Project : Happy birthday Gokudera Hayato
Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera]
Ft. Levi X Eren
Drama Action
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือหน่วยงานใดๆที่อ้างถึง
SKYFALL : 22
วันต่อมาลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ทั้งฝ่ายตำรวจรัฐบาลและนักสืบเอกชนได้ตามแกะร่องรอยการหายสาบสูญของเดเมียนมาให้เขา
ลอร์ดคริสโตเฟอร์ถามเขาว่าเขารู้แล้วหรือว่าเกิดเรื่องอะไรที่อังกฤษ
เขาตอบออกไปทันทีเลยว่ายังไม่รู้
ที่พอจะเดาออกมันก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วนเบธิลด์ทาวเวอร์ที่ประมูลมาได้เท่านั้น
เรื่องนี้นั้นตัวหมากแบ่งขาวดำได้อย่างชัดเจน
หากแต่มีหนึ่งตัวที่มันยังคงคลุมเครือ นั่นก็คือเดเมียน เลอรอยด์ คนที่พวกเขาไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
เหตุผลที่เขาต้องทำอย่างนี้มันก็ง่ายๆ
ถ้าเดเมียนยังคงเป็นหมากฝั่งเขา เขาต้องดึงเข้ามาปกป้อง
แต่หากเดเมียนเป็นหมากฝั่งสตีเฟน เขาก็ต้องหักขาไม่ให้หมากนั้นเดินได้
เก็บมันเอาไว้ใต้อาณัติเพื่อปกป้องตนเองแทน แล้วถ้าหากสัญชาตญาณของเขาไม่ทื่อจนเกินไป
เขาสังหรณ์ว่าการตามหาตัวเดเมียน
อาจจะทำให้เขารู้ได้ว่ายามาโมโตะรีบรุดจะไปอังกฤษเพราะอะไร
“มีภาพบันทึกเขาครั้งสุดท้ายที่โรงจำนำแห่งหนึ่งที่ชานกรุงปารีสครับ
คาดว่าเป็นโรงรับจำนำที่เปิดอย่างไม่ถูกกฎหมายเท่าไหร่นัก
เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เขากำลังจำนำทรัพย์สินส่วนตัวแลกเงินสด
ทางนักสืบเอกชนที่เราจ้างได้ปลอมตัวไปสืบมาแล้วครับว่ามีคนลักษณะคล้ายกับเดเมียนไปที่นั่นจริง”
ลอร์ดคริสโตเฟอร์อธิบายในขณะที่เด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังถือเอกสารอยู่
โกคุเดระพยักหน้ารับเบาๆ
“อืม
เพราะอย่างนั้นถึงไม่มีความเคลื่อนไหวของบัตรเครดิตเลย
หลังจากนั้นสินะที่เขาติดตามตัวอะไรไม่ได้อีก...แต่เดี๋ยวก่อนนะ
เมื่อกี้นายบอกว่าโรงรับจำนำนี้อยู่ใต้ดินงั้นหรอ”
โกคุเดระเบนตาไปสบกับเลขาของตัวเองทันทีเช่นเดียวกับลอร์ดคริสโตเฟอร์ที่มองเจ้านายตนเช่นกัน
โกคุเดระพึมพำเสียงแผ่ว “เดเมียน เลอรอยด์ นักธุรกิจใสซื่อมือสะอาดรู้จักสถานที่แบบนี้ด้วยหรือไง”
“เขาอาจจะรู้จักจริงๆก็ได้นะครับ”
ลอร์ดคริสโตเฟอร์ลองสันนิษฐาน โกคุเดระพยักหน้ารับ
แต่สีหน้ายังคงจมอยู่ในห้วงความคิด
“ก็ใช่
แต่มันต้องไม่ประจวบเหมาะกับตอนที่เขาเพิ่งยิงฉันเลือดสาด แล้วหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้น
อย่างกับว่ามีคนเตรียมช่องทางหนีให้เขาไว้แล้วอย่างนั้นแหล่ะ”
ลอร์ดคริสโตเฟอร์พยักหน้ารับแทนความเข้าใจ
เขาพูดต่อ
“สิ่งที่เดเมียนจำนำไปเป็นนาฬิกา
Patek
Philippe และแหวนทองคำแท้ รวมมูลค่าแล้วมันคงทำให้เขากินอยู่ได้หลายเดือนเลยครับ”
“หรือไม่เขาก็ไม่ได้เอาเงินทั้งหมดนั่นไปทำอย่างอื่น
ยกตัวอย่างเช่นว่าหนีออกนอกฝรั่งเศสไปเลย”
แล้วห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
ดวงตาของสองนักบริหารแห่งโกคุเดระแอร์ไลน์จับจ้องกัน
ข้อสันนิษฐานทุกอย่างประเดประดังจนไม่อาจหาข้อสรุป
โกคุเดระเอนตัวลงกับเก้าอี้ตัวสูง กอดอก
นิ้วเรียวที่วางอยู่บนต้นแขนตัวเองเริ่มเคาะเป็นจังหวะ
“เริ่มใหม่นะ”
โกคุเดระพูดกับตัวเอง ในหัวเรียบเรียงเรื่องราวอีกครั้ง
“เรื่องมันเริ่มจากการที่เดเมียนยิงฉัน
หมอนั่นหนีออกไปโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าฉันตายจริงๆหรือเปล่า
หลังจากนั้นสามนาทีระเบิดทำงาน เดเมียนถูกหักหลังอย่างจัง อย่างที่ยามาโมโตะว่า
หมอนั่นสมควรจะแค้นบอสของตาแก่แมคคาทีจนแทบอยากฆ่าให้ตาย...”
