S.Au.Fic Toriko
[Toriko x Komatsu] Himawari ความอบอุ่นของดวงตะวัน
Period Romantic
Drama
PG
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและสถานที่ในฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการผสมผสานของผู้เขียน
ไม่มีความเป็นจริงในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นไม่สามารถใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
ตอนที่ 2
“เด็กคนนั้นชื่อโคมัตสึ
เป็นหลานชายคนเดียวของท่านเซ็ตสึโนะ แม่ครัวอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินอุทัย
ท่านเซ็ตสึโนะเคยเป็นแม่ครัวประจำพระองค์ขององค์ชายจิโร่ในสมัยที่จักรพรรดิอิจิริวยังเป็นเจ้ารัชทายาท...เมื่อเสด็จพ่อของท่านขึ้นครองราชย์
ท่านจิโร่ก็ตัดสินพระทัยออกจากวัง ใช้ชีวิตอย่างสามัญชน...ท่านเซ็ตสึโนะจึงออกไปเปิดร้าน
แต่เมื่อวังมีงานใหญ่ ท่านจะ...”
“พอๆ
พอเลยโคโคะ โอย...ให้ตาย...เจ้าทำอย่างนี้เจ้าฆ่าข้าเถอะ!” เจ้าชายรัชทายาทยกมือขึ้นคลึงขมับตัวเอง
ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นห้ามกลางอากาศ ใบหน้าบอกชัดว่าเพลียใจขนาดหนัก “ข้าว่าข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องของยายเซ็ตสึ
เรื่องนั้นไปถามเสด็จพ่อเอาก็ได้...ที่ข้าอยากรู้คือเรื่องของเด็กคนนั้น
ตอนนี้นอกจากชื่อกับญาติพี่น้องเขา...ข้ายังไม่ได้อะไรเลยนะ ไหนล่ะงานอดิเรก
เขาชอบกินอะไร ชอบสีอะไร ชอบคนแบบไหน มีความคิดอยากเข้ามาทำงานในวังหรือเปล่า”
เงียบกริบ...
โทริโกะกะพริบตาปริบๆ
มองกริยาของคนในห้องสัมมนาส่วนตัวแล้วก็ต้องเงียบตามไปด้วย ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิด
ทั้งโคโคะและซานี่ถึงได้ชะงักค้างกันนานขนาดนั้น
และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของเขาที่ดูท่าว่าจะคุมสติได้ดีกว่าใคร
โคโคะกระแอมไอทีหนึ่งแล้วจ้องตาเขาอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่นานๆทีจะเป็น
“โทริโกะ
ข้าว่าท่านอาการหนักมาก นี่ไม่ใช่แค่สนใจแล้ว”
“เขาเรียกว่าคลั่งไคล้”
ซานี่ต่อ โทริโกะอ้าปากค้าง
“พูดอะไรของเจ้า! ข้าไม่ได้...!”
“น่าๆ...เจ้าพี่
เจ้าพี่ทรงดำริอะไรอยู่อย่าคิดว่าหม่อมฉันไม่รู้นะพ่ะย่ะค่ะ
สิ่งที่เจ้าพี่ประทับใจคงไม่ใช่เรื่องที่เด็กคนนั้นมาช่วยชีวิตอุซางิกับลูกน้อย
แต่เจ้าพี่โปรดอาหารของเขา
อุปนิสัยใจคอตลอดจนคำพูดคำจาของเขาและคงมีพระประสงค์ให้เขามาอยู่ใกล้สายพระเนตร”
โทริโกะกลืนน้ำลายดังอึกขณะที่ตีหน้าขรึมสู้เจ้าน้องชายเจ้าเล่ห์ที่ไม่รู้ว่ามันมองเรื่องพรรค์นี้ออกได้ยังไงทั้งๆที่มีอายุแค่สิบสองซ้ำยังทำหน้าแป้นแล้นพูดคำราชาศัพท์อย่างที่ร้อยวันพันปีมันไม่เคยจะทำอีกด้วย
ซานี่หัวเราะคิกคัก แล้วว่าขึ้นอีก
“ข้าล่ะอย่างรู้นักว่าวังตะวันออกนี่ดูแลเจ้าให้กลายเป็นเด็กใสซื่อบริสุทธิ์ได้ยังไงทั้งๆที่เจ้ามันมีโหงวเฮ้งเป็นไอ้หนุ่มใจร้อนชัดๆ
โดยเฉพาะตอนที่เขาถามเจ้ามาว่า ‘แล้วท่านโทริโกะต้องการให้ข้าตอบแทนด้วยอะไรล่ะขอรับ’
นั่นน่ะ เจ้าดันบอกไปได้ว่าอยากกินอาหารของเขาอีก โธ่เอ๊ย! เป็นข้านะ...จับมัดมือมัดเท้าเอากลับวังไปตั้งนานแล้ว”
“ฮึๆ
แต่เขาไม่ใช่คนที่จะยอมให้ท่านจับได้ง่ายๆหรอก ซานี่” โคโคะหัวเราะร่วน โทริโกะผงกหัวรับด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ใช่ๆ
โคมัตสึน่ะนะ ให้ข้าเดาเขาต้องอายุไม่ถึงสิบขวบแน่ แต่เจ้าต้องไปฟังเวลาเขาเจรจา
เจ้าจะต้องหยุดฟัง ตามองใบหน้าเล็กๆนั้นไปเรื่อยๆ หูก็ฟังเสียงใสๆนั่นไปพลางๆ
เจ้าจะรู้สึกว่าเจ้ากำลังต้องมนต์บางอย่าง...และที่สำคัญที่สุดคนที่จะพูดแบบนั้นพร้อมแสดงสีหน้าแบบนั้นได้มันต้องมาจากที่นี่...และตรงนี้”
โทริโกะใช้นิ้วชี้เคาะไปที่ขมับของตนเองก่อนแล้วจึงลากลงมาที่กลางอกด้านซ้าย
“...เด็กนั่นไม่ธรรมดาเลย”
ไม่ธรรมดากับใจเขาด้วย...
