Project
: Happy Birthday P'Kwang [WAKETSU] [12.01.15]
S.Au.Fic
8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft.LeviXEren
Romantic Comedy
PG
(จริงรึ?...จริงซิ!)
คำเตือน
เนื้อหาในเอนทรีนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ
Check!
: 01
รู้ไหมว่าหน้าร้อนของญี่ปุ่นมันน่าหลงใหลแค่ไหน?
มันเป็นช่วงเวลาที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้กลายเป็นสีเขียวขจีไปทุกหย่อมหญ้า
ซากุระ เมเปิ้ล โอ๊ค ต้นสนและใบไผ่ แข่งกันเขียวชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร อ่อนบ้าง
แก่บ้างแซมกันนิดแซมกันหน่อย มองดูชื่นตาชื่นใจดี
จักจั่นร้องระงมในป่าลึกรอให้เด็กน้อยใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสันถือสวิงไปจับ...
เป็นช่วงเวลาเพียงแค่สองสามเดือนแต่งานเทศกาลกลับอัดกันเข้ามาเหมือนมีเวลาสักสองสามปี
มีชุดกิโมโนหน้าร้อน แผงลอย ยากิโซบะ ทาโกะยากิ โอะโคะโนะมิยากิ โอเด้ง สายไหม
ผลไม้ชุบช็อกโกแลตหรือน้ำเชื่อม น้ำแข็งไส แตงโม บะหมี่เย็น ข้าวโพดปิ้ง หน้ากาก
เกมช้อนปลาทอง ดอกไม้จุดกันปุ้งปั้งๆ
ทุกอย่างล้วนดูสนุกสนานเฮฮาถ้าหากไปกับแก๊งค์เพื่อน ดูอบอุ่นเมื่อไปกับครอบครัว
ดูโรแมนติกเมื่อไปกับคนรัก...
ถึงจะไปคนเดียว เหงาบ้าง โดนล้อบ้าง
แต่ก็ยังมีคำทำนายของศาลเจ้าปลอบใจว่าปีหน้าคุณอาจมีคนมาเดินเป็นเพื่อน เพียงแต่มันอาจยากพอๆกับแยกเกลือออกจากกองน้ำตาลทรายขาว
หน้าร้อนของญี่ปุ่นยังคู่กับฝน
เป็นเกมวัดใจสุดมันส์ของเหล่าแม่บ้านว่าพวกร้านค้ามีโปรโมชั่นอะไรพิเศษให้พวกหล่อนออกจากบ้านท่ามกลางท้องฟ้าที่อึมครึม
จะเปียกคุ้มหรือเปียกฟรีเพียงเพราะถูกแม่บ้านบ้านอื่นแย่งของตัดหน้าไป...อันนั้นนับว่าเป็นมหากาพย์สงครามตลอดสองเดือน
แต่สำหรับวัยรุ่นก็นับว่าเร้าใจไม่แพ้กัน...เดินกลับบ้านด้วยร่มสีใสๆคันใหญ่ๆ
ฟังเสียงฝนเปาะแปะๆท่ามกลางพุ่มดอกอะจิไซ จะมีความสุขอย่าบอกใคร
และจะฟินยิ่งขึ้นถ้าร่มคันนั้นรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบปลื้มให้มา
...แต่ระวังไต้ฝุ่นกับเชื้อรา มันอาจบั่นทอนความมุ้งมิ้งไปได้พอสมควร
แต่ถึงอย่างนั้นหน้าร้อนของญี่ปุ่นก็ยังคงแสนหรรษาสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะประชาชนที่ถูกเรียกว่า ‘เด็กปิดเทอม’
แต่ขอโทษด้วย...ใครอยากหรรษาก็หรรษาไป ช่วยยกเว้น
ยามาโมโตะ ทาเคชิ เอาไว้สักคน
‘ปิดเทอมนี้แกจะไปไหน’
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองข้อความในจอไอโฟนสีดำ
ทั้งไลน์ ทั้งทวิตเตอร์ วอล์เฟซบุ๊คและแชทบ็อก
ประโยคนี้เด้งขึ้นมาซ้ำกันแต่ไม่ซ้ำคนเป็นยี่สิบสามสิบรอบแล้ว
แต่สรรพนามตรงกลางประโยคว่า ‘แก’ อาจแปรเปลี่ยนไปบ้างตามความสนิทสนมของเพื่อนผู้ถาม
นิ้วโป้งของเด็กหนุ่มเลื่อนไปกดคำว่า ‘Like’ แต่มันก็ได้แค่นั้นแหล่ะ
หนุ่มฮอต รูปหล่อ พ่อรวย
อาศัยอยู่ในคฤหาสน์กลางกรุงโตเกียวก็ปล่อยให้เพื่อนประมาณห้าพันกว่าคนในโลกโซเชียลนั่งรอคำตอบต่อไป
เออ...เขาก็รอคำตอบจากตัวเองด้วย
คุณยามาโมโตะ ทาเคชิครับ....คุณจะเอายังไงกับชีวิตซัมเมอร์คุณครับ
จะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้เลย!
แล้วทำไมไอ้คุณท่านถึงได้หายใจทิ้งวินาทีต่อวินาทีแบบนี้ครับ! ผ่านมาสิบห้าร้อนแล้วบอกได้เลยว่าแต่ละปียามาโมโตะ
ทาเคชิมีกิจกรรมแบบที่ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย ทั้งที่คนปกติทำเขาก็ทำ คนปกติไม่ทำเขาก็ทำ
คนไม่ปกติทำเขาก็ทำ
นั่นแหล่ะที่เป็นสิ่งบอกว่าทาเคชิส์(ใส่อะโพสโตฟีเอสแสดงความเป็นเจ้าของ)
ซัมเมอร์ไลฟ์สไตล์มีสีสันสุดๆ
แล้วนี่มันถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือไร...ทำไมเขายังมืดแปดด้านแบบนี้
ไม่รู้จะทำอะไรก็ไม่ต้องทำ
อยู่เฉยๆกับบ้านไปซะดีไหม...มันคงจะได้ถ้าชีวิตเขาไม่ไม่ใช่เซเลปย่อมๆ
มีคนตามดูรูปเขาในเฟซบุ๊คกับอินสตาแกรมเรือนพัน
เขาไม่ได้ไปคุยโม้โอ้อวดหรอกว่าปิดเทอมทีหนึ่ง ขวัญใจของโรงเรียนอย่างยามาโมโตะ
ทาเคชิมีชีวิตที่สุดเหวี่ยงสมฐานะ
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากความบ้าของเขามากกว่า
เมื่อปิดเทอมที่แล้วเขาไม่ได้ไปไหนไกล ไปแค่เกาะคิวชู
แต่เกิดอารมณ์ครึ้มจัดถอดเสื้อผ้าเปลือยท่อนบนกระโดดลงจากเรือยอร์ชกลางทะเลเพราะอยากดูหอยเม่นตัวเป็นๆ
อยากดูกุ้งมังกรเจ็ดสีก่อนที่มันจะถูกเสิร์ฟ มันคงไม่แปลกอะไรสำหรับคนธรรมดาๆ
แต่ยามาโมโตะ ทาเคชิมันไม่ใช่! เขาเอาเหล็กเสียบเจ้าหอยเม่นเรียงต่อๆกันเป็นลูกชิ้นจัมโบ้
หนีบกุ้งมังกรเจ็ดสีข้างรักแร้เหมือนอุ้มลูกหมา จ่ายเงินสดๆให้ลุงชาวประมงตรงนั้นแล้วเอากลับไปให้เชฟเผาให้กินที่โรงแรมด้วยเหตุผลในการกระทำสั้นๆที่ตอบกับตัวเองว่า
‘ครั้งหนึ่งในชีวิต’
แต่ก็นั่นทำให้เขาต้องดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเลค่อนวัน
ตัวดำเป็นเหนี่ยง
นี่ขึ้นมาทาอัฟเตอร์ซันแล้วพอกไวท์เทนนิ่งอยู่เป็นเดือนๆมันยังขยับจากคำว่าดำเป็นแทนแก่ๆ
เฉดสีผิวที่พวกตะวันตกปรารถนากันหนักหนา แต่ยามาโมโตะ ทาเคชิก็ได้มาแล้ว
นั่นแหล่ะคือจุดเริ่มต้น และวีรกรรมที่ไม่น่าลืมแต่ก็ไม่น่าจำของเขามันก็มีทุกช่วงซัมเมอร์
คนตามดูพฤติกรรมแปลกๆของเขามันก็เลยผุดเป็นดอกเห็ด
‘อ่านแล้วไม่ตอบหมายความว่าไงฟะ!’ เสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้นมาทันทีตอนย้อนอดีตเพลินๆ
ยามาโมโตะกลอกตาขึ้นฟ้าแล้วพิมพ์ตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
‘ไม่ตอบก็หมายความได้สองแบบ คือไม่อยากตอบกับตอบไม่ได้ไง แค่นี้แกไม่รู้เรอะ!’
‘งั้นของแกก็คงเป็นกรณีที่สอง’ ยามาโมโตะไม่ว่าอะไร
แต่ส่งสติกเกอร์ชูนิ้วกลางไปหนึ่งตัว
‘แค่นี้ด่า...เดี๋ยวก็ไม่ช่วยหรอก’
‘ช่วยอะไร’
‘ก็มาช่วยแกคิดไง’ เพื่อนผู้ปรารถนาดีเงียบไปสักพัก
แต่คนรอคำตอบก็รออย่างใจจดใจจ่อ การรอที่นานอย่างที่นานๆทีจะเป็นแสดงว่าคนกำลังพิมพ์อย่างเมามันส์
เป็นแบบนี้สักนาทีแล้วก็เด้งขึ้นบนหน้าจอแชท ดวงตาสีเปลือกไม้เบิกขึ้นอย่างตะลึง
เพราะมันยาวสมเวลา แถมแต่ละอย่างเนี่ย...อื้อหือ...สร้างสรรค์!
‘แกมันสมองถั่ว พนันได้เลยเดี๋ยวแกก็ต้องเลือกหนึ่งในนี้นี่แหล่ะ ควงหญิง
ซิ่งเฟอร์รารี หนีออกจากบ้าน อ่านหนังสือโป๊ ดูแฟชั่นโชว์ Go toไนต์คลับ ยิงนก ตกปลา หาจิ้งหรีด ดีดกีตาร์ หาของกินแพงๆ and Hang out with friends J’
‘ตลก! แล้วถ้าฉันไม่ทำอ่ะ?”
‘อารมณ์ฉันก็คงประมาณเข้าห้องนอนตัวเองแล้วเจอเจนนิเฟอร์
โลเปซมานอนแก้ผ้าอยู่บนเตียง’
โอ้โห! ฝัน!!