นิ้วที่เคาะนั้นหยุดลง แผ่นหลังบางย้ายจากเบาะมานั่งตัวตรง
“พูดกันตามบทแล้วตอนนี้เดเมียน
เลอรอยด์น่าจะเป็นหมากฝั่งเรา แต่เขาคงกลับมาหาเราไม่ได้เพราะความรู้สึกผิดที่ทำให้ไหล่ซ้ายฉันมีแผลเป็น”
ประธานโกคุเดระแอร์ไลน์พูดติดตลก
เขาหัวเราะหึๆอย่างไม่ถือสาเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กๆ “นอกจากความรู้สึกผิดแล้ว
เขาก็คงจะกลัวกฎหมายด้วย ถึงจะไม่สำเร็จแต่ก็ผิดฐานตั้งใจฆ่าโดยเจตนา
ยื่นฟ้องศาลไหนก็แพ้ทุกประตู แถมแดชีลล์ เลอรอยด์ลูกชายตนก็ประกาศกร้าวว่าไม่ให้ทนายแก้ต่างให้ใดๆทั้งสิ้นด้วย
โว้...นี่เป็นจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตเดเมียนเลยแฮะ”
“ถูกแล้วครับ และต่อให้เขาหนีกฎหมายได้
แต่คงไม่สามารถหนีการตัดสินโทษจากเครือธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียไปได้
นี่ถ้าหากเดเมียนถูกตัดสินว่าเป็นภัยของเราจริงๆแล้วท่านยามาโมโตะไม่มีทางปล่อยเดเมียนไป
ท่านมีวิธีจัดการของท่านครับ” โกคุเดระฟังเลขาตัวเองพูดแล้วทำหน้าปั้นยากทันที
ส่วนหนึ่งก็ขยาดกับนิสัยพูดจริงทำจริงของยามาโมโตะ
แต่อีกส่วนก็ขนลุกกับการตัดสินใจของตนเองย้อนหลัง ตอนนี้เขาก็ดันออกปากกับหมอนั่นเองว่าอยากทำอะไรก็ทำตามใจแล้วด้วย
แต่เอาเถอะ
กับยามาโมโตะน่ะ เขาพอจะรู้จักหมอนั่นดีสมกับที่มองมาโดยตลอดสิบปี
ถ้าไม่ถึงขั้นสุดทนจริงๆ หมอนั่นคงไม่ไปฆ่าปาดคอหรือระเบิดภูเขาเผากระท่อมใคร
โกคุเดระเม้มปาก
ดึงความคิดกลับมาที่เดเมียน สภาพนายห้างใหญ่ของเบธิลด์ ทาวเวอร์ที่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรในชีวิตสักอย่าง
เหมือนคนหลงทางกลางความมืด ไปซ้ายก็ไม่ดี ไปขวาก็ไม่ได้ แล้วถึงตอนนั้นจะทำยังไง
ถ้าเขาเป็นเดเมียนเขาจะทำยังไง
“คนหลงทางย่อมต้องการคนนำทาง
บางทีเวลานั้นอาจมีคนยื่นมือเข้าหาเดเมียนแล้ว...คงเป็นตาแก่แมคคาที ไม่สิ...บอสตาแก่แมคคาทีมากกว่า
หมอนั่นหาช่องทางให้เดเมียนตั้งแต่แรก เช่นสั่งให้เดเมียนไปโรงรับจำนำ
เอาเงินทั้งหมดซุกใต้โต๊ะเรือพาณิชย์ในสังกัดตัวเองสักลำ
ลำพังถ้าเป็นคนมีอำนาจอย่างนั้นการจะเอาคนสักคนหนีออกนอกประเทศโดยไม่มีใครรู้ก็ต้องทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว”
“การที่จะทำให้เดเมียนกลับไปอยู่ฝั่งตัวเองทั้งๆที่หักหลังเขาไว้ขนาดนั้น
ใช้อะไรล่อลวงก็ไม่รู้นะครับ”
“ไม่หรอก
ฉันว่าเดเมียนไม่ได้ถูกล่อลวง” โกคุเดระกระตุกยิ้มเครียด “...โดนขู่ต่างหาก”
“ขู่?”
“อืม
กับเวลาจำกัดแบบนั้นบอสของตาแก่แมคคาทีไม่ล่อลวงเหยื่อมันให้เสียเวลาหรอก...นายคิดดูนะคริสโตเฟอร์
กับคนที่กำลังขวัญเสียเพราะเพิ่งยิงคนไปหยกๆ สติสัมปะชัญญะไม่สมประกอบ
หัวใจแหลกสลายย่อยยับแบบนั้นไม่มีอะไรง่ายไปกว่าการขู่ซ้ำอีกแล้ว...ให้ฉันเดา
บอสตาแก่แมคคาทีคงพูดประมาณว่า ‘ตอนนี้คุณหนีไปไหนไม่รอดอีกแล้ว
ถ้าวกกลับไปหายามาโมโตะและโกคุเดระ คุณจะต้องถูกพวกเราตามล่า
จุดจบชีวิตคือตายอย่างอนาถ แต่ถ้าคุณมาหาเรา เราจะคุ้มครองคุณจากพวกนั้นและตำรวจเอง
ซ้ำยังมีวิธีได้เบธิลด์ ทาวเวอร์คืนมา” เด็กหนุ่มสายหัวน้อยๆ พึมพำเสียงแผ่ว
“พลาดแล้วไหมล่ะ”
แม้จะรู้ว่าเสียมารยาทลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็ยิ้มขำกับท่าทางของเจ้านายตัวเอง
เรื่องมันเครียดอยู่หรอก แต่ท่านฮายาโตะของเขาก็คิดมันอย่างกับเรื่องสนุก
แล้วไอ้การเก๊กเสียงใหญ่ๆพร้อมท่าทางประกอบนั่นอย่าให้ใครได้เห็นเชียว
“เฮ้! อย่าขำสิเฟ้ย
ฉันคาดการณ์จริงจังตามที่รู้จักสันดานพวกนั้นมาตลอดสี่ปีแค่นั้นเอง”
ร่างโปร่งบางแย้งเสียงเขียว ใบหน้านั้นเหมือนไม่สบอารมณ์อะไรบางอย่าง “ ถ้าเป็นพวกมันต้องรู้แน่ว่าตอนนี้เดเมียนต้องการอะไรบ้าง
อันดับหนึ่งคือความปลอดภัยในชีวิต อันดับสองก็คือเบธิลด์ ทาวเวอร์
ไหนบอกว่าพักรบกันไง นี่มันเรียกว่าลอบกัดต่างหาก ทำตัวน่าขนลุกเป็นบ้า!” น้ำเสียงของท่านประธานแห่งโกคุเดระแอร์ไลน์ยิ่งกระชากขึ้นเรื่อยๆ
รอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้านั้นไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวกำลังชื่นชมอีกฝ่ายหรือกำลังสมน้ำหน้าตัวเอง
โกคุเดระจิ๊ปาก
“ให้ตายสิ ฉันเพิ่งเห็นกรณี The Best โดนเมินก็คราวนี้
ชั่งน้ำหนักแล้วเดเมียน เลอรอยด์เลือกที่จะเป็นศัตรูกับเครือธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียแทนที่จะเป็นฝั่งนั้น
โว้...นี่มันอย่างกับเย้ยกันชัดๆเลยเนอะ ว่าคู่ต่อสู้ของเรานั้นยิ่งใหญ่กว่า The
Best อีก”
“ท่านโกคุเดระทราบแล้วหรือครับว่าเป็นใคร”
“เออ
เป็นไปได้ฉันก็อยากให้เป็นโกคุเดระแอร์ไลน์เต็มแก่ เสียดายก็แต่ว่ามันยังเป็นไปไม่ได้เนี่ยแหล่ะ”
เขาว่าด้วยน้ำเสียงขำๆพลอยทำให้คนฟังต้องหัวเราะออกมาด้วยกับคำหยอกแรงๆ
“ฉันแค่สงสัย แต่ยังไม่กล้าฟันธงหรอก คนที่กล้าท้าทายอำนาจ The Best น่ะจะมีอยู่สักเท่าไหร่กัน”
“ท่านสงสัยใครหรือครับ”
“จอร์จิโอกรุ๊ป”
โกคุเดระตอบจริงจัง เห็นเลขาขมวดคิ้ว เขาเลยรีบขยายความ
“อย่าเพิ่งถามว่ารู้ได้ยังไงนะ ก็บอกแล้วว่ายังไม่มีหลักฐาน
แต่ตอนนี้จอร์จิโอน่ะเข้าเค้าที่สุด เป็นเครือธุรกิจมหึมาที่พอจะข่ม The Best ได้ แล้วจากที่ฟังเอเลนเล่ามา
บอสของที่นั่นไม่น่าจะใช่พวกใสซื่อมือสะอาดเท่าไหร่ แน่นอนว่าฉันเชื่อ
น้องฉันมันเซ้นส์แรง”
ลอร์ดคริสโตเฟอร์พยักหน้ากับเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์
เขาเคยรู้สึกหวาดกลัวการวิเคราะห์ของเจ้านายตนเองที่มันมักจะถูกเสมอ
กว่าจะชินกับมันได้ก็ปาเข้าไปหลายปีทีเดียว เอาเถอะ อยากให้ท่านคิดอะไร ก็ให้คิดไป
มันคงเป็นวิธีการระบายความเครียดอย่างหนึ่งเพราะท่านยามาโมโตะดันไปอังกฤษโดยไม่บอกรายละเอียดใดๆเลย
