้น ดวงตาและผมสีดำสนิทราวปีกกาอย่างคนเอเชีย เขาจัดเป็นคนที่มีบุคลิกภาพดีคนหนึ่งจากท่าเดินและยืน  ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มน้อยๆที่อ่านไม่ออกอยู่เป็นนิตย์ จะว่าเป็นรอยยิ้มสนุกสนานก็ไม่ใช่ประชดประชันก็ไม่เชิง เขาอยู่ในชุดสูททรงยาวจนอาจเรียกได้ว่าโค้ท ตรงแขนเสื้อมีตราและเขียนว่า POLIZEI เท่านั้นเอเลนก็รู้ว่าคนๆนี้เป็นตำรวจเยอรมนี

“ชิกิชิมะ”

“ต่อหน้าลูกน้อง นายควรจะเรียกฉันว่าผู้กองชิกิชิมะ” เจ้าของชื่อว่าเย้าๆ แต่รีไวไม่สนใจ ดวงตาสีขี้เถ้ามองกลับไปอย่างเฉยชาปนไม่สบอารมณ์

“นายมาที่นี่ทำไม”

“พูดอย่างกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันเลยนะ” ชิกิชิมะว่าเสียงต่ำ “จะบอกอะไรให้ ตอนนี้ไอ้หนุ่มที่นอนอยู่ในห้องนั่นยังไม่ได้ถูกสอบสวนแล้วตัดสินว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาร์นันโดที่นายกำลังตามกลิ่นอยู่ ตามประวัติก็คือเด็กมีปัญหาที่ก่อคดีนับไม่ถ้วน คดีล่าสุดคือขโมยของ...นั่นก็หมายความว่าเควิน บราวน์ยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของฉัน”

“อ้อ แม้ว่าหมอนั่นจะมีเฮโรอีนในร่างกายด้วยงั้นเหรอ”

“นายทำอย่างกับมีแค่อาร์นันโดพวกเดียวที่เล่นเฮโรอีนได้” ชิกิชิมะว่ากลับ รอยยิ้มกับสีหน้าอย่างนั้นเอเลนเห็นแล้วต้องลอบกลืนน้ำลายสักอึก เขาแทบจะเห็นคำด่า คิดอะไรตื้นๆแฝงมากับสายตาของผู้กองหนุ่ม “แค่ผงขาวๆน่ะ สิบตรีรีไว ตอนนี้มีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองไปหมด อย่าเพิ่งเหมารวมแล้วทำอะไรเกินกว่าเหตุได้ไหม แค่นายทำเขาซี่โครงหักจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้มันก็เสียเวลาทำคดีไปเยอะแล้ว”

“นั่นสิ เสียเวลาไปเยอะแล้วจริงๆ” รีไวพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ “แล้วจะให้ฉันเข้าไปสอบปากคำเควิน บราวน์ได้หรือยัง”

ชิกิชิมะระบายลมหายใจ “ที่ฉันพูดไปนายไม่เข้าใจเหรอ”

“เข้าใจสิ เพราะงั้นฉันถึงต้องสอบปากคำเขาให้เร็วที่สุด เพื่อให้มันชัดกันไปสักทีว่าหมอนี่เกี่ยวข้องกับอาร์นันโดหรือเปล่า”

“แล้วถ้าเควินไม่เกี่ยว”

“คดีนี้ก็กลายเป็นของนาย” รีไวตอบง่ายๆเหมือนไม่สนใจ ดวงตาคมปลาบจ้องฝ่ายตรงข้ามกลับไปตรงๆ ผู้กองชิกิชิมะเลิกคิ้วขึ้นแล้วคลี่ยิ้ม แต่ดวงตานั้นไม่ได้ยิ้มด้วย

เอเลนมองสถานการณ์เบื้องหน้าแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้คุณฮันซี่โดยอัตโนมัติ เหมือนตรงนั้นเป็นพื้นที่อันตรายเกินกว่าจะเข้าใกล้ แต่ถึงบรรยากาศจะเลวร้ายเพียงใดเอเลนก็นิ่งคิดตามนิสัย ผู้กองชิกิชิมะเป็นตำรวจประจำการอยู่ที่เบอร์ลิน หากเขาจะเคยพบหัวหน้ารีไวมาก่อนก็คงจะเป็นเมื่อสองปีก่อนที่หัวหน้ามาทำคดีอาร์นันโด ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ทั้งสองคนเหมือนไม่ค่อยถูกกัน แต่ก็มีหลายอย่างที่คล้ายกันอย่างประหลาด

สีหน้า แววตา ท่าทาง ลักษณะการพูด หรือแม้แต่บุคลิก...

คนพันธุ์เดียวกันชัดๆ

ไม่รู้ว่าเผลอไปมองผู้กองชิกิชิมะจนเสียมารยาทไปหรือเปล่า พลันเอเลนก็เย็นวูบที่สันหลังเมื่อดวงตาสีดำเบี่ยงมาจับจ้องที่เขาเอง ใบหน้าคมคายฉาบไปด้วยความแปลกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“นี่ใครน่ะ” ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวยังเดินเข้ามาประชิดตัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มประหลาดจนเอเลนผวาถอยสักสองก้าวเพื่อตั้งหลัก หากแต่ยังไม่ทันขยับตัว มือแกร่งตรงหน้าก็เตรียมยื่นเข้ามาคว้าไหล่กันหนีเสร็จสรรพ แต่ไม่ทันที่ผู้กองชิกิชิมะจะแตะตัวเขา ฝ่ามืออุ่นของใครบางคนก็เอื้อมมาจากด้านหลังแล้วนาบเข้าที่หน้าผาก ออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อรั้งเขาให้ออกห่างแล้วไปอยู่ข้างตัวเองแทน เอเลนแทบลืมหายใจ เขายืนตัวแข็งเกร็งเมื่อเสียงทุ้มต่ำว่าด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย็นชาดังขึ้นข้างๆ


“ลูกน้องฉัน อย่ายุ่งได้ไหม”


ชิกิชิมะเลิกคิ้วขึ้น เขามีสีหน้าแปลกใจอยู่ชั่วครู่แล้วแค่นหัวเราะออกมา มือที่ค้างอยู่กลางอากาศทิ้งลงข้างตัวอย่างไม่ประดักประเดิด

“ทำเอาตกใจจริงๆนะเนี่ย ที่อยู่ๆนายก็คว้าเอาเด็กแบบนี้มาเป็นลูกทีม มาตรฐานทีมสืบสวนพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปไม่เคยธรรมดาเลย” พลันดวงตาคู่คมนั้นก็มองมาทางเอเลนอีกครั้งจนเด็กหนุ่มต้องเผลอลูบมือตัวเองให้หายขนลุก มันทะลุทะลวงราวกับจำชะแหละเขาไปวิเคราะห์เป็นส่วนๆทีเดียว “แต่ฉันว่าฉันรู้จักหน้านายนะ เมื่อวานก่อนพอดีฉันมีธุระที่โรงพยาบาลนี้นิดหน่อย เลยเห็นนายอยู่ข้างๆแพทย์นิติเวชเยเกอร์ในห้องผ่าศพ เป็นลูกศิษย์เหรอ หรือผู้ช่วย?