เออ! ฝันชัดๆเลย
นั่นหมายความว่าถ้าเขาคิดอะไรไม่ออกก็คงได้เลือกตัวเลือกสักตัวที่เพื่อนเสนอมา
จะคิดแหวกแนวไปไกลกว่านี้ ฝันไปเถอะ! ยามาโมโตะเบ้หน้า
คิดอยากเถียงแต่มันก็เถียงไม่ออก
อยากโกรธแล้วตบหัวมันสักทีแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ยังไง ก็เพราะไอ้เพื่อนคนนี้ของเขาอยู่ไกลไปอีกซีกโลก
หน้ายังไม่เคยเห็น รู้แค่ชื่อ เรียนอยู่ที่ไหน เมืองอะไร ประเทศอะไร แล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่รู้จักกันเพราะเกมหมากรุกออนไลน์
เอ้อ จะว่าไปก็ไม่ใช่ ชื่อที่รู้ก็ไม่ใช่ชื่อจริงๆหรอก
เป็นแค่นามแฝงในเกมแค่นั้นเอง
และจะว่าไม่เคยเห็นหน้าเลยก็ไม่ถูกนัก
เพราะตอนที่คุยกันใหม่ๆเขาเคยคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายส่งรูปมาให้เห็นหน่อย
ซึ่งมันก็บ้าจี้ส่งมาจริงๆ
แต่เป็นรูปที่ยังเดินเตาะแตะๆประมาณสองสามขวบได้พร้อมกับเหตุผลที่มันโต้เขากลับอย่างกวนประสาทว่า
‘ก็แกไม่บอกเองนี่ว่าอยากได้รูปตอนไหน’
แต่รูปเด็กน้อยที่ว่าก็ทำให้เขาหายโกรธไปมากกว่าครึ่ง
ยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็นต้องชมว่าเพื่อนเขาคนนี้น่ารักมาก น่ารักไม่ทน
น่ารักไม่บันยะบันยัง! แบบเห็นแล้วชวนเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง ผิวขาวจัด ตาเขียวมรกตสดใส ผมเงินเข้ากับสีผิวได้เป็นอย่างดีดูเหมือนจะกลืนกัน
ตอนนั้นเองที่เขารู้เพศของเพื่อนสนิท เชื่อเลยโตขึ้นต้องเป็นผู้หญิงที่สวยชนิดผู้ชายมองเหลียวหลัง
แค่จ้องหน้าต้องลืมหายใจกันไปข้าง แต่ดูนิสัยและปากของนาง
นั่นแหล่ะที่ทำให้ยามาโมโตะจีบไม่ลง แล้วคิดว่าตัวเองมีเพื่อนผู้ชายเพิ่มมาคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มร่างสูงผมสีดำสนิท
แถมหน้าตาหล่อเหลาอย่าบอกใครเพราะใครเขาก็รู้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วไถลตัวเอนกับเก้าอี้ตัวสูง
มือใหญ่ทว่าเรียวแข็งแรงคว้าเข้าที่ตัวม้าหมากรุกสีดำแล้วกินเบี้ยสีขาวบนกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดแปดคูณแปด
แล้วเลื่อนตัวเรือขวาสีขาวที่อยู่ในแถวเดียวกันกินเจ้าม้าดำในทันที
เด็กหนุ่มส่ายหัวไปมาเหมือนไม่ชอบใจ เหมือนกับดักของตัวเองยังไม่สมบูรณ์
‘แล้ว...ปิดเทอมนี้จะไปไหน’ เขาถามบ้าง
‘ก็อยู่ชิคาโกอ่ะดิ จะไปไหนได้อ่ะ’ คำตอบสั้นๆง่ายๆไม่คิดมากของอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเลิกคิ้วสูง
หัวสมองที่ตื้อๆมืดๆสว่างวาบทันที มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วพยักหน้าช้าๆ
พรมนิ้วลงกับแป้นพิมพ์สมาร์ทโฟนอีกครั้ง
‘ฉันคิดออกแล้วว่าฉันจะทำอะไร...ยินดีด้วย
คืนนี้ขอให้สนุกสุดเหวี่ยงกับเจนนิเฟอร์ โลเปซ’
“หม่ามี้ ซัมเมอร์ปีนี้ทาเคชิจะไปชิคาโก”
คำขอกะทันหันพอๆกับเจ้าลูกชายตัวโข่งที่วิ่งลงบันไดลงมาแล้วไถลตัวนั่งคุกเข่าแทบเท้าคุณหญิงแห่งคฤหาสน์ยามาโมโตะ
แต่อันที่จริงหม่ามี้ของเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่คำขออนุญาต แต่เป็นการบอก
เพราะเขาเตรียมแพ็คกระเป๋า จัดการเรื่องหนังสือเดินทางและตั๋วเรียบร้อยแล้ว
ให้เดินทางตอนนี้เลยก็ได้
คุณหญิงเบนสายตาจากหนังสือนิตยสารด้วยท่าทางตื่นตระหนก
ถามกลับทันที “แล้วหนูจะไปทำไมจ๊ะ”
“หาเพื่อน” คิ้วผ่านการกันและแต่งอย่างดีเลิกขึ้นกับเหตุผล
ทำให้คนเป็นลูกหัวเราะแหะๆ แล้วขยายความใหม่ “หมายถึง
ไปเรียน หาประสบการณ์ หาเพื่อนใหม่น่ะฮะ”
เท่านั้นคุณหญิงแม่ก็เบ้ปากทันที ทิ้งนิตยสารลงกับโซฟาข้างตัว
“เพื่อนมีเยอะเกินไป หาสะใภ้ให้หม่ามี้ดีกว่าเถอะ”
ฟังคำขอของมารดาบังเกิดแล้วเด็กหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น แม่เขาก็พูดไป! ทำเหมือนเขาไม่เคยพยายามหาให้อย่างนั้นไอ้ลูกสะใภ้นั่นน่ะ
บอกก่อนว่ายามาโมโตะ ทาเคชิ หนุ่มฮอตของโรงเรียนที่มีเพื่อนห้าพันกว่าคนบนเฟซบุ๊คเคยขึ้นสถานะกำลังคบกับผู้หญิงนะฮะ!
แล้วหลังจากนั้นสองวันก็เอาออก เพราะสาวเจ้าทน ‘ความบ้า’ ขั้นพื้นฐานของเขาไม่ไหว
“เดี๋ยวมันจะมีมันก็มีเองแหล่ะหม่ามี้
ถึงเวลามีจริงๆหม่ามี้รับได้หรือเปล่าเถอะ”
หม่ามี้รับลูกชายตัวเองได้ คนอื่นก็คงไม่เท่าไหร่มั้ง”
จบคำพูดที่เหมือนจะดูทำร้ายกันพอสมควร หม่ามี้ที่รักของเขาก็ถามขึ้นอีก
“แล้วนี่จะไปกี่วัน เอาเงินไปเท่าไหร่ ที่พักมีมั้ย
เอาพ่อบ้านสาวใช้ไปด้วยหรือเปล่า”
“เรียบร้อยแล้วฮะ ว่าจะไปสักสองอาทิตย์ ส่วนพ่อบ้านสาวใช้นั้นไม่ต้อง
เอาไปมันก็เหมือนทาเคชิไม่ได้ไปใช้ชีวิตต่างแดนสิ
เหมือนแค่ย้ายบ้านจากญี่ปุ่นไปอเมริกาต่างหาก”
หม่ามี้ของเขาฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักยอมรับทุกอย่างทั้งที่ทำหน้าเหมือนใจจะขาดรอนๆ
นี่แหล่ะคือความน่ารักของบุพการีที่ลูกทุกคนล้วนปริ่มเปรม
ใครจะบอกว่าเขาเป็นลูกคุณหนูโดนตามใจแล้วจะเสียคนนั่นไม่จริง หม่ามี้กับป่าปี๊ค่อนข้างที่จะห่วงเขาทีเดียว
ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ชีวิตสุดคุ้มค่าของเขานั่นแหล่ะ
แต่พวกท่านเลี้ยงเขาแบบบุฟเฟ่ต์ สอนให้รู้เอง อิ่มเอง
อย่าไปตักตวงอะไรมากไปเพราะถ้าไม่ดีไม่อร่อยแล้วมันจะไม่คุ้มเงิน
แต่ถ้ารู้ความตื้นลึกหนาบางของทริปชิคาโกคราวนี้แล้ว หม่ามี้กับป่าปี๊อาจจะเปลี่ยนจากบุฟเฟ่ต์มาเป็นแบบถาดหลุมในโรงอาหารก็ได้ล่ะมั้ง
ยามาโมโตะยิ้มแหยออกมานิดๆแล้วโผเข้ากอดแม่ของตัวเองแน่นแถมด้วยหอมแก้มซ้ายขวา
เดินฮัมเพลงออกไปจากห้องอย่างอารมณ์ดี หัวใจเต้นระริก
ในสมองคิดเรื่องสนุกสุดเหวี่ยงที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศเสรีจนมันเผลอยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ
ถามว่าดีใจอะไร ตื่นเต้นกับอะไร
ยัยเพื่อนในโลกออนไลน์ที่จะได้เจอกันที่ชิคาโกนั่นเหรอ
เห้ย! เข้าใจผิดแล้ว!! บอกเลยนะว่าไม่ใช่ กับคนที่คุยกันทุกวันจนจะเหม็นขี้หน้า
นั่งโขกหมากรุกกันเช้า กลางวัน เย็นแทนกินข้าวบนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั่น
จะทำให้เขาตื่นเต้นงั้นเหรอที่จะได้เจอหน้างั้นหรอ กลับไปคิดใหม่เลย! พลิกสมองกลับแล้วค่อยคิดด้วย แล้วจะรู้!
มัน!ไม่!ใช่!ประ!เด็น!
เป้าหมายที่แท้จริงของเขาที่จะไปชิคาโกน่ะ โหย ไม่อยากจะพูดว่ามันโรแมนติกกว่านั้นเยอะ
สาเหตุก็คือเริ่มมาจากเมื่ออาทิตย์ก่อน เมื่อเขาไปค้นรูปเก่าๆของตัวเองดู...
บอกเอาไว้เล็กน้อยว่าครอบครัวของเขาเป็นกลุ่มคนบ้ากล้องขั้นโคม่า
ประมาณว่ามีห้องขนาดย่อมเอาไว้เก็บรูปถ่ายตั้งแต่สมัยเหล่ากง
สิ่งที่มีค่าที่สุดในบ้านไม่ใช่เครื่องเพชรของหม่ามี้
แต่เป็นรูปถ่ายครอบครัวกรอบทองคำแท้ติดไว้ที่ผนังบันไดเวียนขนาดใหญ่เห็นได้ระยะห้าร้อยเมตร
มันก็เลยส่งผลยามาโมโตะ ทาเคชิเป็นเจ้าพ่อเซลฟี่ตั้งแต่สมัยเฟสบุ๊คยังไม่รุ่งเรืองและแน่นอนว่าอินสตาแกรมก็ยังไม่ถือกำเนิดบนโลกด้วย
เพราะฉะนั้นรูปถ่ายที่อยู่ในอาณัติของเขามันจึงต้องกองเท่าภูเขาจนกระทั่งขี้เกียจเอามันไปอัดแล้วเก็บไว้ในอัลบั้มดีๆ
แต่ถึงกระนั้นรูปถ่ายก็ยังอัดแน่นเต็มห้องเก็บที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
เพราะฉะนั้นงานอดิเรกของเขาวันๆหนึ่งก็คือการนั่งดูรูป
อาจจะฟังไร้สาระ แต่เขาก็สามารถดูรูปตัวเองได้เป็นชั่วโมงจริงๆ
ภาคภูมิใจอยู่ลึกๆว่านี่มันเป็นตำนานชีวิตของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีพัฒนาการตลอดเวลาสิบห้าปี
พัฒนาการอะไร?
ก็ความหล่อน่ะสิ...เรื่องนี้ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
ส่วนอันดับสองก็คือฝีมือในการเล่นหมากรุก...
เห็นยามาโมโตะ
ทาเคชิใช้ชีวิตบุกน้ำลุยไฟแต่เขาก็ไม่ได้โปรดปรานกีฬากลางแจ้ง
ผนวกกับป่าปี๊และหม่ามี้ต้องการให้สมองน้อยๆของเขามีรอยหยักขึ้นมาเพื่อทำงานสืบทอดธุรกิจจะได้ไม่มีใครโกง
ดังนั้นหมากรุกจึงกลายเป็นกิจกรรมนันทนาการที่เล่นมาโดยตลอดตั้งแต่อายุเก้าขวบ
น่าแปลกที่เพียงแค่หนึ่งปีเขาก็สามารถเล่นหมากรุกได้ชั้นเซียนจนอากงต้องยอมซูฮกให้
ดังนั้นอายุสิบขวบป่าปี๊ก็นึกคึกส่งเขาไปแข่งหมากรุกเยาวชนชิงแชมป์ญี่ปุ่น
ผลน่ะเหรอ...ของมันแน่อยู่แล้ว
แพ้ไม่เป็นท่าตั้งแต่รอบแรก...
อาฮะ แพ้ แพ้หลุดลุ่ยจนเขาเงิบไปเลย
จำได้ว่าวันนั้นกลับบ้านไปก็โวยวายใส่อากงชุดใหญ่ว่าอากงหลอกลวงเขา
เซียนบ้านไหนโดนรุกฆาตตั้งแต่หลังพิธีเปิดแค่สิบนาที แต่ถึงกระนั้นหม่ามี้ของเขาก็ยังอยากจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เขาก็เลยได้รูปหน้าแหยๆของตัวเองคู่กับเกียรติบัตรเข้าร่วมมาหนึ่งใบ
เขาอยากจะฉีกรูปใบนั้นทิ้ง ใช่! อยากฉีกทิ้งมาก
มันไม่ได้บ่งบอกถึงความเท่ห์อะไรเลยแม้แต่น้อย หล่อก็ไม่หล่อ
น้ำตาเต็มหน้าขนาดนั้น จะไปดูดีได้ยังไง!!
