หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft. Levi X Eren SKYFALL -BlackBird- : 20



Project : Happy birthday Gokudera Hayato
Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft. Levi X Eren
Drama Action
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือหน่วยงานใดๆที่อ้างถึง




SKYFALL : 20




Imperial college London

01:32 AM

          เป็นครั้งที่สองแถมมันยังไม่ห่างกับครั้งแรกนักที่ท่านประธาน The Best ต้องรีบตรงมาที่มหาวิทยาลัยของตนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนน่ากลัว เขาสาวเท้าเข้ามาในตึกพร้อมกับเลขาร่างสูงด้วยความเร็ว บรรยากาศรอบตัวทำให้ไม่มีใครกล้าทักทายหรือรายงานอะไรนอกจากหลีกทางให้ทั้งสองผู้มาจากญี่ปุ่นถึงที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด

            มันคือชั้นเดิม ที่เดิม ที่ๆเขาสู้กับเคลล์แมน มาร์ตัน

            ชั้นที่เขาเก็บสัญญาหุ้นส่วนของเบธิลด์ ทาวเวอร์เอาไว้ และตอนนี้มันได้ถูกขโมยไปอย่างไร้ร่องรอย หายไป ไม่มีเบาะแส ไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ ไม่มีหลักฐานชี้ตัวคนร้าย ไม่มีอะไรทั้งนั้น นั่นมันทำให้เขาโมโหจนแทบคลั่ง

            ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ชายหนุ่มเร่งเท้าให้เร็วขึ้นอีก เช่นเดียวกับความอึมครึมที่เป็นเงาตามตัวยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี

            “ทะ ท่านยามาโมโตะ” คนที่ออกมารับเขาคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของชั้นนี้ที่เขาเป็นคนคัดเลือกเอง ส่วนลูกทีมก็มีอีกสี่ห้ารายแล้วก็นั่งเรียงกันอยู่รอบโต๊ะในห้อง เด็กหนุ่มร่างสูงไม่ตอบรับคำทักทาย เขาเพียงยืนนิ่งหากแต่ดวงตาสีเปลือกไม้จองเขม็งแล้วลากไปแต่ละคนอย่างช้าๆ และพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกไปเองว่าสายตาของเจ้านายนั้นราวกับใบมีด มันทั้งคมและเย็นจัด ตอกย้ำซ้ำเติมว่าพวกเขาได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงแม้ไม่มีเสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าวคำก่นด่า ไม่มีคำโวยวายหัวเสีย ไม่มีการทำร้ายร่างกาย แต่อาการนิ่งสนิท ใบหน้าคมคายไม่แสดงกริยาใดนอกจากความเรียบเฉยเย็นชา มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขากลัวจนสั่นสะท้าน

            ช่วงระยะเวลาที่เจ้านายพวกเขาขึ้นเครื่องจากญี่ปุ่นมาจนถึงอังกฤษนี้มันเพียงพอที่จะหลบหนี แต่ไม่มีใครคิดที่จะหนี จุดนี้จุดเดียวที่ยามาโมโตะจะยอมรับในความกล้าหาญของลูกน้องของตัวเอง หรือไม่พวกมันก็อาจจะรู้ตัวว่าต่อให้หนีไป...ก็ไม่มีทางรอด

            “ถือว่านายมาเร็ว” เสียงที่คุ้นเคยดังข้างตัว ชายหนุ่มร่างสูงหันไปหา เพื่อนต่างวัยชาวฝรั่งเศสของเขายื่นกาแฟร้อนให้พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มอย่างรู้ทันว่าทำไมเขาถึงตรงดิ่งมาอังกฤษได้ทันทีขนาดนี้ ดวงตาสีเทาอมฟ้าปรายมองไปที่เหล่าทีมรักษาความปลอดภัยติดคดี กล่าวเปรยเหมือนไม่ใส่ใจ “สนิทสนมกับท่านประธานโกคุเดระขนาดนั้น ก็คงไม่แปลกอะไร”

            ยามาโมโตะย่นคิ้วมากขึ้นเมื่อลูกน้องเขาสะดุ้งกันเป็นแถบๆ ซ้ำหน้าซีดเผือดราวขาดเลือดเพราะถูกตอกย้ำความผิดกระทงที่สองอย่างไม่ปรานี หากสัญญาหุ้นส่วนของเบธิลด์ ทาวเวอร์หายไปทั้งซอง นั่นหมายความว่าข้อมูลธุรกิจโดยย่อของเครือโกคุเดระก็ต้องหายไปด้วย บางทีนี่อาจจะเป็นความผิดหนักหนากว่า

            “ถึงนานแล้วเหรอแดช” เขาถาม

            “สักพัก ทิ้งแผนงานแกรนด์โอเพ่นนิ่งนิวยอร์กมาเลยเนี่ย” แดชว่า ยิ้มมุมปากแล้วถามกลับ “แล้วนายล่ะ พูดยังไงหมอนั่นถึงปล่อยให้นายมา”

            ยามาโมโตะระบายลมหายใจนิด ตอบเสียงเรียบ “ไม่ได้พูดอะไร...เรื่องนี้เขาไม่ควรรู้”

            “น่าสงสารแฮะ แต่นายคงไม่มีหน้าให้เขามาตามแก้อีกแล้ว หึ สมน้ำหน้าว่ะ” แดชว่าแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ยามาโมโตะไม่ต่อความ เขารู้นิสัยเพื่อนตัวเองดี สุภาพบุรุษผู้มีรูปลักษณ์สมบูรณ์แบบอย่างแดชีลล์ เลอรอยด์นั้นอย่าให้ได้โกรธขึ้นมา หมอนี่จะไม่โวยวายไม่อาละวาดแต่คำพูดนั้นจะเชือดเฉือนประชดประชันจนถ้าใครทนไม่ได้คงต้องเข้าไปวางมวยกันสักตั้ง ความอดทนจะต่ำกว่าขีดจำกัดอยู่มากและอย่าคิดเข้าไปตอแยด้วยเด็ดขาด แต่สำหรับเขา เขาชินแล้ว อีกอย่างเรื่องนี้เขาก็ผิดด้วย คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องต่อล้อต่อเถียง

            “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันสู้ใช้คนของฉันมาคุมดีกว่า”

