หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

S.Au.Fic Toriko [Toriko x Komatsu] Himawari ความอบอุ่นของดวงตะวัน : 04



S.Au.Fic Toriko [Toriko x Komatsu] Himawari  ความอบอุ่นของดวงตะวัน
Period Romantic Drama
PG
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดไม่ต้องการรับรู้หรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและสถานที่ในฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการผสมผสานของผู้เขียน ไม่มีความเป็นจริงในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นไม่สามารถใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ



ตอนที่ 4



คำถามที่ไม่ต้องพูดซ้ำแต่มันก็ก้องกังวานในหัว โคมัตสึนิ่งค้างมองหน้าอีกฝ่ายที่ผสานสายตากับเขาทว่ามันสั่นไหวอย่างชัดเจน คนตรงหน้ากำลังลุ้นว่าเขาจะตอบว่าอะไร แล้วมันก็ราวกับขอร้องว่าอย่าได้ปฏิเสธเลย เพียงเท่านั้นปลายจมูกของเด็กชายก็ปวดแปลบ ความร้อนเริ่มไล้ขอบตา สิ่งที่มันตีก้องอยู่ในอกคือความดีใจเหมือนกับครั้งแรกที่ท่านโทริโกะพูดไม่มีผิด

            เท่านี้มันก็พิสูจน์ได้ชัดเจนแล้ว...ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง

            ไม่ได้สำคัญตัวผิด...มีคนต้องการอาหารของเขา มีคนเห็นค่าในฝีมือของเขา แม้ว่าเขาจะยังเด็กเท่านี้ แล้วกล้าที่จะวางเขาไว้ ณ ตำแหน่งที่คนทำอาหารทั่วแผ่นดินเห็นว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่สุด

            โชคดีจัง...

            เจ้าเกิดมาเป็นพ่อครัวที่โชคดีที่สุดในโลกเลย...โคมัตสึ

            เด็กชายคลี่ยิ้มจางๆออกมาแล้วใช้ปลายนิ้วปาดที่ขอบตา สบสายตากับคนรอคำตอบอีกครั้ง ดวงตากลมโตทอดมองด้วยความอ่อนโยนกว่าครั้งใด “องค์ชาย....” โคมัตสึเรียกเสียงนุ่ม “เมื่อครั้งที่เราเจอกันเป็นครั้งแรกท่านตรัสว่าท่านทราบส่วนผสมอย่างที่แปดของเครื่องปรุงสูตรพิเศษของร้านข้าแล้วใช่หรือไม่...จะเป็นอะไรไหมถ้าหากข้าจะขอทวงถามคำตอบขอท่าน...ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า”

            โทริโกะถึงกับสะอึก ดวงตาคมกลอกหลบเล็กน้อยโดยอัตโนมัติกับคำถามถามกลับที่ไม่คิดว่าจะโดนแบบนี้ จะไม่ให้เขาหลบได้ยังไงล่ะ ที่จริงแล้วเขารู้ที่ไหน แต่ตอนนั้นไอ้ปากเก่งๆมันก็แค่โกหกไปเพื่อให้ดูดีเท่านั้นแหล่ะ อย่างน้อยก็เผื่อใช้เป็นข้ออ้างหาเรื่องคุยตอนเจอกันใหม่แค่นั้นเอง แต่เขาก็คิดอยู่หรอกว่ากลับไปจะไปถามเอาจากท่านพ่อ แต่สุดท้ายก็มัววุ่นแต่อยู่กับสตาร์จูน เลยไม่ได้ถามอะไรเลย

            “เอ่อ...คือ...” ตายๆ ตายลูกเดียวเลย โทริโกะ! แกตายแน่!!

            ตาย!!

“ก็แบบว่า..ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอกนะ แต่ข้า..เอ่อ..คิดว่า..”

            “ถ้าหากไม่ทราบ ก็ตรัสตามตรงเถอะพ่ะย่ะค่ะ” โคมัตสึหัวเราะน้อยๆอย่างไม่ถือสา ทำให้คนถูกจับได้หน้างอง้ำ นิ้วเกาแก้มที่ขึ้นสีแล้วหันไปอีกทางก่อนจะยอมรับออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ให้ตายเถอะ นี่เด็กคนนี้จะฉลาดไปไหนเนี่ย เกิดได้ไปอยู่ด้วยกันจริงๆ เขาคงไม่กล้าปิดบังอะไรกับโคมัตสึแน่

            “มันก็ใช่...” ร่างสูงตอบอ่อยๆ แล้วขึ้นเสียงดังกลบเกลื่อน “ใครมันจะไปรู้ได้เล่า! ผงอะไรไร้กลิ่นไร้รส ต่อให้มีสิบโคโคะก็ไม่มีทางรู้หรอก”

            “ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ...ถ้าสิบท่านโคโคะยังไม่รู้ เช่นนั้นหนึ่งร้อยโคมัตสึก็ไม่มีทางรู้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคตอบกลับในทันทีซ้ำยังเหนือความคาดหมายทำให้คนฟังเผลอร้องอ้าวออกมาเบาๆ หากแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อก็ต้องหยุดชะงักในมือของเด็กชายตรงหน้าเขากำปลอกมีดแน่นขึ้น นัยน์ตากลมโตจ้องมองมา เสียงเล็กๆว่าขึ้นอย่างนิ่มนวลและเนิบช้า

           “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเกียรติอย่างสูงที่สุดที่คนอย่างข้าได้รับ และไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้เข้าใกล้ความเป็นฮิมาวาริขนาดนี้...ข้ามีท่านย่าเป็นแรงบันดาลใจในการทำอาหารแล้วใฝ่ฝันว่าสักวันจะเป็นอย่างท่านย่าให้ได้...เพียงแต่ว่า...”

            เสียงเงียบกลืนกินเพียงชั่วขณะ โคมัตสึข่มความรู้สึกแล้วตัดสินใจพูดออกไป

“นี่มันยังเร็วไปพ่ะย่ะค่ะ...”

            “โคมัตสึ...”

            “มันยังเร็วไปในหลายๆอย่างเลยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...ไม่ใช่ด้วยวัยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงฝีมือของข้าด้วย อย่างที่บอก ข้ายังไม่อาจเอาประสบการณ์ด้านอาหารที่มีเพียงเท่านี้ไปทำอาหารของพระองค์ได้ ได้โปรดเถิดฝ่าบาท...เกียรติแห่งอาหารไม่ใช่เพียงแค่คนที่ทำรู้สึกภาคภูมิใจเท่านั้น เพียงแต่คนที่ได้กินต้องรู้สึกซาบซึ้งยินดีไปกับมันด้วย ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ คุณสมบัติข้อนี้...ข้าคิดว่าข้าในตอนนี้ยังไม่ผ่าน”

            “นี่เดี๋ยวสิ..”

