หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

S.Au.Fic Toriko [Toriko x Komatsu] Himawari ความอบอุ่นของดวงตะวัน : 01



S.Au.Fic Toriko [Toriko x Komatsu] Himawari  ความอบอุ่นของดวงตะวัน

Period Romantic Drama

PG

คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและสถานที่ในฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการผสมผสานของผู้เขียน ไม่มีความเป็นจริงในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นไม่สามารถใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ



          ตอนที่ 1



          “เจ้ารัชทายาท...พระองค์ทรงมีเรียนวรรณคดี รีบเสด็จที่ห้องทรงพระอักษรเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นจากเบื้องหลัง แต่คนถูกเรียกไม่ตอบกลับ กำลังนั่งง่วนอยู่กับพื้น ความจริงจะบอกว่า กับพื้น เลยไม่ถูกนัก เพียงแต่ยังอยู่ในท่ายองๆอย่างที่คนเห็นอยากถามนักว่าข้อพระบาทของพระองค์ทำด้วยอะไร นั่งแบบนี้มาจนจะชั่วโมงอยู่แล้ว และอยากถามซ้ำอีกว่าข้อพระบาทของพระองค์มันเป็นแบบไหนถึงเลือกเมื่อยได้ถูกกาลเทศะ ตอนฝึกมารยาทยังทนได้ไม่ถึงห้านาทีก็ร้องโอดโอยอย่างกับมันหักไปทั้งสองข้าง

            คนเรียกถอนหายใจเบาๆแต่ยาวเหยียด เน้นเสียงยิ่งกว่าเดิม “เจ้ารัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ....”

            “ฮื้อ...เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้ากำลังทำอะไร สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าข้านี้น่าสนใจกว่าวรรณคดีสามก๊กที่ข้าอ่านจบไปสามรอบนั่นตั้งเยอะน่า...ให้ข้าอ่านอีกกี่รอบก็ได้ กลายเป็นคนคบไม่ได้ไปจนชาติหน้าก็ได้ แต่ก่อนที่ข้าจะไม่มีใครคบข้าก็ขอทำหน้าที่เพื่อนให้ดีก่อนได้ไหม” เจ้าชายรัชทายาทที่ว่าเริ่มทำเสียงสั่น สูดจมูกอย่างแรงพร้อมเบ้ปาก แล้วยิ่งสั่นมากขึ้นเมื่อยื่นมือออกไป ท่าทางน่าสงสารเหลือประมาณ

“เจ้าดูสิ...อุซางิของข้าไม่มีแรง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ...เอ้อ...ไม่สิ นอนหลับ...อุซางิของข้านอนหลับอย่างเดียวเลย ดูหน้าก็รู้ว่าอ่อนเพลียแค่ไหน ปล่อยให้เพื่อนป่วยแบบนี้ ข้าจะไปทำอะไรไหว!

“นั่นก็เพราะอุซางิใกล้คลอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนเป็นแม่ที่ใกล้คลอดก็ต้องถนอมแรงกายเอาไว้เป็นธรรมดา”

“เจ้าบ้าโคโคะ!” องค์รัชทายาทโวยลั่นอย่างเหลืออด พลางจับหน้าแหลมๆของอุซางิที่ว่ายกขึ้นจากพื้นให้เห็นเต็มตา “คนเป็นแม่ก็ต้องดีใจที่ลูกจะเกิดมาสิ แต่เจ้าดู! ดูนี่เลย! คนเป็นแม่ที่ไหนทำตาเศร้าสร้อยแบบนี้ เศร้ายังไม่พอ ยังเป็นกังวลและหวาดกลัวอีกต่างหาก!” เขาวางหน้าของอุซางิลงอย่างเบามือ แล้วหันกลับไปลูบแผงคอมันอย่างทะนุถนอม พลันก็ทำท่าชะงักกึก เงี่ยหูลงไปใกล้เหมือนฟังอะไรอย่างตั้งใจ ชั่วครู่เท่านั้นเจ้ารัชทายาทก็ลุกผึงจนเหล่าข้าราชบริพารแถวนั้นสะดุ้งเฮือก ยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นองค์ชายคนสำคัญของแผ่นดินเดินถอยหลังทำท่าใกล้ระเบิดน้ำตา โวยลั่นออกมาว่า

“ไม่!!

“พระองค์ทรงเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ! ไม่สิ! ยังไหวอยู่ไหมฝ่าบาท...” โคโคะ ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ร้องอย่างตื่นตระหนกแฝงไปด้วยความละเหี่ย แต่เจ้ารัชทายาทของเขาไม่สนใจคำถาม ยังคงไม่ละสายตาไปจากสิ่งมีชีวิตตรงหน้าแล้วส่ายหัวช้าๆ

“ไม่นะ...สหายข้า ไยเจ้าพูดราวกับเจ้ากำลังจะตายอย่างนั้น”

มันยังไม่ได้พูดสักคำเลยพ่ะย่ะค่ะ

โคโคะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอีกครั้ง มองคนที่ไม่เคยมีน้ำตาทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาล่ะอยากถามอีกอย่างว่าต่อมน้ำตาของพระองค์ทำด้วยอะไร มันถึงได้ทำงานดีเป็นเวล่ำเวลาทุกที ตอนถูกพระบาทของจักรพรรดิอิจิริวยันเข้าให้เต็มรักทุกๆวันยังไม่เห็นจะร้องสักแอะ

“องค์รัชทายาท เสด็จที่ห้องทรงพระอักษรก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ท่านเฝ้าอุซางิทั้งวันมันก็ไม่คลอดหรอกพ่ะย่ะค่ะ ตามกำหนดการที่แพทย์ผู้ดูแลสัตว์ทรงบอก ถึงจะเป็นพรุ่งนี้ตอนสายๆ...แล้วยิ่งพระองค์ทำท่าจะกันแสงแบบนี้ อุซางิคงไม่มีความสุขหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าว่าอย่างนั้นเหรอ”

“มีครั้งไหนที่ข้าเคยปดพระองค์หรือ” ดวงหน้าหล่อเหลาของที่ปรึกษาแผ่นดินในอนาคตเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน มองแล้วทำให้โลกใบนี้อบอุ่นราวกับแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิสมกับเป็นบุรุษที่ได้ชื่อว่ารูปงามเป็นอันดับสองของแผ่นดินอาทิตย์อุทัย ไม่ว่าใคร...ไม่ว่าเพศใด...หรือคนวัยไหน ได้เห็นรอยยิ้มของโคโคะแล้วต้องเคลิบเคลิ้มคล้อยตามกันทุกคน

“อา...อย่าทำแบบนี้สิ...เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าแพ้รอยยิ้มของเจ้า โคโคะเอ๋ย....” สายพระเนตรของเจ้าชายฉ่ำเยิ้ม คลี่ยิ้มหวาน ยื่นมือที่เพิ่งไปลูบขนของอุซางิมาหมาดๆแตะเข้าที่ข้างแก้มขาวของเด็กหนุ่มก่อนจะหุบยิ้มฉับแล้วออกแรงดึงเนื้อส่วนนั้นจนยืดออกเป็นขนมโมจิ ดวงตาหวานเพ้อกลายเป็นคมกริบดุจปิศาจจ้องมาคาดโทษ

“ซะเมื่อไหร่กันล่ะว้อย!! หนอย! เจ้าถามข้าใช่ไหม ว่ามีครั้งไหนที่เจ้าเคยโกหกข้าบ้าง...ก็ตอนที่เจ้ากำลังยิ้มหว่านเสน่ห์พันลี้อย่างนี้ไง เจ้าคิดว่าเจ้าใช้ลูกไม้ตื้นๆที่เที่ยวโปรยใส่นางกำนัลของข้ามาใช้มันจะทำให้ข้าใจอ่อนเรอะ! ดูถูกข้าชัดๆเลย นี่เจ้าเป็นที่ปรึกษาข้าจริงหรือเปล่า เป็นคนที่โตมากับข้าไหม เรียนสำนักเดียวกันกับข้าแน่นะ เจ้าอยู่กับข้ามากี่ปี ถึงไม่รู้ว่าข้าไม่ชอบรอยยิ้มใครนอกจากอุซางิน่ะ!!

แล้วรอยยิ้มของอุซางินั่นมันเป็นยังไงกันล่ะฝ่าบาท...

โคโคะเหลือกตา เขาทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเกียรติยศขององค์ชายคนสำคัญของประเทศแล้วนะ แต่ถ้ามีข่าวลือหนาหูว่าราชวงศ์จะไร้ทายาทในรัชกาลต่อไปมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะว่าที่ราชาองค์ถัดไปตรงหน้านี้ไม่เป็นอันทำอะไรตั้งแต่นางในดวงใจของพระองค์ตั้งครรภ์ ไม่เรียน ไม่ฝึก ไม่เสวย ไม่บรรทม...ทำเหมือนแพ้ท้องแทนทุกประการทั้งๆที่ไม่ได้ไปทำเขาท้อง คนที่ทำให้พระองค์เป็นหนักขนาดนั้น...

อุซางิ แม่ม้าสีดำสนิทคู่พระทัยของเจ้าชายรัชทายาท

ใช่...อุซางิคือแม่ม้า แม้ว่าจะชื่ออุซางิแต่ก็คือม้าอย่างไม่มีทางสงสัย และคนที่นั่งยองๆ คุยกับม้าเป็นวรรคเป็นเวรเมื่อกี้ก็คือเจ้าชายรัชทายาทแห่งแผ่นดินนี้จริงๆไม่ใช่ละครหรือเทพนิยาย...แน่ล่ะ...มันไม่มีทางเป็นเทพนิยายไปได้สักกะผีกเดียว...