เอเลนยิ้มแห้ง แนะนำตัวไปอย่างช่วยไม่ได้

“เป็นลูกชายครับ ชื่อเอเลน เอเลน เยเกอร์”

“ว้าว! งั้นก็ถือว่าสมแล้ว”  ชิกิชิมะร้อง เขาโคลงหัวยิ้มๆ ทั้งชื่นชมและเสียดายในคราวเดียวกัน เอเลนนิ่งอึ้งไป เขาไม่ค่อยจะถูกมองแบบนี้บ่อยนักในฐานะแพทย์นิติเวช แล้วเขาเองก็ไม่คิดจะได้รับสายตาอย่างนี้ด้วย คนที่เห็นเขาครั้งแรกในห้องผ่าศพส่วนมากจะมีแต่ความสงสัยปนประหลาดใจ อย่างเลวร้ายก็คือดูถูก แต่คนที่เชื่อว่าเขาควรจะมายืนอยู่ตรงนี้โดยไม่มีเงื่อนไขนั้นแทบหาไม่ได้เลยจริงๆ

เพราะอย่างนั้นถึงผู้กองชิกิชิมะจะดูแปลกๆและปากร้าย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับคนๆนี้นัก

“ฉันจะเข้าไปสอบปากคำได้หรือยัง” น้ำเสียงดุกระด้างเอ่ยแทรกขึ้น ผู้กองแห่งสน.เบอร์ลินไม่ต่อความหลีกทางให้ ส่วนนายตำรวจสองคนที่ตั้งแง่กับพวกเขาทีแรกรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้แทบไม่ทัน พวกเขาเดินเข้าไปในห้องพักคนไข้ เควิน บราวน์นอนอยู่บนเตียง สภาพของเขาดีแม้ยังจะต้องให้ออกซิเจนอยู่เพราะปอดยังไม่คืนสภาพเดิม ส่วนซี่โครงของเขาก็ยังคงไม่สมประกอบอยู่ แต่ด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่นเอเลนเดาว่าไม่น่าเกินสองเดือนเขาคงกลับมาเป็นปกติ

แต่สำหรับคดีมันรอไม่ได้ถึงขนาดนั้น ทีมสอบสวนพิเศษต้องการเบาะแสของอาร์นันโดให้เร็วที่สุด ถ้าผู้ต้องสงสัยมีสติและพูดได้ก็ถือว่าครบเงื่อนไข รีไวต้องการเท่านี้

“คนไข้เพิ่งรู้สึกตัวครับ เขายังมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย เพราะอย่างนั้นคงให้เวลาสอบสวนนานไม่ได้ และพยายามอย่าให้คนไข้ขยับตัวนะครับ” แพทย์เจ้าของไข้ชี้แจง รีไวพยักหน้ารับรู้ นายแพทย์วัยกลางคนก็ถือชาร์ตออกไป ในห้องเหลือเพียงหนึ่งผู้ต้องสงสัย หนึ่งนักศึกษาแพทย์ กับอีกครึ่งโหลตำรวจ เอเลนนึกสงสารเควินขึ้นมาตงิดๆ แค่หมอนั่นเห็นหัวหน้ารีไวหน้าก็ซีดไปทั้งแถบ

เอเลนเลือกที่จะอยู่ข้างคุณเพ็ตโทร่าที่มุมห้องโดยไม่เฉียดเข้าใกล้รอบเตียงเด็ดขาดที่ตอนนี้มีหัวหน้ารีไวยืนอยู่ฝั่งซ้าย คุณฮันซี่อยู่ฝั่งขวาและผู้กองชิกิชิมะไปจับจองพื้นที่ปลายเตียง ค่อนข้างจะเป็นภาพแปลกตาสำหรับเอเลนที่เห็นคุณฮันซี่ที่มาจากกองพิสูจน์หลักฐานไปร่วมวงเปิดปากผู้ร้ายด้วย เขาจึงกระซิบถามเพ็ตโทร่า และได้คำตอบเหลือเชื่อมาว่าปกติคุณฮันซี่จะทำงานอยู่ในห้องแล็ปซะส่วนมาก แต่อย่าให้เธอได้เข้าห้องสอบสวน ยิ่งได้เข้าพร้อมๆกับหัวหน้ารีไวด้วยแล้วทั้งคู่จะเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนที่เก่งมาก ไม่มีอะไรที่อยากรู้แล้วไม่ได้รู้

“ฉันต้องการให้แกตอบคำถามฉัน” รีไวว่าอย่างไม่อ้อมค้อม แต่เควินกลับหลบตา เถียงไปข้างๆคูๆ

“อะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันขโมยของ พวกแกก็ได้ของกลางไปหมดแล้วนี่ ที่ร้านก็มีกล้องวงจรปิด ยังมีอะไรต้องถาม”

“ถามว่าแกขโมยของพวกนั้นไปทำอะไร” คนเป็นตำรวจว่าต่อ คราวนี้เควินมีท่าทีหลุกหลิกอย่างเห็นได้ชัด หมอนั่นเม้มปากเป็นระยะๆ ดวงตากลอกไปมาราวคิดคำตอบในหัว

“ขโมยเอาสนุก ของกินก็เอาไว้กิน ของใช้ก็เอาไว้ใช้ ของมีค่าเอาไปจำนำ”

“กำปั้นทุบดิน” ชิกิชิมะพึมพำด้วยรอยยิ้มดูแคลน

“ของใช้พวกนั้นดูเกินความจำเป็นกับนายนะ เควิน บราวน์” ฮันซี่ว่าบ้าง “อย่างอุปกรณ์ทำระเบิดขนาดย่อมนี่ แกจะเอาไปเผาอะไร แล้วอย่างเสื้อชูชีพนี่แกจะเอาไปลงน้ำที่ไหน ใช่แถวชายแดนเดรสเดินหรือเปล่า”

“แกพูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง!” เควินเถียงหัวชนฝา หมอนั่นกลอกตาหลบตำรวจวุ่นวาย แต่ตำแหน่งที่พวกรีไวยืนก็จัดว่าไม่มีที่ให้หนี ลงท้ายเจ้าเด็กอายุสิบเจ็ดถึงก้มหน้า มือสองข้างบีบกันไปมาอย่างสับสน ท่าทางเหล่านั้นทำให้รีไวหรี่ตามอง เขาเดินเข้าใกล้ผู้ต้องสงสัยอีกเล็กน้อย ไม่สนใจว่าชักเข้าใกล้พฤติกรรมที่เรียกว่าคุกคาม

“เผื่อแกไม่รู้นะ บราวน์” รีไวว่าเสียงเย็น ดวงตากดจ้องเด็กหนุ่ม ชี้นิ้วไปที่หน้าต่าง “เมื่อกี้นี้มีคนจ้องส่งลูกกระสุนยาวเท่านิ้วมาทะลวงขมับแกเพราะแกดันพลาดท่าโดนพวกฉันจับได้ ทางรอดของแกมีอยู่ทางเดียวคือตอบคำถามพวกฉันตามความจริง แต่ถ้าแกยังปิดปากเงียบ ฉันก็คงต้องปล่อยแกไปตามยถากรรมในฐานะพยานที่ใช้การไม่ได้...แล้วตอนนั้นแกจะมีชีวิตรอดในโรงพยาบาลนี่กี่วัน ฉันก็อยากจะรู้”

หน้าเควินเบิกตาโพลง มือเริ่มสั่น ยิ่งซีดลงไปอีก เขาใกล้ระเบิดน้ำตา เขาเหลือบมองหน้าต่างทีเหลือบมองรีไวทีอย่างหวาดระแวง เด็กหนุ่มคว้าแขนเสื้อสูทแล้วขยำแน่นพร้อมกระซิบถามเสียงสั่น “จะ จริงนะ ถะ ถ้าฉันบอก แกจะคุ้มครองฉันใช่ไหม!