            “นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาวางท่าใส่ฉัน แดชีลล์!” ยามาโมโตะสวนกลับเสียงเยือกเย็น บรรยากาศตึงเครียดกดดันจนคนมองแทบหยุดหายใจ แต่ชายหนุ่มร่างสูงกลับยักไหล่แค่นหัวเราะทีหนึ่งแต่ก็ไม่ต่อความอะไรอีก ยามาโมโตะส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วปรายตาไปที่คนที่จะให้ข้อมูลกับเขาได้ “ฉันมีเรื่องที่จะถามพวกแกตอบให้มีประโยชน์มากที่สุด อย่าคิดโกหกบิดเบือน ถ้าปิดบังอะไรฉัน ก็คงจะรู้ผลลัพธ์ของมันอยู่แล้วใช่ไหม”

            น้ำเสียงดุกร้าวข่มขู่ชัดเจน เพียงแต่มันจะต่างจากการขู่อยู่ที่ว่าเจ้านายเขาพูดจริงทำจริงแน่ แล้วอย่าหวังว่าการลงโทษอย่างการลาออกนั้นมันจะทำให้พวกเขาสามารถไปตั้งตัวกับสังกัดใหม่ หากท่านยามาโมโตะจะทำอย่างเรื่องการส่งแบนชื่อพวกเขา ลำพังแค่อำนาจของเครือThe Best คราวนี้หากจะเริ่มงานที่ไหนก็ไม่มีใครอ้าแขนต้อนรับ ปิดตายอาชีพของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

            ยามาโมโตะไม่นั่ง ร่างสูงสง่ายังคงยืนตรงอย่างไม่มีท่าทีอ่อนลงหรือผ่อนคลาย เช่นเดียวกับผู้บริหารเบธิลด์ ทาวเวอร์ที่ไม่อยู่ในอารมณ์จะช่วยพวกเขาไกล่เกลี่ยได้เลย ซ้ำออกจะแสดงอารมณ์โกรธเคืองมากกว่าท่านประธานยามาโมโตะเสียด้วยซ้ำ ให้เปรียบตอนนี้พวกเขาเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับสิงโตตัวเต็มวัยสองตัว อาจรวมถึงเลขาร่างสูงของท่านประธานที่ยืนคุมเชิงอยู่ตรงประตู หนีก็ไม่รอด สู้ก็ตาย ทำได้เพียงอยู่นิ่งๆรอคำตัดสินโทษก็เท่านั้น

            “มันเกิดขึ้นได้ยังไง”

            “อะ เอ่อ ไม่ทราบครับ คือ..”

            “แน่ใจนะว่าจะตอบพวกฉันแบบนั้น...ไม่ทราบ” ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสเอ่ยทวนเสียงเย็น แต่ละคำกดต่ำจนคล้ายเสียงคำราม “มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกแกที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครรู้เลยอย่างนั้นเหรอ โห...แล้วไอ้ตัวคนร้ายนี่ใครกัน ผีหรือไง”

            “มะ ไม่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ แต่ทุกอย่างมันรวดเร็วมากจนอธิบายไม่ถูก ผม...” ไม่มีคำอธิบายอะไรไปมากกว่านั้นพลันทั้งห้องก็นิ่งเงียบ นั่นทำให้แดชหัวเสียอย่างถึงที่สุด ร่างสูงกำหมัดแน่นระบายอารมณ์ไปบนฝ่ามือ ยามาโมโตะลอบมองอาการเหล่านั้นของเพื่อนด้วยความมืดมน ไม่แปลกที่แดชจะโกรธได้ถึงขนาดนี้นั่นก็เพราะเรื่องราวประเดประดังสะสมจนตั้งตัวไม่ติด อีกอย่าง กว่าจะได้สัญญานั้นมาอยู่ในมือมันยากลำบากแค่ไหน มันต้องแลกด้วยอะไรถ้าไม่ใช่เกือบจะเป็นชีวิตของคนบางคน ชีวิตของคนที่สำคัญจนไม่รู้จะเอาอะไรมาเทียบได้

ก็สมควรแล้วที่แดชจะทำท่าเหมือนเสือติดจั่นขนาดนี้...
           
            สายตาของยามาโมโตะเย็นชาว่างเปล่า อย่านึกว่าเขาไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้คิดยังไงกับโกคุเดระ แต่ความรู้สึกของคนเขาห้ามไม่ได้ และถ้าแดชีลล์จะรู้สึกอย่างนั้นเขาก็จะปล่อยไป แต่ขอแค่มันหยุดลงตรงเส้นกั้นข้างในใจ ให้มันเป็นอย่างที่ผ่านมา

            “ฉันบอกพวกแกเอาไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ฉันจะไม่แจ้งตำรวจ” ยามาโมโตะเปรยขึ้น “นั่นหมายความว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกแกจะถูกสอบสวน...มันต่างกันอยู่นะ ถ้าที่นี่เป็นโรงพักและคนตรงหน้าพวกแกนี้เป็นตำรวจ พวกแกให้การที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เขาอาจจะปล่อยพวกแกไปสักพัก รอให้จิตใจเข้มแข็งพร้อมจะเล่ารูปการณ์ให้ฟังอีกครั้ง แต่นี่มันไม่ใช่ ฉันให้โอกาสแกครั้งเดียว ถือโอกาสนี้รับใช้เครือ The Best ให้เต็มที่ซะ เพราะมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย”

            “กระจกครับ!” หนึ่งในทีมรักษาความปลอดภัยของเขาตอบทันที ยามาโมโตะขมวดคิ้วแน่น ชายฉกรรจ์รีบอธิบายเสียงสั่น “ตะ ตอนนั้นพวกเราได้ยินเสียงกระจกแตกจากฝั่งตะวันออกของตัวตึกก็เลยไปดู พบรอยแตกขนาดราวๆห้ามิลลิเมตรครึ่ง น่าจะเป็นพวสไนเปอร์ไรเฟิล ส่วนตัวกระสุนฝังอยู่ที่เพดาน ทะ ทุกอย่างมันเกิดรวดเร็วมากเลยครับท่าน เราไม่คิดว่าจะมีคนกล้ามาทำอย่างนี้”

            ดวงตาสีเปลือกไม้โชนแสงโรจน์ กัดปากแน่นนึกเจ็บใจว่ามันเป็นใครมาจากไหน แผนที่วางเอาไว้นั้นต้องการสั่นประสาทชัดเจนด้วยลูกกระสุนปืน เพราะถ้าหากเป็นหินหรือลูกบอลแข็งๆ รปภ.พวกนี้คงลงความเห็นว่าเป็นฝีมือของเด็กมือบอน จะไม่ละความสนใจจากห้องเก็บข้อมูลขนาดนี้แน่ แล้วที่บอกว่ากระสุนฝังอยู่กับเพดาน นั่นหมายความว่าวิถียิงคงมาจากชั้นล่าง ถ้าหากเป็นไรเฟิล ต่อให้อยู่ชั้นล่างสุดก็ยิงทะลุกระจกตึกสูงระดับนี้ได้ พวกมันคงจงใจล่อให้ลูกน้องเขาลงไปดูถึงข้างล่างเพื่อเปิดทางให้มาขโมยสัญญา

