หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

S.Au.Fic 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft.LeviXEren CHECK! : 04



S.Au.Fic 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft.LeviXEren
Romantic  Comedy
PG (จริงรึ?...จริงซิ!)
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
*เตือนพิเศษ ตอนนี้มีตัวละครใหม่ คาร์แร็กเตอร์หลุดกระจุยกระจาย โปรดทำใจก่อนอ่านจ้ะ




Check! : 04




            ที่นี่คือมิลเลียนแนร์ อคาเดมี

โรงเรียนเอกชนที่บรรจุนักเรียนทั้งจูเนียร์ไฮสกูลและไฮสกูลกว่าห้าพันราย ค่าเทอมแพงหูฉี่พอดีกับเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันทั้งตึกเรียนสุดโมเดิร์น สนามกีฬาแบบครบวงจรทั้งกลางแจ้งและในร่ม โรงอุปรากรใหญ่พอๆกับลินคอร์น เซ็นเตอร์ 

ยามาโมโตะสูดลมหายใจลึกจนสุดปอด คิดว่าเขาจะได้กลิ่นหน้าร้อนเหมือนอย่างในญี่ปุ่นไหม...

ไม่! ที่นี่น่ะมีแต่กลิ่นเงินล้วนๆ โรงเรียนดังของลูกคุณหนูเต็มขั้นที่ยามาโมโตะ ทาเคชิเลี่ยงมาทั้งชีวิต เขาค่อนข้างไม่ถูกโรคกับเด็กมีอันจะกินแต่ไม่คิดจะทำอะไรเอง แต่มิลเลียนแนร์ดูท่าจะต่างออกไป ที่นี่น่าอยู่ทีเดียว

เด็กหนุ่มต่างแดนหันซ้ายหันขวา ถ้าที่นี่มีทั้งม.ต้นและม.ปลายก็คงจะต้องมีคนที่ทั้งเด็กและแก่กว่าเขาครึ่งๆ แต่มองไปทางไหนก็เหมือนจะมีแต่คนแก่กว่า โดยเฉพาะผู้หญิง บนหน้าของพวกเธอแน่นไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพง เชียร์ลีดเดอร์และเซเลปของโรงเรียนคู่กับมินิสเกิร์ตอวดขาเรียวยาว เด็กเนิร์ดใส่กระโปรงยาวลายดอกไม้ลากรองเท้าสานอย่างกับโดโรธี พวกติสต์ใส่เสื้อตัวโคร่งๆ กางเกงยีนส์ขาด ยิ่งขาดยิ่งเท่ห์ มีเฮดเซ็ตครอบหัว ไว้ผมทรงเด็ดล็อก กำลังแร็ปผสมบีทบ็อกซ์กันอยู่ใต้ต้นไม้ในสนามหญ้า ส่วนอีกพวกเป็นนักกีฬา พวกเขาหนีบลูกบาส ลูกฟุตบอล(อเมริกันฟุตบอล) ไม่ก็ซิ่งสเก็ตบอร์ดมาโรงเรียน ถูก! เมื่อกี้มีไอ้หนูเกรดเจ็ดคนหนึ่งเพิ่งจะดริฟท์ปาดหน้าเขาไป แถมยังยักคิ้วให้อีกแน่ะ

โอ้มายก็อด! นี่สิวัยรุ่น นี่สิเสรี Where are we! USA!! เฮ้!

แล้วสาเหตุที่เขามายืนชมโฉมโรงเรียนไฮโซอยู่ตรงนี้ล่ะคืออะไร เรื่องมันเกิดขึ้นตอนแปดโมงเช้า เขาตื่นมาด้วยความงัวเงียและปวดไปทั้งขา จากนั้นก็เดินตุปัดตุเป๋ออกมาหวังว่าจะเห็นสองศรีพี่น้องนั่นกำลังนั่งแทะแซนวิชเป็นมื้อเช้า ปรากฏว่าเขาเดาผิดไปค่อน บนโต๊ะกินข้าวมีแซนวิชแฮมชีสแฮนด์เมคหนาๆสองชิ้นอยู่ในจานแล้วห่อเรียบร้อยด้วยพลาสติกคลุมอาหาร แต่ไม่มีใครอยู่ ทิ้งไว้กระดาษหนึ่งแผ่น จดหมายหนึ่งซอง กับเงินอีกหนึ่งจำนวน ยามาโมโตะเดาว่ามันพอค่าแท็กซี่พอดี

เห็นว่าหลับสบายเลยไม่ได้ปลุก ฉันมีเรื่องต้องจัดการ เลยต้องไปโรงเรียนเช้าหน่อย ถ้าตื่นแล้วรีบหาอะไรใส่ท้องแล้วมาเจอฉันที่มิลเลียนแนร์ซะ เอาตัวรอดให้ได้นะไอ้หนู ส่วนซองจดหมายนี่อะไรอยู่ข้างในแกไม่ต้องใส่ใจ เอาไว้จวนตัวจริงๆแกค่อยใช้  จากผู้ปกครองของแก โกคุเดระ

ว่ากันว่าสิงโตฝึกลูกโดยการจับโยนลงหน้าผาอย่างไร วิธีการของโกคุเดระก็คงไม่ต่างกันนัก แถมชิคาโกนี่ยังน่ากลัวกว่าหน้าผาหลายเท่า กว่าจะมาถึงหน้าโรงเรียนได้ก็หืดขึ้นคอ

 “ไง! เด็กใหม่เหรอ” แรงตบที่ไหล่กับคำทักทำให้เขาหันไปมองแทบจะทันที ตรงหน้าเขาคือเด็กวัยรุ่นชาย น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมสีทองอ่อน ดวงตาสีฟ้าจาง ผิวขาวจัด สรุปทุกอย่างบนตัวหมอนี่ดูจางไปหมด แต่ดวงตากลับมีประกายของความฉลาดไม่น้อย แต่แทนที่จะบอกว่าฉลาดต้องบอกว่าเจ้าเล่ห์เลยก็คงไม่ผิด รอยยิ้มนิดๆกับสายตาสำรวจทำให้ยามาโมโตะรู้สึกประดักประเดิด

“คนญี่ปุ่น” เด็กหนุ่มผมทองสรุป ส่วนยามาโมโตะเลิกคิ้วสูง นี่รู้ด้วย!?

“ก็เดาเอา คนเอเชียที่เรียนรัฐนี้มีอยู่ไม่กี่ชาติ ถ้าเป็นคนจีน ตานายควรจะตี่กว่านี้แล้วก็ขาวกว่านี้ ฉันหมายถึงขาวเหลืองน่ะนะ ส่วนเกาหลี  ขอโทษที่ต้องพูดความจริง แต่ถ้านายมีปัญญามาเหยียบเงารั้วมิลเลียนแนร์ อคาเดมีได้ หน้านายต้องผ่านมีดหมอมาแล้วจนนับครั้งไม่ถ้วน ครึ่งหนึ่งเป็นเนื้อนาย ส่วนอีกครั้งเป็นพลาสติกและซิลิโคน พวกนี้ห่วงหน้าจนไม่กล้ายืนกลางแดดแต่นายไม่ใช่ ฉันก็เลยเดาว่านายมาจากแดนปลาดิบ”

คนพูดอมยิ้มมุมปาก แล้วยื่นมือออกมาตามธรรมเนียม “ฉันสเลน ทรอยยาร์ด ถ้าฉันเดาถูกก็บอกชื่อนายกลับมา”

“เดี๋ยวสิ” ยามาโมโตะหัวเราะฮ่าๆ นึกตลกกับนิสัยเป็นมิตรแปลกๆ “แล้วถ้าฉันทำศัลยกรรมจริงล่ะ นายจะว่าไง ไม่เห็นเหรอ ฉันหน้าตาดีจะตาย”

“มีสองทางให้เลือกนะ อันดับแรกคือนายไปเดินขัดขาพวกไลน์แมนชมรมฟุตบอลแล้วโดนพวกนั้นอัดหน้า หรืออันดับสองให้ฉันต่อยดั้งนายทีเดียวจบ ฉันหวังว่านายจะเลือกอันที่สอง มันทั้งง่ายและสะดวก”

“โอเค...” ยามาโมโตะลากเสียง ยื่นมือไปเชคแฮนด์กับเพื่อใหม่ที่ได้มาโดยบังเอิญ “ฉันยามาโมโตะ ทาเคชิ”

“นามสกุลนายโคตรโหล”