“ท่านก็โกคุเดระครับ
เมื่อกี้นี้ท่านบอกว่าพวกมันมีวิธีได้เบธิลด์คืนมา”
“อ่า...ใช่”
เขาตอบ รอยยิ้มเลือนไปจากใบหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน
“ต้องบอกว่าเป็นวิธีน่าเกลียดด้วย แต่ก็ได้ผลรวดเร็วและตรงไปตรงมามากที่สุด
พวกมันคงสั่งให้ใครสักคนไปขโมยสัญญาหุ้นส่วนออกมาจากที่เก็บในมหาวิทยาลัยของยามาโมโตะ
เรื่องนี้ฉันไม่ได้เดาสุ่มสี่สุ่มห้านะคริสโตเฟอร์”
สีหน้าของโกคุเดระจริงจังขึ้นจนคนมองเผลอกลืนน้ำลาย
ร่างบางหมุนเก้าอี้ของตนเองให้หันหน้าออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ข้างหลัง จ้องมองตึกแฝดสี่ด้วยความรู้สึกหดหู่บางอย่าง
“โทรศัพท์ที่ยามาโมโตะรับเมื่อวานก่อนน่าจะโทรมาบอกว่าสัญญาถูกขโมยไปแล้ว
หมอนั่นถึงได้รีบร้อนไปอังกฤษขนาดนั้น
แล้วที่หมอนั่นยังปิดปากเงียบกับฉันก็คงเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับบอสตาแก่แมคคาร์ที”
สีหน้าของโกคุเดระทะมึนลงเรื่อยๆ อย่านึกว่าเขาไม่รู้ เขาสงสัยตั้งแต่ที่หมอนั่นรบเร้าเรื่องต่อสัญญาหุ้นส่วนแบบแปลกๆ
ไม่แน่ว่ายามาโมโตะคงคาดการณ์ไว้แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หมอนั่นก็เลยคิดจะดึงเขามาอยู่ในที่ๆตัวเองมองเห็นได้ตลอดเวลา
ไม่อนุญาตให้เขาทำอะไรตามใจ แล้วตั้งใจจะจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง
ถามว่าพอรู้แล้วเขาโกรธไหม
แน่นอนว่าโกรธ แต่เขาจะว่าอะไรหมอนั่นได้ เพราะถ้าเป็นเขาก็คงจะทำอย่างเดียวกัน
ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ตัวเองรักเอาชีวิตไปเสี่ยงหลายรอบหรอก
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายต้องปิดบังฉันขนาดนี้เลยนะ”
ถึงอย่างนั้นประธานแห่งโกคุเดระแอร์ไลน์พึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
ลอร์ดคริสโตเฟอร์คลี่ยิ้ม
“ก็เพราะท่านยามาโมโตะรู้ว่าถ้าบอกไป
ท่านฮายาโตะจะไม่อยู่เฉยๆน่ะสิครับ”
“แล้วนายคิดว่าถึงไม่บอก
ฉันจะยอมอยู่เฉยๆไหม?” คนเป็นเจ้านายถามกลับเสียงใส ไม่ต้องคิดลอร์ดคริสโตเฟอร์สั่นศีรษะทันที
“เห็นไหม
นายไม่คิด ยามาโมโตะก็ต้องไม่คิดเหมือนกัน หมอนั่นยังไงก็เป็นหมอนั่นน่ะแหล่ะ”
“แต่ท่านฮายาโตะครับ..”เลขามือหนึ่งลากเสียงเล็กน้อยเป็นเชิงปราม
สายตาของลอร์ดคริสโตเฟอร์จ้องเป็นพิเศษที่หัวไหล่ซ้ายเจ้านายตนด้วยแววตาห่วงใย
โกคุเดระรีบโบกมือ
“ฮื้อ อย่าทำหน้างั้นน่า
จนกว่ายามาโมโตะจะกลับมาฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองบาดเจ็บเลยคอยดู หรือถ้านายระแวงนัก
เห็นฉันมีแผลเมื่อไหร่ก็ยกหูไปฟ้องหมอนั่นทันทีเลยก็ได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ห้าม”
เป็นอีกครั้งที่ผู้ติดตามที่ขึ้นชื่อว่ามีนิสัยเฉียบขาดที่สุดต้องอ่อนข้อลงให้กับเจ้านายของตนเองอีกครั้ง
เขาล่ะอยากรู้ว่ามีใครในโลกนี้ทนต่อการโน้มน้าวของโกคุเดระ ฮายาโตะได้ไหม
ลอร์ดคริสโตเฟอร์ถอนหายใจกับคำถามที่หาคำตอบยาก เอ่ยออกไปอย่างรู้หน้าที่
“ต้องการอะไรบ้างครับ”
“โทรศัพท์กับซิมใหม่ที่ฉันเตรียมไว้โทรทางไกลได้ไม่อั้น”
เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปียิ้มเผล่ กำชับเสียงหนักแน่น “ให้ไวเลยคริสโตเฟอร์
เราเดินหมากช้ากว่าคนอื่นไปหลายตาแล้ว”
ลอนดอน อังกฤษ
ยามาโมโตะและนายห้างคนปัจจุบันของเบธิลด์
ทาวเวอร์อยู่ที่คอนโดใจกลางกรุงไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่นัก
แดชีลล์ซื้อทิ้งเอาไว้หนึ่งห้องตอนที่เขามาเรียนอยู่ที่ตั้งแต่เข้ามหาลัยจนถึงป.โท
ซึ่งตอนนี้เขาไม่นึกเลยว่าต้องใช้มันเป็นที่พัก
อย่างกับศูนย์บัญชาการหลักในการปฏิบัติภารกิจสุดหิน แน่นอน หินแน่
ถ้าไม่หินพวกเขาก็คงไม่มานั่งแผ่บรรยากาศอึมครึมใส่กันในห้องนั่งเล่นอย่างนี้หรอก
“เราพบร่องรอยการค้นห้องเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะแถวลิ้นชัก
ระบุตัวคนร้ายได้แล้วครับ” เฟร็ดดอริกวางเอกสารตรงหน้าพวกเขา
แดชีลล์ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเครือข่ายของ The Best นั้นกว้างใหญ่ได้แค่ไหน
ถ้ามันพอที่จะปิดข่าวว่ายามาโมโตะยิงคนตายไปหนึ่งคนได้
มันก็น่าจะสืบหาตัวคนหนึ่งคนโดยที่ไม่ผ่านตำรวจได้โดยไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
“บอกฉันทีว่าข้อมูลที่นายหามาได้นี่
เราจะไม่โดนเช็คบิลทีหลัง”
“ถ้านายหมายถึงการที่เราจะโดนจับข้อหาสืบประวัติส่วนตัวพลเมืองโดยไร้หมายศาลล่ะก็...ไม่”
ยามาโมโตะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้จ้องรูปถ่ายบนหน้ากระดาษด้วยสายตาว่างเปล่าทว่าให้ความรู้สึกขนลุกแปลกๆ
เขายิ้มเหยียด “แต่มันก็ไม่ได้ได้มาอย่างถูกกฎหมายนักหรอก นายก็รู้
ฉันใช่เป็นคนใสซื่อมือสะอาด”
“มือนายมันเปื้อนเลือดไปแล้ว
ถ้าจะพูดให้ถูก” แดชีลล์แดกดัน สังเกตสีหน้าเพื่อนต่างวัยอีกเล็กน้อยแล้วมองรูปถ่ายในมือบ้าง
อ่านชื่อที่อยู่บนหัวกระดาษ “อัลเฟร็ด บอตแมน เหมือนนายจะรู้จักหมอนี่”
“ฉันเจอหมอนี่ครั้งแรกในวันที่ฉันฆ่าเคลล์แมน
มาร์ตันตาย เขาเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่บอสของสตีเฟนสั่งมาเก็บฉัน
เราเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว คุยกันหลายประโยคด้วย ฉันไม่มีทางลืมหน้าแน่นอน”
“ว้าว”
แดชีลล์ร้อง พยักหน้าหงึกหงัก “เป็นประสบการณ์ระทึกขวัญสำหรับนายเลย
ไม่แปลกที่จะจำได้”
“มันน่าระทึกกว่านั้นอีกแดช”
ยามาโมโตะเหลือบตามองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาอ่านยาก
รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานั่นเหมือนขำประชดในโชคชะตา
“หมอนี่น่ะ...โดนยิงต่อหน้าต่อตาฉันเลย”
“หา!?”