รีไวพยักหน้า เขาแกะมือเด็กหนุ่มออก ปล่อยให้มันสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆแล้วหันไปรับซองเอกสารจากเพ็ตโทร่า หยิบรูปถ่ายหนึ่งใบยื่นไปตรงหน้าเควิน มันเป็นรูปของพันตรีเอียน ดิทริชที่เสียชีวิตไปแล้ว

“ผู้ชายในรูปนี้แกเคยเห็นเขาหรือเปล่า”

คนถูกถามส่ายหัว “ไม่ สาบานได้ ฉันไม่เคยเห็นเขา”

รีไวพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะเลื่อนรูปเป็นใบที่สอง เขาคือนายตำรวจไนล์ บุคคลปริศนาที่หายสาบสูญไปแล้วเกือบอาทิตย์ เควินหรี่ตามองรูปเหมือนนึกอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็สั่นศีรษะเหมือนเดิม รีไวเหลือบตามองฮันซี่ เธอจะทำหน้าที่สังเกตท่าทางของคนร้ายระหว่างที่คู่หูเธอสอบปากคำ สายตาของเธอดีพอๆกับที่สามารถประกอบชิ้นส่วนปืนกึ่งออโตเมติกหรือนั่งแยกหลักฐานเล็กๆเท่าเส้นผมได้ทั้งวัน เพราะฉะนั้นกล้ามเคลื่อนไหวของดวงตา กล้ามเนื้อใบหน้า การหลั่งเหงื่อ อัตราการขยับหน้าอกจากการหายใจ อะไรก็ตามที่คือพิรุธเพราะคนร้ายโกหก เธอจะจับได้ทันที

ซึ่งเควินไม่มีอาการพวกนี้ เขาไม่ได้โกหก

“ถ้าอย่างนั้นมาถามเรื่องที่แกรู้กัน” น้ำเสียงของรีไวยังคงดุแต่ผ่อนรับผ่อนสู้ “ปกติวันๆหนึ่งแกทำอะไร ไม่ได้ขโมยหรือทำตัวมีปัญหาล่อตำรวจทุกวันใช่หรือเปล่า”

“ใช่ ไม่อย่างนั้นเหนื่อยตาย” เควินยิ้มกวน “ฉันไม่ได้เรียน พอดีเหลวแหลกจนโดนไล่ออกมาตั้งนานแล้ว อยู่กับแก๊งค์เพื่อน กินเหล้า ควงสาว เมาหยำเป๋ นึกสนุกก็ไปขโมย หรือไม่ถ้ามีคนอยากให้ขโมยก็ขโมย”

“ถ้าเมื่อวานแกไม่ถูกฉันจับได้ แกจะเอาของที่ขโมยมาไปไหน” รีไวถามต่อ ดูท่าว่าคำถามนั้นจะตรงจุดเควินพอดี เจ้าตัวเริ่มอ้ำอึ้ง มือชื้นเหงื่อ ในลำคอแห้งผากไปหมด เด็กหนุ่มทำท่าจะคว้าแก้วและเหยือกน้ำตรงหัวเตียงเทดื่มเพื่อดับกระหาย หากแต่ยังไม่ทันจะเอื้อมถึง มือแกร่งก็ชิงคว้าไปถือไว้เสียก่อน ใบหน้าเย็นชานั้นเผยรอยยิ้มมุมปาก เขาแสร้งรินน้ำช้าๆลงแก้วเกิดเป็นเสียงดังจ๊อก มองผู้ต้องสงสัยปากแข็งที่กำลังกลืนน้ำลายอย่างไม่นึกไยดี

“ยังไม่ทันพูดอะไรก็คอแห้งแล้วเหรอ ไม่ไหวๆ” ผู้กองชิกิชิมะหัวเราะน้อยๆ เขาก้าวเข้ามารับเหยือกน้ำจากรีไวไปแกว่งเล่นไม่สนใจสายตามุ่งร้ายจากผู้กระหายน้ำที่นอนอยู่ “วันนี้เป็นวันแรกที่แกต้องถอนพิษเฮโรอีนด้วยไม่ใช่? บอกเอาไว้ก่อนว่าถ้าการสอบปากคำยังไม่จบ ฉันจะยังไม่ให้หมอหรือพยาบาลคนไหนเอาเมทาโดน*มาให้แกทั้งนั้น...เคยลงแดงไหม ทรมานเจียนตายแค่ไหนรู้หรือเปล่า อยากลองนักเหรอ?

“นะ ในอีกสามวัน ฉันต้องไปรับของที่คาเฟ่ 100 wasser กำหนดนัดคือสิบโมงเช้า” เควินพูดรัวเร็วอย่างไม่มีทางเลือก “จากนั้นฉันจะต้องเอาของทั้งหมดไปส่งที่สวนสาธารณะเทียร์การ์เทนเวลาสิบเอ็ดโมงตรง ที่นั่นจะมีคนรอรับอยู่ หน้าที่จบแค่นั้น”

รีไวรุกต่อ “แกจะไปรับของจากใคร แล้วเอาไปส่งให้ใคร”

“เราไม่รู้ชื่อ ทุกอย่างต้องนิรนาม คนมารับก็ไม่เคยซ้ำกันด้วย” เควินว่า เด็กหนุ่มเริ่มมีสีหน้าท้าทายเมื่อเห็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นิ่งคิด “เริ่มรู้สึกพลาดบ้างหรือยังที่มาค้นคำตอบจากฉัน บอกเอาไว้ก่อนเลยว่าถ้าพวกแกคิดตามรอยพวกเรามันไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิด พวกเรามีเยอะมาก กระจายอยู่ทุกที่แม้ในจุดที่พวกแกคาดไม่ถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ยุโรปเหมือนรากไม้ที่แตกแขนงใต้ผืนดิน...ส่วนฉันก็เป็นแค่รากบางๆ ที่รอให้ไอ้ตำรวจหน้าโง่อย่างพวกแกมาดึง แล้วเข้าใจว่าถอนรากถอนโคนพวกเราได้แล้ว”

“เหรอ...” รีไวรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมปลาบมองเด็กปากดีแล้วกดยิ้มลึก “ถ้าแกว่าอย่างนั้นมันก็คงจะช่วยไม่ได้จริงๆ...ฉันก็คงมีหน้าที่ที่จะต้องเด็ดรากมันไปทีละนิดๆ จนกว่ามันจะไม่มีรากเอาไว้ดูดซึมน้ำอาหาร จากนั้นก็เฉาตายในที่สุด ส่วนแกก็ไปเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนในคุก อย่างนั้นดีไหมล่ะบราวน์?