            “ท่านโทริโกะ...” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอีกรอบอย่างสั่นเครือตัดทุกข้อโต้แย้ง มันรีบเอ่ย เอ่ยออกมาราวกับว่ากลัวจะโดนเขาเถียงอะไรอีก

“ฮิมาวาริคือตำแหน่งสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะทำอาหารเท่านั้น แต่เท่ากับดูแลชีวิตของเจ้าฟ้าในด้านอาหารด้วย...พอมาคิดอย่างนี้แล้ว ตำแหน่งของข้าหนักหน่วงไม่แพ้ท่านซีบร้าเลย...” เด็กชายหัวเราะแห้งๆ กลอกตามองขึ้นฟ้าแล้วว่าต่อ “ข้าทราบ อย่าหาว่าข้าสำคัญตัวเองผิดเลย ถ้าหากข้าไปเป็นฮิมาวาริ นั่นหมายความว่าข้าเป็นคนของวังหลวง ข้าจะต้องได้รับการดูแลปกป้องอย่างดีที่สุดแน่ เพียงแต่ว่านั่นมันเหมือนข้าเอาเปรียบท่าน...ไม่ยุติธรรมสำหรับฮิมาวาริที่ต้องเป็นฝ่ายปกป้องเจ้ารัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

            “...”

            “ข้าไม่อาจให้ใครมาปกป้องข้าได้หากข้ายังไม่สามารถแบกรับชีวิตของคนอื่น นี่คือสิ่งที่ข้าอยากทูล ขอพระองค์โปรดเข้าพระทัยด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

 โทริโกะรู้สึกว่าร่างกายมันชาไปหมด เขาอยากเถียง อยากเถียงโคมัตสึไปหมดทุกอย่างว่าที่เจ้าตัวพล่ามมาแต่ต้นนั้นมันผิด เขาไม่ได้คิดอย่างนั้น ไม่เคยเลยแม้แต่นิด โคมัตสึไม่ต้องแบกรับอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากกินอาหารที่โคมัตสึทำ เขาแค่ต้องการเพียงแค่ให้หมอนี่มาอยู่ข้างเขา...เขาต้องการแค่นั้นเอง...

แต่สุดท้าย...มันก็ไม่ได้พูดออกไป มันเอ่ยไม่ออกแม้แต่คำเดียวตั้งแต่ได้ยินคนตรงหน้าพูดคำนั้น


เกียรติของฮิมาวาริ...


ผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยปกป้องดูแลปากท้อง...ในแบบที่โคมัตสึปรารถนา...

มันสวนทางกับเขา...

โทริโกะกัดฟันกรอด ก้มหน้ายอมจำนนแล้วทนกับความอึดอัดที่มันใกล้ระเบิดข้างในอก อยากดุเจ้าเด็กตรงหน้าว่ายังเจ้าคารมไม่เปลี่ยนแปลง แทนที่จะเป็นประโยคปฏิเสธ แต่มันกลายเป็นประโยคขอร้องให้เขาเห็นถึงความต้องการจริงๆอีกฝ่าย แล้วยอมรับกับมันให้ได้

“เจ้าบ้า...” โทริโกะเค้นเสียงต่ำอย่างอดกลั้น “ข้ามีองครักษ์เป็นร้อยเป็นพัน...ตำแหน่งของคนที่ปกป้องข้าแบบนั้นมันเยอะมากนะ มันแทบไม่มีที่ว่างเหลืออยู่แล้วนะ...มันอันตราย...เสี่ยงชีวิต ถึงเป็นแบบนั้น เจ้าก็อยากจะอยู่เหรอ รู้อย่างนั้น...แต่ก็ยังอยากอยู่หรือ”

...ถึงดวงอาทิตย์จะแผดเผาอย่างร้อนแรง บนท้องฟ้าจะไม่ได้สดใส มีทั้งฝนและพายุ แต่ดอกทานตะวันที่งดงามจะไม่ยอมเฝ้ามองอยู่เพียงผืนดิน....หากแต่ปรารถนาที่จะอยู่ข้างๆในฐานะผู้ปกป้องขนาดนั้นหรือ...

“ก็ถ้านั่นจะทำให้ข้าได้อยู่ใกล้พระองค์มากที่สุด ข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น  ถึงตรงนั้นจะไม่มีพื้นที่ว่าง ข้าก็จะใช้กำลังทั้งหมดที่มีแทรกเข้าไปเพื่ออยู่ข้างพระองค์ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งซ้าย ฝั่งขวา หรือข้างหลังที่พระองค์จะไม่มีวันเห็น ข้าก็จะยืนอยู่พ่ะย่ะค่ะ....ขอแค่พระองค์เอื้อมมือหา ข้าก็จะเข้าไปประคับประคองทันที จะไม่มีวันไปไหน จะไม่มีวันถอยห่างจนกว่าพระองค์จะไม่ต้องการข้าแล้ว..เพราะงั้น..เพราะ..งั้น ก่อนจะถึงเวลานั้น... ก่อนที่ข้า..จะมีโอกาสแบกชีวิตที่สูงค่าของฝ่าบาท...”

เด็กชายรัวยาวรวดเดียวทั้งหมด เสียงเล็กขาดหายเกือบจะหลุดเป็นเสียงสะอื้น น้ำตาที่มันเริ่มเอ่อล้นทำให้ภาพเบื้องหน้าพร่าลง โคมัตสึเม้มริมฝีปาก กลืนทุกอย่างลงคอ กลั้นมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ศีรษะเล็กก้มลงจนชิดอก ตัดสินใจเอ่ยคำขอร้องสุดท้าย.....

“ได้โปรด...ช่วยรอหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ...”

รอ.....

ขอแค่รอ...

รอให้ดอกทานตะวันดอกนี้เข้มแข็งพอที่จะเคียงข้างดวงอาทิตย์ได้อย่างสง่างาม....

“โค..มัตสึ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างแห้งแล้ง พลางหัวเราะแผ่วๆก่อนที่จะยื่นมือทั้งสองเข้าไปประคองแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา

“นี่ข้า...โดนเจ้าปฏิเสธหรอ”

“อย่าทำหน้าเหมือนโดนสาวสลัดสิฝ่าบาท คนอย่างพระองค์ก็น่าจะเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เหรอ”

“พูดไปเรื่อย!” เขาเอ็ด ก่อนที่จะเชยใบหน้าเล็กขึ้นมอง สบประสานสายตากับดวงตาโตน่ารักแล้วอมยิ้มออกมา “เจ้าจะไม่ให้ข้าเจ็บปวดได้ไง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าอกหักนะ”

“ฝ่าบาท!