สาเหตุที่ไม่ใช่ก็เพราะเจ้าชายคนนี้ไม่ได้มีไว้คู่กับเจ้าหญิงทั้งๆที่ท่านก็รูปงามแม้ตอนนี้จะมีวัยเพียงแค่สิบสาม ตำหนิที่เดียวเกิดจากการเล่นซนคือรอยบากยาวสามรอยที่ใต้ตายาวถึงใบหูแต่สาวๆก็บอกว่ามันทำให้พระองค์ดูเท่(แบบเถื่อนๆ)ขึ้นผิดหูผิดตา พระองค์เป็นคนฉลาด ไหวพริบดี จนกระทั่งบางครั้งมันเข้าใกล้คำว่าบ้าไปหน่อย และแน่นอนว่าสิ่งที่พระองค์ฉลาดและเลือกที่จะสนใจนั้น...

มัน-เป็น-เรื่อง-ประ-หลาด

เจ้าชายในอุดมคติต้องสนใจวิชาดาบและยุทธวิธีการรบบนหลังม้าที่แสนทรงเกียรติ...แต่เจ้าชายพระองค์นี้กลับฝักใฝ่ในศิลปะการต่อสู้แบบอันธพาล หมัดต่อหมัด เท้าต่อเท้า พระองค์ให้เหตุผลง่ายๆว่า แบบนี้มันเป็นลูกผู้ชายมากกว่า...และอีกอย่าง เจ้าชายในอุดมคติต้องมีความรักและห่วงใยในหญิงสาว ปฏิบัติกับพวกนางเช่นดอกไม้บอบบาง แต่เจ้าชายพระองค์นี้ไม่ใช่...สิ่งมีชีวิตเดียวที่ท่านทะนุถนอมคืออุซางิ

และย้ำอีกที...อุซางิเป็นม้า!

“อย่างไรก็ตาม...ข้ากลับตำหนักก็ได้ แต่เจ้าหารือกับข้าหน่อย ข้าว่าอุซางิมีปัญหาจริงๆ ปรึกษาพวกผู้ดูแลสัตว์ทรงไปก็ไม่ได้เรื่อง....ซีบร้ายังไม่กลับมาจากภารกิจใช่ไหม...เรียกแค่ซานี่ก็แล้วกัน” ดวงตาสีน้ำตาลจางแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันควันพลางมองไปที่ม้าคู่ใจของตนที่ราวกับจะสิ้นลมอยู่ทุกวินาที สีหน้าของที่ปรึกษาโคโคะเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยแล้วโค้งลงอย่างสง่างามรับคำบัญชา

“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายโทริโกะ







“การที่อุซางินั้นมีอาการเบื่อน้ำเบื่ออาหารซ้ำยังอ่อนเพลียมากกว่าเหตุ ข้าว่ามีประเด็น แล้วเกรงว่าถ้าลูกของเจ้านั่นออกมาได้อย่างไม่ปลอดภัย เรื่องมันจะยิ่งแย่” ผู้ที่มียศสูงที่สุดในห้องเป็นคนเปิดเรื่อง คนฟังพยักหน้าหงึกหงักแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ เวลานี้ในห้องประทับส่วนพระองค์ของรัชทายาทโทริโกะดูแคบไปถนัดตาเมื่อต้องบรรจุเด็กหนุ่มวัยกำลังโตอีกสามคนมานั่งล้อมโต๊ะด้วย

“แน่ล่ะ...มันเป็นปัญหาแน่ เพราะถ้าเจ้าลูกม้าในท้องของอุซางิเกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็...เจ้าโดนพระจักรพรรดิถีบกระเด็นไปถึงท้ายวังแน่...ข้าได้ข่าวมาแว่วๆว่าลูกม้านั่นจะเป็นของขวัญดูตัวให้ว่าที่คู่หมั้นเจ้าไม่ใช่หรือ”

“ซานี่...” โทริโกะลากเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่นัยน์ตาเย็นยะเยือก “ข้าว่าวันนี้เจ้ารูปงามมาก...เพราะฉะนั้นอย่าให้ปากพาเจ้าดูอัปลักษณ์ลงเลย”

คนถูกปรามหัวเราะร่วน โบกพัดขนนกในมือไปมาอย่างสาแก่ใจที่สุด องค์ชายซาน หรือที่เจ้าตัวให้คนสนิทเรียกว่า ซานี่ เป็นผู้ที่แย่งชิงชายหนุ่มผู้ดูดีที่สุดมาจากโคโคะได้สำเร็จ เด็กหนุ่มผู้มีผมสี่สียาวจนถึงบั้นเอวรวบเป็นทรงหางม้าเรียบร้อย ลูกพี่ลูกน้องขององค์ชายโทริโกะที่เหมือนกันอยู่เพียงเรื่องเดียวคือ ชอบทำตัวแปลกประหลาด

หนึ่งก็คือการทำให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นองค์ชายผู้รักความสำอาง แต่ถ้ารู้จักจริงๆแล้วพระองค์เป็นผู้ชายที่หายากในหมู่ชาย เรื่องจิตใจและทัศนคติเรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่ยอดชายคงไม่มีทางคิดได้

            “แต่โทริโกะ เรื่องที่ซานี่พูดก็มีเหตุผล...ท่านทราบไหมว่าถ้าหากลูกของอุซางิเป็นอะไรไป ผลที่ตามมาคืออะไร” โคโคะว่าขึ้นตามสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในหัวตน หากไม่ใช่ต่อหน้าผู้อื่นแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ราชาศัพท์ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไม่มีเจ้าชายกับที่ปรึกษา มีเพียงเพื่อนที่สัญญาว่าจะเกื้อกูลกันตลอดไป นี่คือสิ่งที่โทริโกะกับซานี่ขอจากเขา เด็กหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าใครวางท่าทีสุขุมกว่าเดิม มือไล้ไปตามปลายคางแล้วขยายความคำพูดตน

            “ลูกของอุซางินั้นได้ถูกติดสินตั้งแต่ตั้งท้องว่าจะเป็นของขวัญดูตัวให้กับท่านหญิงริน...ว่าที่คู่หมั้นของท่านจากแคว้นซะสึมะ...สำหรับนครหลวงแล้ว ซะสึมะถือเป็นแคว้นสำคัญอันดับหนึ่ง ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน...มีกองกำลังทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋นเพรียบพร้อม มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ กินพื้นที่ถึงเกาะคิวชูที่เหมาะกับการเดินเรือค้าขายสินค้า มีระบบการปกครองที่เข้มแข็งและภายภาคหน้าแผ่นดินอาทิตย์อุทัยนี้ต้องพึ่งแผนการปกครองดั้งเดิมของซะสึมะอย่างไม่มีทางสงสัย...”

            เด็กหนุ่มผมยาววัยสิบสองปีพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปรยขึ้นบ้าง

            “เป็นแคว้นที่เปรียบเหมือนทองคำของแผ่นดินอาทิตย์อุทัย...แต่ทองคำนั้นจะกลายเป็นสมบัติในท้องพระคลังของวังหลวง...หรือจะกลายเป็นทองที่ส่องประกายกลบความงามของยอดปราสาท ลูกของอุซางิคือตัวแปรสำคัญ...ถ้ามันเป็นอะไรไปไม่ว่าจะด้วยอุบัติเหตุหรือมีใครจงใจล่ะก็....”

            “นั่นคือชนวนสงครามการเมือง” โทริโกะสรุป นัยน์ตาที่เคยมีแววขี้เล่นสดใสหายไปแล้ว แปรเปลี่ยนไปเป็นความเยือกเย็นคมกริบอย่างที่เด็กอายุเพียงเท่านี้ไม่อาจมีสายตาแบบนี้ได้ เพียงแต่ด้วยหน้าที่ ด้วยตำแหน่งและสถานการณ์ต้องบังคับให้พระองค์ต้องเป็นเช่นนี้

ด้วยวัยเพียงแค่สิบสาม ท่านต้องแสดงท่าทีว่าคือเจ้ารัชทายาทที่มีความร่าเริงแจ่มใส เป็นที่รักของประชาชน เป็นสิ่งที่พวกเขาเหล่าข้าราชบริพารต้องปกป้อง แต่เมื่อใดที่ท่านนั่งอยู่เหนือโต๊ะสัมมนาในห้องลับ ท่านจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เยือกเย็นและสร้างเกราะบางๆป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลา...เป็นราวกับดวงตะวันที่มีความอบอุ่นให้กับผู้อื่นได้เห็นเท่านั้น...

            แต่แท้จริง...ตนเองอ้างว้างและเหน็บหนาว

            “โคโคะ...ซานี่...” เสียงเรียกชื่อนั้นแผ่วเบา มุมปากยกเป็นรอยยิ้มฝืนๆ “ลองมาคิดดู...ถ้าข้าเป็นอุซางิ ข้าก็คงจะทำหน้าเศร้าแบบนั้นแหล่ะ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งตัวเองอาจจะกลายเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับเจ้านาย ทั้งโดนเพ่งเล็งจากหนอนบ่อนไส้ หรือกลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ไม่ได้ต้องการมาเป็นภรรยา...ดีไม่ดีอาจจะหนีไปเลย...”

            “เจ้ารัชทายาท! เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ดูแลสัตว์ทรงมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงเสนาบดีคนสนิทดังอยู่ข้างนอก ดวงตาทั้งสามคู่เบิกโพลงก่อนที่จะเป็นโทริโกะที่รีบคุมสติเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้ คนที่ถลาเข้ามาในห้องส่วนตัวคือคนที่เขาสั่งให้ดูแลอุซางิอย่างใกล้ชิด ใบหน้าซีดเผือดท่วมไปด้วยเหงื่อและน้ำตา สั่นระริกไปหมดทั้งตัว ยิ่งเห็นหน้าเขา คนดูแลถึงกับเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น            ท่าทางหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดจนเขาต้องตวาดถาม

            “นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

            “พระ..พระอาญา..มิ..พ้นเกล้า..” ชายสูงวัยเกริ่นเสียงสั่น กัดฟันก้มหน้า หลับตาปี๋แล้วบอกออกมาหมดเปลือก “ฮึก..ท่านอุซางิ ฮึก..ฮือ ท่านอุซางิ...หนีไปจากคอกสัตว์ทรงพ่ะย่ะค่ะ!!