“มีโหลกว่านี้นะทรอยยาร์ด ถ้านายนามสกุลสมิธ ฉันจะหัวเราะให้ฟันหัก”

“ยอดเลย” สเลนรับด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน “นายกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้าถิ่นอย่างฉันแล้ว ดี! ทำตัวอย่างนี้แหล่ะถึงจะอยู่รอดได้ในโรงเรียนนี้ เพราะถ้านายหงอเมื่อไหร่ นายถูกเหยียบจมดินแน่...ไง สรุปจะไปไหน หาห้องเรียนอยู่เหรอ”

“ฉันไม่ได้เรียนที่นี่” ยามาโมโตะตอบอย่างเสียไม่ได้ สเลนเงียบไปนิดแล้วตีหน้าปั้นยาก

“โว้ๆ...ถ้าอย่างนั้นจงขอบคุณในความโชคดีของตัวเองซะที่มาเจอฉันก่อนรปภ. ที่นี่น่ะโรงเรียนลูกคุณหนู ระบบรักษาความปลอดภัยเว่อร์กว่าที่นายคิดไว้เยอะ ถ้านายไม่ใช่นักเรียน อาจารย์ หรือภารโรง นายจะโดนจับโยนออกไปทันที”

“ถ้าอย่างนั้นแย่เป็นบ้า” ยามาโมโตะครวญ “ฉันมีคนต้องเข้าไปเจอ เขานัดฉันไว้”

“เหรอ ใครล่ะ”

“อ่า...รู้แล้วนายห้ามหาว่าฉันโม้นะ” ยามาโมโตะออกตัวก่อน ลูบท้ายทอยอย่างนึกลำบากใจ “ฉันมาหาโกคุเดระ ฮายาโตะ”

“หยา!” สเลนอุทาน แม้จะหรี่เสียงให้เบาลงแต่สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ฉันยอมนายเลย ทำยังไงถึงไปรู้จักโกคุเดระ ฮายาโตะได้นะฮะ!” ดวงตาสีฟ้าจางกลอกคิดแล้วเบิกโพลง ยกนิ้วชี้หน้าทันที “นี่หรือว่า!...”

“เฮ้ๆ อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้เป็นลูกหนี้พี่เขา” ยามาโมโตะละล่ำละลักปฏิเสธ แต่ถึงพูดว่าไม่ใช่ก็เถอะ ทุกวันนี้ก็ใกล้เคียงแล้ว “คือฉันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยตอนแบ็คแพ็คอยู่กลางชิคาโก เลยได้เขาช่วยเอาไว้หลายอย่าง อารมณ์ตอนนี้ก็คือฉันอยู่ห่างจากเขาไม่ได้ ห่างเมื่อไหร่ตายลูกเดียว”...ไม่ได้โกหกเลยนะ

“อ่าฮะ ฉันเข้าใจ พี่ฮายาโตะเป็นพวกชอบช่วยเหลือคนอื่น เพราะงั้นลูกน้องเขาถึงตรึม” สเลนว่าพร้อมยักไหล่ “แต่ดูเหมือนนายจะไม่ใช่ลูกค้าพี่เขาจริงๆนั่นแหล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าไปเจอหรอก”

“นายก็ดูไม่ใช่เหมือนกัน” ยามาโมโตะว่ากลับ “เวลานายพูดถึงพี่โกคุเดระนายไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวหรือเคารพบูชา ส่วนใหญ่ลูกหนี้ของเขาจะชอบเป็นแบบนั้น”

“นายตาแหลม” สเลนชม “แต่ขอโทษที่ต้องบอกว่าฉันเคารพเขา แต่ในคนละด้านกับพวกลูกกระจ๊อก เห็นกับความช่างสังเกต ฉันจะช่วยนายก็ได้ ก่อนที่นายจะไปพบโกคุเดระ ฮายาโตะ นายควรพบผู้อำนวยการก่อน นายจำเป็นต้องลงทำเบียนเป็นนักเรียนของที่นี่”

“แต่ฉันไม่มีเอกสารสมัครอะไรสักอย่างเลยนะ”

“ไม่ต้องห่วง” สเลนว่า แล้วฉกซองจดหมายที่ยามาโมโตะถือไว้มาสะบัดเล่น “มีแค่ไอ้นี่ก็พอ”








สเลนพาเขาเดินเข้าโรงเรียนแบบทางสะดวกผ่านสบาย แต่ตกเป็นเป้าสายตาไม่น้อย พวกผู้ชายพากันส่งสายตาเขม่นเขา ส่วนผู้หญิงมองปานจะกลืนกิน ซึ่งยามาโมโตะไม่แน่ใจนักว่าพวกแม่คุณประทับใจในหนังหนาหรือสีผิวเขากันแน่ เธออุทานซุบซิบกันว่า ต๊าย! หล่อบาดก่อนที่อีกคนจะโพล่งขึ้นมา ฉันอยากได้สีผิวเขาจัง พวกหล่อนคิดว่าเขาไปอบตัวที่ไหนมา มัลดีฟส์เหรอ หรือออสเตรเลียแต่ดันโดนเบรกโดยสาวคนที่สาม ไม่ๆ ฉันว่าเขาเป็นนักกีฬามากกว่า อย่างนี้ไม่วินเซิร์ฟก็เบสบอล

ใช่ เขาโดนนินทาเสียสนุกปาก แต่กลับไม่มีใครพูดถึงสเลน ในตอนแรกเขานึกว่าคนเฟรนด์ลี่อย่างหมอนี่จะมีคนเดินเข้ามาตบบ่า แท็กมือ หรือเชคแฮนด์ด้วยท่าทางประหลาดอย่างที่วัยรุ่นอเมริกันชอบทำกัน ผลปรากฏหมอนี่โดนเมินกว่าที่คิด

เขาผ่านหน้าล็อกเกอร์ด้วย เพราะเป็นการเปิดเทอมใหม่หรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ แต่ที่นี่เสียงดังอย่างกับนกกระจอกแตกรัง เด็กสาวไฮสกูลจับกลุ่มเม้าท์ ศัพท์สแลงวัยรุ่นฟังยากอยู่แต่เขาก็พอจับประเด็นได้ หัวข้อหลักๆของพวกเธอไม่พ้นการไปอบผิวแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบนเรือยอร์ชกับครอบครัว หรือไม่ก็ยกเซ็ตเครื่องสำอางและกระเป๋ามาอวดกัน

“รุ่นนี้มันเอาท์ไปแล้วย่ะ ยัยสตึ! ล่าสุดต้องครบเซ็ตบรัชออนมากับอายแชร์โดว์สี่สิบแปดสี พร้อมแปรงปัดแก้มขนนุ่มเว่อร์”

            ยามาโมโตะเดินผ่านประโยคนี้เข้าพอดี เขาเหล่มองโดยอัตโนมัติ พาเลตต์แต่งตาแม่คุณใหญ่พอๆกับแล็ปท็อป

            “นายอย่าถือสาสาวๆล่ะ นั่นมันศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ความภาคภูมิใจเท่าเด็กผู้ชายมีลูกบาสพร้อมลายเซ็นโคบี้ ไบรอันท์*” สเลนว่าด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ “หรือสำหรับเราๆก็คือการได้ไปแข่ง World chess Olympiad

            “หืม?” ยามาโมโตะกระตุกยิ้ม ดวงตาวาววับ “นี่นายรู้เรื่องหมากรุกด้วยเหรอ”

            สเลนหัวเราะหึๆ

            “เด็กมิลเลียนแนร์เกือบทุกคนอยากเล่นหมากรุกเป็นด้วยความที่ว่าชมรมที่ใหญ่และมีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียนคือชมรมหมากรุก เราแข่งไม่บ่อยเท่าบาสเก็ตบอลหรือซ็อกเกอร์ก็จริง แต่อย่าให้ได้แข่งเชียวล่ะ รางวัลชนะเลิศเราชวดมาหมด เราดังระดับประเทศ แน่นอนว่าจะเลือกลงสนามแต่ที่เงินรางวัลหนักๆเท่านั้น มันเป็นนโยบายของประธานชมรม”

            ยามาโมโตะหัวเราะร่วน “ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร”

            “อ่าฮะ พี่ฮายาโตะเก่งและดึงดูดสายตามาก ทุกคนที่นี่คลั่งเขาอย่างกับอะไรดี เพราะงั้นอยากไปก้อร่อก้อติดก็ต้องมีความรู้เรื่องนี้กันสักหน่อย รวมถึงพวกที่ขัดสนเรื่องเงินด้วย แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”