“อ้าว พูดจริงนี่ ครั้งแรกก็ต้องเจ็บเหมือนกันทั้งนั้นแหล่ะ เจ้าไม่มีเวลาให้ข้าเตรียมใจเลย อยู่ดีๆก็พล่ามอะไรไม่รู้ออกมาปาวๆ สุดท้ายก็ปฏิเสธข้า อ๊า! ให้ตายสิ ข้าเจ็บ เจ็บเป็นบ้า เจ็บกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าใจร้ายกับข้ามากนะโคมัตสึ!!” เด็กชายกะพริบตาปริบๆฟังคนตรงหน้าคร่ำครวญแล้วเขาไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้ายังไงดี แต่แววตาที่ฉายชัดในระยะประชิดมันก็บอกว่าเจ็บจริงๆตามที่เจ้าตัวเพ้อนั่นแหล่ะ แต่ทำไมเขาฟังแล้วถึงอยากขำนะ

นี่เขา...กำลังโดนอ้อนหรอ

“ใจร้าย!” เสียงทุ้มว่าอีกรอบ ปล่อยแก้มเนียนทั้งสองออก ก่อนจะถอยออกไปเอามือกอดอก หันหน้าหนีพร้อมทำแก้มป่อง คือถ้ามันเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆทำมันก็คงจะน่ารักอยู่หรอก

“ทำข้าเจ็บแล้วยังไม่ปลอบอีกหรอ”

คราวนี้เขาขำออกมาจริงๆ ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้องค์ชายผู้เอาแต่ใจอีกนิด ใบหน้าน่ารักเอียงมองคนที่หันหน้าหนี แต่ดวงตาคู่คมนั้นก็ยังคงเหล่มองเขาตลอดเวลาอยู่ดี อา...มันไม่สมกับบุคลิกภาพของเจ้าชายโทริโกะจริงๆนั่นแหล่ะ แต่อย่างน้อยโคมัตสึก็รู้ว่าถ้าองค์ชายมีอารมณ์มาเล่นกับเขาได้แบบนี้ แสดงว่าต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาทูลขอ...

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ...” เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นอย่างสดใสจากหัวใจที่บริสุทธิ์ รอยยิ้มอ่อนโยนอบอุ่นวาดอย่างงดงามบนใบหน้าน่ารัก “พระองค์ประณามว่าข้าใจร้าย แต่คนใจร้ายคนนี้ขอทูลว่าพระองค์เป็นเจ้าชายที่ใจดีที่สุดในโลก...เท่านี้ พอใช้เป็นคำปลอบใจได้..!

ทันใดนั้นเสียงทั้งหมดก็เลือนหายไปในอากาศทันทีที่สัมผัสนุ่มหยุ่นนาบที่ริมฝีปาก ดวงตาสีดำคู่โตเบิกกว้างร่างกายสั่นสะท้านเมื่อฝ่ามือใหญ่ของคนตรงหน้ายกขึ้นแนบประคองกับสองแก้มแล้วยกให้เขารับกับสัมผัสที่แนบสนิท มันไม่ได้อึดอัดแต่กลับทำให้หัวใจของพ่อครัวตัวน้อยสูบฉีดอย่างหนักจนต้องเผลอยกมือขึ้นกำแน่นที่ข้อแขนแข็งแรงของอีกฝ่าย แต่ไม่คิดที่จะดึงมันออกหรือสะบัดหน้าหนี

เขาทำไม่ได้...ไม่ได้เลย เมื่อสัมผัสทั้งหมดทั้งมวลที่ถ่ายทอดมาเริ่มทำให้เข้าใจได้ว่าอย่างไร...

ปรารถนา...

หวงแหน...

ปกป้อง

และสัญญาว่าจะรอคอย...

รอเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น....ไม่ว่านานเพียงใดก็ตาม....

“ข้าขอแก้ความเข้าใจผิดอะไรสักอย่างได้ไหม” เจ้าชายรัชทายาทกระซิบพร้อมกับดึงร่างเล็กมากอด ขังอย่างอ่อนโยนด้วยอ้อมแขนแข็งแรงมือใหญ่กดหัวคนในอ้อมกอดให้แนบชิดกับอกกว้างราวกับจงใจให้ฟังเสียงอะไรบางอย่างที่มันเต้นกระหน่ำไม่แพ้กันสักนิด โทริโกะหัวเราะเบาๆแล้วว่าต่อ

“มีบางอย่างที่เจ้าพูดผิดมหันต์เลย...”

“อะ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าหากว่าเจ้าได้เป็นฮิมาวาริแล้วเจ้าจะกลายเป็นคนของวังหลวงและต้องได้รับการดูแลที่ดีสมฐานะน่ะสิ...ความจริงมันไม่ใช่...”

“...”

อ้อมกอดนั้นรัดแน่นขึ้น ปลายจมูกโด่งของโทริโกะฝังเข้ากับกลางกระหม่อมของเด็กชาย

“ถ้าหากเจ้าได้เป็นฮิมาวาริแล้วเจ้าจะกลายเป็นคนของข้า...คนที่ดูแลเจ้าไม่ใช่สำนักพระราชวังแต่เป็นข้า...”

“...”

“ข้าเท่านั้น...ซึ่งข้าก็บอกไม่ได้ว่ามันจะดีสมฐานะไหม แต่ข้าขอสัญญาว่าจะปกป้องเจ้าด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี...รวมถึงชีวิตนี้ก็ด้วย......”

“....”

“เข้าใจแล้วใช่ไหม...”