            เท่านี้ยามาโมโตะก็รู้แล้วว่าศัตรูมีกันสองคน หรือไม่ก็มากกว่านั้น

            “พวกไหน” ดูเหมือนแดชจะเข้าใจตรงกันกับเขา น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถามทันทีและส่งสายตาถามมา

            “ตอนนี้พวกไหนคงไม่สำคัญเท่ากับมันรู้ได้ไงว่าสัญญาซ่อนอยู่ที่นี่” เสียงทุ้มว่าเคร่งๆ ยามาโมโตะคิดย้อนกลับไป ไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขา แดช โกคุเดระ และทีมงานเขาในที่เกิดเหตุไม่กี่คนซึ่งพวกนี้ไม่มีทางกล้าเอาข่าวไปปล่อยแน่ ส่วนที่เหลือก็คือลูกน้องตาแก่สตีเฟนสองราย ตายหนึ่ง เจ็บหนึ่ง คนที่เจ็บเขาส่งมันไปนอนในตะราง ยัดเงินให้นายตำรวจยศสูงที่มีเส้นสายว่าให้จับตามอง อย่าให้มันได้ส่งข่าวกลับไปที่รังของมันได้

            ส่วนอีกคน เคลล์แมน มาร์ตัน ที่เขามั่นใจว่าลั่นไกสังหารเองกับมือ หมอนั่นไม่มีทางมีชีวิตรอด

            ถ้าอย่างนั้นใครกัน!?

            ใครกันที่รู้ที่ซ่อนของสัญญาหุ้นส่วนของเบธิลด์ ทาวเวอร์แล้วมาขโมยออกไปแบบนี้ ใคร!?

            “เล่าเหตุกาณ์มาให้ละเอียด” แดชีลล์สั่งเสียงดุ เขาไม่พึงพอใจกับเนื้อเรื่องที่มันบ่งบอกคนร้ายแค่นี้แน่ “แกว่าแกไปดูที่ๆกระจกแตก ตรงนั้นพวกแกเห็นอะไร”

            “ถ้าหากมองลงมาก็เห็นเพียงแค่รถจอดอยู่คันเดียวครับ จอดอยู่นิ่งๆ ไม่ผิดปกติอะไร ทะเบียนรถก็เป็นของอังกฤษถูกต้องทุกอย่าง”

            “เอาเลขทะเบียนมา” ประธานเบธิลด์ ทาวเวอร์ว่าเสียงเย็น สีหน้าของเขาแม้จะนิ่งเฉยแต่จริงแล้วเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ถึงจะว่ามันไม่สมควรจะใช้เป็นเบาะแสก็ตามที แต่นี่มันวันหยุดซ้ำยังเป็นเวลากลางคืน นักศึกษาคนไหนจะยังอยู่ และเขาก็ยังจำได้บทสนทนาระหว่างพ่อเขากับโกคุเดระก่อนตึกจะถล่ม โกคุเดระเสียท่าพวกมันก็ด้วยเรื่องป้ายทะเบียนรถที่ลอร์ดคริสโตเฟอร์เอาเข้าไปช่วยเฟร็ดดอริก เขาจะไม่ละเลยเรื่องแบบนี้ซ้ำสอง

            “นอกจากแดชกับเฟร็ดดอริกออกไปก่อน” ยามาโมโตะสั่งเสียงเย็นพร้อมๆกับเหล่าทีมรักษาความปลอดภัยที่แทบจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปทันทีที่ขาดคำเขา เมื่อห้องเข้าสู่ความเงียบแล้ว เฟร็ดดอริกเดินเข้ามาหาเจ้านายตนอีกเล็กน้อยอย่างรู้งาน ในขณะที่เด็กหนุ่งร่างสูงโปร่งยังไม่มองใคร ดวงตาคมทอดตรงไปอย่างมืดมน เหมือนกำลังควานหาอะไรบางอย่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเคว้างคว้าง

            “คนตายกับคนถูกขังไม่มีทางเคลื่อนไหวได้” ยามาโมโตะว่าขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับรอยยิ้มเหยียด เขาปรายมองเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆ กล่าวต่อ “ในขณะที่คนกำลังเคลื่อนไหวเราก็ไม่สามารถจับแม้แต่เงา”

            ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสมุ่นหัวคิ้วถามทันที “นายหมายความว่าไง”

           “ตอนนี้ฉันกำลังบีบวงเพื่อระบุตัวศัตรู คนที่อยากได้เบธิลด์ ทาวเวอร์น่ะฉันเข้าใจว่ามันนับไม่ถ้วน แต่คนที่อยากขโมยเอกสารที่มีลายเซ็นฉันบางทีมันอาจจะมีไม่กี่คน” เด็กหนุ่มว่าช้าๆตามความคิดที่มันเรียบเรียงในหัว “นายอย่าลืมว่าตอนนี้สาธารณชนเข้าใจว่าผู้ชนะการประมูลเป็นหุ้นส่วนกับเบธิลด์ก็คือโกคุเดระ แม้แต่ผู้เข้าประมูลคนอื่นก็เข้าใจแบบนั้น ทั้งเมื่อเดือนก่อนลูกน้องของตาแก่แมคคาร์ทีที่ว่าจะลอบเข้าตึก The Best มาขโมยข้อมูลฉัน มันก็ถอยกลับไปโดยไม่ได้แตะต้องอะไร ป้ายทะเบียนของลอร์ดคริสโตเฟอร์พวกมันก็คงสืบแล้ว คงรู้ว่าโกคุเดระแกล้งทรยศฉัน แต่พวกมันก็ยังไม่ทำอะไร ทุกอย่างยังหยุดอยู่ตรงนั้นและสงบมาตลอดหนึ่งเดือน”

            “พวกมันไม่ทำอะไร?” แดชว่าด้วยน้ำเสียงติดจะไม่เชื่อ เขาไม่คิดว่าคนในวงการมืดจะตามเกมพวกเขาอย่างใจดีขนาดนี้