แดชีลล์ร้องลั่น ดวงตาเบิกโพลง รีบประท้วงทันควัน “เฮ้ๆๆ
แบบนี้ไม่ตลกนะไอ้คุณเพื่อน
นายกำลังจะบอกว่าคนที่ขโมยสัญญาหุ้นส่วนของเราไปนี่คือคนที่โดนยิงตายไปเมื่อเดือนก่อนหรือไง”
“ฉันว่าโดนยิง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตาย” ยามาโมโตะเอ่ยแก้ “สิ่งที่ฉันเห็นคือตอนที่ฉันกำลังต่อรองกับหมอนี่อยู่ดีๆ
เคลล์แมน มาร์ตันก็โผล่มาข้างหลัง เสียงปืนดังขึ้นสองนัด หมอนี่ล้มตึงเลือดนองพื้น
ฉันโดนปืนจ่อสีข้างบังคับให้เดินไปที่ห้องข้อมูล
หลังจากจบเรื่องตรงนั้นแล้วฉันก็รีบบินมาช่วยพวกนายที่ปารีสนั่นไง เลยไม่มีโอกาสได้เช็ค
แต่ก็ยอมรับตอนนั้นฉันก็คิดว่าหมอนี่คงไม่รอด”
ยามาโมโตะสีหน้าเครียดขึ้นทันตา
เรื่องออกมาเป็นแบบนี้เขาช็อกจริง ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
ไม่ได้เตรียมรับมือเอาไว้ด้วย ทุกอย่างตอนนั้นดูวิกฤติไปหมด เขารู้อยู่แล้ว
รู้เลยว่าเหตุการณ์แบบนั้นถ้าจัดการไม่ดีมันไม่มีทางจบแฮปปี้เอนดิ้ง
มันต้องย้อนกลับเข้ามาทำร้ายเขาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
“เพิ่งเห็นว่าคนอย่างประธาน
The
Best ก็สะเพร่าเป็นแฮะ”
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสเหยียบซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ออกจะไม่จริงจังนักตามนิสัย
เขาหัวเราะหึๆ ซักต่อ “แต่ยามาโมโตะ ถึงนายจะรีบยังไง นายก็สั่งลูกน้องเคลียร์พื้นที่ไว้แล้วไม่ใช่เหรอ
ลำพังเจอกองเลือดเปล่าๆหนึ่งกองกับรอยหยดเป็นทางไป
เขาจะไม่แจ้งนายหน่อยหรือไงว่ามีนักฆ่าหายตัวไปคนหนึ่งน่ะ”
“บางทีอาจจะมีหนอนบ่อนไส้”
ยามาโมโตะคิดเร็วตอบเร็วอย่างทุกที แล้วความเป็นไปได้มันก็สูงด้วย
เด็กหนุ่มถึงแสดงสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมา “แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น
คลิปที่เราเซ็นสัญญากันในมือถือเคลล์แมนก็น่าจะหลุดออกไปแล้วเหมือนกัน”
แดชีลล์สบถออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศสหนึ่งคำ
มือตบเข้ากลางหน้าผากแล้วลูบลงมาจนถึงปลายคาง โอเค
ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขานั้นเสียเปรียบเต็มประตู ตอนนี้ศัตรูจะทำยังไงกับพวกเขาก็ได้
แล้วถ้าพวกมันทำจริงได้ซวยกันยกแก๊งค์จริงๆ รวมถึงเจ้าคนที่อยู่ทางญี่ปุ่นนั่นด้วย
เพราะอย่างนั้นล่ะเขาถึงนึกเครียดขึ้นมา มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาเห็นด้วยกับยามาโมโตะ
โกคุเดระไม่ควรยุ่งกับเรื่องนี้ หมอนั่นเสี่ยงมามากแล้ว
ใช่...การที่เด็กนั่นถูกยิงต่อหน้าต่อตาเขาครั้งนั้นก็เกินพอ
“ตามหาตัวอัลเฟร็ด”
แดชีลล์สรุปเสียงต่ำ ยามาโมโตะพยักหน้ารับ
เหลือบตามองเลขาร่างสูงของตนโดยอัตโนมัติ เฟร็ดดอริกจึงวางข้อมูลให้อีกหนึ่งเอสี่
“ยังไม่มีรายงานว่าหมอนี่หนีออกจากอังกฤษครับ
เบาะแสล่าสุดคือแถวย่านแมรี่ลีโบน มีชายน่าสงสัยคนหนึ่งเข้าไปเช่าห้องพักเขาแทบไม่ออกมาจากห้องเลย
อาหารทุกมือคือเป็นแบบสั่งแล้วส่งถึงห้อง
แต่คนแถวอพาร์ตเม้นท์ยืนยันว่าเขาหน้าตาคล้ายอัลเฟร็ด
เราได้ที่อยู่มาแล้วด้วยครับ”
“ดีมาก
เราจะไปกันเดี๋ยวนี้” ประธาน The Best ว่า
เขาหันไปทางชายหนุ่มชาวฝรั่งเศส ว่าด้วยสายตาจริงจัง
“แต่ฉันยังไม่วางมือจากเรื่องของเดเมียนหรอกนะแดช ตราบใดที่เขาหายสาบสูญ
เราก็ยังระบุเจตนาของเขาไม่ได้ บางทีเขาอาจมีส่วนรู้เห็นในการขโมยหุ้นส่วนเรา”
แดชรับรู้เพียงพยักหน้าสองสามที
ยอมรับในน้ำเสียงเย็นชาของยามาโมโตะที่เขาไม่มีสิทธิ์ไปอุทธรณ์
เขาตั้งใจลงเรือลำเดียวกับยามาโมโตะแล้ว
ไม่ว่าจะขึ้นจะล่องเขาก็ต้องตามตัวพ่อตัวเองมาตัดสินโทษ หรือไม่อย่างนั้นพ่อของเขาอาจจะโดนกฎโลกมืดตัดสิน
ทางเลือกมีไม่มากนัก แต่ไม่ว่ายังไงพ่อของเขาก็ไม่มีวันพบจุดจบที่สวยงาม
ชายหนุ่มเม้มปากตัวเอง
เริ่มลงมือเก็บของพอดีกับที่มีเสียงครืดคราดดังในกระเป๋าสูทของเฟร็ดดอริก
เจ้าตัวมองหน้าจอมือถือตนเองอยู่ชั่วครู่แล้วกดรับมัน
พูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่ไม่กี่คำ ส่วนใหญ่เงียบฟังมากกว่า
“เข้าใจแล้ว”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะกดวาง
ร่างกายสูงใหญ่หันมาทางเจ้านายตัวเองซึ่งกำลังยืนนิ่งเตรียมรับฟังคำรายงานอย่างทุกครั้ง
“ใครโทรมา”
“สายสืบที่ตามเรื่องของเดเมียน
เลอรอยด์ครับ” เฟร็ดดอริกตอบด้วยน้ำเสียงชัดเจนราบเรียบอย่างทุกที “มีเบาะแสของเขาที่ฝรั่งเศส...เรื่องนี้ผมจะจัดการเองครับท่าน
ถ้าหากได้เรื่องคืบหน้าอย่างไรจะติดต่อกลับมาครับ”
ยามาโมโตะรับเพียงแค่ผงกหัวอนุญาต
การส่งเฟร็ดดอริกไปคนเดียวนั้นถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เขาไม่มีทางให้แดชไปด้วยแม้ว่าการส่งลูกไปพบพ่อนั้นจะเป็นสิ่งที่ควรทำ หนึ่งเดือนที่ผ่านมามันไม่เพียงพอต่อการเยียวยาความรู้สึกลูกชายคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ยามาโมโตะไม่ใจดีพอที่จะให้คนที่จิตใจอ่อนแอมารับผิดชอบงาน
แผนการทั้งหมดอาจพังง่ายดายเพราะความรู้สึก
เพราะอย่างนั้นเขาถึงกีดกันแดชให้อยู่ห่างจากเรื่องนี้มากที่สุด
ต่อให้ต้องเป็นคนเลวที่ทำร้ายความรู้สึกใคร
แต่เขาปล่อยเดเมียนไปไม่ได้...