เด็กหนุ่มกำมือที่สั่นกึกๆของตัวเองเอาไว้ใต้ผ้าห่มจนมิดเมื่อเผลอไปสบนัยน์ตาดุจนน่าขนลุกนั้นเข้า เขาถูกจับบ่อย ปะทะกับตำรวจจนเรียกได้ว่าชิน นับตั้งแต่ใช้ชีวิตเหลวแหลกจนถึงเมื่อวานนี้เขายังคิดว่าตำรวจคือพนักงานกินเงินเดือนที่มีดีแต่อวดอำนาจบาตรใหญ่ ดีแต่ข่มขู่และใช้กำลัง ทำตัวกร่างแต่กับเด็กเหลือขออย่างเขา เขาได้แต่ทุเรศพวกมันแต่ไม่เคยกลัว

แต่กับตำรวจคนนี้ เพียงแค่จ้องตามันทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้าน ทุกคำพูดไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นเรื่องที่เขาจะทำจริงๆ และจะทำให้ได้แม้ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม สิ่งนั้นนั่นล่ะคือความน่ากลัว

“แกอยู่ในองค์กรอาร์นันโดใช่ไหม” เสียงทุ้มต่ำดังกังวานในห้องเงียบ เด็กตรงหน้าเขาสะดุ้งทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เช่นเดียวกับเอเลน หัวใจเขามันเต้นกระหน่ำรับกับมันจนต้องยกมือขึ้นกดไว้ รีไวยังไม่พอใจแค่นั้น เขาถามลงไปอีก “แล้วแกก็ต้องมีวิธีติดต่อกับเบื้องบนเวลาได้รับงาน พวกแกติดต่อกันยังไง”

พลันห้องก็ตกอยู่ในบรรยากาศกดดันทันที ท่ามกลางเสียงเข็มวินาทีที่เดินเป็นจังหวะ เอเลนได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่รอรับฟังคำตอบนั้นอย่างร้อนรน

“ตอบ!” หัวหน้าทีมสอบสวนพิเศษเร่งด้วยน้ำเสียงดุจัด แต่เควินกลับไม่พูดอะไรทั้งๆที่สั่นกลัวแทบตาย เอเลนสังเกตถึงความผิดปกติ หมอนี่เริ่มหายใจลึกและเร็วผนวกกับความไม่สมบูรณ์ของปอดทำให้มีอาการเจ็บจนใบหน้าเหยเก มือจิกขยุ้มเสื้อจนยับ เอเลนรีบถลันเข้าไปข้างเตียงเพื่อสังเกตอาการให้ชัดเจนขึ้น เควินเหงื่อออกชุ่มใบหน้าราวกับเจออากาศร้อน ทว่าขนลุกทั่งทั้งแขน ม่านตาขยายกว้าง เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบคว้าข้อมือเควินมาจับ ตามองเข็มนาฬิกาบนข้อมือตนเอง ปรากฏว่าเควินชีพจรเต้นเร็วอย่างเห็นได้ชัด

...ก็สมควรอยู่ นับจากเมื่อวานก็ผ่านมาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว

“เขาเริ่มมีอาการขาดยา...คงจะต้องหยุดการสอบสวนเพียงเท่านี้ครับหัวหน้า” เอเลนว่า รีไวมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง เขาระบายลมหายใจหนัก ยังได้ข้อมูลไม่ครบซ้ำยังเป็นข้อมูลสำคัญ แต่เขาก็ไม่ควรปล่อยให้เบาะแสสำคัญเป็นอะไรไปเหมือนกัน จึงยอมพยักหน้าให้เอเลนกดปุ่มเรียกพยาบาล

ทีมสืบสวนพิเศษออกมาจากห้อง บรรยากาศรอบตัวทุกคนยังไม่ปลอดโปร่ง ยกเว้นผู้กองชิกิชิมะที่เดินออกมาติดๆ เขาอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย ส่วนสาเหตุก็ไม่ใกล้ไม่ไกล มาจากตัวเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ่งคิดดวงตาคมสีดำก็ยิ่งมอง เด็กหนุ่มที่มีพ่อคร่ำหวอดอยู่ในวงการอาชญากรรม แต่ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นมาก่อน เขาเคยได้ยินข่าวลือมาว่าทีมนิติเวชแห่ง CSI เบอร์ลินนั้นมี เงาอยู่ คนๆนั้นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังทำให้คดีความที่เกิดในแถบนี้ปิดได้อย่างรวดเร็วและไร้ข้อผิดพลาด ชิกิชิมะตัดสินตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกว่ามันคือเรื่องไร้สาระ แล้วก็ไม่เคยคิดถึงมันอีก

จนเขาได้มาเจอเด็กตรงหน้านี่

เด็กคนนี้ทำให้รีไวยอมรับได้ ซ้ำยังยอมฟังที่พูดด้วย ทั้งๆที่เมื่อก่อนต่อให้เกิดอะไรขึ้น รีไวไม่เคยปล่อยให้การสอบปากคำค้างคาแบบนี้แท้ๆ


...น่าสนใจ


“วันนี้คงได้แค่นี้” รีไวว่า ในขณะที่ทีมสืบสวนพิเศษเดินเข้ามาหาหัวหน้าตนเพื่อรับฟังหน้าที่ที่ตนจะได้รับมอบหมายใหม่ “เอิร์ด นายกับออลโอ้ไปสืบหาแหล่งกบดานของเควินซะ พวกมันเป็นเด็กส่งของ ถ้าเควินยังอยู่กับเรา พวกมันต้องหาคนส่งของใหม่ สืบให้เจอแล้วตามรอยไป เราอาจได้เบาะแสคนสั่งการเควิน”

“ครับหัวหน้า”

รีไวพยักหน้าก่อนที่หันไปหาฮันซี่ “ส่วนเธอยัยกระหายเลือด พรุ่งนี้เตรียมตัวไปเดรสเดิน ไปเก็บหลักฐานคดีฆาตกรรมพันตรีเอียนเพิ่มก่อนที่พวกมันจะมาทำลายทิ้ง ส่วนเพ็ตโทร่า...เธอช่วยกุนเธอร์ตามเรื่องมือปืน เราจะค้นหาตัวหัวหน้ามันทุกวิถีทาง”