            “ถ้าจะพูดให้ถูกคือจงใจที่จะไม่ทำ” ยามาโมโตะขยายความ “นี่เป็นความคิดของโกคุเดระที่จะยื่นหมูยื่นแมวกับพวกมัน ถ้าหากเราปิดปากเงียบเสียง ไม่ให้ข่าวเรื่องที่ว่าเหตุการณ์ระเบิดเบธิลด์ ทาวเวอร์ที่ปารีสนั้นเกี่ยวข้องกับพวกมัน เราก็เลิกราต่อกันแค่นั้น ทำนองพักยก จะรู้ทันก็ได้แต่ทำเป็นปิดหูปิดตาก็ตื่นเต้นดี”

            “ฟังแล้วไม่ชวนโมโหเลย” แดชประชดประชัน “นี่ชีวิตจริงไม่ใช่เกมนะเว้ย”

            “น่าเสียดายนะว่าสำหรับพวกมันแล้ว เราก็ถือเป็นเกมแก้เซ็งจริงๆ” คนอายุอ่อนกว่าหัวเราะหึๆ เขาหันไปทางเพื่อนสนิทอีกครั้ง จ้องนิ่งแล้วพูดออกไปในที่สุด “แต่ตอนนี้เกมมันเริ่มขึ้นแล้ว และจากรูปการณ์ทั้งหมดมันก็บอกตัวคนเดินเกมยกที่สองเอาไว้”

            “ว่าไงนะ” คำถามกับร่องรอยในดวงตาสีฟ้าอมเทาแม้มันจะนิ่งแต่ก็มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ยามาโมโตะหันมาทั้งตัว เผชิญหน้ากับเพื่อน ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้จ้องสู้กลับไปสิ่งที่ผุดวาบในหัวของเขานั้นมีชื่อของผู้ต้องสงสัยและเขาจำเป็นต้องบอกให้แดชรู้ถ้าแดชคิดจะลงเรือลำเดียวกับเขา ต้องกล้าที่จะจ้องหน้ากับเขา ซึ่งในอนาคตคนที่หมอนี่ต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอาจจะต้องใช้ความกล้าหาญยิ่งกว่านี้เป็นพันเป็นหมื่นเท่า


            “เป็นไปได้ว่าคนขโมยสัญญาไปคือ เดเมียน เลอรอยด์”










           
              ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน

              จอร์จิโอกรุ๊ปฝั่งซิซิลี

          สตีเฟนออกมาจากห้องผู้บริหารสูงสุดพร้อมกับชายชุดดำตามหลังอีกสองคน สีหน้าของชายอาวุโสผู้เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่นิ่งเรียบหากแต่ในหัวกำลังมีหลากหลายเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกแก้ไม่ตก บอสยังคงต้องการที่จะใช้โกคุเดระ ฮายาโตะเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจโลกมืด เด็กคนนั้นไว้ใจไม่ได้ รวมถึงคนที่อยู่ข้างตัวหมอนั่นอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิก็ด้วย เรื่องนี้เขาพยายามเตือนบอส แต่ดูเหมือนบอสจะไม่ยอมฟังเลย

            เด็กนั่นไม่เหมาะกับโลกนี้หรอก เพราะมันไม่ใช่คนที่ใฝ่หาในอำนาจ..แต่เป็นคนที่รู้เท่าทันอำนาจ

            แล้วบอสเขารู้ไหมว่าคนที่รู้เท่าทัน หากเป็นมิตรคือมิตรที่พึ่งพาได้มากที่สุด หากเป็นศัตรูก็คือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด แล้วอย่างเจ้าปลากินเนื้อพวกนั้นไม่มีทางมองพวกเขาอย่างมิตร ต่อให้ใช้ประโยชน์ได้จริงๆอย่างที่บอสว่า มันคงหาทางลอบกัดพวกเขาอยู่ทุกวินาที

            ดูท่าว่าเขาคงจะรอให้ฝ่ายนั้นออกเดินหมากก่อนไม่ได้เสียแล้ว

            “ที่ฉันสั่งไว้ว่า ให้เรียกนักฆ่าคนนั้นขึ้นมาพบฉันได้เรื่องหรือยัง”

            “เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เขารออยู่ที่ๆเราจัดเตรียมไว้ให้” ชายสูงวัยรีบตรงไปที่ห้องนั้นทันที ยังคงอยู่ในตึกจอร์จิโอแต่มันอยู่ในส่วนที่ค่อนข้างจะลับตาคนนอก สำหรับสถานที่แห่งนี้เอาไว้ใช้คุยธุรกิจลับหรือไม่การประชุมภายในกลุ่มเล็กๆเนื่องด้วยหัวข้อเป็นเรื่องที่ต้องเก็บงำ หากจะอธิบายง่ายๆมันคือห้องมืดที่จะปิดบังเรื่องราวภายในของจอร์จิโอไม่ให้โลกเบื้องหน้ารับรู้

            ชายฉกรรจ์ชุดดำเปิดประตูให้ ในห้องที่ค่อนข้างมืดสลัวเพราะไม่ได้เปิดไฟและผ้าม่านข้างในชายรูปร่างผอมสูงนั่งอยู่ ใบหน้าเขาผอมตอบหากแต่แข้งขาไม่แห้งตามขนาดตัว มันเต็มไปด้วยรอยปูดโปนของเส้นเลือดบ่งชัดว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้และใช้ชีวิตมาอย่างสมบุกสมบัน เป็นนักฆ่าที่ถึงแม้จะไม่ใช่ระดับท็อปหากแต่ก็อยู่ในมาตรฐานที่จอร์จิโอกรุ๊ปจะใช้งานได้

            เพียงแต่เมื่อเดือนก่อนมาตรฐานนั้นก็พังทลายลงเมื่อทางเบื้องบนส่งมันไปเก็บประธานบริษัทที่ยังเป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ไม่น่าจะมีฝีมือบู๊มากมายนักแต่กลับโดนฝ่ายนั้นเล่นงานกลับจนแพ้ราบคาบ ซ้ำยังเอาชีวิตแทบไม่รอดจากกระสุนของนักธุรกิจมือสะอาดอย่างเคลล์แมน มาร์ตัน ความผิดทั้งหมดนั้นสมควรที่จะถูกกำจัดในฐานะหมากที่ใช้การไม่ได้ตามวิธีการของจอร์จิโอ แต่สุดท้ายบอสก็เว้นชีวิตมันไว้ จับกลับมาเก็บตัวรักษาแล้วยังสั่งให้อยู่ในเงามืดตลอดหนึ่งเดือนหลังเกิดเหตุเพื่อยืนยันข่าวว่ามันได้ตายไปแล้วจริงๆ

            “อัลเฟร็ด?” สตีเฟนเอ่ยทวนชื่อของคนตรงหน้าและเป็นเชิงเรียกในทีเดียวกัน “แกรู้ใช่ไหมว่าทำไมแกถึงยังถูกปล่อยให้มีชีวิตอยู่”