สองผู้บริหารมาถึงสถานที่ตามที่เฟร็ดดอริกหาไว้
มันห่างจากมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุไม่ถึงสิบห้านาที
ละแวกนั้นเป็นตึกขึ้นเรียงๆกันจนแทบไม่มีที่ว่าง แต่ทั้งๆอย่างนั้นกลับมีกลิ่นไม่ชอบมาพากลฉุน
ผนังบ้างเป็นปูนเปลือยหรืออิฐทาสีซึ่งบางส่วนได้ลอกออกไปบ้างแล้ว ผู้คนไม่ขวักไขว่
ทุกซอกซอยเปลี่ยวจนน่ากลัว ราวกับว่าย่านนี้เหล่าคนดีๆจะไม่ค่อยอยู่กันเท่าไหร่นัก
พวกเขาจอดรถห่างจากอพาร์ตเม้นต์ที่ว่าหลายร้อยเมตร
แดชีลล์เปิดเก๊ะหน้ารถ ในนั้นมีปืนอยู่สองกระบอกนอนอยู่ในกล่อง เขายื่นบาเร็ตต้า 9000s ให้ยามาโมโตะ ส่วนตัวเองนั้นหยิบปืนกึ่งออโตเมติกอีกกระบอกซ่อนไว้ในสูท
ทันทีที่โลหะเย็นแนบเสื้อเชิ้ตด้านใน หัวใจก็รัวกระหน่ำขึ้นรับทันที
ทั้งคู่ไม่ใช่นักฆ่าดังนั้นพวกเขาไม่เคยชินที่จะต้องพกอาวุธร้ายเอาไว้ใกล้ตัว แต่ถ้าหากถึงเวลาจำเป็นต้องใช้
มันก็คนละเรื่องกัน
“แปลกใจที่เห็นฉันจับปืนได้สบายเหมือนจับแฟ้มเอกสารล่ะสิ”
แดชีลล์เย้าด้วยรอยยิ้มอ่านยาก
“บอกนายเอาไว้ก่อนว่าฉันยังไม่เคยยัดลูกตะกั่วใส่เนื้อคนเป็นๆ เพราะฉะนั้นขอเถอะ
ขออย่าให้ได้เพิ่งใช้มันเลย”
“ฉันก็หวังว่าเราจะไม่ได้ใช้
เพราะถ้าเป็นโกคุเดระ หมอนั่นก็คงไม่ใช้เหมือนกัน” ยามาโมโตะตอบรับ
รอยยิ้มละมุนปรากฏบนใบหน้าซึ่งแดชีลล์รู้สึกว่ามันเป็นสีหน้าที่อ่อนโยนที่สุดตั้งแต่ที่ยามาโมโตะมาที่อังกฤษนี่
ดวงตาสีเปลือกไม้มีประกายบางอย่างก่อนจะว่าขึ้น “ฉันจะขึ้นไปคุยกับอัลเฟร็ดเอง
ส่วนนายอยู่ที่นี่”
แดชีลล์ตาเหลือกทันที
“น้อยๆหน่อยไอ้เด็กโข่ง! นี่มันคนละอย่างกัน
นายคิดว่าไอ้คนที่ไม่ยอมเห็นเดือนเห็นตะวัน ขนาดจะกินข้าวยังต้องส่งเดลิเวอรี่เนี่ยมันจะยอมเปิดประตูให้นายเข้าไปคุยกับมันง่ายๆหรือไง!?
แล้วคิดจะลุยไปคนเดียวเนี่ยนะ!”
“เออ
ทำได้ก็แล้วกัน” ยามาโมโตะรับอย่างมั่นใจ
ไม่สนสายตาเพื่อนที่กำลังมองเขาเหมือนตัวประหลาด “แต่ก็อย่างที่นายว่า
ฉันไม่ใช่โกคุเดระ ไม่รับประกันว่าเจรจาอย่างเดียวมันจะสำเร็จ
เพราะงั้นก็เลยอยากให้นายนั่งอยู่ที่นี่ ใส่หมวกกับแว่นตาดำที่อยู่ในเก๊ะนั่นซะ
แล้วนี่กล้องส่องทางไกล คอยดูลาดเลาให้ฉันด้วย
ส่วนปืนในสูทนั่นนายไม่ต้องซ่อนจนมิด เอามาจับเล่นบ้างฉันก็ไม่ว่า”
“หา!?”
ไม่มีคำอธิบายใดๆนอกจากสายตากดดันที่ส่งผ่านมาให้เขารีบตอบตกลงซะ
“เฮ้ยๆ”
แดชีลล์เริ่มจับเค้าอะไรบางอย่างได้ เขาร้องเสียงแผ่ว อยากหัวเราะก็ทำไม่ได้
อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก สุดท้ายก็สูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง ปล่อยมันออกจนสุดปอด
พยักหน้า “ก็ได้ๆ ก็ได้ ฉันยอมแพ้ เอาก็เอา”
ยามาโมโตะลงจากรถทันทีแล้วเดินออกไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสกลอกตาอย่างปลงตก
เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามีคนเคยคิดแต่อาจจะไม่มีใครกล้าบอกว่าท่านประธานแห่ง The Best นั้นบทจะเฉียบขาดก็น่ากลัวจนซะไม่มีใครกล้าหือกล้าอือ ไม่มาเจอเองก็คงไม่รู้หรอก
นึกขอบคุณเขาซะเถอะที่ไม่แอบอัดวิดีโอไปให้คนทางญี่ปุ่นนั่นดู
เด็กหนุ่มร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปในอาพาร์ทเม้นท์
เขาตรงไปที่เค้าท์เตอร์ที่เป็นคุณป้าวัยห้าสิบกว่า เจ้าหล่อนเบิกตาโพลง
ปล่อยหัวหอมทอดในมือหล่นปุกับกล่องทันทีเมื่อเห็นแขกคนใหม่ในชุดสูทสีดำอย่างดีที่ไม่ค่อยได้เห็นนักในย่านนี้
หรือไม่ก็นานๆเห็นที
“ฉะ
ฉันจ่ายค่าที่ไปแล้วนะ!” หล่อนละล่ำละลักบอก ใบหน้าอูมๆนั้นซีดเผือดอย่างน่าขัน
มือไม้โบกไปมาเหมือนคนทำอะไรไม่ค่อยถูก “ถะ ถึงจะเหลือเงินต้นก็เถอะ
แต่เมื่อวานก่อนพวกแกก็บอกฉันแล้วนี่ว่าเลื่อนไปได้อีกอาทิตย์!”