ฮันซี่ฉีกยิ้มกว้างรับคำสั่งพร้อมกับเพ็ตโทร่าที่ขานอย่างสุภาพ และแล้วดวงตาคู่คมก็มาหยุดที่เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าทีมมา เขาจ้องหน้าอ่อนวัยที่เกร็งจนน่าขำ รีไวนึกสนุกอย่างช่วยไม่ได้ เขาลองเงียบแล้วดูปฏิกิริยา พอเขาไม่ได้พูดอะไร เจ้าเด็กนี่หัวเราะแหะๆ ดวงตาโตสีเขียวจ้องเขากลับมาอย่างซื่อสัตย์อย่างเคย ยกมือลูบท้ายทอยตัวเองออกมาแล้วสารภาพเสียงอ่อยๆ

“พรุ่งนี้ผมมีเรียนครับ แปดโมงถึงบ่ายสอง” นั่นแปลว่า เขารับงานใดๆไม่ได้ทั้งนั้น

คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่นทันที ถามกลับด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด “โห...คิดจะอู้งานเหรอ เด็กใหม่”

“ไม่ได้คิดอย่างนั้นครับ!” เอเลนโบกมือเป็นพัลวัน “เอ่อ...ขอเถอะครับ เรียนแพทย์เนี่ยถ้าขาดหนึ่งวันชะตาอาจขาดเอาได้ อีกนิดเดียวจะปิดเทอมแล้ว ถึงตอนนั้นจะทำงานชดเชยให้นะครับนะ”

เด็กหนุ่มแจ้งด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ส่วนคนเป็นผู้ใหญ่ก็ยืนนิ่งฟังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่ยอมลงให้ แถมยังกอดอกอีกต่างหาก เอเลนเห็นแล้วเขาชักจะเข้าใจเควินไปถึงกระดูกดำ ส่วนเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาไปขอร้องให้หัวหน้าช่วยปล่อยเขาไปเรียนเถอะ เรื่องทำงานชดเชยนี่พูดจริง โต้รุ่งเลยก็ย่อมได้ ความสามารถพิเศษของนักศึกษาแพทย์คือการอดนอนอยู่แล้ว

“ที่พูดมาแน่ใจแล้วใช่ไหม”

“ครับ ให้ทำอะไรก็จะทำครับ”

“ดี” คำรับสั้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากช่วยเสริมให้ใบหน้าคมคายนั้นดูดีขึ้นอย่างประหลาด เอเลนอยากขยี้ตามองอีกทีเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ฝันไป แต่ไม่ต้องขยี้ตาเสียงกั้นหัวเราะกึกๆจากฮันซี่ก็ช่วยปลุกเขาให้ตื่นเต็มตา เจ้าหล่อนยกแขนตัวเองมากลั้นขำจนไหล่สั่น น้ำตาเอ่อเต็มเบ้า มืออีกข้างตบขาตัวเองดังป้าบๆเพราะความตลกไม่ไหวจะทน เอเลนเหวอ รู้สึกความร้อนไล่ขึ้นหน้า เขากวาดมองจนทั่ว แต่ละคนมีวิธีการกลั้นขำที่ต่างกันออกไป ไม่เว้นแม้แต่ผู้กองชิกิชิมะที่เอเลนสงสัยว่าก็ยังยืนอยู่อีกหรือ!

“นี่หัวหน้าหลอกผมเหรอ” เอเลนถามด้วยน้ำเสียงแห้งแล้ง เขาอยากร้องไห้เต็มแก่ “สรุปแล้วโกรธจริงๆไหมครับ”

            “ถ้านายโดดเรียนมาทำงาน ตอนนั้นฉันจะไล่นายออก” รีไวตอบเสียงเย็นและไม่ได้ล้อเล่น เขาสังเกตเห็นเด็กตรงหน้าทำหน้าซีดทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ไล่ออกคิดกลับไปว่าเด็กคนนี้คงแปลกจริงๆ เขารับหมอนี่มาในทีมแล้วก็ทำงานเหมือนเป็นนิติเวชคนหนึ่ง แต่หมอนี่ไม่ได้รับเงินเดือนจากรัฐ ไม่มีค่าตอบแทนใดๆสักอย่าง ซ้ำร้ายยังต้องมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับพวกอาชญากรรม ต่อไปในภายภาคหน้าเขาทำนายได้เลย ไม่มีทางที่หมอนี่จะอยู่อย่างสบายไร้รอยขีดข่วน

            แต่ถึงอย่างนั้นเด็กคนนี้ก็ไม่เคยกลัว เหมือนกับว่าความกลัวจริงๆอยู่ที่การไม่ได้ทำงานมากกว่า

            มีเหตุผลอะไร ต้องการอะไร ถึงกล้าเหยียบเข้ามาถึงขนาดนี้ รีไวไม่เคยอยากรู้อะไรที่ไม่สำคัญ แต่ตอนนี้เขาชักอยากรู้เรื่องของเด็กคนนี้ขึ้นมาทีละน้อย

            ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ เก็บเรื่องที่คิดขึ้นได้ลงไปใหม่ เขามองที่ต้นแขนเด็กหนุ่ม ก่อนจะสั่งขึ้น

            “ไปทำแผลซะ”

            “หา?” เอเลนเบิกตาโต เหมือนได้ยินไม่ชัด เขาถามกลับเสียงแผ่ว “ทำแผล...เหรอครับ? ทำไมต้องทำด้วยครับ”

            “นายเป็นนักศึกษาแพทย์ภาษาอะไรถึงไม่รู้ว่าแผลเย็บต้องล้างทุกวัน” รีไวตำหนิทันที แต่เอเลนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาตกใจเลยพูดสั้นไปหน่อย ที่จริงคือเขาหมายถึงทำไมต้องทำตอนนี้ต่างหาก มันเป็นโอกาสดีที่อยู่โรงพยาบาลก็จริง แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างงาน ซ้ำในช่วงมอบหมายงานด้วย เขากะว่ารอให้ดึกๆกว่านี้ค่อยมาก็ได้

            “ตอนนี้เหรอครับ...”

            “ตอนนี้” รีไวย้ำเสียงเรียบและชัดเจน เขาแสดงสีหน้าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติโดยไม่สนใจว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาประหลาดจากลูกน้องทั้งกลุ่ม “ถ้าไม่ได้ให้มาทำแผลฉันจะให้นายตามมาโรงพยาบาลทำไม...แล้วนี่จะยืนนิ่งอีกนานไหม ไปได้หรือยัง”

            สิ้นเสียงคำไล่กลายๆเอเลนก็รีบรับคำแล้วเดินไปทางห้องฉุกเฉินทันที โดยมีสายตาดุๆของหัวหน้ามองส่งไป พอลับตาเด็กหนุ่ม รีไวถอนหายใจเบาๆ พอเห็นหน้าตลกๆนั่นแล้วเขาทั้งรู้สึกระอาและเอ็นดูไปในทีเดียวกัน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากเห็นสีหน้าของเด็กนี่ สีหน้ายามปกติที่ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนตอนชันสูตรศพ หรือทำหน้าเกร็งๆเวลาอยู่กับพวกเขา คงเพราะอย่างนั้นเขาถึงได้แกล้งมันไป...เห็นแล้วสนุกดี

