Project : Happy
birthday P’Kwang [WAKETSU] 12.01.13
Au.Fic KHR 8059
[Yamamoto X Gokudera]
Drama comedy!? (มันอะไรกันล่ะนั่น!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
และอีกอย่าง
ฟิคเรื่องนี้มัน...เว่อร์ได้โล่ วิปริตหน่อยๆ โรคจิตเล็กน้อย
สาระค่อนข้างตกตะกอนนอนก้น
ขอให้มีความบันเทิง....ปรารถนาดีจาก
Miyaจ้ะ *v*
SKYFALL : 13
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
ปารีส
ฝรั่งเศส
ศูนย์การค้าและโรงแรมเบธิลด์
ทาวเวอร์ สาขาหลัก
ร่างโปร่งบางเดินทางจากสนามบินมาอยู่หน้าตึกแฝดสูงตระหง่านพร้อมกับเจ้าของและทายาท
มีพนักงานต้อนรับเมื่อเดินผ่านเข้าไปในตัวตึกบี ดวงตาสีมรกตหรี่ลง มันเงียบผิดปกติ
แอร์อุณหภูมิต่ำมากขนาดมันเป็นชั้นล็อบบี้กว้างๆ
ซ้ำอาการขนลุกแปลกๆที่มันไล่หลังมาก็ทำให้เขายืนยันได้ระดับหนึ่ง ไม่ต้องหันไปมอง
หรือแม้กระทั่งเหลือบตา...
เขาโดนมองอยู่...ไม่สิ
ไม่ใช่แค่มอง...จ้องเลยต่างหาก
เพียงแค่เขาเดินผ่านประตู
ภาพของเขาก็อยู่ในกล้องส่องทางไกลของลูกน้องแมคคาร์ทีที่กระจายอยู่ทั่วตึกชมวิวที่ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนแล้ว
“เชิญห้องนี้ครับ
ประธานโกคุเดระ” เดเมียนผายมือเชิญอย่างสุภาพ เป็นห้องประชุมเล็กๆชั้นหนึ่ง
ดวงตาสีมรกตเหลือบมองแดชีลล์เล็กน้อย หัวคิ้วของหมอนั่นขมวดมุ่นบางๆ
“เราจะเซ็นสัญญากันที่นี่หรือครับ”
เด็กหนุ่มร่างบางถาม “ไม่ใช่ห้องข้างบนหรอกเหรอ”
“ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะครับ
เพียงแต่ห้องข้างบนนั้นมันใกล้กับแหล่งก่อสร้างสวนลอยฟ้าที่ตึกเอมาก
มีมลภาวะทางเสียงและอากาศมากกว่าข้างล่าง
ผมคิดว่ามันไม่เหมาะที่จะเซ็นสัญญากันเท่าไหร่นัก” เมื่อฟังเหตุผลโกคุเดระก็พยักหน้ารับและเดินตามเข้าไป
ข้างในเป็นห้องที่ไม่กว้างมากมายนัก เท่าห้องทำงานเขาได้ หน้าต่างเป็นกระจก
ประตูเป็นประตูไม้เปิดสองบาน
และนอกจากโต๊ะกับโซฟาและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเล็กน้อยแล้ว ห้องนี้ไม่มีอะไรอีก
“เอาล่ะ
เริ่มทำสัญญากันเถอะครับ” เด็กหนุ่มร่างบางว่า เดเมียนเอาเอกสารออกมาจากซอง
มันมีลายลักษณ์อักษรที่เหมือนกับสัญญาของจริงทุกประการ
เพียงแต่ไม่มีลายน้ำของบริษัท
แต่เท่านี้คงจะหลอกสายตาของกล้องส่องทางไกลคุณภาพสูงได้
โกคุเดระอ่านมันสักพัก
ถ่วงเวลาราวไตร่ตรองการทำสัญญาแบบปกติทุกประการ จากนั้นจึงเซ็นลายเซ็นลงที่มุมล่างขวา
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
เดเมียนยิ้ม แล้วยื่นมือมาเก็บมันใส่ซองอย่างเก่า แดชีลล์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่ประธานแห่งสายการบินโกคุเดระกลับมีสีหน้าที่นิ่งสนิท
ดวงตาของเขาจ้องไปที่เจ้าของเบธิลด์คนปัจจุบัน จนในที่สุดมุมปากก็ยกเป็นรอยยิ้มจางๆ
“ครับ...เสร็จแล้ว”
เด็กหนุ่มนิ่งไปนิดแล้วเงยหน้าขึ้นมองชายสูงวัย “หมายถึงตัวผมใช่ไหมล่ะ”
“ใช่”
สิ้นเสียงตอบ
ปืนสั้นออโตเมติกก็ล้วงออกมาจากข้างเอวแล้วยกขึ้นส่องหน้าเด็กหนุ่มร่างบางทันที
“พ่อ!”
“อย่าขยับนะแดช!”
เดเมียนหันไปตวาดลั่น ดวงตาสีเทาของเขาสั่นระริก
และถ้าฟังไม่ผิดเสียงของเขาก็สั่นด้วย “อย่าขยับแม้แต่นิดเดียว! ถ้าแกไม่ฟังพ่อ โกคุเดระ ฮายาโตะได้ตายภายในนัดเดียวแน่”
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสยืนนิ่งตัวแข็งค้าง
เขากลัวคำขู่ของพ่อ เพราะมือที่ถือปืนนั้นสั่นมาก มันลั่นได้ง่ายๆ
ระยะประชิดขนาดนั้นถึงตายได้เลย และอีกอย่างต่อให้พ่อไม่ขู่
เขาก็ไม่สามารถขยับได้อยู่แล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ์แบบนี้มันคืออะไร ไม่
มันเกิดอะไรขึ้นเขายังไม่รู้เลย
ภาพเบื้องหน้าคือพ่อของเขากำลังเอาปืนจ่อหน้าโกคุเดระ
คนที่พ่อน่าจะเชื่อใจแล้วว่าจะช่วยให้เบธิลด์ ทาวเวอร์รอดพ้นมือของสตีเฟน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะทำยังไง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ไม่สิ เขาควรจะถามว่าทำไมเรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้
มันมีอะไรผิดพลาดไป
พลาด...อะไร....
“หมอนั่นรู้แล้วว่าผมแค่แกล้งทรยศยามาโมโตะ?”
เดเมียนนิ่งไปนิดกับคำถามของเด็กหนุ่ม แล้วส่ายหน้าช้าๆ
“ตอนนี้ยังไม่รู้...แต่คาดว่าอีกไม่นาน
และไม่จำเป็นต้องรอผลข้อมูล”
“ทำไม”
“เมื่อคืนนี้ที่คุณส่งคนมาช่วยเลขาส่วนตัวของยามาโมโตะ
มีหน่วยสอดแนมที่ดาดฟ้าใช้กล้องส่องทางไกลส่องเห็นทะเบียนรถหลบหนี
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรถเช่าหรือทะเบียนปลอม
พวกนั้นสามารถเช็คได้ง่ายๆและรู้ตัวเจ้าของทันที...ผมไม่ได้จะบอกว่าคุณไม่รอบคอบหรอกนะ
แต่เพราะพวกมันไม่ใช่คนที่จะสิ้นฤทธิ์เพียงแค่เรื่องแค่นี้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าคุณจะวางแผนดีเพียงแค่ไหนก็ตาม...”
