S.Au.Fic Toriko [Toriko x Komatsu]
Himawari ความอบอุ่นของดวงตะวัน
Period Romantic Drama
PG
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและสถานที่ในฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการผสมผสานของผู้เขียน
ไม่มีความเป็นจริงในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นไม่สามารถใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
ตอนที่ 3
วังตะวันออก
ไม่ได้เห็นได้ง่ายๆนักที่เจ้ารัชทายาทโทริโกะกับองค์ชายสตาร์จูนจะพบปะหน้ากันแล้วมานั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะตัวเตี้ยๆในห้องประทับส่วนพระองค์ของเจ้ารัชทายาท นั่นก็เพราะคนหนึ่งอยู่แต่ในพระราชฐานชั้นใน
แต่อีกคนกลับแทบไม่ได้เข้าเขตวัง สตาร์จูนคือบุตรของฮิ1 และประสูติก่อนเจ้ารัชทายาทถึงสี่ปี
มีความสามารถทั้งสติปัญญาและฝีมือ อีกทั้งดวงชะตายังดีต่อบ้านเมือง
บารมีส่องสว่างดังบุตรพระอาทิตย์
ในตอนนั้นเหล่าขุนนางก็ได้ทำการปรึกษากันไว้บ้างแล้วว่าถ้าหากมเหสีขององค์จักรพรรดิมิได้ให้กำเนิดบุตรชาย
เจ้าชายสตาร์จูนจะได้ดำรงตำแหน่งรัชทายาท
แต่เมื่อมีโทริโกะแล้ว...ตำแหน่งนี้จึงตกไปไม่ถึง
หลังจากนั้นชีวิตของเจ้าชายสตาร์จูนจึงค่อนข้างอิสระ
ไม่มีกฎเกณฑ์ดังเช่นสิ่งที่โทริโกะจะต้องยึดถือ สามารถออกจากวังได้ และบางทีเรียกได้ว่าเสด็จออกข้างนอกมากกว่าการประทับที่ตำหนักส่วนตัวเสียอีก
นี่เป็นพระราชานุญาตของจักรพรรดิอิจิริวที่โทริโกะรู้อยู่เต็มอกว่าเสด็จพ่อของเขาทรงทำไปเพื่ออะไร
ในรั้วของวังหลวงนี้มีบ่างอาศัยอยู่เป็นฝูง...
มันจะคอยยุแยงตะแคงรั่วเจ้าชายอันดับสองคนนี้เมื่อใดก็ได้
เพื่อความมั่นคงในอำนาจของรัชทายาทสตาร์จูนจำเป็นต้องอาศัยอยู่นอกวังเป็นครั้งคราว
คิดถึงตรงนี้แล้วโทริโกะอยากท้วงว่าเสด็จพ่อของเขาคิดตื้นไปนิด
กับคนๆนี้แล้วถ้าหากจะคิดหรือทำอะไร หมอนี่ทำได้ทุกอย่าง
ไม่จำเป็นหรอกว่าจะป้องกันแบบไหน
เพราะอย่างนั้นเขาถึงต้องให้ซีบร้าแสร้งออกปฏิบัติภารกิจนอกวังบ่อยๆ
แต่แท้ที่จริงจุดประสงค์หลักก็คือการจับตาดูพี่ชายต่างแม่ของตนเองว่าแสดงพิรุธอะไรหรือเปล่า
ที่ผ่านมาเขายังไม่ได้รับข่าวอะไรเป็นพิเศษ แต่วันนี้สตาร์จูนได้ทำพิรุธครั้งใหญ่
ซ้ำสำหรับโทริโกะแล้ว...มันเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้
“วันนี้เสด็จไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้ารัชทายาทตรัสถามเสียงเย็น
“พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว
จะมาถามกระหม่อมทำไม” คนสูงวัยกว่าตอบเสียงเรียบเรื่อย มุมปากยกเป็นรอยยิ้มคม
“เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะเป็นพวกชอบตอกย้ำให้ตัวเองรู้สึกหงุดหงิดกระหม่อมก็จะตอบให้
วันนี้กระหม่อมได้ไปเดินเล่นแถวๆย่านตลาดที่ห่างจากประตูวังไปไม่เท่าไหร่
เจอผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ต้องห่วงนะพ่ะย่ะค่ะ ประชาชนของพระองค์ยังคงมีความสุขดี...แต่ถ้าเห็นประชาชนคนใดคนหนึ่งมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ
กระหม่อมก็พร้อมให้ความช่วยเหลือตามหน้าที่”
“ช่วยเหลืองั้นรึ?”
“พ่ะย่ะค่ะ...ยิ่งเป็นเด็กตัวเล็กๆน่ารัก
ยิ่งปล่อยไปไม่ได้ ถูกไหมฝ่าบาท...”
ดวงตาสีน้ำตาลสองคู่วาววับ
คนหนึ่งเป็นประกายคมดุ ส่วนอีกคนเยาะเย้ยกึ่งท้าทาย โทริโกะขบฟันกรอด
เขาไม่ได้มีจุดเดือดที่สูงนักและดูท่าว่ามันจะต่ำกว่าตอนไหนๆเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยถึงใครบางคนขึ้นมา
ตอกย้ำชัดเจนว่าข่าวของซีบร้าไม่ผิด แล้วไม่แน่ใจว่าโทริโกะรู้สึกไปเองไหม
ว่าไอ้ประโยคที่ว่า ‘ปล่อยไปไม่ได้’ ของสตาร์จูนนั่นมันมีความหมายโดยนัย
“เด็กคนนั้นรู้จักพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ...กระหม่อมล่ะสงสัย
ว่าไปรู้จักกันแบบไหน แล้วดูท่าว่าเขาจะไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร”
“ประชาชนเกือบทั้งหมดก็ไม่เคยเห็นหน้าข้าอยู่แล้ว
การที่ไม่รู้ยศถาบรรดาศักดิ์ของข้าก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
อีกอย่างมันก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่ข้าจะไม่แสดงตัวตน...ก็เหมือนกับเจ้าพี่
เจ้าพี่ยังไม่บอกเขาเลยว่าเจ้าพี่เป็นใคร” ดวงตาคมของสตาร์จูนโชนแสงโรจน์เพียงแค่ชั่ววินาทีก่อนที่จะกลับไปเยือกเย็นดังเดิม...โทริโกะรู้การเคลื่อนไหวของและความคิดของเขาทุกฝีเก้าจริงๆ
อาจไม่ใช่คำรายงานของราชองครักษ์ซีบร้า แต่เป็นการคาดเดาจากใจของตัวเอง
เพราะเป็นคนที่เหมือนกันที่สุด
อะไรที่เขาคิด อีกฝ่ายก็จะคิด อะไรที่เขาทำอีกฝ่ายก็จะทำ
และอะไรที่อยากได้...อีกฝ่ายก็หมายปองไว้เช่นกัน...