            “เก็บไว้ใกล้ตัวให้ดีล่ะ สิบตรีรีไว” ชิกิชิมาเข้ามายืนขนาบ เขากระซิบแต่ถ้อยคำนั้นแฝงไปด้วยความจริงจัง “เด็กนั่นเป็นประเภทที่จะหายไปได้ทุกเมื่อ ถ้านายไม่อยากเสียลูกน้องไป ไม่อยากให้เหตุการณ์มันซ้ำรอยกับเมื่อสองปีก่อน...ก็อย่าละสายตาจากเขา”


            “...รู้อยู่แล้ว”









            กว่าที่เอเลนจะพร้อมกลับบ้านก็ปาไปเกือบใกล้สี่ทุ่มแล้ว วันนี้คนไข้เยอะกว่าปกติแปรผกผันกับจำนวนหมอเวรที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ดันมีเคสรถมอเตอร์ไซค์ล้มหัวแตกเลือดอาบเข้ามาพอดีก่อนที่เอเลนจะเข้าล้างแผลเอเลนจึงเลือกที่จะนั่งรอจนกว่าคนไข้จะซาแม้ว่าจะมีพี่พยาบาลที่สนิทเสนอว่าลัดคิวทำแผลให้ได้

            เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจหนึ่งที เดินออกมาตรงที่คนไข้รอตรวจ พลันสายตาก็หยุดชะงักที่ใครบางคน คนๆนั้นนั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนม้านั่งยาว เอเลนเบิกตาโพลง

            “หะ หัวหน้า!” เขาร้อง ตกใจจนติดอ่าง “ทะ ทะ ทำไมยังนั่งอยู่ที่นี่ล่ะครับ” แล้วนั่งมานานเท่าไหร่กัน ถ้าตั้งแต่ที่เขาเดินแยกมานับนิ้วแล้วก็เกือบสามชั่วโมงเลยนะ

            “นายนั่งรถมากลับฉัน ถ้าฉันกลับไปก่อน นายจะกลับยังไง”  ผิดคาด คนตรงหน้าเขาตอบง่ายๆ ซ้ำยังไม่มีวี่แววว่าจะโกรธ เจ้าตัวลุกยืนขึ้นแล้วเดินทันทีโดยแล้วไม่คิดตงิดใจในสิ่งที่ตัวเองพูด เอเลนยิ่งเหวอหนัก เขารีบจ้ำเท้าตามผู้ใหญ่ตรงหน้าแล้วอธิบายไปด้วย

            “ผมกลับแท็กซี่ก็ได้นะครับ เมื่อวานยังกลับได้เลยอ่ะ” พอพูดอย่างนั้น นัยน์ตาสีขี้เถ้าคมดุก็ตวัดมองทันที เอเลนกลืนน้ำลายหุบปากลงโดยอัตโนมัติเมื่อคิดได้ว่าก็เพราะเมื่อวานนั่งแท็กซี่กลับเอง พอถึงคอนโดก็ไม่ยอมโทรรายงานนั่นล่ะหัวหน้าถึงได้เคืองเขา เอเลนจึงยอมสงบปากสงบคำแล้วเปิดประตูขึ้นรถ แต่ยังไม่วายเหล่มองคนข้างตัวด้วยความรู้สึกประหลาดใจไม่หาย

            “หัวหน้ามีงานให้ผมช่วยเหรอครับ” เขาเดา มันดูจะเป็นไปได้มากที่สุดที่หัวหน้ามาดักรอ

            แต่รีไวก็ปฏิเสธ “ไม่ใช่”

            “แล้วทำไมต้องกลับด้วยกัน”

            รีไวระบายลมหายใจเบาๆกับคำถามนั้น เขาเคยชอบฟังเด็กคนนี้พูดเพราะมันมีเหตุผล แต่บางครั้งเขาก็อยากให้หมอนี่เพลาๆเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลลงไปบ้าง

            “มันปลอดภัย” เขาว่า แต่ก็อดพูดยาวๆไม่ได้ “อย่าลืมว่าตอนนี้นายอยู่ในทีมสืบสวนพิเศษแล้วเพิ่งจับคนร้ายส่งตำรวจได้หนึ่งคน จากนี้ไปนายจะได้ทำแบบนี้อีกเป็นสิบเป็นร้อย ถึงตอนนั้นจะมีคนหนึ่งกลุ่มมองว่านายเป็นศัตรูแล้วอยากฆ่าบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก จนกว่านายจะปีกกล้าขาแข็งเอาตัวรอดได้ ฉันก็จำเป็นต้องทำแบบนี้ แล้วนายก็พูดเอาไว้แล้วว่าจะไม่บ่น”

            เอเลนหัวเราะแหะๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณครับ ผมจะพยายามเอาตัวรอดให้ได้แล้วกัน”

            “ไม่คิดว่ามันคือความพยายามอย่างสูญเปล่าของเด็กอายุสิบเก้าไปหน่อยเหรอ” คนเป็นตำรวจสากลเอ่ยแทรกขึ้นรูปประโยคเหมือนเป็นการดูแคลน แต่รีไวกลับถามออกมาอย่างจริงจัง “นายควรจะทุ่มความพยายามกับเนื้อหาแพทย์ธรรมดาๆอย่างเด็กทั่วไปถึงจะถูก มันไม่จำเป็นเลย ไม่จำเป็นที่นายจะก้าวขาเข้ามาในวงการนี้ทั้งที่อายุยังน้อย...เคยนึกเสียดายชีวิตสงบสุขบ้างไหม”

            “ผมดีใจที่หัวหน้าคุยเก่งขึ้นนะครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใส ใบหน้าอ่อนวัยมีรอยยิ้มบางๆน่ามอง “ความจริงแล้วมีพ่อแม่อยู่หลายคนนะครับที่ไม่อยากให้ลูกประกอบอาชีพเดียวกันกับตนเพราะรู้ถึงความยากลำบาก...พ่อผมก็เป็นคนหนึ่ง ท่านยอมให้ผมเรียนแพทย์เพราะผมขอ แล้วอาจจะเห็นลูกฮึดของผมที่อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ผมเป็นแพทย์นิติเวชเลย...การเป็นแพทย์ของคนตายมันบั่นทอนความรู้สึกน่ะครับ เราไม่ได้ใช้วิชาความรู้ทำให้เขาหายป่วย ไม่เห็นพยากรณ์โรคที่มันดีขึ้นๆ คนไข้ของเราแค่นอนนิ่งๆเงียบๆ เหมือนเราทำงานอยู่ฝ่ายเดียว เป็นงานที่เหงาไม่น้อย”

            เอเลนเงยหน้ามองเพดานรถ สูดกลิ่นแอร์ลึกจนสุดปอด “แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำมันมาจนขนาดนี้แล้ว จะเลิกก็เลิกไม่ได้ เพราะความรู้สึกตอนที่ตำรวจอย่างคุณจับผู้ร้ายได้ด้วยมีการชันสูตรของผมเป็นผู้ช่วย มันน่าภูมิใจเหมือนแพทย์ทั่วไปที่เขารักษาคนไข้จนหายเลย”