            “สงสัยมานานแล้ว โรงเรียนลูกคุณหนูกับคนถังแตกเนี่ยนะ” ยามาโมโตะมุ่นหัวคิ้วนิ่วหน้า แล้วโคลงหัว “ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่”

            “ก็โรงเรียนลูกคุณหนูนั่นล่ะ” สเลนรับง่ายๆ “ฟังให้ดียามาโมโตะ ที่นี่น่ะลูกข้าราชการน้อยมาก ส่วนใหญ่คือประกอบธุรกิจส่วนตัว พวกเขาส่งลูกมามีจุดประสงค์หลายอย่าง หนึ่งคือการฝึกฝน ที่นี่เป็นโรงเรียนกินนอน การบริหารจัดการทรัพย์สินตนเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ ฟังดูง่ายนะ แค่ควบคุมตัวเองใครๆก็น่าจะทำได้ แต่เสียใจ สิ่งแวดล้อมที่นี่คือตัวขัดขวางชั้นเยี่ยม อยู่อย่างไฮโซ กับเพื่อนไฮโซ โดยเฉพาะสาวๆ วันนี้เพื่อนมีปราดา พรุ่งนี้ฉันต้องมีชาแนล มากกว่าหรือเท่ากับเท่านั้น ห้ามน้อยกว่า ถ้าไม่อยากโดนเฉดหัวออกจากกลุ่ม คนพวกนี้จะทนไม่ได้ ถ้าเงินหมดเมื่อไหร่พวกเธอจะกลายเป็นลูกค้านัมเบอร์วันของพี่ฮายาโตะ”

            ยามาโมโตะฟังคำอธิบายแล้วยิ้มแหย

            “นายว่าพวกเธอเลือกที่จะเป็นหนี้แทนที่จะโดนเพื่อนทิ้งเหรอ”

“สำหรับนายอาจจะเหลือเชื่อนะ แต่สำหรับเด็กมิลเลียนแนร์การที่นายโดนเพื่อนเทมันยิ่งกว่าหายนะ เพราะมันจะกระทบถึงจุดประสงค์ที่สอง”

            ยามาโมโตะเลิกคิ้ว สเลนคลี่ยิ้มหรี่เสียงลงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ

            “แน่นอนว่าพอครอบครัวประกอบธุรกิจ คู่แข่งคือสิ่งสำคัญ ข้อมูลคือสิ่งที่ต้องรู้ มิลเลียนแนร์เลยกลายเป็นตลาดข่าวสารชั้นเยี่ยม มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยนักหรอกที่พ่อแม่ส่งมาเป็นสปายล้วงความลับคู่แข่ง หรือไม่ตรงกันข้ามก็คือมาสร้างคอนเน็คชันกับหุ้นส่วนในอนาคต รุ่นพี่หลายคู่เรียนจบปุ๊บหมั้นกันปั๊บเลยก็มี ดูก็รู้ว่าแต่งการเมือง นักข่าวแห่มาเพียบ สร้างภาพขั้นสุดทั้งๆที่ไม่เคยคบกันเลย...เรื่องแบบนี้มันปกติน่ะ”

            “แล้วพี่โกคุเดระล่ะ” ยามาโมโตะถาม “เขามาอยู่ที่นี่ด้วยจุดประสงค์ที่หนึ่งหรือสอง”

            “จุดประสงค์ที่สาม” สเลนตอบ เขาเห็นแววตาเป็นประกายจากเด็กต่างแดนทันที มันคมปลาบจนเขานึกหนาวสันหลังแทนบุคคลที่สามเลย สเลนอ่านคนออก สายตาแบบนี้มันเกินกว่าคำว่าสนใจ พูดให้ถูกคือคลั่งไคล้ มีคนหลายคนคลั่งไคล้รุ่นพี่ของเขา แต่คนนี้ต่างออกไปหน่อย ดูท่าจะไม่ใช่เพราะเพียงแค่เปลือกนอกอย่างรูปลักษณ์ หรือฐานะ

            ให้ตายสิเอเลน คราวนี้นายป่วนพี่ชายนายได้แสบเป็นบ้า

            “ขอโทษที่ต้องจบเรื่องเล่าแต่เพียงเท่านี้นะ ถึงห้องผู้อำนวยการแล้ว” สเลนพยักพเยิดไปทางด้านหลัง เด็กหนุ่มต่างแดนยังมีร่องรอยเสียดายบนใบหน้า ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเปลือกไม้กลอกไปมาเหมือนคิดอะไรในหัวสักนิดก่อนที่จะตัดสินใจยื่นซองจดหมายให้สเลนถือ

            “มาพนันกันทรอยยาร์ด” ยามาโมโตะว่าด้วยรอยยิ้มมุมปาก “ฉันจะทำให้ตัวเองกลายเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้สองสัปดาห์โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งที่อยู่ในซองนั่น ถ้าฉันทำได้ นายต้องบอกข้อมูลพี่โกคุเดระฉันมา”

            ดวงตาสีฟ้าจางของสเลนเป็นประกายขึ้นเพราะนึกสนุก แต่แกล้งลอยหน้าลอยตา ยิงไปอีกคำถาม

            “แล้วนายจะอยากรู้เรื่องของพี่ฮายาโตะไปทำไม แทนที่จะถามเอากับฉัน สู้ไปถามเจ้าตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ”

            “มันก็เหมือนผู้ชายคนหนึ่งจะชวนผู้หญิงไปเดท ถ้านายเป็นผู้ชายคนนั้นนายจะทำยังไง ระหว่างถามเธอว่าอยากไปไหนหรือจะไปสืบมาว่าสถานที่โปรดของเธอคืออะไรแทน”

            สเลนไม่ตอบแต่กลับด่าคนถามด้วยภาษาสแลงอเมริกันหนึ่งคำถ้วน ยามาโมโตะยิ้มมุมปากรับมันอย่างหน้าชื่นตาบานก่อนจะเปิดประตูหายเข้าไปในห้องผอ. ทันทีที่ลับตา  สเลนก็นินทาไอ้คนจากญี่ปุ่นนั่นในใจทันที หมอนี่มันแปลก อันดับแรก ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมิลเลียนแนร์ อคาเดมี ที่นี่ไม่เคยรับนักเรียนสุ่มสี่สุ่มห้า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาสมัครเรียนมือเปล่าแบบนั้น ก่อนเข้าศึกษาเด็กทุกคนต้องยื่นพอร์ตฟอลิโอ้งามๆหนึ่งเล่มถ้วนให้พิจารณา หรือถ้าคิดว่าวิธีนี้ยุ่งยาก ก็ยื่นซองเงินหนาๆไป ถึงจะได้มีสิทธิ์เข้าเรียน

            อันดับที่สอง คือนิสัย สเลนคิดย้อนกลับไป เขาพูดอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตนักเรียนที่นี่ให้หมอนั่นฟังตั้งมากมาย สายตาของหมอนั่นรู้ทันเขาทุกอย่าง มันเป็นสายตาที่นักเดินหมากที่จ้องคู่แข่งอย่างเงียบๆราวกับบอกว่า ฉันรู้ว่าต่อไปนายจะเดินตัวไหนไปช่องอะไรหลายคนจ้องจนฝ่ายตรงข้ามรู้ แต่ยามาโมโตะไม่ใช่ หมอนั่นฟังเขาทุกอย่างอย่างใจเย็น สอบถามเป็นระยะเพื่อให้ได้ข้อมูลมากกว่านั้น

            และสิ่งสุดท้าย ความกล้าได้กล้าเสีย เรื่องนี้เด่นชัดที่สุด ไม่มีใครกล้าขอข้อมูลกับเขาด้วยการพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นข้อมูลของโกคุเดระ ฮายาโตะ เพราะเป็นที่รู้อยู่แล้ว ว่าเขาขายแพงแน่ๆ แต่หมอนั่นกลับพูดมันออกมาเหมือนไม่มีอะไรฉุดรั้ง คิดว่าโลกอิสระขนาดนั้น?