แต่เขาก็ทำลายภาพถ่ายใบนั้นไม่ได้
เพราะมัน...ถ่ายติดคนที่ชนะเลิศการแข่งขันครั้งนั้นมาด้วย
ต้องบอกว่าถ่ายติดนั่นแหล่ะ
แต่อารมณ์เหมือนชัตเตอร์กดติดวิญญาณ พอเด็กคนนั้นได้รับรางวัล
นักข่าวก็กรูกันเข้าไปมะรุมมะตุ้มจนการ์ดต้องกันให้ถอยห่าง กล้องของเขาเลยถ่ายได้แค่กลางหัว
เนื่องจากคนถ่ายเป็นป่าปี๊ที่ตัวสูงมาก ส่วนเด็กคนนั้นก็เป็นเด็กที่ตัวเล็กมาก
มันเลยเกือบกลายจะเป็นภาพ Bird
view ไปซะ นั่นมันทำให้เขาโมโห
หนึ่ง...บอกไปแล้ว เด็กที่ได้รางวัลชนะเลิศตัวเล็กมาก
ถ้าจะเปรียบเทียบจากรูปคงจะประมาณไหล่ของเขาได้มั้ง อีกอย่าง
มีเงินจ้างการ์ดคุ้มกันหนาขนาดนั้นคงจะรวยไม่น้อย
เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เด็กขาดสารอาหาร การที่หมอนี่ตัวเล็กกว่าเขา
มันแปลได้ว่าหมอนี่อายุน้อยกว่าเขา
เออ พูดให้ชัดๆ เขาแพ้เด็ก...
สอง...ทำไมป่าปี๊ไม่ถ่ายหน้าของหมอนั่นมาชัดๆ
เขาไม่ใช่เด็กปลงโลกที่คิดว่าพอแพ้แล้วก็แล้วกันไปหรอกนะ
ตอนที่เขาเก่งขึ้นเขาจะได้ตามตัวหมอนี่ถูกแล้วท้าแข่งหมากรุกกันอีกครั้งให้รู้ไปเลย
แอบคิดแบบไม่เจียมกะลาหัวด้วยซ้ำว่าเขาตกรอบตั้งแต่รอบแรก
ยังไม่มีโอกาสได้แข่งกับหมอนั่นซักหน่อย
แบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าหมอนั่นเก่งที่สุดจริงๆ
และสาม...กล้องที่ป่าปี๊เอาไปวันนั้น...ทำไมเป็นกล้องขาวดำ
จ้ะ! กล้องขาวดำ
แบบที่ถ่ายออกมาภาพมีสีขาวกับดำน่ะ
ป่าปี๊ให้เหตุผลกับเขาว่าอยากให้อารมณ์ภาพมันออกมาเก่าๆสมกับบรรยากาศการแข่งหมากรุกที่เป็นกีฬาเก่าแก่
จ้ะ! เพราะงั้นการที่เขาถ่ายติดแค่กลางหัวของเด็กคนนั้นมันก็เลยทำให้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอนั่นมีผมสีอะไร
พอจะรู้ว่ามันคงจะเป็นสีสว่างๆ
ไม่มีทางเป็นน้ำตาลหรือดำแบบเขาก็เท่านั้นแหล่ะ
อ้อ แต่เบาะแสมันไม่ได้มีแค่นั้นหรอกนะ
ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้เป็นภาพถ่าย
ไม่ได้จดบันทึกเอาไว้เป็นตัวอักษร ส่วนวิดีโอข่าวก็คงจะหายไปตามกาลเวลาไปแล้ว แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาจำมันได้ขึ้นใจ...
คำพูดของเด็กคนนั้น...
‘ตัวหมากที่ชอบที่สุดบนกระดานนั่นน่ะเหรอ...ไม่ใช่คิงหรอก ถึงมันจะดูสวยโดดเด่นที่สุดเวลาอยู่เรียงกันกับตัวอื่น
แต่กลับต้องถูกขังอยู่ข้างในสุด และถูกปกป้อง เพราะถ้าคิงโดนรุกฆาตก็ต้องตายใช่มั้ย
รู้สึกว่ามันไม่สนุกเวลาเดินยังไงก็ไม่รู้...ไม่เหมือนกับเบี้ย’
‘เบี้ยหรอ’ นักข่าวผู้สัมภาษณ์ถาม
เขาไม่เห็นว่าเด็กคนนั้นแสดงสีหน้าเช่นไร แต่เสียงตอบก็แสดงถึงความซื่อตรงในความคิดตัวเองจนเขาต้องหันไปฟัง
‘อื้อ...เบี้ยน่ะเดินหน้าตรงๆ แม้จะทีละช่องแต่เบี้ยน่ะก็ไม่เคยถอยหลังนี่นา
แถมยังเปลี่ยนเป็นควีน เรือ หรือบิชอปก็ได้ด้วยถ้าเดินถึงฝั่งตรงข้ามใช่มะ
ทั้งเวลาเรียงกันบนกระดานเบี้ยก็เป็นตัวที่ยืนอยู่ข้างหน้าใกล้คู่ต่อสู้มากที่สุดนี่...ไม่คิดหรอว่ามันทั้งกล้าหาญและอิสระยิ่งกว่าตัวไหนน่ะ”
เบี้ยที่ทั้งกล้าหาญและอิสระ...
เมื่อกี้นี้เขายังคิดอยู่เลยว่าเด็กนั่นคงจะยังไร้เดียงสา
แต่ไอ้คำพูดซื่อๆที่ได้ยินก็ทำให้เขาอดเห็นด้วยไม่ได้
บนกระดานหมากรุกมันคือการประลองกันราวกับจำลองสงครามมาไว้บนแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เป้าหมายก็คือเพื่อปกป้องราชาคนสำคัญแม้ต้องสละตัวอื่นไปมากมาย คนที่กล้าหาญที่จะเสียสละคือผู้ชนะ
เด็กคนนั้นต้องการจะสื่อความหมายอย่างนี้ใช่หรือเปล่า
‘แล้วหลังจากนี้ไป คุณพ่อจะสนับสนุนเขาอย่างไรบ้างครับ’ นักข่าวถามต่อ
‘ผมตั้งใจจะส่งเขาไปอยู่ที่ชิคาโกจนกว่าจะจบไฮสคูล
ในอเมริกานิยมเล่นหมากรุกอย่างแพร่หลาย คงเป็นโอกาสดีที่ทำให้เขาฝึกฝีมือ
อีกอย่าง...ที่นั่นเป็นประเทศเสรีที่จะทำให้เขาโตขึ้นด้วย’
โอเค จบข่าว เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าเด็กที่เขาอยากจะตามหาอยู่ที่ชิคาโก
สหรัฐอเมริกา พอสรุปได้แค่นั้นเขาก็รีบไลน์หาเพื่อน
ตะล่อมถามประมาณว่ามีเด็กชาวญี่ปุ่นที่เล่นหมากรุกเก่งเทพๆอยู่ที่นั่นบ้างหรือเปล่า
เพราะถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิด ตอนนี้เด็กคนนั้นคงจะถูกเรียกว่าเป็นเชสมาสเตอร์
หรือนักหมากรุกมืออาชีพไปแล้ว แจ็กพ็อตแตก มันตอบเขามาว่า
‘ก็มีอยู่นะ ฉันรู้จักด้วยแหล่ะ’
สวิตซ์การระลึกถึงวัยเด็กของยามาโมโตะจบลงแค่นั้น
เขาเก็บรูปถ่ายในวันนั้นไว้ในกระเป๋าสตางค์ก่อนที่จะเอนหลังพิงกับเก้าอี้นวมบนเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้าไปอีกซีกโลก
เด็กคนนั้นแหล่ะที่เขาตั้งใจจะตามหา
ส่วนเบาะแสก็น่าจะถามเอาจากยัยเพื่อนหัวเงินของเขาได้บ้าง ในวงการเดียวกัน
มันก็น่าจะมีอยู่ไม่มากก็น้อยแหล่ะนะ
ประเทศเสรีกับคนที่หลงใหลในอิสระอย่างนั้นหรอ...
ฉันอยากจะรู้ว่าคำว่าอิสระของนาย...มันกว้างใหญ่แค่ไหนกัน....
ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
ว่ากันว่าถ้าอยู่ที่นี่...จะทำอะไรก็ได้
ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า
ดังนั้นประชาชนจึงค่อนข้างที่จะกล้าแสดงออกและมีกิจกรรมทำตามความสนใจของตนเองไม่เว้นแม้แต่เด็กอายุสิบแปดคนหนึ่งที่แม้ไม่ใช่เชื้อสายอเมริกันโดยตรง
แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่แปลกและทำอะไรไม่ค่อยเข้ากับอายุของตนเอง
ยกตัวอย่างเช่นว่า เขาเป็นนักเรียนเกรดสิบสองของโรงเรียนไฮสคูลชื่อดัง
แต่เพื่อนไม่ค่อยจะมี...มีแค่น้องชายคนหนึ่งกับบรรดาบริวารตามติดแจ
เขาเล่นหมากรุกเป็นอาชีพ
ส่วนงานอดิเรกปล่อยเงินกู้นอกระบบ
‘เจ๊ เอ๊ย! เฮีย...ขอกู้สักสามพันดอลตอนนี้ได้มั้ย
ขอร้องล่ะ’ คำอ้อนวอนด้วย please ยาวเหยียดอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้คนมองถอนหายใจเฮือกใหญ่
พบว่ามันเป็นข้อความจากลิ่วล้อในโรงเรียนของเขาเอง เด็กหนุ่มร่างบางวางโทรศัพท์แล้วค้นสมุดเล่มหนามาพลิกๆดู
รายชื่อยาวเหยียดพร้อมจำนวนเงินที่ต่อท้ายนั่นมันเป็นหลักฐานทางงานอดิเรกของเขา
แล้วหลักฐานมันก็ชี้ชัดว่าหมอนั่นเป็นหนี้เขาจนไม่เห็นหนทางจะใช้คืนหมดก่อนเรียนจบแน่ๆ
‘ตอนนี้แกติดฉันอยู่สองหมื่นห้า รวมดอกเบี้ยทบต้นค้างมาสามเดือนกลายเป็นสามหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบ
ถ้าฉันให้แกกู้อีก แกได้ขายสกู๊ตเตอร์ใช้หนี้แน่ ริค’ เขาเตือน...ได้ผล
ลูกหนี้นัมเบอร์วันเงียบไป
ก่อนที่มันจะเท็กซ์มาอีกข้อความพร้อมอิโมติคอนร้องไห้น้ำตาท่วม
‘อะ เอางั้นเลยหรอ สกู๊ตเตอร์นี่ของขวัญแม่ผมซื้อให้ตอนวันเกิดครบสิบหกเลยนะ’
‘คนอื่นตอนสิบหกเขาถอยรถขับกันแล้วไอ้ตูดหมึก! อยากได้เงินนักก็ไปทำพาร์ทไทม์ไป๊!
เด็กอเมริกันสมัยนี้ชอบแบมือขอเงินกันนักหรอวะ!’
‘เฮียอ๊า!! คราวนี้ผมจะตาย ผมจะตายจริงๆๆนะ
ช่วยหน่อยเห้อ!’ นั่นไงๆ คร่ำครวญจนภาษาบ้านเกิดโผล่
แล้วไอ้ที่บอกว่าจะตายๆนี่ขอทีเถอะ
ฟังมาจนจะเมื่อยหูแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นตายกันสักรายเลย
เห็นเขาเป็นเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้ที่ใจดีหน่อยไม่ได้ เสียนิสัยกันหมด
พอมีเงินล่ะใช้ไม่คิด ตอนหมดตูดล่ะจะทิ้งชีวิตกันเรี่ยราด
‘ไม่-ให้-กู้’ เด็กหนุ่มกระแทกนิ้วพิมพ์ไปแล้ววางมันทิ้งไว้กับโต๊ะ
เอากาแฟยามบ่ายออกมาจากเครื่องชงอัตโนมัติแล้วเดินดิ่งไปที่โซฟา
ภาวนาขอร้องพระเจ้าว่าวันนี้วันอาทิตย์นะ ให้เขาได้ใช้ชีวิตสบายๆสักวันจะเป็นไรไหม
ขอเวลาพักหายใจสักนิด
เดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมงเขานัดลูกหนี้รายที่สิบถึงสิบสองมาจ่าย
มันเบี้ยวมาสามงวดแล้ว ดอกทบต้น ต้นทบดอก
เขาต้องเก็บแรงไปสู้รบกับข้ออ้างสารพัดของพวกมันนะ ขอเถอะ ขอ!!