เดเมียนเว้นวรรค
แล้วสำทับลงไปสั้นๆ คำย้ำที่ทำให้คนฟังขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย
“นั่นแหล่ะคือขอบเขตที่กว้างใหญ่ของโลกมืด”
โกคุเดระรู้สึกว่าอากาศที่ใช้หายใจมันเหลือน้อยลงไปทุกที
หัวเริ่มปวดหนึบๆ ราวพลังงานที่เหลือของร่างกายลดลงจนถึงจุดที่ต่ำที่สุด
มือที่อยู่ใต้โต๊ะค่อยๆกำแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเหงื่อชื้น อาการสติแตกใกล้จะครอบงำ
แล้วเขาก็เดาได้ว่าด้วยสภาพร่างกายที่แย่ขนาดนี้ เขาไม่มีทางฟื้นตัว
อีกอย่างเขาทราบว่าเดเมียนพกปืน
แค่ดูจากการโป่งออกของเสื้อสูทที่ทิ้งชายข้างเอวก็รู้แล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้การที่ประธานบริษัทจะพกปืนเอาไว้ป้องกันตัวมันไม่เป็นพิรุธอะไรเลย
เพียงแต่เขาคาดไม่ถึง ว่าปืนกระบอกนี้มันจะถูกหันเข้าหาตัวเขาเอง
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้” โกคุเดระถามอีก ถามเพื่อตัวเอง
และที่สำคัญที่สุดก็เพื่อลูกชายแท้ๆที่ยืนตัวแข็งอยู่ข้างๆ คนถูกถามหลบสายตาลง
มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือปืนกำหมัดแน่นราวสกัดกลั้นอะไรบางอย่างไว้จนสุดความสามารถ
ทุกสิ่งทุกอย่างแสดงออกมาโดยไม่โกหก มันคืออากัปกริยาของผู้ที่ไม่มีทางเลือก
“ผม...รู้ตั้งนานแล้วว่าเบธิลด์
ทาวเวอร์จะถูกวางระเบิด” เดเมียนเริ่มเปิดปากเล่า ดวงตาของแดชีลล์เบิกกว้าง
“หลังจากที่สตีเฟนโอนเงินจำนวนห้าสิบล้านดอลลาร์ เขาได้ติดต่อผมผ่านทางโทรศัพท์ส่วนตัว
มันบอกว่าตึกนี้จะโดนระเบิด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้ไขเพราะเป็นคำสั่งเบื้องบน
แต่กรณีระเบิดจะทำงานนั้นก็ต่อเมื่อสตีเฟนได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์...แล้วคุณก็รู้ใช่ไหม...ว่าผมไม่มีทางให้ตึกนี้เป็นอะไรไป”
เสียงของเดเมียนสั่นเครือกว่าเก่า
ดวงตาของเขามีน้ำใสๆเอ่อคลอ โกคุเดระขบฟันกรอด เขาประเมินผิดไป ประเมินความคิดของตาแก่นั่นผิดไปมาก
พวกมันอ่านนิสัยและความรู้สึกเดเมียนขาดกว่าเขาชนิดเทียบไม่ติด
หรือไม่ก็เป็นความผิดของเขาเองที่คาดคะเนความรักของเดเมียนที่มีต่อเบธิลด์
ทาวเวอร์นี้ต่ำไป
“ชีวิตของคุณแลกกับเบธิลด์ทาวเวอร์....
เพราะถ้าคุณตาย สตีเฟนสัญญาว่าจะไม่กดรีโมต...ผมไม่มีทางเลือก...ได้โปรดเถอะ
คุณโกคุเดระ”
มือที่ถือปืนจ่อเข้าที่หน้าอกค่อนไปทางซ้าย
ความเงียบเข้ากลืนกินในห้องอย่างไม่มีใครกล้าเปิดปาก
เด็กหนุ่มผู้ถูกร้องขอให้สละชีวิตยังคงนั่งนิ่งบนเก้าอี้ แดชีลล์กลอกตามองไปมา มือของชายหนุ่มสั่น
จนเขาต้องกำมันแน่น มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดฝันว่าวันหนึ่งต้องมาเห็นพ่อของตัวเองถือปืนส่องหน้าใคร
ยิ่งคนๆนั้นเป็นคนที่พยายามช่วยเบธิลด์ ทาวเวอร์อย่างสุดความสามารถ....
แต่มันถึงเวลาที่ต้องยอมรับความจริง....ว่าพ่อของเขาเอาชนะความกลัวไม่ได้...
และเป็นเขาที่เป็นคนผิดพลาด
เขากล่อมพ่อไม่ได้ ชักจูงพ่อให้เชื่อใจโกคุเดระไม่ได้...ภารกิจที่ถูกมอบหมายให้
มันพังลงไม่เป็นท่า...
นี่ใช่ไหม...ข้อผิดพลาด
“พ่อ...ใจเย็นๆนะ
ฟังผมก่อน” ชายหนุ่มพูดช้าๆในขณะสูดลมหายใจ สีหน้าของเขายังไม่หายซีดเลย
“พ่อ...พ่อรู้ได้ยังไงว่าถ้าพ่อฆ่าโกคุเดระแล้วมันจะไม่ระเบิดตึกนี่ทิ้ง
มันอาจจะหลอกใช้พ่อเป็นเครื่องมือฆ่าเด็กคนนี้เท่านั้นก็ได้”
“สตีเฟนไม่มีทางระเบิดเบธิลด์
ทาวเวอร์ทิ้งตามอำเภอใจหรอกแดช”
“อะไรนะ”
“ทุกอย่างจะเป็นไปตามเงื่อนไขของพ่อกับสตีเฟน
ขอแค่พ่อฆ่าโกคุเดระ ฮายาโตะ เบธิลด์ ทาวเวอร์จะปลอดภัย นี่ต่างหากคือทางออกที่แท้จริง”
เดเมียนว่าด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“แกเองก็เหมือนกัน...ถ้าแกยังสำนึกในบุญคุณของคุณหญิงแชคก์
แกควรจะมาอยู่ฝั่งฉัน...ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่มีทางให้มือของแกเปื้อนเลือด...ฉันลั่นไก
แกปิดข่าว ทุกอย่างจะจบด้วยดี”
บ้าแล้ว!