            เขาน่าจะอัดเสียงหมอนี่ไปให้พี่ฮายาโตะฟัง แล้วเตือนพี่เขาซะว่ามีตัวอันตรายหลุดเข้ามาในถิ่นแล้ว









            เป็นเวลาแค่ยี่สิบนาทียามาโมโตะก็ออกมาจากห้องพร้อมกับโชว์ไอดีการ์ดว่าได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่เรียบร้อย สเลนไม่รู้ว่าเคยมีใครบอกมันไหมว่าเวลามันทำหน้านิ่งๆแต่ดวงตาเป็นประกายเยาะเย้ยทำให้มันดูน่าเตะมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาประเมินยามาโมโตะต่ำไป

            หมอนี่เข้าเรียนทั้งๆที่เดินเข้าไปตัวเปล่าได้จริงๆ

            “นายทำอีท่าไหนน่ะ”

            “ยอมรับว่าเล่นเส้นนิดหน่อย แล้วนายก็บอกว่าที่นี่ชอบทายาทนักธุรกิจไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยอ้างชื่อพ่อชื่อแม่เข้ามา มันก็เท่านั้นแหล่ะ” สเลนฟังแล้วเลิกคิ้วกับคำอธิบายง่ายๆ มันก็เท่านั้นแหล่ะอะไรล่ะ เท่านั้นนี่เท่าไหนไม่ทราบ หมอนี่เป็นคนเอเชียและที่นี่คืออเมริกานะอย่าลืม มันเป็นไปไม่ได้แน่ที่ผอ.จะให้เข้ามาถ้าบารมีพ่อแม่ไม่แผ่ข้ามทวีป ให้ตายสิ สเลนชักจะสงสัยขึ้นมาจริงๆหมอนี่โตมาในครอบครัวแบบไหนกันแน่

            “เฮ้ ไม่เอา อย่าโยกโย้น่ะเพื่อน นายสัญญาแล้ว” ยามาโมโตะทวง

            “เดินไปคุยไปก็แล้วกัน” สเลนว่า พลางสาวเท้า “ตอนนี้ไม่มีคาบเรียนเพราะปล่อยให้ไปเลือกชมรม นายสนใจชมรมไหนล่ะ”

            “หมากรุกแน่อยู่แล้ว” ยามาโมโตะตอบโดยไม่ต้องคิด สเลนยิ้มกริ่มแต่โดนท้วงขึ้นมาก่อน “อย่าคิดว่าฉันอยากเข้าชมรมหมากรุกเพราะลัทธิประธานชมรมนิยมอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน ฉันอยากเข้าเพราะฉันอยากเล่น” แต่ถ้าถามต่อว่าอยากเล่นกับใครที่สุด ก็ต้องประธานชมรมนั่นแหล่ะ

            “ถ้าอย่างนั้นการคัดเลือกคนเข้าชมรมปีนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ” สเลนรับ “นายปรับตัวเข้ากับคนที่นี่ได้ง่ายแน่ๆ ฉันเชื่อว่านายจะไม่มีปัญหาโฮมซิก ส่วนเรื่องของพี่ฮายาโตะ ฉันไม่รู้จะพูดกับนายยังไงนอกจากเสียใจ มันเป็นความลับ ไม่ค่อยมีใครรู้เบื้องลึกของพี่เขานอกเสียจากน้องชายคนสนิท เอเลน เยเกอร์ สิ่งที่ฉันบอกได้คือทายาทนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น เป็นธุรกิจข้ามชาติที่ลอยลำว่าใครถือหุ้นบริษัทเขาจะไม่มีคำว่าขาดทุน เขามีพี่สาวแท้ๆหนึ่งคน เข้าโรงเรียนนี้ด้วยคะแนนสอบที่สูงลิ่ว ทำให้ชมรมหมากรุกกลายเป็นชมรมเนื้อหอมหลังจากที่เมื่อก่อนมีแต่คนพูดว่าเป็นชมรมของพวกสตึ เขาพาชมรมชนะไปทั่ว เงินเก็บของชมรมพูดได้ว่ามีพอหมุนไปอีกสิบปีอัพโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากสภานักเรียน เขาคือคนที่มีอิทธิพลที่สุด อาจารย์เชื่อใจ รุ่นพี่ยอมรับ รุ่นน้องนับถือ เนื้อหอมทั้งกับชายและหญิง นั่นคือเบื้องหน้าของโกคุเดระ ฮายาโตะ”

            “แล้วเบื้องหลังล่ะ ใช่เรื่องที่พี่เขาไปยุ่งกับอะไรอันตรายๆหรือเปล่า”

            สเลนร้องหืม เขายิ้มอ่านยาก บรรยากาศรอบตัวเหมือนมีเกราะบางๆขึ้นมาโดยอัตโนมัติ “อันตรายยังไงล่ะ”

            “ก็แบบเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ ยาเสพติด หรือพวกใต้ดินอะไรแบบนี้” ยามาโมโตะงึมงำ

            สเลนเงียบไปอึดใจ คลี่ยิ้มแล้วตอบ

           “นั่นเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่สามที่ฉันพูดถึง ฉันบอกนายไปแล้วว่าฉันเสียใจ ฉันเล่าไม่ได้ แต่คิดว่าสักวันนายคงจะรู้จากพี่ฮายาโตะเอง” ฟังราวกับเล่นแง่ แต่สเลนพูดออกมาอย่างจริงจัง “แล้วก็ขอเตือนนายเอาไว้อย่างว่า ถ้าวันไหนนายรู้นายควรจะทำเหมือนฉัน มิลเลียนแนร์ที่นี่คือฉากเบื้องหน้า นายควรจะเงียบเอาไว้ โดยเฉพาะเวลาอยู่บริเวณทางเดิน หรือในห้องน้ำ นั่นน่ะแหล่งที่ปาปารัซซี่เก็บกอซซิปชั้นเยี่ยม”

            “นายพูดเหมือนนายเป็นพวกนั้น” ยามาโมโตะตั้งข้อสงสัยกับเพื่อนใหม่ เขาว่าหมอนี่น่าสงสัยจริงๆ มันทำตัวเหมือนสารานุกรมเคลื่อนที่ ถามได้ตอบได้ไปหมด ยกเว้นแต่ถามได้แต่ไม่อยากตอบ นั่นหมายความว่าตื้นลึกหนาบางของมิลเลียนแนร์ สเลนรู้ทั้งหมด หรือไม่ก็อาจจะมากกว่ามิลเลียนแนร์

            “ถ้าพี่ฮายาโตะกับเอเลนเป็นเบี้ย ฉันก็คือเรือ” แต่เด็กผมสีทองจางกลับเปรียบเปรยไว้เป็นปริศนา พร้อมกับพาเขามาหยุดยืนหน้าห้องๆหนึ่ง “ถึงแล้วห้องชมรม เรากำลังคัดตัว คนสมัครหนึ่งร้อยคน เราเอาแค่สิบหก เชิญ”

            ทันทีที่สเลนเปิดประตู ราวกับโลกหมุนเปลี่ยนเป็นอีกด้าน ดูราวกับที่นี่ไม่ใช่อเมริกาปีสองพันสิบกว่า แต่เหมือนย้อนกลับไปหาบรรยากาศเก่าๆสักปีหกศูนย์ เครื่องปรับอากาศไม่เพียงพอดับความร้อนระอุของความตั้งใจคนที่กำลังต่อแถวลงชื่อ ในห้องกว้างมีโต๊ะหมากรุกเรียงกันเป็นตับ พร้อมกับจัดเรียงหมากขาวกับดำเอาไว้รอพร้อมทำศึก ส่วนตรงกลางเป็นอีกหนึ่งโต๊ะที่ดูจะใหญ่และสวยกว่าทุกโต๊ะ ด้วยเป็นโต๊ะไม้มะฮอกกานีลงแล็กเกอร์ บนโต๊ะมีกระดานหมากรุกและหมากทำจากคริสตัล ราวกับจะมีไว้โชว์มากกว่าเล่น ยามาโมโตะใจเต้นแรง หายใจไม่ถ้วนทั่ว มือชื้นเหงื่อ บรรยากาศการแข่งขันทำให้สัญชาตญาณของเขาเต้นเร่าจนแทบบ้า

            “โว้ว! ปีนี้เดือดแฮะ” สเลนพึมพำด้วยรอยยิ้มเครียด เขาหันไปถามผู้รับลงชื่อ “เป็นไง ใกล้เต็มหรือยัง”

            “ถึงไอ้หัวทองเสื้อขาวนั่น นอกนั้นใสเจีย!” เสียงตะโกนไม่เบาไม่แรงนักทำให้คนที่ต่อแถวหลังจากนั้นโห่ร้องด้วยความเสียดายแต่ก็พากันทยอยออกจากห้องชมรมแต่โดยดี ส่วนไอ้หัวทองเสื้อขาวที่ว่ากำลังกราบไหว้ฟ้าดินเป็นการใหญ่