“คงจะต้องเชื่อล่ะว่าเขาไม่ธรรมดาจริงๆ
ที่ทำให้ไอ้คนสนใจแต่ม้าอย่างเจ้าเพ้อได้ถึงขนาดนี้” ซานี่กอดอกแล้วพยักหน้ารับ
ทำให้คนฟังหน้าขึ้นสี หลบตาโดยอัตโนมัติ คนเป็นน้องชายถึงรุกต่อ
“แล้วยังไง...นี่ตกลงว่าข้าจะได้เขามาเป็นพี่สะใภ้แทนท่านหญิงรินหรือเปล่า”
โทริโกะเบิกตาค้าง
ปากอ้าพะงาบๆ แย้งเสียงหลง
“เจ้าบ้า! เขาเป็นผู้ชาย แถมยังเด็ก เด็กมากด้วย!!”
“อ๋อเหรอ
เขาเป็นเด็กผู้ชาย...นี่เจ้ามีปัญญาแก้เขินกับข้าได้แค่นี้อย่างนั้นเหรอโทริโกะ!” ซานี่โวยลั่น ชี้นิ้วทิ่มแสกหน้าไม่คิดถึงยศมันแล้ว “ถ้าเจ้าไม่ใส่ใจเขาแล้วให้โคโคะไปสืบประวัติมาทำไม
ถ้าเจ้าไม่รักไม่ชอบเขา จะทำหน้าเพ้อพกตอนพูดถึงเขาเพื่อ!?
แค่เจ้าอ้าปากข้าก็เห็นไปถึงตับเจ้าแล้ว อย่ามาโกหกข้าซะให้ยาก!”
โทริโกะฟังน้องชายต่างมารดาพูดแล้วแทบเอาหัวทิ่มลงกับโต๊ะ
อยากถามกลับนักว่าวังของเขาเลี้ยงให้เขาเป็นเด็กใสซื่อหรือเพราะวังริวจาของซานี่เลี้ยงหมอนี่ให้กลายเป็นเด็กแก่แดดกันแน่
โทริโกะสูดลมหายใจเข้าออกยาวเหยียดสงบสติอารมณ์
แต่กระนั้นหัวใจก็ยังเต้นกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลับเป็นปกติ
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ คนอย่างเจ้า ชายรัชทายาทผู้ที่คิดและทำอะไรอย่างเปิดเผยไม่กลัวใครอย่างเขาไม่เคยรู้สึกว่าใครมีอิทธิพลต่อหัวใจขนาดนี้
แต่เพราะเป็นเด็กคนนั้น เป็นโคมัตสึ เขาถึงได้ยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง
“เออ
ข้าชอบเขา”
“เฮอะ! ก็แค่นั้น อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย เนอะโคโคะ!”
“ใช่
ข้าดูออกตั้งแต่ท่านจ้องเขาตาไม่กะพริบตั้งแต่แรกเจอแล้ว...นี่นับว่าข้าคิดไม่ผิดที่สั่งให้พวกทหารเปลี่ยนชุดก่อนที่จะไปรับท่าน
ไม่อย่างนั้นโคมัตสึคุงต้องรู้แน่ๆว่าสถานะที่แท้จริงของท่านเป็นใคร”
“ขอบใจโคโคะ...เจ้ายังรอบคอบเหมือนเดิม”
โทริโกะยิ้มบางๆ “ความจริงแล้วที่ข้าจงใจปิดบังสถานะไม่ใช่เพราะกลัวระยะห่างชนชั้น...แต่ข้ายังไม่อยากให้โคมัตสึต้องมาพัวพันกับเรื่องราวรอบตัวของเจ้ารัชทายาทตอนนี้...โดยเฉพาะเรื่องอันตราย”
รอยยิ้มอ่อนโยนเลือนหายออกจากใบหน้าโทริโกะ
นัยน์ตาคมสีน้ำตาลจางเหลือบมองที่ปรึกษาส่วนตัวแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบ
“สรุปแล้วเรื่องที่อุซางิโดนยาพิษได้ความว่าไง”
“เป็นยาถ่ายพยาธิ”
โคโคะตอบอย่างไม่ลังเล “เราจะให้ยาถ่ายพยาธิกับอุซางิทุกๆสามเดือนและเป็นยาที่ตรวจสอบแล้วเป็นอย่างดี
หากแต่คราวนี้ข้าพบว่ามันไม่ใช่ยาตัวเดิม อุซางิจึงเกิดอาการแพ้
แต่เรื่องมันยังไม่หมดเท่านั้น ข้าได้ไปตรวจสอบกับผู้ดูแลสัตว์ทรงทุกคนแล้ว
ทุกคนรายงานว่าไม่เคยพบเห็นยาตัวนี้ในราชสำนัก ไม่มีการใช้ยานี้กับสัตว์ตัวไหนด้วยซ้ำ”
“รับยามาจากนอกวังอย่างนั้นรึ”
ซานี่ถามต่อ โคโคะพยักหน้านิดๆ สีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้
“ตอนนี้ที่พอสันนิษฐานได้ก็มีกรณีนั้น
ข้าได้วานให้ซีบร้าที่อยู่ระหว่างภารกิจไปสืบต่อแล้ว เย็นนี้คงได้เรื่องบ้าง
แต่ยังมีอีกกรณีคือการทำยาขึ้นเอง เท่าที่ข้ารู้คร่าวๆ มันไม่ได้ทำยาก
ขอแค่มีความรู้เรื่องสมุนไพรก็จัดการได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องไล่สืบ
