Project : Happy
birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059
[Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง
ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย
สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก
Miyaจ้ะ *v*
SKYFALL : 14
ควันสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเสียงหวอรถพยาบาลไม่ต่ำกว่าสิบคันดังไปทั่วทั้งบริเวณนั้นพร้อมกับรถดับเพลิงที่กำลังฉีดน้ำขึ้นดับไฟกองโตนับไม่ถ้วนบนตึกสูง
เสียงร้องโกลาหลไม่หยุดหย่อนของทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล
นักดับเพลิงหรือแม้แต่ตำรวจก็ดังไม่ขาดสาย
มีคนเจ็บหลายสิบคนทยอยใส่รถพยาบาลแล้วขับออกไป ในขณะที่มีคันอื่นเข้ามาทดแทนเรื่อยๆบ่งบอกว่าคนเจ็บของเหตุการณ์ครั้งนี้มันมีไม่น้อย
และนั่นคือภาพ เสียง
กลิ่นของความจริงทุกประการที่ปรากฏให้ประธานสูงสุดของ The Best เห็นหลังจากลงจากรถ
เขามาถึงปารีสพร้อมกับฮิบาริในเวลาไม่เกินสี่สิบนาทีตามที่เขาบอกกับแดช
สั่งให้คนขับรถเหยียบมาที่นี่ให้ได้ภายในห้านาที
พอมาถึงลอร์ดคริสโตเฟอร์ตรงรี่เข้าไปหาพี่ชายของเจ้านายตนแล้วคุยอะไรกันบางอย่าง
ส่วนเขาได้แต่ยืนนิ่งมองทะลุไปหลังเขตกั้นตำรวจ
เพียงแต่ทั้งหมดที่เขาเห็น...มันคือสภาพของตึกเอ ตึกที่ไม่โดนระเบิด...แต่เพียงโดนลูกหลงสะเก็ดไฟแล้วทำให้มันลุกไหม้เป็นบางจุด...ก็เท่านั้น
แต่ตึกที่โกคุเดระกับแดชอยู่...มันคือตึกบี...
ซีเมนต์ก้อนโตอย่างที่มีโครงเหล็กเสียบอยู่ข้างในถล่มลงมาจนหมดและปิดทางเข้าออก...
ตอนนี้ตึกที่เคยตระหง่านคู่กันเป็นแฝด
หนึ่งในนั้นลดความสูงลงเหลือเพียงแค่เป็นกองซีเมนต์ทั้งหมดจนไม่เห็นพื้นดินทุกตารางนิ้ว
ระเบิดไม่ทำงานอีกแล้ว ซึ่งถ้าพูดให้ถูกก็คือมันทำงานของมันจนเสร็จสิ้นแล้ว...
เขามาไม่ทัน....
พลันร่างกายของเขาก็เย็นยะเยือกอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่ข้างในอกมันร้อนจวนจะคลั่ง
ในหัวเขาคิดไม่ออก ไม่รู้จะไปซ้ายหรือขวา รู้สึกว่าสถานที่ตรงนี้มันกว้างใหญ่และไม่รู้จัก
เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง เห็นผลลัพธ์ข้างหน้าแล้วต้องพูดว่าอะไร
ต้องยอมรับหรือไม่ มันเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนต้องขอใครสักคนมาพูด
หรือมายืนยันกับเขาทีว่าสิ่งที่เขานี้มันเป็นแค่เรื่องโกหก
ช่วยบอกที...ได้โปรด...ได้โปรดบอกว่าหมอนั่นยังปลอดภัย
ที่เขามองไม่เห็นตามรถพยาบาลก็เพราะหมอนั่นไปโรงพยาบาลแล้ว...ไม่ใช่ยังติดอยู่ในกองซีเมนต์นั่น
ช่วยบอกเขาทีว่าหมอนั่นยังมีชีวิตอยู่...
“นี่...”
เขาเรียกพนักงานใกล้ตัวดูท่าว่าจะเป็นวิศวกรของตึกนี้
รู้สึกว่าเสียงของตัวเองสั่นจนคุมไม่ได้ “ใจกลางกองปูนพวกนั้น...มีห้องประชุมกึ่งๆห้องนิรภัยอยู่ใช่ไหม...”
“ใช่ครับ...ท่านประธานยามาโมโตะ”
วิศวกรตอบ “เราไม่ทราบเช่นกันว่าห้องนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่า ต่อให้สร้างมาดียังไง
มันก็ไม่ใช่ห้องนิรภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ คาดว่าถ้าโดนแรงอัดขนาดนี้...”
“ฉันไม่สนใจว่าห้องนั้นมันจะเป็นอะไรหรือเปล่า...”
เด็กหนุ่มเอ่ยแทรกเสียงเยียบเย็น ดวงตาคู่คมเหลือบมอง กำหมัดแน่นทุกๆที "ถามอีกคำถาม...รู้มั้ยว่าในห้องนั้นมีคนอยู่?”
“เอ่อ...คือ...”
“ไม่คิดจะเอารถเคลมมายกซีเมนต์ออกหน่อยเหรอ...”
เด็กหนุ่มลากเสียง มันไม่ใช่คำถาม...แต่เป็นการตอกย้ำการกระทำที่ทางวิศวกรผิดพลาด
แต่ละคำเน้นชัดจนคนฟังรู้สึกขนหัวลุก แม้ท่าทางของท่านประธานแห่ง The Bestไม่ใช่การปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจนกระทั่งพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อเขา
แต่วิศวกรรู้สึกว่าตัวเองเหมือนฝ่ามือที่มองไม่เห็นครอบเข้าที่คอหอย
ไอเยือกเย็นกับรังสีน่ากลัวแผ่ชัดเจนออกมาจากสายตา มันโกรธ ร้อนรน หวาดกลัวแลดูราวเป็นคนบิดเบี้ยวมีปัญหาขั้นร้ายแรง
และกำลังอารมณ์ที่ว่านั้นจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
“งั้นเหรอ...ไม่คิดจะทำใช่ไหม....”
วิศวกรหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ
เหงื่อซึมชื้นเต็มแผ่นหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขารู้เพียงแต่ว่าไม่ควรพูดหรือแม้กระทั่งหายใจยังรู้สึกผิด
คนข้างๆเขากำลังโกรธจัด แต่เขากลับจินตนาการไม่ออกว่าเขาไปทำอะไรผิดพลาด...
หรือไม่บางที...
“คาดว่าเรื่องการยกกองปูนพวกนั้นออกคงไม่จำเป็นครับ...ท่านประธานยามาโมโตะ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบเรื่อยข้างหลัง เด็กหนุ่มเพียงแค่เหลือบตาไปมอง
เลขาประจำตัวของโกคุเดระยืนอยู่ข้างหลังเขา ท่าทีสงบเงียบกว่าปกติ
ฮิบาริไม่อยู่ในบริเวณนั้นแล้ว
แต่นั่นเขาไม่สนใจ...สิ่งที่ทำให้เขาเกือบหยุดลมหายใจคือรอยแดงๆใต้ดวงตาของลอร์ดคริสโตเฟอร์
แม้มันจะเพียงเล็กน้อย...แต่เขาก็สังเกตได้...ขนาดคราบน้ำตาของโกคุเดระ
เขายังเคยสังเกตได้เลย....
ลอร์ดคริสโตเฟอร์ร้องไห้?
เดี๋ยว...
ผู้ที่จัดการอารมณ์ของตัวเองได้เป็นเลิศสมมาตรฐานบอดีการ์ดระดับยอดเยี่ยม...เพิ่งร้องไห้มา?
“มีผู้บาดเจ็บและสูญหายมากมายทั้งพนักงานและแขก
นี่คือรายชื่อของบุคคลที่เราต้องช่วยเหลือและเสาะหาครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับเขา
“แต่ถ้าได้รับการยืนยันจากทางตำรวจและหน่วยแพทย์ว่า ‘ไม่จำเป็นต้องเสาะหา’
ก็จะไม่มีในรายชื่อ...ผมพูดเท่านี้...เข้าใจใช่ไหมครับ
ท่านประธานยามาโมโตะ”
เด็กหนุ่มร่างสูงรับมันมา กรอกตาทีละบรรทัดอย่างเงียบงัน
รายชื่อคนเฉียดร้อยที่อัดกันอยู่ภายในหน้าเดียว
ผ่านไปแต่ละคนๆก็ไม่ใช่ชื่อที่เขาต้องการ
จนกระทั่งถึงรายชื่อสุดท้าย...ก็ไม่ใช่อยู่ดี เขาทำเช่นนี้อยู่สามรอบ
ใช้เวลากว่าสิบนาทีในการจับจ้องกับกระดาษแผ่นเดียว แต่ท้ายที่สุด...มันก็ไม่มี
“เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ”คนตรงหน้าถามซ้ำ
“ไม่เข้าใจ” เขาตอบทันที....เรื่องแบบนี้จะให้เข้าใจได้ยังไง
“ถ้าเช่นนั้น...กรุณาทำความเข้าใจด้วยเถอะครับ”
ร่างสูงโปร่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้วโค้งลง
ไหล่ทั้งสองข้างสั่นจนแทบสังเกตไม่เห็น “นี่คือสิ่งที่ผมจะขอให้ท่านทำได้...เพราะฉะนั้น...ได้โปรดยอมรับมันด้วยเถอะครับ....”
เสียงอะไรบางอย่างพังครืนลงในโสตประสาท
ชั่ววูบหนึ่งที่ในหัวมืดสนิทเขากำลังจะกระโจนเข้าไปซัดหน้าเลขาและบอดี้การ์ดประจำตัวโกคุเดระ
คนที่เข้ามั่นใจว่าถ้าอยู่แล้วโกคุเดระจะไม่มีวันเป็นอะไรแต่ตอนนี้กลับมาบอกให้เขาทำใจ
หากแต่ไม่ทันถึงตัวชายร่างหนาสองคนก็คว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน
จับล็อกแขนทั้งสองข้างแน่นตามฉบับของบอดีการ์ดที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
ไม่ออมแรงแม้ไหล่ของเขาจะลั่นกร่อก ยามาโมโตะไม่ไยดีกับความเจ็บนั่น เด็กหนุ่มหายใจหอบหนัก
เขารู้สึกว่าตัวเองต้องการออกซิเจนมหาศาล โลกทั้งใบหมุนคว้างไร้ซึ่งความสมดุล
ไม่มีเสียงโวยวายหรือคำก่นด่าใดๆหลุดออกจากปาก
ไม่มีน้ำตาสักหยดแม้ก้อนสะอื้นจะจุกแน่นที่ลำคอ
และมันก็หยุดแค่นั้นยังไม่ระบายออกมา ราวกับกำลังทำให้เขาจะทรมานจนตาย
เรื่องแบบนี้...เขาไม่มีวันเข้าใจ...ให้ตายก็ไม่เข้าใจหรอก
หมอนั่น...โกคุเดระน่ะ
คือคนเดียวที่ทำให้โลกทั้งใบของเขาพลิกกลับ
คือคนที่ชี้ให้เห็นว่าคนที่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟคแท้ที่จริงแล้วคือคนไม่มีอะไรเลย...หมอนั่นเปลี่ยนให้ยอดมนุษย์กลายเป็นคนธรรมดาและสุดท้ายก็อยากกลับไปเป็นยอดมนุษย์ที่เหนือกว่าเดิมอีกครั้ง...คือคนเดียวที่เขาไว้ใจมากกว่าใคร
และเชื่อว่าต่อให้โดนเกลียดยังไง โกคุเดระก็ไม่มีทางทรยศเขา
ซึ่งหมอนั่นก็พิสูจน์ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า...
หมอนั่นน่ะ...เป็นคนเข้มแข็ง
คือคนที่จัดการกับสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ได้ดียิ่งกว่าใคร ถึงจะพลาดบ้าง
แต่หมอนั่นก็รอบคอบและเตรียมตัวเอาไว้ทุกครั้งที่จะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้
เขารู้ดี รู้สึกได้ทุกครั้งจากสายตาของหมอนั่นเมื่อมองเขา...มันบอกว่าจะไม่ยอมแพ้และไต่ให้สูงกว่าเขาให้ได้
เขาถึงไม่เคยอ่อนข้อให้มาจนถึงทุกวันนี้
เพราะก็เพื่อให้นำหน้าอยู่ตลอด...เพื่อให้ได้อยู่ในสายตาของนายตลอดเวลา...