            “นายจะทำยังไงดีล่ะ ยามาโมโตะ” สเลนหันมาถามเขา “เหมือนที่จะไม่พอนะ”

            “ทำไมต้องรับคัดแค่ร้อยคนด้วยล่ะ” เขาถามกลับ

            “เพราะโต๊ะมีทั้งหมดห้าสิบโต๊ะ แล้วเราจะคัดเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น หนึ่งครั้งก็กินเวลามากพอแล้ว เพราะมันมีหลายรอบมาก” สเลนตอบง่ายๆ “อีกประการก็คือเป็นกฎของทางสภานักเรียนที่ไม่ให้รับคัดตัวหนึ่งชมรมเกินร้อยคน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการแย่งนักเรียนชมรมอื่น ชมรมที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกยุบทันทีน่ะ”

            คนตรงหน้าฟังอย่างสนใจทั้งๆที่ตามสภาพแล้วตัวเองหมดสิทธิ์แข่งขันทำให้สเลนยิ้มนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ “รูปแบบการคัดตัวจะเป็นการแข่งโดยสุ่มฉลากจับคู่ เราจะคัดออกทีละครึ่งไปเรื่อยๆจนเหลือยี่สิบห้าคน ตอนนี้จะเหลือเศษหนึ่งคนที่ไม่มีคู่เล่นใช่ไหมล่ะ นั่นคือคนที่ชนะในลัคกี้บอร์ด”

            “ลัคกี้บอร์ด?” ยามาโมโตะทวน

            “กระดานของผู้โชคดี” สเลนขยายความด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “คนๆนั้นจะสามารถเลือกท้าแข่งกับสมาชิกชมรมได้หนึ่งคน ถ้าแข่งแล้วชนะ ก็จะได้กลายเป็นสมาชิกใหม่คนแรกโดยไม่ต้องทำการแข่งขันใดๆอีก ไม่ให้เรียกว่าโชคดีแล้วจะเรียกว่าอะไร”

ยามาโมโตะกลอกตาคิดแล้วพยักหน้าอย่างนึกสนใจ เขาถามต่อ “แล้วถ้าแพ้ล่ะ จะเจออะไร”

“ลงขันชมรมสามพันดอลลาร์แล้วไสก้นออกไปซะ”

ยามาโมโตะทำหน้าแหยทันที สเลนหัวเราะร่วนแล้วตบไหล่เพื่อนปุๆ “กลวิธีเด็ดหาเงินเข้าชมรมของพี่ฮายาโตะเขาล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า ถ้าฉลาดหน่อยเค้าก็เลือกเจอกับเพื่อนชั้นเดียวกัน หรือไม่ก็รุ่นน้อง รับรองว่าโอกาสชนะก็มีพอๆกับแพ้นั่นแหล่ะ ขอแค่อย่าไปเลือกเจอพี่ฮายาโตะ หรือเอเลนก็พอ สองคนนั้นน่ะขึ้นหิ้ง”

เขาพยักหน้ารับไปอย่างนั้น คิดไปว่าตัวเองไปท้าบุคคลขึ้นหิ้งของชมรมสู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ส่วนเจ้าเอเลนนั่นก็โขกหมากรุกแข่งกันผ่านอินเทอร์เน็ตประจำ แต่มีอยู่อย่างที่เขาเห็นด้วยสเลนโดยไม่เถียงคือ สองคนนั้นเก่งมากจริงๆ ขนาดกับเอเลนที่ได้ชื่อว่ามือสอง เขายังแพ้มันซะเป็นส่วนใหญ่ คงไม่ต้องพูดถึงพี่ชายเขา รายนั้นน่าจะเซียนหาตัวจับยาก

“งั้นแสดงว่าสองคนนั้นยังไม่เคยถูกเด็กใหม่ท้าเลยล่ะสิ” ยามาโมโตะถามด้วยรอยยิ้มนิดๆ

แต่สเลนกลับส่ายหน้า “สองคนนั้นน่ะโดนท้าบ่อยสุด” ว่าแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ “โดยเฉพาะพี่ฮายาโตะ เขาโดนท้าจากลัคกี้บอร์ดทุกครั้งแหล่ะ นายก็ลองคิดดูสิ ถ่อมาเหยียบถึงชมรมหมากรุก การได้นั่งอยู่ตรงข้าม มองหน้าประธานชมรมผู้เป็นที่คลั่งไคล้ของคนทั้งโรงเรียนสักสิบนาทีแค่นี้ก็ฟินไปถึงดาวอังคารแล้ว แต่ก็นั่นแหล่ะ ค่าฝันหวาน สามพันดอลลาร์เหนาะๆ”

ยามาโมโตะพยักหน้าเนิบๆ เห็นด้วยอย่างไม่มีเหตุผล สเลนยิ้มแล้วว่าต่อ “ได้หนึ่งคนแล้วใช่ไหม จากนั้นเราจะเหลือยี่สิบสี่คน แข่งกันต่อ คัดออกครึ่งหนึ่งเหลือสิบสอง สิบสองคนนี้จะได้เป็นสมาชิก ส่วนอีกสิบสองคนที่แพ้จะต้องมาแข่งกันใหม่ คัดเหลือหกและสามตามลำดับ สุดท้ายแล้วรวมกับลัคกี้บอร์ด จะได้สิบหกคนพอดีเป็นสมาชิกชมรมอย่างเป็นทางการ”

“น่าสนุก” ยามาโมโตะว่า

“น่าสนุกอะไรล่ะ” สเลนแย้ง หัวเราะหึๆ “ตอนนี้นายยังเข้าคัดตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ จะทำยังไง”

แทนคำตอบ ยามาโมโตะชี้ไปที่ซองสีขาวๆที่เขาฝากสเลนไว้ก่อนเข้าไปพบกับผู้อำนวยการโรงเรียน กระดิกปลายนิ้วเป็นเชิงให้ส่งมันมา สเลนยอมทำตามแต่โดยดี ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความสนใจ แน่ล่ะ หมอนี่ทำอะไรแต่ละอย่างมีแต่เรื่องน่าสนุก

“อะไรกัน ฉันก็นึกว่านายจะไม่ใช้มันไปตลอดรอดฝั่งซะอีก” เด็กหนุ่มผมทองเย้าเสียงเล็กเสียงน้อย ส่ายหน้าพลางสั่งเสียงจึ้กจั๊ก “ไม่แน่จริงนี่หว่า”

“ฉันเคยบอกตอนไหนว่าตัวเองแน่ ไอ้ไอเท็มเสริมเนี่ยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ควรใช้ แต่ถ้าเข้าตาจนมันก็ต้องงัดออกมาใช้ ไม่อย่างนั้นจะมีไว้ทำไม” ยามาโมโตะแย้งด้วยรอยยิ้มระยับ “อีกอย่างฉันมันเด็กใหม่ ไม่คิดจะผ่านทุกด่านโดยปราศจากตัวช่วยอยู่แล้ว” ว่าแล้วยามาโมโตะก็สาวเท้าเข้าไปหาคนรับลงทะเบียน สเลนนึกสนุกเลยเดินตามไปติดๆ ยามาโมโตะเดินผ่านโดยไม่สนสายตาคนที่ยืนต่อแถวยาวเป็นหางว่าวที่พาส่งสายตาเขม่นมาหาโดยมีสองปัจจัยเป็นหลัก หนึ่งก็คือเด็กเอเชียหนังหน้าดี และสองมีกลิ่นเด็กเส้นโชยหึ่ง

แต่ไอ้เด็กเส้นที่ว่ากลับไม่ยี่หระสายตาใคร มันหยุดตรงหน้าคนรับลงทะเบียน แล้วทักทาย

“หวัดดีครับ ผมเป็นเด็กใหม่”

คนฟังกะพริบตาปริบๆ “หวัดดีเด็กใหม่ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

“ผมอยากเข้าชมรม แต่ดูเหมือนจะมาไม่ทันสมัคร ผมเลยอยากให้พี่ช่วยดูไอ้ซองนี้หน่อย เผื่อว่าพี่จะพิจารณา”

เอาจริงดิ!