            รีไวนิ่งฟัง ปล่อยให้ประโยคนั้นมันซึมลึกลงโสตประสาท เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่างเป็นคำตอบที่ฟังง่ายๆแต่คงหาคำตอบที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีก

            “แล้วทำไมนายถึงยอมออกมาทำงานเต็มตัว”

            “อ่า...เมื่อสองปีก่อนน่ะครับ ผมว่าหัวหน้าก็น่าจะรู้” เสียงของเอเลนแผ่วไป เขาเรียบเรียงเรื่องในหัว “องค์กรตำรวจสากลเบอร์ลินตื่นตัวเพราะมีสายสืบว่าอาร์นันโดขนยาข้ามมาจากเช็กแล้วเข้าเขตเยอรมนีเป็นครั้งแรก ผบ.เอลวินจัดวางกำลังคนเต็มรูปแบบเพื่อทลายแหล่งกบดานมันแล้วจับกุมสมาชิกให้ได้มากที่สุด”

“ใช่ แต่สุดท้ายแล้วเราไม่อาจถอนรากถอนโคนมันได้หมด มันมีความผิดพลาดทางแผนการ หัวหน้าและสมาชิกกว่าครึ่งของมันหนีไปกบดานอยู่ที่โปแลนด์ เราจึงต้องให้องค์กรตำรวจสากลโปแลนด์ดูแลคดีต่อ” รีไวเสริม เขามองท้องถนนนอกกระจกรถด้วยสายตาว่างเปล่า “ฉันถูกเรียกตัวกลับอังกฤษ เอลวินก็ถูกระงับไม่ให้ตำรวจเบอร์ลินเข้าไปยุ่งย่ามกับอาร์นันโดอีก เพราะความผิดพลาดของพวกเราครั้งนั้น ทำให้เราสูญเสียตำรวจหญิงของเบอร์ลินไปหนึ่งคน...เธอถูกยิง”

“ครับ นั่นคือแม่ผมเอง”

เอเลนรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าของเด็กหนุ่มสงบแม้ปลายเสียงจะค่อนข้างสั่น ผิดกับรีไว เขาหันมามองหน้าเด็กหนุ่มทันที มีร่องรอยของความตกใจอยู่ในดวงตาสีขี้เถ้าชั่วครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่มันจะกลับไปเป็นปกติ รีไวแค่รับรู้เบาๆ

“งั้นเหรอ เสียใจด้วย”

แต่เอเลนกลับส่ายหน้ายิ้มๆ

“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ เรื่องแบบนี้มันเกิดได้อยู่แล้วไม่วันใดก็วันหนึ่ง พ่อบอกว่าแม่ถูกยิงเพราะมีการปะทะระหว่างตำรวจและคนร้ายระหว่างหลบหนี ผมก็เลยตัดสินใจตั้งแต่วินาทีนั้นว่าจะไม่หนีออกจากเส้นทางของพ่อกับแม่ไปเป็นหมอสบายๆคนเดียวเด็ดขาด ก็เลยอ้อนวอนขอพ่อเรียนนิติเวชศาสตร์ตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนศพแรกที่ผมลงมือชันสูตร ก็คือศพแม่” น้ำเสียงของเอเลนไม่เชิงเศร้าสร้อยแต่เป็นเสียงของคนที่ยอมรับความจริงได้ เอเลนระบายลมหายใจยาวแล้วยิ้มกว้าง

“ได้ตายในหน้าที่ แล้วได้เป็นครูของลูกชายตัวเองแม่คงดีใจแล้ว ส่วนผมถ้าไม่สานต่อเจตนารมณ์สุดท้ายของแม่โดยการจับอาร์นันโดไปรับโทษให้หมด ก็คงจะอกตัญญูไปหน่อย นั่นแหล่ะครับเหตุผลที่ทำให้ผลตอบรับข้อเสนอของผบ.เอลวิน”

จากนั้นไม่มีคำถามใดๆจากรีไวอีกพอดีกับที่เขามาถึงหน้าคอนโดของเด็กหนุ่ม ความรู้สึกเกรงใจเลื่อนขึ้นมาจุกถึงคอหอยของเอเลน เขาก็อยากจะถามอยู่ว่าหัวหน้ารู้จักคอนโดเขาได้ยังไง แต่มันอาจจะอยู่ในแฟ้มประวัติของเขาที่ผบ.เอลวินส่งไปให้หัวหน้าดูก่อนหน้านี้แล้ว

“หะ หัวหน้าครับ จอดหน้าคอนโดก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับรถ” ตำรวจสากลตอบรับคำขอของเด็กหนุ่มโดยการขับเข้าไปจอดในที่จอดสำหรับผู้พักอาศัย เขาดับเครื่องแล้วลงจากรถโดยไม่สนสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เอเลนรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งตามหัวหน้าผู้ที่แสนจะเข้าใจยากไป เขานึกไม่ออกว่าหัวหน้าจะลงทำไม จะเข้าไปในคอนโดเขาเพื่ออะไร ทำคดีหรือก็ไม่น่าจะใช่ ที่นี่ดูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหัวหน้าเลย!

“หัวหน้าลงมาทำไมครับ” เอเลนถาม แต่ทั้งเขาและทั้งหัวหน้าก็อยู่ในลิฟต์แล้ว ซ้ำยังกดชั้นยี่สิบสาม ชั้นที่เขาอยู่ด้วย เอเลนอยากขยี้หัว แต่เขาไม่ชอบเซ้าซี้คน ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากตอบ เขาก็จะไม่ถามซ้ำแล้ว แต่ถ้าวินาทีที่เขาอยู่หน้าห้องแล้วหัวหน้าทำท่าจะเดินเข้าห้องเขาด้วยนั่นแหล่ะ เขาจะโวยวายให้เหมือนวันแรกที่เจอกันจริงๆด้วย

ลิฟต์เปิดออก เขาสองคนเดินไปตามทางเดิน จนกระทั่งถึงสุดทาง เอเลนค่อยๆชะลอฝีเท้าลง ตัวเริ่มแข็งทื่อเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อวานนี้ห้องตรงข้ามของเขามีกล่องกระดาษแพ็ควางตั้งเป็นระเบียบ เขาสงสัยว่าจะมีคนมาอยู่ แล้วภาวนาว่าขอให้ไม่ใช่หมอกับตำรวจด้วย

ไม่ใช่ว่า...



“ฉันพักอยู่ห้องนี้”










TBC...