เริ่มจากภายในรั้วราชวัง คนที่จะให้ยาถ่ายพยาธิได้มีแต่คนดูแลสัตว์ทรง
แต่ถ้าจะสรุปก็คงจะเร็วเกินไป เรื่องนี้ต้องมีคนบงการอยู่แน่” โทริโกะกำหมัดแน่น
ดวงตาฉาบไปด้วยแววเหี้ยมเกรียมและเยือกเย็น
“วิเคราะห์ถึงส่วนผสมมันให้ละเอียดโคโคะ
แล้วตรวจสอบทุกฝ่ายไม่เว้นแม้แต่พวกห้องเครื่องและสำนักแพทย์
ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรต้องสงสัยทั้งหมด เรื่องคำสั่งนี้เป็นความลับ
เจ้าต้องอย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าสืบเรื่องนี้ รู้ใช่ไหมว่ามันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของวังหลวงกับแคว้นซะสึมะ...แม้มันจะเล่นงานโดยเหมือนจะเจาะจงตัวข้า
แต่เป้ามายที่สำคัญคงจะเป็นพระจักรพรรดิ”
โคโคะก้มหัวรับบัญชา
แล้วให้ข้อมูลต่อ
“ตอนนี้เรื่องที่อุซางิโดนยาพิษยังไม่มีใครรู้
ทุกคนเข้าใจว่าเป็นอาการอ่อนเพลียหลังคลอดเท่านั้น
ข้าบอกแค่คนดูแลที่ไว้ใจได้ให้ดูแลอาการอุซางิอย่างใกล้ชิดและย้ายอุซางิกับลูกเข้าไปในคอกข้างใน...แต่เจ้าหนูผู้น่าสงสารก็ต้องแยกจากแม่เพราะเรื่องน้ำนม...ในตัวอุซางิยังคงมีพิษเจือจางไปทั่วกระแสเลือด
คงให้นมลูกไม่ได้แน่ๆ”
“ดีแล้ว...เอ้อ! จริงสิ พูดถึงเจ้าลูกม้านั่นข้าคิดอะไรขึ้นมาได้”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ชื่อ”
โทริโกะตอบทันทีพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏอีกครั้ง
“เรายังไม่ได้ตั้งชื่อให้กับลูกของอุซางิเลย”
“ข้าว่าคนตั้งก็ควรจะเป็นเจ้าล่ะนะ
โทริโกะ” ซานี่เสนอความคิดเห็น แต่โทริโกะกลับส่ายหน้า
“ไม่หรอก
ข้ามีคนเหมาะสมในใจที่จะตั้งชื่อให้เจ้าหนูนั่นตั้งแต่มันเกิดมาแล้ว”
ว่าแล้วหันไปทางที่ปรึกษาส่วนตัวของตนเอง ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายวิบวับ
ความสดใสร่าเริงเริ่มกลับมาหาเจ้าตัวอีกครั้งราวกับว่าเรื่องจริงจังเมื่อสักครู่เป็นเพียงแค่เรื่องโกหก
“ของที่ข้าสั่งให้เตรียม เรียบร้อยหรือยังโคโคะ”
เด็กหนุ่มผมสีดำชะงักคิดไปนิดก่อนจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร
ใบหน้าหล่อเหลาถึงได้มีรอยยิ้มบ้างก่อนจะรายงานด้วยความสุขุม
“พร้อมส่งแล้ว”
“ดีเลย”
รอยยิ้มบนใบหน้าคมยิ่งกว้างกว่าเดิมแล้วสั่งใหม่ขึ้นอีกหนึ่งอย่าง
“เจ้าเตรียมกระดาษ พู่กัน น้ำหมึกให้ข้าที ข้าจะเขียนจดหมายแนบไปด้วย”
เพียงเท่านั้นดวงตาสีฟ้าขององค์ชายผู้งดงามที่สุดในแผ่นดินวาวขึ้นทันที ผิวปากหวือ
ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พี่ชายตัวเองยกใหญ่
“เห็นแก่ว่าเป็นญาติกัน
จดหมายรักฉบับแรกของเด็กหนุ่มใสซื่อเช่นเจ้า ให้ข้าช่วยไหม”
“หุบปากเจ้าไป...ซานี่”
“เฮ้อ...นี่ข้าทำอย่างนี้มันเป็นการเสียมารยาทเกินไปหรือเปล่านะ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กคิดทบทวนกับตัวเองมาตลอดทางเท้าจากบ้านถึงร้านของแห้ง
เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้ทั้งเกลือและบ๊วยกลับร้าน ซ้ำยังไขปริศนาสมุนไพรอย่างที่แปดไม่ออก
นับว่าสอบตกแบบไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปซ่อมเลย
แต่อย่างน้อยๆวันนี้เขาก็ต้องมาเอาส่วนผสมง่ายๆอย่างเกลือก่อน
พอสรุปไล่เรียงได้แบบนี้ เขาถึงได้เฝ้าถามตัวเองว่าตัวเองไร้มารยาทไปหรือเปล่า
ที่ไม่ได้เตรียมเงินมาสักแดงเดียว...