โทริโกะไม่ได้ยินเสียงตอบใดๆเพียงแต่สัมผัสอุ่นชื้นเริ่มแผ่จากผ้าเนื้อดีซึมเข้ามาบริเวณกลางอก มือเล็กกำแขนเสื้อเขาแน่นจนไหวระริก โทริโกะยิ้มจางแล้วลูบหัวคนขี้แยเบาๆกระซิบถามไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสุดท้ายมีแรงที่จะผงกหัวรับคำเขานั่นแหล่ะเขาถึงได้หยุดถาม อ้อมแขนแข็งแรงค่อยๆคลายออกก่อนจะส่งสายตาให้กับองครักษ์ประจำตัวที่ยืนสังเกตุการณ์ไปไม่ไกลว่าให้เตรียมตัวอารักขาอีกครั้ง...โคมัตสึควรจะกลับร้านได้แล้ว อีกอย่างถ้ายายเซ็ตสึเกิดบ่นขึ้นมา เขาซวยแน่ๆ

โทริโกะส่งเด็กชายตัวเล็กขึ้นรถม้า ดวงตาที่เคยทอดทอกระแสอบอุ่นค่อยๆเปลี่ยนกลับไปเป็นเยือกเย็นอีกครั้ง เขาเรียกองครักษ์ส่วนตัวมากำชับอะไรบางอย่างอีกเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เริ่มควบม้า  สำหรับคนที่โตมากับการต่อสู้อย่างซีบร้า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้สึกวิตกเมื่อเริ่มงานอันตราย แต่คราวนี้กลับรู้สึกว่ามันกดดันไม่น้อย

ใช่ว่าเขาไม่เห็น ใช่ว่าเขาไม่ได้ยิน ถึงจะอยู่ไกล แต่ประสาทสัมผัสที่ถูกลับจนคมกริบก็ต้องรู้บทสนทนาทั้งหมดอยู่แล้ว และทุกอย่างก็บอกชัดว่าคนที่เขาต้องดูแลตลอดระยะทางจนถึงร้านเซ็ตสึโนะนั้นเป็นคนสำคัญที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เขาเคยทำงานอารักขามา

“ท่านซีบร้าขอรับ...” เสียงเล็กๆนั้นดังออกมาจากภายในรถม้าที่มีม่านปิด ช่องว่างของความเงียบมันนานพอสมควร “ข้า...อวดดีไปหรือเปล่าขอรับ”

ดวงตาคู่คมเหลือบมองทันทีที่จบคำถาม

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

“ข้าเพิ่งบอกเจ้ารัชทายาทไปว่าขอให้พระองค์รอโดยที่ปลายทางนั้นยังมีหมอกปกคลุม...ข้าไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ต้องฝึกมากแค่ไหนจึงจะเหมือนกับท่านย่า...เป็นฮิมาวาริที่น่าภาคภูมิใจขององค์ชายได้เช่นนั้น...บอกตามตรงว่าไม่ทราบเลยขอรับ” แล้วราชองครักษ์ผู้แข็งแกร่งก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสๆทว่าฟังเศร้าสร้อยดังต่อท้าย และว่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“แต่ถึงอย่างนั้น...ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังขอให้พระองค์ช่วยรอ”

“...”

“ข้าอวดดีใช่ไหมขอรับ...”

“เจ้าหนู...ไอ้เรื่องคนอวดดีที่ข้าเกลียดน่ะนะ...” พลันเสียงทุ้มห้าวก็เอ่ยขึ้น ดวงตาคมกริบของราชองครักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าใครในแผ่นดินเหลือบมองไปยังหน้าต่างรถม้าที่มีผ้าม่านสีแดงสดปิดอยู่ “คือคนขี้ขลาดที่โกหกปลิ้นปล้อน อวดเก่งว่าตัวเองทำได้ทั้งๆที่ไม่สำเหนียกความสามารถ  ทั้งยังเอาดีเข้าตัวปัดชั่วไปให้คนอื่น ลอยหน้าลอยตาไปวันๆ ต่อหน้าก็เอาอกเอาใจ ส่วนลับหลังก็นินทา ไอ้พวกนั้นแหล่ะที่เรียกว่า อวดดี”

โคมัตสึอึ้งไปนิดกับคำบ่นยาวๆด้วยน้ำเสียงเกลียดชังอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก่อนจะหลุดยิ้มแห้งๆออกมา ถึงเขาจะไม่เคยเข้าวัง ไม่ค่อยรู้เรื่องชีวิตของพวกราชวงศ์ก็เถอะ แต่จากที่เดาแล้วท่านซีบร้าคงจะต้องรับมือกับเหล่าบุคคลที่ตัวเองเกลียดมาไม่น้อยแน่ๆ ถึงได้ซึมเข้ากระดูกดำขนาดนั้น

และสุดท้ายเสียงที่อยู่ข้างนอกรถม้ากลับมาทุ้มต่ำอย่างเก่าก็เอ่ยอย่างเบาแผ่ว

“แต่เจ้า...ไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหม”

“ขอรับ?

“เรื่องที่เจ้าพูดกับโทริโกะ พูดจริงหรือเปล่า...ประโยคยาวๆนั่นน่ะ”

โคมัตสึนิ่งงันกับคำถามนั้น เขาจำได้ว่าเขาพูดกับท่านโทริโกะไปมากเหลือเกิน แต่ละประโยคก็ยาวด้วย แต่ถ้าหากให้เดา ท่านซีบร้าก็คงจะหมายถึงประโยคนั้น ที่เขาบอกว่าถ้าจะต้องอยู่เคียงข้าท่านโทริโกะ เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ต่อให้เป็นตำแหน่งไหน จะอยู่คอยประคับประคอง ช่วยเหลือให้ได้มากที่สุดเท่าที่กำลังเขานี้จะทำได้

ริมฝีปากเล็กๆขยับยิ้มจาง เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ แล้วเสียงใสๆก็ตอบอย่างมั่นใจ

“พูดจริงสิขอรับ” ก็เพราะรู้ตัว...ว่าตอนนี้มันยังไม่สามารถที่จะทำอย่างที่พูดได้

เขาถึงปฏิเสธไป....

“ก็ดีแล้วนี่” ริมฝีปากหนาที่แทบไม่เคยเปลี่ยนหยักเป็นยิ้มอย่างถูกใจ ความจริงเขาไม่นึกสงสัยในตัวเด็กคนนี้หรอกว่ามันจะพูดโกหก แต่ก็แค่อยากย้ำให้รู้ว่าตัวเองได้สร้างความหวังครั้งใหญ่ไว้กับผู้ชายคนหนึ่งไว้แล้วเท่านั้นเอง “มันก็ดีอยู่หรอกที่เจ้าเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ข้าขอแนะนำอะไรไว้อย่าง”

“แนะนำอะไรหรือขอรับ”

“ต่อหน้าคนที่ชอบเจ้า...ถ้ามันเป็นการรักษาน้ำใจเขาได้ ก็ช่วยๆโกหกไปบ้างเถอะ”

“ท่านซีบร้า!?