“เจ้าว่าอะไรนะ!” หญิงชราร่างเล็กเอามือทาบอก เบิกตาเล็กๆขึ้นอย่างตกใจอย่างนานๆทีจะเป็นเมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งทำหน้าลำบากใจเพิ่งรายงานบางสิ่งให้ฟัง “สมุนไพรพิเศษของเราหมดเช่นนั้นหรือ...ข้าจำได้ว่ามันยังเหลือมากพอให้ใช้ไปอีกเป็นเดือนเลยนี่”

“เจ้าค่ะท่านเซ็ตสึโนะ คะ คือ...คือ เป็นความผิดของข้าน้อยเองเจ้าค่ะ!” เธอก้มหน้างุดจนคางชิดอก “ข้าซุ่มซ่ามเอง ไม่ทันระวังทำกระปุกสมุนไพรพิเศษหล่นกระจัดกระจาย ไม่เหลือติดก้นกระปุกแม้แต่น้อยเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยขอโทษ ข้าน้อยผิดไปแล้ว...จะลงโทษอย่างไรก็ยอมเจ้าค่ะ” เด็กสาวน้ำตาคลอด้วยความสำนึกผิดในขณะที่หญิงชราผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารถอนหายใจยาว เอื้อมมือไปแตะบ่าเด็กผู้หญิงเพื่อปลอบโยน

“ช่างเถอะ นี่เป็นเหตุสุดวิสัย ข้าไม่โทษเจ้าหรอก” แต่กระนั้นใบหน้าของหญิงชราก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล “สมุนไพรนั้นเป็นของขึ้นชื่อของร้านเรา ส่วนประกอบคือพืชที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดแปดชนิดและต้องเป็นของสดจากธรรมชาติ การตามหาถือว่ายากในระดับหนึ่ง แต่การทำนั้นยากยิ่งกว่า จำเป็นต้องใช้การตวงที่แม่นยำ การบดด้วยแรงที่พอเหมาะ ตลอดจนการเก็บรักษาต้องทำอย่างถูกต้องไม่ผิดพลาดไปแม้แต่ขั้นตอนเดียว...ยุ่งยากพอสมควรเลยล่ะ...อีกอย่างด้วยช่วงฤดูกาลนี้พืชบางอย่างนั้นจะค่อนข้างหายากกว่าปกติ....อืม...โนโนะ!

“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”

“ไปตามหลานข้ามาหน่อย...เขาน่าจะช่วยทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น” หากแต่ไม่ทันที่เด็กหญิงจะออกไปจากห้อง  เด็กผู้ชายร่างเล็กวัยสิบสามปีคนหนึ่งก้าวเข้ามา เขาแต่งกายด้วยซามุเอะสีขาวสะอาด ท่วงท่าเรียบร้อยทว่าสง่างาม เรือนผมและดวงตาสีดำหากแต่ความสว่างไสวที่ฉายชัดไม่ต่างจากแสงของดวงตะวันที่ชวนให้ผู้พบเห็นอบอุ่นอ่อนโยนไปถึงหัวใจ เด็กชายยิ้มรับให้กับเด็กหญิงสองคนในห้อง แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อก้าวไปหาหญิงชรา

“เรียกพบข้าหรือขอรับ ท่านย่า”

“มาได้จังหวะเลย ย่ามีเรื่องให้เจ้าช่วยหน่อย” หญิงชราคว้ากระปุกสมุนไพรเจ้าปัญหามาเปิดให้เด็กชายดู “เจ้านี่มันหมดแล้ว ย่าเลยอยากวานเจ้าให้ไปหาแล้วทำภายในคืนนี้” เด็กชายเลิกคิ้วเล็กน้อย จุ่มนิ้วเข้าไปในกระปุก ปาดเอาผงที่ติดอยู่ที่มาจ่อที่ปลายจมูกแล้วใช้นิ้วขยี้เบาๆ ปากเล็กๆเม้มเข้าหากัน ทำท่าครุ่นคิดสักพักแล้วยิ้มออกมาในที่สุด

“รับทราบขอรับท่านย่า หลานจะทำให้ดีที่สุด” เพียงเท่านั้นเจ้าตัวก็รับกระปุกสมุนไพรเปล่า โค้งคำนับแล้ววิ่งออกนอกห้องไปอย่างกระตือรือร้น คนเป็นย่าถึงกับขำเบาๆออกมา แต่เด็กหญิงผู้ยืนอยู่ข้างหลังกลับเป็นกังวลมากกว่าเก่า

“ท่านเซ็ตสึโนะเจ้าคะ...สมุนไพรนั่นหายากมากไม่ใช่หรือเจ้าคะ ไม่น่าให้นายน้อยไปทำเรื่องลำบากอย่างนั้นเลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ” เจ้าของร้านเซ็ตสึโนะหัวเราะ มองร่างเล็กที่วิ่งออกไปไกลลิบด้วยแววตาภาคภูมิใจ “เด็กคนนั้นแม้จะอายุเท่านี้แต่เขาก็ใฝ่รู้อยู่เสมอและข้าผู้เป็นย่าก็ควรจะติดตามความคืบหน้าด้านการทำอาหารของเขาอย่างใกล้ชิด...สมุนไพรนั่นถือเป็นบททดสอบแรก ข้ารับรองว่าข้าไม่เคยปริปากบอกแม้แต่ชื่อพืชที่มาใช้ทำแม้แต่อย่างเดียว แต่ถ้าสังเกตและดมดีๆก็คงจะพอรู้ได้บ้าง...แต่พอรู้แล้วแทนที่จะทำหน้าโอดครวญหรือขอยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น...เขากลับยิ้มออกมา”

“เจ้าค่ะ” โนโนะรับคำอาจารย์ตน “ขอเพียงเป็นเรื่องของอาหารหรือวัตถุดิบ เขาก็จะตื่นเต้นดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นมัน หากสิ่งไหนที่ไม่รู้จัก ก็จะยิ่งกระตือรือร้นมากกว่าเดิมราวกับได้เปิดอ่านหนังสือเล่มใหม่...นั่นคือ...นายน้อยโคมัตสึเจ้าค่ะ”







“อืม...มันมีอะไรบ้างนะ” โคมัตสึพึมพำกับตนเอง ในหัวคิดภาพ “ที่ได้กลิ่นเด่นๆเลยก็เป็นของที่หาได้ไม่ยากนัก อืม...เกลือสมุทร...กระเทียม...ขิงแก่ งาขาว...อือ..มีเกาลัดจีนด้วย...แต่ของที่ต้องหาคือพืชสดสามชนิด กลิ่นฉุนนี่...น่าจะเป็นชิโสะ มีกลิ่นหอมของบ๊วย...หยุดก่อนนะยุน” มือเล็กลูบขนบริเวณคอของลูกม้าสีขาวสะอาดแล้วลงจากหลังของมัน ดวงตาสีดำคู่โตมองขึ้นไปข้างบนเนินเขา สูดกลิ่นอายของสายลมที่พัดเลียดลงมา

“อื้อ...นี่แหล่ะ กลิ่นดอกบ๊วยล่ะ” โคมัตสึถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจูงยุนขึ้นเนินเขาเตี้ยๆ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้นั้นงดงามและร่มรื่นมากแค่ไหน แสงแดดยามบ่ายส่องลอดต้นบ๊วยลงมาเป็นช่องๆ กลีบดอกสีชมพูอ่อนปลิวม้วนอยู่บนผืนดินตามแรงลมบางเบาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ เด็กชายร่างเล็กทอดสายตามองออกไปไกล ดวงตาค่อยๆเบิกขึ้นพร้อมๆกับริมฝีปากที่เผลออ้าเผยอเมื่อภาพเบื้องหน้าคือสิ่งก่อสร้างสวยงามในรั้วหินสีขาว


ราชวัง...?

นี่แสดงว่าที่นี่คือเนินเขาหลังวังอย่างนั้นเหรอ?

“อุซางิ...เจ้าไม่ต้องกลัวไป ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” เสียงเด็กผู้ชายเพิ่งแตกหนุ่มดังขึ้นใกล้ๆทำให้โคมัตสึหันกลับไปมองแล้วขมวดคิ้ว ตัดสินใจผูกสายจูงม้าเอาไว้กับต้นบ๊วยข้างๆแล้วเงี่ยหูฟังอีกที “อยู่นิ่งๆนะ...ข้าสัญญาว่าจะไม่รุนแรงกับเจ้า...ปล่อยตัวปล่อยใจ...แล้วข้าจะทำให้เจ้าสบายเอง”

อุ๊บ!

มือเล็กทั้งสองข้าตะปบหมับเข้าที่ปากตัวเอง หยุดนิ่งทุกอิริยาบถ พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเมื่อรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นรัว ความร้อนโกยขึ้นไปบนหน้าจนเหมือนมันจะดังฉ่าๆได้ เดี๋ยวนะ! คำพูดเมื่อกี้...ชื่อที่เรียกเมื่อกี้ อุซางิ ฟังยังไงก็เป็นชื่อเด็กผู้หญิงน่ารักชัดๆ แล้วคำพูดแต่ละคำ นิ่งๆนะ’ ‘จะไม่รุนแรง’ ‘ข้าจะทำให้เจ้าสบายเอง นะ..นี่เขาไม่ได้คิดอะไรที่อกุศลนะ แต่ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องๆเดียวผุดขึ้นมาในหัวล่ะ

ท่านย่าขอรับ! หลานจะทำเช่นไรดีขอรับ!