คนที่เก่งขนาดนี้...คนที่เปลี่ยนโลกของเขาขนาดนี้...คือตัวตนที่มีค่าและยิ่งใหญ่ขนาดนี้....จะ...ตาย....
มันจะไปยอมรับได้ยังไง!
“สาเหตุก็คือ...ภาพสุดท้ายที่กล้องวงจรปิดในห้องประชุมบันทึกไว้ได้ก่อนสัญญาณถูกตัดครับ”
วิศวกรเอ่ยขึ้น “เป็นภาพที่ท่านโกคุเดระถูกยิงและล้มลงไปพร้อมกับท่านแดชีลล์เป็นเวลานาน
ทางตำรวจจึงลงความเห็นกันว่าทั้งสองท่าน...เอ่อ..คือ..ไม่น่าจะรอดครับ”
“แต่เมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนแดชเพิ่งโทรหาฉัน
หมอนั่นบอกว่าจะช่วยชีวิตโกคุเดระอย่างสุดความสามารถ เขายังไหว เสียงฟังชัด
มีอาการหอบบ้างแต่ไม่วูบง่ายๆแน่นอน” ยามาโมโตะเถียง
แต่ละคำเน้นย้ำช้าๆไม่แน่ใจว่าเพื่อสะกดความโกรธตัวเองหรือเพื่ออธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ
แต่ที่แน่ๆเขาไม่มีทางเชื่อ...ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าสองคนนั้นตายแล้ว
ไม่มีทาง!
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือเป็นความโชคร้ายที่สุดครับ”
หมอคนหนึ่งเดินแหวกขึ้นมาแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มร่างสูง
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ
ยามาโมโตะหรี่ตาลง กดเสียงต่ำถาม
“ว่าไงนะ”
“ได้โปรดเข้าใจด้วยครับท่าน
ถ้าหากตอนนั้นท่านแดชีลล์เลือกที่จะติดต่อพวกเราหรือทีมงานของท่านโกคุเดระ เราคงจะช่วยชีวิตทั้งสองท่านเอาไว้ได้
เหตุการณ์นี้มันใหญ่กว่าที่เราคาดนะครับ ระเบิดถูกวางไว้ทุกชั้นและเป็นจำนวนมาก
ไฟลามอย่างรวดเร็ว
ซากปรักหักพังทับถมกันลงมาเรื่อยๆทำให้ชั้นล่างๆไม่สามารถรับน้ำหนักได้ไหวจึงถล่มเร็วกว่าปกติ...มีทั้งคนเจ็บและตาย...แต่คนรอดก็ยังมี...จนถึงตรงนี้ยังมีเฉียดร้อยคนตามรายชื่อในมือท่านที่เราต้องให้ความช่วยเหลือ
ต้องขอภัยนะครับที่ผมต้องพูดคำนี้...แต่เราจำเป็นต้องช่วยคนที่ยังคงมีหวัง”
“แม้สองคนนั้นคือแดชีลล์
เลอรอยด์และโกคุเดระ ฮายาโตะ ที่ผมยังยืนยันได้ว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่?”
“ชีวิตของทั้งสองท่านมีค่าสูงแน่นอนครับท่านประธาน
และผมก็ไม่ได้บอกว่าคำยืนยันของท่านนั้นผิด” หมอรับคำอย่างสุขุม
“เพียงแต่ในสถานการณ์แบบนี้ผมซึ่งเป็นหมอต้องเห็นทุกชีวิตมีค่าเทียบเท่ากัน...เราได้ทำการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนและให้เกียรติท่านแดชีลล์และท่านโกคุเดระอย่างถึงที่สุดที่พวกเราจะให้ได้ครับ...เพียงแต่สุดท้ายเราไม่อาจหาหลักฐานใดๆที่บ่งบอกว่าทั้งสองท่านรอดชีวิต...”
“แต่...!”
“ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ...”
เพียงเท่านั้นหูของยามาโมโตะก็อื้ออึงลงทั้งสองข้าง
เหมือนโลกนี้จะดับวูบ ลมที่พัดมาเขารู้สึกว่ามันเยือกเย็นร้ายกาจจนต้องยกแขนขึ้นกอดอกตัวเอง
ทนให้ร่างกายฉาบเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดที่ไม่คุ้นชิน แม้ยามาโมโตะ
ทาเคชิจะไม่ได้เห็นคนตายมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยอาวรณ์กับการตายจาก
และเตรียมใจไว้พร้อมเสมอหากสักวันหนึ่งในชีวิตเขาจะต้องสูญเสียคนใกล้ตัว...และถ้าวันนั้นมาถึงคนที่ไม่เคยอยู่นิ่งและมองไปข้างหน้าอย่าเขานั้นต้องรับมันให้ได้
แต่พอเอาเข้าจริงๆ...
เพียงแค่หายใจ
เพื่อให้มีชีวิตในวินาทีต่อไป...เขาแทบจะทำไม่ได้เลย
เล็บจิกเข้าที่เนื้อเมื่อได้กลิ่นควันไฟ
เขาสาบานว่าเขาจะจงเกลียดจงชังมันไปชั่วชีวิต...มันพรากโลกทั้งใบไปจากเขา...ดึงเขาให้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนตอนแรกเกิดจนถึงเก้าขวบ...ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่มีโกคุเดระ
ฮายาโตะแม้เพียงตำแหน่งใดไม่ว่าจะเป็นข้างซ้าย...ข้างขวา...ข้างหน้า....
หรือข้างหลัง....
“พอ...ได้แล้ว..มั้ง”
เสียงหนึ่งเอ่ยกระท่อนกระแท่น
พยายามขืนตัวขึ้นจากเตียงขนาดพอดีตัวขึ้นมองอีกคนที่นั่งห้อยขาอยู่ท้ายรถพยาบาล คนถูกห้ามทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ
เงยหน้าขึ้นจากจอไอโฟน หันกลับมาโวย
“เงียบไปเลยไอ้เด็กบ้า
หมอให้นอนเฉยๆก็นอนไป หลับไปเลยยิ่งดี”
“ฉันคงหลับลงหรอก
นายเล่นหัวเราะดังเป็นระยะๆแบบนี้น่ะ”
“อย่ามาแหลเหอะ!”
คนอายุมากกว่าเบะมุมปากลง “อุตส่าห์รอดตายมาแล้วก็ช่วยปากตรงกับใจหน่อยสิ
เป็นห่วงหมอนี่ใช่หรือเปล่า” ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสยิ้มรู้ทันพร้อมส่งหน้าจอไอโฟนของตัวเองมาถึงระดับสายตาเขาที่นอนอยู่บนเตียง
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำเอาถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจไม่ได้
นี่ขนาดเขารอดออกมาแล้วแท้ๆนะ ทำไมถึงยังรู้สึกว่ายังอยู่ในสถาการณ์วิกฤตก็ไม่รู้
ใช่...เขารอดแล้ว ปลอดภัยแล้ว
แม้ตรงหัวไหล่ซ้ายมีผ้าพันแผลยาวเป็นเมตรพันไว้จนถึงต้นแขน
หลังมือขวาโดนเจาะให้น้ำเกลือเพราะอาการอ่อนเพลียมาก
นี่ต้องขอบคุณที่เลือดเพราะแผลโดนยิงของเขาไม่ออกเยอะมากมายจนเป็นอันตรายถึงต้องให้เลือด
ไม่งั้นหลังจากให้น้ำเกลือคงต้องมีถุงข้นๆแดงๆมาแขวนข้างๆต่อ
แต่ไม่ว่ามองมุมไหน เขาก็รอดแล้วจริงๆ
เมื่อประมาณยี่สิบนาทีก่อน
แดชเล่าให้ฟังว่ามีทีมบอดีการ์ดเข้ามากู้ตัวพวกเขาออกไปทางท่อระบายน้ำที่อยู่ใต้พรมบนพื้น
ทางวิศวกรของตึกเบธิลด์คงจะสร้างไว้เผื่อฉุกเฉินจริงๆในขณะที่แดชีลล์ไม่รู้
ทางมันยาวและค่อนข้างซับซ้อนพอสมควรที่ทำให้ลอร์ดคริสโตเฟอร์ออกโรงนำทางแล้วเป็นคนอุ้มเขาออกไปด้วยตนเอง
เขาหมดสติ เสียเลือดพอสมควร
แต่เหนืออื่นใดคืออาการอ่อนเพลียเนื่องจากขาดสารอาหารและออกซิเจน ต้องรีบทำแผลห้ามเลือดและให้น้ำเกลือโดยด่วน
ในตอนแรกทางโรงพยาบาลจะรีบนำตัวเขาไปรักษาต่อ
เพียงแต่ว่าเขาได้สติคืนมาและไม่มีอาการใดๆแทรกซ้อนที่น่าเป็นห่วง
ผนวกกับความคิดบางอย่างไม่เข้าท่าของแดชทำให้เขาต้องติดแหง็กอยู่ในรถพยาบาลคันพิเศษที่จอดอยู่ห่างจากหลังตึกเบธิลด์
ทาวเวอร์ราวๆห้าร้อยเมตรเพื่อให้ห่างจากพวกควันไฟพอสมควร
ใช่...เขาได้สติคืนมา
ลืมตาอีกครั้งก็อยู่ในรถพยาบาลแล้ว วินาทีแรกมันรู้สึกแปลกๆ อยากตบเรียกตัวเองอีกสักสามสี่ทีว่านี่มันคือความจริงหรือเปล่า...เขารอดตายแล้วใช่ไหม
ที่นี่ยังคือโลกมนุษย์ เขายังมีเนื้อหนังและอวัยวะครบถ้วนไม่ใช่แค่วิญญาณแน่นะ...แล้วคนที่ให้คำตอบก็คือเจ้าลอร์ดคริสโตเฟอร์
หมอนั่นคว้าตัวเขาเข้าไปกอดเบาๆอย่างที่ไม่เคยทำ
ลูบหลังไปมาเหมือนกลัวเขาขวัญเสียทั้งๆที่ตัวเองเริ่มสะอื้น ทีมแพทย์รีบกุลีกุจอตรวจโน่นตรวจนี่ทั้งชีพจร
ความดัน เดินกันให้วุ่นไปหมด ใช้เวลาสักพักสถานการณ์ถึงได้เริ่มสงบ เท่านั้นแหล่ะ
แดชีลล์ เลอรอยด์ มือทิ้งระเบิดอันดับหนึ่งถึงได้เริ่มแผลงฤทธิ์
‘ไอ้หมอนั่นมันน่าหมั่นไส้
กล้าดียังไงมาทำเสียงน่าขนลุกใส่ฉันแบบนั้น’
นั่นคือคำพูดแรกของแดช
แม้น้ำเสียงจะไม่ได้จริงจังมากนักแต่หน้าตาของเขาก็ฟ้องว่าคิดอะไรไว้ในหัวเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสเรียกเลขาของเขา วิศวกร
และหมอคนหนึ่งมาแล้วกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่สักพัก เขาไม่ค่อยแน่ใจเนื้อหานักแต่เดาจากสีหน้าของทุกคนแล้วมันต้องเป็นเรื่องค่อนข้างไร้สาระปนบ้าบอคอแตก
แต่ก็นั่นล่ะ มันจะหลุดโลกยังไงคนเป็นหมอกับวิศวะก็ไม่อาจขัดคำสั่งของรองประธานแห่งเบธิลด์
ทาวเวอร์ได้ ที่ดูเหมือนจะยืนกรานปฏิเสธอยู่คนสุดท้ายก็คือเลขาของเขาเอง
‘เอาน่า...ถือว่าเพื่อเจ้านายของนายไง...น่านะ!’