สาเหตุก็คือเมื่อวานนี้เขาได้ขอให้ใครบางคนนำเงินมาจ่ายค่าเกลือให้
ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับก็เถอะ โคมัตสึถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย
ขาสองข้างมันพร้อมจะเดินกลับไปเอาเงินที่ร้านทุกเมื่อแต่เสียงเล็กๆที่ดังแทรกขึ้นในหัวก็ทำให้เขาเดินต่อว่าควรจะเชื่อใจท่านโทริโกะซะบ้าง
“สวัสดีขอรับ
คุณโทมุ” เขาทักเข้าไปในร้าน ชายเจ้าของชื่อยิ้มกว้างแล้วเดินออกมารับ
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า
โคมัตสึ เมื่อวานก็มาแวะไปทีแล้วนี่”
“ขอรับ...คือ
ว่ายังไงดีล่ะ...เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นนิดหน่อย
ก็เลยจะมาขอซื้อเกลือถุงใหม่น่ะขอรับ เอาจำนวนเท่าเดิม” เด็กชายว่าด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ยิ่งรู้สึกใจไม่ดีเข้าไปใหญ่เมื่อคุณโทมุเดินเข้าไปหลังร้านแล้วหยิบสินค้าให้ตามปกติแบบไม่พูดอะไร
ทั้งๆที่วันนี้เขาน่าจะมาแบบไม่ปกตินะ อย่างน้อยๆคุณโทมุน่าจะทักเขาหน่อยสิว่า ‘ไปสร้างหนี้บุญคุณกับใครเขามา เขามาจ่ายค่าเกลือให้แน่ะ’ หรือ ‘อ๋อเข้าใจแล้ว วันนี้ไม่ต้องจ่ายเงินนะ’
แต่นี่ไม่มีเลยสักอย่าง
ท่านโทริโกะ...นี่ข้าเชื่อท่านได้จริงๆใช่ไหมขอรับ...
“เอ้า
ได้แล้ว จำนวนเท่าเดิม เหมือนเดิมทุกประการ ราคาก็เท่าเดิมสี่ร้อยเยน”
เจ้าของร้านว่า
ทำหน้าเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติซ้ำยังแบมือมาตรงหน้าเขาอีกต่างหาก โคมัตสึอ้าปากค้างน้อยๆอย่างไม่ตั้งใจ กะพริบตาปริบๆเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดเมื่อกี้ของคนตรงหน้า
สรุปว่าเขาต้องจ่ายใช่มั้ย!?
“เอ่อ...คุณโทมุขอรับ...แบบว่า
คือ..มีคนมาฝากจ่ายค่าเกลือให้ข้าอะไรทำนองนี้มั้ยขอรับ เป็นเด็กผู้ชายตัวสูงๆ
อาจจะอายุมากกว่าข้าหน่อย ผมสีฟ้า ตาน้ำตาล มีรอยแผลเป็นแถวๆแก้ม อ่อ...เขาเป็นลูกชายของท่านที่ปรึกษาขององค์จักรพรรดิด้วยขอรับ”
โทมุเลิกคิ้วกับคำอธิบายของลูกค้าตัวน้อยเจ้าประจำ เค้นความทรงจำเท่าไหร่มันก็ไม่เห็นมีเรื่องอย่างว่าเลยส่ายหน้าตอบไป
เด็กชายหน้าซีดกว่าเดิม
ท่านโทริโกะ
ไหงมันออกมาเป็นอย่างนี้ได้ล่ะขอร้าบ.....
“คุณโทมุแน่ใจว่า...”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าเด็กผู้ชายผมสีฟ้า
ตาน้ำตาล มีรอยแผลเป็นแถวๆแก้มนั่นเป็นลูกที่ปรึกษาขององค์จักรพรรดิจริงๆ”
พลันเสียงทุ้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง เป็นเด็กหนุ่มใบหน้าคมคายรูปร่างสูงผมสีดำยาวสยายสวมชุดสีเข้มดูทะมัดทะแมงที่ข้างเอวเหน็บดาบเล่มเรียว
บรรยากาศรอบตัวไม่รู้จะตัดสินว่าน่ากลัวหรือน่าศรัทธาดี
โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลที่ราวกับโขลกกันออกมาเหมือนโทริโกะมันแฝงไปด้วยอารมณ์หลายประการ
แต่เป็นคนที่เดาใจได้ยาก
ยากกว่าท่านโทริโกะ โคมัตสึสรุปได้เลย ซ้ำเขายังคุ้นหน้าคุ้นตาชายคนนี้
หากแต่นึกไม่ออกว่าที่ไหนเมื่อไหร่ มันติดอยู่ที่ปลายความทรงจำ
แล้วเมื่อกี้...