“เด็กคนนั้นฉลาด”
สตาร์จูนเกริ่น มุมปากขยับเป็นรอยยิ้มจางๆ “อีกไม่นานเขาจะต้องรู้สถานะที่แท้จริงของพระองค์แน่ๆ
รวมถึงข้าด้วย
ถึงตอนนั้นพระองค์ทราบใช่ไหมว่าอะไรจะตามมา...พระองค์ดึงเด็กธรรมดาคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต
แต่ชีวิตของพระองค์ทรงเป็นแบบไหน พระองค์คือผู้ที่เข้าใจมากกว่าใครทั้งหมด...พอเป็นแบบนี้แล้วยังทรงมีพระดำริที่จะเอาโคมัตสึมาเป็นฮิมาวาริอยู่รึไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ที่เจ้าพี่ถามข้าแบบนี้
นั่นหมายความว่าเจ้าพี่ก็เล็งโคมัตสึมาเป็นฮิมาวาริประจำพระองค์อย่างนั้นใช่หรือไม่”
“ทรงพระปรีชา”
สตาร์จูนยอมรับง่ายๆ
รอยยิ้มเหยียดปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้คนที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะหน้าตึงทันควัน
เผลอกำหมัดแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ ไอเยือกเย็นทะมึนเริ่มครอบคลุมห้องกว้างอย่างช้าๆ
เจ้าชายอันดับสองแห่งแผ่นดินหรี่ตาลง จ้องไปที่น้องชายผู้มียศสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว
รอยยิ้มไม่ว่าจะเป็นแบบใดได้เลือนหายไปจากใบหน้าหมดสิ้น
“บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์เพียงแค่ดวงเดียว...แต่ดวงอาทิตย์ดวงเดียวนั้นได้รับความสนใจจากดอกทานตะวันไม่รู้กี่ร้อยกี่พันดอก...ไม่ว่าจะเคลื่อนย้ายไปที่ตำแหน่งใดของฟากฟ้า
ทานตะวันก็จะหันมองตามไปทุกที่
ต่อให้มีแสงใดที่ส่องสว่างขึ้นสอดแทรก...พวกเขาไม่มีวันสนใจ”
เจ้าชายอันดับสองแห่งแผ่นดินเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ฟังเป็นตรรกะที่แท้จริงตามวิสัยดอกไม้ชนิดหนึ่ง
แต่สำหรับโทริโกะแล้วมันฟังแล้วตีความหมายได้ชัดเจนว่าพี่ชายต่างแม่ของเขากำลังจะสื่อถึงอะไร
สตาร์จูนเชิดหน้าขึ้น
ยืดตัวตรง แล้วว่าขึ้นอย่างชัดเจนจริงจัง
“แต่ถ้าหากแสงจากโคมไฟที่ไม่อาจรุ่งโรจน์สว่างไสวได้เท่าดวงอาทิตย์เกิดอยากให้ดอกทานตะวันดอกหนึ่งหันมอง...มันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความต้องการนั้นประสบผล
แม้จะตกแผดเผาเชื้อเพลิงตัวเองไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ดับมอด
ก็จะไม่ละความพยายามเด็ดขาด...ถึงตอนนั้นดอกทานตะวันดอกนั้นที่คิดว่าดวงอาทิตย์บนฟากฟ้าช่างสูงส่งและไกลแสนไกลอาจจะหันมามองโคมไฟที่อยู่ข้างตัวก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพี่สตาร์จูน!”
“กระหม่อมรบกวนเวลาพักผ่อนของพระองค์มามากพอแล้ว
จะขอทูลลาเสียเดี๋ยวนี้ โปรดรักษาพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ....เจ้ารัชทายาท”
เสียงทุ้มต่ำเน้นคำสุดท้ายให้ก้องกังวานยิ่งกว่าคำทั้งประโยค
ร่างสูงค้อมตัวให้เขาก่อนจะลุกแล้วเดินออกจากห้องไปจนพ้นประตูเลื่อน
มือแข็งแรงของเด็กหนุ่มกำแน่นวางอยู่บนโต๊ะก่อนจะทุบอย่างแรงจนน้ำชาถ้วยเล็กล้มกระจัดกระจาย
โทริโกะรู้สึกว่าข้างในอกของตนเองร้อนระอุและกระสับส่ายทั้งๆที่ภายนอกเขาไม่แสดงท่าทีใดๆนอกจากความเย็นชา
โทริโกะตระหนักอยู่เสมอว่าพี่ชายคนนี้คงจะไม่ยอมสละอะไรให้เขาไปเสียทุกอย่าง
ตำแหน่งรัชทายาท...เขาได้มาแล้ว
แต่ถ้าต้องเสียสละอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบแทน
เขายินดีจะจ่ายให้...
แต่มันต้องไม่ใช่โคมัตสึ!
“โคโคะ เจ้าอยู่ข้างนอกใช่ไหม...เข้ามา”
เด็กหนุ่มสั่งเสียงเฉียบขาด
เด็กหนุ่มร่างสูงผมสีดำโผล่เข้ามาในห้องทันทีพร้อมนั่งลงเตรียมรับคำบัญชาโดยไม่ต้องบอก
“บอกให้ซีบร้ายกเลิกภารกิจสะกดรอยตามเจ้าชายสตาร์จูน
ตอนนี้เรื่องบัลลังก์ของข้ายังไม่ใช่สิ่งที่ต้องน่าเป็นห่วง
แต่ให้จับตาดูความปลอดภัยของโคมัตสึแทน...แล้วรับคำสั่งข้าไปถึงวังหลัง
ให้ทำอะไรบางอย่างตามที่ข้าบอก ข้าขอเร็วทว่าต้องงดงามประณีตยิ่งกว่าเครื่องประดับชิ้นใดที่วังหลังเคยประดิษฐ์มา”
เด็กหนุ่มผมสีดำก้มศีรษะรับคำสั่งทันทีโดยไม่มีคำถาม
ไม่จำเป็นต้องบอกว่าของที่รัชทายาทโทริโกะอยากให้วังหลังฝ่ายเครื่องประดับทำมันคืออะไร
เขาก็เข้าใจได้ทันทีเมื่อเห็นสีหน้านายเหนือหัวประกอบกับบทสนทนาที่ได้ยินบ้างจากข้างหลังประตู
โทริโกะพยักหน้าบอกให้ที่ปรึกษาส่วนตัวออกไป
เพราะต่อจากนี้เขาจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองพอประมาณจะจัดการอารมณ์คุกรุ่นที่มันก่อกำเนิดขึ้นง่ายดายโดยที่ไม่สมกับเป็นรัชทายาทเลย
โคมัตสึ...เจ้าทำให้ข้าเป็นได้ขนาดนี้
แม้เราจะพบกันเพียงแค่ครั้งเดียว
ข้าเคยอดทนกับคำพูดของสตาร์จูนได้
แต่คราวนี้ข้ากลับเดือดดาลตั้งแต่ข้ารู้ว่าเขาได้พบกับเจ้า
โคมัตสึ...บอกข้าทีว่าข้าต้องทำเช่นไร....