เด็กหนุ่มร่างบางสบถในใจ
ความกลัวเริ่มออกฤทธิ์ให้รู้สึกสั่นสะท้านเป็นครั้งแรก
มันร้องก้องดังเป็นสัญญาณให้รีบๆหาทางรอดก่อนที่จะไม่มีโอกาส
ที่เขานั่งนิ่งๆอยู่ไม่ใช่ไม่กลัว แต่เขายังมั่นใจว่าถ้าแดชีลล์ยังอยู่ข้างเขามันยังพอมีทางออก
สองต่อหนึ่ง หนึ่งนั้นยังมีปืน แต่เดเมียนไม่ใช่พวกมืออาชีพ เขาอาจจะมีหวังเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมวางปืน
จากนั้นก็ค่อยหาทางออกแบบรอดทุกคน
แต่ถ้ามันออกมาเป็นแบบนี้เขายังไม่เห็นลางที่จะชนะเลย ยิ่งเดเมียนเอาเรื่องคุณหญิงแชคก์ขึ้นขู่
ยิ่งปิดตายประตูทางออก หมอนี่รักคุณหญิงแชคก์แค่ไหน
ความลังเลที่ปรากฏได้ขึ้นทันทีในสายตาแดชีลล์มันก็บอกอยู่แล้ว
แน่นอน...ความรักนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของเขาหลายร้อยเท่าด้วย
แล้วอย่าคิดว่าคนอย่างเขาจะเข้าไปแย่งปืน
เขาไม่คิดจะทำทั้งนั้นแม้คนถือปืนจะเป็นเด็ก
ยิ่งคนที่มีความกระทบกระเทือนด้านจิตใจแล้วไม่ต้องพูดถึง
ความมั่นคงของนิ้วที่มีต่อไกปืนนั้นต่ำแสนต่ำ ก่อนจะถึงตัวเขาคงโดนยิงก่อน
ไม่แถวหน้าอกก็หัวไหล่แหล่ะ
โกคุเดระพรูลมหายใจ
ลุกยืนขึ้นประจันหน้ากับปืน
เดเมียนกระชับปืนแน่นขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตัดสินใจได้แล้ว
“ผมประทับใจมาก
และขอขอบคุณคุณจากหัวใจเลยจริงๆที่คุณคิดจะปกป้องเบธิลด์ ทาวเวอร์...เพียงแต่การปกป้องของเรามันไม่เหมือนกัน...การทำให้รอดพ้นจากสังคมมืดแต่ต้องแลกกับการที่ทำให้ตึกที่คุณหญิงแชคก์นั่งทำงานเพื่อเบธิลด์มานานแสนนานต้องหายไป
กับการที่ตึกนี้กลายไปที่ฟอกของเงินสกปรกแต่มันยังคงอยู่....ผมต้องขอโทษที่ผมเลือกอย่างหลัง”
น้ำเสียง
ท่าทาง สีหน้าและแววตา เดเมียนไม่ได้โกหกเขาเลย
มันคือความคิดจากก้นบึ้งของหัวใจที่เด็กหนุ่มร่างบางต้องยอมรับมัน
แต่คิดแล้วเขาก็อดขำตัวเองไม่ได้ว่ายังไงซะเขาก็แค่เด็กอายุสิบเก้าที่ยังมองโลกแคบ
ทั้งๆที่เตือนตัวเองเสมอว่ายามวางแผนต้องคิดทุกมุมมอง...แต่ท้ายที่สุดเขาก็พลาด แถมมันยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เขาไม่ถนัดเอาซะเลย...
มุมมองของความรักและการปกป้อง....
แพ้จริงๆแล้วสิ
“คุณโกคุเดระ...เพื่อตอบแทนน้ำใจ
ถ้าหากคุณอยากฝากคำสั่งเสีย ผมยินดีรับฟัง...”
“พ่อ...”
แดชีลล์เรียกเสียงแผ่วพลางมองไปที่คนกำลังจะตาย ซึ่งก็เช่นเดิม ใบหน้าของโกคุเดระยังมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่
ซ้ำคราวนี้ยังมีเสียงหัวเราะเบาๆด้วย
“เรื่องนั้นผมคงไม่รบกวนครับ
พอดีได้บอกกับใครบางคนเอาไว้เรียบร้อยแล้วน่ะ เพราะงั้นตอนนี้ถ้าผมอยากพูดกับใคร
ก็คงจะเป็นพวกคุณ...”
“พูดกับผม?” เดเมียนทวนถาม เด็กหนุ่มพยักหน้า
“ครับ...รวมถึงสตีเฟนด้วย...ถ้าสถานการณ์มันออกมาเป็นแนวนี้
หลังจากที่คุณฆ่าผมแล้ว คุณต้องกลับไปหาสตีเฟนอีกครั้ง หมอนั่นคงจะให้คุณไปจัดการกับยามาโมโตะต่อ
มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเกลี้ยกล่อมให้ยามาโมโตะยอมโอนหุ้นส่วนเบธิลด์
ทาวเวอร์ให้สตีเฟน...แต่ถ้าใช้วิธียื่นข้อเสนองามๆให้พร้อมคำขู่ว่าจะฆ่าคนในครอบครัวของผมมันก็ไม่แน่...หมอนั่นอาจจะพอยอมอ่อนให้”
ชายสูงวัยเงียบ และโกคุเดระก็ตีความว่าเขาเดาถูก เด็กหนุ่มยิ้มออกมานิดๆ
ทั้งๆที่สถานการณ์มันไม่น่าจะยิ้มออกเลยแท้ๆ
“ผมขอฝากข้อความบางอย่างไปบอกตาแก่นั่นหน่อยได้หรือเปล่า”
คนขอเอ่ยสบายๆ แล้วพออีกฝ่ายพยักหน้าเขาจึงเริ่มพูดเข้าเรื่อง “นอกจากที่ผมจะทราบว่าคุณทำอะไรกับตึกนี้
ผมยังเจอของบางอย่างที่ห้องผู้บริหารข้างบน...ห้องของคุณหญิงแชคก์ มันเป็นแหวนแต่งงานที่สลักว่า
Beth&Steve...”
ทั้งห้องเงียบงัน
ดวงตาสีฟ้าอมเทาของแดชีลล์ค่อยๆเบิกกว้างขึ้น โกคุเดระสะดุดลมหายใจเล็กน้อย นี่แดชีลล์ก็ไม่รู้เรื่องนี้หรอกเหรอ...ให้ตายสิ
วันนี้หมอนี่ช็อกกับหลายๆเรื่องเกินไปแล้วนะ
แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มร่างบางก็ต้องพูดต่อ
“สตีเฟน
แมคคาร์ที...คือสามีคนแรกของคุณหญิงเบธิลด์ เอลีน แชคก์ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณมั่นใจว่าตาแก่นั่นจะไม่ระเบิดเบธิลด์
ทาวเวอร์ทิ้งอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ต่อให้เปลี่ยนไปแค่ไหนหรือมีอุดมการณ์ที่สวนทางกับคุณหญิง...แต่สตีเฟนก็ยังคงรักเธอ....”
“อะ..อะไร...กัน”
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสครางเสียงแผ่ว มองหน้าพ่อของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
ซึ่งเดเมียนก็ไม่มีคำตอบใดๆให้นอกจากดวงหน้าที่นิ่งสนิทแต่แววตากลับมีประกายความเศร้าล้นเอ่อ
ไม่ต้องตอบ...ไม่ต้องทำอะไรไปมากกว่านี้
แดชีลล์ก็ยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่โกคุเดระพูดนั้นเป็นความจริง
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ
ในหัวมีแต่เรื่องที่เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดไม่จางหาย มันกรีดร้อง ทุบอกอย่างบ้าคลั่ง
คล้ายจะให้เขาระเบิดเป็นเสียงร้องออกมา เพียงแต่เขาเค้นไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ผมยอมรับว่าผมแพ้ที่ผมซื้อใจคุณไม่ได้และไม่คาดคิดว่าสตีเฟนจะส่งคุณมาเก็บผม
แต่เกมนี้ผมไม่ได้เป็นผู้แพ้ฝ่ายเดียว เราเจ๊า...เพราะการทำให้สตีเฟนต้องใช้ลูกไม้สุดท้ายแถมเป็นวิธีฉาวๆอย่างฆ่าปิดปากมันก็แสดงให้เห็นว่าหมอนั่นหมดปัญญารับมือกับผมทางธุรกิจเช่นเดียวกัน”
“ใช่...ผมยอมรับจริงๆ”
เดเมียนพูดจากใจ “คุณมีความสามารถพิเศษที่นักธุรกิจบางคนอยากได้จนใจแทบขาด...คุณเป็นบุคลากรคนสำคัญที่ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะหาได้แบบนี้...แต่น่าเสียดายที่คุณต้องตาย”
“อย่านะพ่อ!”