“ท่านรู้จักท่านโทริโกะหรือขอรับ”
“ก็...เขาเป็นคนสำคัญพอสมควร
ข้าก็พอจะรู้จักล่ะนะ” คนตัวสูงอมยิ้มแล้วยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“เอาเป็นว่าเจ้าจะเข้าใจว่าข้าเป็นตัวแทนของท่านโทริโกะของเจ้าก็ได้
ดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องค่าเกลือสินะ” ว่าแล้วก็คว้าถุงเงินแล้ววางลงบนมือของโทมุ
โคมัตสึคำนวณจากสายตาและเสียงกระทบกันของเหรียญแล้วมันอาจจะมากกว่าสี่ร้อยเยนด้วยซ้ำ
ดวงตากลมโตทอดมองนิ่งที่ใบหน้าคมคายของคนตัวสูงกว่านิ่ง
ขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ใจดีไม่ใช่หลอกล่อไม่เชิงของอีกฝ่าย
“เจ้ามองหน้าข้าแบบนี้หมายความว่าไง”คิ้วเข้มเลิกขึ้นแล้วขยับเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย
“อย่าบอกนะว่าไม่พอใจ”
“แน่นอนว่าข้าต้องไม่พอใจเป็นธรรมดาขอรับ
มันคงจะไม่ใช่เรื่องปกตินักที่จะมีคนไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามมาจ่ายเงินให้ เราไม่เคยรู้จักกัน
ต่อให้ท่านบอกว่าท่านเป็นตัวแทนของท่านโทริโกะมันก็ไม่มีหลักฐานให้ข้าเชื่ออยู่ดี...ต้องขออภัยด้วยขอรับ
แต่ข้าคงรับเงินของท่านไม่ได้”
“ทำไมเจ้าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยอย่างนี้
หืม?” เสียงทุ้มลากยาวอย่างหงุดหงิด
“ทุกวันนี้คนเราต้องหนี้บุญคุณกันเท่านั้นหรือถึงจะช่วยเหลือกันได้น่ะ
ต้องรู้จักกันเท่านั้นหรือถึงจะแสดงไมตรี
คนทำอาชีพอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจดีกว่าข้านะ คุณพ่อครัวตัวน้อย”
โคมัตสึขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
“ท่านรู้ได้ยังไงขอรับว่าข้าเป็นพ่อครัว”
“สาบเสื้อซามุเอะเจ้าปักเป็นชื่อร้านดังเลยนี่”
ช่างสังเกตเหมือนท่านโทริโกะเปี๊ยบเลย...จำได้ว่ารายนั้นก็รู้ว่าเราเป็นพ่อครัวตั้งแต่แรกเจอนี่นะ
“ขอรับ
ถ้าเช่นนั้นกรุณาตามไปรับเงินคืนกับข้าที่ร้านเดี๋ยวนี้เลย ข้าติดหนี้ใครไม่ได้
และตัวท่านที่เป็นคนรู้จักของท่านโทริโกะได้ก็คงจะเคร่งครัดในกฎข้อนี้ด้วยเช่นกัน”
เด็กชายตัวเล็กบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
สีหน้าจริงจังกับมุมปากที่เริ่มงองุ้มนิดๆเพราะความไม่พอใจและน้ำเสียงดุฉะฉาน
ทุกอย่างมันก็คงจะดูน่ากลัวและนับว่าเป็นเด็กที่เจ้าระเบียบพอสมควร แต่ไม่รู้ทำไม
คนมองอย่างเขามองแล้วมันอารมณ์ดีจนอยากจะยิ้มออกมา
เท้าเล็กๆทำท่าจะก้าวออกไปพ้นเงาของหลังคาร้านขายของ
หากแต่ไม่ทันไรก็ก้าวกลับเข้ามาอีกครั้ง มือบางยกขึ้นป้องเหนือตา
กับแดดแรงยามใกล้บ่ายที่ดูจะร้อนกว่าวันไหน
แม้ว่าร้านเขาจะไม่ไกลมากจนกระทั่งเดินถึง แต่แบบนี้คงมีหวังหน้ามืดก่อนถึงร้าน
พลันโคมัตสึก็รู้สึกว่าบนผมของตัวเองที่เคยแสบร้อนก็เย็นลง
ทัศนวิสัยที่เคยจ้าจนต้องหรี่ตามองตอนนี้มืดลงมาก
ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมองด้วยความงุนงง
ร่มผ้าไหมคันโตสีน้ำเงินลอยอยู่เหนือหัวเขาอย่างพอดิบพอดี วาดเป็นลวดลายนกกระเรียน
สีสดงดงามประณีตราวกับมีชีวิตแล้วมาโบยบินอยู่ต่อหน้าจริงๆ
แล้วเจ้าของร่มก็โค้งตัวเล็กน้อย
มองหน้าเด็กชายตัวเล็กแล้วแย้มยิ้มละไม “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องคิดเป็นหนี้บุญคุณ
ข้าขอพูดอะไรบางอย่างเผื่อเจ้าจะเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เหมือนโทริโกะ
ไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่ต้องมาคอยสนใจเรื่องธรรมเนียมประเพณี...ไม่ใช่คนที่เจ้าจะต้องมาสนใจเรื่องการตอบแทน...ข้าอยากให้อะไรข้าก็ให้”
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลง ก้มตัวลงอีกจนกระทั่งแทบชิดกับใบหน้าน่ารัก กระซิบเสียงต่ำ
“อยากได้อะไร...ก็ต้องได้ กฎของข้ามีเพียงเท่านี้”
“ท่านรู้จักท่านโทริโกะเป็นอย่างดีจริงๆด้วย...เขาเป็นใครกันแน่ขอรับ”
“ข้านึกว่าเจ้าจะถามว่าข้าเป็นใครกันแน่ซะอีก”
โคมัตสึชะงักไปเมื่ออีกฝ่ายตอบเข้ากลับมาในเสี้ยววินาที ใบหน้าเล็กเบือนหลบแล้วรีบออกเดินจนอีกฝ่ายแทบถือร่มตามไม่ทัน
ใบหน้าของเขาร้อนวูบเหมือนถูกแดดเผา และโคมัตสึหวังให้มันเป็นเพราะแดดจริงๆ
และอีกอย่างเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เดินข้างๆต้องสนใจเขามากกว่าทางเดินด้วย
แม้ไม่หันไปมองแต่ก็รู้สึกได้ ว่าสายตาคู่นั้นมีบางอย่างที่ไม่พอใจอยู่
แม้มันจะเจือจางแต่ก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจหรือน้อยใจอยู่จริงๆ
อย่าบอกนะ...ว่าเป็นเรื่องที่เขาไม่ถามว่าคนข้างๆเป็นใครน่ะ
นิสัยมันจะเข้าใจยากไปมั้ย!