            “ข้าพูดจริง ตั้งแต่เด็กจนโตข้าเพิ่งเห็นโทริโกะทำหน้าอย่างนั้นเป็นครั้งแรกเลย หึๆ เศร้าอย่างกับลูกหมาโดนแม่ทิ้ง นี่ถ้าซานี่รู้เรื่อง คงจะโดนไปล้อไปตั้งแต่วังหน้าไปยังวังหลัง” ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแบบนี้อีกทั้งเสียงหัวเราะคล้ายจะเยาะเบาๆจะออกมาจากปากองครักษ์ประจำตัวที่ดูท่าว่าจะจงรักภักดีกับเจ้ารัชทายาทมากที่สุด โคมัตสึไม่รู้ว่าตัวเองจะแสดงสีหน้ายังไงอยู่หลังผ้าม่าน จะขำก็ไม่ได้ จะปรามก็ไม่ดี สุดท้ายเลยได้แค่ยิ้มออกมา อย่างน้อยเขาก็รู้สึกดีนะที่ดูเหมือนท่านซีบร้าจะเหมือนกับท่านโคโคะ เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับท่านโทริโกะ หากมีคนพวกนี้อยู่เคียงข้าง...ช่างดีจริงๆ

            ดีจริงๆที่ท่านยังคงมีกลุ่มคนที่เป็นที่พึ่งพิงได้....

            “แล้วจากนี้เจ้าจะทำยังไงต่อไป”

            “ก็คงจะต้องฝึกให้หนักขอรับ ต้องฝึกประสาททั้งห้าที่จะใช้จำแนกวัตถุดิบให้คมชัด การปรุงอาหารด้วยวิธีการต่างๆที่ยากและซับซ้อนขึ้น...นอกจากนี้ข้าตั้งใจที่จะศึกษาสมุนไพรทั้งให้ประโยชน์และโทษด้วย”

            “สมุนไพรรึ?” องครักษ์ผู้แข็งแกร่งทวนคำ ในขณะที่เขาก็รู้สึกว่าเสียงใสๆของโคมัตสึดังกังวานที่คำนี้มากกว่าปกติ มือแกร่งบังคับบังเหียนม้าให้เข้าไปใกล้ตัวรถม้าอีกนิด เอียงคอให้ใกล้กับม่านสักลาดที่กระเพื่อมไหว กล่าวด้วยเสียงเบาลงกว่าเก่า

“มีอะไรจะบอกข้าไหม”

            “เรื่องของอุซางิจัง...ข้าที่เห็นอาการรู้ดีขอรับว่าเธอได้รับยาถ่ายพยาธิที่ผิดสำแดง ซึ่งระดับในรั้วในวังแล้ว เรื่องที่ผู้ดูแลสัตว์ทรงจะทำผิดพลาดนั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่ ยิ่งเป็นแม่ม้าตัวสำคัญใกล้คลอด ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ข้าคิดไว้คือมีเพียงอย่างเดียวคือ มีคนลอบวางยาเธอ...” เสียงใสเงียบไป แต่ความกดดันกลับแผ่มาจากรถม้าอย่างช้าๆ ดวงตาคู่คมสีแดงเข้มของซีบร้าเบิกกว้างเล็กน้อย ประโยคต่อมาโคมัตสึคงจะพูดไม่ได้ แต่ในใจของเด็กคนนั้นคงจะรู้อยู่เต็มอก


            มีทรราชย์....


            โทริโกะกำลังอยู่ในอันตราย


            ซีบร้าถอนหายใจ เขาประมาทโคมัตสึไปหน่อย ไม่คิดว่าจะวิเคราะห์เรื่องของอุซางิได้ขนาดนี้ ดวงตาคู่คมเบือนออกราวกับหลบความกดดันประหลาดที่มันกระจายออกมารอบคันรถ เลือกที่จะตอบกลางๆให้คลุมเครือที่สุด หนึ่งคือโคมัตสึไม่ควรมาพัวพันกับเรื่องนี้ และสองเขาไม่รู้ว่ามีพวกศัตรูดักฟังอยู่ไหม

            “เรากำลังตามสืบเรื่องนี้”

            “ขอรับ...พอทราบ แต่สมุนไพรที่เป็นอันตรายต่อสัตว์ทรงขององค์รัชทายาท ไม่มีทางพบได้ง่ายๆในรั้ววังหลวง พวกมันลงมือกันอย่างอุกอาจนะขอรับ ไม่นานต้องทราบเบาะแสแน่ แทนที่จะเป็นอย่างนั้นสู้ลักลอบส่งมาจากนอกวังจะดีกว่า หากเรื่องแดงขึ้นมา จะใช้อำนาจของวังป้ายสีให้กับนายหน้าผู้ส่งก็ยังได้...”

            ซีบร้านิ่งเงียบ หากแต่กลางหลังเหงื่อเริ่มซึมชื้น ทุกอย่างที่โคมัตสึพูดคือสิ่งที่โคโคะวิเคราะห์ได้และเพราะเป็นอย่างนี้เขาถึงจะต้องออกมาจากวังบ่อยๆเพื่อจับตาดูเรื่องไม่ชอบมาพากล อย่างสองสามวันมานี้เขาต้องตามไปดูร้านสมุนไพรรอบรั้ววังในรัศมีสิบลี้เพื่อตามสืบเบาะแสสมุนไพรที่เป็นพิษต่อม้า และคงต้องขยายวงสืบสวนไปอีกเรื่อยๆหากมันยังไม่ได้อะไรคืบหน้า เรื่องดำเนินได้ค่อนข้างช้าเพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่ทำหน้าที่ตรงนี้อยู่

            การสืบนี้เป็นความลับระดับสูงสุดและโทริโกะต้องการเพียงคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น

            นี่หรือว่า...

            “เจ้าหนู...” องครักษ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินเรียกด้วยเสียงแปลกแปร่งเมื่อความคิดบางอย่างมันผุดขึ้นในหัว มันเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงเลย และไม่คิดว่าเจ้าเด็กตัวเล็กๆที่อยู่หลังม่านนั่นจะกล้าทำ “ที่เจ้าปฏิเสธเรื่องจะเป็นฮิมาวาริตอนนี้...”

            สวบ

            ปึก!

            โคมัตสึสะดุ้งเฮือกเมื่อพลันเสียงทุ้มห้าวขององครักษ์ก็เงียบชะงักพร้อมๆกับเสียงของอะไรบางอย่างดังหนักๆใกล้ๆกับหูของเขา ม่านสีแดงสะบัดเปิดให้เห็น ดวงตาคู่โตเบิกกว้างเมื่อปรากฏลูกเกาทัณฑ์เรียวยาวปักแน่นกับขอบหน้าต่างห่างจากหน้าเขาเพียงคืบ ร่างทั้งร่างของโคมัตสึชาวาบเมื่อรถม้าเริ่มเสียการควบคุม  นายสารถีคงไม่อยู่ในสภาพทำงานได้แล้ว  หลังจากนั้นข้างนอกก็วุ่นวายโกลาหล เขาได้ยินท่านซีบร้าตะโกนเข้ามาว่าให้อยู่นิ่งๆ และจากนั้นตามด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงร้องแหลมๆม้าหลายสิบตัวที่ดังอยู่รอบๆผสานกับเสียงของมีคมปะทะกันแสบแก้วหู ซึ่งโคมัตสึคิดว่าคงเป็นหน่วยทหารใต้บังคับบัญชาของท่านซีบร้าที่ตามมาสมทบ

            แต่เด็กหนุ่มคิดผิด...