แต่เหมือนพระเจ้าจะหูหนวก
“พี่ ไอ้อเล็กซ์ห้อง D ที่ครบกำหนดใช้หนี้วันนี้บอกว่ามันมีไม่พอ
ขาดไปสองพันดอล” เด็กหนุ่มร่างโปร่งที่สูงกว่าเขาเพียงแค่สองเซนติเมตรเดินเข้ามาในโซนรับแขกที่เขานั่งอยู่
ดวงตาสีเขียวมรกตละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วมองเขาเป็นเชิงว่าจะเอายังไง
เขาเม้มปากคิดสักพักแล้วตอบไปเรียบๆ
“บอกมันว่าเอามือถือมันมาค้ำประกัน
ถ้าอีกห้าวันยังไม่จ่าย ฉันจะขายทอด”
“มันบอกว่ามันจำนำมือถือไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนละ
พี่ช้าไปหลายก้าวเลย โคตรกากอ่ะ”
“โคตรกากนี่ ไอ้อเล็กซ์ไม่ได้พูด แต่แกเติมเองใช่มั้ย”
“เปล่า” มันค้านแล้วยิ้มกว้าง “อ้อๆๆ
น้องลิซ่าเกรดสิบเอ็ดบอกว่า น้องเค้ากับแฟนคงหาเงินมาใช้พี่ไม่ทันก่อนปิดซัมเมอร์นี้แน่นอน
เสาร์หน้าพี่ว่างมั้ย ดื่มเบาๆพร้อมเซอร์วิซพิเศษที่เมอร์ซี่ผับ ฟรีตลอดงาน เค้าจะทำให้พี่มีความสุขจนลืมเรื่องหนี้ไปได้เลย”
“เหอะ” เขาแค่นหัวเราะ กุมขมับ “บอกยัยเด็กแก่แดดนั่นว่าตังค์ไม่มีแล้วจะกระแดะมาเลี้ยงเหล้าฉันได้ไง
อีกอย่างฉันมีภาพตอนหล่อนโด๊ปยาไอซ์ในปาร์ตี้หลังงานพรอม...ถ้าไม่อยากให้ชีวิตเชียร์ลีดเดอร์ดับก็เอาเงินมาจ่ายซะดีๆ”
คนเป็นน้องอือออรับคำเขาไม่มีบิดพลิ้ว มั่นใจว่าด้วยฝีมือการใส่สีตีไข่ของเด็กแสบตรงหน้าจะช่วยให้ยัยน้องลิซ่าเอาเงินมาจ่ายเขาภายในไม่เกินสองชั่วโมง
“พี่...แย่แล้ว!!” เด็กหนุ่มร่างโปร่งโวยอีกรอบ
ในมือกำโทรศัพท์มือถือแน่นจนสั่น ก่อนจะยื่นมันมาตรงหน้า เสียงเล็กๆนั่นสั่นเหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
โกคุเดระ
ฮายาโตะขมวดคิ้วใส่น้องชายที่โตมาด้วยกันแล้วหยิบมือถือขึ้นดู
ในหน้าจอกว้างกว่าห้านิ้วอยู่ในหน้าต่างเฟสบุ๊คและรูปถ่ายเซลฟี่ของผู้ชายผิวสีแทนแก่ๆแต่หล่อบัดซบคนหนึ่งกับป้ายหน้าสนามบินมิดเวย์พร้อมกับเช็คอินเสร็จสรรพเมื่อราวๆห้านาทีก่อนหน้านี้
เขามั่นใจแหล่ะว่าไอ้ป้ายยาวๆเขื่องๆนั่นก็ไม่ได้สวยอะไร
เพียงแต่ห้านาทียอดไลค์ทะลุไปเกือบสามร้อยนี่เพราะคนกับฝีมือการถ่ายภาพส่วนบุคคลล้วนๆเลย
ไอ้คนที่เขาเพิ่งจะบอกว่าหล่อบัดซบนั่นแหล่ะ!
คิ้วกระดกหนึ่งข้าง ทำหน้ายุ่งๆ บึนปาก ใส่แว่นกันแดดดำๆกับเสื้อเชิ้ตลายสก็อตแถมเป้ใบโต
เออ แค่เนี้ย!
ดูดีจังวะ
เขาคืนโทรศัพท์ให้น้องเลิกคิ้วถามแปลได้ประมาณห้าคำถามว่า
‘ใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน มาทำไม แล้วแกเอามาให้ฉันดูทำมะเขืออะไร?’
“เพื่อนเค้าไง ชื่อยามาโมโตะ ทาเคชิ
ที่เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นคนญี่ปุ่นแล้วเล่นหมากรุกออนไลน์ด้วยกันบ่อยๆอ่ะ
หมอนี่อ่ะเซเลปโซเชียลชั้นแนวหน้าเลยนา เฮ้ยดูดิๆ ไลค์พุ่งทะลุไปห้าร้อยแล้วว่ะพี่!!”
“แล้วไง” เขายังไม่ค่อยเข้าใจ
รู้สึกยังจับประเด็นได้ไม่ครบห้าคำถามเลย
“ก็พี่ไม่เห็นหรอว่ามันถ่ายรูปคู่กับอะไร
มันมาถึงชิคาโกแล้ว!!” น้องชายที่รักของเขายังคงตะโกนเหมือนพยายามให้เขาเข้าใจผ่านดวงตาสีเขียวบ้องแบ๊ว
แต่ขอโทษที เขาไม่เข้าใจ หมอนี่ชื่อยามาโมโตะ ทาเคชิ
เป็นเพื่อนบนโลกออนไลน์แล้วตอนนี้ก็มายืนเต๊ะท่าเซลฟี่อยู่ที่ชิคาโก้แล้ว
เขาจับประเด็นได้แค่นี้แล้วมันมีอะไร
“หมอนี่มาหาแกหรอ”
“เหวยๆๆๆ ไม่ใช่อ่ะ” คนเป็นน้องชายส่ายหน้ารัวจนผมสีน้ำตาลกระจายไม่เป็นทรง
ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันไม่ได้มาหาเค้า มันมาหาพี่”
“ฮะ!?”
“มันมาหาพี่”
“เฮ้ย ไอ้น้องรัก นี่มันไม่ตลก”
ไม่ตลกแถมยังไม่เข้าใจอีกด้วย เขาไม่รู้จักไอ้หมอนี่สักหน่อย เป็นเรื่องล้อเล่นที่ขำไม่ออกเลย
“แล้วพี่เห็นเค้าขำหรอ” คนเป็นน้องย้อนหน้าตาย
เขาร้องอ้าว “เค้าก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องตลกถึงได้บอกว่ามันแย่แล้วนี่ไง
เชื่อขนมกินได้เลยนะว่าเซเลปโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างยามาโมโตะไม่มีเพื่อนอยู่ชิคาโก
เมื่อราวๆสิบห้าชั่วโมงที่แล้วมันยังนั่งคิดหัวแทบแตกอยู่เลยว่าปิดเทอมนี้มันจะทำอะไรสนองนี้ดตัวเองดี
แล้วมันก็ถามเค้าว่าเค้าไปไหน เค้าก็บอกว่าอยู่ชิคาโกไง
แล้วอยู่ดีๆมันก็โผล่มาแบบนี้พี่จะให้เค้าคิดเป็นอย่างอื่นเรอะ”
“งั้นก็แสดงว่าเขามาหาแก”
“มันจะมาหาเค้าได้ไง
ก็ในเมื่อมันไม่รู้จักหน้าเค้าสักหน่อย”
“อ้าว”
เขาร้องคำนี้ออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว
แต่เจ้าน้องชายตัวดีมันก็ยังไม่เลิกทำตัวแปลกๆ เจ้าเด็กแสบนั่งลงกับโซฟาข้างๆเขา
มือเล็กๆกอดแขนแถมยังเอาหน้าถูไถจนเขาขนลุกซู่ ไอ้อาการแบบนี้รู้เลย! รู้เรื่องเลย
ไอ้เด็กเวรหน้ามนมันกำลังจะสร้างความเดือดร้อนให้เขา
และดูท่าว่ามันจะไม่ใช่น้อยๆด้วย ไม่เชื่อลองดูระดับความแอ๊บ
มันจะเพิ่มขึ้นสูงตามความผิดที่ก่อ
“พี่ฮายาโตะฮะ...คือพี่อย่าเพิ่งปรี๊ดแตกน้า ก็แบบว่าพี่จำได้มั้ย
เว็บเล่นหมากรุกออนไลน์ที่เค้าอยากเป็นสมาชิกเมื่อปีที่แล้วมันจำกัดอายุไง
แล้วตอนนั้นเค้าอายุยังไม่ถึงเค้าก็เลยขอใบขับขี่พี่มาใช้เป็นหลักฐานสมัครเว็บอ่ะ
ก็ใบขับขี่มันมีรูปใช่เปล่า เค้าก็เลยกลัวว่าเจ้ายามาโมโตะมันจะค้นโปรไฟล์เค้าอ่ะ
เพื่อความเนียนสมจริง ตอนที่มันขอรูป เค้าก็เลย...เอ่อ...เค้าก็..”
“ก็อะไรหา!?”
“ก็บอกว่าอย่าเพิ่งวีนไงพี่อ้ะ!!”
“ไม่ได้วีนเว้ย บอกมาสักทีว่าแกทำอะไรกับฉัน หา!!”
“เค้าส่งรูปพี่ไปให้ยามาโมโตะ ทาเคชิดูแล้วง่ะ...”
“ไอ้เอเลน!!!”
ไว้พอๆกับฝ่าเท้าเขา
ไอ้เด็กตัวแสบก็กระโดดแผล็วไปนั่งบนโซฟาอีกตัว พลางยกมือไหว้ปลกๆ
ทำหน้าเป็นลูกหมาถูกทิ้งสุดจะเวทนา แต่คนที่มันควรจะเดือดร้อนจริงๆมันเขาไม่ใช่เรอะ! โกคุเดระไม่รู้ว่าตัวเองควรจะสำเร็จโทษไอ้น้องบ้าคนนี้ยังไงก็เลยแจกมะเหงกมันไปหนึ่งโป๊กใหญ่ๆ
จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตามเดิม
“สรุปหมอนั่นจะมาหาใครก็ช่าง แต่ไม่เกี่ยวกับฉันแน่ๆ
แกเป็นคนก่อเรื่อง แกก็ดูแลเองละกัน” เขาว่าอย่างไร้เยื่อใยแล้วจิบกาแฟอีกหนึ่งอึกหวังจะดับเครียด
เตรียมตัวฟังเสียงโหยหวนจากไอ้เด็กตรงข้าม
แต่กลับเป็นว่าเขาคาดการณ์ผิดเพราะมันไม่ร้องไห้ แต่กลับอมยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่
“พี่แน่ใจนะ ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิไม่เกี่ยวกับพี่อ่ะ”
“ไม่เกี่ยว” อยากจะต่อด้วยว่าล้านล้านเปอร์เซ็นต์
“เหรอ...พี่จำแมตช์ชิงแชมป์ญี่ปุ่นแมตช์สุดท้ายที่พี่ได้ถ้วยชนะเลิศก่อนมาอเมริกาได้มั้ย”
ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังบุ้ยปากไปยังรูปถ่ายของเขาที่ยืนถือถ้วยรางวัลบนผนังด้วย
“แมตช์นั้นน่ะ ยามาโมโตะเล่าให้เค้าฟังว่ามันก็เข้าร่วมนะ
แล้วดูท่าว่าหมอนั่นจะยึดติดกับพี่มากด้วยดิ เวลาเล่นกับเค้าบนเน็ตหมอนั่นพูดอะไรมา
มันทำให้เค้านึกถึงพี่เสมอเลยอ่ะ ดูท่าว่าอยากจะแข่งกับพี่เต็มแก่
รีเวนจ์ไงรีเวนจ์”
“มโน!”
“เรียกว่าความรู้สึกไวต่อความคิดคนต่างหากเว้ยพี่”
เอเลนทำหน้าหงิก “เฮ้อ จริงๆเลยน้า พี่อย่าปฏิเสธความรู้สึกของคนที่เขารอคอยจะเจอคนในความทรงจำมาตลอดสิบปีได้ป่ะวะ
พี่คิดดูนะว่าถ้าพี่เกิดไปเดินหมากแพ้ใครสักคน
พี่ทนที่จะรอแข่งกับเขาอีกรอบได้หรือเปล่า...อย่าว่าแต่สิบปีเลย
แค่สิบนาทีก็หงุดหงิดจะตายห่าอยู่แล้ว
อย่างน้อยๆก็ช่วยสงสารบวกสงเคราะห์เพื่อนหน้าหล่อๆของเค้าหน่อยเหอะ อย่าไปปิดกั้นความรักอิสระของมันเลยพี่”
“หา...”