แต่เพียงแค่ประโยคนั้น
ลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็พยักหน้ารับแข็งขันจนเขาที่มองดูอยู่อ้าปากค้างไม่ได้ พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ทันทีว่าเจ้าแดชีลล์
เลอรอยด์กำลังวางแผนหักเหลี่ยมเพื่อนของตัวเองด้วยการไปหลอกยามาโมโตะทันทีที่หมอนั่นมาถึงว่าเขาตายไปเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าเพื่อความสนุกสนาน แดชีลล์สั่งให้ลอร์ดคริสโตเฟอร์เปิดสไกป์ทางโทรศัพท์
แล้วหันหน้ากล้องออกจากตัว จะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดชัดๆ
อ่า...ใช่
หลังจากนั้นท่านรองประธานแห่งเบธิลด์ ทาวเวอร์ก็ดูจอโทรศัพท์ตัวเองไป
หัวเราะไปเป็นพักๆเหมือนกับดูหนังคอมเมดี้จนถึงเมื่อตะกี้
“สรุปว่าไง...เริ่มสงสารมันล่ะสิ”
ชายหนุ่มคะยั้นคะยอ “ถ้าคิดว่าอย่างนั้นก็บอกฉันก็ได้นะ จะได้บอกให้คริสโตเฟอร์ยกเลิกแผน
แล้วเอาหมอนั่นมาประเคนต่อหน้านายตอนนี้เลย”
“พูดบ้าๆ” เขากระชากเสียง “ฉันไม่ได้สงสาร
แต่นายดูหน้าหมอนั่นดิ ตั้งแต่เกิดมามันเคยทำหน้าตาน่าสมเพชแบบนั้นที่ไหน รักษาภาพพจน์เพื่อนนายหน่อยเถอะ”
“แต่ที่หมอนี่ทำหน้าแบบนี้...มันก็เพราะนายไม่ใช่หรือไง”
...เอาอีกแล้ว โกคุเดระรู้สึกว่าเลือดลมของเขามันไหลเวียนไม่เป็นปกติ
เลือดที่มันน่าจะเสียไปมากแท้ๆกลับโกยกันไปอยู่ที่หน้าจนรู้สึกอุ่นไปหมด
เขาเบือนหน้าไปอีกทางไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆทั้งสิ้น แดชหัวเราะหึๆ แล้วว่าขึ้นใหม่
“อ่า...จริงสิ เมื่อกี้พี่ชายนายมาด้วย”
“หา! เฮีย...เฮียมาด้วยเหรอ!”
“อื้อ
แต่เลขานายได้บอกเรียบร้อยแล้วว่านายปลอดภัยดี เขาเลยขอตัวกลับ
และอีกไม่กี่วันจะไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาล”
แดชหยุดพูดไปเมื่อสังเกตเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“อะไร...ทำอย่างกับเจอดารา
นี่ขนาดพี่นายไม่ได้มาหานายเลยนะ”
“โหย...แค่นี้ก็ดีสุดๆแล้ว”
โกคุเดระว่าด้วยรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม “เฮียฉันน่ะ งานยุ่งสุดๆ ก็อย่างว่า
นักบินอันดับหนึ่งของเครือเชียวนะ
นอกจากนี้เฮียยังต้องดูแลกิจการทัวร์ของเครือโกคุเดระทั้งยุโรปอีกด้วย...เราไม่เคยเจอกันปีกว่าๆแล้วอยู่ห่างกันคนละทวีป
แค่โทรศัพท์ก็แทบไม่ได้คุย ถ้าไม่เกิดเรื่องกับฉันจริงๆ
ฉันก็แทบไม่ได้ยินเสียงเฮียหรอก
เพราะงั้นแค่รู้ว่าเฮียมาอยู่ใกล้ๆไม่เกินกิโลเมตร...ฉันก็ดีใจแทบแย่
ยิ่งกว่าเจอไอดอลอีก!”
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำตัวสมกับเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ดูเหมือนว่าจะเป็นคนติดพี่ไม่เบา
พูดแจ้วๆเหมือนลืมไปเลยว่าเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนตัวเองยังนอนกึ่งเป็นกึ่งตาย
แต่นั่นมันก็ทำให้เขารู้นิสัยลึกๆของเจ้าเด็กอายุสิบเก้าคนนี้อีกอย่าง...ว่าความจริงแล้วโกคุเดระ
ฮายาโตะเป็นคนค่อนข้างต้องการความอบอุ่น
ไม่ใช่ว่าขาด...เท่าที่เขารู้จักครอบครัวของเด็กคนนี้มาเป็นครอบครัวที่เพอร์เฟค
เพียงแต่สิ่งที่ขาดไปก็คือเวลาในการอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดังเช่นครอบครัวนักธุรกิจพันล้านของคนอื่นๆ
ทว่ามันต่างกันอยู่นิดหน่อย
นั่นคือโกคุเดระไม่ใช่ลูกคุณหนูที่มีเวลามาโหยหาหรือเรียกร้องช่วงเวลาที่อบอุ่นนั้นจากพ่อแม่
เด็กคนนี้ต้องทำงาน บางทีคงช่วยกิจการของครอบครัวมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ
มีวุฒิภาวะราวกับผู้ใหญ่ และจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่
เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจว่าเป็นระดับท็อป...และไม่เคยมีเพื่อนวัยเดียวกัน...
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้ต้องทำความเข้าใจ
ยอมรับ และใส่ใจเพียงแค่งานของตัวเองเรื่อยมา
โดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้...ว่าต้องการมันมากมายแค่ไหน
อย่างเช่นตอนนี้...หมอนี่ก็สมควรที่จะมีใครสักคนมาอยู่ข้างๆ
คนที่ไม่ใช่หมอ พยาบาล หรือแม้กระทั่งตัวเขา...
“นั่นสินะ...นี่ถ้าได้เจอ
นายต้องดีใจมากๆแน่ๆ”
“ใช่ๆ อีกไม่กี่วันใช่ไหมที่ฉันจะเจอเฮียน่ะ
ให้ตายดิ!
ฉันตื่น..”
“ไม่
ฉันไม่ได้หมายถึงพี่ชายนาย...แต่หมายถึงคนที่อยู่หน้าจอโทรศัพท์ฉันนี่ต่างหาก”
เด็กหนุ่มร่างบางชะงักกึก แต่แดชีลล์ไม่เหลือเวลาให้อีกฝ่ายปฏิเสธหรือแก้ตัวใดๆทั้งนั้น
เขารีบพูดต่อ
“ตั้งแต่ที่ฉันเจอนายจนถึงวันนี้...เราพูดกันหลายประโยค
วิธีการพูดของนายน่าสนใจและนั่นทำให้ฉันชอบคุยกับนายไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่นก็ตาม...และถ้าเราชอบที่จะคุยกับใครสักคนนั้นก็จะทำให้เราจดจำเรื่องราวในบทสนทนาได้...มันคือทฤษฎีง่ายที่ใครๆก็เป็น...ดังนั้นมันคงไม่แปลกอะไรที่ฉันจะจำทุกเรื่องที่เราคุยกัน...แต่ฉันไม่รู้ว่านายสังเกตหรือเปล่านะโกคุเดระ
ว่าทุกครั้ง...ไม่มีครั้งไหนที่นายจะไม่เอ่ยถึงยามาโมโตะ ทาเคชิ”
“ไม่เป็นไร...เพราะคนที่ฉันคุยด้วยตอนนี้ก็มีแค่เลอรอยด์คนเดียว...อีกอย่างนายแก่กว่าฉัน
แถมฉันไม่ได้เป็นเพื่อนเด็กโข่งของนายเหมือนยามาโมโตะด้วยสิ”
“ขนาดนายจะชมว่าฉันหน้าตาดี...นายยังพูดถึงหมอนั่นอยู่เลย...”
“...โห...เล่นเอารอยพรุนบนตัวยามาโมโตะลดไปได้เป็นกอง
ถ้าพวกหล่อนยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปนายได้ คงทำไปแล้ว”
“แม้แต่การเจรจาที่แสนจะเป็นงานเป็นการของเรา...นายยังเอ่ยชื่อเขาออกมาตั้งแต่นาทีแรกๆ”
“แน่นอน
ฉันก็ว่าน่ากลัว เพราะฉันก็เคยโดนหมอนั่นเล่นมา ยามาโมโตะก็เหมือนกัน
ยังดีที่ฉันกับพ่อไหวตัวทัน
เตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อหลุดจากอุ้งมือมันทันทีที่ร่วมธุรกิจกันเสร็จ”
“เห็นหมอนั่นเป็นคนไม่ชอบเสียเปรียบแบบนั้น
แต่ก็เป็นคนรักษาสัญญานะ”
“หมอนั่นทิ้งได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับการทำให้
The
Best เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้จริงๆ”
เหตุการณ์ไม่กี่วันก่อนหลั่งไหลเข้ามาในหัวแล้วผลปรากฏว่ามันเป็นความจริงอย่างที่แดชบอก
ทุกอย่างเขาทำโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เอ่ยชื่อหมอนั่นหรือพูดอะไรเกี่ยวกับยามาโมโตะไปมากมายแค่ไหน
แต่ก็เพราะเขายอมรับหมอนั่นยิ่งกว่าใคร...และก็ต้องยอมรับว่าทุกครั้งที่พูด
ร่างกายของตัวเองมันไปเป็นปกติ ใจเต้นเร็วขึ้น แต่ไม่อึดอัดหรือรู้สึกแย่
“นายรักเขา”
แดชีลล์ว่าขึ้นในที่สุด ดวงตาสีมรกตคู่โตเบิกโพลง
“ฉัน...”
“มันมากกว่ายอมรับหรือแค่ปลื้มนะโกคุเดระ...
ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องแม้ว่าตัวเองจะเป็นอะไรไปก็ตาม
ต่อให้มีโอกาสทรยศเขานายก็ไม่ทำและไม่โกรธแม้ว่าเขาจะหักหลังนายกลับ...นายไม่สนใจแม้เขาจะไม่มีนายอยู่ในสายตา
สิ่งที่นายต้องการคือขอแค่มีเขาอยู่...ไม่จำเป็นต้องเคียงข้าง
แต่อยู่ที่ไหนก็ได้ให้นายได้รับรู้ตัวตนและเป็นเป้าหมายในการเดินต่อไปข้างหน้า...นายเป็นถึงขนาดนี้จะให้ฉันสรุปเป็นประเด็นอื่นได้ไง...อ่าใช่...ต้องขอโทษที่เมื่อกี้ฉันพูดผิดไปหน่อย...นายไม่ได้รักเขาหรอก...แต่อย่างนี้มันเกินคำว่ารักไปไกลเลยต่างหาก...”
บึ้ม!
ไม่ใช่เสียงระเบิดที่เหลือตกค้างจากเบธิลด์
ทาวเวอร์แต่อย่างใด ดูท่าว่ามันจะเป็นเสียงที่อยู่ในหัวของเขาเอง
ความร้อนบนใบหน้ามันเพิ่มดีกรีตลอดเวลาที่แดชพูด
จนกระทั่งประโยคสุดท้ายมันทนไม่ไหวเลยระเบิดอย่างที่เห็น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีขนาดนี้มาก่อน
พูดผิดบนเวทีสัมมนาระดับโลกยังเทียบไม่ได้เพียงเศษเสี้ยวเลย
ฉันระ..ฮึ้ย! จริงเหรอ...นี่มันเรื่องจริงเหรอ...
“นายรักเขา”
แดชย้ำ คนฟังค้อนขวับ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจกลับยิ้มเผล่แล้วถามประโยคต่อไป
“อีกอย่างตอนนี้นายก็อยากเจอเขา...ใช่มั้ย?”
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นเช่นเดียวกับเวลาที่ชอบคิดอะไรไม่ตก
ขมับเต้นหนึบๆเป็นสัญชาตญาณเตือนภัยเช่นเดิมเพียงแต่คราวนี้มันเต้นหนักพอๆกับหัวใจ
คำตอบมันเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆจนจุกอยู่ที่ลำคอ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะยินดีที่เขายังมีลมหายใจ
ยังมีโอกาสให้รู้สึกแบบนี้
และมีโอกาสให้ได้พูดมันออกมา...มันยิ่งใหญ่...และมีมากเสียจนเก็บไม่อยู่อีกต่อไป...