เสียงฮือฮารอบตัวดังเพราะใครๆก็ได้ยินประโยคที่มันพูด สเลนเบิกตาโพลง อ้าปากค้างโดยอัตโนมัติ พูดไม่ออกไปชั่วขณะเช่นเดียวกับคนรับซอง เขาช็อกกับความเถรตรงของหมอนี่จนแทบอยากจะดิ้นตาย สงสัยนักว่าชาตินี้เคยยัดเงินใต้โต๊ะหรือทำอะไรผิดกฎหมายบ้างไหม ไม่รู้หรือไงว่าเรื่องพรรค์นี้มันต้องทำลับๆล่อๆ!

แต่ถึงอย่างนั้นสเลนก็เลือกที่จะกลั้นขำกึกๆ ยืนกอดอกสังเกตการณ์อยู่เฉยๆว่าเพื่อนต่างแดนคนนี้จะทำอะไรต่อไป คิดแล้วก็ขำ เมื่อกี้มันเพิ่งบอกเขาอยู่หยกๆว่ามันไม่ใช่คนแน่ แต่ไอ้ที่ทำอยู่เนี่ย มันแน่ซะยิ่งกว่าแน่

คนรับลงทะเบียนแกะซองออก ข้างในมีกระดาษพับสองสามทบซ่อนอยู่ พื้นที่ตรงนั้นเงียบไปถนัดตา แม้แต่ยามาโมโตะยังแอบเลิกคิ้วแปลกใจไม่ได้ ตอนแรกเขาก็นึกว่าพี่โกคุเดระจะสอดเช็คระบุจำนวนเงินอะไรอย่างนี้เอาไว้เสียอีก แต่กระดาษนั่นยังไงก็แค่กระดาษขนาดสมุดฉีกธรรมดา แต่มันดูจะไม่ธรรมดาเมื่อคนรับลงทะเบียนคลี่อ่านแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง มือไม้สั่นไปหมดจนต้องรีบยัดมันกลับเข้าซองใหม่

“ระ เรื่องจริงเรอะ!

ยามาโมโตะก็อยากจะถามกลับว่าเรื่องอะไรล่ะ! เขาไม่รู้สักหน่อยว่าไอ้นั่นมันเขียนว่าอะไร แต่วิชาโป๊กเกอร์เฟซที่ใช้บ่อยๆตอนแข่งหมากรุกยังลงประทับหน้าเต็มเปี่ยม

ยามาโมโตะยักคิ้ว ตอบอย่างมั่นหน้า “เรื่องจริงแน่อยู่แล้วสิครับ ไอ้ซองเนี้ยมันของลิมิเตต หรือพี่คิดว่าของที่ได้รับจากโกคุเดระ ฮายาโตะจะเป็นของโหลๆ” ชื่อของผู้ที่มีอิทธิพลที่สุดในมิลเลียนแนร์ถูกงัดมาใช้ได้อย่างถูกจังหวะเรียกเสียงฮือฮาได้จากคนรอบข้าง ฉับพลันรุ่นพี่ที่รับลงทะเบียนก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ยามาโมโตะยิ่งได้ใจ ขยี้ต่อทันที “ใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่ใครจะได้ไปทั่ว ลิมิเตต เอดิชันสุดๆ”

“ตะ แต่ไอ้สิ่งที่อยู่ในซองนี้มัน...” คนอ่านข้อความยังคงอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะเชื่อลงไปได้ยังไง เขาเลยตัดบท “มีใครยืนยันให้ได้บ้าง เรื่องแบบนี้แอบอ้างไม่ได้ แล้วเฮียไม่เคยทำอะไรอย่างนี้ด้วย”

ตอนแรกสเลนกะว่าจะเห็นไอ้เพื่อนใหม่ส่งสายตาขอร้องมาทางเขาให้เป็นพยาน แล้วเขาจะปัดมือบอกมันซะว่างานนี้ตัวใครตัวมัน ผลปรากฏว่าไม่ใช่ ยามาโมโตะไม่แม้แต่จะมองรอบตัวหาใคร หมอนั่นแค่จ้องหน้าคนถามไปตรงๆแล้วตอบอย่างชัดเจนเช่นเคย

“คนที่ยืนยันได้ดีที่สุดไม่ใช่ใคร แต่เป็นผม” ว่าแล้วก็คลี่ยิ้มหวาน ถึงจะไม่รู้อะไรแต่ก็มั่วไปก่อน “ใช่ไหมล่ะ มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับพี่โกคุเดระเขา คนอื่นจะมารู้ดีกว่าได้ไง” สิ้นคำพูดเสียงฮือฮาก็ดังอีกระรอกความแตกตื่นเป็นของประชาชน ความขำขันอยู่กับสเลน ส่วนยามาโมโตะนั้นเล่าทั้งตื่นเต้นทั้งเสียวสันหลัง เขาต้องสะกดจิตตัวเองอย่างหนักหน่วงว่านายมาไกลแล้วๆ มาขนาดนี้จะถอยได้ไง ยามาโมโตะ ทาเคชิ อยากได้ลูกเสือ ไม่เข้าทำเสือ แล้วไยจะได้มา!

“ถะ ถ้างั้นนายรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเฮียบ้าง”

ยามาโมโตะคิดว่าบทสัมภาษณ์ออกจะแปลกๆ แต่เขาก็ได้แต่รวบรวมความคิดตอบไป “ทายาทนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น เป็นธุรกิจข้ามชาติที่ลอยลำว่าใครถือหุ้นบริษัทเขาจะไม่มีคำว่าขาดทุน เขามีพี่สาวแท้ๆหนึ่งคน เข้าโรงเรียนนี้ด้วยคะแนนสอบที่สูงลิ่ว ทำให้ชมรมหมากรุกกลายเป็นชมรมเนื้อหอมหลังจากที่เมื่อก่อนมีแต่คนพูดว่าเป็นชมรมของพวกสตึ เขาพาชมรมชนะไปทั่ว เงินเก็บของชมรมพูดได้ว่ามีพอหมุนไปอีกสิบปีอัพโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากสภานักเรียน เขาคือคนที่มีอิทธิพลที่สุด อาจารย์เชื่อใจ รุ่นพี่ยอมรับ รุ่นน้องนับถือ เนื้อหอมทั้งกับชายและหญิง ต้องบอกตรงๆว่าข้อนี้ทำให้ผมไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่นัก มันทำให้เขาลำบากเพราะไม่มีเวลาส่วนตัวเท่าไหร่”

ยามาโมโตะรัวออกมาทั้งหมดตามที่ในหัวมันจำได้พร้อมใส่สีตีไข่อย่างน่าหมั่นไส้ สเลนแทบขำก๊าก สบถในใจยกใหญ่ว่าไอ้บ้านี่มันใช้ข้อมูลที่เขาบอกไปมาใช้จนได้เรื่อง ยามาโมโตะรับรู้ถึงสายตาทิ่มแทงรอบทิศทาง แต่ไม่เป็นไรหรอก ปกติเขาก็โตมาท่ามกลางการจับจ้องอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ

“แต่นั่นมันแค่เรื่องที่คนทั่วไปรู้ใช่ไหมล่ะ แต่ผมรู้จักพี่เขาเยอะกว่านั้น” คนฟังพากันเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน ยามาโมโตะหัวเราะหึ “คอนโดเขาอยู่บนถนนแรนดอล์ฟ อลังการและหรูเว่อร์ พักอยู่ชั้นที่สามสิบสอง มองเห็นวิวชิคาโกทั่วเมือง ภายในตกแต่งด้วยโทนสีขาวและดำเป็นหลัก สามห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องรับแขกที่ใหญ่มาก ผนังตกแต่งด้วยกรอบรูปและรางวัลต่างๆที่เขาและเอเลนได้มาจากการแข่งขันหมากรุก เตียงคิงไซส์ผ้าปูที่นอนสีเทา แล้วเมื่อคืนพี่โกคุเดระก็ใส่ปาจาม่าสีฟ้า”

ตึง!