แดชีลล์ถลาเข้ามากันวิถีกระสุนทันที เดเมียนหน้าตึง คลายนิ้วจากไก ทว่าตวาดลั่น
“ออกไปแดช!! อย่าทำอะไรบ้าๆ! แกไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ข้างเขาอีกต่อไปแล้ว
พ่อยิงเขา เบธิลด์รอด กิจการของผู้มีพระคุณของแกจะดำเนินอยู่ต่อไป
หรือแกอยากเห็นมันถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาแก หา!!!”
“ผมรู้!! รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร!
สติผมยังดีและเข้าใจทุกเงื่อนไขของพ่อ...ผมไม่ใช่คนดีหรอกนะ
เพราะพ่อก็เคยสอนว่าวงการแบบนี้เป็นคนดีมากไปเดี๋ยวหายนะจะมาถึงตัว...แต่ผมก็ทนเห็นพ่อฆ่าใครไม่ได้อยู่ดี
ยิ่งถ้าเป็นหมอนี่ล่ะก็ทำใจไม่ได้ใหญ่ ไม่ต้องถามหาเหตุผลนะพ่อ ผมหาไม่ได้หรอก”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ แล้วเหลือบตามองคนเด็กกว่าข้างหลัง
“ผมแค่ไม่อยากให้เขาตาย...ก็เท่านั้นแหล่ะ”
“แดช!”
มือของเดเมียนสั่นสะท้าน ตะเบ็งเสียงจนหน้าสั่น แต่คนเป็นลูกกลับไม่ยอมขยับ โกคุเดระกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ตาจ้องเขม็งที่นิ้วชี้ของชายสูงวัยแม้ว่าสภาพของดวงตามันจะไม่อำนวย เขาจ้อง
จ้องไม่กะพริบ หัวใจข้างในกระหน่ำเต้น และรอเวลา
จวบจนกระทั่งข้อนิ้วชี้ของเดเมียนขยับ
ปังๆ!!
“โกคุเดระ!”
ชั่ววินาทีที่ปืนแผดเสียง
เด็กหนุ่มร่างบางรีบถลาตัวขึ้นมาข้างหน้าแล้ววาดแขนกดให้ชายหนุ่มร่างสูงล้มลงนอนราบกับพื้น
กระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูแล้วปล่อยให้เวลาเดินต่อไป เขาโดนยิง แน่ล่ะ โดนสิ
ที่หัวไหล่ด้านซ้ายตามที่เคยคิดเอาไว้ เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
เขาเพิ่งเคยโดนยิงจะๆเป็นครั้งแรกในชีวิตนี่แหล่ะ รู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆไหลทะลัก
แล้วชุ่มตามสูทเป็นวงกว้าง ชั่ววินาทีแรกมันชา ต่อมาเป็นความเจ็บปวดบัดซบราวกระดูกหัวไหล่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ซ้ำบริเวณปากแผลยังร้อนเหมือนมีอะไรไหม้อยู่ตลอดเวลา
โชคดีอย่างหนึ่งคือโดนระยะประชิด ต่อให้เป็นแค่ปืนสั้นออโตเมติกกระสุนก็จะไม่ฝัง
เดเมียนวิ่งออกไปแล้ว
เปิดประตูแล้วปิดมันดังปัง ท่าทางของหมอนั่นสับสนสุดขีด
หนึ่งน่าจะเพราะหมอนั่นยิงเขานั่นแหล่ะ
และสองคือการที่เขากวาดลูกชายตัวเองล้มตึงลงไปด้วย หมอนั่นยิงออกมาสองนัด
มันลั่นหรือจงใจเขาไม่รู้ แต่ไม่แน่บางทีเดเมียนอาจจะคิดว่ากระสุนโดนแดชีลล์ด้วย
ให้ตายสิ
ให้ตาย!
ชีพจรเขาเต้นจนจะระเบิดอยู่แล้ว หัวยังปั่นเร็วจี๋
แถมตายังพร่าลงเรื่อยๆอีก กลิ่นเลือดของตัวเองที่เจิ่งเป็นกองเบ้อเร่อทำให้สติยิ่งเลือนรางเข้าไปใหญ่
ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนคว่ำหน้า ใช้แรงทั้งแขนกดบริเวณหน้าอกของแดชที่นอนนิ่งไม่ต่างกันตามคำสั่งที่เขากระซิบ
‘แกล้งตายซะ!’
“โกคุเดระ....”
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสขยับปากเพียงนิดเดียวทั้งๆที่ดวงตายังหลับอยู่
แต่เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มกลับใช้มือกดหน้าอกเข้าหนักไปอีก
“ฉันโอเค...นายห้ามพูดนะ”
“เรา...รอดแล้วหรือเปล่า"
เด็กหนุ่มเกือบสบถออกมาให้ไอ้คนที่ไม่คิดฟังคำสั่งเขาแม้แต่น้อย
เลยได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วเค้นเสียงตอบ
“ยัง..ตึกตรงข้าม...น่าจะมีคนส่องไรเฟิลติดกล้องลงมาที่ห้องนี้อยู่
หน้าต่างเป็นกระจกใสขนาดนี้ เห็นฉันและนายชัดแจ๋ว...นอนไปนิ่งๆ..สักสามสิบวิ
ให้มันตายใจ...แล้วเก็บปืน
ถ้าฉันกับนายโชคดี...เราคงไม่ได้กินกระสุนกันอีกสักสองสามนัด”
พูดจบโกคุเดระรู้สึกว่าสติตัวเองกำลังใกล้เหลือศูนย์ การนอนต่ำทำให้เขาขาดออกซิเจน
แถมเลือดยังไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ เขาใช้มือกดแผลไม่ได้
ทางเดียวคือการใช้พื้นพรมกับน้ำหนักตัวช่วยห้าม
ผ่านไปแล้วสิบห้าวินาที
ไม่มีเสียงใดๆเพิ่มเติม กระจกไม่แตก กระสุนไม่กระโดดเข้ามา
หวังว่าให้เหลี่ยมโต๊ะมันช่วยบังช่วงอกของแดชีลล์ไม่ให้ไอ้พวกนั้นเห็นว่ามันยังกระเพื่อมน้อยๆ
แต่เขาสิ รู้สึกมันจะเป็นไปโดยตามธรรมชาติ ลมหายใจเริ่มติดขัดลงทุกที
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงตอบอาเจ๊ไม่ได้ ตอนที่โทรหากันเมื่อสองวันก่อน
“ฮายาโตะ...พี่คิดถึง...”
นี่ล่ะมั้ง...ที่ทำให้เขาพูดว่าเดี๋ยวจะกลับไปหาไม่ได้...
เป็นเพราะมันอาจจะไม่ได้กลับไปนี่เอง...
“โกคุเดระ...ครบ...ครบสามสิบวิแล้ว”
“อือ...ครบ...”
“นายห้ามหลับนะ!”
ชายหนุ่มกระซิบกร้าวทันทีฟังว่าเสียงคนข้างๆอ่อนแรงเหลือเกิน “ส่งเสียง แค่เสียงลมหายใจก็ได้ อย่าเงียบ...นายเป็นอะไรไป
ฉันโดนยามาโมโตะฆ่าแน่ๆ”
“ฮะๆ
อย่าพูดเป็นเล่นน่า หมอนั่นมีปัญญาฆ่าใครที่ไหน”
“ทำไมจะไม่..!”
ตู้ม!!