“เอางี้ คนใจแคบแบบพี่คงจะใช้คำขอร้องไม่ได้ผล
ถือว่าแลกเปลี่ยนก็ได้ วันนี้เค้าจะทำทุกวิถีทางให้ยัยลิซ่ากับแฟนคืนเงินพี่แบบไม่ขาดไปแม้แต่เซนต์เดียวเลยอ่ะ
แต่พี่ต้องเป็นคนไปรับเพื่อนเค้านะ โอเค้!?”
“เฮ้ย!..นะ นี่”
“เย้!! ไลน์ไปบอกยามาโมโตะเรียบร้อย
มันอ่านแล้วด้วย ฝากหน่อยนะพี่”
อะไรของมันวะเนี่ย....
‘เฮ้! ไอ้เซเลป ยินดีต้อนรับสู่โลกกว้าง
ไม่แน่ใจนะว่าแกออกมาจากสนามบินแล้วหรือยัง แต่ถ้าแกมีความคิดจะเที่ยวแบ็คแพ็คในเมืองนี้ละก็ฝันไปได้เลย
ไม่อยากหลงทางก็ไปที่ตึก Sky Deck รอที่ Glass Floor นะ เดี๋ยวไปรับตอนหกโมงเย็น อันเดอร์สแต๊น? ; )’
เยส!!?......
เขาก็อยากจะเซย์เยสอยู่หรอก
ก็ถ้าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้
ยามาโมโตะหัวเราะเหอะๆในใจสองสามที
พลางกวาดสายตามองไปรอบๆตัว มีคนเดินผ่านเขาไปมา หัวก็หลากสีไปหมด
ความจริงแล้วเขาลุกๆนั่งๆแต่ก็ไม่กล้าจะเดินไปไหนมาได้ร่วมสิบห้านาทีแล้ว
ในมือของเขามีแผนที่ท่องเที่ยวของชิคาโกพร้อมด้วยรถเมล์และเส้นทางถนนไขว้ทับกัน
แต่จะบอกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรง่ายขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่เขาวางแผนไว้ มันไม่ได้เป็นอย่างนี้เลยอ่ะ
คือความจริงแล้วเขากะจะเซอร์ไพรส์เพื่อน โดยการไปที่โรงเรียน
สืบหาที่อยู่จากทะเบียนในห้องกิจการ ถามว่าจะรู้ได้ยังไงในเมื่อชื่อของยัยนั่นเขาก็ไม่รู้ใช่มั้ย
อือ เค้าก็กะจะเทียบเอากับรูปตอนยัยนั่นอายุสามสี่ขวบที่เอาติดกระเป๋ามานี้แหล่ะ
ถ้าไม่ได้เรื่องเขาก็อาจจะไปถามเด็กในชมรมหมากรุก (ที่เขามโนว่ายัยนั่นน่าจะเป็นสมาชิกอยู่)
พอได้ที่อยู่มาแล้วก็จะได้ไปตามหาแบบเนียนๆ สุดท้ายก็เคาะประตูบ้านมันแบบเท่ห์ๆ
แต่แพลนทั้งหมดพังไม่เป็นท่า
เมื่อเขาดูถูกแท็กซี่ชิคาโกเกินไป...
อันที่จริงต้องพูดว่าเขามั่นหน้าในสำเนียงภาษาอังกฤษของตัวเองโดยไม่เจียมว่าที่นี่เป็นเจ้าของภาษาต่างหาก
ถามว่ายามาโมโตะ ทาเคชิมีฐานะทางบ้านที่มั่นคงมากขนาดนี้มันจะเป็นปัญหาอะไร
บินไปต่างประเทศก็บ่อยภาษาอังกฤษควรจะเป็นเรื่องจิ๊บๆใช่ไหม แต่ขอโทษ...เขาไม่ได้เพอร์เฟคไปหมดทุกอย่าง
อ่านออก เขียนได้ ฟังรู้เรื่อง แต่ก็แค่เด็กม.ปลายคนหนึ่งที่มีระดับความรู้ทางภาษาที่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยประเทศ
แล้วเข้าใจใช่ไหมว่ามาตรฐานการสปีคอิงลิชของเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นเป็นยังไง
เมื่อราวๆยี่สิบนาทีที่แล้วเป็นตัวอย่างที่เลอค่า
‘ไปมิลเลียนแนร์ครับ’ เขาบอกโชเฟอร์ที่อายุน่าจะเข้าใกล้เลขเจ็ดคนหนึ่ง
ปู่แกขมวดคิ้วอยู่สักพัก แล้วก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา บอกอย่างตื่นเต้น
‘โอ้ว เยสๆ ไอเข้าใจยูละ ยูเป็นเด็กญี่ปุ่นใช่มั้ย มาเที่ยวละสิ แหม่ๆ
ที่นั่นน่ะเป็นแลนด์มาร์กของชิคาโกเลยนะ มาๆขึ้นมาๆ’
จะบอกว่าเขาประทับใจในความเฟรนด์ลี่ของปู่ขับแท็กซี่มาก
แต่ก็แอบสะกิดใจเล็กน้อยว่าโรงเรียนยัยนั่นมันเป็นที่รู้จักขนาดนั้นเลยหรอ ย้ำว่าแค่สะกิดใจ
เพราะว่าโรงเรียนดังลูกคุณหนูก็อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ได้ งั้นเขาเลยปล่อยให้ปู่แท็กซี่ขับมาเรื่อยๆโดยไม่อิดออดใดๆ
นั่งเพลินๆด้วยซ้ำเพราะแกชวนคุยสัพเพเหระ สำเนียงอเมริกันแบบคนแก่ๆก็ฟังง่ายอยู่ มันเป็นการขึ้นรถยี่สิบนาทีที่ไม่มีเบื่อเลย
มองวิวข้างทางบ้าง ตึกรามบ้านช่องที่นี่ก็สวยโมเดิร์น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
จนกระทั่งรถแท็กซี่เบรก
‘เอ้า! ถึงแล้ว’
ปู่หย่อนเขาที่ริมฟุตบาธ
ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ตามนักท่องเที่ยวที่ดีคือรีบก้าวขาลงจากรถ จ่ายเงินแถมทิปตามเปอร์เซ็นต์ที่พึงกระทำครบถ้วน
แล้วก็ยืนมองภาพตรงหน้า
ที่เขาเห็นอันดับแรกเตะตามากคือก้อนเหล็กทรงโค้งขนาดยักษ์สีเงินวาวแบบส่องเห็นนักท่องเที่ยวที่เดินขวักไขว่อยู่แถบนั้น
ส่วนข้างหลังก็เป็นตึกสูงๆเรียงเป็นแถบ แต่ดูมุมไหนมันก็ไม่น่าจะใช่โรงเรียนเลย
แค่นั้นแหล่ะ เขารีบควักหนังสือท่องเที่ยวออกมาจากเป้
พลิกไปไม่กี่หน้าก็เจอเพราะมันเป็นแลนด์มาร์กขึ้นชื่อของที่นี่จริงๆ
ที่นี่ มิลเลนเนียม ปาร์ค
ยอดสถาปัตยกรรมที่มาชิคาโกแล้วไม่ควรพลาด!!
ย้ำอีกที ที่นี่ มิลเลนเนียม ปาร์ค
ปู่จ๋า ฮัลโหล...มันไม่ใช่ มิลเลียนแนร์ อคาเดมีอ่ะ
มันไม่ช่าย!!!!!!
แล้วมันก็กลับมาสู่ปัจจุบัน
เพื่อนคนเดียวที่เป็นที่พึ่ง แถมเขายังคิดจะเซอร์ไพรซ์มันอยู่แหม็บๆก็ไลน์มาหา
จนถึงตอนนี้แล้ว เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้ นอกจากไปหามันหน้าซื่อๆโง่ๆเลยนี่แหล่ะ ประเด็นก็คือตึก
Sky
Deck ที่ว่ามันก็อยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่เท่าไหร่หรอก
แต่ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ็บแล้วจำนะจ๊ะ
ด้วยสำเนียงที่ไม่ค่อยเวิร์ค ถ้าหากออกเสียง Sky Deck ไม่ชัด ไปเปลี่ยนตัว E เป็นตัว I เขาอาจจะไม่มีสวัสดิภาพอยู่ที่นี่ อย่างดีคือโดนโชเฟอร์ทำหน้าอี๋ใส่
ตะโกนด่าว่าทุเรศและจากไปแบบไม่เอาความ แต่อย่างแย่เขาเอาความแล้วเกิดได้ไปโรงพักข้อหากระทำอนาจารโดยไม่เจตนาล่ะก็
ซวยชัดๆ....
มันคงไม่มีทางไหนแล้วนอกจากตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
เด็กหนุ่มร่างสูงถอนหายใจยาวเหยียดแล้วเริ่มสาวเท้าเดิน ตามหนังสือนำเที่ยวบอก...เขาจะต้องไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีชมพูที่สถานี
Madison/Wabash
ผ่านสี่ป้ายแล้วไปลงที่ Quincy/wells จากนั้นก็เดินต่อ
เอาเถอะ ถึงมันจะต้องเดินซะส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นไร
สำหรับคนที่สูญเสียความมั่นใจอย่างหนักขอไม่พูดภาษาอังกฤษไปสักพักก็พอแล้ว
แต่ก่อนจะไป...อย่ากระนั้นเลย
ไหนๆที่นี่ก็เป็นสถานที่ดังของชิคาโกใช่ไหม
เด็กหนุ่มหยิบไอโฟนของตัวเองขึ้นมา เปิดกล้องหน้า
ชูมันออกไปด้วยองศาที่ถูกต้อง มองภาพที่ปรากฏในกล้องเพียงสองวิ หน้าเป๊ะ มุมเป๊ะ
จากนั้นก็กดชัตเตอร์ เท่านั้นแหล่ะ รูปเซลฟี่ขั้นเทพก็เพิ่มเข้ามาในคลังอีกหนึ่ง
ยามาโมโตะเข้าอินสตาแกรม โพสต์รูป แชร์ไปเฟสบุ๊ค แล้วแคปชั่นสั้นๆ
‘หิวถั่ว’
ยามาโมโตะพลิกข้อมือดูนาฬิการะหว่างก้าวขาเดิน
ตอนนี้ห้าโมงยี่สิบแล้ว มันทันถมเถแน่นอน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากจะจ้ำเท้าให้มันเร็วขึ้น
ใจเริ่มไหวเริ่มระริกแล้วเปลี่ยนจังหวะการเต้น
เหมือนเรื่องเซอร์ไพรซ์...จะกลับมา
คนบ้าอะไรถ่ายกับคลาวด์เกตแล้วบอกว่า ‘หิวถั่ว’ วะ
ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ แต่เขาก็ขำจนไหล่สั่นอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์บนตึก
Sky
Deck ยอดไลค์ของหมอนี่ขึ้นรวดเร็วสมกับที่เจ้าเอเลนมันโฆษณาจริงๆนั่นแหล่ะ
ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำบวกกับเจ้าน้องตัวแสบเตะตูดเขาให้ออกจากห้องเพื่อมารับหมอนี่
เขาก็เลยมานั่งรอได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนออกจากคอนโดเขาก็คิดขึ้นได้ว่า
นี่มันไม่ใช่การนัดบอด เขาควรจะทำความรู้จักกับคนที่จะไปเจอสักหน่อย
ก็เลยขอเฟสบุ๊คมา
‘ส่องไปเลยพี่ โพสต์มันตั้งเป็นสาธารณะอ่ะ อยากดูอะไรก็ดูไปเลย
แต่ไม่ต้องแอดนะ เพื่อนมันเกินจนแอดไม่ได้แล้ว’
เอเลนมันบอกแบบนั้นมา
ไอ้น้องเกรียนนั่นเห็นเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ไม่ได้บอกสักคำเลยว่าจะแอดเฟรนด์ แต่ถ้าพูดแบบนั้นมันคงลีลาไม่ให้เฟสมาง่ายๆก็เลยบอกไปว่าเผื่อลืมหน้า
เกิดรับคนผิดขึ้นมาจะทำยังไง ทั้งๆที่ความจริงใครมันจะไปลืม หล่อเว่อร์ขนาดนั้น
เขาก็แค่อยากรู้ ว่าเพื่อนของเอเลนคนนี้เป็นคนยังไง
น้องของเขาถึงคะยั้นคะยอให้เขามาให้ได้ และถึงกับพูดคำๆนั้นออกมา
‘อย่าไปปิดกั้นความรักอิสระของมันเลยพี่’
อิสระ...