“ดูจากการแต่งตัวของท่านแล้ว
สิ่งที่ข้าพอจะเดาได้คือท่านเป็นซามูไรฝีมือดีที่อยู่ประจำคฤหาสน์ขุนนางหรือในราชสำนัก
ดาบของท่านแม้ข้าจะเห็นแค่ฝักมันก็งดงามมากขอรับ แล้วอีกอย่าง
ถ้าหากท่านไม่ใช่คนฝีมือดีที่รับใช้ผู้มั่งคั่ง ท่านคงไม่มีร่มสวยๆแบบนี้
และไม่มีเงินถุงเบ้อเร่อมาจ่ายค่าเกลือให้ข้าด้วย...และเพราะว่าข้าสรุปกับตัวเองแบบนั้นจึงเลือกที่จะไม่ถามท่านขอรับ
อาชีพของท่านไม่ควรจะมีคนรู้จักเยอะจะดีที่สุด มันส่งผลต่อชีวิตของท่านเอง”
“จะบอกว่าข้าศัตรูเยอะว่าอย่างนั้น? นี่สรุปว่าเจ้าห่วงข้าหรือห่วงตัวเองจะโดนลูกหลง”
“ข้าจะห่วงตัวเองได้ยังไงกันล่ะขอรับ!”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเจ้าห่วงข้า”
อะ..อะไรของคนๆนี้เนี่ย!
โคมัตสึก้มหน้างุดแล้วสาวเท้าเดินต่อไปไม่ต่อปากต่อคำ
จะให้ว่าอะไรต่อได้ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นเขาซะไปไม่เป็น คนตัวสูงหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจแล้วว่าขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม
“แต่โทริโกะน่ะ...ศัตรูเยอะกว่าข้าไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า...ทุกลมหายใจเข้าออกของเขามีทั้งคนอยากแย่งชิงและมีคนปกป้อง
ชีวิตของหมอนั่น...เจ้าไม่มีทางจินตนาการออกหรอกว่ามันดำเนินอยู่แบบไหน...สิ่งสำคัญที่หมอนั่นต้องท่องเอาไว้คือมีชีวิตอยู่ให้ได้
แต่ไม่ใช่เพื่อตนเอง จะสูญเสียอะไรไปก็ช่าง แต่ตัวเองเท่านั้นที่ห้ามตาย....” เป็นดวงตะวันที่มีความอบอุ่นเพียงเพื่อคนอื่นเท่านั้น
ร่างสูงแค่นหัวเราะเมื่อนึกถึงสถานะ
เหลือบตามองคนข้างๆแล้วเอ่ยถาม
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”
โคมัตสึนิ่งไปนิด
แม้จะรู้สึกติดใจกับชีวิตของโทริโกะเป็นพิเศษแต่เขามีคำถามที่จะต้องตอบ
ร่างเล็กคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก ก่อนจะคลี่ยิ้มจางๆออกมาแล้วตอบไปตามความรู้สึกจริง
“ฟังดูเป็นคนที่มีความเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการยอมตายแทนคนอื่นอีกขอรับ...เขาก็เป็นคนที่เห็นแก่คนอื่นจริงๆ
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทั้งรักทั้งห่วงอุซางิจังขนาดนั้น”
“อุซางิ?” คนฟังเลิกคิ้วนิดหน่อย “อ๋อ...แม่ม้าตัวนั้น เจ้ารู้จักด้วยรึ”
“ขอรับ
ข้าเป็นคนทำคลอดให้อุซางิจังเอง
ถ้ามีโอกาสอีกก็อยากจะพบเจ้าตัวเล็กอีกสักครั้งขอรับ
ไม่ทราบว่าตอนนี้จะแข็งแรงหรือยัง”
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงเพียงชั่วครู่แล้วจับจ้องร่างเล็กบางข้างกายไม่วางด้วยกระแสอ่านยาก
แล้วมุมปากยกเป็นรอยยิ้ม เสียงทุ้มต่ำพึมพำออกมาในขณะที่ยังไม่ละสายตา
“อย่างนั้นรึ...เป็นเจ้านี่เองที่ช่วยมัน...ดีจังเลยนะ”
“ถึงร้านแล้วขอรับ
เดี๋ยวข้าจะรีบ..”
“นายน้อยโคมัตสึเจ้าคะ
ท่านเซ็ตสึโนะเรียกพบด่วนที่เรือนหลังร้านเจ้าค่ะ อ๊ะ!” เด็กสาวอุทานเบาๆเมื่อเห็นว่าข้างกายนายน้อยตนมีคนอีกคนยืนอยู่ด้วย
เธอโค้งลง รีบละล่ำละลักบอก “ขออภัยที่เสียมารยาทเจ้าค่ะ ท่านผู้นี้คือ...”