“โทริโกะ...ข้าว่ารีบๆเถอะ อุซางิทำท่าจะไม่ไหวอยู่แล้ว เราสองคนพร้อมกันมันจะไม่ดีน่ะสิ...ข้าว่าเจ้าลองก่อนดีไหม...แล้วถ้ายังไงข้าค่อยทำต่อ” คราวนี้โคมัตสึแทบอยากจะกรีดร้องเมื่อมีเสียงนุ่มทุ้มของผู้ชายอีกคนหนึ่งดังแทรก นี่มันอะไรกันแน่! สองรุมหนึ่งเรอะ! ไม่ๆ ไม่ใช่รุม เมื่อกี้ก็ชัดอยู่แล้ว ว่าคนหนึ่งทำก่อนแล้วอีกคนค่อยตาม...สองยก! บ้าแล้ว!! เด็กผู้หญิงน่ารักที่ชื่ออุซางินั่นจะไปทนไหวได้ยังไง ไม่ๆ นั่นไม่ใช่ประเด็นเลยโคมัตสึ ฟังจากเสียงผู้ชายสองคนนั่นก็รู้แล้วว่าเป็นแค่เด็กวัยรุ่น แถมสถานที่สวยๆแบบนี้ ใกล้เขตพระราชวังแบบนี้ มันสมควรให้เกิดเรื่องแบบนี้ที่ไหน

อาชญากรรม! นี่มันอาชญากรรมชัดๆ!

โคมัตสึถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวขาย่องต่อไปเรื่อยๆอย่างเงียบกริบ แล้ววาจาอุกอาจนั่นก็ยังดังขึ้นต่อเนื่อง ราวกับยิ่งเข้าใกล้ต้นเสียงมากเท่าไหร่ บทสนทนาก็ยิ่งทวีความเร่าร้อนขึ้นเท่านั้น จนกระทั่ง...

“เอาล่ะ...อุซางิ เจ้าต้องถ่างขากว้างๆ...”

“หยุดเถอะขอรับ!” เขาตะโกนออกไปเต็มเสียง แล้วโลกเบื้องหน้าก็หยุดอย่างที่ใจเขาต้องการจริงๆ ทุกอย่างค้างชะงักและไร้เสียงใดๆนอกจากเสียงหอบหายใจของผู้ตะโกนเอง โคมัตสึเบิกตาค้าง ปากเล็กๆอ้าพะงาบๆอย่างที่ไม่รู้จะอธิบายภาพประหลาดที่ตัวเองเห็นว่าอย่างไร ที่เห็นคือเด็กชายวัยรุ่นสองคนกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน และมีแม่ม้าสีดำสวยท้องโตนอนอยู่บนพื้น

ม้า?....


เดี๋ยวนะ!?...


ม้าอย่างนั้นเหรอ!?


โคมัตสึกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอรู้สึกว่าขาตัวเองเป็นอัมพาตชั่วขณะ ทางฝ่ายโทริโกะเองก็เช่นกัน ทันทีที่เสียงกังวานใสตะโกนออกมาเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองขยับไม่ได้ทั้งๆที่ไม่มีใครกล้าสั่งให้เขาหยุดนอกเสียจากกษัตริย์ของแผ่นดินนี้ ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้นแท้ๆ...แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจับจ้องภาพเบื้องหน้านิ่งงัน เด็กผู้ชายตัวเล็ก ใบหน้าน่ารักนั้นแดงก่ำและท่าทางตื่นๆนั่นสมควรแก่การโอบอุ้มประคอง สายลมโบกวูบพาเอากลีบดอกบ๊วยปลิวสะพัดราวกับเป็นภาพของความฝัน

แต่เหนืออื่นใดสิ่งที่สะกดสายตาของเขาได้ไม่ใช่อะไรอื่น...

เป็นดวงตา...ดวงตาสีดำกลมโตที่จ้องเขากลับอย่างไม่เกรงกลัวหากแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น

“โท...โทริโกะ..” เด็กหนุ่มผมสีดำเอื้อมมือมาสะกิดสามสี่ทีทำให้เจ้าของชื่อหลุดจากมนตรา หันกลับมามองที่ม้าตัวเองแล้วร้องเสียงหลง

“เฮ้ย!  เริ่มคลอดแล้ว! ออกมาแล้วโคโคะ! แต่ทำไม..ทำไมมีขาออกมาข้างเดียวเองล่ะ” ว่าแล้วก็หันกลับมาข้างหลังใหม่ ดวงตาสีน้ำตาลจางมองคว่ำๆ ริมฝีปากเบ้บอกชัดว่าตำหนิ

“เพราะเจ้า! เพราะเจ้าคนเดียวเลย ม้าของข้าถึงตกใจคลอดลูกไม่สมบูรณ์อย่างนี้เนี่ย แล้วแบบนี้จะทำยัง..” ไม่ทันที่จะพูดจบประโยค เด็กผู้ชายตัวเล็กก็วิ่งตัวปลิวมานั่งข้างๆ นัยน์ตาคู่โตไม่จับจ้องสิ่งใดนอกจากขาของลูกม้าเพียงข้างเดียวที่โผล่พ้นจากช่องคลอด โคมัตสึเม้มริมฝีปาก ดวงตากลอกไปมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะคว้ามีดประจำตัวออกมาจากเอวตัวเอง

“เจ้า!” โทริโกะลืมตาโพลง “เจ้าจะบ้าหรือไง นี่เอามีดออกมาทำไม”

“ขออภัยขอรับนายน้อย” เด็กผู้ชายร่างเล็กว่าขึ้นในที่สุดในขณะที่กำลังสาละวนเอาผ้าพันมีดออก เป็นอีกครั้งที่คำพูดสั้นๆสะกดเขาได้ ตั้งแต่เกิดมาไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยฟังคำขอโทษ และส่วนใหญ่ผู้พูดก็จะไม่มองหน้าเขาเหมือนเด็กคนนี้ แต่มันต่างกันออกไป พวกนั้นขอโทษให้ตนเองมีชีวิตรอดหรือขอความเห็นใจจากเขา แต่คนข้างๆพูดมันออกมาจากความรู้สึกผิดจริงๆ แถมมันยังฟังง่ายๆ ฟังดูจริงใจแม้ไม่มีพิธีหรือคำเกริ่นใดๆ

“ดูเหมือนว่าม้าของท่านกำลังลำบาก...ให้ข้าช่วยเถอะขอรับ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ข้าเกรงว่าจะแย่ทั้งแม่ทั้งลูก” เด็กชายว่าแล้วแยกผ้าพันมีดออกมาได้สำเร็จ แต่พอทำท่าจะวางมีดลงกับพื้นก็หยุดชะงัก ใบหน้าเล็กนั้นหันมาหาเขาอีกครั้ง ดวงตานั้นจริงจังจนน่าขนลุก “ข้าไม่สามารถวางมีดได้ขอฝากไว้กับท่านสักครู่นะขอรับ”

ว่าแล้วโทริโกะมองมีดเล่มเรียวบนมือแล้วอดตะลึงไม่ได้ คมมีดสะท้อนวาววับกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากับความเย็นบางเบาของโลหะที่แตะผิวเนื้อบอกชัดว่าถ้าเขาขยับมือเพียงนิดเดียวมันบาดเขาแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากมีดนี้มันทั้งอบอุ่น...งดงามจากภายใน..และเป็นที่รัก

มีด...อะไรกันนี่....

“อืม...ถ้าเป็นการคลอดปกติกีบคู่หน้าต้องออกมาพร้อมกัน...แต่นี่มันคงจะติดอยู่ข้างใน..” โคมัตสึพันผ้ารอบขาม้าเหลือชายไว้เล็กน้อย ใช้มือทั้งสองข้างจับให้แน่นแล้วดันกลับเข้าไปใหม่จนถึงข้อศอกตนเอง  ทำท่าเหมือนควานหาอะไรอยู่สักพักแล้วเป่าปากอย่างโล่งอก พยายามใช้ชายผ้าที่เหลือผูกเข้ากับขาอีกข้างของลูกม้าจากนั้นจึงออกแรงดึงจนโผล่พ้นช่องคลอด เลือดและน้ำคร่ำเปื้อนเต็มสองแขนส่งกลิ่นคาวเฉพาะไปทั่วบริเวณ

โคมัตสึขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น แม่ม้าเหนื่อยและอ่อนเพลียมากดังนั้นเรื่องแรงที่จะใช้คลอดเองนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ตัวเขาก็ใช่จะไหว แขนเริ่มชาไปหมด อยากโทษตัวเองนักว่าทำไมเกิดมามีแรงน้อยนิด แต่ถ้าไม่รีบดึงออกมาตอนนี้ลูกม้าอาจจะไม่รอดก็ได้

ทำยังไงดี!

หากแต่ไม่ทันที่เด็กหนุ่มร่างเล็กจะออกแรงเพิ่ม ลำแขนแข็งแรงก็โอบเข้าที่เอวจากทางข้างหลัง สัมผัสอบอุ่นแตะอย่างแผ่วเบาผ่านเนื้อผ้า ลมหายใจรินรดอยู่ข้างแก้มเพียงแค่ชั่งครู่ก่อนที่เจ้าของอ้อมแขนจะออกแรงกระชับแล้วดึงตัวเขาจนเกือบหงายหลังไปพร้อมกัน

นายน้อยแห่งร้านเซ็ตสึโนะหอบหายใจ จดจ้องภาพเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ลูกม้าที่เขาช่วยดึงกว่าค่อนตัวค่อยๆออกมาสัมผัสโลกนี้ทีละนิดๆ จนกระทั่งในที่สุดก็กำเนิดเต็มตัว ขนอุยๆมีสีดำสนิทเหมือนแม่ นัยน์ตาโตสุกสกาว ใบหน้ายาวสง่างาม รูปร่างลักษณะดีแม้จะผอมไปสักหน่อย และที่สำคัญที่สุด...มันหายใจ และรอดชีวิต

“ดี...ดีจัง...” รอยยิ้มสดใสปรารกฏขึ้นบนใบหน้าเล็กน่ารักแม้เหงื่อจะชุ่มไรผม ดวงตากลมโตปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตา “ยินดีด้วยขอรับนายน้อย...ดูท่าว่าจะเป็นเจ้าหนูที่ว่านอนสอนง่ายด้วย...สง่างามมากขอรับ”

“นั่นสินะ...” โทริโกะพึมพำรับในขณะที่จับจ้องเด็กหนุ่มร่างเล็กไม่วางตา คนที่เขาถามซ้ำๆในใจมาตั้งแต่เมื่อกี้ว่าคนอะไร มีคนเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ คนที่ยื่นมือเข้าช่วยผู้อื่นที่ไม่รู้จักอย่างเต็มกำลังความสามารถตน ยังยิ้มออกมาได้แม้ว่าตัวเองจะเหน็ดเหนื่อยหรือกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤตแค่ไหน....เป็นคนที่ให้ความสำคัญและรับผิดชอบกับชีวิตของคนอื่นมากมายนัก...