            คมดาบวาววับเสียบแทงผ่านม่านเฉียดปลายจมูกของเขาไปเพียงเล็กน้อย กลิ่นของโลหะที่แม้ไม่มีเลือดชโลมอยู่แม้เพียงหยดยังให้กลิ่นคาวคล้ายสนิมมาจางๆ หัวใจดวงน้อยกระตุกแล้วเต้นกระหน่ำ มือจิกกับพนักเก้าอี้เมื่อดาบนั้นร่วงหล่นลงต่อหน้าพร้อมๆกับหยดเลือดเล็กๆกระเซ็นเข้ามาเปื้อนใบหน้าบ่งบอกว่าผู้ถือคงจะโดนจัดการไปแล้ว ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันเพื่อบรรเทาอาการสั่นระริก ในหัวปั่นเร็วจี๋แล้วมันก็ช่วยเตือนสติเขาเดี๋ยวนี้เอง
            คนที่ตามอารักขาเขามีเพียงคนเดียวนั่นก็คือท่านซีบร้า...

            ส่วนนอกนั้นคือศัตรู

            หลายสิบต่อหนึ่ง หากเป็นท่านซีบร้าสู้เพียงปกป้องตัวเองก็คงจะไหวอยู่ แต่ถ้าหากต้องพะวงเรื่องความปลอดภัยของเขา ลำบากแน่!

            ดวงตาสีดำขลับมองลอดออกไปนอกม่านทั้งสองข้างทาง ต้นไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นบอกว่าตอนนี้เขายังคงอยู่ในป่า ป่านี้มีพื้นที่ไม่มากนัก กั้นระหว่างชุมชนกับพระราชวัง หากพ้นป่านี้ไปได้เมื่อไหร่ เข้าตัวตลาดได้มันคงจะพอทำอะไรได้บ้าง อย่างน้อยๆก็จะขอความช่วยเหลือได้

            แต่ตอนนี้ศัตรูข้างนอกเหลืออีกกี่คนนี่สิปัญหา และไม่นับมือแม่นธนูที่จู่โจมเขาเมื่อตอนแรกด้วย แต่เขาพอจะเดาได้ว่ามันจงใจที่จะพุ่งเข้ามาสังหารเขาโดยตรง พอมันพลาดมันจึงให้นักฆ่าระยะประชิดเข้ามาเผด็จศึกเหมือนอย่างตอนนี้ โคมัตสึเม้มริมฝีปากอย่างเครียดหนัก เขาต้องทำอะไรสักอย่าง หากไม่ทำท่านซีบร้าอาจจะพลาดพลั้ง ถึงจะรักษาชีวิตของเขาจากนักฆ่าเอาไว้ได้ แต่ม้าที่เสียการควบคุมแล้ววิ่งไปเรื่อยๆแบบนี้ มีหวังจะพลัดตกเนินเขาเอาง่ายๆ ว่าแล้วหูก็กลั้นใจฟังเสียงดาบฟาดฟันกับเนื้อมนุษย์หรือเสียงร้องโหยหวน เสียงอะไรก็ได้ที่ช่วยบอกว่าศัตรูถูกจัดการไปอีก

            สองคน...สามคน

            สี่..ห้า

            ตอนนี้แหล่ะ!!

ร่างเล็กก็ถลันออกจากรถม้า

            “เฮ้ย!!! เจ้าหนู!!!!” เสียงองครักษ์ผู้แข็งแกร่งร้องลั่น แต่โคมัตสึไม่สนใจ พุ่งสมาธิคว้าบังเหียนม้าลากเลื่อนแล้วกระชากตัวเองขึ้นหลังม้าที่กำลังห้อตะบึง ช่องท้องทั้งหมดโล่งวาบเมื่อรู้สึกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวลอยอยู่กลางอากาศ ลมหายใจติดขัดในขณะที่พยายามเกี่ยวบังเหียนให้แน่นที่สุด การที่เขาเป็นคนตัวเล็กมันเป็นดาบสองคม คือน้ำหนักของเขาที่กระโดดลงบนหลังม้าอย่างกะทันหันไม่ทำให้เจ้าสัตว์พาหนะตกใจเท่าไหร่นัก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พร้อมที่จะปลิวตกไปเพราะความเร็วสุดฝีเท้าของมันทุกเมื่อ

            ให้ตายสิ! ให้ตาย ชีวิตนี้เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าบิ่นขนาดนี้เลย แต่ถ้าไม่ทำเขากับท่านซีบร้าตายแน่ๆ!

            แต่เรื่องมันไม่ได้ง่าย! โคมัตสึเป็นพ่อครัวไม่ใช่นักรบ เขาเคยใช้ม้าเพื่อไปซื้อของเท่านั้น แล้วเจ้ายุนของเขาก็เป็นลูกม้าเลี้ยง ไม่ใช่ม้าศึกเจนสนามที่วิ่งตัดสายลมได้ขนาดนี้ สายหนังในมือเขาสะบัดไปมาอย่างแรง เสียดสีกับนิ้วจนเจ็บแสบ สิ่งที่เขาทำได้คือบังคับมือให้นิ่งที่สุด แล้วสวดภาวนาว่าไม่ให้เจ้าม้าบ้าพยศถึงขั้นพาเขาตกหน้าผาเป็นพอ เด็กหนุ่มร่างเล็กเอี้ยวตัวมองหลัง คนที่ควบม้าตามเขามาติดๆคือท่านซีบร้า ร่างกำยำนั้นมีเลือดกระเซ็นเปื้อนประปราย แต่ทว่าที่แขนกลับไหลอาบ โคมัตสึกัดปากไล่ความเครียด ท่านซีบร้าได้แผล แถมยังลึก หากไม่รีบหาที่พัก ได้แย่จริงๆแน่

            “บัดซบ! เจ้าหนู ทางขวา!!!” โคมัตสึตวัดสายตามองไปทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว ปรากฏนักฆ่าในชุดคลุมสีดำห้อม้าเข้าประชิด ในมือกุมดาบแล้วทำท่าจะเหวี่ยงมันลงมา ไม่ต้องคำนวณหรอกระยะนี้ฟันถึงเขาได้แน่ๆ ชั่ววินาทีที่รอบกายเงียบสงัดและดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ท่านซีบร้ากำลังตะโกนเรียกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ดวงตาจับจ้องเพียงภาพด้านขวามือ ดาบ...สายตานักฆ่าที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สมองอื้ออึงไม่ทำงาน ตรรกะทั้งหมดดับวูบ และสิ่งเดียวที่เริ่มขับเคลื่อน คือสัญชาตญาณเอาตัวรอด

            มันบอกให้เขาหยิบมีดประจำกายข้างเอวเข้าสู้!