ยามาโมโตะเลิกคิ้วขึ้น
ร้องอ้อเบาๆในใจ ดูท่าว่าเขาจะถูกเข้าใจว่าเป็นพวกมีอิทธิพลมืดไปแล้วเรียบร้อย
อพาร์ตเม้นต์นี่ดูเก่ากว่าตึกรอบข้างอย่างกับหลงยุคมา
อะไรหลายๆอย่างก็น่าจะหลุดมาตรฐานห้องพักไปแล้ว ที่มันยังอยู่ได้ไม่โดนทุบไปสักทีก็น่าจะมาจากการถูกคุ้มครองที่ไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูนัก
เพราะอย่างนั้นจะมีพวกแปลกๆอย่างคนที่ไม่ยอมออกจากห้องมาเช่าอยู่ ก็คงเป็นเรื่องปกติ
“วันนี้ผมไม่ได้มาเรื่องค่าที่”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมจ้องใบหน้าหญิงสูงวัยอย่างกดดัน
“แต่จะมารับตัวคนๆหนึ่งไป นี่รูปถ่ายเขา พอจะบอกได้ไหมว่าอยู่ห้องอะไร
แล้วใครเป็นคนพาหมอนี่มาที่นี่”
หญิงชรามองรูปแล้วเหลือบตามองเขา
จากนั้นหลบตาวูบ ใบหน้านั้นซีดกว่าเก่า ปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างจากนั้นก็ปิดเงียบ
ทำท่าสลับไปมาอย่างมีพิรุธ
“พูดมาซะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเข้มขึ้น เขาชักจะหงุดหงิดกับเวลาที่เสียไปโดยใช่เหตุ
“ถ้าหากคุณไม่สามารถบอกชื่อของคนที่เอาเขามาฝากได้ก็บอกรูปพรรณสัณฐานมา ผมคือคนที่มารับงานต่อจากเขาเอง
ถ้าหากคุณไม่ให้ความร่วมมือ ผมไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอพาร์ตเม้นต์เก่าๆนี่ของคุณ
รวมถึงงานของเราที่อาจเสียไป เรื่องทั้งหมดนี่ผมก็อยากจะรู้ว่าคุณจะรับผิดชอบยังไงไหว?”
“ฉะ ฉัน
ฉันพูดชื่อเขาไม่ได้ หมอนั่นเป็นผู้ชายแก่ดูท่าทางรวยๆ น่าจะเป็นพวกเสเพล
เขาบอกว่าคนๆนี้เป็นคนของบอส แค่ให้ที่อยู่ก็พอ ไม่ต้องไปยุ่ง
แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีใครมารับ ฉะ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยนะ”
หญิงสูงวัยรัวใส่เขาจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง กำแน่นที่แขนสูทเขาแล้วเขย่า
แต่สิ่งที่ยามาโมโตะสนใจในรูปประโยคเห็นจะมีก็แต่ ชายแก่ท่าทางรวยๆ
เป็นพวกเสเพลเท่านั้น
นั่นน่ะ...สตีเฟน
แมคคาร์ทีไม่ผิดแน่
“คำสั่งถูกเปลี่ยนแล้ว”
เด็กหนุ่มยังเล่นละครต่อไป เขาแกะมือเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ออก
ดวงตาสีน้ำตาลคมแสร้งมองซ้ายมองขวาอย่างชวนระแวง เขาเท้าศอกลงกับเค้าท์เตอร์
กระซิบเสียงเย็น “หมอนั่นมันทำงานพลาด
บอสของเราต้องการตัวมันกลับไปจัดการให้เร็วที่สุด...คุณเองก็ไม่อยากเก็บตัวนักฆ่าร้อยศพเอาไว้ใกล้ตัวใช่หรือเปล่าล่ะ”
หญิงชราแทบร้อง
มืออูมๆตะปบเข้าที่ปากตัวเองตัวตาเบิกโพลง เธอรีบตั้งสติแล้วควานหากุญแจสำรองพอเจอแล้วก็รีบยื่นให้เขาทันที
“เขาอยู่ห้อง 305 ฉันรับประกันว่าเขายังอยู่ที่ห้อง ขึ้นไปได้เลย”
ยามาโมโตะกระตุกยิ้มกับคำยืนยันนั่น คว้ากุญแจมาไว้ในมือแล้วกล่าวขอบคุณเจ้าของอพาร์ตเม้นต์
เขาเดินขึ้นบันไดไป สีหน้าของเด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเช่นเดียวกับบรรยากาศ
พร้อมๆกับที่บทบาทละครที่กำลังจะเปลี่ยนไปอีกเรื่อง
ร่างสูงมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักหมายเลข
305
สีหน้าของเขาสงบนิ่งเหมือนอย่างเคยเวลาทำงาน แล้วยกมือเคาะประตูไป
พลันเขาได้ยินเสียงกุกกักผ่านบานประตูมา ยามาโมโตะพอจะมองภาพออกรางๆ นักฆ่าที่กักตัวเองอยู่ข้ามวันข้ามคืนคงไม่คิดจะมีใครมาก่อกวน
หมอนั่นคงจะตกใจแล้วจ้องเขม็งมาที่ประตูนี่ราวกับเสือที่กำลังจ้องเหยื่อ
จากนั้นจึงค่อยๆย่างเท้ามาหยุดอยู่ที่ประตู ใช้ตาแมวมองผ่านมา
แล้วยามาโมโตะก็จงใจยืนให้ตรงกับตาแมวให้อัลเฟร็ดเห็นชัดๆเลยนี่ล่ะ
“แก!”
เป็นไปดังคาด หมอนั่นคำรามลั่น ผงะถอยออกจากประตูโดยอัตโนมัติ ยามาโมโตะหัวเราะหึ
“ยังจำกันได้ดีอยู่นี่นา
แต่อย่าคิดหนีจะดีกว่า” เขากระซิบผ่านประตูกลับไป
น้ำเสียงเย็นเยียบและมีความเป็นต่ออยู่เสมอนั่นทำให้ความทรงจำของอัลเฟร็ดกลับมาว่าเขาไม่มีทางจำผิดคน
เด็กหนุ่มผู้อยู่นอกประตูขยับยิ้ม เขาพูดเรื่อยๆอย่างใจเย็น
“เรามีเรื่องต้องคุยกันหลายเรื่องครับ คุณอัลเฟร็ด ได้ยินหรือเปล่าว่าแค่คุย...ถ้าให้ความร่วมมืออย่างดีผมจะไม่ทำอะไรคุณทั้งนั้นนอกจากสอบถามเรื่องราวบางอย่างที่คุณไปเจอมาเมื่อคืนก่อนนี้”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก!”