            “เพราะผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่าข้อมูลของเครือยามาโมโตะที่ฝากเอาไว้ใน Imperial College London นั้นอยู่ที่ไหน” นักฆ่าตอบตามความคิดของตัวเอง แต่เขาก็ค้านในทันที “ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้ละเอียดอยู่ดี ผมถูกยิงและสลบไปก่อนที่ยามาโมโตะ ทาเคชิจะพาผมไป”

            “แต่แกก็เป็นคนเดียวอยู่ดีที่ยืนยันได้ว่ามันอยู่ที่นั่นจริงๆ” สตีเฟนสวนกลับ “อีกอย่างตอนนี้เราไม่ได้สนใจข้อมูลทางการค้าของเครือยามาโมโตะ แต่เป็นซองเอกสารสีน้ำตาลนี่ซองเดียว”

            ว่าแล้วชายชราก็พลิกหน้าจอสมาร์ทโฟนให้นักฆ่าร่างสูงดู ในภาพปรากฏร่างสูงของประธานThe Best กับชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นจากเบธิลด์ ทาวเวอร์ อัลเฟร็ดทราบได้ทันทีว่าถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพนิ่งแต่ก็น่าจะถูกแค็ปมาจากวิดีโอ นักฆ่าวัยกลางคนจ้องมันอยู่สักพัก รูปร่างลักษณะไม่ต่างจากซองเอกสารธรรมดาเลย และของแบบนี้มันก็มีอยู่เกลื่อนกลาด

            “ข้างในมันมีอะไรครับ” เขาถาม แต่สตีเฟนดึงมือถือกลับ ดวงตาของชายชราเยือกเย็นจ้องต่ำราวกับปรามว่าคำถามนั้นมันฟังไม่เข้าท่า

            “แกมีหน้าที่ไปเอามันมาแค่นั้นก็พอ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจะหาไม่เจอ มันจะต้องอยู่ในห้องข้อมูลของตึกบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยของยามาโมโตะแน่นอน เหตุการณ์ตอนนั้นฉุกละหุก บอสส่งพวกแกไปฆ่ามันแล้วมีการปะทะกันดุเดือด มันคงหาที่เก็บได้ไม่ดีนัก ฉันส่งคนไปซุ่มดูตลอดหนึ่งเดือนมานี้ ยามาโมโตะ ทาเคชิไม่ให้ใครเข้าออกห้องนั้นอีก คาดว่าน่าจะรอจนกว่าเบธิลด์ ทาวเวอร์สาขานิวยอร์กใกล้เปิดตัวจึงจะไปเอามันมา...เพราะฉะนั้นมันยังอยู่ที่เดิมแน่นอน”

            “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีคนเฝ้า ยามาโมโตะไม่มีทางปล่อยให้สถานที่เก็บของสำคัญขนาดนั้นไว้เพียงลำพัง” ฝ่ายนักฆ่าสันนิษฐาน เขาไม่มีวันลืมความละเอียดรอบคอบของเด็กหนุ่มชาวเอเชียนั่นที่กล้าปล่อยปืนแล้วยืนยิ้มสนทนากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว กลับกันแค่คิดย้อนไปไม่น่าเชื่อว่าเขาที่เคยถูกฝึกมาให้ไม่กลัวอะไรทั้งความตายและความกดดันจะสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ ดวงตาสีเปลือกไม้คู่นั้นเขาไม่มีวันลืม มันไม่มีความเกรงกลัวอย่างคนธรรมดา ซ้ำยังทั้งเยือกเย็นและมืดมนเสียจนคล้ายกับคนอย่างพวกเขาด้วยซ้ำ

            บางทีไม่แน่ว่าถ้าหากเขาไม่ถูกยิงให้ล้มลงไปก่อน คนที่ต้องตายแทนเคลล์แมนอาจจะเป็นเขาก็ได้          

            “ฉันจะให้คนไปกับแกอีกคน วางแผนให้รัดกุมรวดเร็วที่สุดและต้องสำเร็จเท่านั้น” สตีเฟนกำชับเสียงเข้ม “แกก็รู้ว่างานนี้ถ้าแกพลาดแล้วจะมีอะไรรออยู่ ไม่ใช่แค่แกเท่านั้น ฉันก็ด้วย”

            “เข้าใจแล้ว ผมจะลงมือในอีกสามวัน”

            “ฉันจะแจ้งบอสทันทีเพื่อเป็นการประกันว่าแกจะไม่คิดหนีภารกิจเอาดื้อๆ” สตีเฟนกล่าวเสียงเรียบ เขาไม่มีโอกาสมาอ่อนข้อให้ใครทั้งศัตรูรวมถึงพวกเดียวกัน “สำหรับลูกจ้างมีคดีติดอย่างแกถ้าบอสรับทราบเมื่อไหร่ ท่านจะจับตาดูแกทุกย่างก้าว แกบอกอีกสามวันแกจะลงมือ นั่นก็ต้องลงมือ เวลาเริ่ม เวลาเสร็จ แผนการ แจ้งให้ครบ ส่วนผลของภารกิจต้องสำเร็จเท่านั้น”

            ถ้าพวกเขายังเสียท่าให้เด็กเหล่านั้นอีกบอสคงไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ แล้วเขาจะมั่นใจได้แค่ไหนว่าจะไม่มีใครมาขัดขวางตอนนี้ เด็กพวกนั้นไม่รุกใส่พวกเขาก่อน อันนั้นมันของตาย แต่อีกคนที่เขายังไม่วางใจซ้ำยังหายหัวไม่เห็นแม้แต่เงานี่สิตัวปัญหาใหญ่ และดูท่าว่าทางฝั่งยามาโมโตะก็น่าจะตามหาอยู่เหมือนกัน ชายชราเหลือบไปหาลูกน้องทางด้านหลัง ถามขึ้น

            “แล้วเรื่องเดเมียน เลอรอยด์”

            “ยังคงไม่มีข่าวอะไรเพิ่มเติมครับ”

            “เร่งหาตัวให้เร็วขึ้น” ชายชราคำราม “หมอนั่นอยู่โลกเบื้องหน้าไม่ได้นานนักหรอก เดี๋ยวก็ต้องถูกต้อนให้เข้าเงามืดในที่สุดอยู่ดี”

            ...เพื่อเอาชีวิตรอด







          วันเกิดเหตุ

          เพล้ง!!