ไม่ทันพูดจบเสียงระเบิดทำให้แดชีลล์เด้งตัวขึ้นลุกทันที
ปากอ้าค้างอย่างห้ามไม่ได้
แล้วร่างกายยิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นเมื่อพื้นสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหวย่อมๆ
เขาพยายามพยุงให้โกคุเดระนั่งพิงกับขาโต๊ะทั้งๆที่สติกำลังจะหลุดลอยไปกับเสียงก้องกัมปนาท
ตามมาด้วยเสียงหวอที่เปิดโดยอัตโนมัติยามมีภัย ไฟดับลง แอร์ตัด
แล้วไม่ต้องพูดถึงความโกลาหลข้างนอกเลย มันกำลังจะกลายเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรม
ระเบิด...
เดี๋ยวสิ...เมื่อกี้นี้มัน..เริ่มระเบิดแล้วงั้นเหรอ
“พวกมัน...คงตั้งใจแบบนี้ไว้ตั้งแต่ต้น”
เด็กหนุ่มว่า
ในขณะถอดเสื้อสูทของตัวเองแล้วพับเป็นทรงยาวๆก่อนมัดเป็นเงื่อนแน่นบริเวณไหล่เอาไว้เพื่อห้ามเลือดเบื้องต้น
“สตีเฟนคงไม่สนใจว่าเดเมียนจะฆ่าเราได้หรือไม่ได้
ยังไงมันก็ตั้งใจระเบิดตึกนี้ทิ้งตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเพื่อฝังเราทั้งเป็น...ประตู...ล็อกหรือเปล่า”
“ล็อก”
ชายหนุ่มตอบได้โดยที่ไม่ต้องลุกไปดู “ห้องนี้เป็นห้องประชุมพิเศษกึ่งๆห้องนิรภัย
ผนังและเพดานหนาทนแรงอัดกับความร้อนได้สบาย เพียงแต่ว่าถ้าเกิดแรงสั่นสะเทือนในระดันหนึ่งประตูจะล็อกโดยอัตโนมัติ
มันสร้างมาเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหวน่ะนะ...”
ตู้ม!!
“อีกชั้น...ไปแล้ว”
โกคุเดระว่า “ห่างกับลูกแรกสามนาที ตึกนี้มีสิบเก้าชั้นถูกไหม
เรา...มีเวลาไม่ถึงชั่วโมงที่จะหาทางรอด...ความจริง...ไม่เกินสี่สิบนาทีด้วยซ้ำ...เผื่อสองสามชั้นถัดจากเรารับซากปรักหักพังจากชั้นบนๆไม่ไหว
ต่อให้ที่นี่เป็นห้องนิรภัย...ก็เถอะ พวกเศษปูนใหญ่ๆจะอุดทางเข้าออก
แล้วเราจะถูกฝัง ตอนนั้นก็มาลุ้นกันว่า...ออกซิเจน...ที่มีอยู่น้อยนิดในห้องนี้จะเพียงพอกับความเร็ว...ในการทำงานของรถเคลมหรือเปล่า”
ดวงตาสีฟ้าอมเทาหรี่ลงกับคำพูดที่เริ่มกระท่อนกระแท่นนั้น
สถานการณ์รอบตัวเขามันย่ำแย่มาก เพียงแต่นั่นมันยังไม่แย่เท่าคนตรงหน้า
โกคุเดระหน้าซีดเป็นกระดาษ เมื่อคืนหมอนี่ไม่ได้นอนสักงีบ
แถมไม่ได้กินอะไรกว่าสิบชั่วโมง มันก็สมควรที่จะเป็นแบบนี้
เรียกได้ว่าถ้ามีสติก็น่าทึ่งมากแล้ว
แต่โกคุเดระก็ยังคือโกคุเดระ
ยังเป็นคนที่รับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
เด็กคนนี้พยายามตั้งสติโดยการสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆตลอดเวลา
แม้ร่างกายจะไม่สะดวกลุก แต่สายตาก็กว้านหาทางหนีอย่างสุดความสามารถ มือทั้งสองข้างบีบกันไปมาอย่างเคยเพื่อขจัดอารมณ์ตื่นกลัวและดูท่าว่าจะไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ของตัวเอง
แต่เป็นอารมณ์ของคนอื่นด้วย
ไม่รู้ทำไม
เขารู้สึกผ่อนคลายลงนิดๆ ทั้งๆที่อีกเด็กคนนี้ไม่ได้ปลอบ
เพียงแค่เห็นสีหน้าครุ่นคิด และการคลายรัดเสื้อสูทเหนือบาดแผลเป็นระยะๆเขาก็วางใจได้มากแล้ว...เพราะมันเป็นการกระทำของคนที่ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด...ยังไม่พร้อมที่จะตาย
แล้วอีกอย่าง...เขายังไม่ได้ยินคำว่า
‘ไม่รอด’ หลุดออกจากปากเด็กคนนี้เลย
“นั่นมัน...!”
แดชีลล์ร้องลั่นเมื่อเห็นควันหนากลุ่มหนึ่งลอดผ่านใต้ประตูมา
กลิ่นการเผาไหม้ที่เป็นเอกลักษณ์คละคลุ้ง เครื่องวัดอุณภูมิที่ติดอยู่ที่ประตูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสองคนกะพริบตา อยากให้เรื่องที่เห็นเป็นเพียงแค่ความฝัน
“ไฟไหม้!”
“ระเบิดเพิ่งทำงานไปสองลูก
ไม่มีเหตุผลที่ไฟจะไหม้เร็วถึงชั้นหนึ่ง...พวกมันนั่นแหล่ะที่วางเพลิง...ความเย็นจากล็อบบี้ข้างนอกทำให้ควันลอยต่ำกว่าปกติ”
เด็กหนุ่มขบฟันกรอด ควันลอยคลุ้งแล้วเริ่มหนาขึ้น
และกำลังแทนที่ออกซิเจนในห้องทุกๆวินาที
ทันใดนั้นมือขาวเรียวยื่นมาฉกผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อสูทอีกฝ่าย
คว้าขวดน้ำดื่มบนโต๊ะรับแขกแล้วเทราดมันไปจนชุ่มแล้วบิดพอหมาด
แดชีลล์ร้องอ๋อในใจเบาๆ มันเป็นวิธีเอาตัวรอดง่ายๆจากสถานการณ์ไฟไหม้ที่เป็นที่รู้กันดีพอๆกับการหมอบต่ำ
ตู้ม!!
ฉับพลันโกคุเดระก็หันมาทางเขา
อาศัยจังหวะที่เขาชะงักเพราะเสียงระเบิดแล้วเอาผ้าชื้นๆนั้นโปะเข้าเต็มจมูกโดยไม่สนเสียงค้าน
แล้วไม่สนใจแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้แชนเดอเลียข้างบนไหวอย่างแรงจนแทบจะร่วงลงมา
“ผ้าเช็ดหน้าของ
The
Best น่ะ...ฉันการันตีคุณภาพว่าหนาพิเศษ...ซึมซับน้ำดีเยี่ยม...มันทำให้นายอยู่ได้อีกนาน...เงียบ...แล้วฟัง..ฉัน..ไม่เหลือ..แรงมาพูด..สองรอบหรอกนะ”
ลมหายใจของเด็กหนุ่มตรงหน้าขาดห้วง แต่กระนั้นมือยังไม่ออกห่างจากหน้าเขาเลย
“ฉันทำอย่างนี้..ฉันมีเหตุผล...”
“เงียบไปเลย!”
เขาตวาดเสียงกร้าวแล้วพยายามขืนเอามือบางๆออกไป “นายก็มีเหตุผลตลอด
แต่ฉันไม่ใช่ยามาโมโตะนะที่จะฟังเหตุผลของนายน่ะ!