นักฆ่าสวนกลับมาทันที
เสียงที่ห่างออกไปทำให้ยามาโมโตะพอคาดการณ์ได้ว่าเหยื่อของเขาเดินถอยหลังออกห่างจากประตูราวกับเห็นมันเป็นของอันตราย
เสียงสั่นๆฟังร้อนรนดังออกมาเรื่อยๆ “แกจะหลอกให้ฉันเปิดประตู
แล้วจากนั้นแกก็ฆ่าฉัน หรือไม่ก็จับฉันส่งบอส แกคิดว่าฉันจะยอมโดนฆ่าหรือไง
ไม่มีทาง!”
“คุณเดาผิดทั้งคู่เลยครับคุณอัลเฟร็ด...อย่างแรกคือผมจะไม่ฆ่าคุณ
ถ้าผมฆ่าคุณผมติดคุกแน่ ถึงที่นี่จะโกโรโกโสจนไม่มีกล้องวงจรปิด แต่มีคนอาศัยอยู่เต็ม
รวมถึงเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ข้างล่างนั่นด้วย พยานมีมากมายที่จะชี้ว่าผมเป็นฆาตกร
เรื่องแบบนั้นมันโง่เง่าไป ผมไม่ทำหรอกครับ
แล้วอีกอย่างเรื่องที่ผมจะส่งคุณให้บอสของคุณ ผมก็อยากจะทำอย่างนั้นอยู่
ถ้าไม่ติดว่าเขาคือศัตรูตัวฉกาจที่เกือบจะทำให้คนสำคัญของผมเกือบตาย”
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้คู่คมเป็นประกายเย็นเยียบชวนขนลุก เขาแทบจะเห็นท่าทางลังเลของอัลเฟร็ดผ่านประตูไม้ผุๆ
“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องเชื่อแก
มั่นใจได้แค่ไหนว่าฉันเปิดประตูไปแกจะไม่ให้ลูกน้องที่อยู่ตามมุมอับเข้ารวบตัวฉัน
อย่าคิดว่าฉันจะยอมตกหลุมพรางง่ายๆของแกดีกว่า”
“แล้วคุณจะทำยังไง
กระโดดลงหน้าต่างหนีไปงั้นเหรอ” ยามาโมโตะต่อทันที น้ำเสียงท้ายขึ้นจมูกเหมือนมันเป็นความคิดที่ตลก
เขายิ้มร้ายสวนคำพูดของนักฆ่ากลับไป “มั่นใจได้แค่ไหนว่าลงไปแล้วจะไม่มีใครรอสอยคุณอยู่เงียบๆ
ลองมองรอบๆก่อนดีกว่าไหม...โดยเฉพาะ BMW สีดำคันที่จอดอยู่มุมเสานั่น”
แทบไม่ต้องลุ้น
ยามาโมโตะมั่นใจว่าอัลเฟร็ดต้องคว้ากล้องส่องทางไกลทันทีที่จบคำพูดเขาแน่ แล้วไม่ต้องห่วง
รถBMW
สีดำที่เขาให้อัลเฟร็ดมองไปนั่น ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนภาพเสือที่ตั้งใจเขียนอย่างดีเพื่อให้วัวกลัวสุดใจ
มันเป็นรถของเขาเอง
แล้วคนที่นั่งอยู่ด้านในก็คือแดช
เขาสั่งให้หมอนั่นใส่แว่นใส่หมวกผนวกกับความมืดของฟิล์มติดกระจกเพื่ออำพรางตัวไว้แล้ว
รวมถึงสั่งให้แดชใช้กล้องส่องทางไกลส่องมาทางตึกเป็นระยะๆแถมใต้สูทนั่นก็ยังมีปืนอีก
ตอนนี้แดชในสายตาอัลเฟร็ดก็ไม่ต่างจากชายน่าสงสัยที่ดูอย่างกับมือปืนเพื่อมาเก็บใครสักคน
“นั่นใคร!?
พรรคพวกของแกเหรอ! ตอบฉันมาอย่าเล่นลิ้นนะ!” เสียงตอบรับที่ผ่านมาทางประตูดังชัดเจนแม้เป็นเสียงกระซิบก็ทำให้ยามาโมโตะยิ้มย่อง
เขามั่นใจแล้วว่าท่าทางน่าสงสัยของคนในรถทำให้อัลเฟร็ดยอมที่จะถอนเท้าออกจากริมหน้าต่าง
กับนักฆ่าที่ต้องเก็บตัวแบบนี้ร้อยทั้งร้อยก็ต้องกลัวการตามพบไม่ว่าจะกับตำรวจ
ศัตรูที่ขัดแข้งขัดขากัน หรือแม้แต่กับพวกเดียวกันเอง ยามาโมโตะไม่รู้
เขายังสรุปไม่ได้ว่าอัลเฟร็ดกลัวอะไรจนกว่าจะได้คุยกันดีๆ
“ไม่รู้สิครับ
จากท่าทางคุณก็น่าจะรู้แล้วว่าเขาไม่ได้มาดีแน่ เขาคงคิดจะมาฆ่าใครสักคน
อาจจะเป็นคุณ หรืออาจจะเป็นคนห้องข้างๆ หรือไม่คุณก็ลองกระโดดลงไป
โบกไม้โบกมือให้เขาเห็น รู้ตัวอีกทีก็คงมีกระสุนบนร่างไม่ต่ำกว่าสิบ
ตอนนั้นแหล่ะถึงจะบอกได้”
เสียงฮึดฮัดดังผ่านมาราวกับสัตว์ร้ายกำลังคำรามยิ่งทำให้ประธานแห่ง The Best ไล่ต้อน “แต่ถ้าคุณเปิดประตูผมขอรับประกันว่าคุณจะไม่ตาย...ฟังดูเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่าไหม
คุณอัลเฟร็ด”
จากนั้นไม่เกินสิบวินาทียามาโมโตะได้ยินเสียงสะเดาะกลอนประตูวุ่นวาย
จนสุดท้ายมันเปิดออก ชั่ววินาทีนั้นเขาคว้าบาเร็ตต้า9000s ยกขึ้นส่องแสกหน้าอีกฝ่ายทันที
เป็นวินาทีที่อัลเฟร็ดไม่สามารถป้องกันอะไรได้หรือแม้กระทั่งจับปืนลูกโม่ของตัวเองเข้าสู้
ดวงตาเขาแดงก่ำ ฟันขบกันดังกรอด
ใบหน้าผอมตอบปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดเพราะความโกรธจัด จำต้องยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วเข้าไปในห้องพักทั้งๆอย่างนั้น
“ไอ้จิ้งจอก!”