ยิ่งมอง...ก็ยิ่งละสายตาไปไม่ได้...ยิ่งมอง....เด็กคนนี้ก็ยิ่งดึงดูดเขา

“...งดงามจริงๆด้วย”

“เดี๋ยวสิ โทริโกะ!” พลันเสียงเครียดๆของเด็กหนุ่มอีกคนก็ดังขึ้นทำให้อีกสองคนหันไปมอง แต่สายตาของโคโคะกลับอยู่ที่แม่ม้า “ข้าว่ามันแปลกๆนะ อาการของอุซางิไม่ดีเลย นี่มันไม่เหมือนอาการอ่อนล้าของแม่หลังคลอดทั่วไป...” โคโคะส่งมีดคืนให้เขาที่โทริโกะน่าจะฝากไว้ก่อนจะช่วยเขาดึงขาลูกม้าออกมา มือของเด็กหนุ่มลูบย้อนเส้นขนจนเห็นผิวม้า สังเกตสีผิวและเส้นเลือด สังเกตไปตามใบหูและดวงตา ฟังการเต้นของหัวใจและเสียงของปอด ทันใดนั้นโคโคะก็เงยหน้าขึ้น ข้อสันนิษฐานทำให้ลำคอตีบตันไปหมด แต่ในที่สุดเขาก็เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

“คงต้องนำกลับไปตรวจเลือด แต่ที่ยืนยันได้...อุซางิ...โดนยาพิษ”

“ว่าอะไรนะ!!

“นานเท่าไหร่ขอรับ!” คำถามดังแทรกขึ้นทันทีอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด “ไม่สิ...ครั้งสุดท้ายที่อุซางิจังได้รับอาหารผ่านมานานหรือยังขอรับ”

“ไม่เกินสองชั่วโมง” โคโคะตอบทันที โคมัตสึพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปที่ๆผูกยุนอยู่ทันทีท่ามกลางสายตางุนงงของอีกสองคน สักพักเขาก็วิ่งกลับมาพร้อมกับกระสอบอะไรบางอย่างขนาดเล็ก ชามใบโตพร้อมน้ำสะอาด พอถึงที่เด็กชายไม่พูดพร่ำทำเพลงเทเกลือสมุทรที่จะใช้เป็นส่วนผสมเครื่องเทศทั้งหมดลงไปในชามแล้วลงมือใช้ไม้พายกวนจนกระทั่งเกลือละลายไม่ได้อีก “ขออภัยขอรับแต่วานจุดไฟให้ข้าหน่อยได้ไหม”

“อะ...อื้อ! ได้สิ! โคโคะ...จุดไฟหน่อย” ระหว่างที่โคโคะกำลังก่อกองไฟขนาดเล็กโดยใช้หินเป็นฐานรอง ทันทีที่เปลวเพลิงลุก โคมัตสึก็ตั้งชามแล้วคนต่อทันที โทริโกะจ้องการกระทำของเด็กชายร่างเล็กอยู่สักพัก พอเข้าใจอะไรได้รางๆ “น้ำเกลือเข้มข้นอย่างนั้นเหรอ...”

“ขอรับ...น้ำเกลือเข้มข้นจะทำให้สัตว์อาเจียนได้ เพียงแต่ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่นัก สัตว์อาจเกิดภาวะเกลือเกินเพราะฉะนั้นหากกลับถึงที่พักต้องให้น้ำสะอาดในปริมาณมากด้วยนะขอรับ...แต่ตอนนี้ท่านคิดเพียงอย่างเดียวคือทำให้พิษในตัวอุซางิจังลงลงเหลือน้อยที่สุดเท่านั้นเป็นพอ...ถึงแม้จะรับพิษในระยะเวลาที่ไม่นานนัก แต่ร่างกายอุซางิจังอ่อนเพลียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากไม่รีบตอนนี้เธอคงจะแย่แน่” โคมัตสึยกชามขึ้นหลังจากเกลือละลายหมด ออกแรงเป่าพลางขยับวนไปมาเล็กน้อยเพื่อให้อุณหภูมิเย็นลงบ้าง กริยานั้นทำให้มุมปากของโทริโกะยกเป็นรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว

ให้ตายสิ...หมอนี่นี่มันยังไงกันนะ...ขนาดเป็นสัตว์เลี้ยงของคนอื่นยังใส่ใจราวกับเป็นเรื่องของตนเลย

“เอาล่ะ...แข็งใจดื่มลงไปหน่อยนะ อุซางิจัง” ว่าแล้วมือเล็กก็ประคองหัวม้าคู่พระทัยขององค์รัชทายาทขึ้นมาโดยมีเจ้าของม้าที่แท้จริงช่วยจับ การรินน้ำเกลือลงไปในปากอุซางิไม่ใช่เรื่องง่าย มันทรมานแน่ๆ รสชาติของน้ำเกลือเข้มข้นคงไม่ปราณีลิ้น โทริโกะหรี่ตาลง มือแกร่งลูบไปตามขนเป็นมันขลับอย่างแผ่วเบา พร่ำกระซิบที่ข้างหู

“อดทนหน่อย...ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้...ตอนนี้ลูกของเจ้าได้กำเนิดออกมาอย่างปลอดภัยและสง่างามแล้วนะอุซางิ...ได้โปรดอยู่เป็นแม่ให้กับเขาก่อนนะ...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป”

เท่านั้นร่างกายของแม่ม้ากระกระตุกเกร็งอย่างแรง เสียงครางครื่อในลำคออย่างทรมานยิ่งทำให้ผู้มองเจ็บปวดใจ ขาทั้งสี่ตะกายพื้นดินไปมาไม่หยุด จนกระทั่งในท้ายที่สุดก็สำรอกเอาอาหารออกมาจนหมดแล้วลงไปนอนอย่างหมดแรงท่ามกลางเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่และรอยยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ โทริโกะมองกองอาหารพวกนั้นด้วยสายตาที่เย็นชาสนิท ดึงชายเสื้อของที่ปรึกษาส่วนตัวมาแล้วกระซิบ

“เจ้ากลับไปก่อนได้เลย นำเศษอาหารพวกนี้ไปตรวจให้ละเอียด...ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้จ้องเล่นงานม้าข้า...ใครคือคนที่เฝ้าสั่นคลอนบัลลังก์ในอนาคต” โคโคะพยักหน้ารับ ในขณะเดียวกันเขาเหมือนได้กลิ่นบ๊วยหอมๆลอยมาทำให้โทริโกะคลายสีหน้าจริงจังได้ทันควัน เป็นเด็กชายตัวน้อยคนเดิมที่ยังนั่งอยู่หน้ากองไฟและไม่ยอมเงยหน้าจากชามใบโต

นี่ไม่เคยจะอยู่นิ่งๆเลยใช่ไหมเนี่ย...

“นี่เจ้าทำอะไรอีกน่ะ”

“ต้มน้ำบ๊วยขอรับ” โคมัตสึหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม “ต้องบอกว่าในสวนนี้หาบ๊วยสุกได้ยากจริงๆ...ก็คงไม่แปลกอะไรนักเพราะว่านี่ไม่ใช่ฤดูกาลที่ผลมันจะออก แต่คงพอต้มได้หนึ่งชามให้อุซางิจังดื่มขอรับ...บ๊วยเป็นยาดี ช่วยสมานลำไส้ ห้ามเลือด แก้กระหายน้ำ และที่สำคัญที่สุดจะช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียได้...เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับอุซางิจังในตอนนี้ที่สุดเลยขอรับนายน้อย”

โทริโกะเลิกคิ้วขึ้นมองเสี้ยวหน้าของเด็กชายร่างเล็กอย่างทึ่งๆ จะว่าไปแล้วเด็กคนนี้ยังเรียกเขาว่า นายน้อยอยู่เลยนี่นา เด็กนี่คงสังเกตจากเครื่องแต่งกายของเขากับโคโคะแล้วลงความเห็นว่าเป็นลูกผู้ดีมีสกุลที่ไหนสักแห่ง แต่ก็คงจะคาดไม่ถึงหรอกว่าเขาเป็นเจ้าของปราสาทสวยๆหลังเนินเขานี่

“เอ้า...นี่มีดของเจ้า” โคมัตสึหันมาโค้งขอบคุณก่อนที่จะรับมันมาไว้ในมือแล้วใช้ผ้าเช็ดอย่างทะนุถนอม “ดูท่าว่าเจ้าจะรักมีดของเจ้ามากเลยสินะ ขนาดจะวางกับพื้นยังทำไม่ได้เลย” โทริโกะเว้นวรรคนิด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องชักหางเสียงให้สูงด้วย แถมยังรู้สึกหงุดหงิดใจแปลกๆ ยิ่งดวงตากลมโตมองมีดนั่นแล้วเปล่งประกายพร้อมเผลอแย้มรอยยิ้มจางๆ เขายิ่งรู้สึกงุ่นง่าน

“สำคัญขนาดนั้น...แล้วไว้ใจให้ข้าถือได้ยังไง”