ความรู้สึกของเขาที่มีต่อยามาโมโตะน่ะ...
“ฉันรักยามาโมโตะ...และ...และอยากเจอเขาอีก
ฉันอยากให้หมอนั่นมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน!”
“ไง...ได้ยินชัดไหม
ไอ้เด็กโข่ง...”
อะไรนะ!
หมับ!
ไม่ทันที่โกคุเดระจะชะโงกหน้าออกมาจากรถพยาบาล
เงาของเด็กหนุ่มร่างสูงก็กระโดดขึ้นมาบนรถอย่างไม่สนใจเสียงห้ามของแพทย์หรือพยาบาลทั้งนั้น
มันเร็วจนเขาไม่ทันเห็นเลยด้วยซ้ำ
รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาโดนรวบเอาไว้อยู่ในอ้อมแขน ลมหายใจหนักหน่วงเป่ารดอยู่ตรงขมับ
มือใหญ่แข็งแรงนั้นกดไหล่ทั้งสองข้างให้เขาฝังจมไปกับแผ่นอก
ยามาโมโตะไม่สนใจทั้งนั้นว่าแรงบีบมันจะทำให้เขาเจ็บหรือไม่
เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเหมือนต้องการพิสูจน์ว่าเขาอยู่ตรงนี้ เขายังมีตัวตน
ยังมีลมหายใจ และจะไม่หนีหายไปไหนอีก
“ยามาโมโตะ...เอ่อ..คือ..”
“ได้โปรด...”
เสียงทุ้มพร่ากระซิบแทรกที่ริมหู “อย่าฆ่าฉันทั้งเป็นแบบนี้อีก
อย่าให้ฉันต้องเป็นบ้าตายเพราะต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีนาย...แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ฉันทนไม่ได้...ขอร้องล่ะ...โกคุเดระ”
เสียงที่พร่ำกระซิบสั่นๆพร้อมกับเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจดังก้องอยู่ในหูของเขาทำให้คนถูกกอดต้องเงียบฟังโดยไม่มีข้อแม้
คนอย่างท่านประธานแห่ง The
Best ที่เขาเคยรู้ว่าเป็นพวกเย็นชากับความรู้สึกคนอื่นตอนนี้กำลังอ้อนวอนเขาทุกวิถีทาง
คนที่เขารู้มาตลอดว่าเป็นคนที่เดินอยู่ข้างหน้าและไม่มีทางหันมามองคนข้างหลังกำลังกอดเขาแน่นแล้วพูดว่าขาดเขาไม่ได้
ยามาโมโตะกอดเขาเอาไว้เนิ่นนาน นานพอที่จะช่วยทำให้ลมหายใจหนักๆกลับกลายเป็นปกติ
ทำไมกันนะ...ตอนนี้เขาดีใจ
ดีใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
รู้สึกว่าสิ่งที่ต้องการมานาน
มันเพิ่งจะให้คำตอบก็ตอนนี้เอง....
อ้อมแขนค่อยๆคลายออกช้าๆ
แต่ความอบอุ่นยังแผ่จางๆอยู่รอบกาย เช่นเดียวกับใบหน้าคมคายอยู่ตรงระดับสายตา
มือเรียวบางยกขึ้นทั้งสองข้างเข้าแตะที่ข้างแก้มเย็นเฉียบของอีกฝ่าย
ดวงตาสีมรกตสั่นระริกจับจ้องที่ภาพเบื้องหน้าชั่วครู่ และน้ำใสๆก็ไหลออกมาจากดวงตา
“ฮะๆ”
เสียงใสหัวเราะแผ่วๆ ริมฝีปากบางวาดเป็นรอยยิ้มกว้างซื่อๆในขณะที่น้ำตามันไหลลงมาเรื่อยๆ
“โกคุเดระ?”
“ขอโทษที..แต่..มันก็แค่ดีใจ”
ร่างบางว่า เม้มริมฝีปาก พยายามฝืนพูดให้เสียงมันฟังชัดเจนที่สุด
“เพราะฉัน...มองเข้าไปในดวงตาของนาย...แล้วเห็นตัวเองอยู่ในนั้น”
คำพูดที่ออกมาจากใจทำให้คนฟังเบิกตากว้าง
ยืนนิ่งตัวแข็งค้าง จดจำภาพเบื้องหน้าที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็น
เขารู้สึกมาสักพักแล้วว่าสิ่งที่โกคุเดระตั้งใจจับจ้องคือภายในดวงตาของเขา
แล้วหลังจากนั้นเจ้าตัวถึงพูดมันออกมาตามที่เห็น
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นความหมายโดยตรงหรือมีนัยยะ ดวงตาของเขาก็สะท้อนภาพของโกคุเดระมาตั้งนานแล้ว...
“เป็นแบบนี้มาตั้งสิบปี...นี่นายเพิ่งจะรู้ตัวเหรอ”
“ฮะ!?”
ยังจะมาฮะอีก...ยามาโมโตะยิ้มขำ
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองใบหน้าของคนความรู้สึกช้าแถมยังคิดอะไรคนเดียวไปไกลมาโดยตลอด
เรื่องที่โกคุเดระตั้งเขาเป็นเป้าหมายมาโดยตลอดนั้นเขารู้...แน่ล่ะ
ก็เฝ้ามองมาตลอดมันก็ต้องรู้อยู่แล้ว
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจให้มันเป็นเพื่อที่ได้เป็นคนนั้น...คนที่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาคนนั้นใฝ่ฝัน
เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า...เป็นคนที่โกคุเดระให้ความสนใจ
“ฉันก็รอวันนี้...วันที่นายมามองเห็นฉันชัดเจนใกล้ๆ...เห็นฉันที่สักวัน...มายืนอยู่ตรงหน้านาย”
“ที่ฉันอยากให้นายไปอังกฤษด้วยกัน
ก็แค่อยากให้เห็นเท่านั้นแหล่ะ....เห็นฉัน...ที่สักวัน....”
คำพูด...ในความฝันนั่น....
“ยังไงก็ตามตอนนี้นายต้องไปนอนโรงพยาบาล”
ร่างสูงถอยห่างออกจากตัวเขาแล้วลงไปจากรถพยาบาลในที่สุด
แต่รอยยิ้มยังไม่เคยหายไปจากใบหน้า “แล้วนายออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่
ช่วยมาพบฉันที่ตึกหน่อยได้ไหม...มาฟังข้อเสนอน่ะ”
ข้อเสนอ?
ไม่ทันที่จะได้ไขข้อข้องใจ
ประตูท้ายของรถพยาบาลก็ปิดลงพร้อมกับหมอและพยาบาลที่เข้าไปประจำที่
ยามาโมโตะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกหมอและพยาบาลนำตัวเจ้าคนซื่อบื้อของเขาไปรักษาตัว
ดูจากรอยยิ้มของหมอและพยาบาลแล้วเขาก็ลืมไปเลยว่าที่นี่มันไม่ได้มีเขาแค่สองคน
เล่นพูดความในใจกันออกมาซะหมดเปลือกมันก็ชวนกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยแหล่ะนะ
แต่ทางเขาน่ะไม่สนใจอยู่แล้ว แต่โกคุเดระสิ หน้าหมอนั่นต้องแดงเถือกเป็นลูกมะเขือเทศแน่ๆ
ฮึ...กว่าออกจากโรงพยาบาลก็น่าจะซักอาทิตย์ล่ะมั้ง...คงพอสำหรับการเตรียมตัวอยู่หรอกนะ
ท่านประธานแห่ง
The
Best หุบยิ้มลงนิดหน่อยเมื่อหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทต่างอายุ ใจจริงเขาก็อย่างจะเอาเรื่องมันที่บังอาจมาหลอกเขาอยู่หรอก
แต่ก็พอจะให้อภัยได้ที่มันเรียกเขามาทันตอนโกคุเดระพูดอะไรดีๆออกมาน่ะนะ
“เกิดเรื่องล่ะสิ”
แดชทัก
“รู้ได้ไง”
เด็กหนุ่มถาม แทนคำตอบ ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสชี้ไปที่ซอกคอของเด็กหนุ่ม
ยามาโมโตะใช้ปลายนิ้วเขี่ยๆมันออกมา แม้มันจะเล็กน้อย แต่ก็มีเลือดที่แห้งเป็นผงแล้วติดมือเขาออกมาจริงๆ
นั่นก็เพราะเขารีบมาก เพียงแค่จัดแจงให้เสื้อผ้าและมือไม่มีกลิ่นคาวเท่านั้น
แต่ดูท่าจะลืมดูตามเนื้อตัวไป
“ระวังหน่อย...ดีนะที่โกคุเดระไม่สังเกต”
“มันตามมาเก็บฉันสามคน
ตายสอง สลบหนึ่ง หนึ่งในคนที่ตายคือเคลล์แมน มาร์ตัน” เด็กหนุ่มเล่าย่อๆ
“ฉันให้คนจัดการเคลียร์เรื่องศพกับตำรวจแล้ว
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...แต่แดช..เรื่องพ่อของนาย..”
ดวงตาสีฟ้าอมเทาก้มมองพื้นดินแล้วยิ้มออกมาฝืนๆ
ภาพที่พ่อของเขาเอาปืนจ่อโกคุเดระมันยังชัดอยู่ในหัวและผ่านไปชั่วชีวิตก็คงจะไม่มีวันลืม
เขายังคงรับกับมันไม่ได้ ยังรู้สึกแย่และเจ็บปวดเหมือนมีเข็มนับร้อยพันมาทิ่มแทง
แต่ที่เขายังคงยืนได้อย่างมั่นคงก็เพราะเข้าใจว่าพ่อของเขาทำไปก็เพื่อเบธิลด์
ทาวเวอร์
“ให้กฎหมายได้ตัดสินเขาอย่างถูกต้องเถอะ...วางใจได้
ฉันจะไม่ใช้ทนายมาแก้ต่างใดๆทั้งนั้น เพราะฉันเชื่อว่าพ่อได้ทำทุกอย่างตามการตัดสินใจที่ตัวเองคิดทบทวนอย่างดีแล้วและเตรียมใจพร้อมกับผลที่ตามมา...”
แดชีลล์เป่าปากไล่ความเครียด แล้วว่าขึ้นตามความรู้สึก “ความจริงฉันก็พอจะทำใจเอาไว้แล้วบ้างล่ะนะ
ว่าอยู่ในวงการธุรกิจ เรื่องแบบนี้มันก็อาจจะต้องมีบ้าง
เพียงแต่ไม่คิดว่าเรียนจบทำงานปุ๊บจะเจอปั๊บ...แถมยังจะๆตาอีกต่างหาก”
“โทษของเขาก็คงจะแค่ทำร้ายร่างกาย โกคุเดระก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก...และอีกอย่าง ถ้าเดเมียน
เลอรอยด์ต้องโทษจำคุกจริงๆ
สื่อมวลชนจะทราบสาเหตุที่แท้จริงที่เขาจำคุกไม่ได้...เข้าใจนะแดช...มันส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของโกคุเดระ”
ยามาโมโตะว่าเสียงเรียบ ดวงตาคมสีน้ำตาลเปลือกไม้เหลือบมองตึกที่ถล่มไหม้เหลือเพียงแค่เศษซากคอนกรีต
แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เบธิลด์
ทาวเวอร์สาขาหลักต้องใช้เวลาพอสมควรในการซ่อมแซม...เรื่องหุ้นส่วน...นายจะเอายังไง”
“ช่วงนี้คงต้องพักเอาไว้ก่อน”
แดชตอบตรงๆ “แล้วเอกสารสัญญานายเอาเก็บไว้ที่มหา’ลัยใช่หรือเปล่า”
“อือ...เอาไว้โกคุเดระออกจากโรงพยาบาลเราค่อยว่ากัน”
ตอนนี้ควรจะพักไม่ว่าจะเป็นแดชหรือโกคุเดระ...หรือแม้กระทั่งตัวเขาก็เช่นกัน
แล้วหวังว่าวันหยุดที่นานๆทีเขาจะมีมันจะเป็นวันที่ฟ้าโปร่งล่ะนะ...