“แขกของข้าเอง
เอาเป็นว่าเจ้าช่วยจัดสำรับรับรองด้วย...แล้วข้าวานอีกอย่าง เจ้าไปหยิบเงินสี่ร้อยเยนมาให้ท่านผู้นี้ด้วย
มันเป็นค่าเกลือ ท่านผู้นี้เป็นคนกรุณาออกเงินแทนข้าเอง”
“เจ้าค่ะนายน้อย...เอ่อ...แต่ว่าเรื่องเกลือนั่นแหล่ะเจ้าค่ะ”
หญิงสาวมีสีหน้าลำบากใจจนโคมัตสึต้องขมวดคิ้วก่อนที่จะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่หลังร้าน
เมื่อลับแผ่นหลังเล็กๆแล้วไม่ทันที่เด็กสาวจะเชิญแขกกิตติมศักดิ์นั่งพักผ่อน
แขกคนที่ว่าก็ฉีกยิ้มหวานให้เธอแล้วบอกว่าไม่เป็นไรก่อนที่จะเดินตามนายน้อยของเธอไปหลังร้าน
ตัวเธอเองก็อยากจะห้ามอยู่หรอกว่าตรงนั้นเข้าได้เฉพาะบุคคลของ
แต่ไม่รู้ว่าไปเอาความเร็วมาจากไหน พริบตาเดียวก็เปิดประตูร้านเดินทะลุไปแล้ว
ร่างสูงเดินลัดสวนหินหลังร้านที่จัดอย่างงดงามสมกับเป็นร้านอาหารชื่อดังก่อนที่จะเห็นเรือนญี่ปุ่นหลังสวยตั้งตระหง่านอยู่
ด้วยความรีบมาก เขาคิดว่าเป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มร่างเล็กถึงลืมเลื่อนประตูปิด
เขาถึงเห็นทุกอย่างชัดเจน แน่นอนว่ารวมถึงคนเรียกนายน้อยของร้านมาพบเป็นการด่วนจนถึงขนาดต้องทิ้งเขาไว้กับสาวรับใช้
แต่พอเห็นเท่านั้นแหล่ะ
เขาถึงต้องชะงักเท้าไว้กับที่แล้วพาตัวเองหลบมุมต้นไม้สูงแทบไม่ทัน
ความจริงเขาก็คุ้นชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็น ‘ท่านเซ็ตสึโนะ’
พอมาเห็นหน้าระยะนี้ก็ชัดเจนไม่สงสัย
แม่ครัวในตำนานแห่งวังหลวงที่เขาจะไปให้เจอหน้าไม่ได้เด็ดขาด
ยายเซ็ตสึจำได้แน่ว่าที่แท้จริงเขาเป็นใคร
ดวงตาสีน้ำตาลคมเพ่งมองยายกับหลานคุยกันเรื่องบางเรื่องที่เขาไม่ได้ยินว่าเป็นเรื่องอะไร
แต่มันคงไม่พ้นของที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆ
เท่าที่เห็นคือเกลือสีขาวบริสุทธิ์จำนวนมาก ลูกบ๊วยสุกอีกเป็นกระสอบ จดหมายหนึ่งฉบับที่อยู่ในมือเล็กๆของเด็กชาย
และสิ่งสุดท้ายที่ดูจะเตะตาเขามากที่สุดก็คือผ้าที่ห่อมา...
ผ้าแพรสีเหลืองทองปักลายมังกรพันรอบดวงอาทิตย์
ผ้า...ที่มีเฉพาะในวังตะวันออกขององค์ชายรัชทายาท
บุคคลทั่วไปคงไม่มีทางรู้ แม้แต่พวกขุนนางชั้นสูงยังไม่มีสิทธิ์ได้เห็น
เพราะมันต้องได้รับพระราชทานอนุญาตมาจากเจ้าชาย ซึ่งจะปรากฏนานๆครั้ง
บ่งบอกว่าผู้รับคือผู้ที่สำคัญอย่างถึงที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ถือครองผ้าก็ถือว่าเป็นสมบัติที่สำคัญที่สุดเช่นเดียวกัน
สมบัติขององค์ชายรัชทายาท...
นี่เป็นการจับจองของเจ้าเช่นนั้นรึ...โทริโกะ
“ตอนนี้โคมัตสึคุงน่าจะได้รับของแล้วพ่ะย่ะค่ะ
องค์รัชทายาท” โคโคะกระซิบเบาๆด้วยรอยยิ้มสุภาพกับเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังนั่งยองๆอยู่ในท่าเดิม
ลูบหัวลูกม้าที่กำลังกินนมในถ้วยอย่างอารมณ์ดี
“ฮึๆ
ข้าล่ะอยากเห็นสีหน้าของโคมัตสึตอนเปิดห่อผ้าออกชะมัดเลย แค่คิดถึงตาโตๆกับเสียงอุทานเล็กๆนั่นข้าก็อยากขำแล้วโคโคะ
ฮะๆๆ” ว่าแล้วเจ้าชายรัชทายาทก็สรวลออกมาจริงๆ
ซึ่งก็ทำให้ข้าราชบริพารที่อยู่แถวๆนั้นตกใจตามเดิม มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ใช่ว่าจะบ่อยนักที่พวกเขาจะได้เห็นว่าที่พระเจ้าแผ่นดินดูมีความสุขจากใจมากถึงขนาดนี้
“แต่ที่สำคัญที่สุด
เจ้ากำลังจะมีชื่อแล้วนะ...ดีใจล่ะสิ หือ?”
มือแข็งแรงตบลงเบาๆกับกล้ามเนื้อแถวต้นขาของเจ้าม้าเด็กขนสีดำสนิทที่เริ่มขึ้นหนาเป็นมัน
เสียงครางในลำคอกับลมหายใจแรงๆที่พ่นออกมาเป็นคำตอบรับ
จะว่าไปแล้วเจ้าลูกม้าของเขาก็อาจจะอยากเจอผู้มีบุญคุณที่ช่วยให้มันมีชีวิตรอดอยู่เหมือนกัน
แต่อีกฝ่ายสิไม่รู้ว่าจะคิดเหมือนกันไหม
เจ้าอยากพบลูกม้าหรือเปล่า
เจ้าจะคิดถึงมันไหม
เจ้า...อยากพบข้าอีกสักครั้งไหม
โคมัตสึ...