            หากแต่ทันทีที่ปลายนิ้วแตะกับปลอกมีดอันทรงค่าร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกฉุดกระชากไปทางซ้ายให้ไปนั่งอยู่บนหลังม้าอีกตัวพร้อมพอดีที่คมดาบนักฆ่าวาดลงมา โคมัตสึเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเอวเขาถูกรัดแน่นด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ชโลมเลือดแผ่นหลังเล็กๆที่ชิดอกแกร่ง เสียงหัวใจที่เต้นหนักกระหน่ำทำให้รับรู้ได้เลยว่าคนที่ซ้อนหลังกำลังกลัวกับการกระทำของเขาแค่ไหน

            “ท่าน...ซี..บร้า?

            ราชองครักษ์ร่างสูงรัดแขนให้แน่นเข้าไปอีก เสียงหอบหายใจหนักกระซิบด้วยความเครียดจัด

            “มีดนั่นคือชีวิตของเจ้า...อย่าได้เอามันไปแปดเปื้อนเลือด”

คำเตือนสติมันฟังทรงพลังจนภาพของบุรุษผู้ที่เขาขอให้รอผุดขึ้นในหัวใจ...ดวงตาคู่โตที่เงยขึ้นมองเขาสั่นระริกก่อนจะหลุบลงพร้อมกับคำรับคำสั้นๆฟังสำนึกผิด ซีบร้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความจริงเขาล่ะอยากเขกกะโหลกเจ้าเด็กนี่ด้วยซ้ำ คิดยังไงถึงได้ทะเล่อทะล่าออกมาจากรถม้าขนาดนั้น แต่เขาก็คิดอยู่หรอกว่าถ้าอยู่อย่างนั้นมันก็ไม่รอด ยังไงก็จะหาโอกาสดีๆคว้าตัวออกมาจากรถม้าอยู่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหนูนี่มันจะมีสัญชาตญาณเอาตัวรอดที่เหลือเชื่อจนเขาแทบจะบ้าตาย!

            ไอ้เรื่องที่จะตายเพราะโดนนักฆ่าฆ่าเขาไม่กลัวหรอก แต่ถ้าอายุสั้นเพราะลูกบ้าดีเดือดของไอ้เด็กนี่เขาไม่เอาเด็ดขาดเลย!

            “ยอมแพ้เสียเถอะ พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก!!!

            ตอบรับคำขู่ มือแกร่งของซีบร้าสะบัดสายหนังที่ผูกกับม้าให้เร่งความเร็วขึ้นอีก ยังเหลือนักฆ่าอีกสองคนที่ไล่กวดพวกเขามาติดๆ อีกประมาณหนึ่งลี้พวกเขาจะเจอลำธาร หากข้ามลำธารได้พวกเขาจะเข้าตัวชุมชนใหญ่ที่เจ้าหนูอาศัย อย่างน้อยๆเขาอาจชิงจังหวะตอนที่ข้ามลำธารสังหารพวกมันได้หนึ่งคน และถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ นักฆ่าพวกนี้ลงมืออย่างเป็นขั้นเป็นตอน พวกมันมีสังกัด       หากเหลือเพียงคนเดียวต้องล่าถอยเพื่อกลับไปรายงานผู้ว่าจ้าง หรือไม่ก็ต้องหนีเพื่อไม่ให้เขาจับได้แล้วเค้นคอสาวเรื่องไปถึงเจ้านายของพวกมัน

            ริมฝีปากของผู้กำชัยชนะบิดเป็นรอยยิ้มร้าย ยัดบังเหียนใส่มือเด็กชายตัวเล็กแล้วกำชับหนักแน่น

            “คุมม้าให้ข้าจนกว่าจะข้ามลำธาร เรื่องแค่นี้ทำได้ใช่ไหม”

            โคมัตสึเลิกคิ้วสูงจนตาเหลือก ไอ้เรื่องแค่นี้ของท่านซีบร้านี่มันเหมือนจะขี้ปะติ๋วหรอกนะ แต่ลำธารนั่น น้ำเชี่ยวบัดซบเลยนะขอรับ!

            “ไม่ต้องมาทำหน้าตางี่เง่า ถือเป็นการลงโทษที่ทำให้ข้าเกือบโดนเจ้าโทริโกะมันสั่งประหาร” ดูท่าว่าเรื่องที่เขากระโดดออกจากรถม้าไม่บอกไม่กล่าวจะกลายเป็นความแค้นฝังหุ่นองครักษ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินไปแล้ว โคมัตสึหัวเราะแห้งๆในใจก่อนจะเพ่งสายตาไปที่สายน้ำที่ไหลตัดหน้าอีกไม่กี่ก้าว เจ้าอาชาร่างกำยำไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงแต่ถึงกระนั้นด้วยสัมผัสที่อยู่ในมือของเขาก็บอกว่าม้าตัวนี้ไม่ใช่ม้าที่ดีแต่บ้าระห่ำ แต่มันคือม้าของนักรบชั้นหนึ่งที่จะเจออุปสรรคอะไรก็พร้อมจะฝ่าไปด้วยการควบคุมของเขา

            “ห้ามหันหลังกลับมามองล่ะ” เสียงเข้มกระชับเป็นครั้งสุดท้าย โคมัตสึพยักหน้ารับ

            “ขอรับ!

            พลันกีบเท้าก็สัมผัสกับลำธาร หยาดน้ำสาดกระจายจากการปะทะกันรุนแรงระหว่างความเร็วที่สวนเส้นทาง ซีบร้าปรับท่านั่งของตนจนเริ่มชินกับพื้นผิวขรุขระ ทันทีที่การทรงตัวอยู่ในภาวะเสถียร เขาหันหลังกลับ มือคว้ามีดสั้นข้างเอว นักฆ่าคนแรกกำลังสะบัดบังเหียนบังคับม้าให้ควบลงสายน้ำ แต่ความเชี่ยวกรากของมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่ม้าตัวไหนคิดจะข้ามก็ข้ามได้ หากฝึกมาไม่ดีจะตื่นตกใจกลัวและหยุดชะงัก

            “ฮี้ย์!!!!” เสียงร้องลั่นริมลำธานกับอาการตะกายขาคู่หน้ากับอากาศเป็นสัญญาณถึงความเพลี่ยงพล้ำ ซีบร้าหรี่ตาลง หัวคิ้วขมวดมุ่น หากแต่มุมปากขยับยิ้ม อาวุธขนาดเล็กในมือนิ่งสงบก่อนที่มันจะพุ่งทะยานด้วยพลัง แหวกอากาศเป็นเส้นตรงและเป้าหมายตรงที่กลางหน้าผากของศัตรู!