ทั้งๆที่มันก็รู้ว่าเขาเกลียดคำนี้...
เพราะงั้นเขาก็เลยใช้เวลาว่างทั้งหมดไปกับนั่งส่องเฟสยามาโมโตะ
ทาเคชิ
รูปถ่ายบานเบอะที่อยู่ในอัลบัมทั้งตัวเองเป็นเจ้าของและมีเพื่อนแท็กมาก็บ่งบอกว่าเจ้าตัวใช้ชีวิตได้อย่างคนที่อยากทำอะไรตามใจตัวเองต้องการจริงๆ
เป็นที่รักของเพื่อน เป็นศูนย์กลาง มีคนรายล้อมและคอยให้ความสนใจ
ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับของใกล้ตัว...ยามาโมโตะ ทาเคชิก็คงเหมือนตัวหมากคิงบนกระดาน...
พลันความคิดของเขาก็สะดุดลงแค่นั้นเมื่อรูปถ่ายล่าสุดของไอ้คนฮ็อตไม่ได้มีแต่คนมาไลค์เฉยๆ
แต่มีคอมเม้นต์เพิ่มเข้ามา น่าจะเป็นเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่น คือถึงเขาจะอยู่อเมริกามาเฉียดๆสิบปี
แต่เขาก็ยังแม่นภาษาบ้านเกิดนะ กับเอเลนยังคุยเป็นญี่ปุ่นเลย
เพราะงั้นถ้าจะให้เขาแปลบทสนทนานี่ มันก็ไม่ลำบากอะไร
เพราะงั้นเขาจะแปลตามลักษณะของเด็กผู้ชายมันคุยกันเลยละกันนะ
อะแฮ่มๆ โหล เทสต์ๆ
‘ไหงไปโผล่ที่นั่นได้วะ มึงนี่มันผีเร่ร่อนชัดๆ’ เพื่อนผู้นั้นกล่าว
‘ข้ามน้ำข้ามทะเลมาขนาดนี้ คิดว่ากูหลักลอยขนาดนั้นเลย? คราวนี้มีเป้าหมายนะเว้ย อย่าดูถูกๆ’
‘ก็ไม่รู้นี่หว่า’ อีกฝ่ายแก้ตัว ‘เห็นนั่งนิ่งเป็นสากกะเบือตั้งแต่ปิดเทอม ก็นึกว่าจะไม่ไปไหน
เลยจะชวนไปตีดอท’
‘ตีดอทกูกาก แต่ถ้าเดินหมากล่ะโคตรเซียน แข่งกันป่ะล่ะ’
โอโห่!
คนอ่านถึงกับอุทานในใจด้วยความหมั่นไส้ เกิดนึกคันไม้คันมือพิมพ์ตอบกลับไปว่า
‘ด๊ายยย!! แน่จริงก็มาเลย’ แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อเพื่อนหมอนี่พิมพ์มาอีกประโยค
‘เล่นอะไรเป็นคนแก่เลยวะ’
แก่บ้านพ่อง!
‘แก่บ้านพ่อง!’ ข้อความเดียวกันกับที่เขาคิดเด้งขึ้นมาทันที
เท่านั้นไม่พอ มีสติกเกอร์ด่ามาด้วยหนึ่งตัว ‘เด็กเล่นได้
ผู้ใหญ่เล่นดีต่างหาก คนแก่เขาเล่นเพื่อให้สมองเขาไม่ฝ่อ ตอนมึงแก่ไปๆ
เป็นอัลไซเมอร์ทำไง จำหน้าเมียไม่ได้ ยอมเรอะ!?’
เออ ใช่ๆ ถูกต้อง พูดถูกใจมาก
แล้วประโยคใหม่ก็โผล่มา
‘อร๊าย! ทาเคยัน หล่อจังเลยค่ะ’ เออ ใช่ๆ ถูกต้อง หล่อมาก เฮ้ย!! ไม่ใช่ดิ ยัยชะนีน้อยตัวนี้โผล่มาจากไหนวะ
ผิดประเด็นแล้ว อีหนู!
‘ครับ ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวถ่ายรูปไปฝากเยอะๆเลยครับ รอหน่อยน้า’ แถมหัวใจไปอีกหนึ่งดวง ช่างเป็นเซเลปที่รักษาแฟนคลับดีมาก แล้วหลังจากนั้น
ไม่น่าเชื่อเลยครับท่านผู้ชม มวลมหาประชาชนที่ไหนไม่รู้หลั่งไหลมาเม้นท์เพียบ
ส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ ทั้งเด็กที่ดูน่าจะต่ำกว่าสิบสี่จากสำนวนการพูด อายุประมาณเขาก็มา
แม้แต่มหาลัยยังมี แต่ละเม้นท์มีลีลาการอ่อยที่แตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็ต้องมีคำว่า
‘หล่อ’ เป็นองค์ประกอบ
เพลียแป๊บเถอะ
เขายืนรอเซ็งๆอยู่ประมาณสองสามนาทีให้เจ้าของเฟสโดนกอดจูบลูบคลำทางออนไลน์จนพอใจ
จนกระทั่งเพื่อนคนเดิมได้โพสต์ความเห็นอีกครั้ง
‘เออๆ ช่างเถอะ ติ่งมึงมาละ กูหลบก็ได้ หิวถั่ว ก็แดกถั่วไป’
‘ปัญญาอ่อน กูจะแดกได้ไง’ ยามาโมโตะตอบทันที
เล่นเอาบุคคลที่สามผู้ส่องบทสนทนาเงียบๆงงเหมือนกัน
เลยได้แต่รอประโยคต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ ‘บนผิววาวๆของไอ้ถั่วเม็ดนี้มันเหมือนจะสะท้อนทุกมุมของชิคาโกเลยไม่ใช่ไง?....ไม่แน่นะ อาจจะมีเงาคนที่กูกำลังตามหาอยู่ในนั้นก็ได้...’
จากนั้นจะมีใครมาโพสต์ต่อ
โกคุเดระไม่สนใจอะไรแล้ว
เด็กหนุ่มร่างบางยืนนิ่งอึ้ง ดวงตาจับจ้องที่ประโยคนั้นแล้วพลันหัวใจมันก็เหมือนจะสะดุดเสียเฉยๆก่อนจะรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนจังหวะไป
ตอนแรกที่เอเลนบอก เขายอมรับเลยว่าเขาไม่เชื่อหรอก คนอะไรจะรอเจอตั้งสิบปีขนาดนั้น
เขามั่นใจนะว่าเขาไม่เคยรู้จักหมอนี่ ไม่เคยพูดด้วย ไม่เคยคุยด้วย แม้แต่ชื่อ
นานๆทีจะได้ยินจากปากน้องชาย เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับยามาโมโตะ ทาเคชิเลย
เพราะงั้นเลยมาส่องเฟสศึกษานิสัยนี่ไง
ยามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นคนเพื่อนเยอะ
ติดโซเชียลเน็ตเวิร์ค บ้ากล้อง เล่นหมากรุก และรักอิสระ
และนิยามความเป็นตัวตนข้อสุดท้ายที่เขาพอจะรู้
หมอนี่น่ะ...
เจ้าคิดเจ้าแค้น
เฮ้!ไม่คิดแบบนั้นมั่งหรอ ก็บอกไปแล้วไง
กับอีแค่การแข่งหมากรุกของเด็กๆอายุไม่ถึงสิบขวบ
ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรเลยด้วยซ้ำ ชนะก็ชนะสิ แพ้ก็แพ้สิ ชีวิตยังอีกไกลโข
จะมายึดติดกันทำไมวะ ตอนนั้นเขาก็เล่นเต็มที่ ให้เกียรติคู่แข่งทุกคน
แล้วก็ไม่เคยเยาะเย้ยใครเลยนะ ชนะมาแบบใสๆไม่โกงด้วย แล้วทำไมต้องเสียตังค์เสียเวลานั่งเครื่องบินจนตูดแฉะมาตามหาเขาถึงอเมริกาด้วย
‘อาจจะมีเงาคนที่กูกำลังตามหาอยู่ในนั้นก็ได้’
ฟังดีๆ....น่าขนลุกชิบ!
“วันนี้จะไปตรวจแถวไหนครับ”
“เมอร์ซี่ผับ”
เสียงผู้ชายวัยกลางคนถามเป็นภาษาอังกฤษผ่านหน้าเขาไปในระยะใกล้จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง
ปรากฏร่างของชายในเสื้อเชิ้ตคลุมด้วยสูทสองคน คนหนึ่งเป็นชาวอเมริกันผิวสีตัวใหญ่น่าจะเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร
ส่วนอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆตัวเล็กกว่ามาก เล็กกว่าโกคุเดระเสียอีก
ผมสีดำและดวงตาคมกริบสีเดียวกันบ่งบอกว่าเป็นคนเชื้อสายตะวันออก บรรยากาศรอบตัวอึมครึมน่ากลัวแถมการโป่งออกของเสื้อสูทข้างเอวอาจเป็นเพราะเจ้าตัวพกปืนทำให้โกคุเดระถึงกับยืนแข็งค้าง
เลือดในกายเย็นลงแต่เหงื่อกลับเริ่มซึมชื้นตามฝ่ามือและฝ่าเท้า
แล้วมันยิ่งทวีความน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อหมอนั่นพูดว่าจะไปที่ไหน
เฮ้ๆ....ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ไม่ตลก...ไม่ตลกเลยนะ!
ไวเท่าความคิด
เด็กหนุ่มรีบกดออกจากหน้าต่างเฟสบุ๊คแล้วรีบโทรหาน้องชายทันที
เมื่อมีคนรับสายเขารีบพูดโดยไม่ต้องทักทาย
“ระวังตัวด้วยเอเลน...วันนี้‘พ่อ’แกออกล่าเหยื่อ”
การเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินผสมกับเดินเท้ากว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์นี่...มันไม่ใช่ขี้ๆเลยนะ
ยามาโมโตะ ทาเคชิไม่โปรดปรานกีฬากลางแจ้งและเสียเหงื่อ
ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นช่วงพลบค่ำ แต่อากาศหน้าร้อนของอเมริกามันก็ยังทำให้พลังงานของเขาถดถอยลงไปได้อยู่ดี
เด็กหนุ่มร่างสูงกระชับเป้สะพายหลัง มองซ้ายมองขวาไปข้างๆถนน
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เบิกโตเมื่อสะดุดเข้ากับมินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุด
เขาไม่อยากจะพูด แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนสวรรค์มาโปรด
เขาต้องการน้ำ...ด่วนมาก!
ยามาโมโตะคว้าน้ำหนึ่งขวดจากในตู้แช่
ไปที่เคาท์เตอร์แล้วจ่ายเงินไปด้วยแบงค์ที่มันน่าจะมีมูลค่ามากกว่าราคาน้ำแน่ๆ
ไม่งั้นมันอาจจะเกิดสถานการณ์ที่ว่าเขาจ่ายตังค์ไม่ครบ โดนพนักงานเตือน
แล้วตามมารยาทที่ดีเขาก็ต้องพูดขอโทษแล้วก็จ่ายเงินเพิ่มใช่ไหม แต่ช่วยเอ็นดูเถอะ
ตอนนี้แค่คำว่า ‘I
am sorry’ เขายังไม่กล้าพูดเลย
เด็กหนุ่มรับเงินทอนจำนวนมากมาไว้ในอุ้งมือแล้วยัดมันใส่กระเป๋ากางเกง
เปิดฝาขวดน้ำแล้วกระเดือกลงไปพลางเก้าขาออกมาจากร้านขายสินค้า
แล้วพลันเขาได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งมาจากทางด้านหลัง
ใกล้เข้ามาด้วยความเร็วและสุดท้ายก็เข้าปะทะที่ไหล่ทางซ้ายของเขาจนกระเด็น
น้ำจากมือหลุดกระจายเต็มพื้น
ในหัวของเขาเหมือนมันดับลงชั่วขณะด้วยความที่ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
พอจะตั้งสติได้เขาเห็นเด็กวัยรุ่นอเมริกันคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งไปลิบๆเหมือนหนีอะไรสักอย่าง
ใช่ น้ำเขาหก ตกพื้นกระเด็นหมดเลย ขากางเกงเขาเปียกด้วย ตอนนี้เขาไม่ได้ถืออะไรเลย
แน่นอนว่ากระเป๋าตังค์ก็ด้วย
แต่กระเป๋าตังค์มันไม่ได้กองอยู่บนพื้นเหมือนน้ำนี่
มันอยู่กับไอ้เด็กเวรที่วิ่งหนีไปแล้วโน่น!