“เจ้าชายรัชทายาท
ท่านราชองครักษ์ส่วนพระองค์ซีบร้าขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงขานจากนายทหารที่อยู่นอกคอกสัตว์ทรงทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงละมือออกจากแผงคอก่อนจะเดินออกไปรับ
คนที่ยืนรอเขาอยู่หน้าประตูไม้คือเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำ เรือนผมสีแดงเพลิง
ดวงตาคมราวสัตว์ล่าเนื้อ
บรรยากาศรอบกายมีแรงกดดันของรังสีนักรบน่าเกรงขามแม้อายุยังน้อย
“ยินดีต้อนรับกลับ
ซีบร้า” โทริโกะทัก เจ้าของร่างหนาแข็งแรงผงกหัวให้เล็กน้อย
“วันนี้ไปเจอที่ย่านตลาด...แล้วเขาก็ได้พบกับไอ้หนูนั่นด้วย”
ซีบร้าอธิบายอย่างไม่อ้อมค้อมและไม่รายงานอะไรที่มากกว่านั้น
ดวงตาคมกวาดเล็กน้อยรอบตัวมองเหล่าองครักษ์ที่ยังคงติดตามเจ้าชายรัชทายาทเป็นพรวนเพื่อสื่อความหมายว่ารายละเอียดพูดที่นี่คงจะไม่เหมาะสม
โทริโกะหน้าตึงขึ้นทันที
เรื่องราชการลับที่เขาให้ซีบร้าไปสืบมันสมควรที่จะเป็นเรื่องเครียดอยู่แล้ว
แต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจไม่ใช่อะไร
หมอนั่นไปพบกับโคมัตสึได้ยังไง...
จะบังเอิญหรือจงใจ
เขาไม่สน เพราะอย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว
“ไปที่ตำหนักตะวันออก”
โทริโกะบัญชาเสียงเย็น ปรายตามองกลุ่มบุคคลที่เหลือแล้วเอ่ยอย่างเฉียบขาด
“ส่วนพวกเจ้าไม่ต้องตามมา ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว”
“ดูเหมือนพระองค์จะต้องการความเป็นส่วนตัวบ่อยไปนะพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเบื้องหลังซีบร้าดึงสายตาของทุกคู่ให้หันไปมอง
บุรุษที่มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างเงียบงันโดยไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่
หากแต่ทั้งเรือนผมและอาภรณ์ทั้งหมดที่เป็นสีดำสนิทก็ยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบนั้นยิ่งทวีความมืดมนลงไปอีก
ชายผมยาวขยับยิ้มเย็น โค้งกายแสดงความเคารพต่อคนยศสูงกว่า
“นานแล้วที่กระหม่อมไม่มีโอกาสได้เห็นพระพักตร์พระองค์
ทรงพระเกษมสำราญอยู่ในวังตะวันออกเช่นเคยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายรัชทายาทหรี่ตาลง
จับจ้องไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงอายุห่างกับเขาสี่ปีเบื้องหน้า
มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้ม หากแต่ดวงตาไม่มีแววล้อเล่นด้วย
“ข้าจะอยู่ไหนข้าก็มีความสุขทุกที่นั่นแหล่ะ...ว่าแต่ท่านเถอะ...อิสระเสรีที่ออกไปนอกรั้ววังเมื่อใดก็ได้คงทำให้ท่านเกษมสำราญกว่าข้า...เจ้าพี่สตาร์จูน”
.
.
.
.
.
TBC...
มิยะขอเม้าท์
ดอกทานตะวันตอนที่สองมาแบ๊วววววว >w< มาแบบงงๆมาก ฮ่าๆๆๆ คือช่วงนี้มิยะอาจจะอัพฟิคไม่ค่อยเป็นเวลาหน่อยเพราะมหาลัยใกล้เปิดเต็มทีแล้วค่ะ กิจกรรมเลยถาโถมเข้ามาไม่เว้นวัน ว่างก็คือว่างเลย วันไหนไม่ว่างก็เช้าถึงเย็น มีช่วงว่างบ้างเป็นช่วงๆ =w= เพราะงั้นเลยแอบมาปั่นฟิคเนี่ยแหล่ะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
Miya
อ่านกี่ทีกี่รอบก็ชอบ อ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่นี่แหละ ชอบมากค่ะ
ตอบลบหาอ่านยากมากค่ะเรื่องนี้
เรื่องนี้ใกล้ๆ เป็นออลโคมัตสึแล้วนะเนี่ย >w<
ตอบลบโคโคะเหมืิอนชอบโคมัตสึเลย
รอฟิคนะคะ
กลับมาอัพเถอะ ;w;
ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่ให้เกียรติเข้ามาอ่าน มีคนอ่านฟิคคู่หายากแบบนี้ดีใจมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ //โค้ง
ลบอิอิ เรื่องคุณโคโคะ คุณโคโคะไม่กล้าชอบหนูมัตหรอกก่ะ ฮ่าๆๆๆๆ อยู่ใกล้มือใกล้เท้าพระเอกขนาดนั้นเดี๋ยวโดนสั่งประหารเอา อิอิ
เพราะงั้นอีกสามเทพก็มองหนูมัตในความรู้สึกเอ็นดูอยากปกป้องในฐานะเหมือนคนในครอบครัวค่ะ// แต่ทางมิยะก็ allkomastu นะคะ แฮ่
ตอนที่สามอัพแล้วน้าๆ แต่ตอนที่สี่ยังปั่นอยู่ อิอิ ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
ลบ