“ข้าได้ตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอรับ” คำตอบง่ายๆและรวดเร็วแถมยังฟังจริงใจทำให้โทริโกะชะงักอีกครั้ง คนตอบยิ้มนิดแล้วขยายความ “คนเราใช้เวลาไม่เท่ากันในการที่จะไว้ใจใคร...บ้างหนึ่งวัน...บ้างเป็นเดือน...บางคนก็ยาวนานเป็นปี...หรือบางคนชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจวางใจไว้กับใครได้...แต่ไม่ว่าจะกินเวลานานเท่าใดก็ล้วนแต่นำความไม่สบายใจมาสู่ตน...ข้าไม่อยากรู้สึกเช่นนั้นขอรับ...ข้าใช้เวลาชั่วประโยคเดียวที่ท่านพูดเพื่อแสดงน้ำใจของท่านที่มีต่ออุซางิจังก็เกินพอแล้ว...คนที่ห่วงชีวิตของคนอื่นโดยไม่สนใจว่าชีวิตนั้นจะเป็นเดรัจฉานที่ต่ำต้อยกว่าตนเพียงไหนนั่นคือสิ่งที่ข้าคิดว่าประเสริฐที่สุด...แล้วท่านก็เป็นอย่างนั้น...ข้าจึงไว้วางใจให้ท่านถือมีดของข้า”

“มีด...ที่ถือว่าเป็นชีวิตของพ่อครัวอย่างเจ้าน่ะหรือ?” โคมัตสึชะงักไปเล็กน้อย มองดวงตาสีน้ำตาลจางแล้วพอจะเดาได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นคนช่างสังเกตไม่น้อยเลย เด็กชายร่างเล็กเลือกที่จะไม่ตอบ เขาหัวเราะเบาๆพลางหันไปยกน้ำบ๊วยออกจากกองไฟแล้วจัดการดับให้เรียบร้อย แต่แทนที่จะยกไปวางตรงหน้าแม่ม้าแห่งวังหลวง เด็กชายกลับยื่นมันมาตรงหน้า

“อะไร” โทริโกะถามอย่างงุนงง

“อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทเลยนะขอรับ ข้าสังเกตสีหน้าของท่านแล้วก็ดูท่าว่าท่านคงจะเหนื่อยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นของอุซางิจัง...ข้าอนุญาตให้ท่านจิบได้หนึ่งอึกเท่านั้น”

โอ้โห...

ใช่ โทริโกะอยากจะร้อง โอ้โห ออกมาจริงๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ในรอบวันที่เขาต้องมายืนนิ่งอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ ตั้งแต่เกิดมาตัวเขาที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากกินอะไรก็กินไม่เคยถูกจำกัดสิทธิ์ขนาดนี้เลย เขาไม่เคยถูกมองข้ามความสำคัญและเรียงลำดับความต้องการก่อนหลัง ชีวิตที่เกิดมาอย่างอภิสิทธิ์ที่เขาเองก็ยังรู้สึกเบื่อตอนนี้มันพังครืนไม่เป็นท่า...มันพังลงต่อหน้าเด็กคนนี้แม้เจ้าตัวจะปฏิบัติไปเพราะไม่รู้ว่าเขาคือเจ้าชายรัชทายาทก็เถอะ

แต่สายตาเช่นนี้...นิสัยและบรรยากาศรอบกายที่เปิดเผยชัดเจนมันก็ช่วยบอก ว่าสำหรับเด็กคนนี้ต่อให้เขาเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน...ชีวิตของเขาก็ยังคงเทียบเท่ากับคนอื่นๆ

แล้วเขาควรจะทำเช่นไร...จะให้เขาปฏิเสธเพื่อรักษาภาพพจน์อย่างนั้นหรือ โฮ่ ใครก็ตามที่คิดอย่างนั้น พวกเจ้าลองมายืนต่อหน้าน้ำบ๊วยสดอุ่นๆแถมยังส่งกลิ่นหอมหวานอบอวลขนาดนี้แล้วลองเค้นกล่องเสียงพูดว่า 'ไม่ล่ะ ขอบคุณดูสิ ถ้าพวกเจ้าทำได้ ข้ายกอุซางิสุดที่รักของข้าให้ไปนอนกอดเลย

มือแกร่งยกชามใบโตขึ้นดื่ม ทันทีที่ของเหลวสัมผัสแตะลิ้นอย่างแรกที่เขารับรู้คือความอบอุ่น มันเป็นอุณหภูมิที่ผู้ทำรักษาเอาไว้อย่างพอเหมาะแก่การดื่ม รสเปรี้ยวหวานพอดีกับความเค็มที่ติดมานิดๆอย่างบ๊วยสดที่บรรจงเลือกเก็บ ไม่มีส่วนผสมอื่นใดและไม่มีการปรุงแต่ง ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้นแต่มันก็ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกว่ามันผ่านกระบวนการขั้นสูงมากมาย...แค่คำว่าอร่อย...ยังรู้สึกว่าน้อยไปที่จะเอ่ยชม

เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยได้แต่ยืนใบ้รับประทาน แล้วส่งถ้วยกลับไปแบบคนสติหลุดอย่างนี้ไง

โคมัตสึรับชามน้ำบ๊วยคืนมาแล้วเดินตรงไปวางหน้าแม่ม้าคู่พระทัยของเจ้ารัชทายาท พลางเอ่ยถามขึ้น “บ้านของนายน้อยอยู่ใกล้ๆนี่หรือขอรับ”

โทริโกะตัวเกร็ง ทรุดกายนั่งข้างๆเด็กชายแล้วพยายามคิดคำตอบที่เข้าท่าที่สุดในหัว “อะ..เอ้อ..ก็ใช่ ข้าเป็นลูกข้าราชการ พ่อข้าทำหน้าที่เป็น..เอ่อ...” ดวงตาสีน้ำตาลจางสบเข้ากับที่ปรึกษาของตนเองที่นั่งตรงกันข้าม ไม่สนคำปรามที่โคโคะส่งมาทางสีหน้าว่า ห้ามอ้างอะไรแปลกๆ ตอบทันทีด้วยเสียงดังฟังชัด “ใช่! พ่อข้าเป็นที่ปรึกษาของจักรพรรดิอิจิริว บ้านข้าอยู่ใกล้วัง ความจริงข้าต้องเข้าวังกับพ่อด้วยวันนี้ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าอุซางิหนีออกมาเสียก่อน”

“หนี?...อุซางิหนีออกมาหรือขอรับ” เด็กหนุ่มชะงักไปพักหนึ่ง แล้วท้ายที่สุดก็ยิ้มจางๆออกมา “เข้าใจล่ะ...”

“เข้าใจอะไรของเจ้า”....อ่า....ไม่สิ ที่จริงข้าจะถามว่าเจ้าจะไม่ตกใจหน่อยเหรอที่ข้าเป็นถึงลูกคนใหญ่คนโตขนาดนั้น...ตกลงว่ายศศักดิ์ไม่มีผลกับเจ้าจริงๆสินะ

ให้ตายเถอะ

“ข้าก็พอจะเข้าใจสาเหตุที่อุซางิจังตัดสินใจหนีนายน้อยมาน่ะสิขอรับ...แต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาด้วยตรรกะเท่านั้น...ข้าน่ะดูออกว่าท่านรักอุซางิจังมากแค่ไหน...อุซางิจังก็จงรักภักดีกับท่านมากเช่นกันขอรับ ร่างกายของเธออ่อนเพลียและโดนยาพิษไม่แน่บางทีอาจโชคร้ายไม่ทันอยู่จนถึงคลอด...ถ้าหากเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นจริงๆ ในฐานะบ่าวผู้ภักดีย่อมไม่ทำให้เจ้านายตนผิดหวังเสียใจเป็นอันขาด เธอจึงเลือกที่จะมาสิ้นลมเอาเสียข้างนอกแทนที่จะเป็นต่อหน้าท่านขอรับ...”

เดาได้น่าฟัง...ไม่สิ...ไม่ใช่เดา ต้องเรียกได้ว่าช่างสังเกตและฉลาดพูด โทริโกะคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ดวงตาอ่อนโยนทอดมองเด็กชายร่างเล็กที่ดูท่าว่าเขาจะปล่อยให้กลับไปแบบไม่รู้จักไม่ได้ซะแล้ว แต่จะให้เขาถามออกไปว่าชื่อแส้อะไร บ้านอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ บ้า! กับเด็กฉลาดขนาดนี้ใครจะไปทำอย่างนั้น ได้โดนมองออกกันพอดีสิ

“แล้วเจ้าเล่า...มาทำอะไรแถวนี้ ข้าว่าข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้านะ”

“ข้ามาเก็บสมุนไพรเพื่อไปทำเครื่องเทศสูตรพิเศษของร้านขอรับ...หวา! ตายล่ะ ข้าล้างมือไปแล้ว แบบนี้กลิ่นก็ไม่อยู่แล้วสิ” โคมัตสึหันไปคว้ากระปุกสมุนไพรออกมา เปิดปากขวดแล้วใช้นิ้วปาดเอาฝุ่นเครื่องเทศมาดมอีกครั้ง “อืม...ไม่ว่ายังไงข้าก็เดาส่วนผสมสุดท้ายนี่ไม่ได้สักที...มันคืออะไรกันนะ...”

“ไหน...ข้าขอลองดูหน่อย” ไม่ทันที่โคมัตสึจะไหวตัว มือแกร่งก็กำรอบข้อแขนเล็กแล้วดึงเบาๆเข้าหาตัว เด็กชายร่างเล็กสะดุดลมหายใจเมื่อปลายจมูกโด่งนั้นก้มลงมาจนชิดปลายนิ้ว ความร้อนประหลาดแล่นวาบจากบริเวณที่ถูกสัมผัสมาจนถึงใบหน้าซ้ำหัวใจยังเต้นแรงจนไม่เป็นส่ำ เด็กน้อยก้มหน้างุดพยายามจะดึงแขนออกจากการกอบกุม โทริโกะเหลือบตามอง อมยิ้มมุมปากแล้วกระชับอุ้งมือให้แน่นเข้าไปอีกเล็กน้อยอย่างจงใจแกล้ง

“เป็นอะไร...” ใบหน้าคมโน้มลงกระซิบ “นี่ข้ากำลังช่วยเจ้าหาสมุนไพรอย่างสุดท้ายอยู่นะ...จะปฏิเสธน้ำใจข้าเหรอ”

“ปละ เปล่าขอรับ!