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่โกคุเดระ
ฮายาโตะต้องนอนซมเป็นคนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปารีส
แต่ต้องบอกว่าเวลาของคนป่วยอย่างเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนคนอื่นเท่าไหร่นัก
หนึ่งเรื่องที่เครียดยิ่งกว่าอะไรคือการปิดข่าวเรื่องที่เขาถูกยิง
หลังจากที่การประมูลที่เจนีวาเสร็จเรียบร้อย
นักข่าวหลายสำนักก็รออย่างใจจดใจจ่อที่จะฟังงานแถลงอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดตัวหุ้นส่วนคนใหม่ของเบธิลด์
ทาวเวอร์ เฮละโลกันมาทำข่าวอยู่ที่ปารีสกันอย่างเนืองแน่น
เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรที่ตั้งแต่วันแรกจนวันออกจากโรงพยาบาลวันนี้จะมีคิวผู้สื่อข่าวรอสัมภาษณ์เขาเป็นร้อย
‘ท่านโกคุเดระถูกลูกหลงจากการระเบิดในขณะที่ไปดูงานของเบธิลด์
ทาวเวอร์เท่านั้นครับ’
นั่นคือข้ออธิบายเพียงหนึ่งเดียวของลอร์ดคริสโตเฟอร์ที่ตอบคำถามแทนเขาตลอดเจ็ดวัน
เขารู้สึกสงสารหมอนี่อยู่หน่อยๆที่ต้องพูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาและพอนักข่าวจะซักไซ้อะไรลึกกว่านั้นก็โยนให้ทีมการ์ดจัดการ
แต่แน่นอนว่าเรื่องที่เขาถูกยิงจะพูดออกไปไม่ได้
ส่วนสาเหตุก็เป็นไปตามที่เขาคุยกับยามาโมโตะเมื่อสองวันก่อน
‘พวกมันอาจจะคิดว่าฉันกับแดชตายในกองระเบิดไปแล้วในตอนแรก
แต่ตอนนี้รูปที่ฉันเข้าโรงพยาบาลคงว่อนไปตามโต๊ะข่าวทั่วโลก...เราไม่จำเป็นต้องปิดเรื่อง
ไม่จำเป็นต้องลบตัวตนของฉันให้ตายไปตามที่พวกมันเข้าใจ...ใช้วิธีเมื่อสี่ปีที่แล้ว
ยื่นหมูยื่นแมว เราจะไม่พูดหรือให้ข่าวใดๆที่เกี่ยวข้องกับสตีเฟน
แมคคาร์ทีเด็ดขาด..ตราบเท่าที่เรายังปกป้องพวกมัน...มันก็ไม่กล้าทำอะไรเราหรอก...อย่างน้อยฉันก็ยืนยันได้ในช่วงนี้’
ส่วนยามาโมโตะก็ได้เล่าสถานการณ์ที่
The
Best ให้เขาฟังว่าวันนั้นไม่มีบุคคลต้องสงสัยคนใดลอบเข้าตึกของเขาเลย
แต่มันก็เป็นสิ่งที่โกคุเดระได้คาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่าความเป็นไปได้มีสองกรณีนั่นคือสตีเฟนไม่ได้เตรียมการสำหรับรับมือระบบสแกนลายนิ้วมือของยามาโมโตะ
หรือสองเป็นคำสั่งให้ถอยทัพจากเบื้องบน
ซึ่งถ้าจะให้เขาเดากรณีที่สองมีน้ำหนักมากกว่าเห็นๆ
พวกมันยังคงเก็บเขาและยามาโมโตะเป็นของเล่นชิ้นโปรด
ชนิดว่าไม่ต้องรีบร้อนเล่นไป ถอยบ้างผ่อนบ้าง สู้กันไปนานๆคงจะสนุกกว่า
พอคิดได้อย่างนี้เป็นครั้งที่สองเลยที่โกคุเดระชักอยากเห็นหน้าบอสของตาแก่สตีเฟนใจจะขาด
นิสัยมันเป็นพันธุ์เดียวกับยามาโมโตะชัดๆ ไอ้พวกทรมานคนอื่นแบบไม่รู้ตัว
อีกวันถัดมามีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เนชั่นและโทรทัศน์ทุกช่องเกี่ยวกับการตายอย่างเป็นปริศนาของเคลล์แมน
มาร์ตัน หมอนั่นจอดภายในนัดเดียวจากการยิงระยะประชิดที่ขมับขวาและถูกพบเป็นศพในป่าบีช
ข่าวจบลงเพียงแค่ตำรวจจะตามหาเบาะแสของฆาตกรต่อไป
แต่คนอ่านข่าวอย่างโกคุเดระถึงกับขนลุกไปทั่วร่าง
มันอาจจะเป็นวิธีการจัดการปลาตัวจ้อยที่เคยติดเบ็ดครั้งหนึ่งของพวกโลกมืด...หมอนั่นโดนเก็บทั้งๆที่สตีเฟนบอกเขาว่าเคลล์แมนจะถูกปล่อยกลับไปแบบไม่บุบสลาย
แต่โกคุเดระไม่คิดที่จะเอาเรื่องนั้นมาเป็นอารมณ์หรือไปโทษว่าสตีเฟนผิดคำสัญญากับเขา...เพราะเราไม่ได้สัญญาอะไรกัน...เขาถาม...สตีเฟนตอบและมันเป็นสิทธิ์ที่ตาแก่นั่นจะโกหก
มีระบบอีกมากมายในโลกใบนั้นที่สตีเฟนบอกว่าเขาไม่รู้
และเขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะรู้ด้วย
เพียงแค่คิดวิธีโต้ตอบหากมันมาระรานเครือโกคุเดระเพียงเท่านั้นพอ...ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่ได้คิดจะยุ่งตั้งแต่แรก
เป็นอันว่าประเด็นของเคลล์แมนจบไปจากสมองของเขา
ส่วนเดเมียน
เลอรอยด์ยังคงหายสาบสูญ แดชพยายามทำทุกวิถีทางที่จะติดต่อพ่อของเขา
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ ระบบจีพีเอสของรถส่วนตัว พาสปอร์ตหรือแม้กระทั่งความเคลื่อนไหวของบัตรเครดิตแต่ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆคืบหน้า
แดชมั่นใจว่าพ่อของเขายังคงไม่หนีออกนอกประเทศ แต่ไม่นับกรณีผิดกฎหมาย
เพราะงั้นมันก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของยามาโมโตะที่จะพาหมอนั่นไปก๊งบ้างป้องกันการหมกมุ่น
ไม่งั้นเขาต้องเห็นคนสติดีๆกลายเป็นคนบ้าในชั่วข้ามคืนแน่
จบประเด็นแดชไป
หมอนั่นยังโอเคทุกประการ ตอนนี้คนที่เขาควรห่วงไม่ใช่ใครทั้งนั้น
แต่เป็นตัวเขาเอง!
โกคุเดระ ฮายาโตะ
เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีกำลังรู้สึกว่าเหตุการณ์มันค่อนข้างจะเดจาวูกับเมื่อสิบเอ็ดวันก่อน
เขาเพิ่งกลับมาถึงญี่ปุ่นแบบไม่มีเวลาให้หายใจหายคอก็ต้องลากสังขารตัวเองมายืนอยู่หน้าตึกแฝดสี่ลือชื่อราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเนื่องจากว่าเขายังจำได้ทุกถ้อยคำของท่านประธานเจ้าของตึกนี้ที่ขอพบเขาทันทีหลังจากออกจากโรงพยาบาล
มันเป็นเรื่องลำบากไหม...ตอบได้เลยว่าลำบากมาก
เขาต้องแอบทุกคนในบ้านมา พ่อกับแม่รู้ไม่ได้
อาเจ๊รู้ไม่ได้ เดี๋ยวโดนจิกเอา แต่มันไม่ใช่การจิกเพราะอารมณ์อิจฉาปนหมั่นไส้อีกแล้ว
อาเจ๊ป้ายปูนเอาไว้ที่ยอดหน้ายามาโมโตะว่าเป็นผู้ชายตัวอันตรายหมายเลขหนึ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้ดังนั้นมันจึงไซโคมาถึงเขาด้วยตามนิสัยชอบหาพรรคพวกที่ผู้หญิงทั่วโลกเขาเป็นกัน...เฮียเคียวยะยิ่งรู้ไม่ได้ใหญ่เดี๋ยวจะเกิดโศกนาฏกรรมกับยามาโมโตะแน่ๆ
เขายังจำสายตาของเฮียที่มองท่านประธานแห่ง The Best
ตอนไปเยี่ยมเขาได้อยู่ เหมือนจะอยู่ใกล้กันในระยะสิบเมตรได้ไม่เกินห้านาที ส่วนเจ้าลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็ไม่มียกเว้น
เดี๋ยวมันจะเอาไปฟ้องอีกสี่ห้าคนข้างต้น
และอีกอย่าง...มันค่อนข้างลำบากกับจิตใจของเขา...อย่าลืม
เขาสารภาพรักกับหมอนั่นไปแล้ว เข้าใจชัดเจนกับคำว่ามองหน้าไม่ติด แม้ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขากับยามาโมโตะจะคุยเรื่องงานกันมันยังรู้สึกติดขัดแปลกๆ
ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่ายามาโมโตะจะได้ยินหรือเปล่าก็เถอะ...แต่เขาก็พูดมันออกไปแล้วจริงๆ
โกคุเดระสูดลมหายใจหนึ่งทีแล้วเดินเข้าไปไกลประตูกระจกสองบานมากขึ้น
ซึ่งเจ้าพนักงานต้อนรับร่างถึกในชุดสูทสองคนก็ทำงานของตัวเองอย่างไม่บกพร่อง
ถ้าเขาสังเกตไม่ผิด พวกมันไม่กล้าจ้องหน้าเขาด้วยซ้ำ เฮ้ๆ...เขายังจำหน้ามันได้นะ
เป็นสองคนที่บังคับให้เขาถอดหมวกนั่นแหล่ะ แล้ววันนี้เขาก็ใส่หมวกด้วย
แต่ไม่ด่าสักคำแบบนี้มันหมายความว่าไง
“ยินดีต้อนรับค่ะท่านโกคุเดระ ท่านประธานรออยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัวค่ะ”
หญิงสาวฉีกยิ้มสดใสแล้วส่งเขาเพียงแค่ที่ลิฟท์เท่านั้นซึ่งโกคุเดระก็ต้องตีความแบบเข้าข้างตัวเองว่าเจ้าหล่อนอาจจะยุ่ง
ดวงตาสีมรกตจับจ้องไปที่ตัวเลขดิจิตอลเรืองแสงเหนือหัวที่มันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนชั้น
บรรยากาศเงียบๆในลิฟท์คนเดียวทำให้เขาได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้นๆอย่างชัดเจนราวกับจะไปออกรบจนกระทั่งได้ยินเสียงดังกิ๊ง...
อ่าฮะ...สำหรับเขามันไม่ใช่เสียงลิฟท์
แต่เป็นเสียงกลองศึกเปิดสมรภูมิ แล้วตอนนี้เขากำลังจะเดินไปเจอลาสท์บอสที่แข็งแกร่งที่สุดโดยที่ตัวเองไม่ได้อัพเลเวลหรือพกไอเท็มอะไรเจ๋งๆมาเลย...เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าไม่เกินสามนาที....เขาตายแน่!
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู
ยืนนิ่งรอสักพักไม่มีเสียงตอบหรือมีคนมาเปิดประตูให้
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะถือวิสาสะเข้าไปข้างในด้วยตัวเอง
แล้วสภาพห้องก็ต้องทำให้เขาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ไม่มีใครอยู่?
แต่ไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงเรียก
ร่างบอบบางก็เกร็งขึ้นฉับพลันเมื่อรู้สึกที่แรงกอดแน่นจากด้านหลัง
ซ้ำปลายจมูกยังจ่อใกล้บริเวณหลังคอเป่าลมหายใจอุ่นๆจนคนถูกจู่โจมต้องห่อไหล่แล้วตะปบหมับเข้าที่แขนแข็งแรงบริเวณรอบเอว
แค่เนื้อสูทสีดำสนิทกับขนาดของฝ่ามือก็รู้แล้วว่าคนที่ทักทายเขาแบบผิดปกติแบบนี้เป็นใคร
“ไอ้...เจ้าบ้ายามาโมโตะ!” เขาด่าไม่เต็มเสียงนัก แต่หัวใจสิกลับเต้นเสียงดังชัดเจน
“อย่ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ได้มั้ยเล่า! มันตกใจนะ”
“ก็ฉันคิดถึง...แค่กอดก็ไม่ได้เหรอ”
“อะไรของนาย...เราเพิ่งเจอกัน..!”