เขาโดนวิ่งราว!! โดนวิ่งราว!!! โดนวิ่งราว!!!!
“สต๊อปปุ๊ๆๆๆ เฮ้ย โน่วๆๆๆ!!! ไอมีนส์ ฟรีซซซซ!!!”
คราวนี้ต่อให้ใครหน้าไหนฟังเขาไม่รู้เรื่อง เขาไม่สนแม่งแล้ว
ยามาโมโตะตะโกนสุดเสียงแล้วกระโดดเหย็งๆอยู่ริมฟุตบาธอย่างน่าอนาถ
คนข้างตัวก็มองว่าเขาพูดบ้าอะไร อยากตาย!! กระเป๋าตังค์เขาไปอยู่โน่นแล้ว
มันโดนขโมยไปแล้ว ได้ยินหรือเปล่าวะ!!
แต่เหมือนคนรอบข้างก็ยังคงให้ความสนใจกับตัวประหลาดอย่างเขามากกว่าโจรนั่นอยู่ดี
ต้องพึ่งตัวเองอีกแล้วใช่ไหม ขำว่ะชีวิต!
จะให้เขาวิ่งตามหรอ โห! พ่อคุณแม่คุณ
ยืนอยู่ตรงนี้ยังรู้เลยว่าความเร็วไอ้บ้านั่นมันมืออาชีพ
แล้วจะให้เขาที่เดินมาหลายกิโลจนเท้าบวมนั่นไล่กวดไปเหรอ เข่าหลุดพอดีสิ
เพราะงั้นสิ่งที่เขาพอจะทำได้ตอนนี้คือพึ่งตัวเอง และความสามารถส่วนบุคคลอีกครั้ง
กล้องไอโฟนคู่ชีพถูกนำมาใช้แล้วบันทึกภาพคนร้ายที่วิ่งไปลิบๆได้อย่างทันท่วงที
ด้วยฝีมือการถ่ายภาพของเขา อย่างน้อยก็ได้รูปพรรณสัณฐานที่ชัดเจน
พอจะตามเรื่องตามราวอะไรได้บ้าง
“ซวยเช็ด!”
สบถเป็นครั้งสุดท้ายให้กับโชคชะตาตัวเองพลางเตะลมเตะอากาศระบายอารมณ์
แล้วถ้าไม่ได้กระเป๋าตังค์คืนเขาจะอยู่นี่ได้ยังไง ทุกอย่างมันต้องใช้เงินนะ
ที่เหลือติดตัวตอนนี้ก็มีแค่ตังค์ทอนจากค่าน้ำในกระเป๋าเท่านั้นเอง
เพราะงั้นเพื่อความอยู่รอดของชีวิต เขาต้องการกระเป๋าตังค์คืน
และอีกอย่างมันก็มีของสำคัญอยู่ในนั้นด้วย
ก็ไอ้รูปขาวดำเมื่อสิบปีก่อน...มันเป็นเบาะแสเดียวที่เขามีในการตามหาเด็กคนนั้นเลยนะ!
ยามาโมโตะจ้ำฝีเท้าไปตามฟุตบาธอีกครั้งแล้วเลี้ยวเข้าสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดโดยไม่ลังเล
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว แต่เขาก็หวังสักนิดว่าจะมีนายตำรวจสักคนเป็นเทวดามาโปรดอยู่รับฟังเรื่องร้องทุกข์ของเขาสักคนสองคน
ในโรงพักไม่เปิดไฟซะเป็นส่วนใหญ่ราวกับว่านี่เป็นเวลาอาหารเที่ยง
แต่โล่ประกาศเกียรติคุณต่างๆก็วางเรียงกันเป็นตับอยู่บนหิ้งมันก็ช่วยให้เขาโล่งใจนิดว่าสน.นี้ทำงานได้ดีมีระดับแน่นอน
ยามาโมโตะค่อยๆเดินไปที่ประชาสัมพันธ์ ช่วยเหลือ
หรืออารมณ์ร้อยเวรอย่างกระมิดกระเมี้ยน คุณลุงในเครื่องแบบกำลังกัดเบอร์เกอร์คำโต
ส่งสายตามาที่เขาเป็นเชิงว่ามีอะไร
คือ...จิตใจของเขามันยังไม่ฟื้นเต็มร้อยจากการถูกทำร้ายเพราะสำเนียงการพูดแบบเจแปนนีสสแตนดาร์ด
แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้มันคงจะช่วยไม่ได้
“ผมโดนวิ่งราวครับ มันขโมยกระเป๋าตังค์ผมไป”
เขาพูดช้าๆชัดๆ ดัดสำเนียงให้กระแดะที่สุด
“อ้อ เมื่อไหร่ล่ะ” ยามาโมโตะยิ้มกว้างเมื่อโดนถามกลับ
นี่แสดงว่าลุงตำรวจเข้าใจเขาใช่ไหม เย้!!
“เมื่อกี้ครับ” เขาตอบอย่างตื่นเต้น “เอ้อ ประมาณ..”
“อ่าๆๆ งั้นพอเลย ไอ้หนุ่ม” ลุงตำรวจเบรก แล้วขยายความ
“ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรับแจ้งความนะ...เข้าใจใช่ไหม แค่รับแจ้งน่ะ
เพราะเธอก็เห็น ไม่มีใครอยู่ในสำนักงานตอนนี้เลย เธอเข้ามาช่วงแจ็กพ็อตแตกพอดี”
“แจ็กพ็อตแตก?”
“เมื่อกี้เพิ่งมีรายงานเข้ามาว่าจะมีวัยรุ่นปะทะกันที่แถวเมอร์ซี่ผับ
มือวางอันดับหนึ่งของสน.ก็เลยออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว แถมยังเกณฑ์คนออกไปช่วยเยอะแยะเพราะว่าอาจจะมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง...โชคไม่ดีเลยนะที่โดนคดีใหญ่ตัดหน้าไปซะก่อนน่ะ” ฟังมาถึงตรงนี้ยามาโมโตะต้องอยู่ในอาการอึ้งลงองค์ เดี๋ยวนะ
เค้าว่าทักษะการฟังของเขาพอใช้ได้อยู่
แต่ไม่เข้าใจว่ากะอีแค่วัยรุ่นจะตีกันแล้วมีปัญหายาเสพติดนี่มันใหญ่ถึงขั้นเอาตำรวจไปหมดโรงพักที่ไหน
“คุณตำรวจครับ...กระเป๋าตังค์ของผมโดนขโมย”
เขาย้ำอีกทีช้าๆชัดๆ “อีกอย่างผมเป็นนักท่องเที่ยว มีพาสปอร์ตยืนยันได้นะครับ
นั่นหมายความว่าผมไม่มีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่งที่นี่
ไม่ใช่นักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีโฮสต์ดูแลด้วยเพราะฉะนั้นเงินคือทุกอย่างของผม
ถ้าไม่มีมันผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ เข้าใจมั้ยฮะ”
เออ!!
เข้าใจไหม อู่ข้าวอู่น้ำ ที่ซุกหัวนอนโดนฉกไปแล้วอ่ะ
อยากให้ตรูตายตรงนี้เหรอ กงสุลญี่ปุ่นอยู่ไหนวะ! มาเคลียร์เลย
เขาแอบเห็นลุงตำรวจทำหน้าอิหลักอิเหลื่ออยู่แวบหนึ่งแต่ก็ยอมพยักหน้าเข้าใจ
แกถอนหายใจยาว บอกให้เขานั่งลงก่อนจะเริ่มอธิบายอีกครั้ง
เน้นอย่างชัดเจนเหมือนอย่างที่เขาทำเมื่อกี้เปี๊ยบ
“ยืนยันว่าจะช่วยนะ แต่คงตามเรื่องให้ตอนนี้ไม่ได้
สิ่งที่ฉันพอจะแนะนำเธอได้ตอนนี้ก็คือโทรอายัติบัตรเคดิต
บันทึกข้อความและแจ้งรูปพรรณสัณฐานคนร้ายมาซะ เราจะตามให้หลังคืนนี้”
ยามาโมโตะยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ คุณตำรวจเลยอธิบายต่อ
“เมื่อกี้เธอบอกว่ากระเป๋าตังค์เธอสำคัญกับชีวิตเธอมากใช่ไหม
แต่ขอโทษด้วยที่ฉันต้องบอกว่าคดีที่เราทำกันในคืนนี้มันก็เกี่ยวข้องกับกระเป๋าตังค์...แต่ต่างกับกรณีเธอคือมันคือสวัสดิภาพการเงินของเด็กไฮสกูลชาวอเมริกันค่อนโรงเรียน...การโดนข่มขู่ทวงหนี้นอกระบบพร้อมดอกเบี้ยสูงลิ่วน่ะนะ”
ลุงตำรวจยิ้มแหยๆ เขาสังเกตเห็นเหงื่อเม็ดเป้งที่ขมับแกด้วย
คนสูงวัยเป่าปากไล่ความเครียดแล้วขยายความ
“ที่นี่น่ะ...มีเจ้าหนี้หัวรุนแรงอยู่”
เหอ?
ยามาโมโตะอุทานลั่นในหัว แต่สีหน้าของเขาคงระบุถึงความทึ่งไปแล้ว
นั่นหมายความว่านี่เขากำลังโดนคดีมาเฟียอะไรทำนองนั้นตัดหน้าไปเนี่ยนะ
“เข้าใจว่าเธอไม่เชื่อ
แต่ถ้าอยู่ไปคงจะเชื่อเอง...พวกตัวเก๋าๆน่ะอยู่แถวนี้แหล่ะ” เสียงของลุงแกเบาลง
แกมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงเหมือนหนีผู้ก่อการร้าย ก่อนจะป้องปากกระซิบเขา
“นี่เป็นคำแนะนำสำหรับคนที่เพิ่งจะเหยียบเข้าชิคาโกนะไอ้หนุ่ม
หลีกเลี่ยงการเที่ยวกลางคืนตามผับแถวนี้จะดีกว่า อย่าสบตากับคนตาสีเขียวด้วย
ระวังจะตกเป็นเหยื่อ ต่อให้เป็นคนต่างชาติ พวกมันก็ไม่เว้น เข้าใจนะ”
มาถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยอมพยักหน้าเข้าใจก็ได้
แม้มันจะงงๆอยู่ก็เถอะว่าอิทธิพลเด็กวัยรุ่นอะไรจะน่ากลัวเหมือนเจ้าพ่อมาเฟียได้ขนาดนี้
แต่กระนั้นเขาก็ถอดเมมโมรี่และเซฟรูปคนร้ายที่เขาถ่ายได้ให้คุณตำรวจไป
พร้อมให้เบอร์โทรติดต่อไว้ และจำต้องเดินออกมาจากสน.อย่างหมดอาลัยตายอยาก
แต่เดี๋ยวสิ เฮ้ย!!
เหมือนลืม....อะไรไปบางอย่างหรือเปล่า
เด็กหนุ่มร่างสูงรีบพลิกนาฬิกาข้อมืออันเขื่องบนแขนแล้วยกขึ้นดู
ดวงตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างเมื่อเข็มสั้นมันชี้เข้าใกล้ที่เลขเจ็ด
ส่วนเข้มยาวตรงนิ่งที่เลขสิบ ยัยเพื่อนนั่นนัดเขากี่โมงนะ หกโมงใช่ไหม
สายมาห้าสิบนาทีแล้ว!!
พลันยามาโมโตะก็ออกวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม
สองเท้าของเขาก้าวสลับกันอย่างรวดเร็วแม้ว่าสองขามันจะเตือนแล้วว่าปวดสุดชีวิต
ในหัวคิดภาพเพียงว่าตอนนี้เขาต้องอยู่ที่ๆนัดพบ
พอถึงที่เด็กหนุ่มรีบจ่ายเงินค่าตั๋วเข้าแล้วรีบจ้ำไปที่ลิฟต์
แอบแทรกเด็กและคนชราที่รออยู่บ้างอย่างมารยาททราม แต่ช่วยไม่ได้นี่ มันจำเป็นจริงๆ
ขณะที่ลิฟต์กำลังขึ้นไปเรื่อยๆตามชั้นตึกที่สูงเสียดฟ้า
เขาไม่มีอารมณ์คิดเรื่องการชมวิวเหมือนอย่างนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย
แต่มันกลับมีความรู้สึกประหลาดบางอย่างที่ผุดขึ้นมา
ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเกิดมากมายขนาดนี้
ความจริงมันรู้สึกตั้งแต่ที่เขาเริ่มวิ่งจากหน้าสถานีตำรวจแล้ว
เขากลัว...