พลันเขารู้สึกร้าวไปทั้งกรามซ้าย แก้วหูลั่นเปรี๊ยะ ในปากได้รสคาวของเลือด ไม่เท่านั้นยามาโมโตะก็รู้สึกเจ็บแถวสีข้างกะทันหันเมื่อร่างทั้งร่างของเขาปลิวไปชนขอบโต๊ะลงชื่อ เด็กหนุ่มลูบมุมปากด้วยใบหน้าเหยเก พลางเอามือกุมบริเวณโดนกระแทกพร้อมกับเงยหน้ามองคนที่กำลังย่ามสามขุมเข้ามากระชากคอเสื้อเขาอย่างดุดัน จากแถวนั้นมีคนยืนอยู่เต็มก็ตีวงพร้อมเชียร์มวยโดยอัตโนมัติ ยามาโมโตะหรี่มองอย่างใจเย็น ผิดกับอีกฝ่ายที่พร้อมตะบันหน้าเขาอีกรอบ

คู่กรณีเป็นใครไม่รู้ แต่บอกได้คำเดียวว่าไอ้หมอนี่หน้าตาดีเอาการ ผมสีน้ำตาลหม่นเซ็ตเปิดหน้าเป็นทรงเท่ห์ระเบิด รูปร่างสูง ผิวน้ำผึ้งกับมัดกล้ามแข็งแรงเขาเดาว่าน่าจะเป็นพวกออกกำลังกายอย่างจริงจัง ทั้งเนื้อทั้งตัวหมอนี่มีแต่แบรนด์เนม ไม่เว้นแม้แต่กลิ่นน้ำหอมชวนสาวหลง ยามาโมโตะระบายลมหายใจ บอกเลยว่าเขาเลี่ยงจะต่อยกับคนหน้าตาดีมาเยอะ เพราะไม่อยากยุ่งยากและเป็นการใช้กำลังโดยใช่เหตุ

แต่คราวนี้เขาอยากจะสวนมันไปจังๆสักที อย่างน้อยก็ให้คุ้มกับรอยช้ำบนหน้าเขา!

“แกเป็นใคร! แล้วหาว่าฮายาโตะเป็นอะไรกับแกนะ!?” ยามาโมโตะเลิกคิ้วกับคำถาม อารมณ์หมอนี่ชัดเจนแล้วว่ากำลังหึงหน้ามืด เช่นเดียวกับเขาพอโดนต่อยซะกรามลั่นแถมคู่กรณียังทำเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของโกคุเดระซะเต็มประดามันทำให้เขายิ่งอยากกวนประสาทคน

“แล้วนายล่ะเป็นใคร เพิ่งต่อยหน้าฉันไป แล้วยังจะถามชื่ออีก โห ไม่ไร้มารยาทไปหน่อยเหรอ”

“ดีออน  ไคลน์ พรอมคิงสามสมัย” เสียงสเลนเอ่ยแทรกขึ้นก่อน เจ้าตัวโคลงหัวยิ้มๆไม่สนดีออนที่เริ่มถลึงตา เพิ่มเติมข้อมูลอีกนิดหน่อย “ตามจีบพี่ฮายาโตะอยู่ปีกว่าแล้ว แต่สุดท้ายแม้แต่น้ำเหลวๆสักแก้วก็ยังคว้าไม่ได้ ที่จริงนายเป็นนักกีฬาฮอกกี้ตัวโรงเรียนนี่ แล้วมาต่อแถวสมัครชมรมหมากรุกทำไม”

“อ้อ เข้าใจล่ะ” ยามาโมโตะแสร้งรับด้วยสีหน้าสบายๆ แต่ใจใกล้ระอุเต็มทน “ก็นึกว่าโกรธเรื่องอะไร ที่จริงเรื่องนี้ คนที่สมควรจะโกรธมันควรจะเป็นฉันไม่ใช่เหรอ พี่โกคุเดระไม่ได้เป็นอะไรกับนายสักหน่อย แล้วอยู่ดีๆมาต่อยกันแบบนี้หมายความว่าไง”

“แกเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับฮายาโตะเหมือนกัน” อีกฝ่ายแย้งหน้าดำหน้าแดง

ยามาโมโตะเลิกคิ้ว “อ้าว! เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัดเหรอ หรือต้องให้บรรยายต่อว่านอกจากปาจาม่าแล้วฉันเห็นอะไรอีก”

“แก!” ดีออนถลาเข้าหาเขาทันที ง้างหมัดพร้อมที่จะซัดปากกันอีกรอบ ซึ่งยามาโมโตะจะไม่อยู่เฉยแล้ว เขายืนตั้งหลักอย่างดี เตรียมสวนกลับเต็มที่ ห่วงหน้าอยู่นะ แต่งานนี้พังเป็นพัง!

“เฮ้ย! หยุด!” พลันเสียงทั้งหวานทั้งทรงพลังตะคอกแหวกกลางวงมวยย่อมๆ หยุดนิ่งทุกการเคลื่อนไหว หยุดแม้กระทั่งลมหายใจของทุกคนไปชั่วขณะเสียด้วยซ้ำ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ต้นเสียง ผลปรากฏว่ามาจากข้างบนชั้นลอยของห้องนี้ ระเบียงที่ยื่นออกมามีคนตะโกนยืนอยู่พร้อมกับน้องชายคนสนิทกับคณะผู้ติดตามที่ยามาโมโตะคุ้นหน้าว่าเคยเจอในผับแล้วกว่าสิบชีวิต ร่างบางกอดอกขมวดคิ้ว แววตาดุจัด แต่ถึงคนๆนั้นจะมีสีหน้าที่เหมือนยักษ์เหมือนมารมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ยังตกเป็นเป้าสายตาอยู่วันยังค่ำ คนเป็นผู้นำสบถอุบ แล้วเดินลงบันไดเวียนลงมา ทั้งๆที่เป็นการเดินธรรมดา คนๆนั้นยังสะกดสายตาคนให้มองตามทุกก้าวย่าง

มันไม่ได้สวย ไม่ได้สง่าเหมือนอย่างเจ้าหญิงเดินลงมาหาเจ้าชายนะ คนละภาพกัน พี่เขาห่ามจะตาย ต้องพูดว่าเท่ห์นั่นล่ะถึงจะถูก ใช่ เท่ห์โคตรเลยด้วย

แต่จะสวยจะเท่ห์ก็ตาม ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้วาววับขึ้นชั่วขณะ ในอารมณ์ชักคุกรุ่น พี่โกคุเดระอย่างกับฟีโรโมนเดินได้ อา...ให้ตายสิ ชักอยากจิ้มตาทุกคนให้บอดขึ้นมาเลย

สุดท้ายแล้วคณะผู้เป็นใหญ่ที่สุดในชมรมก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กใหม่ทั้งแผง โกคุเดระขมวดคิ้วมองเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่งสายตาดุไปรอบห้อง วินาทีนี้เงียบอย่างกับเป่าสากด้วยบารมีพี่แกแผ่ขยายเต็มประสิทธิภาพ ต่างกับเอเลน รายนั้นมีแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขยับเข้าหาสเลนโดยอัตโนมัติเพื่อสอบถามรายละเอียดของเหตุการณ์ราวกับมันเป็นเรื่องน่าสนุก

“ที่นี่คือชมรมหมากรุก” เสียงทุ้มหวานเกริ่นอย่างเยือกเย็น “ไม่นิยมใช้กำลังมากกว่าสมอง แต่ถ้าเด็กใหม่คนไหนเห็นต่างฉันจำเป็นที่จะต้องเชิญออก”

คราวนี้สลดกันทั้งบาง โกคุเดระบทจะโกรธก็โกรธได้น่ากลัวสมกับเป็นเฮียของพวกโหดๆข้างหลัง แถมยิ่งเป็นคนที่มีน้องต้องดูแลยิ่งทำให้โกคุเดระเป็นคนที่เข้มงวด ยามาโมโตะลอบยิ้มบาง เขาชอบมุมนี้ของพี่คนนี้ มันมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

“สแตนลีย์” โกคุเดระเรียกคนรับลงทะเบียน ถามไป “สรุปมีเรื่องอะไรกัน”

“เอ่อ ครับ เฮีย คือว่าซองนี้ ไอ้เด็กนี่อ้างว่าได้มาจากเฮียน่ะครับ”

“ใช่ ซองนั่นของฉัน” โกคุเดระรับอย่างว่าง่าย แต่ก็ปรายตามองไอ้คนที่ดันเอาตัวช่วยมาใช้ต่อหน้าประชาชีจนได้เรื่อง คนหน้าสวยแยกเขี้ยวให้ไอ้เด็กตัวสูงตรงหน้าหนึ่งทีแล้วประกาศไป “ฉันกับเอเลนเป็นคนรับรองหมอนี่เอง ให้หมอนี่ได้บายในการแข่งสองรอบแรก จากนั้นให้ไปพบกับผู้ชนะจากลัคกี้บอร์ด แล้วใช้กฎลัคกี้บอร์ดกับคู่นี้แทน ถ้าหากใครชนะจะได้ท้าสมาชิกเดิมหนึ่งคนแข่ง ถ้าชนะก็จะได้เข้าชมรมทันที เข้าใจแล้วก็ไปเตรียมตัวแข่งซะ”