มิยะขอเม้าท์
สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาอัพนิติเวชอีกหนึ่งตอน ฮ่าๆๆๆ เชื่อว่าตอนนี้มีอะไรหลายอย่างที่มิยะต้องอธิบาย อันดับแรกคือ Nasal cannula มันคืออุปกรณ์ให้ออกซิเจนระบบความเข้มข้นต่ำค่ะ รูปร่างหน้าตาน่าจะเคยเห็นกันบ่อยๆในทีวี ประมาณนี้

ส่วนอีกอย่างคือเมทาโดนค่ะ เมทาโดนคือ สารสังเคราะห์จำพวกโอปิออยด์ หรือเรียกง่ายๆว่าฝิ่นสังเคราะห์ค่ะ ถูกใช้เป็นยาเพื่อบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด ใช้บรรเทาอาการปวดได้ด้วย
ฮ่าๆๆๆ มาถึงจุดที่ต้องอธิบายอย่างหนัก ตอนนี้มีตัวละครใหม่ ถามว่าใครวะ ชิกิชิมะ ใช่ชิกิชิมะนั่นมั้ย!? จ้ะ สำหรับใครที่ดูไททันภาคคนแสดงคงจะรู้จักตัวละครตัวนี้ เขาก็คือชิกิชิมะที่ว่านั่นแหล่ะค่ะ ฮ่าๆๆ เอ้า! แปะรูปสักหน่อย
คือถามว่าคิดหนักไหมเอาตาคนนี้มาอยู่ในเรื่องนี้ คิดหนักค่ะ หนักมาก ฮา! คือบทนี้ต้องการคู่แข่งของคุณรีไว เรียกว่าคู่แข่งที่มีลักษณะนิสัยเหมือนๆกัน ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากัน อยากได้คนเท่ห์ๆที่มายืนอยู่ ณ จุดๆนี้ได้ ซึ่งมิยะพยายามกว้านหาตัวละครไททันทั้งหมดแล้ว ผลปรากฏว่า ไม่มี ตอนนั้นก็เครียดละ ชิบหา- ตรูจะเอาใครดี หรือจะเขียนตัวละคร OC เหรอ อย่ากระนั้นเลย เอาคนนี้แหล่ะ ฮ่าๆๆๆ
มิยะคิดว่าแฟนไททันไม่น่าจะพลาดภาคคนแสดงกันหรอก แต่สำหรับคนที่อาจจะยังไม่ได้ดู เขาเป็นเหมือนตัวแทนคาร์แร็กเตอร์หัวหน้ารีไวค่ะ มิยะดูไปแค่ภาคแรกนะ ยังไม่ได้ดูภาคสอง คือความรู้สึกแรกที่เห็นคือ เหมือนเห็นหัวหน้ารีไวเวอร์ชัน กวนติง ขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ฮ่าๆๆๆๆๆ // โดนฟันหลังคอ คือจริงๆ ประทับใจในสีหน้าและแววตาอย่างประหลาดค่ะ เขาเป็นคนดูแบดๆ แต่แบดได้เท่ห์มาก และเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งคาร์แร็กเตอร์คุณชิกิชิมะนี่ มิยะก็บอกก่อนว่า ไม่เป๊ะเหมือนในภาพยนตร์หรอกจ้ะ มิยะใส่สีตีไข่ไปเต็มที่เพื่อให้เขาเหมาะที่จะรับบทในฟิคเรื่องนี้มากที่สุด หากทำให้อรรรถรสเสียไปก็ขออภัย =v=
มีอะไรอีก อ้อ! คือตลอดตอนนี้ นั่งฟังเพลงอยู่เพลงหนึ่ง คือเพลงนี้เป็นอะไรที่เข้ากับเรื่องมาก อย่ากระนั้นเลย ขอสถาปนาเป็นเพลงประจำฟิค แปะ

ก็ขอจบการเวิ่นเว้อแต่เพียงเท่านี้ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
Miya




11 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 พฤษภาคม 2559 เวลา 00:16

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก อ่านจบบรรทัดสุดท้ายแล้วร้องลั่นบ้าน
    (อารมณ์ตอนนี้คือพีคมาก อ๊ากกกกกกกก >.<!!)มาต่อไวๆ นะฮะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เป็นเพื่อนตรงข้ามห้องกันเลยทีเดียว นุ้งเลนไม่ควรซื้อหวย ฮ่าๆๆๆ

      ลบ
  2. ทันทีที่ตัวละครชื่อชิกิชิมะโผล่ นึกถึง ชิกิ(Togainu no chi)ทันทีเลยค่าาาาา(คิดอยู่อากิระจะโผล่ไหม?) จนเลื่อนมาข้างล่าง อ้าวคนล่ะชิกิ 555+ ชอบภาษาในการแต่งมากกก อ่านกี่ครั้งก็เพลิน อ่านได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
    ได้สาระทางการแพทย์กับทางตำรวจเยอะดี (ใครว่าอ่านนิยายไม่มีประโยชน์555+) ถึงตอนนี้แล้วโดยส่วนตัวก็ยังคงเหมือนเดิม น่ารัก อ่านแล้วนั่งยิ้มเป็นคนบ้า หัวหน้าแอบหวงนะฮ้าเนี่ย ชิกิชิมะเนี่ยจะใช่ว่าที่มือที่สามรึเปล่าฮ้าาาาาาา
    อยากเห็นหน้าเอเลนตอนที่หัวหน้าบอก "ฉันพักอยู่ห้องนี้" จัง
    รอนะฮ้าาาาา ขอบคุณฮ้า ^_^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ชิกินั่น มิยะก็ดู \>w</ ฮ่าๆๆๆ มิกล้าแตะต้อง ปล่อยเขาสองคนเล่นบทรักต้องฆ่ากันต่อไป อิอิ ขอบคุณค่ะคุณ Rin ตอนที่บอกว่าชอบภาษานี่น้ำตาจิไหล ดีใจมากๆค่ะที่ได้ประโยชน์จากฟิคเรื่องนี้ ตั้งใจหาข้อมูลสุดความสามารถเลย ฮ่าๆๆ ตอนที่หัวหน้าบอกว่า "ฉันพักอยู่ห้องนี้" หนูเลนได้แต่รับสภาพค่ะ ก๊ากก หนีก็หนีไม่ได้ เชื่อว่าหนีไปก็ไม่รอด คึกๆ

      ลบ
  3. รออยู่เสมอค่ะ^w^ต่อนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. งื้ออ >..< ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวเจอกันตอนหน้าจ้า

      ลบ
  4. เราพึ่งมาอ่านอยากบอกว่าสนุกมากพอเห็นชื่อผู้กองชิกิชิมะนี่แบบเอาแล้วมันส์แน่มันต้องมีแย่งเอเลนกันบ้างแหละ555555มาอัพต่อนะอยากอ่านตอ่แล้วเป็นกำลังใจให้นะ

    ตอบลบ
  5. อยาก..อะ..อ่าน..น ...ต่อ..ละ..แล้วววว .../คลานไปจับขาไรท์แล้วคร่ำครวญ....
    ถถถถถถ .

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ25 พฤษภาคม 2565 เวลา 09:31

    ถ้าบอกว่ายังรออยู่จะแปลกหรือเปล่านะ

    ตอบลบ
  7. เป็นนิยายคู่ของรีไวล์เอเลนที่อยากให้คนแต่งมาแต่งต่อให้จบ

    ตอบลบ