แต่ไม่ทันที่จะพูดจบ โกคุเดระก็รู้สึกถึงอะไรแปลกปลอมบางอย่างใส่เข้ามาในหูหนึ่งข้าง
เขายกมือขึ้นสัมผัส มันเป็นหูฟัง แล้วก็กำลังมีเสียงบางอย่างดังก๊อกแก๊กเป็นตัวนำ
ก่อนที่จะเป็นเสียงคนพูด
“ผมบอกว่าคุณเชื่อไม่ได้...แต่คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ
ผมไม่มีอะไรมารับประกันนอกจากจะบอกคุณว่า
โกคุเดระคือผู้ที่รู้จักยามาโมโตะดียิ่งกว่าใคร...ก็เท่านั้นแหล่ะครับ”
นี่มันคำพูดที่เขาพูดกับตาแก่สตีเฟน...แล้วมันมาจาก
MP3
ที่เขาฝากให้แดชไปคืนยามาโมโตะ!
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง
ความร้อนประหลาดในร่างกายพากันโกยไปกองรวมกันที่ใบหน้า
ไวเท่าความคิดนิ้วเรียวกำลังจะแกะเครื่องมือชิ้นเล็กออกจากหู
แต่ไม่ทันจะได้ทำมือใหญ่แข็งแรงข้างหนึ่งของคนกอดก็ตะปบจับเอาไว้ก่อน
ซ้ำแขนอีกข้างยังรั้งเอวเขาไว้แน่นขึ้นราวกับจะทำให้เขาจมลงไปในอ้อมแขนอีกรอบ
เด็กหนุ่มร่างสูงเกยคางกับไหล่มนเล็ก หันไปกระซิบเสียงแผ่วชิดติดกับซอกคอ
“พูดอะไรไว้...จำได้หรือเปล่า..”
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่องเลย
ยามาโมโตะ โดยเฉพาะสองวันนี้ตั้งแต่พบหน้ากับนายและอยู่ที่เจนีวา
อะไรหลายๆอย่างที่นายทำ ฉันอาจจะไม่เข้าใจ...หรือเข้าใจแต่ฉันไม่กล้าเดา ฮึ่ย! ใครมันจะไปเดาได้ล่ะวะ
ก็นายเล่นเป็นคนแบบนี้เนี่ย...พ่อคนเลิศเลอ เพอร์เฟค
คนในฝันของสาวทั้งโลก...ติดนิสัยเลือกได้สิถึงชอบทำอะไรไม่ชัดเจน...ไปฝึกมาใหม่เลยนะ...เอาให้ชัดเจน...ให้ชัดเจนพอที่คนซื่อบื้อเรื่องพรรค์นี้อย่างฉันจะเข้าใจได้”
“หวังว่าคนซื่อบื้อตรงนี้จะเข้าใจสถานการณ์แล้วสินะ
ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะเตรียมตัวฟังอะไร...”
เพียงเท่านั้นมือบางก็แกะแขนที่โอบรอบเอวเขาออกเล็กน้อยแล้วใช้ช่องว่างมุดออกมาเพื่อตั้งหลัก
หัวใจเขาเต้นแรงอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยเป็น ยิ่งเห็นรอยยิ้มบางๆหายากบนใบหน้าหล่อเหลาโกคุเดระยิ่งไปไม่ถูก
เขาไม่ได้ไม่อยากฟังนะ แต่ว่า..เอ่อ...ยังไงดีล่ะ
รู้แต่ว่าแค่คิดถึงมันร่างกายเขาก็จะระเบิดเป็นจุนแล้ว แต่...เฮ้! ตอนนี้เขาจำได้ว่าไม่ได้อัดเอาไว้นี่!
อย่าบอกนะว่าลืมกดปุ่มหยุด...เวรกรรม!
ยามาโมโตะเลิกคิ้วนิดหน่อยกับปฏิกิริยาของคนปากเก่งที่มาแอบคาดโทษตอนเขาหลับ
แต่เอาเข้าจริงๆกลับไม่พร้อมซะอย่างนั้น
ร่างสูงสง่าหัวเราะน้อยๆแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้สักหลาดสูง พลางว่าไปด้วย
“ไม่คิดว่านายจะเป็นคนทำใจนานขนาดนี้...ฉันให้เวลาตั้งอาทิตย์นึงนะเนี่ย
นี่ถ้าเกิดในอนาคตเราคบกัน..ฉันไม่มีทางหยุดอยู่แค่คำพูดหรือการกอดหรอกนะ”
เหลือบตามองคนที่นั่งก้มหน้างุดที่เก้าอี้ตรงข้ามแต่รอยแดงแผ่ไปถึงใบหูแล้ว
เหมือนเขาได้ยินโกคุเดระพึมพำออกมาว่า ‘รู้แล้ว’ ก่อนจะอ้อมแอ้มถาม
“การซ่อมแซมเบธิลด์
ทาวเวอร์...ไปถึงไหนแล้วอ่ะ”
‘จงใจเปลี่ยนเรื่องชัดๆเลย’
ยามาโมโตะแอบบ่นในใจ แต่ก็ตอบไปตามความจริง “ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
ต้องสร้างตึกปฏิบัติการใหม่ แต่เรื่องข้อมูลของกิจการไม่ต้องเป็นห่วง
หมอนั่นได้ถ่ายไปเก็บไว้ที่สาขานิวยอร์กเรียบร้อยแล้ว...และมีอีกเรื่องที่แดชเพิ่งจะนึกได้...ไอ้เงินห้าสิบล้านดอลลาร์ที่สตีเฟนโอนเข้าบัญชีกลางนั่น”
“นี่หรือว่า...”
“อือ..คิดแบบลึกซึ้งนะ
ตาแก่สตีเฟนคงอาลัยอาวรณ์เบธิลด์อยู่ไม่น้อย
ถึงหมอนั่นจะไม่สามารถขัดแผนการของเบื้องบน
แต่ก็แสดงความรับผิดชอบอย่างที่สุดที่หมอนั่นจะทำได้
เงินก้อนนั้นคงจะเป็นค่าซ่อมแซม...ไม่ได้จะกดดันอะไรสองพ่อลูกเลอรอยด์นักหรอก”
โกคุเดระพยักหน้ารับกับเรื่องราวที่อาจจะเป็นไปได้
ยิ่งบัญชีโอนเป็นบัญชีส่วนตัวของสตีเฟนเองแล้วมันก็ชักจะเข้าเค้ามากขึ้น
แต่พอพูดถึงเบธิลด์ ทาวเวอร์ เขาก็นึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้
ร่างบางลังเลมันอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
“มีเรื่องหนึ่งฉันอยากถามนายหน่อย..คือเรื่องแผนการทั้งหมดที่ฉันวางน่ะ...นายได้จงใจให้มันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า..แบบ...เอ่อ..ให้ตัวเองชนะการพนัน”
เขารู้สึกว่าเสียงท้ายของตัวเองแผ่วลงเรื่อยๆแล้วแทบกัดลิ้นตัวเองเพราะรู้สึกว่าคำถามเมื่อกี้มันโคตรงี่เง่า
อย่างกับไปถามเขาตรงๆว่า ‘นายโกงฉันหรือเปล่า’ อย่างนั้นแหล่ะ
แล้วแบบนั้นมันเหมือนคิดเข้าข้างตัวเองจนน่าเกลียดเลยไม่ใช่หรือไง
ยิ่งเห็นรอยยิ้มมุมปากน้อยๆของคนตรงหน้าเขาต้องรีบเอ่ยแก้ใหม่
“ไม่ๆๆๆ
อันนี้ฉันคิดเล่นๆ แต่ถ้านายไม่ได้คิดฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร
เอ่อ...อันที่จริงต่อให้นายจงใจจริงๆฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรอ่ะนะ ไม่ได้ว่าอะไรเลย
นี่มันเป็นงานทีมเพื่อช่วยเบธิลด์ให้พ้นโลกมืดนี่เนอะ
นายหรือฉันจะชนะมันก็ไม่แปลกนี่หว่า...นายลืมๆคำถามฉันไปเหอะ ช่างมัน!”
“แล้ว...ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”
“หา?”
“ถ้าฉันบอกว่า
ใช่ ฉันจงใจให้นายวางแผนออกมาเป็นแบบนั้น เพื่อสุดท้ายตัวเองจะได้เบธิลด์
ทาวเวอร์แล้วชนะพนันของเราในที่สุด...นายจะว่ายังไง”
ร่างสูงยกหลังขึ้นจากพนักพิงแล้วโน้มเข้ามาใกล้คนที่นั่งตรงข้ามมากขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายเอนหนีแทบไม่ทัน
อันที่จริงเขาก็คาดไว้อยู่หรอกว่าโกคุเดระต้องสงสัยเข้าสักวัน หรือไม่แดชก็คงเป็นคนสะกิดให้คิด
ตอนแรกก็กลัวอยู่เลยว่าโกคุเดระจะรับได้ไหม แขนยาววางบนโต๊ะ
ดวงตาคมจ้องนิ่งที่ใบหน้าสวยๆแล้วว่าขึ้นช้าๆ
“โกคุเดระ...นายคือคนที่ฉันเฝ้ามองมาตลอดเป็นเวลานานถึงสิบปี...ดังนั้นมันคงไม่ผิดที่ฉันจะทำทุกวิถีทางที่จะให้นายมาอยู่ข้างๆฉันเหมือนเดิม
แต่ถ้านายคิดว่าตัวเองเสียเปรียบฉันก็มีข้อเสนอให้...”
“ข้อเสนอะไร”
“ฉันรักนาย”
คำสารภาพดังก้องกังวานในห้องกว้าง...
เมื่อเว้นวรรคเงียบจนไม่ได้ยินเสียงของลมหายใจ...
“ฉันรักนาย...นี่คือข้อเสนอที่สำคัญที่สุดที่ฉันอยากบอก...ไม่มีลายลักษณ์อักษร...ไม่มีอะไรมารับประกันนอกจากภาพที่สะท้อนในดวงตาฉันจะเป็นภาพนายคนเดียว...และข้อเสนอนี้ฉันก็หวังผลแบบสุดๆด้วย”
เด็กหนุ่มร่างบางฟังคนจริงจังตรงหน้าพูดแล้วนิ่งค้าง ชาไปหมดทั้งตัว มันฟังทรงพลัง
น่าขนลุกและสมกับเป็นยามาโมโตะ ทาเคชิที่สุด โกคุเดระรู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าว
พยายามเก็บทุกบรรยากาศและรายละเอียดที่มันไม่ได้หวานซึ้งอะไรแต่มันกลับทำให้เขาอยากร้องไห้
“ไอ้...บ้า...เป็นคนปกติเค้าต้องพูดว่าไม่หวังผลไม่ใช่หรือไง”
“นายก็รู้นี่..ว่าฉันไม่ปกติ”
ร่างบางขำเบาๆกับคำยอมรับแบบไม่คิดจะเถียงเลยสักนิด
แถมยังจ้องเขาไม่กะพริบตาราวกับรอคำตอบ แต่อันที่จริงมันไม่จำเป็นต้องรอเลยสักนิด
เพราะเงื่อนไขทุกประการที่ยื่นมาพร้อมกับข้อเสนอนั้นมันเป็นสิ่งที่ใจเขาปรารถนาจะให้มันเป็น...ตามข้อความสุดท้ายที่เขาเขียนไว้ในจดหมายให้ยามาโมโตะ
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลบมันไปเพราะกลัวว่าคนเพอร์เฟคตรงหน้าจะรู้สึกไม่ดีกับมันขึ้นมา...
ฉันว่านะ......