            เสียงกระจกถูกอะไรบางอย่างทะลวงด้วยความเร็วสูงทำให้เหล่าทีมรักษาความปลอดภัยนั้นหันขวับไปทางต้นเสียงทันที สายตาของพวกเขามองกันด้วยความตื่นตระหนก มือแตะที่ข้างเอวของตัวเองกันโดยอัตโนมัติ ก่อนที่จะเป็นหัวหน้าทีมที่ส่งสัญญาณว่าให้แบ่งเป็นสองทีม หนึ่งคือการเฝ้าอยู่หน้าห้องข้อมูล และอีกหนึ่งคือไปดูสถานที่เกิดเสียง

            ชายฉกรรจ์สองคนวิ่งมาหยุดอยู่หน้าต่างบานใหญ่โดยห่างออกไปสักระยะเพื่อป้องกันตัว เมื่อเห็นร่องรอยแตกเป็นลักษณะรูกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆห้านิ้วครึ่ง พื้นผิวรอบๆปริร้าวเท่านั้นทีมรักษาความปลอดภัยถลาตัวเข้ากำบังตนเองกับหลังเสาต้นใหญ่ มือถอดปืนที่ข้างเอวมากระชับมั่น สีหน้าเคร่งเครียดจ้องไปที่รอยแตกนั้นไม่กะพริบ

            พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดี เพียงแค่เห็นรอยแตกแค่นั้นก็ยิ่งกว่าแน่ใจว่ามันคือกระสุนปืน พอมั่นใจแล้วว่าไม่มีนัดที่สองตามมาถึงค่อยย่องออกมาแล้วแนบตัวกับผนังอีกฝั่งจนแนวลำตัวขนานกับขอบหน้าต่าง เหลือบตามองรอยกระสุนกับข้างล่างที่มีแต่ถนนคอนกรีต ไม่มีอะไรเป็นกำบังแม้แต่อย่างเดียวนอกจากรถยนต์หนึ่งคัน คำนวณคร่าวๆในหัวแล้วตัดสินใจสั่งคำสั่งผ่านวอล์คกี่ทอล์คกี้ไปยังอีกทีมที่ยังเฝ้าอยู่หน้าห้องข้อมูล

            “ลงไปดูตรงแถวๆรถฟอร์ดสีน้ำเงินทะเบียน L04 DGH

            โดยที่ทีมงานรักษาความปลอดภัยไม่เห็น มุมหนึ่งข้างล่างมีชายชุดดำกลืนไปกับเงามืดกำลังยกกล้องส่องทางไกลขึ้นดู ภาพปรากฏชัดว่าเจ้าถิ่นกำลังแอบดูพวกเขาจากชั้นบนและทันทีที่ทำท่าเหมือนพูดอะไรสักอย่างเขาก็ยกกล้องลงแล้วส่งข่าวให้อัลเฟร็ดที่ซ่อนตัวอยู่รู้ว่าถึงเวลาปฏิบัติงาน

            ทันทีที่ได้รับสัญญาณ ร่างผอมสูงของนักฆ่าอาชีพออกจากที่ซ่อนภายในตัวตึกได้อย่างแนบเนียน ฝีเท้าเบาวิ่งไปตามทาง เขาแฝงตัวมาสืบเมื่อตอนกลางวันและรู้ตำแหน่งห้องนั้นไม่ยากเย็น เส้นทางเปิดโล่ง ไม่มีใครมาขวางเขาราวกับพระเจ้าเป็นใจให้ทำงานสำเร็จจวบจนกระทั่งเขาลอบเข้าห้องข้อมูลนั้นได้สำเร็จ เปิดประตูแง้มไว้เพื่อฟังเสียงฝีเท้าของพวกรักษาความปลอดภัยที่เกิดคิดจะวิ่งกลับมาซะตอนนี้

            นักฆ่าหันซ้ายหันขวา เบื้องหน้าเขาเป็นตู้หนังสือที่จัดเรียงไปด้วยแฟ้มอย่างเป็นระเบียบ กวาดตามองคร่าวๆแล้วไม่มีซองเอกสารสีน้ำตาล เขายังคงจำได้ ดูเพียงรอบเดียวก็รู้แล้ว ซองนั้นใหญ่และหนาเกินกว่าจะซ่อนไว้ในแฟ้มหรือหนังสือเล่มไหนโดยเนียนสนิท อีกอย่างท่านสตีเฟนบอกเขาว่ายามาโมโตะ ทาเคชิไม่มีโอกาสหาที่เก็บได้ดีนัก รวมถึงยังลงทุนจ้างบอดีการ์ดเฝ้าพิเศษ มันไม่น่าจะอยู่ในที่ลับตา

            พลันอัลเฟร็ดก็เข้าไปชิดตู้ ย่อตัวลงให้เบื้องหน้าตนมีแต่ลิ้นชัก เขาเลื่อนเปิดมันออก มือไล่ค้นอย่างเงียบเชียบทว่ารวดเร็ว ทำอย่างนี้ทุกๆลิ้นชัก ในขณะที่หัวใจเต้นระทึก สายตาลอบเหลือบมองตรงประตู หูคอยฟังเสียงคนที่จะมาเจอเป็นระยะๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งเร่งมือ จนกระทั่งถึงลิ้นชักสุดท้าย

            มัน...ไม่มี

            อัลเฟร็ดหน้าซีดเผือด เขาเบิกตาโพลงท่ามกลางความมืด พลันรู้สึกร่างกายเย็นวาบคล้ายเลือดไม่เดินไปชั่วขณะ ส่ายหน้าช้าๆอย่างไม่ยอมรับแล้วลงมือค้นลวกๆอีกครั้ง แต่เขาหาไม่เจอ หาไม่เจอแม้กระทั่งซองเอกสารสีน้ำตาลสักซองเดียว มันหายไปราวกับโดนฟ้าแกล้ง และส่งเขาลงนรกทั้งเป็น

            หายไปไหน!

            “บัดซบ!” นักฆ่ากระซิบคำรามอย่างเหลืออด แต่สีหน้ามันแสดงออกถึงความโกรธไม่ได้ครึ่งหนึ่งของความกลัว เขาหาไม่เจอ ทำภารกิจไม่สำเร็จ แล้วกลับไปเขาจะต้องเจอกับอะไร คนที่ไร้ประโยชน์แล้วจอร์จิโอจะจัดการอย่างไร ตัวอย่างนั้นมีให้เห็นตลอดชีวิตที่เขาทำงานมา!

            ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงโหวกเหวกของทีมรักษาความปลอดภัยใกล้เข้าห้องข้อมูลทุกขณะ อัลเฟร็ดกัดฟันกรอด เขาจำเป็นต้องละทิ้งภารกิจที่มันล้มเหลวไม่มีชิ้นดีเอาไว้แล้วหนีเอาตัวรอดออกมาจากตึก แม้จะไม่ถูกจับได้ แต่ใจนั้นหวาดผวาราวกับตัวเองถูกตะปบเข้าอย่างจังโดยกรงเล็บของพญาราชสีห์ จะหนีหรืออยู่ความเป็นไปได้ที่จะรอดชีวิตมันก็ต่ำพอๆกัน บางทีอาจจะเป็นศูนย์

            เมื่อสิ่งที่เขาถูกสั่งให้มาขโมย มันโดนชวดหายไปก่อนหน้านั้นแล้ว....










           
            [ตามที่ผมรายงาน ตอนนี้สถานการณ์ที่ซิซิลีไม่น่าไว้วางใจครับท่านประธาน] สายลับของรีไวกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก [ตอนนี้ศัตรูเรามีมาเพิ่มอีกคน สตีเฟนไม่ได้สัญญาหุ้นส่วนของเบธิลด์ ทาวเวอร์กลับคืนมา มีคนขโมยมันไปก่อนหน้านั้น]

            “ไอ้แก่นั่นใจเร็วด่วนได้จนมีแต่ช่องโหว่” คำบริภาษว่าอย่างไม่ไว้หน้า เพียงทว่ามันไม่ใช่น้ำเสียงดูถูกหรือเยาะเย้ยสมเพช แต่เป็นความสงสัยปนไม่เชื่อมากกว่า “หมอนั่นส่งให้สตีเฟนไปทำงานนี้งั้นรึ?

            [คาดว่าไม่น่าจะใช่ครับ เมื่อสามวันก่อนสตีเฟนถูกเรียกเข้าพบก็จริงแต่เรื่องแผนการน่าจะเป็นการจัดการด้วยตัวเอง เขายังเข้าไปรายงานรายละเอียดภารกิจของตนเป็นระยะๆ และเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเบธิลด์ ทาวเวอร์ สตีเฟนก็เลยขอเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมดครับ]

            “แล้วนักฆ่าคนนั้นเป็นยังไง” ประธานจอร์จิโอสาขาหลักเน้นเสียงถาม สื่อความหมายชัดเจนถึงสถานะหลังจากทำภารกิจพลาดสองครั้งติด

            [ยังไม่ถูกฆ่าครับ] รีไวมุ่นหัวคิ้วทันทีกับคำตอบนั้น มันแปลก แปลกเกินไป ความเด็ดขาดของจอร์จิโอมีมาตรฐานการจัดการคนใต้บัญชาของผู้บริหารสูงสุดที่ซิซิลีเป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างดี หมอนั่นไม่เคยให้โอกาสใคร แม้จะมีการเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง แต่ไม่ว่าภารกิจแก้ตัวนั้นจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จจะถูกตัดสินโทษตายทุกราย ยิ่งที่นั่นคือเกาะทางใต้ของอิตาลี การทำให้ใครสักคนหายไปนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา

            [ปัง!]

          ชั่ววินาทีในความเงียบของบทสนทนาเกิดเสียงดังก้องทะลุผ่านหูโทรศัพท์ไม่ทันตั้งตัวจนทำให้ผู้ที่ชินกับมันแล้วอดเบิกตาขึ้นไม่ได้ มันดังใกล้ ใกล้มาก ใกล้เสียจนเขาคิดว่ามันดังอยู่แถวขมับ ยืนยันความคิดตนด้วยเสียงโทรศัพท์กระแทกกับบางอย่างเต็มแรง บางทีคงจะเป็นพื้น รีไวตาค้าง ชีพจรถี่เร็ว เขาขบฟันดังกรอด ดวงตาคู่เย็นชาฉาบไปด้วยความดุดันเหี้ยมเกรียมราวกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ที่โดนยุให้บันดาลโทสะจนแทบฆ่าคนได้

            สายลับของเขาถูกฆ่าไปแล้ว!

            [ไง...รีไว] ดวงตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างเข้าไปอีกเมื่อได้ยินเสียงแหบห้าวของชายสูงวัยลอดผ่านมา เสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอนั้นรีไวชักจะคิดว่ามันน่าขยะแขยงขึ้นทุกขณะ [นักฆ่าคนนั้นยังไม่ถึงเวลาจะตาย แต่สปายของแกคนนี้น่ะอายุสั้น อย่าโทษกันเลยนะ]

            “เคนนี่ แอ็คเคอร์แมน”

          [ว้าว ดีใจจังที่แกยังจำอาของแกได้ ไอ้หลานชาย] น้ำเสียงของชายชราไม่ชื่นชมเหมือนรูปประโยค รีไวขมวดคิ้วเหลือบตาจ้องเขม็งที่โทรศัพท์มือถือ แม้ไม่ได้อยู่ต่อหน้า แต่เขาก็จำสายตาของญาติผู้ใช้นามสกุลร่วมกันคนนี้ได้ ตั้งแต่เขายังเด็กเคนนี่ไม่เคยถือว่าเขาเป็นหลานอย่างปากว่า หมอนี่มองเขาอย่างระวังระไวราวกับเขาเป็นลูกสัตว์กินเนื้อตัวหนึ่ง ที่เมื่อไหร่โตเต็มไวก็จะกลายเป็นใหญ่ในจอร์จิโอ หมอนั่นมองไม่ผิด และก็เพราะมองไม่ผิดซ้ำยังคอยหาเรื่องลับคมเขี้ยวคมเล็บเขาตลอดเวลา ก็เลยอยู่รอดมาต่อกรกับเขาอยู่ทุกวันนี้

            “คุณดูใจเย็นนะ” เขาแสดงความคิดเห็นออกไปราบเรียบ “ผมนึกว่าคุณจะบ้าเลือดอย่างเก่า ฆ่าหมากที่ไร้ประโยชน์แล้วเอาไปทิ้งกลางทะเลอย่างที่แล้วๆมา” รีไวเว้นวรรคนิด สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันตา ถามเสียงเข้ม “ต้องการอะไรกันแน่”

            [ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างแกจะถามคำถามนี้กับฉันนะ ฉันนึกว่าแกจะทำตัวเป็นหมาป่าเดียวดายอย่างเก่า คิดอะไร  ทำอะไรไม่เคยบอกใคร หรือแม้แต่เรื่องที่ฉันจะทำอะไรก็ยังลงมือสืบเองเลยนี่ ทำไมคราวนี้มาถามกันตรงๆล่ะหือ?]