ตอนนี้คนที่จะตายคือนาย ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้โดนยิง เมื่อคืนนอนมากกว่านาย
กินข้าวมามากกว่านาย ถึงสภาพจิตใจฉันมันจะไม่สมบูรณ์ก็เถอะ
แต่มันก็น่าจะมีมากกว่าสตินายแน่ๆ เพราะงั้น..!”
“ฟังฉัน...แดช”
ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มชะงักกึก
คำค้านทั้งหมดเก็บลงคอ
ก่นด่าเด็กเจ้าเล่ห์ตรงหน้าในใจว่าขี้โกงสุดๆที่มาเรียกชื่อเขาเอาป่านนี้
แถมแววตาจริงจังน่าขนลุกแต่เจือไปด้วยการขอร้องที่ส่งมานั่นอีก
ผ้าชื้นๆถูกโปะลงมาอีก มันทำให้เขาต้องเงียบฟังเรื่องงี่เง่าอีกครั้งโดยไม่อาจห้าม
“ฉัน...ไม่เคยเจอเรื่องแบบนาย...ฉันไม่มีทางเข้าใจ
ว่าการที่อยู่ดีๆแม่ของตัวเองเคยมีศัตรูเป็นคนรักนี่รู้สึกยังไง...รวมถึงการเห็นพ่อตัวเองมาลั่นไกใส่คนนี่จะรู้สึกแบบไหน...ฉันไม่เข้าใจหรอก
เพราะงั้นฉันปลอบนายไม่ได้...แต่ที่ฉันยืนยันได้คือความรักที่คุณหญิงแชคก์มีให้นาย...มันมากมายมหาศาลอย่างที่แม่บังเกิดเกล้าคนหนึ่งจะมีให้ลูกได้...มันพิสูจน์มาเป็นตัวตนของนายในทุกวันนี้...นายที่รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น...คนที่จะมีนิสัยแบบนี้น่ะต้องรู้จักความรักและรู้จักคุณค่าของมันมามากพอ...ขนาดฉันที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องพรรค์นี้ยังรู้เลย...”
“โกคุเดระ...”
“บอกให้ฟังไง”
เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าเพราะโดนขัด เขาไอโขลกสองสามทีเพราะเผลอสูดแก๊สเข้าไปมากเกิน
ในคอแสบไปหมด ซ้ำหัวยังหนักอึ้ง ภาพเบื้องหน้าพร่าลงเรื่อยๆ
“เพราะงั้นนายต้องมีชีวิตรอด...ตอนนี้บอดีการ์ดของฉันคงมาถึงแล้ว...พวกเขาอยู่ข้างนอก....นายติดต่อเขาให้ได้...ไม่ว่าด้วยวิธีไหน
นายยังมีกิจการที่ต้องดูแล...อีกไม่นานจะเปิดสาขาที่นิวยอร์กไม่ใช่หรือไง...นายจะปล่อยให้เบธิลด์ทาวเวอร์ต้องหายไป...จริงๆงั้นเหรอ”
เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มซื่อๆออกมา
มันเป็นยิ้มที่ไม่เข้ากับสถานการณ์เอาซะเลย
แม้เสียงระเบิดจะดังขึ้นอีกลูกแต่รอยยิ้มก็ไม่จางหาย แต่เขาจะไปตกใจอะไร
ในเมื่อตั้งแต่วินาทีที่โกคุเดระย่างเท้าเข้าห้องนี้จนถึงปัจจุบัน...เด็กคนนี้ก็ยิ้มออกมาหลายครั้งแล้ว
และเป็นเพราะเขาอยู่กับโกคุเดระมากไปในช่วงสองสามวันนี้หรือเปล่า
เขาเลยตีความหมายรอยยิ้มบนใบหน้าสวยๆนี้ได้
มันไม่ใช่การยอมแพ้
โกคุเดระไม่เคยมีความคิดแบบนั้น
เด็กคนนี้ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่...แต่ถ้าผลปรากฏออกมาว่าไม่เป็นอย่างที่คาดไว้
เขาก็ยอมรับมันด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง เหมือนตอนที่ยอมรับว่าแผนการของตัวเองถูกซ้อนด้วยแผนของยามาโมโตะ
และรอยยิ้มนี้...มันก็ฟ้องว่าเป็นการยอมรับในแบบของโกคุเดระ
“ฉันเชื่อ...ว่านายต้องทำได้แน่
ไม่ใช่เพราะนายจบจากมหา’ลัยชื่อดัง มีคุณสมบัติครบถ้วนในวงการนี้
ไม่ใช่เรื่องหน้าตาดีเหมือนนายแบบ...หรือแม้กระทั่ง...เพราะนายเป็นเพื่อนของหมอนั่น...”
“....”
“แต่เพราะว่า...นายคือแดชีลล์
เลอรอยด์...ฉันถึงเชื่อ...จำเอาไว้ซะล่ะ”
แล้วร่างบอบบางก็โอนเอนล้มฟุบแต่หากยังไม่ทันถึงพื้น
ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสก็ถลาเข้าไปรับแล้วใช้แขนให้หนุน
ส่วนมืออีกข้างก็ตะปบผ้าเช็ดหน้าเอาไว้กับจมูกของตัวเองทั้งๆที่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ยังปฏิเสธมันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เลย
เขาลืมไป...ลืมไปเสียสนิทว่าโกคุเดระคือนักต่อรองตัวฉกาจที่ทำให้คู่เจรจาคล้อยตามได้
เพราะงั้น...หัวใจของเขามันถึงได้ร้อนรนแล้วหาวิธีเอาตัวรอดอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้ไง
ไอ้...เด็กบ้านี่!!
แดชีลล์ประคองหัวร่างบางไว้
ส่วนมือก็รีบควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
แล้วรีบติดต่อหาคนข้างนอกตามที่เด็กหนุ่มบอกทันที
เพียงแต่ปลายสายไม่ใช่พวกบอดีการ์ดก็เท่านั้น
“รับสิเว้ย! ไอ้เจ้าชายขี่ม้าขาว!
เด็กแกจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่แล้ว!”
เสียงโทรศัพท์ดังพร้อมๆกับชื่อที่โชว์บนหน้าจอเป็นชื่อเพื่อนที่เดินทางไปพร้อมกับคนที่เขาห่วงอย่างสุดชีวิต
เขารู้สึกว่าอากาศหนักขึ้นจนหายใจได้ลำบาก
ต่อสู้กับอารมณ์หวาดหวั่นของตัวเองแล้วใช้นิ้วโป้งสไลด์รับสาย
“มีอะไร แดช”
“โอ้! ขอบคุณพระเจ้า
นายรับแล้ว ขอบคุณ!ๆๆ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน” เสียงร้อนรนของเพื่อนปลายสายทำให้คนฟังขมวดคิ้วฉับ
เพราะถึงแม้มันจะฟังรัวแค่ไหน แต่ยามาโมโตะก็รู้ว่าเพื่อนของเขาบังคับให้ช้าและชัดเจนที่สุดเท่าที่สติจะสั่งให้ทำได้
“ลอนดอน...กำลังจะไปสนามบิน”
ยามาโมโตะได้ยินเสียงพึมพำเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างโล่งอกของเพื่อนอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาไม่รอให้แดชพูดอีกแล้ว
รีบยิงคำถาม “ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง หมอนั่นเป็นยังไง!”