เสียงสบถด่าดังทันที แต่ยามาโมโตะไม่สนใจ
“ผมไม่ได้หลอกลวงอะไรคุณนะ
ที่บอกว่าจะไม่ฆ่าน่ะเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการเจ็บตัวหากคุณคิดตุกติก”
ยามาโมโตะตอบง่ายๆตรงไปตรงมา “ผมไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตที่คิดจะยิงใครทิ้งก็ยิงตามอารมณ์
ถ้าคุณตอบคำถามของผมดีๆทุกข้อ ผมสัญญาว่ามันจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง...หรือถ้าคุณเห็นผมคิดจะลั่นไกเมื่อไหร่คุณก็ยิงผมได้เลย
ผมเป็นแค่นักธุรกิจ เรื่องสิงห์ปืนไวคงไม่เท่านักฆ่ามืออาชีพอย่างคุณอยู่แล้ว
ถูกไหม”
อัลเฟร็ดเหยียดยิ้มกับประโยคนั้น
หัวเราะในลำคออย่างประชดประชัน
“อย่ามาทำตัวไม่ประสาเรื่องนี้นะท่านประธาน
ฉันรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนฆ่าเคลล์แมน มาร์ตัน ตอนนั้นเราอยู่กันกี่คน
ใครยิงใคร ฉันรู้ แกก็รู้”
แทนคำตอบ
ยามาโมโตะยิ้มรับง่ายๆด้วยท่าทางสบายๆ เขายักไหล่ราวกับจะบอกว่า ‘ช่วยไม่ได้
มันจำเป็น’
อัลเฟร็ดกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ทั้งๆที่เขาเป็นนักฆ่า
คุ้นเคยกับอาวุธนั่นมากกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แต่เขาไม่คิดว่าการโดนปืนจ่อใส่มันจะน่ากลัวได้ขนาดนี้
เขารู้สึกเหมือนมีแรงกดดันบางอย่างบีบรอบคออยู่ตลอดเวลา
ดวงตาสีเปลือกไม้ที่เขาเคยหวาดกลัวมันตอนนี้น่าขนลุกกว่าวันนั้นหลายเท่า
มันทั้งเยือกเย็นและดูไร้ปรานี
สถานการณ์ตอนนี้มันต่างจากเมื่อเดือนก่อนไปมากแล้ว
“คำถามแรกนะอัลเฟร็ด
เมื่อคืนก่อนคุณเข้าไปค้นห้องข้อมูลของผม แล้วสัญญาหุ้นส่วนระหว่างผมกับเบธิลด์
ทาวเวอร์ก็หายไป...มันอยู่กับคุณใช่ไหม”
“ไม่!”
คนถูกกล่าวหาตะโกนปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำ ยามาโมโตะขมวดคิ้วแน่นทันที
แต่ก็เงียบให้คนตรงหน้าขยายความด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ฉันเข้าไปก็จริง แต่ตอนนั้นมันไม่เหลืออะไรแล้ว
เอกสารสัญญาของพวกแกมันหายไปก่อนหน้าที่ฉันจะไปถึงแล้ว ฉันก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ไม่รู้ว่าไอ้เอกสารเส็งเคร็งนั่นมันไปอยู่ไหนด้วย!”
แววตานักฆ่าขวาง
เขากัดฟันกรอด
ดวงตาที่กลอกไปมานั่นสับสนอย่างถึงที่สุดจนแทบไม่เหลือคราบนักฆ่าอาชีพที่ได้ชื่อว่าเป็นคนของสตีเฟน
แมคคาร์ที ยามาโมโตะหรี่ตามองท่าทางเหล่านั้น เขาบอกได้เลยว่าอัลเฟร็ดไม่ได้โกหก
สีหน้า แววตา
หรือแม้แต่น้ำเสียงที่ตะคอกกำลังบอกเขาว่าคนๆนี้ไม่รู้อะไรแล้วกำลังอึดอัดกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญ
อีกอย่างมันช่วยเป็นเหตุเป็นผลกับสิ่งที่อัลเฟร็ดกลัวตั้งแต่ทีแรก ถ้าทำงานพลาด
ไม่มีใครกล้าบากหน้ากลับไปหาเจ้านายตัวเองหรอก ยิ่งเป็นวงการมืดด้วยแล้ว
“สตีเฟนรู้เรื่องนี้ไหม”
“ฉันไม่รู้
มันเป็นเรื่องของเบื้องบน” อัลเฟร็ดตอบรวดเร็ว
ฟังดูปัดปัญหาแต่ก็จริงจังในเวลาเดียวกัน
“แล้วเดเมียน
เลอรอยด์” ยามาโมโตะไล่เข้าไปอีก “ตอนนี้เขาอยู่ที่...!”
ปัง!
เสียงกร้าวกัมปนาทดังขึ้นหนึ่งครั้ง ยามาโมโตะยืนนิ่งอึ้ง
เขาจ้องภาพเบื้องหน้าไม่กะพริบ นิ้วของเขายังคงอยู่ที่เดิม เขาไม่ใช่คนลั่นไก
แต่อัลเฟร็ดกลับมีเลือดไหลทะลักกลางหน้าอก
มันสาดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณนั้นรวมถึงกระเด็นมาถึงเขาด้วย
ร่างกายผอมสูงล้มตึงลงตรงหน้า
เลือดไหลเอื่อยๆจากบาดแผลเจิ่งนองเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ไวเท่าสัญชาตญาณเขาจะทำได้ ยามาโมโตะรีบเข้าแนบตัวกับผนังข้างหน้าต่าง
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกขึ้นทุกทีแม้กลิ่นเลือดจะชวนคลื่นเหียน แต่ตอนนี้เขาต้องตั้งสติ
บาเร็ตต้าในอุ้งมือไม่มีทางยิงสวนไปได้ถึง ตรงข้ามเป็นตึกสูงพอดีกัน เพราะอย่างนั้นเครื่องมือสังหารอัลเฟร็ดต้องเป็นปืนสไนเปอร์
ยิงได้แม่นขนาดนั้นมันมีกล้องเล็งอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มยกกล้องส่องทางไกลที่พกมาด้วยขึ้นส่อง
บนระเบียงตรงข้ามมีคนยืนอยู่พร้อมปืน ยามาโมโตะเบิกตาโพลง
มันฆ่าอัลเฟร็ด
แต่ไว้ชีวิตเขา นี่มันบ้าอะไรกัน!
ยามาโมโตะทอดมองศพกลางห้อง
นั่นคือร่องรอยเพียงหนึ่งเดียวที่เขาจะตามตัวศัตรูได้ แต่เขาเสียมันไปแล้ว
สู้อุตส่าห์ตามมาถึงที่นี่แต่ก็ไม่ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
เด็กหนุ่มขบฟันกรอด เขาโกรธอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยโกรธได้ขนาดนี้ ความรู้สึกอึดอัดเพราะไม่รู้อะไรสักอย่างเป็นสิ่งน่าขยะแขยงที่สุดสำหรับเขา
หรือไม่ตอนนี้เขาอาจจะกำลังดิ้นเป็นลูกเจี๊ยบอยู่ในมือใครแล้วก็ได้
“บัดซบ!”
TBC...
มิยะขอเม้าท์
มาแล้วค่ะๆ
ฟ้าถล่มนกดำตอนที่ 22
คือพูดเลย พูดชัดตรงๆนี้ว่าเขียนไปเขียนมาแล้วรู้สึกขนลุก
เพราะปวดท้องมาก //ไม่ใช่! ปวดตับ
ตื่นเต้นไปกับอิเนียนและหนูก๊ก แล้วตอนนี้หากใครรู้สึกว่าอิเนียนมันเริ่มโรคจิต
อันนั้นจริงค่ะ ฮ่าๆๆ เขียนเองยังรู้สึกกลัวเอง แต่ต้องบอกว่าศัตรูของ The
Best กับโกคุเดระแอร์ไลน์ในภาคนี้ถ้าไม่บ้าก็ไม่น่าจะสู้ไหว =v=
แปะเพลง เย้
เดี๋ยวเจอกันวันเกิดอิเนียน
อีกหนึ่งอาทิตย์จ้ะ เรื่องนี้นี่แหล่ะ
ขออภัยสำหรับผู้ที่อาจรอนิติเวชอยู่
โทษอิเนียนนะ ถึงวันเกิดมันแล้วอ่ะ ไม่แต่งให้เดี๋ยวโดนฟันเอา เอิ๊กๆๆ
Miya
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น