ข้าจำเป็นต้องตีตราจองเจ้าให้ชัดเจนแค่ไหน...จึงจะไม่มีผู้อื่นมาสนใจและพยายามแย่งเจ้าไปจากข้า...
‘ก็อย่างที่เห็น...เจ้าทำงานร้านดังถึงขั้นไม่มีใครในเมืองไม่รู้จัก
ข้าก็เลยไม่เปลืองแรงมากนักในการหาที่อยู่...ของพวกนี้ข้าได้ส่งให้เจ้ามาแทนคำขอบคุณที่เจ้าได้สละเครื่องปรุงมากมายเพื่อช่วยชีวิตม้าข้า
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วขอให้เจ้าอย่าได้กังวล
แต่โคมัตสึ...ม้าตัวนี้มันยังไม่มีชื่อเลย ในเมื่อเจ้าเป็นคนช่วยให้มันรอดชีวิต
เจ้าก็สมควรที่จะเป็นผู้ตั้งชื่อให้...ข้าหวังว่าจะได้รับคำตอบจากเจ้านะ....จากโทริโกะ’
เอาล่ะสิ...
โคมัตสึอ่านจดหมายจบแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่น
มองของบนโต๊ะที่ท่านย่าของเขาบอกว่าให้จัดการเองเพราะตัวท่านต้องรีบไปรับลูกค้าโดยกำชับถ้อยคำแปลกๆว่าช่วยยืนยันตัวตนที่ชัดเจนของผู้ส่งให้ท่านด้วย
เขาก็พอจะเข้าใจล่ะ
ท่านย่าตกใจไม่น้อยกับของมากมายที่อยู่ดีๆก็ฝากชายฉกรรจ์ท่าทางขึงขังประหนึ่งทหารวังสามคนมาส่งให้
ไหนจะผ้าแพรที่ดูสูงค่านี้อีก
ท่านก็คงจะไม่ไว้ใจพวกผู้ดีมีเงินที่ระบุตัวตนไม่ได้สักเท่าไหร่นักหรอก
แล้วถามว่าเขาระบุตัวตนของท่านโทริโกะได้มากน้อยแค่ไหน
ตอบเลย...นอกจากชื่อกับอาชีพพ่อแม่ที่เจ้าตัวบอกเขามา
เขาไม่รู้อะไรนอกเหนือจากนั้น
ว่าแล้วมือเล็กก็พับจดหมายลงกับโต๊ะ
เริ่มพิจารณาของที่อยู่บนโต๊ะอย่างละเอียดอีกครั้ง
นิ้วเล็กหยิบเกลือขึ้นมาแล้วยีมันเบาๆกับปลายนิ้วให้มันลงร่วงไปบนกองเล็กๆสีขาวเช่นเดิม....สัมผัสดีมาก
ละเอียดราวปุยหิมะและเหมือนจะละลายไปเมื่อถูกอุณหภูมิจากร่างกายเขา กลิ่นก็เยี่ยม
เป็นเกลือสมุทรสดๆเหมือนเพิ่งขนมาจากเมืองติดทะเล
ต่อให้เขาไม่ชำนาญในการประเมินคุณภาพวัตถุดิบเทียบเท่าท่านย่าเซ็ตสึโนะ แต่เขาก็ทราบได้ทันที...
นี่เป็นของดีระดับคุณภาพสูงสุด
แม้แต่ร้านของเขายังคงไม่กล้าใช้เพราะราคามันสูงมาก
คงจะมีเพียงพระราชา...ที่ได้กินเกลือชั้นเยี่ยมเช่นนี้...
เดี๋ยวนะ
พระราชา...เช่นนั้นเหรอ
ว่าแล้วดวงตาสีดำสนิทก็หันไปอีกทาง
บ๊วยสุกสีเหลืองแกมส้มลูกโตวางอยู่ในกล่องปิ่นโตสี่ชั้นแล้วจัดเรียงบนผ้าสักหลาดอย่างดี
โคมัตสึไล้ปลายนิ้วไปถามผิวของมัน...
บ๊วยพวกนี้มันไม่ได้สุกธรรมชาติ...แต่ถูกบ่มมาเป็นอย่างดี
มันไม่แปลกอะไรเพราะฤดูนี้ไม่ใช่ฤดูที่บ๊วยจะสุก
เพราะฉะนั้นในตลาดจึงยังไม่มีขาย ถ้าหากต้องการตอนนี้ก็มีแต่ต้องปลูกเองเท่านั้น
แล้วโคมัตสึยังไม่เคยเห็นสวนบ๊วยในละแวกนี้ นอกจากบนเนินท้ายวังนั่น แล้วคิดถึงเรื่องเมื่อวาน
เขาใช้เวลาอยู่พอสมควรที่จะหาลูกบ๊วยสุกในสวนนั้นมาต้มเป็นยาให้อุซางิจังดื่มเพราะมันหายากมาก
แต่ตามต้นเขาก็เห็นว่าลูกบางส่วนมันถูกเก็บไปแล้ว สวนนั้นเป็นสวนของเจ้าชายรัชทายาทไม่ใช่หรือ...คนที่เก็บได้ก็ต้องเป็นเจ้าชายรัชทายาทสิ
แล้วนี่ทำไม...ท่านโทริโกะถึงไปเอามันมาได้...