กลัวว่าถ้าหากไปที่จุดหมายแล้ว
ที่ตรงนั้นมันจะว่างเปล่าทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์มารู้สึกแบบนี้
เพราะเขาผิดเวลาขนาดนี้มันก็สมควรที่อีกฝ่ายจะไม่รอ
แต่เขารู้สึกว่าถ้าหากมันไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ...มันเหมือนว่าจะพลาดสิ่งที่เขาเฝ้าตามหามานาน
เวลาหนึ่งทุ่มตรง
เด็กหนุ่มร่างสูงชาวญี่ปุ่นมาถึงชั้นที่ถือว่าเลื่องชื่อที่สุดในตึก Sky Deck ตรงนี้มีชั้นลอยที่ยื่นออกไปจากตัวตึก
เป็นกล่องแก้วที่พอจะไปยืนอยู่แล้วเสมือนว่าตัวเองเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลก
สามารถลอยอยู่กลางอากาศและเห็นชิคาโกได้ทั้งเมือง
ดวงตาคมสีน้ำตาลเปลือกไม้กลองซ้ายขวาอย่างเร็ว
เขาหวัง...หวังว่าสักกล่องจะมีคนยืนรอเขาอยู่
พลันสายตาก็สะดุดกับบุคคลๆหนึ่ง
เด็กหนุ่มรูปร่างบอบบางในเสื้อเชิ้ตสีแดงพับแขนขึ้นจนเหนือศอกเข้ารูปกับกางเกงยีนส์สีเข้มที่แนบกับขาเรียวเล็ก
ฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้นโปร่งใสแลดูราวอยู่กับเหยียบอยู่บนอากาศ
คนๆนั้นยืนกอดอกอยู่พลางสายตามองทอดออกไปข้างนอก
เรือนผมสีเงินสวยปรกข้างแก้มเนียนขาว ทั้งๆที่ไม่มีลม
แต่ยามาโมโตะกลับรู้สึกว่าคนๆนี้อิสระราวกับจะล่องลอย
อิสระ...สมกับรัฐแห่งนี้ ที่ได้ชื่อว่า เมืองแห่งลม
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาคิดว่าตัวเองไม่รับรู้สิ่งใด
มือใหญ่หยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วยกขึ้น บนหน้าจอปรากฏภาพและกดชัตเตอร์พอดีกับที่คนตรงหน้าหันมา
ดวงตาสีมรกตหรี่ลง ยามาโมโตะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองโดนประเมินหรือตำหนิอยู่ แต่ที่แน่ๆเขาสบตากับคนตาสีเขียวไปแล้ว
“เอ้อ...คือ..แบบว่า สวัสดีนะ..แล้วก็ขอโทษที่สายด้วย”
วินาทีนี้เขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ เรียกยังจะเรียกไม่ถูกเลย
รู้สึกว่าคนตรงหน้าเหมือนไม่ใช่เพื่อนที่เขารู้จักและคุยผ่านโซเชียลมาโดยตลอดทั้งปี
“มีอะไรหลายอย่างที่นายต้องทำความเข้าใจใหม่นะ
ยามาโมโตะ ทาเคชิ ก่อนอื่น...”
เจ้าของร่างบอบบางตรงหน้าว่าก่อนจะหันมาเผชิญกับแขกผู้มาใหม่ตรงๆ
“ฉันชื่อโกคุเดระ”
.
.
.
.
.
TBC....
มิยะขอเม้าท์
มันเกรียนไหม....
เกรียนใช่ไหม...
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ // โดนโบกสามตลบ
แบบว่าตอนแต่งยังรู้สึกว่าเกรียนเลย ฮ่าๆๆๆ
แต่อยากบอกว่าฟิคเรื่องนี้เคยคิดมานานแล้วว่าอยากแต่ง แล้วพี่กวางก็รีเควสมาพอดีว่าอยากอ่านอิเนียนที่มันเนี้ยนเนียน
เลยวางคาร์แร็กเตอร์ให้อิเนียนเรื่องนี้มันค่อนข้างจะพิเศษหน่อย
ซึ่งถ้าฟิคจบแล้วจะสรุปค่ะ แต่ว่าตอนนี้อ่านและศึกษาตัวละครไปเรื่อยๆมันจะดีกว่า อิอิ
ก่อนที่จะได้เวิ่นอะไร
“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่กวาง >w<”
สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่สาวคนเก่ง
ปีนี้เหมือนไม่ค่อยได้เข้าไปเม้าท์อะไรด้วยเลย กิจกรรมเยอะเกิ๊น ฮ่าๆ
แต่ยังไงก็แล้วแต่ ฟิคเรื่องนี้ก็ตั้งใจมอบให้พี่กวางเป็นของขวัญ
ซึ่งมันอาจจะผันไปเป็นฟิคยาวหรือเปล่าไม่แน่ใจ ฮ่าๆๆ
แต่เก๊าขอให้พี่สาวของเก๊าคนนี้มีความสุขมากๆ
สุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่เป็นมี้ทุกสถาบันต่อไปอย่างยืนยง ขอให้ร่ำรวยเงินทอง
เป็นพี่สาวที่เคารพรักของทุกคนเช่นนี้ต่อๆไป เป็นกำลังใจให้ทุกอย่างเลยค่ะ
แฮปปี้เบิร์ธเดย์น้า
เอาล่ะ กลับมาที่ฟิค
เค้ามีโลเกชั่นการถ่ายทำมาให้ดูแหล่ะ
นี่เป็น ‘ถั่ว’ ของอิเนียนค่ะ คลาวด์เกตแห่งมิลเลนเนียมปาร์ค
สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตในชิคาโก
ส่วนนี่ก็ สถานที่ที่เราพบกันครั้งแรก อิอิ Sky Deck ค่ะ มันเป็นสถานที่ที่น่าไปเที่ยวมาก!!! ถ่ายรูปออกมาคงสวย
มัน
เหมือนลอยอยู่กลางมหานครเลยอ่ะ
อิอิ วันนี้ก็มีแค่นี้แล ขออภัยอีกครั้งที่เลทค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียน
Miya
ง๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอาตอนต่อไปมาาาาาาาาาา >[ ]<
ตอบลบคือแบบว่าชอบมว๊ากกกกกอ่ะน้องมิยะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
แฮ่กๆๆ ตั้งสติแป๊บ หลังจากที่กรีดร้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ต้นเรื่อง โอยยย หนูรู้เปล่าว่าหนูเป็นคนที่แต่งเรื่องแบบนี้ได้ดีมากเลยอ่ะ คือแม่งแบบ โคตรเกรียน55555 อันนี้ชมจากใจจริงเลยค่ะ คือทุกคำพูดทุกบทบรรยายมันมันส์มากอ่ะ ภาพชีวิตของเด็กอเมริกันที่เคยเห็นในหนังลอยมาเลย แล้วการใช้คำมันฉะฉานสมเป็นวัยรุ่น สมเป็นคำที่จะใช้ในเรื่องนี้มากอ่ะ คือมันเกรียนแต่มันไม่หยาบคาย ตรงข้ามกับทำให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครนั้นๆด้วย อย่างตอนที่ยามะมันคุยกับเพื่อนในเฟสนี่แบบ มันใช่ มันอย่างกะเราเข้าไปอยู่ในหน้าโพสนั้นด้วยเลยอ่ะ ชอบมากๆเลยค่ะ
ลักษณะของเรื่องนี้จะคล้ายๆฟ้าถล่มคือยามะเพอร์เฟคและน่าหมั่นไส้มากกกกกกกกก แต่ในเรื่องนี้มันยังมีมุมที่น่ารักและดูมีสเน่ห์สมเป็นเซเลป คือตอนที่มันคุยกับแม่นี่ฮาจนท้องแข็งอ่ะ55555 ช่างกล้า5555+ ชอบยามะที่เป็นแบบนี้มากๆเลยค่ะ โอยยยย ตามไปกดไลค์ให้มันในเฟส ก๊ากๆๆๆ จ้ะ พ่อรูปหล่อทีมีงานอดิเรกคือการนั่งดูรูปตัวเอง555555+ ฮาไม่ไหวแล้วอ่ะน้องมิยะ คือชอบมาก บทบรรยายของอิเนียนแต่ละอย่างนี่มันใช่มาก
ส่วนหนูก๊ก...ส่วนงานอดิเรกปล่อยเงินกู้นอกระบบ....555555555555+ อันนี้ฮาจนปวดท้องเลยจริงจัง คือลูกขราาาาาา นั่นงานอดิเรดหรอค้าาาาา ต๊ายยยย จะว่าน่ารักหรือยังไงดี แล้วก็ดูวิธีการเก้บหน้าของเจ๊ เอ้ย เฮียแกนะ อย่างเกรียน5555 น่ารักอ่าาาาาาา (ด้วยความลำเอียงและความติ่งโดยแท้จริง ทำอัลไลก็น่ารักไปหมดลูกแม่) แล้วหนูเลน...หนูเลนคะ เรื่องนี้มี๊ยกโล่แห่งความเกรียนให้เลยค่ะ55555555555555+ คือเอเลนไม่ไหวแล้วอ่ะ เกรียนได้น่ากดมว๊ากกกกก ดูแต่ละเรื่องที่ทำไว้ดิ นี่ต้องให้พี่ชายคอยมาแก้ใช่ไหมเนี่ย55555 น่ารักอ่าาาา ไอ้ตอนแอบหลอกด่าก๊กนี่ไม่ไหวจะทน โถ...นึกว่าพี่ชายเค้าจะรู้ไม่ทันสินะ สมเป็นเด็กแสบจริงๆ ชอบอ่าาาาา
โอยยยย แก๊งตาเขียวนี่เป็นเจ้าแม่ เอ้ย มาเฟียเงินกู้สินะ ทำไมในหัวถึงมีแต่คำว่าน่ารักๆๆๆลอยอยู่เต็มไปหมดฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ แล้วนี่มือหนึ่งของสถานีกำลังไปวิ่งไล่จับเด็กอยู่สินะ โอยยยย ไม่อยากจะคิดว่าท่านท่อนขาจอมโหดไปเจอกับเด็กแสบสุดเกรียนแถมปากเป็นกรรไกรคนนั้นเข้าจะมันส์ขนาดไหน งื้อออออ >/////<
แล้วก็อีกเรื่องที่ชอบมากเลยคือการเปรียบเปรยความเป็นอิสระกับตัวหมากรุกน่ะค่ะ ขนลุกเลยตอนที่หนูก๊กวัยเด็กพูดว่าชอบตัวเบี้ย และตัวเบี้ยสามารถเปลี่ยนเป็นบิชอฟ กับควีนได้ *q*....เป็นควีนได้ ได้ ได้....(เดี๋ยวค่ะหล่อนคะจะย้ำให้ได้อัลไลขึ้นมา) คือเก๊าเล่นหมากรุกไม่เป็นแต่พออ่านนี่แล้วยังรู้สึกว่า แม่งงง เปรียบได้เฉียบคมมากอ่ะฟฟฟฟฟฟฟฟ
จะว่าไปเรื่องเกี่ยวกับอเมริกานี่เค้าก็แทบไม่รู้เลยค่ะ เพราะงั้นเลยเหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วยเลย ตึกสกายเด็คสวยมว๊ากกกกกกอ่ะ >/////< แต่มันจะเสื่อมก็เพราะอิยามะนี่แหละ ถ้าเปลี่ยน E เป็น I นี่คนละความหมายเลยนะ5555555555555+
โอยยยย หนุกมากค่ะน้องมิยะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณของขวัญชิ้นนี้มากๆๆๆเลยค่ะ เลอค่ามากกกก คือปลื้มใจมากอ่ะ น้องมิยะแต่งให้เค้าทุกปี มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น ไม่รู้จะขอบคุณยังไงไหว งื้อออออ ของปีนี้ก็ชอบมากๆๆเลยค่ะ เนียนมันเกรียนอย่างที่ขอใว้แถมยังบวกรีเอมาให้อีกคู่ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ขอบคุณมากๆๆเลยนะคะ >////<
รอตอนต่อไปนะก๊า *v* ถ้าลงเมื่อไหร่วานแทคเค้าที กลัวพลาด ซักนาทีก็ไม่ยอม งื้อๆๆๆ >v<
เจ้ยยย มาแก้คำผิดในคอมเม้นต์555 พิมพ์ไปยังไม่ทันได้อ่านทวน กดส่งไปซแระ
ลบแล้วก็ดูวิธีการเก็บหนี้ของเจ๊ เอ้ย เฮียแกนะ