ยามาโมโตะน่ะเหมาะสมที่สุดสำหรับโกคุเดระจริงๆนั่นแหล่ะ
แล้วนาย...ก็คือคนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน...อย่างไม่มีข้อแม้เลย
“ฉันต้องเซ็นรับหรือเปล่า...ข้อเสนอน่ะ”
เขาถามทีเล่นทีจริงในขณะที่คนรอคำตอบยิ้มเจ้าเล่ห์รออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้
ปลายจมูกลากไล้ผ่านแก้มก่อนที่ริมฝีปากจะทาบทับบนริมฝีปากของเขา
เป็นสัมผัสที่นุ่มนวลบางเบา ทว่าถ่ายทอดทุกความรู้สึก
สำหรับเขาสองคนแล้วคำๆนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
คนหนึ่งมีสิทธิ์ที่จะเลือกเป็นคนที่ใครๆก็ใฝ่ฝัน ในสำหรับอีกคนเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัวที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิด...
“ไม่ต้อง...เพียงแค่นี้ก็พอ..”
ความจริงต้องพูดว่า ‘ตอนนี้เพียงแค่นี้ก็พอ’
จากนี้ไปเขาไม่คิดจะปล่อยคนตรงหน้าไปไหนแน่ๆ
เขามองเห็นโกคุเดระชัดเจน เพราะถ้าเป็นคนที่รักหรือสนใจตั้งแต่แรก
คนๆนั้นก็จะอยู่ในสายตาตลอดเวลา เราจะมองหาเขาอยู่ทุกวินาที และไม่ว่าเขาจะอยู่ ณ
ตำแหน่งใด คนที่จะสะท้อนในสายตา...ก็จะมีแต่คนที่รัก....
เท่านั้น....
.
.
.
.
.
SKYFALL
: NEGOTIATION / END
มิยะขอเม้าท์
สวัสดีค่ะ
สวัสดีตอนสุดท้ายของฟ้าถล่มภาคเจรจาค่ะ จบแล้ว จบแล้ว
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก >[]< ลุกขึ้นร้องเฮลั่นบ้าน
ในที่สุดก็ถึงฝั่งสักที อยากบอกว่าฟิคเรื่องนี้นี่ถ้าไม่นับระยะเวลาในการดอง
เป็นฟิคที่แต่งได้เร็วมาก! เร็วเป็นอันดับต้นๆของการแต่งฟิคของมิยะเลย
ทั้งๆที่ตัวหนังสือมันค่อนข้างเยอะสักเล็กน้อย แต่ว่าเป็นเรื่องที่ตั้งใจทุกๆฉากทุกตอนเลยจริงๆ
เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ มิยะจะเวิ่นยาวแล้ว
เกี่ยวกับความในใจที่มีมาตลอดประมาณสามเดือนที่ปั่นมันอย่างเอาเป็นเอาตาย แฮ่ๆ
ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ
ขอบคุณจากใจเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เข้ามาอ่านกี่ตอนหรือตั้งแต่ต้นจนจบ
ขอบคุณจริงๆค่ะ ซึ้งใจมากๆแล้ว
เพราะฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดนิดนึง ฮ่าๆๆ
และคนเขียนไม่ได้ต้องการฟีดแบ็คอะไรมากมายเลยนอกจากให้มีคนมาอ่านมันนี่แหล่ะ
แค่นี้มิยะก็มีความสุขมากแล้วจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ // โค้ง
ขอบคุณเพลงทุกเพลงที่ใช้มาเป็นแรงผลักดันในการปั่น ถ้าหูว่างนี่หัวมันไม่แล่นเลยจริงๆ TT_TT
ในความรู้สึกของคนเขียน
ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่โคตรแปลก กรั่กๆ
คงเรียกว่าใกล้เคียงนิยายที่สุดเท่าที่ไอ้มิยะเคยแต่งแล้ว ตัวละครออริโคตรเยอะ
แขกรับเชิญก็แยะ แต่ยืนยันว่าแขกแต่ละคนไม่ใช่เป็นความคิดชั่ววูบแน่นอน
มาด้วยใจตั้งแต่จะเริ่มแต่งเลยจริงๆ =w= b และที่แปลกก็คือส่วนใหญ่แล้วฟิคเขาจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรัก
เน้นความรักเป็นหลัก ซึ่งจะเห็นว่ามันหาไม่ค่อยได้ในเรื่องนี้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ //
ยังมีหน้ามาหัวเราะ
ตอนแรกที่ตัดสินใจที่จะเขียนคือตั้งใจให้มันตามคำขอของพี่กวาง
เจ้าของวันเกิดว่าอยากให้มันเป็นฟิคที่ยิ้มได้ ไอ้มิยะเลยอยากลองของค่ะ
คืออยากเขียนเรื่องที่มันค่อนข้างเข้มข้นหน่อย คลายปมปัญหาแล้วเฉลยไปทีละนิดๆ
แต่ก็มีมุมให้ยิ้ม มันเลยกลายเป็นแนวประหลาด Drama comedy ขึ้นมา
เรื่องมันจะหนักขึ้นๆเรื่อยๆเป็นกราฟแบบเนินเขา แล้วจบลงแบบสวยๆ
ตอบคำถามในใจของพระนางเรื่องนี้เท่านั้น
ฟ้าถล่มเป็นฟิคที่เขียนแล้ว
คนเขียนสนุกกับมันมาก มากๆจริงๆ แล้วแต่ละตอนเหมือนใช้พลังงานเป็นลิตรๆ
ตอนตัวละครเครียด ไอ้มิยะก็เครียดกับมันด้วยค่ะ เครียดจริง
เอาประสบการณ์ตอนจะสอบเอ็นท์มาเขียนเลย (ฮ่าๆๆๆๆ)
มันคือความกดดันของคนที่ต้องคอยย้ำกับตัวเองว่าต้องทำมันออกมาให้ดี ซึ่งเป็นนิสัยของหนูก๊กในเรื่องนี้เลยค่ะ
เพราะงั้นตอนที่ 6-7
ที่เป็นฉากการเจรจาระหว่างหนูก๊กกับแดชคุง
เป็นตอนที่เขียนยากมากที่สุด เหมือนต้องแสดงนิสัยของตัวละครออกมาค่อนข้างเยอะ
และเป็นการดำเนินเรื่องโดยการพูดคุยตลอดสองตอนแต่ต้องเฉลยปมหลายปมด้วย
มันเลยเป็นตอนที่เขียนยากแต่เป็นตอนที่คนเขียนรู้สึกสนุกที่สุดเลยค่ะ แบบคลึงขมับไปด้วยพิมพ์ไปด้วยอ่ะ
แต่พอมันจบสองตอนนี้แล้วร้องโอ้วเย่สเลยทีเดียว
แต่อย่างที่ว่า
ฟิคเรื่องนี้ยังไม่จบ ฮ่าๆๆ คือตอนแรกไม่ได้ตั้งใจให้มันมีภาคต่อ
แต่มันคิดอะไรขึ้นมาในหัวได้ ผนวกกับอะไรหลายๆอย่างในฟิคที่ชวนให้เขียนต่อคือ
สังเกตไหมว่าเรื่องราวของฟิคตลอดสิบสี่ตอนนี้
มันใช้เวลาดำเนินเรื่องเพียงแค่ 11 วัน
(ความจริงแค่สี่วันด้วยซ้ำถ้าไม่นับว่าหนูก๊กต้องรักษาตัว)
แต่จากการอ้างอิงในตอนที่สอง...ระยะเวลาในการพนันของหนูก๊กและอิเนียนคือสามเดือน
แล้วตอนนี้แม้อิเนียนมันจะได้เบธิลด์ ทาวเวอร์ไป แต่ยังไม่หมดเวลาการแข่งขัน =3=
(ต่อเวลาสินะเอ็ง!) แล้วเหตุผลข้อต่อไป
ข้อนี้สำคัญมาก คือ รู้สึกหลงรักบอสของตาแก่แมคคาร์ที กรั่กๆ
อันนี้ไม่ได้คิดจะเขียนให้มันเด่นเลยจริงๆ แต่ไปๆมาๆกลับเด่นได้ซะงั้น
แถมยังเป็นคนที่ทั้งอิเนียนและนุ้งก๊กอยากเห็นหน้าด้วย...ฮี่...เลยว่าภาคต่อนี้มันคงเป็นการเปิดตัวได้แล้ว
แน่นอนว่าตัวละครจะคับจอยิ่งขึ้นค่ะ...ภาคหน้านี้
ฟ้าถล่มอาจเป็นฟิคที่ไม่ได้ตอบโจทย์ใครหลายๆคน
ไม่ใช่ฟิคที่เป็นธุรกิจจ๋าด้วย ไม่สามารถแต่งขนาดนั้นได้จริงๆ
สิ่งที่นำเสนอเป็นติ่งเล็กๆของโลกธุรกิจที่เรียกว่า ‘การโน้มน้าวใจ’
ด้วยการเจรจาเท่านั้นเอง ไม่มีฉากหวานแหววหวือหวา เรทสูงสุดของภาคนี้คือการจูบ
พระเอกไม่ใช่คนหวาน
แต่เป็นคนเอสที่จริงจังกับเป้าหมายของตนเองมีนิสัยไม่ค่อยสนใจความรู้สึกใครแม้กระทั่งนางเอก(?) ทำทุกอย่างได้เพื่อให้ความคิดของตนประสบผล แต่ถ้าหากถามว่าที่พระเอกพูดออกไปว่ารัก
ถามว่ารักจริงๆไหม ต้องบอกว่าเรื่องนี้เท่านั้นที่มันไม่ได้โกหกค่ะ
มันรักหนูก๊กมาตั้งนาน...จากเดิมมันเป็นความพยายามเพื่อให้คนๆหนึ่งยอมรับตามประสาคนที่ไม่เคยแพ้ใครแล้วมาเจอคนเก่งกว่าที่เปลี่ยนชีวิตตัวเอง
จนเดินก้าวข้ามแล้วทำให้คนๆนั้นเข้าใจผิดไป หนูก๊กเลยต้องเปลี่ยนตำแหน่งจากคนที่เป็นเป้าหมายกลายเป็นคนเดินตาม
ถึงแม้มันซับซ้อนและอินดี้มาก แต่ก็เป็นคนที่รักหนูก๊กยิ่งกว่าใครแน่นอน ^^
ถามว่ามีตอนพิเศษไหม..เอ่อ..มันควรจะมีสินะๆ
แบบว่า...ขอคิดก่อน //
โดนโบกสามตลบ ถ้ารวมเล่มก็ต้องมี (ห๊า!!!)
คือเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องแรกที่คิดรวมเล่มค่ะ (ทั้งๆที่ควรจะเป็นมายวินด์อ่ะน้า!) เพราะเป็นฟิคที่คนเขียนรักและทุ่มเทเลยคิดจะรวมเล่มเก็บอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีใครเอาก็จะอินดี้ตามอิเนียนไปรวมชุดเดียวเก็บไว้เป็นที่ระลึก >w<
เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยติดสินใจดีๆ แน่นอนว่าต้องให้ภาคสองจบก่อน
ง๊ากกกกกกกกกกก // ทำได้ไหมเอ็ง!