“ก็ดี...” โทริโกะหัวเราะหึ มองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าจนพอใจ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนอีกฝ่าย “ร้านเจ้านี่ยอดไปเลย...เครื่องเทศพิเศษที่ว่านี่มีถึงแปดอย่าง...อืม...เพียงแค่ดมข้าก็เดาได้ประมาณหกอย่าง อันที่เจ็ดนี่กลิ่นมันค่อนข้างจาง...คืออะไรน้า...ข้าไม่ค่อยมั่นใจเลย...”

 เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆพลันก็รู้สึกว่าแขนตัวเองถูกดึงขึ้นไปอีกระลอก ชั่ววินาทีเดียวที่มีอะไรบางอย่างชื้นๆลากผ่านปลายนิ้วเขาอย่างรวดเร็ว โคมัตสึเบิกตากว้าง ตัวชาวาบจนขยับไม่ได้ มะ...เมื่อกี้...เมื่อกี้นี่มัน...

เลีย!!

“นายน้อย!!

“หวาน...เหมือนเกาลัดจีน” โทริโกะยักคิ้วพร้อมแย้มยิ้มกว้าง มองหน้าแดงก่ำที่น่าจะทั้งเขินทั้งโกรธแล้วอารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด “เอาล่ะ...ข้ารู้หมดแล้ว สมุนไพรที่เจ้าต้องหาประกอบไปด้วย เกลือสมุทร ขิงแก่ กระเทียม งาขาว ใบชิโสะ บ๊วย เกาลัดจีน...และอย่างสุดท้าย...ไร้กลิ่น..ไร้รส แถมยังแยกออกจากสมุนไพรอย่างอื่นได้ยาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถข้าหรอก...ข้ารู้แล้วว่าสมุนไพรอย่างที่แปดคืออะไร”

โคมัตสึเบิกตากว้างหากแต่ที่เขาตกใจไม่ใช่เรื่องที่คนตรงหน้ารู้ในสิ่งที่เขาต้องการ แต่เป็นชื่อส่วนผสมทุกอย่างที่บอกได้อย่างถูกต้อง อย่าลืม นั่นมันเครื่องเทศสูตรพิเศษของร้านเขา เป็นสูตรลับระดับตำนานที่ท่านย่าเขาคิดค้นมา นี่ถ้าคนอื่นมารู้ถึงขนาดนี้...

“ถือว่าข้าขอร้องล่ะขอรับนายน้อย!” โคมัตสึโพล่งขึ้นพลางใช้มืออีกข้างกำแขนเสื้อโทริโกะแน่น เสียงใสๆเบาลงมากจนแทบเป็นเสียงกระซิบ “ชื่อสมุนไพรนั่นท่านอย่าพูดดังไปนะขอรับ คะ..คือ มันเป็นความลับสุดยอดของทางเรา แม้แต่พนักงานบางคนยังไม่ทราบเลยขอรับ นี่ถ้ามันแพร่งพรายออกไป...”

“นั่นสิ...ข้าก็ว่าอย่างนั้น แล้วกำลังจะคุยเรื่องนี้กับเจ้าอยู่พอดี” โทริโกะพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปรยขึ้นเรียบๆ “วันนี้ทั้งวันเกิดเรื่องมากมายกับข้าและเจ้า และข้าผู้เป็นลูกของข้าราชการชั้นสูงไม่สามารถให้มันกลายเป็นเรื่องคาราคาซังต่อไปได้...เราจำเป็นต้องสะสางหนี้กัน”

“หนี้!?” โคมัตสึทวนเสียงหลง

“ใช่...แล้วเจ้าก็ติดหนี้ข้าเรื่องใหญ่ซะด้วย” ปากเล็กๆอ้าค้างกว่าเดิมกับข้อกล่าวหา แต่โทริโกะไม่สนใจ แจงยาวเหยียดพลางนับนิ้วไปด้วย “ตอนแรกเจ้าโผล่ออกมาส่งเสียงโหวกเหวกจนอุซางิข้าเกือบคลอดไม่รอดแต่เจ้าก็ช่วยทำให้ลูกม้าออกมาอย่างปลอดภัย...อันนั้นข้าไม่เถียง ถือว่าเราเจ๊ากัน...ต่อมาเจ้าได้ใช้เกลือที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องเทศของเจ้ามาช่วยถอนพิษม้าข้า...ข้าก็สัญญาว่าจะตอบแทนเจ้าโดยการส่งเกลือไปให้ที่ร้านเพื่อชดเชย...แต่แน่นอนว่าเจ้าต้องบอกที่อยู่ร้านของเจ้ามาก่อน” คนตัวสูงกว่าเว้นวรรคไปนิด ดวงตาสีน้ำตาลจางหลบวูบโดยอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าสงสัย รีบว่าต่อทันทีราวกลัวโดนแทรก

“เอาเป็นว่าเรื่องนี้ก็จบไป...ต่อมาเป็นประเด็นเรื่องน้ำบ๊วย ความจริงข้าก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องบอกความจริงกับเจ้าว่าบ๊วยทุกต้นในสวนนี้ไม่ใช่ของสาธารณะ...เจ้าของที่นี่น่ะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รูปงามที่สุด ใจดีที่สุด ซ้ำยังชาญฉลาดที่สุดด้วย...เจ้ารู้ไหมว่าใคร”

โคมัตสึนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะส่ายหน้ารัว นั่นเล่นเอาคนถามแทบอยากจะตบหน้าผากตัวเองแรงๆ โทริโกะลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะแสร้งกลอกตาซ้ายขวาราวกับเป็นโจรขโมยของก่อนที่จะก้มลงกระซิบข้างหูเด็กชายตัวเล็ก

“ขององค์ชายรัชทายาท”

“หา!? นะ นี่มัน...!

“โอ๋ๆ เจ้าไม่ต้องกลัวไป พ่อข้าเป็นที่ปรึกษาขององค์จักรพรรดิอิจิริว แน่นอนว่าข้าก็ต้องรู้จักกับองค์รัชทายาทอยู่แล้ว...ข้าน่ะ...พระสหายคนโปรดเลยนะจะบอกให้” โทริโกะยักไหล่ ทำหน้าระรื่นแม้ใกล้จะสำลักน้ำลาย “ข้าทูลพระองค์ให้ได้ว่าเจ้าต้องการนำบ๊วยสุกมาทำเป็นยารักษาม้าของข้า รับรองได้เลยว่าพระองค์จะไม่ลงโทษเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าอาจจะได้รับรางวัลเสียด้วยซ้ำ”

“จริงหรือขอรับ?” คนตัวเล็กมุ่นหัวคิ้ว นิ่วหน้าเค้นอะไรบางอย่างจากความทรงจำแล้วว่าออกมาเสียงเบา “แต่ที่ข้าได้ยินมา...เจ้ารัชทายาททรงเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและปิดใจ...ซ้ำยังเข้าพระทัยยาก ไม่ค่อยมีพระสหายคนสนิทไม่ใช่หรือขอรับ”

“หา!? คะ ใครบอกเจ้าแบบนั้นกัน!” โทริโกะปฏิเสธทันควัน ก่อนจะชะงักค้างไปเพราะเห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วฉงน เด็กชายร่างสูงกระแอมทีหนึ่งแล้วว่าขึ้นใหม่ “....เอ่อ...เอ้อ ไม่ใช่สิ กะ ก็มีบ้างที่เป็นแบบนั้น...แต่ในความคิดข้าพระองค์ก็ทรงเป็นคนดีน่าคบหาคนหนึ่งเลยนะ...ไม่ๆ! พอๆ ข้าว่าเราเบี่ยงประเด็นกันแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้ารัชทายาทสักหน่อย มันเป็นเรื่องของข้ากับเจ้าต่างหาก”

“ขอรับ?

“ก็เรื่องที่เจ้าขอร้องข้าเมื่อกี้...ข้าจะไม่เอาสูตรลับร้านเจ้าไปป่าวประกาศก็ได้...แต่เจ้าจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนข้าล่ะ”

อะไรของคนๆนี้เนี่ย!

โคมัตสึไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อนี้ว่ายังไง ตอนนี้สีหน้าเขาคงประหลาดเอามากๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องที่คนตรงหน้าพูดมันเปี่ยมไปด้วยเหตุผล มีหนี้ก็ต้องใช้แล้วเรื่องการติดหนี้บุญคุณถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนชั้นสูงอันนั้นเขารู้ดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมาโดนทวงหนี้แบบละเอียดเช่นนี้ด้วย และไม่เข้าใจว่าท่านผู้นี้ถึงต้องลงทุนส่งของชดเชยไปถึงร้านขนาดนั้น

“เอ่อ...คือ...นายน้อย...”

“ข้าชื่อโทริโกะ” คนสูงกว่าเอ่ยแก้ โคมัตสึอึ้งไปนิดก่อนที่จะรีบโค้งรับคำ

“ขอรับ ท่านโทริโกะ...เอาเป็นว่าข้าเข้าใจทุกอย่างที่ท่านกล่าวมาขอรับ...เรื่องเกลือนั้นถ้าหากท่านตั้งใจอยากจะตอบแทนจริงๆข้าไม่ขัดเจตนาแต่อย่างใด ร้านของข้าซื้อเกลือที่ร้านพ่อค้าโทมุในตลาดประจำ เป็นร้านดังขอรับ ไม่ว่าใครก็รู้จัก ไม่เป็นอุปสรรคต่อการหาของท่านแน่ ข้าขอรบกวนเพียงแค่ท่านนำเงินไปจ่ายให้เท่านั้น เดี๋ยวข้าจะให้คนไปขนเกลือกลับร้านเองขอรับ...ส่วนเรื่องสูตรลับเครื่องเทศพิเศษ...สิ่งที่ข้าจะมาแลกเปลี่ยนท่าน ท่านได้รับมันไปแล้วขอรับ...โปรดอย่าลืมว่าท่านได้ดื่มน้ำบ๊วยข้าไปหนึ่งอึก...”