แล้วไหนจะผ้านี่อีก...เขาไม่เคยเห็นลวดลายที่ประณีตขนาดนี้มาก่อน
แต่พอท่านย่าเห็น ท่านย่าถึงกับจับจ้องมันอย่างเนิ่นนาน แล้วสายตาของท่านไม่ใช่ตะลึงค้างเพียงเพราะว่ามันสวยด้วย...เด็กชายตัวน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่
ในหัวคิดไม่ตก มีแต่ความคิดฟุ้งซ่านวิ่งชนกันให้วุ่นไปหมด แล้วประตูก็เปิดดังครืด ปรากฏร่างหญิงชราร่างเล็กเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆเขา
“ท่านย่า...หลานมีเรื่องอยากถามหน่อยขอรับ”
เด็กชายเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม “ท่านย่าบอกว่าเคยทำงานอยู่ในวังใช่ไหมขอรับ
แล้วตอนที่ท่านย่าออกมา องค์จักรพรรดิทรงมีทายาทแล้วหรือยังขอรับ”
“อืม...เท่าที่ย่าจำได้
ฮิทรงตั้งครรภ์พอดี และก็เป็นทายาทองค์แรกของพระจักรพรรดิ
ดูท่าว่าจะเป็นโอรสเสียด้วย”
“แต่ในเมื่อพระมารดาเป็นฮิไม่ใช่โคโกว2 ก็หมายความว่ายังไม่ใช่เจ้ารัชทายาทสินะขอรับ”
“ใช่...ในอีกสี่ปีถัดมาโคโกวก็ประสูติพระโอรส
องค์จักรพรรดิก็พระราชทานตำแหน่งองค์รัชทายาทให้ทันที
แต่ย่าไม่เคยเห็นเจ้ารัชทายาทหรอกนะ”
แม่ครัวอันดับหนึ่งหัวเราะออกมาเบาๆเป็นเชิงเสียดาย “ย่าออกมาก่อนที่ท่านจะประสูติอีก
โฮะๆ แต่ถึงย่าจะยังอยู่ก็คงไม่มีโอกาสได้พบอยู่ดี คนสำคัญขนาดนั้นก็จะอยู่ที่วังตะวันออกเป็นประจำ
ไม่มีโอกาสที่ท่านจะเฉียดมาแถววังหลัง
ที่พอจะรู้ก็ข่าวที่จิโร่จังจะมาเล่าให้ฟังนานๆทีนี่แหล่ะ
ได้ยินว่าตอนนี้พระองค์เติบโตเป็นหนุ่มน้อยที่หล่อเหลาเอาการ...น่าจะอายุเท่าๆเจ้าเลยนะ
โคมัตสึ”
เท่าเหรอ...?
“แล้วทำไมหลานถึงอยากรู้เรื่องของเจ้ารัชทายาทนัก
มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“มันน่าจะเชื่อมโยงกับคนที่ท่านย่าบอกให้ข้าช่วยยืนยันตัวตนเขาน่ะขอรับ”
พ่อครัวตัวน้อยยิ้มจางๆ ดวงตาคู่โตเบือนไปยังข้าวของมากมายบนโต๊ะแล้วเริ่มว่าขึ้น
“คนที่ส่งของให้ข้ามานี้เขาบอกว่าเป็นพระสหายคนสนิทของเจ้ารัชทายาทขอรับ
พ่อของเขาเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของจักรพรรดิอิจิริว ข้าก็เลยอยากทราบว่า..”
“เดี๋ยวก่อนซิ
เมื่อกี้นี่เจ้าว่ายังไงนะ!” โคมัตสึสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกขัดอย่างกะทันหัน ซ้ำสีหน้าของท่านย่าที่บอกว่าตกใจยิ่งกว่าตอนเครื่องเทศพิเศษหมดเสียอีก
โคมัตสึเผลออ้าปากค้าง ไม่รู้จะย้อนกลับไปตรงไหน
“อะ
เอ่อ...คือ...ท่านย่าหมายความว่าเช่นไรขอรับ”
“เจ้าบอกว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันนี้มีนามว่าอะไรนะ”
“อิจิริวขอรับ”
โคมัตสึตอบไปตรงๆ แม่ครัวมือหนึ่งของแผ่นดินเบิกตากว้าง ใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ท่านจะกลับเป็นปกติ
แต่โคมัตสึก็รับรู้ได้ว่าสำหรับคนที่มีสมาธิดีเยี่ยมเสมออย่างท่านย่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านต้องใช้เวลารวบรวมสติพอสมควร...เกิดอะไรขึ้นนะ
แค่ชื่อเองไม่ใช่เหรอ..
“ในราชสำนักมีกฎมณเฑียรบาลมากมาย...มีเรื่องต้องห้ามตลอดจนความลับที่ไม่ควรแพร่งพรายถึงบุคคลภายนอกหรือแม้แต่คนภายในบางคนก็ยังไม่ทราบ
และเรื่องที่ต้องปิดปากเงียบที่สุดก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับพระจักรพรรดิ...”
โคมัตสึตัวแข็งเกร็ง รู้สึกว่าปลายมือปลายเท้าของตัวเองเย็นชืดไปหมด
หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำเมื่อท่านเซ็ตสึโนะพยักหน้าช้าๆกับคำขยาย
“...โดยเฉพาะพระนาม...มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กธรรมดาๆอายุสิบสามปีอย่างเจ้าจะมารู้ได้เลย
คนที่รู้พระนามของจักรพรรดิก็มีเพียงแต่พระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น...แม้แต่ตัวย่าเองก็รู้เพราะจิโร่จังเผลอหลุดปากเรียก...โคมัตสึ
ตอนนี้ย่าขอถาม เจ้าไปรู้มาจากใคร แล้วเขาคนนั้นเป็นใครกันแน่”
โคมัตสึไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว
เหมือนทั้งสองหูมันอื้ออึงไปหมด คำถามของท่านย่าว่าอะไรเขาไม่ค่อยมีสติจะรับฟัง
แต่มันก็คงจะเป็นคำถามเดียวกันที่เขาสงสัยมาโดยตลอดตั้งแต่เห็นข้าวของพวกนี้ส่งมาที่ร้าน
ท่านโทริโกะเป็นใครกันแน่...
เขาเป็นใครถึงสามารถทราบพระนามขององค์จักรพรรดิได้....
เขาเป็นใครถึงไปเอาบ๊วยลูกโตๆออกมาจากสวนนั้นได้
ทั้งๆที่ตัวเองก็บอกว่านั่นเป็นสวนของเจ้าชายรัชทายาท...
แล้วเขาเป็นใคร...ถึงต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอีกมากมาย
เหมือนอย่างผู้ชายผมสีดำเมื่อวานนี้พูดเอาไว้ว่า “มีชีวิตอยู่ให้ได้
แต่ไม่ใช่เพื่อตนเอง จะสูญเสียอะไรไปก็ช่าง แต่ตัวเองเท่านั้นที่ห้ามตาย....”
เขาจะเป็นใคร
ถ้าไม่ใช่....
“เจ้าชายรัชทายาท...”
โคมัตสึรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองมันบินหนีจากร่างไปไกล
แล้วคงจะไม่กลับมาภายในเวลานี้แน่ๆ เด็กชายร่างเล็กไม่รู้สึกโกรธแม้จะถูกหลอก
เขาเชื่อว่าท่านโทริโกะคงจะมีเหตุผลบางประการ
แต่จะเป็นเรื่องใดนั้นเขาก็เชื่อใจว่ามันจะเป็นสิ่งที่ท่านโทริโกะไตร่ตรองแล้วว่ามันควรทำ
ความรู้สึกแรกที่เขารู้สึกคือตกใจแล้วก็รู้สึกผิดตามมาหน่อยๆที่วันนั้นกล้าต่อปากต่อคำกับพระองค์ไปมากมาย
แต่อยู่ๆมันก็รู้สึกขำขึ้นมาเฉยๆ
เพราะถ้าถามว่าต่อให้เขารู้ว่าท่านโทริโกะเป็นเจ้าชายรัชทายาทตั้งแต่แรก
เขาก็คงจะทำแบบเดิมเหมือนวันนั้นทุกประการ
แล้วรู้สึกว่าดีแล้วที่ยังไม่ได้ตอบรับคำขอนั้นไป....