“ไม่ได้สติ”
“อะไรนะ”
“โกคุเดระถูกยิงที่หัวไหล่
เสียเลือดมาก ร่างกายอ่อนเพลียสะสม เลยวูบไปแล้ว” แดชีลล์ขยายความ “แถมตอนนี้ระเบิดทำงานไปแล้วสี่ลูก
อีกประมาณครึ่งนาทีลูกที่ห้าจะทำงาน มันห่างกันสามนาที
แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่ากับชั้นที่พวกฉันอยู่ถูกวางเพลิง
แม้ฉันจะอยู่กันในห้องนิรภัยที่ทนความร้อนได้ แต่ควันจำนวนมากก็ลอดผ่านใต้ประตูมาอยู่ดี...เข้าใจใช่ไหม...นี่มันรมควันกันชัดๆเลย”
“ฉันบอกให้นายดูแลหมอนั่นให้ดี”
เด็กหนุ่มคำรามในลำคอเสียงต่ำอย่างเหลืออด มือกำโทรศัพท์แน่นจนขึ้นข้อขาว
ไม่มีข้อแก้ตัวหรืออะไรตอบกลับมาทั้งนั้นทำให้ยามาโมโตะต้องสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถ
ในใจร้อนจนทะลุเพดานอารมณ์ ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่
จนกระทั่งเป็นฝั่งชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่พูดขึ้นก่อน คราวนี้เสียงของแดชีลล์ฟังเรียบและเย็นกว่าครั้งไหน
“ถ้ายังอยากเห็นหน้าเด็กนี่ก็รีบมาเร็วๆ
ฉันสัญญาว่าจะช่วยอย่างสุดความสามารถ...แต่บอกเอาไว้ก่อนว่าไม่ใช่เพื่อนาย” เขาว่า
“ถ้าเด็กนี่หยุดหายใจ ฉันคงจะใช้วิธีเบสิคนั่นคือช่วยให้เขาหายใจทางปาก...เม้าท์ทูเม้าท์น่ะนะ”
“แดช นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น
นายก็รู้” อีกฝ่ายสวนกลับทันที แล้วว่าต่อเรื่อยๆโดยไม่สนใจ “การทำCPRที่ถูกต้องคือการกดหน้าอกสามสิบครั้ง ต่อการเป่าปากสองที
ทำต่อเนื่องเป็นเวลาสองนาทีแล้วพัก แต่ถ้าหมอนี่ยังหายใจเองไม่ได้
ฉันคงจะทำต่อ....เอาล่ะ คำนวณทีสิไอ้เด็กโข่งยอดอัจฉริยะ...จนกว่านายจะมาถึง
ฉันต้องประกบปากกับเด็กนายกี่รอบ”
“แดช”
“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องฝืนทำเลยนะ
ออกจะเต็มใจด้วยซ้ำไป...อีกอย่างหมอนี่ก็หน้าเหมือนเอเบลล์จริงๆด้วยสิ ก็ดี...เผื่อไม่ได้รอดออกไปก็จะได้หากำไรให้ชีวิตสักหน่อย...”
ยามาโมโตะนิ่งเงียบ
ฟังเสียงเพื่อนที่มีกระแสหยอกเย้า ถึงเขาจะฟังออกว่าแดชจงใจแค่กระตุ้นให้เขาไปช่วยโกคุเดระเร็วๆก็เถอะ
แต่ก็รู้ว่ามันทำจริงๆแน่ด้วยเหตุผลที่มันว่ามาทุกประการ เรื่องที่โกคุเดระหน้าตาคล้ายแฟนเก่าหมอนี่เขารู้อยู่เต็มอก
นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ค่อยอยากให้โกคุเดระต้องคุยกับแดชมากเกินไป
แล้วจะหัวเสียมากกว่าปกติเมื่อคิดว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกัน
“ฉันจะรีบไป
ไม่เกินสี่สิบนาที!” เขากดตัดสาย ในขณะเดียวกันรถก็จอดที่หน้าสนามบิน
เด็กหนุ่มรีบจ้ำฝีเท้าเข้าไปพลางในใจก็คิดไปด้วย
ตามปกติแล้วเครื่องธรรมดาจะพาเขาไปปารีสในเวลาหนึ่งชั่วโมง แดชน่ะรอดแน่
หมอนั่นไม่เป็นอะไร แต่โกคุเดระถ้าไม่เอาเขาออกมารักษา หมอนั่นจะเสียเลือดจนตาย
ให้ตายสิ!
นี่เขาจะทำยังไง!
“ผมยามาโมโตะ
ทาเค..”
“แกมาช้า....”
ไม่ทันที่เขาจะแจ้งชื่อ นามสกุลกับโอเปอเรเตอร์
เสียงนุ่มทุ้มฟังไม่ค่อยคุ้นหูนักก็ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปมอง
ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาคมคายที่ฉาบไปด้วยความเย็นชาอยู่เนืองนิตย์อยู่ในชุดแจ็กเก็ตสีดำสนิท
กางเกงขายาวสีดำไม่ต่างกับสีผมและดวงตาทำให้เขาดูทะมึนขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่า ในมือถือหมวกนักบินแบบพิเศษ
ทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงคำพูดของลูกน้องก่อนที่เขาจะออกมาจากมหาวิทยาลัย
“มีผู้ติดต่อเครื่องส่วนตัวและนักบินคนพิเศษเอาไว้แล้วครับ”
คนๆนี้คือนักบินคนพิเศษที่ว่า...ทำงานอยู่ในเครือโกคุเดระ...เป็นนักบินอันดับหนึ่งซ้ำยังเป็นผู้ที่ขับเครื่องซุปเปอร์โซนิคได้
เท่านั้นยังไม่พอ...
เขายังเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลโกคุเดระ
แต่ใช้นามสกุลของเพื่อนพ่อโกคุเดระที่รับเขาไปเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อตอนเด็กๆ
ดังนั้นไม่แปลกอะไรที่ยามาโมโตะจะไม่ค่อยได้พบหน้าเขา
“ฮิบาริ
เคียวยะ” เจ้าของชื่อไม่ตอบ
พลางโยนทรงประหลาดให้เขาแล้วเดินนำไปที่โรงเก็บเครื่องบินความเร็วสูงพิเศษที่ปกติจะมีเฉพาะในกองทัพที่มีระบบและเครื่องปฏิบัติการแตกต่างจากเครื่องบินพาณิชย์
แต่ตอนนี้วิศวกรการบินของเครือโกคุเดระกำลังศึกษาและสร้างเครื่องบินอัตราเร็วพิเศษขนาดเล็กประจำตระกูลเผื่อฉุกเฉิน
และอนาคตคงขยายโครงการและเปิดตัวกลายเป็นเครื่องบินขนส่งในเครือ นอกจากคนในตระกูลแล้ว คนอื่นไม่มีทางได้ก้าวขึ้นไป
เขาเป็นแขกคนแรกที่ได้นั่งเลย
“เลขาของฮายาโตะ
เล่าเรื่องให้ฉันฟังทั้งหมดตั้งแต่เมื่อคืน” เสียงทุ้มว่าเย็นๆ ในขณะที่หันหน้ามา
ดวงตาคู่คมกดมองเด็กตรงหน้าราวกับจะฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ “แกผิดมหันต์ที่ลากฮายาโตะมาพัวพันกับเรื่องอันตราย ไม่สามารถรั้งฮายาโตะเอาไว้ได้ แถมยังทำให้หมอนั่นเครียดสาระพัด...ถ้าน้องฉันเป็นอะไป
ฉันฆ่าแกแน่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ”
.