จากนั้นเหล่าผู้สมัครก็ยอมสลายตัวไปเตรียมทำสมาธิก่อนแข่งมุมใครมุมมัน ทำเอาบรรยากาศตึงเครียดเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆผ่อนคลาย ยามาโมโตะสะดุ้งโหยงเมื่อรับรู้ว่าดวงตาสีมรกตคู่สวยหันมามองเขาอีกครั้ง ดูท่าว่าการมีเรื่องทะเลาะวิวาทในห้องชมรมนี่จะทำให้โกคุเดระฟิวส์ขาดไม่น้อย เขาเลยยอมเดินนอบน้อมเข้าไปหา ทอดสายตามองร่างบางเบื้องหน้าอย่างขอความเมตตา

“เจ็บอ่ะ...” อ้อนไปเบาๆ แต่ผลตอบกลับมาคือโดนถลึงตาใส่

“หาเรื่องใส่ตัวขนาดนี้สมควรโดน ทำแผลไม่ทันแล้ว หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เจ็บนักก็กัดซ้ำไป เดี๋ยวก็หาย”

ยามาโมโตะเบิกตากว้างยิ้มกริ่ม ชี้ที่มุมปากช้ำๆ “หายจริงดิ? งั้นพี่กัดให้หน่อยได้ป่ะ”

F*ck!” ด่าไม่พอยังชูนิ้วให้อีกเป็นของแถม แต่ไอ้เด็กญี่ปุ่นตาวาววับ

“หา! จะเอาเลยเหรอ ตรงนี้เลยอ่ะนะ ไม่โจ่งแจ้งไปเหรอครับ”

“ทะลึ่ง!” ด่าอีกรอบพร้อมฝ่ามือตบลงกลางหัวพอดีเป๊ะ “รีบๆไปเตรียมตัวแข่งสิเฮ้ย บอกเอาไว้ก่อนว่าถึงฉันจะเล่นเส้นให้นายเข้าแข่งได้ แต่ถ้าแพ้ก็คือจบเห่ ฉันเตะตูดนายออกจากห้องแน่ เข้าใจ๊!?

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ควรจะไปเตรียมตัวเหมือนกัน” คำย้อนกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนุ่มลึกบนใบหน้าคมคายทำให้โกคุเดระเลิกคิ้วสูง ยามาโมโตะเดินเข้าใกล้คนอายุมากกว่าอีกนิด แล้วก้มลงกระซิบ “เพราะผมจะเอาชนะลัคกี้บอร์ด...แล้วไปท้าพี่แข่ง ถึงตอนนั้นถ้าแพ้ขึ้นมาก็อย่าโอดครวญนะครับ”

“มั่นหน้าชิบ” โกคุเดระสวนกลับลอดไรฟัน แต่ดวงตากลับเป็นประกายสนุกสนานทันทีที่ถูกท้า ผู้นำแก๊งค์แห่งย่านลูพแสยะยิ้มพร้อมแค่นหัวเราะหึ ก่อนที่จะเดินหายไปอีกทาง ยามาโมโตะสอดมือลงกระเป๋ากางเกงแล้วมองตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ จนกระทั่งเพื่อนสองคนมายืนประกบสองข้าง

“ตอนโดนดีออนหาเรื่องแกก็กัดเขายับ แต่พอพี่ฮายาโตะมาก็ถอดเขี้ยวถอดเล็บอ้อนซะ” สเลนเปรยด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ ประสงค์ชัดว่าตั้งใจมาล้อเต็มที่ ส่วนเอเลนก็พยักหน้าเนิบๆ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“ใช่ๆ แกนี่มันหมาสองหน้าชัดๆ” แต่ถึงอย่างนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ “จริงๆแล้วฉันคิดว่าแกเป็นพวกไม่สนโลกมากกว่านี้ซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปทะเลาะกับพ่อพรอมคิงนั่นได้ นึกคึกอะไรขึ้นมาวะ”

ยามาโมโตะมองไปที่ดีออนอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ยังตามเกาะแกะโกคุเดระไม่หยุด แค่เห็นเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว จริงๆก็เป็นอย่างที่เอเลนว่า ชีวิตนี้เขาไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเองและเจ้ากระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสหกสิบสี่ช่อง ไม่เคยคิดว่าการมีแฟนสำคัญ บางทีคิดว่าไม่มีก็ดีกว่า เขามีอะไรทำตั้งเยอะแยะ ไม่มีทางเหงา เพื่อนฝูงก็มากมาย เพราะฉะนั้นเขาไม่เคยมีอารมณ์หึงหวงไร้สาระ หรือตามง้อแฟนเวลาที่โดนโกรธขึ้นมา นั่นล่ะที่ทำให้ยามาโมโตะตั้งสถานะคบแค่สองสามวัน แต่นี่มันอะไร ใจเขาไม่นิ่ง สูญเสียความเยือกเย็น แล้วยังหงุดหงิดเพราะแค่คำพูดคนอื่น

หึงหวง คิดคำนี้แล้วยามาโมโตะอดขำไม่ได้ มันเกินไป เขายังไม่มีสิทธิ์ไปรู้สึกอย่างนั้นกับพี่โกคุเดระสักหน่อย ทั้งหมดมันก็แค่...

“หมั่นไส้แม่ง”

หนึ่งหัวทองหนึ่งหัวน้ำตาลพากันกลั้นขำจนสุดความสามารถ แล้วตบลงที่ไหล่ของเขาข้างละคนดังป้าบๆ “แกจะหมั่นไส้ใครตอนนี้รีบสลัดมันทิ้งไปไอ้ลูกหมา ถึงแกจะกลายเป็นลัคกี้บอร์ดแล้วไปท้าพี่ฮายาโตะแข่งได้ก็เถอะ แต่ฉันบอกเลยว่าถ้าใจแกไม่นิ่งแบบนี้ แกจะโดนCheck mate ตั้งแต่เดินได้แค่สามตา”

เอเลนพยักหน้ารับ รีบทิ้งระเบิดต่อไปอีก

“หรือแกจะแพ้ก็ได้ไม่เป็นไร ลงขันชมรมแค่สามพันนี่เรื่องขี้ปะติ๋ว ฉันมีให้แกกู้เพียบ เห็นแก่ความเป็นเพื่อน คิดดอกพิเศษเลยก็ได้”

สิ้นประโยคยามาโมโตะประกาศสวนออกมาแทบจะทันที

“ฉันจะชนะ”


TBC...

มิยะขอเม้าท์

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หลุดคาร์แร็กเตอร์กระจุยจริงๆ ปิดหน้าหลบแม่ยกสเลนแป๊บ /v\ คือยินดีต้อนรับหนุ่มน้อยดาวอังคารสู่ฟิคเกรียนๆเรื่องนี้จ้ะ อิอิ เพราะเป็นลูกรักเจ้าของวันเกิดนั่นแหล่ะ เลยเอามาร่วมด้วย อีกอย่างคิดว่าถ้ามาเป็นลูกคู่กับเอเลนแล้วคงมันส์ดีไม่ใช่น้อยเลยค่ะ เอิ๊กๆ ซึ่งจริงๆแล้วตัวตนของสเลนมีบทบาทอย่างไร คงต้องให้ติดตามกันต่อไปฮับ
มีดอกจันอยู่ตอนหนึ่ง โคบี้ ไบรอันท์ (Kobe Bryant) คือใครหนอ ก็คือนักบาส NBA ที่เก่งมากๆๆคนหนึ่งค่ะ อยู่ทีม LA lakers ซึ่งเพิ่งประกาศอำลาวงการ NBA ไปเมื่อเร็วๆนี้ (ไอ้มิยะตามติ่ง NBA อยู่พักหนึ่งช่วงปั่นหมากรุกนี่ล่ะค่ะ คือหลงเสน่ห์บาสอเมริกันจริงจัง) TTvTT
แล้วก็มีข่าวมาบอกคือ เปิดเทอมแล้วค่ะ แหะๆ เปิดพร้อมเด็กๆมัธยม ประถมเลย เป็นคณะที่ปิดนิดเดียวมาก เปิดไวโฮก เพราะฉะนั้นคงไม่ได้อัพถี่ๆขนาดนี้แล้ว แต่เค้าจะพยายามแต่งนะ พยายามทุกๆปิดบล็อกจะให้ได้เดือนละตอน  ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ ค่ะ
เจอกันใหม่บทความหน้า ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
Miya


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น