“ข้าต้องได้กินอาหารของเจ้า...อาหารที่เจ้าปรุงขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ
และมีแค่ข้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ...ทำให้ข้าได้หรือไม่”
ดีแล้ว...ที่ยังไม่ได้ตอบ....
“ย่าพอจะรู้ตัวตนของเขาตั้งแต่เห็นผ้าผืนนั้นแล้ว
ถึงแม้ว่าย่าจะไม่เคยเห็นตรงๆ แต่ย่าก็พอเดาได้ว่ามันต้องเป็นงานฝีมือในวัง
แล้วมังกรที่พันรอบดวงอาทิตย์นั้นก็คือสัญลักษณ์ขององค์ชายรัชทายาท...ย่าเลือกที่จะไม่บอกเจ้า
เพราะอยากให้เจ้าได้รู้ด้วยตัวเอง
และจัดการกับความรู้สึกของตนเองว่าเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป”
หญิงชรายิ้มจางๆออกมาพลางขยับเข้าไปใกล้หลานชายตัวน้อยยิ่งขึ้น
มือเล็กๆที่เหี่ยวย่นลูบที่ข้างศีรษะแล้วลงมาที่แก้มอย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นจากฝ่ามือของหญิงคนนี้
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังช่วยปลอบประโลมเขาได้ทุกครั้ง
“ย่ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลใจเรื่องใด...แต่ย่าเชื่อว่าเจ้าจะต้องหาคำตอบให้กับตัวเองได้...ย่าอยากให้เจ้าจำอะไรเอาไว้สักอย่างว่า
ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆมาตัดสินว่าสิ่งใดในโลกนี้ถูกหรือผิด คนที่ตัดสินคือตัวเจ้า...เข้าใจหรือเปล่า”
โคมัตสึยิ้มจางแล้วตอบรับเบาๆว่าเข้าใจ
ในหัวที่เคยหนักอึ้งกลับโล่งและเบาขึ้นแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นเพราะอะไร
แต่เด็กชายกลับรู้สึกว่าตัวเองได้รับคำอนุญาต
เขารักท่านย่าที่เป็นอย่างนี้เสมอ...ท่านย่าไม่เคยมองว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กหรือหลาน
แต่ท่านย่าให้เกียรติเขาในการคิดและตัดสินใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แล้วให้ความเคารพกับความคิดเขาในฐานะของพ่อครัวคนหนึ่ง
“นายน้อยโคมัตสึเจ้าคะ
มีจดหมายถึงนายน้อยโคมัตสึเจ้าค่ะ เพียงแต่เขาบอกว่าให้นายน้อยไปรับเองที่หน้าร้านเจ้าค่ะ”
เด็กสาวคนหนึ่งเลื่อนบานประตูแล้วบอกอย่างสุภาพ ดวงตากลมโตสบกับย่าของตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนจะลุกไป
ในใจคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอาจเป็นคนของท่านโทริโกะ ระมัดระวังขนาดนี้....
เป็นเรื่องสำคัญขนาดไหนกันนะ...
ที่หน้าร้านจะมีมุมๆหนึ่งที่เป็นห้องเล็กๆค่อนข้างเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่ต้องการบรรยากาศที่เงียบเป็นพิเศษ
ในห้องนั้นมีคนรอเขาอยู่ ไม่แน่ใจว่าจะเรียกเป็นชายหนุ่มหรือเด็กชายดี
ตัวของคนตรงหน้าใหญ่กว่าเขามาก
เพิ่มด้วยกล้ามเนื้อที่โผล่พ้นมาจากยูกาตะแล้วยิ่งทำให้ร่างสูงดูหนาไปอีกเท่าตัว
ใบหน้าของแขกติดถมึงทึงจริงจัง เรือนผมสีแดงเข้ม โคมัตสึกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เขารู้สึกว่าตัวเองหลุดมาอยู่ต่อหน้านักสู้นับแสน หรือไม่ก็เทพสงครามผู้น่าเกรงขาม
แต่ถ้าเป็นเทพ...เขาก็รู้สึกว่าเทพองค์นี้ใจดีและอ่อนโยน
เพราะอย่างน้อยบรรยากาศบางๆที่พอจะทำให้รู้ว่าคนตรงหน้ายังคงเข้าถึงได้บ้างบอกโคมัตสึแบบนั้น
“ข้าโคมัตสึขอรับ
ขอคารวะใต้เท้า”
“ข้าซีบร้า
เรียกชื่อก็ได้เจ้าหนู...ไม่ต้องมากพิธีกับข้า”
เสียงทุ้มห้าวดูขัดกับประโยคทำให้โคมัตสึตอบรับเบาๆอย่างว่าง่าย
แอบเดาเอาไว้ในใจแล้วว่าคงจะเป็นคนสนิทของโทริโกะ
เพราะนิสัยนี่แทบจะถอดออกมาเหมือนกันเปี๊ยบในเรื่องไม่ถือตัว
อันนี้โคมัตสึก็อยากบอกว่าเป็นเกียรติอยู่หรอก
แต่ยังไงก็ไม่เข้าใจเรื่องสิทธิพิเศษนี่อยู่ดี
“ข้ามาพบเจ้าเป็นการส่วนตัว
เพื่อเอาจดหมายนี้มามอบให้กับเจ้า”
“ข้าน้อมรับพระราชสาส์นของเจ้ารัชทายาทขอรับ”
คำกล่าวของเด็กชายตัวเล็กทำให้ซีบร้าเบิกตากว้าง
ท่าทางหลุดๆที่โคมัตสึเกือบยิ้มออกมาเพราะมันดูตลกเอามากๆ
น่าสงสัยว่าคนๆนี้ไม่เคยทำสีหน้าอึ้งแบบนี้สักเท่าไหร่
“เจ้ารู้แล้วหรือ
เจ้าหนู”
“เมื่อสักครู่ขอรับ”
โคมัตสึยิ้มรับ สีหน้าผ่อนคลายยอมรับกับความจริง
“ถ้าท่านโทริโกะไม่ส่งของพวกนั้นมาที่ร้านพร้อมห่อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ข้าก็คงจะกลายเป็นคนมีตาหามีแววไม่ไปอีกนาน”
เด็กชายหัวเราะเบาๆ
ดวงตาสีดำกลมโตจับจ้องที่บุคคลตัวโตเบื้องหน้าดีๆอีกครั้ง
“แล้วที่ท่านไม่แต่งชุดองครักษ์เต็มยศ ก็เป็นพระบัญชาของท่านโทริโกะหรือขอรับ”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นองครักษ์”
“พอข้าทราบสถานะของท่านโทริโกะแล้ว
ข้าก็พอจะรู้ขอรับว่าท่านต้องเป็นคนสนิทมากๆ
แล้วการที่ท่านมาคนเดียวซ้ำยังถือของสำคัญของพระองค์นั่นหมายความว่าพระองค์ทรงไว้วางใจท่านมากว่าท่านจะสามารถดูแลภารกิจนี้ได้
แล้วที่ท่านมีอาวุธประจำกายคงต้องเป็นฝ่ายบู๊แน่ๆ ข้าก็เลยลงความเห็นว่าท่านจะเป็นราชองครักษ์...ดีไม่ดีอาจจะเป็นราชองครักษ์ส่วนพระองค์เลยขอรับ”
ช่างสังเกตจริงนะ.....