.
.
.
.
TBC...
มิยะขอเม้าท์
ตอนหน้าจบ
จบจริง จบภาคนี้แหล่ะ ไม่มีโม้ เอาไว้ยอดทั้งหมดจะยกไปเม้าท์ตอนหน้านะก๊ะ แปะเพลงด้วย จนกว่าจะจบ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนบล็อก
Miya
คือตามอ่านเรื่องนี้มานานมาก แต่ไม่เคยเม้นต์ ขอโทษนะก๊ะ ;w; //โดนตรบบ
ตอบลบชอบสำนวนเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบแบบอ่านไหลลื่นไม่มีติดขัดอะไรเลย จะฮาก็ฮา แต่พอจะจริงจังก็เล่นเอาลุ้นกันตัวโก่ง
เวลาบรรยายตัวละครรู้สึกว่าแต่ละตัวมีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะก๊ก(อันนี้รวมความเสน่หาส่วนตัว 5555)
ปกติจะไม่ชอบเรื่องที่มี OC แต่ท่านแต่งซะหลงรัก แดช เลยอ่ะ คือตอนนี้นั่งเชียร์คู่ แดชก๊ก ไปแล้ว ประกบปากเลยค่ะ เดี๋ยวไม่รอด กว่าจะรอเนียนมาขาดออกซิเจนแน่นอน เอาเลยค่ะ 555555555555 //โดนเนียนเสียบพุง
แล้วตัวละครOC ทุกตัวก็ดูมีมิติ มีเบื้องลึกเบื้องหลัง
ความจริงเป็นแม่ยก 1859 ช่วงหลังๆเลยหมั่นไส้ 8059 มาก(เพราะมีเยอะเกินหน้าเกินตา ;w;) เลยไม่ค่อยอ่านแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นข้อยกเว้นจริงๆ ทั้งๆที่เป็นAU ด้วย (อินี่ข้อแม้เยอะมาก) ทำให้อ่านได้ไม่พอ ยังรู้สึกว่าสนุกจริงๆ สนุกกว่านิยายที่ได้ตีพิมพ์อีก ต้องมานั่งปูเสื่อรอให้ตอนใหม่ออกไวๆ
แถมทุกอย่างดูมีความรู้ ดูมีการหาข้อมูลมาอย่างดี เห็นถึงความตั้งใจของท่านจริงๆค่ะ (ไม่มั่วใช่มั้ย อ่านแล้วเชื่อทุกอย่างเลยนะนั่น 555)
นี่คือโดยภาพรวม เพอร์เฟคค่ะ ;w;b (มีท่านพี่ชายขาโหดออกมาให้ชุ่มหัวใจ จิ้นเล่น ก็ฟินแล้ว //โดนต่อย)
ขอเม้นท์แบบแยกๆย่อยๆนิดนึงละกัน จะเม้นต์หมดทุกส่วนคืนนี้ไม่น่าได้นอน 55
คำถามแรกที่ค้างคาใจมานาน....คุณโคคือคนเดียวกับคนที่ถามสัดส่วนสาว(หนุ่ม)ในฝันของเนียนใช่มั้ยก๊ะ?// หลบกระสุนปืน
แถมนึกภาพว่าคุณโค กับกิโนะ ถูกเรียกด้วยชื่อประจำตำแหน่งแบบนั้นแล้วมัน....//ลงไปนั่งขำ
เพราะตอนยังไม่เฉลยนึกถึงมือขวาของไนโต้ ลอนชาน ที่เป็นคุณลุงในชุดคล้ายๆ กับทหารราชวังอังกฤษ ประมาณนั้น //ขำต่อ
ชอบคาร์แรกเตอร์ก๊กแบบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ มันละเอียดมาก ละเอียดจนนึกภาพออก นึกภาพตามแล้วทั้งรักทั้งหลงอะไรมากมาย สวยก็สวยนะ แต่ลักษณะนิสัยหนะชอบมาก เป็นเด็กที่ทำตัวโตก่อนวัย พอหลุดก็เลยกลายเป็นเด็กกว่าวัย มันน่ารักมาก (ไม่เหมือนเนียนที่ทำตัวแก่แดดเสมอต้นเสมอปลาย//นี่สาบานได้ว่าหมั่นไส้เฉยๆ//โดนแม่ยกเนียนรุมกระทืบ) แถมดูฉลาดรอบคอมคิดหลายตลบ นี่เลยเชื่อมั่นว่าคนเขียนเป็นคนฉลาดด้วยแน่ๆถึงแต่งบทได้รัดกุมขนาดนี้
แต่ตอนก๊กเลือดกำเดาไหลนี่อึ้งค่ะ 5555 แบบบบบบ ลูกกกก เสียภาพพจน์หมดดดดด//แอบไปนั่งขำ
เรื่องนี้หักมุมไปมา เดาไม่ได้เลย ชอบมาก (แต่ต่อให้ไม่หักก็เดาไม่ค่อยออก ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีแนวนักธุรกินแบบนี้มาให้อ่าน เลยไม่รู้เลยว่าเรื่องจะมายังไง) ชื่นชมมากมายกับความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างพล็อตเรื่องและตัวละครค่ะ >w<b
เนียนเรื่องนี้เข้มมาก เก่งไปหมดทุกอย่าง แถมดาร์กด้วย(ไม่หลุดคาร์แรกเตอร์ 55) คือโดยส่วนตัวชอบเรื่องที่มีการตายของตัวละคร(เอิ่มมม แลดูโรคจิตมาก) มันจะให้ความรู้สึกว่าสมจริงกว่าละมั้ง พอมันจะต้องตายอย่างมีเหตุผล ก็ต้องตายมั่งหละ
ปล. หลังจากที่ 'เดเมียน' โอนเงินจำนวนห้าสิบล้านดอลลาร์
ปล. นึกภาพเวลาพี่ชายคนโตกลับบ้านแล้วน้องชายคนเล็กวิ่งมาหา //ฟินนนนนนนนนนนนน
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ได้แก้เรียบร้อยแล้วค่ะกับชื่อของเดเมียนและสตีเฟนที่สลับกัน // ง๊ากกกกกกกก อยากเอาหัวโขกโต๊ะ อะไรทำให้เอ็งมึนได้ขนาดนั้น
ตอบลบขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ด้วยค่ะ ดีใจมากๆจริงๆที่เขียนให้คนชอบได้ขนาดนี้ เรื่องข้อมูลทุกอย่าง...จริงเจ้าค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ในทางปฏิบัติจริงอาจจะต่างอยู่นิดหน่อย แต่พื้นฐานเป็นความจริงค่ะ คือสำหรับฟิคเรื่องนี้ ถ้ามีคนอ่านแล้วรู้สึกว่ามันสนุก ก็ถือเป็นคำชมที่ดีที่สุดสำหรับคนเขียนแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ปล.ทางนี้ก็อยู่สาย All59 ค่ะ เอิ๊กๆๆ ถึงจะแต่ง 8059 เป็นอาจิณ แต่ก็ปลื้ม 1859 เป็นพิเศษเช่นกัน
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
อ้ะ ลืมตอบคำถามที่ค้างคาใจมานาน ฮ่าๆๆๆๆๆ จริงค่ะ...คนที่ถามสัดส่วนหนูก๊กกับคุณโคเป็นคนเดียวกันค่ะ // หลบกระสุนด้วย คือแบบ...ขอขมาแม่ยกคุณโครอบทิศเลยจริงๆ
ตอบลบ