เจอกัน SKYFALL ภาคสอง ภาคจบแล้วแหล่ะ (แอบตั้งชื่อเอาไว้แล้ว แต่ดูก่อนว่าจะเปลี่ยนไหม
อิอิ) โน่นเลยยย วันเกิดนุ้งก๊ก ขออนุญาตไปกวนพล็อตให้มันดีๆและรัดกุมค่ะ
ฮี่..เจอกันเรื่องใหม่
ไม่ไกล ภายในเสาร์อาทิตย์หน้านี่แหล่ะ
สุดท้ายนี้ของคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก
ขอบคุณจริงๆค่ะ แต่ถ้าหากใครมีอะไรอยากพูดกับมิยะ อยากทวงหรืออะไรว่ามาได้โล้ดดด
หรือหลังไมค์ทางแช็ทบ็อกก็ได้ค่ะ เฟซไอ้มิยะอยู่ที่หน้าสารบัญฟิคบรรทัดสุดท้าย
จะอัพเดทเรื่อยๆค่ะ ดองเรื่อยๆด้วย กรั่กๆ ขอฝากเนื้อฝากตัวฝากใจฝากผลงานอีกรอบ
ขอบคุณมากๆค่ะ
>/|\<
Miya
แย่แล้วค่ะ พอดีเข้ามาอ่านรวดตั้งแต่ห้าทุ่มจนตอนนี้ นอนสต๊อปมากตั้งใจจะเม้นทุกตอนนะคะ
ตอบลบแต่ด้วยอารมณ์มันพาไป
เป็นฟิคที่ไ้อารมณ์ที่เน้นเรื่องราวและความสัมพันธ์มากค่ะ
สุดยอกมาก ยิ่งอ่านอารมณ์ยิ่งมา ตลบกันไปกันมาพล๊อตสุดยอดมากค่ะ
ตอนแรกนี่หมั่นไส้ยามาจับใจเลย เก๊กดีนัก แบบแดชนี่หล่อลากอารมณ์แบบเชียร์ซะงั้น
เขินจัง5555
หลังๆนี่แอบใจหายนึกว่าก๊กจะหักหลังจริงๆ แต่เอาดีๆยามะนี่มันเกินคนละนะเทพเกิ๊น หมั่นไส้เบาๆถีงปานกลาง หลอกก๊กให้หัวปั่นไอ้เนียนนี่ เดี๋ยวเถอะ อินค่ะโมโห5555
ขอนิดนึงนะคะ เคียวยะมาแบบเท่เกิน ภาคต่อถ้ามีมาทีละตอนสัญญาว่าจะเม้นให้ทุกตอนเลยค่ะ อันนี้อารมณ์เปิดมาปั้ปเจอยาวๆ ค้างค่ะแหะๆ
แต่ยังไงก็เนียนแบบเก่งแค่ไหนก็เหมือนตามหลังก๊กอยู่ดีในแง่ของความรัก อร้ายยยย เขินค่ะ
ภาคหน้าคงไม่เครียดแล้วปมคลายแต่นะ ขอเฮียเยอะๆหน่อยนะคะ คือหัวใจจะวายจริงจัง โผล่มาแป๊ปเดียวแย่งซีนได้เกือบครึ่งเรื่องโฮกมากค่ะ ก๊ากกก
ขอโทษนะคะพิมพ์ทีละพรืดเลย ไม่ได้เช็กสเปลลิ่งด้วยมันตาลายหมดแล้ว ง่วงมากเลยค่ะ อิอิ
ยังไงก็สู้ๆต่อไปนะคะ สุดยอดมากค่ะ จะตามอ่านให้ครบทุกเรื่องเลยค่ะสัญญา คราวนี้จะเม้นทุกตอนเลย
ฝันดีค่าาาา ^_____^ ปล รวมเล่มมะไหร่จะอุดหนุนนะคะ
ขอบคุณมากๆนะคะที่ให้โอกาสเข้ามาอ่านจนจบ ดีใจมากๆเลยค่ะ ปลื้มจริงๆที่ทำให้คนอ่านอินกับมันได้ เท่านี้ก็ดีใจสุดๆไปแล้วค่ะ >w<
ลบส่วนคุณเคียว...ฮ่าๆๆๆๆๆ ปั้นมาเพื่อแย่งซีนอิเนียนอย่างแท้จริงเลยค่ะ//หลบดาบ ก็เหม่ อิลูกเขยมันน่าหมั่นไส้ขนาดนี้ สมควรจะมีพี่ชายโหดๆเอาไว้เป็นก้างล่ะน้า // หลบดาบอีกรอบ
เจอกันภาคสองนะคะ เฮียเราโผล่อีกแน่นอน ฮี่ๆ
ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งค่ะ อ่านคอมเม้นท์นี่ดีใจมากๆจริงๆ >/|\< เป็นกำลังใจในการปั่นดีเยี่ยมเลยค่ะ
ส่วนเรื่องรวมเล่ม โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก มีคนอยากได้ฟิคแปลกๆเรื่องนี้ด้วยยยย >//////< เดี๋ยวถ้ารวมเมื่อไหร่จะแจ้งข่าวทันทีเลยนะคะ
ฝากติดตามผลงานด้วยค่า
เป็น fic KHR ที่ชอบมากๆเลยค่ะ
ตอบลบปกติยังไม่เคยดู Psyco pass ถึงกับต้องไปหามาดูกันเลยทีเดียว
เราไม่รู้ว่าบางคนจะชอบภาษานิยายหวานเลี่ยน หรือพรรณายังไง
แต่สไตล์การเขียนของมิยะเราชอบมากๆเลย คือชอบการเรียบเรียงประโยค ชอบการจัดเรียงความคิดเป็นสเต็ปๆ การเล่นพลิกแพลงคำ การเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ให้มันปะติดปะต่อกัน
อยากทราบว่าทำไมไรท์เตอร์ถึงเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับธุระกิจได้ค่อยข้างละเอียดขนาดนี้คะ ปกติแล้วนิยายผู้ใหญ่มันก็ไม่ได้บรรยายได้ละเอียดขนาดนี้ (หรือเราไม่เคยอ่านหว่า ?) บรรยายได้แบบเห็นภาพมาก
ยอมรับว่าบางอย่างเราก็ไม่เข้าใจทั้งหมดหรอก แต่ปลื้มตรรกะความคิดของคุณมากจริงๆ
อ้อ ต้องบอกว่าไม่เคยอ่านฟิคอะไรได้เว่อร์ แต่สมจริง (?) แบบนี้มาก่อน เขียนอวยพระเอกได้สะพรึงมาก หน้าสตีฟจอบกับ มาร์ค ซัค ลอยมา 3 วิ 555555555555555
ถ้ารีไรท์แล้วรวมเล่ม เป็นfic เรื่องที่สองที่เราจะซื้อเก็บไว้แน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ เฝ้ารอภาคสองค่ะ ^^ Happy ending
คำจำกัดความคือ "ฟิน" ค่ะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ตอนแรกมิยะเห็นUsername คิดว่าเป็นแฟนไซโคพาสตั้งแต่แรกแล้ว โฮกกกก ดีใจจริงๆค่ะที่ทำให้ได้รู้จักกับการ์ตูนดีๆ เป็นเกียรติมากเลยค่ะ
ลบขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านแล้วชอบนะคะ ตอนบอกว่าชอบสไตล์การเขียนนี่ ปลื้มมาก TvTb เพราะเรื่องนี้มันไม่หวานเลย ฉากเลิฟซีนก็น้อย เป็นเรื่องที่เขียนด้วยความไม่มั่นใจมากว่ามันจะถูกใจคนอ่านไหม แต่ได้ยินอย่างนี้แล้ว ดีใจมากๆเลยค่ะ ดีใจจริงๆ
ส่วนเรื่องเนื้อหา ฮ่าๆๆๆๆๆ มิยะศึกษาเอา ต้องบอกว่าส่วนตัวไม่ได้เรียนอะไรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอะไรเลยแม้แต่น้อย คนละสายเลยค่ะ แต่แบบอยากลองของมาก ฮ่าๆๆๆ ก็คือดูหนังบ้าง อ่านเอาบ้างว่าเวลานักธุรกิจเวลาเค้าจะติดต่อธุรกิจ ยื่นซองประมูลอะไรงี้เค้าทำกันยังไง มีความคิดความอ่านแบบไหน ต้องการอะไรในการทำธุรกิจบ้าง แล้วก็เอามาขมวดเป็นความเข้าใจให้มันง่ายขึ้น ซึ่งมันคงจะไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงทั้งหมด แต่สิ่งที่จะสื่อมันก็คือเพียงแค่ชื่อภาคว่า Negotiation ซึ่งเป็นความสามารถในการพูดโน้มน้าวใจหรือต่อรองให้ผู้อื่นคล้อยตามเราเท่านั้นเองค่ะ แต่พอเห็นผู้อ่านบอกว่าละเอียด ในฐานะคนเขียน นับว่าเป็นคำชมที่เลอค่ามากจริงๆ เพราะมันเท่ากับว่าสิ่งที่เราตั้งใจเขียน มีคนเห็นมันด้วย ขอบคุณนะคะ
ฝากติดตามผลงานด้วยน้าา ภาคสองใกล้วางแผงแล้ว ฮ่าๆๆๆ ทุลักทุเลมากๆจริงๆค่ะช่วงนี้ // ปั่นหูดับ
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มีคนอยากได้ฟิคประหลาดเรื่องนี้อีกเล่มแล้ว ขอบคุณนะค้าาาาา เดี๋ยวไว้ถ้ารวมเมื่อไหร่ จะแจ้งค่ะ
ขอบคุณค่ะ // โค้ง
เพิ่งได้อ่านรวดเดียววันนี้ค่ะ อยู่ๆก็นึกครึ้มอยากอ่านฟิครีบอร์น คิดถึงยามะกับหนูก๊ก เลยลองเสิร์จแล้วเจอเรื่องนี้
ตอบลบชอบอะไรหลายๆอย่างมากเลยค่ะ พล็อตเรื่อง ตัวละครoc อย่างพ่อหนุ่มแดชนี่ก็ทำเรายิ้มได้ไม่แพ้ยามะกับก๊กเลย
อ่านแล้วรู้สึกว่าไรท์เตอร์หาข้อมูลมาดีจริงๆ แน่นปึ้ก ทั้งสถานที่จริง แล้วก็มหาวิทยาลัยที่ยามะก๊กเรียนจบมา ประทับใจว่าไรท์เตอร์ใส่ใจในฟิคที่แต่งสุดๆเลย
แนวเรื่องที่เป็นดราม่าคอมเมดี้นี้เหมือนจะจริงนะคะ บางตอนอ่านแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว อีกตอนก็เครียดๆไปกับหนูก๊ก เห็นก๊กเจ็บเราก็เจ็บ(?) บางตอนก็ชวนลุ้นตัวโก่งสุดๆค่ะ ยามาโมโตะเท่มาก ท่านประธาน The Best นี่สมชื่อบริษัทสุดๆค่ะ เก่งทุกด้านตั้งแต่สมองยันบทบู๊
อ้อ คู่คุณโคกับกิโนสะที่โผล่มาในคราบบอดี้การ์ดทำเราอึ้งไปสามวิแล้วก็กรีดร้องด้วยความยินดีค่ะ ประกอบกับชอบคู่นี้อยู่แล้วด้วย แทบแด้ดิ้นกับพื้นเลยทีเดียว
ฟิคนี้เป็นฟิค au ที่อ่านแล้วรักเลยค่ะ เก็บขึ้นหิ้งในใจเรียบร้อย ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆอย่างนี้ที่แต่งแล้วลงให้อ่านนะคะ มีความสุขจากการอ่านเรื่องนี้มากๆค่ะ !
ขอบคุณมากๆๆๆที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ ดีใจมากๆเลยจริงๆ ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ที่บอกว่าแดชทำให้ยิ้มได้ เพราะคิดหนักจริงๆที่จะเอา oc มาใส่ คิดอยู่ว่าจะถูกใจคนอ่านไหม ดีใจจริงๆค่ะที่คนอ่านสนุกไปกับมัน เป็นกำลังใจให้มิยะจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ลบฮ่าๆๆ เรื่องนี้อิเนียนมีโปรไฟล์เว่อร์วังแถมนิสัยยังคอมเพล็กซ์ที่สุดเท่าที่มิยะเคยเขียนเลยฮ่าๆๆๆ ดีใจที่บอกว่ามันเท่ค่ะ เพราะตั้งใจเขียนให้ออกมาเท่จริงๆ เท่จนรู้สึกน่าหมั่นไส้ในบางที อิเนียนเรื่องนี้เป็นแบบนี้แหล่ะ อิอิ ขอบคุณนะคะ
มิยะเองก็ขอบคุณคอมเม้นท์นี้มากๆ หากมีโอกาสก็แวะมาอ่านใหม่น้าาา มิยะไม่ค่อยได้อัพเพราะออกจะโดนการเรียนเบียดเบียนบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ทิ้ง จะรีบอัพทันทีเมื่อมีโอกาส ขอบคุณค่าา