คราวนี้ซีบร้าไม่อึ้งแล้ว
แต่พอใจแทน ร่างสูงหลุดหัวเราะเบาๆอย่างช่วยไม่ได้
ชักจะเข้าใจแล้วว่าทำไมโทริโกะสนใจเด็กคนนี้นัก...เพราะตัวเขาเองที่รู้ตัวว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่สนใจสิ่งใดนอกจากหน้าที่ก็ยังรู้สึกขึ้นมาเลย...
ว่าไอ้หนูนี่...พิเศษกว่าใคร...
แต่ดีแล้ว...ที่ได้รู้ตัวตั้งแต่ต้น
ดีกว่าไม่รู้แล้วมันเกิดไปรู้สึกเอามากๆภายภาคหน้า
ถ้าเป็นแบบนั้นเขาไม่เอาด้วยหรอก...ไม่เอาด้วยเด็ดขาด
“อ่านจดหมายได้”ซีบร้าเอ่ยอนุญาต
มือเล็กเปิดฝากกล่องบุผ้าอย่างดีออก
ข้างในมีสาส์นเป็นกระดาษสาบางๆพับทบกันอยู่เรียบร้อย เด็กชายคลี่ออกอ่าน
เป็นข้อความที่สั้นกว่าฉบับก่อนมาก แต่ใจความมันน่าตกใจกว่าฉบับก่อนมากเช่นกัน
“เรียกพบหรือขอรับ!”.....แถมสถานที่ยังเป็นสวนบ๊วยหลังวังที่พบกันแรกด้วย...
“รักษาเวลา”
ซีบร้ากำชับ
“แล้วคำถามที่พระองค์ตรัสถามเจ้าไปเมื่อคราวที่แล้วก็อย่าลืมตอบ...ทั้งขาไปและกลับข้าจะเป็นผู้อารักขาเจ้าอย่างห่างๆเอง
ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อารักขาหรือขอรับ!”
โคมัตสึร้องเสียงหลง รีบโบกมือเป็นระวิง “มะ ไม่เป็นไรหรอกขอรับท่านซีบร้า อย่าเดือดร้อนเลยขอรับ
คือข้าไม่ได้สำคัญหรือมีสิทธิ์อะไรที่จะให้ท่านมาตามอารักขา”
“เจ้าบ้าหรือเปล่า!”
ซีบร้าค้านขวับ ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นคนตัวเล็กสะดุ้งแล้วนั่งตัวลีบ
คือเขาอยากแก้ตัวว่าไม่ได้จงใจตวาดนะ เพียงแต่มันเผลอไปจริงๆ
ก็ใครใช้ให้เจ้าเด็กนี่ปฏิเสธกันล่ะ เรื่องนี้มันใช่เรื่องที่ปฏิเสธได้ซะที่ไหน
“ถ้าข้าไม่ทำสิ ข้าถึงจะเดือดร้อน เอาเป็นว่าเรื่องทั้งหมดข้าดูแลเอง
ส่วนเจ้าก็ทำตามที่จดหมายนั่นบอกก็พอ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าขอรับ”
“หือ?”
“เปล่าขอรับ
ขออภัยหากข้าละลาบละล้วง แต่ข้าเห็นสีหน้าท่านไม่สู้ดีเท่านั้น
ข้าคงไม่บังอาจเสนอตัวช่วยท่าน...แต่หากสิ่งใดที่ข้าทำให้งานของท่านปฏิบัติได้ง่ายขึ้น
ได้โปรดบอกด้วยเถิดขอรับ”
ดวงตาสีดำสนิทคู่โตมีประกายความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าจนทำให้ราชองครักษ์ผู้ไร้เทียมทานถึงกับเผลอมองไปชั่ววินาที
เขาพอใจ...พอใจกับคำพูดของเด็กคนนี้ มันไม่ได้ส่อแววความอวดดีอย่างที่เขาเกลียดเลย
แต่สีหน้ าและแววตาแบบนี้มันบอกว่าถ้าได้รับงานใดมา
เด็กคนนี้จะทำอย่างเต็มที่และจะรับผิดชอบด้วยเกียรติของตัวเอง
ยิ่งเรื่องใดเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้อื่น
เด็กคนนี้ก็คงจะเอาชีวิตของตัวเองเข้าเดิมพันด้วยเช่นกัน
ให้ตายสิ...โทริโกะ...ชาติที่แล้วเจ้าทำบุญด้วยอะไร
ถ้าเป็นไอ้หนูนี่...อาจจะใช่ก็ได้...
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอเตือนเจ้าเพียงอย่างเดียว
เรื่องผู้ชายที่พบกับเจ้าเมื่อวานนี้
เจ้าอย่าได้เข้าใกล้หรือพบปะพูดคุยกับเขาอีกเป็นอันขาด
ส่วนรายละเอียดข้ายังบอกเจ้าไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยกับตัวเจ้าเอง”
ซีบร้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ดวงตาคมจับจ้องเพื่อเน้นย้ำก่อนที่องครักษ์ร่างสูงจะทำในสิ่งที่โคมัตสึไม่เคยคาดคิด
ศีรษะที่เคยตั้งตรงอยู่เสมอไม่เคยค้อมให้ใครนอกจากเจ้ารัชทายาทบัดนี้ก้มต่ำลงจนอยู่ระดับสายตาของเด็กชายอย่างสง่างาม
มือนาบที่หน้าขาถูกต้องตามระเบียบมารยาทของซามูไรชั้นสูง
น้ำเสียงทุ้มห้าวอ่อนลงกว่าเดิมมาก
“นี่ไม่ใช่เพื่อให้งานของข้าง่ายขึ้น...ไม่ใช่คำสั่งหรือข้อบังคับใดๆทั้งสิ้น
แต่มันเป็นคำอ้อนวอนโดยตรง...คำอ้อนวอนจากเจ้าชายรัชทายาทถึงเจ้า....”