            “คุณทำตัวให้ผมต้องถามเอง” รีไวยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน “ถ้ารู้ว่าผมส่งสปายไปอยู่ฝั่งซิซิลีตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งมาเก็บกวาด ปล่อยให้เขาคาบข่าวมาบอกผมทำไมตั้งมากมาย นี่ถึงขั้นให้เลือดเปื้อนมือเองแล้วยังอุตส่าห์หยิบโทรศัพท์มาสารภาพว่าเพิ่งฆ่าลูกน้องผมไปหน้าด้านๆด้วย โห...ไม่คิดว่ามันไม่โจ่งแจ้งเลยเหรอ”

            [ฮึๆ ก็ถือว่าเด็กน้อยโตขึ้นมานิดหน่อย ยอมรับก็ได้ ฉันมีเรื่องจะบอกแก...มาที่ซิซิลีซะรีไว]

            “แล้วทำไมผมต้องไปด้วย”

            [ถึงที่นี่จะเป็นเขตของฉัน แต่ฉันไม่ทำให้แกรู้สึกเสียเปรียบหรอก ถ้าไม่ไว้ใจจะพามิคาสะมาด้วยก็ไม่ว่าอะไร ยังไงยัยเด็กนั่นก็ถือหางข้างแกอยู่วันยังค่ำ อีกอย่างแกคงไม่คิดว่าเรื่องที่สองผู้บริหารสูงสุดของจอร์จิโอกรุ๊ปคุยกันนี่มันจะเป็นเรื่องที่เปิดเผยได้ขนาดคุยกันผ่านโทรศัพท์แล้วเสี่ยงต่อการถูกดักฟังหรอกใช่ไหม] เคนนี่ยื่นข้อเสนอ รีไวหรี่ตาลงฟังอย่างใจเย็น เขารับฟังเหตุผลอีกฝ่ายไว้แค่ครึ่งเดียว ถ้าหากเขาเป็นน้ำ มีบ้างที่ตาแก่นี่จะทำตัวเหมือนน้ำเหมือนกันและยอมคุยกับเขาดีๆซะจนเขาต้องระแวง

เพราะส่วนใหญ่เคนนี่คือน้ำมัน ไม่มีทางเข้ากับเขาได้ และหาทางที่จะอยู่เหนือต่อเขาตลอดเวลา

“แล้วถ้าฉันไม่ไป”

[ก็คงต้องบังคับ] ผู้เป็นอาตอบคำถามง่ายๆ ทว่าน้ำเสียงกดดันเขาชัดเจน [ไม่ได้มีแกคนเดียวที่ส่งสายมาฝั่งฉันได้ฝ่ายเดียวนี่ เพราะงั้นฉันก็คงจะไม่รู้ว่าเร็วๆนี้แกคิดจะทำอะไร ฉันรู้มากกว่าที่แกคิดเยอะ รีไว ถ้ายังอยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องยังไม่เกี่ยวข้องต่อไปก็ทำตามที่ฉันบอกซะ]


.


.


.


.


.

TBC...
มิยะขอเม้าท์
ตอนนี้ออกจะสั้นๆนะ แต่ว่าแต่งนานโฮกกกกกกกกกก ยาก ยากมาก เพราะมันค่อนข้างจะซับซ้อนด้วยฉากด้วย อะไรด้วย เกมเริ่มขึ้นแล้วสิ แล้วก็เปิดตัวตัวร้ายอีกหนึ่งของเรื่องนี้ ตอนที่จบภาคหนึ่งแล้ววางพล็อตภาคนี้ ยังคิดอยู่เลยว่าจะเอาใครมาเล่นดี แต่สุดท้ายคุณคนนี้ก็โผล่มา ไอ้มิยะนี่อยากจิร้องไห้ คาร์แร็กเตอร์อย่างนี้แหล่ะ เผื่อบางท่านอาจจะไม่ได้ตามสปอยล์ไททัน มิยะอธิบายคร่าวๆว่า เคนนี่ แอ็คเคอร์แมนเป็นเหมือนคนฝึกรีไวมาแต่เล็กๆจนทำให้คุณรีไวของเรามีฝีมือฉกาจฉกรรจ์อย่างที่เห็นทุกวันนี้แหล่ะหนอ เบื้องต้นเท่านี้พอ แล้วติดตามได้ในมังงะไททันจ้ะ >w<
รูปลักษณ์หน้าตาหรอ แทบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรจากมังงะเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แบบว่าในนั้นแต่งตัวยังไง ท่าทางแบบไหน ฟิคเรื่องนี้ก็เป็นเยี่ยงนั้นแล ยกเว้นแต่ไม่ใช่แจ็คเดอะริปเปอร์ เอามีดไปปาดคอชาวบ้านแค่นั้นเอง
แบบมาเฟียได้ใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก >///////< // ติ่งลุงแป๊บ


ถ้าหากใครอ่านแล้วงงๆว่าเหตุการณ์มันทับซ้อนกันแปลกๆ นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้ฉากเรามีอยู่สามฉากใหญ่ๆ นั่นคือญี่ปุ่น อังกฤษ แล้วก็อิตาลี ซึ่งสองตัวหลังนี่ห่างกับญี่ปุ่นประมาณ 7-8 ชั่วโมง มันอาจยากลำบากนิดนึงในการทำความเข้าใจ TvT บางทีเป็นกลางวัน บางทีเป็นกลางคืน แต่ต่อไปส่วนมากฉากจะนิ่งแล้ว ฮ่าๆ ถ้าอ่านตอนนี้เข้าใจ ตอนอื่นน่าจะฉลุยค่ะ // ไอ้คนแต่งยังต้องแอบเขียนลงกระดาษ สรุปตอนนี้มันกี่โมงอะไรยังไงแล้วหว่า อิอิ
แปะเพลงโต้ยยยยยยย



ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
ปล.มิยะจะขอพักยกฟ้าถล่มนกดำไว้ก่อนนะคะ ขอไปทลายไหอื่นแป๊บ ซึ่งเป็นฮิมาวาริและถ้าทันจริงๆคงได้เป็นเรื่องอดีตนิรันดร์ค่ะ มิยะดีใจที่มีคนทวง อยากบอกว่าอยากแต่งมากๆ เพียงแต่ติดลมฟ้าถล่ม อยากปิดไหมันให้ได้ แล้วพล็อตก็ยุ่งยากขนาดนี้ด้วย // กลัวจะลืมก็บอกคนอ่านเขาไปเซ่
เพราะงั้นเจอกันบทความหน้าน้า
Miya






1 ความคิดเห็น:

  1. พักนี้เข้ามาอ่านทุกวันเลย อ่านซ้ำก็ยังดี5555555

    สู้ๆๆๆๆ \(^^)/

    ตอบลบ