โฮ่...กล้าเถียงจริงๆด้วย

เป็นอีกครั้งที่โทริโกะประทับใจในคำพูดตลอดจนเสียงใสๆที่อธิบายเป็นจังหวะจะโคนได้อย่างน่าฟัง ซ้ำยังหาข้ออ้างมาโต้เขาได้อีกต่างหาก เขายอมรับว่าเกราะป้องกันของเด็กคนนี้แข็งปานกำแพงเหล็ก แต่ใช่ว่าเขาจะกลัวเสียเมื่อไหร่ มาถึงตรงนี้โทริโกะก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองว่าจะอยากเอาชนะเด็กชายตัวน้อยตรงหน้านี้ไปทำไม...แต่หาเหตุผลไปก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อร่างกายของเขายอมรับการกระทำตัวเองไปแล้ว

น่าสนใจจริง...

“ที่เจ้าพูดมันก็มีเหตุผล แต่เจ้าแน่ใจนะว่าดีแล้ว...สูตรลับเครื่องเทศพิเศษที่เป็นตำนานของร้าน...เจ้าตีราคาของมันเทียบเท่าแค่น้ำบ๊วยหนึ่งอึกเท่านั้นเองเหรอ...” เท่านั้นโทริโกะเอามือพ่ายหลัง แสร้งส่ายหน้าอย่างระอาใจ “ว้า...ให้ตายสิ...ให้ตาย...นี่ถ้าข้าเป็นคนคิดสูตรขึ้นมานี่จะรู้สึกยังไงดีนะ”

“ละ...แล้ว...แล้วท่านโทริโกะต้องการให้ข้าตอบแทนด้วยอะไรล่ะขอรับ!

โทริโกะยิ้มกริ่ม คำพูดนั้นแหล่ะที่ต้องการ

เขาเดินเข้าไปใกล้เด็กชายร่างเล็ก โค้งตัวลงจนดวงตาทั้งสองคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน


“ข้าต้องได้กินอาหารของเจ้า...อาหารที่เจ้าปรุงขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ และมีแค่ข้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ...ทำให้ข้าได้หรือไม่”


นัยน์ตาสีน้ำตาลจางคู่คมทรงอำนาจกำลังต้องการคำตอบจากเขา โคมัตสึเห็นความรู้สึกที่หลากหลายในดวงตาคู่นั้น มันทั้งทวงหา ปรารถนาและเว้าวอน ทุกอย่างเจือจางอยู่ในการขู่บังคับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบอกว่าอยากกินอาหารของเขา...แต่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกให้ทำอย่างสุดหัวใจแล้วขอเป็นผู้เดียวที่เป็นเจ้าของ...มีคนที่ขอหวงแหนในอาหารของเขา...

ไม่รู้ว่าท่านย่าเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้ไหม...ถ้าเคยเขาอยากรู้ว่าท่านย่าแสดงอาการเช่นไร

กำลังจะร้องไห้...เหมือนอย่างเขาหรือเปล่า

หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรเสียงคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเกวียนปูหญ้าอย่างดี โคมัตสึไม่ค่อยคุ้นเคยเครื่องแต่งกายของพวกเขานัก แต่ก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนรับใช้ของบ้านท่านโทริโกะ เท่านั้นเด็กชายร่างเล็กก็รีบโค้งลาทันที โดยก่อนที่จะวิ่งออกไปเขาก็ว่าขึ้นอย่างเร็วจนลิ้นรัว

“ข้า...ข้าสัญญาว่าสักวันหนึ่งจะให้คำตอบกับท่าน ขอให้ท่านโชคดีขอรับ ท่านโทริโกะ”

“เฮ้!..เดี๋ยวสิเจ้า..!” ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าตัวเล็กวิ่งหนีเขาไปซะไกลลิบ เขายกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสีย “นี่อย่าบอกนะ...ว่าเจ้าจะไปโดยที่ไม่ได้บอกชื่อให้ข้าฟังเลย”


.


.


.


.


.


TBC...


มิยะขอเม้าท์

แน่ใจใช่นะว่านี่พีเรียด...เป็นพีเรียดที่สุดวิบัติเลยก่ะ ฮ่ะๆๆๆ เอาน่า...มันไม่ดราม่าก็อย่าไปซีเรียส// โดนโบกดับ

มะ มันเหมือนจะยาวไปเล็กน้อย =w= แต่อย่างไรก็ตาม ไอ้มิยะก็เปิดไหใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆๆ // มีหน้ามาหัวเราะ ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นไหค่ะ เพราะตั้งใจจะให้มันจบเป็นช็อตฟิคหนึ่งตอนจบ (เอ็งทำไม่ได้หรอกโว้ย! เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว) จริงๆเลย พล็อตยังไม่ได้วางคิดจะให้มันจบในตอนเดียวได้ไงฟะ // เอาหน้าซุกหมอน

เอ้อ ก่อนที่จะเวิ่นเว้อยาวเหยียด ขอเก๊าได้พูดอะไรหน่อยนะ

สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องเตย >[ ]<

ขอให้น้องเตยมีความสุขมากๆ เจอแต่เรื่องดีๆฟินๆ ขอให้แกะเพลงได้สำเร็จทุกเพลงๆ ประสบความสำเร็จในการเรียน ปรารถนาอะไรขอให้สมปรารถนาทุกอย่าง เค้าจะขอเป็นกำลังใจให้น้องเตยทุกอย่างเลย จะจับมือไปเที่ยวโลกกรูเมต์ด้วย ฮ่าๆๆๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นขอมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ สาเหตุไม่ใช่อะไรเลย เจ้าของวันเกิดนั่นแหล่ะ ล่อลวงเค้า!! // ยังโทษน้องไม่เลิก คือ...ไม่คิดจริงๆว่าจะเจอการ์ตูนโชเน็นจัมป์ (ที่ดังโคตรๆ) มีเนื้อหาที่ฟินได้ขนาดนี้! มันฟินมากกกกกกกกกกกกกกก มันเรียลจัดๆจริงๆ เรียลแค่ไหน...คือ...เป็นฟิคแฟนดอมแรกที่มิยะลงมือเขียนแล้วตัดสินใจเลยว่าต้องเขียนเป็น AU เพราะถ้าเป็นฟิคธรรมดาคงไม่มีทางฟินได้ถึงออริจินอล ถึงขนาดนั้นเลย แน่นอนว่าแฟนเกิร์ลใดชอบอ่านการ์ตูนจัมป์แล้วหวังเห็นฉากฟินโคตร รับรองว่าโทริโกะคือตัวเลือกที่คุณคู่ควรค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

โทริมัตสึ...คืออะไร

มันคือการที่คนๆหนึ่งแอบห่วงใยคนๆหนึ่งโดยไม่รู้ตัว...ห่วงกันไปห่วงกันมา สาบานเถอะว่าพวกเอ็งคือชายหนุ่มวัยเบญจเพสแล้วน่ะ ง๊ากกกกกกกกกกกกก >////< แซวไปฟินไป นี่ห่วงกันยิ่งกว่าดูแลเด็กสิบขวบอีกนะครัช



มันคือการที่คนๆหนึ่งเกิดอาการหวงคนๆหนึ่งมาก แม้แต่กับเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน  (หลายคนมวก!) ก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้?



มันคือการที่คนๆหนึ่งเอาอีกคนมาเป็นกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ เขาไม่อยู่ยังคิดถึงเขาแล้วเอาแรงนั้นมากลายเป็นแรงใจ // กัดผ้าเช็ดหน้า ฮึก! นี่มันซีรีส์เกาหลีชัดๆ



มันคือการที่คนๆหนึ่งสัญญาว่าจะปกป้องคนอีกคนด้วยชีวิตของตนเอง...



นี่คือเรื่องจริงทุกประการค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่พรีเวดดิ้งจริงๆนะเออ >///////< ความจริงมีอีกหลายฉากที่ฟินกว่านี้มากๆ ยิ่งตอนสูงๆยิ่งจิ้นกระจาย มันเยอะจนเอามาเล่าไม่หวาดไม่ไหวเลยค่ะ ง๊ากกกกกกกกก แบบนี้สมควรเกิดไหเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณน้องเตยที่แนะนำการ์ตูนฟินๆ ฟิคเรื่องนี้...คงไม่ใช่สองตอนจบ // ห๊า!! สไลด์ตัวขอโทษ แต่ยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามันเป็นฟิคสั้นจริงๆนะ ส่งสายตาวิ้งๆ

เจอกันใหม่บทความหน้า ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อกค่ะ 

Miya



2 ความคิดเห็น:

  1. ฟิคคู่นี้มันหายากมากจริงๆ
    ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ >//////<
    เอาล่ะ มาพูดถึงฟิค....
    โคมัตสึดูน่ารักโพดๆ องค์ชายโทริโกะก็ดูเจ้าเล่ห์ไม่เบา
    แต่ทั้งสองคนดูฉลาดมากจริงๆ
    ขำโทริโกะ อวยตัวเองจังเลยนะเธออออ
    โคมัตสึเก่งมาก น่ารัก ใจดี ฉลาด สมกับเป็นเคะเพอร์เฟ็ค *มอบรางวัลตุ๊กตาทอง* ไม่แปลก ที่โทริโกะอยากจะรู้จักขนาดนั้น ><!!!!
    แต่แอบขัดใจ แหมะ ทำไมไม่ถามชื่อไปเลยล้ะค้า.....
    มัวแต่ฟอร์ม เดี๋ยวก็โดน มคปด.หรอก
    5555555555555 ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ

    ตอบลบ
  2. เป็นฟิคที่พูดได้คำเดียวว่า "เลอค่า"
    ฟินมากๆ มิยะซังสู้ๆ

    ตอบลบ