โคมัตสึกำลังทำตัวไม่ถูก
เด็กชายร่างเล็กยืนนิ่งเอามือประสานกันไว้ข้างหน้าเหมือนว่าถ้าปล่อยมันออกจากกันมันจะกลายเป็นอวัยวะที่เกะกะไปเลย
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแถมแรงไม่สมขนาด เหงื่อซึมไปทั่วแผ่นหลังและฝ่ามือที่เย็นเฉียบ
นี่มันไม่ใช่เล่นๆเลย
เขากำลังมายืนรอพบเจ้าชายรัชทายาท
ถึงจะมั่นใจว่าท่านโทริโกะจะไม่ทำตัวแปลกไปจากเดิม แต่ก็อดเกร็งไม่ได้อยู่ดี
ทันใดลมหายใจก็สะดุดเฮือกเมื่อเขาเห็นร่างสูงผมสีฟ้าสว่างเดินมาไกลๆ
เท่านั้นแหล่ะและหลังจากนั้นก็ได้ยินเพียงแต่เสียงฝีเท้าเท่านั้น ใบหน้าเล็กก้มงุด
ไม่เข้าใจว่าอาการปอดแหกมันมาเล่นงานอะไรเขามากมายขนาดนี้
เด็กชายตัวเล็กบีบมือตัวเองแน่น ไหล่ไหวสะท้านเมื่อเสียงฝีเท้าเงียบไป
แทนที่ด้วยเสียงลมหายใจ พร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่เป่ารดบริเวณไรผม
นี่มัน...
นี่มัน...ใกล้ไปมั้ย!?
“เป็นอะไร”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นแฝงไปด้วยกระแสหยอกเย้า “ข้าจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เราเจอกันเจ้ายังกล้าจ้องหน้าข้าตรงๆอยู่เลย...อย่าบอกนะ
ว่าเจ้าเกิดกลัวข้าขึ้นมา”
“ไม่ได้กลัวอะไรนะขอรับ! เอ๊ย!...กระหม่อมไม่ได้กลัวอะไรพ่ะย่ะค่ะ
แต่เพียงคิดว่าถ้าเงยหน้าสนทนากับพระองค์มันคงจะไม่สมควรสักเท่าไหร่
แล้วอีกอย่าง....” โคมัตสึเม้มริมฝีปากแน่น
เหลือบขึ้นมองเพียงเล็กน้อยแล้วหลุบตาลงอย่างเก่าอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าคนเบื้องหน้ายังยืนเสียชิดตัวเขา
“ชะ..ช่วยถอยออกไปอีกสักนิดได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้”
“ท่านโทริโกะ!”
น้ำเสียงเล็กๆแหวลั่นแล้วเงยหน้าค้อนขวับโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่โคมัตสึรู้สึกว่าตัวเองพลาดอย่างมหันต์
ดวงตากลมโตสบเข้ากับกับนัยน์ตาแพรวพราวสีน้ำตาลอ่านยาก
เด็กชายลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สายตาของท่านโทริโกะอันตรายเสมอ
เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่สบตากันครั้งแรกแล้ว
เขาไม่เคยต้องมาใจเต้นแบบนี้
ไม่เคยที่อยากจะคิดหลบสายตาใคร....แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้...แบบนี้
เด็กชายสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายคางของตนถูกยึดเอาไว้ด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของคนอีกคนราวกับว่ากลัวเขาจะก้มหน้าหนีลงไปอีก
โทริโกะยกใบหน้าเล็กๆนั้นให้เงยขึ้นเล็กน้อย
มองแก้มขาวที่แต้มด้วยสีชมพูอย่างเพลินตา
นิ้วแกร่งละออกมาเมื่อใบหน้าน่ารักนั้นไม่หันหนีแล้ว
ก็อย่างที่คิด...โคมัตสึก็ยังคงเป็นโคมัตสึ
คนที่กล้าสบตาเขาตรงๆเหมือนเดิม
เขาแกล้งหยอกโคมัตสึไปอย่างนั้นเอง
แกล้งปรักปรำว่าคนตรงหน้ากลัวเขา แต่มันก็น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปได้ที่ไหน
เจ้าตัวเล็กนี่กล้าเถียงเขาทันทีที่จบประโยคด้วยคำราชาศัพท์เสียด้วย...ถึงมันจะฟังดูห่างเหินก็เถอะ
แต่เขาก็ไม่บังคับให้โคมัตสึทำตัวตามสบายเวลาอยู่ตามลำพังเหมือนโคโคะ
เพราะอะไร...จุดประสงค์มันก็ชัดเจน เจ้าโคโคะคือคนที่เขาอยากได้เป็นเพื่อน
ไม่ใช่ข้าทาสบริวาร
แต่สำหรับโคมัตสึ
เขาไม่ได้อยากให้มาเป็นทั้งเพื่อน...หรือผู้ใต้บัญชานี่
โคมัตสึคือสมบัติของเขา...สมบัติของเจ้าชายรัชทายาท
แล้วเจ้าชายรัชทายาทจะรับผิดชอบดูแล...ด้วยชีวิตของตัวเอง
“โคมัตสึ...”
“จริงสิ! ข้ามีเรื่องจะทูลพระองค์
เรื่องที่พระองค์ได้มีพระบัญชาให้ข้าได้ตั้งชื่อลูกของอุซางิจังพ่ะย่ะค่ะ” เด็กชายคลี่ยิ้มจางๆแล้วกวาดตามองไปโดยรอบ
“สวนบ๊วยแห่งนี้คือที่เกิดของเจ้าหนู
เพราะฉะนั้นเขาสมควรที่จะชื่ออุเมะ...ชื่ออุเมะเหมาะสมที่สุดในความคิดของข้าพ่ะย่ะค่ะ”
โคมัตสึหุบยิ้มทันทีเมื่อหยุดสายตาที่คนตรงหน้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นสีหน้านิ่งค้างของคนฟัง แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วย
เท่านั้นเด็กชายก็หน้าซีด เมื่อจำได้ว่าคนตรงหน้าเรียกชื่อเขาค้างไว้
“เอ้อ...มะ
เมื่อกี้พระองค์จะตรัสอะไรหรือเปล่า คือ...ขอพระราชทานอภัย
ข้าไม่ได้จงใจเอ่ยแทรกนะพ่ะย่ะค่ะ...เอ่อ...พอดีมันนึกออก
แล้วคิดว่าทูลพระองค์เลยมันน่าจะดีกว่า แบบว่า..”
“ข้าก็ยังไม่ได้ว่าอะไร
ทำไมเจ้าถึงกลัวข้าจัง” โทริโกะแทรกบ้างด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พึมพำเบาๆ
“อุเมะหรือ...เป็นชื่อที่ดี แต่ไม่ว่าจะเป็นชื่ออะไร
ขอแค่เจ้าเป็นคนตั้งมันก็ดีทั้งนั้นนั่นแหล่ะ
แต่ที่ข้ามาพบเจ้าวันนี้ไม่ใช่เพื่อมาฟังแค่คำตอบนี้คำตอบเดียวนะ”
เด็กชายร่างเล็กเลิกคิ้วน้อยๆในขณะที่คนเป็นเจ้าชายยิ้มกริ่มแล้วล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากสาบชุดกิโมโน
บรรยากาศรอบกายของเขาเงียบสนิทเหมือนจะมีพิธีการอะไรที่สำคัญต่อจากนี้ทั้งๆที่มันไม่มีใครนอกจากเขากับเจ้ารัชทายาทหรือเหตุการณ์ใดจะเป็นไปได้เลย
สิ่งที่วางอยู่บนมือแกร่งคือห่อผ้าสีเหลืองทองที่เขาเพิ่งรู้มาหมาดๆว่ามันเป็นของประจำวังตะวันออก
แต่มันน่าตกใจกว่าเก่าเมื่อเจ้าของผ้าค่อยๆเปิดมันออก
สิ่งที่วางอยู่ภายในคือของที่โคมัตสึเคยเห็นมาทุกวัน
แต่สิ่งที่พิเศษคือ
เขาไม่เคยมีมันเป็นของตัวเอง
“ปลอกมีด...”
เด็กชายเอ่ยได้แค่นั้นแล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
สายตาจับจ้องนิ่งทว่าสั่นระริก
ปลอกมีดตรงหน้าทำมาจากโลหะซึ่งโคมัตสึเดาได้โดยไม่ต้องนำไปพิสูจน์ว่ามันคือทองคำแท้
บนตัวแกะสลักเป็นลายมังกรที่ดูเหมือนกับตัวบนผ้าไม่มีผิด
แต่แทนที่มังกรตัวนี้จะพันรอบดวงอาทิตย์อย่างที่เคยเห็น แต่มันกลับเป็นดอกไม้....มังกรกับดอกไม้
ฟังแล้วดูขัดแย้ง แต่พอมันมาอยู่ต่อหน้าตรงนี้แล้ว
โคมัตสึก็รู้สึกว่ามันช่างลงตัวและงดงามไม่มีที่ติ
แต่ว่า...ดอกไม้ดอกนี้...
“เจ้ารู้จักฮิมาวาริไหม”
“ดอกทานตะวันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอบตรงชะมัดเลยเจ้านี่! ซื่อเอ๊ย!” โทริโกะหัวเราะหึๆแล้วอดไม่ได้ที่จะเอามืออีกข้างขยี้หัวอีกฝ่ายที่ไม่รู้จะขัดบรรยากาศของเขาไปถึงไหน
“แต่พูดว่ามันคือดอกทานตะวันก็ไม่ผิดหรอก...เพราะว่าฮิมาวาริก็ปฏิบัติตนได้คล้ายกับวิสัยของดอกไม้ชนิดนั้นจริงๆ...มันคือตำแหน่งของพ่อครัวตลอดจนผู้ดูแลประจำพระองค์ของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
คนที่จะมีฮิมาวาริได้ก็คือเจ้าชายรัชทายาท และเจ้าชายอันดับสอง...เพียงสองคน
เพราะอย่างนั้นมันจึงเกิดการเปรียบเทียบ
หากเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างข้าคือดวงอาทิตย์แล้ว ผู้ที่คอยทำอาหารถวาย
ดูแลความปลอดภัยในด้านปากท้องและดูแลข้างกายตลอดเวลาก็คือฮิมาวาริ เพราะว่าไม่มีใครที่จะเฝ้ามองดวงอาทิตย์ได้ดีไปยิ่งกว่าดอกทานตะวัน...และปลอกมีดอันนี้ก็เป็นสัญลักษณ์”
“อย่างที่ท่านย่า..”
“ใช่
ยายเซ็ตสึของเจ้าก็คือฮิมาวาริของท่านอาจิโร่
ในสมัยที่ท่านอายังเป็นเจ้าชายอันดับสอง
ซึ่งโดยปกติแล้วการคัดเลือกฮิมาวารินั้นคือการแข่งขันทำอาหารที่จะจัดขึ้นโดยวังหลังภายในสามเดือนก่อนที่เจ้าชายรัชทายาทจะครองราชย์
ผู้ที่ชนะอันดับหนึ่งคือฮิมาวาริของจักรพรรดิองค์ใหม่
ส่วนผู้ชนะอันดับสองคือฮิมาวาริของเจ้าชายอันดับสอง
แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น” โทริโกะยักไหล่ อมยิ้มมุมปากแล้วกระซิบเสียงทุ้ม
“พวกเรามีสิทธิ์เลือกฮิมาวาริด้วยตนเอง
โดยไม่สนการแข่งขัน”
“ทำไมล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็เพราะคนที่จะมาดูแลข้า...ไม่ใช่คนที่ทำอาหารเก่งหรือรอบรู้เรื่องวัตถุดิบดีที่สุดในแผ่นดิน
ข้าต้องการคนที่คิดจะอยู่ข้างกายข้าไปตลอดก็เท่านั้น...ข้าไม่ได้ต้องการใคร...ข้าต้องการแค่เจ้า
โคมัตสึ”
เด็กชายร่างเล็กยืนนิ่ง
ผิวกายซึมซับบรรยากาศที่เงียบงันจนน่าขนลุกแล้วลงไปถึงหัวใจแล้วมันก็แสดงออกมาเป็นจังหวะที่ทั้งเร็วและแรงเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
ตรึงทุกอย่างเอาไว้ด้วยดวงตาคมที่ส่องประกายความตั้งใจอย่างแรงกล้า
“ฮิมาวาริของข้ามีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น...ทีนี้ได้โปรดตอบคำถามที่ข้าถามเจ้าเมื่อครั้งแรกที่เราเจอกันด้วย”
‘ข้าต้องได้กินอาหารของเจ้า...อาหารที่เจ้าปรุงขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ
และมีแค่ข้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ...ทำให้ข้าได้หรือไม่’
.
.
.
.
.
TBC…
มิยะขอเม้าท์
วันนี้ไม่เม้าท์อะไรมาก สงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะรู้ว่าหายหน้าหายตาไปนาน ฮ่าๆๆๆๆ คือมีอภิธานศัพท์ค่ะ
ฮิ หมายถึง ตำแหน่งภริยาอันดับสองขององค์จักรพรรดิค่ะ
โคโกว คือตำแหน่งภริยาอันดับหนึ่ง หรือราชินีนั่นเอง
เจอกันตอนหน้าค่ะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวจริงๆ ฮ่าๆๆๆ แต่ว่าขอขอบคุณคอมเม้นท์มากๆเลยค่ะ ซาบซึ้งใจจริงๆที่ชอบเรื่องนี้ ฟิคจะดราม่าก็ไม่ดราม่า จะรั่วก็ไม่รั่ว =w= เอ็งแต่งฟิคแบบไม่คำนึงถึงแนวแล้วสินะไอ้คุณมิยะ กรั่กๆ
เจอกันเอนทรี่หน้าค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
Miya
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น