            โคมัตสึเม้มปากแน่น แม้ไม่ได้ยินเสียงร้อง แต่เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างตกน้ำซึ่งโคมัตสึเดาว่าคงเป็นศพของศัตรูมันก็ช่วยยืนยันความปลอดภัยให้เขาได้แล้ว เด็กชายร่างเล็กสูดลมหายใจลึกสงบสติอารมณ์ตัวเองแล้วพยายามควบคุมม้าต่อไปจวบจนกระทั่งกีบเท้าม้าแตะพื้นดินอีกครั้ง เสียงหอบหายใจหนักๆจากข้างหลังกับเลือดที่โชกเต็มแขนของท่านซีบร้าทำให้เขานิ่งนอนใจไม่ได้

            “ท่านซีบร้า ช่วยอดทนอีกนิดนะขอรับ...ท่านซีบร้า?...” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างหลัง ด้วยความเป็นห่วงเด็กชายร่างเล็กจึงหันกลับไปดูอาการ หากแต่การที่ซีบร้าไม่ตอบรับไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเกิดทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วหมดสติไปอย่างที่เขากลัว แต่กลับกลายเป็นว่าซีบร้ากำลังจับจ้องอะไรบางอย่างอยู่ที่ริมลำธาร

            นักฆ่าคนสุดท้ายที่รอดชีวิต...

            คนที่ควรจะหนีเพราะไม่เล็งเห็นถึงความสำเร็จของภารกิจไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น ร่างนั้นกำลังค่อยๆทรุดฮวบลงกับคอม้ากับเลือดสีแดงสดๆกำลังสาดกระเซ็นเพราะวงดาบของบุคคลปริศนาในชุดคลุมสีดำสนิท โคมัตสึเบิกตากว้าง น้ำลายเฝื่อนคอจนกลืนไม่ลง สิ่งที่ติดตาเขาไม่ใช่การเห็นคนโดนฆ่าตายต่อหน้าต่อตา


            แต่เพราะผู้สังหารมีผมยาว....


ผมยาวสีดำ...


และบรรยากาศรอบตัวนั้นคละเคล้าอยู่ระหว่างความน่ากลัวและความน่าศรัทธา แต่ตอนนี้...ทั้งหมดนั้นถูกคลุมด้วยไอทะมึนของความโกรธเกรี้ยวเสียจนชวนให้ร่างกายสั่นสะท้าน

“อ่ะ..” แล้วภาพก็ถูกบังจนมิดด้วยร่างขององครักษ์ผู้แข็งแกร่ง ดวงตาสีแดงเข้มเครียดขึ้ง เสียงแหบห้าวทวงคำสั่ง

“ข้าบอกเจ้าว่าห้ามหันกลับมามองไม่ใช่หรือไง”

เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะเอ่ยค้านโดยไม่เกรงกลัว แต่ทั้งหมดก็ต้องกลืนลงคอจนหมดสิ้นเมื่อใบหน้าของซีบร้านั้นซีดลงมากแต่ถึงกระนั้นก็ยังเห็นรอยขอร้องจางๆว่าให้เขารีบออกไปจากที่นี่ โคมัตสึเก็บทุกอย่างไว้ในอกแล้วรีบสะบัดบังเหียนให้ม้าออกควบอีกครั้ง ขณะที่ในหัวเริ่มปะติดปะต่อ ยิ่งคิดมือของเขาก็ยิ่งเย็นชืดและชาจนไม่รู้สึก เหงื่อเริ่มผุดพรายเต็มแผ่นหลังจนซึมชื้นเนื้อผ้า



ผู้ชายคนนั้น...เขาจำได้......









“นายน้อย! นายน้อยโคมัตสึกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!!” เสียงสาวรับใช้คนหนึ่งร้องเรียกเขาอย่างยินดี ในขณะที่คนอื่นๆคลายรอยกังวลบนใบหน้าแล้วแย้มยิ้มออกมาอย่างยินดี รวมถึงท่านย่าเซ็ตสึโนะที่กำลังยืนรอเขาอยู่ข้างหน้าสุด ส่วนข้างๆมีคนที่เขาไม่คิดว่าจะอยู่ด้วย

อดีตองค์ชายอันดับสอง ท่านจิโร่ หรือ ท่านปู่จิโร่ที่เขาเรียกในปัจจุบัน...การที่ท่านมาอยู่ที่นี่ด้วยคงเพราะท่านย่าของเขาเป็นคนขอร้องให้มา เพราะสังหรณ์ได้ว่าคงจะเกิดเรื่อง หากแต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถเล่าอะไรให้ใครฟังได้ทั้งนั้น เด็กชายตัวเล็กรีบตวัดตัวลงจากหลังม้าพร้อมขอยืมแรงพนักงานชายในร้านสองสามคนมาช่วยประคององครักษ์ผู้บาดเจ็บให้ไปพักในเรือนรับรอง ก่อนจะหันไปขอร้องสาวใช้ด้วยสีหน้าจริงจัง

“ช่วยเตรียมน้ำสะอาดกับผ้าขนหนูให้ข้าที ส่วนคุณโนโนะ...วานเตรียมเขากวาง แบะตง ตำเต็ก เต็งซิม เอาไว้ในครัว สักพักข้าจะเข้าไปต้มยาขอรับ” พวกเธอรีบโค้งรับคำก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปเตรียมของตามสั่ง โคมัตสึไปรอช้า รีบรุดเข้าไปในเรือนรับรอง ร่างกายกำยำขององครักษ์ส่วนพระองค์นอนอยู่บนฟูก ท่าทางอ่อนเพลียมาก หากแต่ยังครองสติได้อยู่

ร่างเล็กทรุดกายลงข้างๆก่อนจะเริ่มสัมผัสตัวผู้เจ็บ เหงื่อชื้นไปหมดแถมอุณหภูมิร่างกายเริ่มลดต่ำ ริมฝีปากแห้งผากและหายใจถี่  โคมัตสึมีสีหน้าเครียดขึ้นทันตา เขาหันไปรับผ้าขนหนูมาจากสาวใช้ พับมันหลายทบแล้วจับแขนของซีบร้าวางเทิน นิ้วเล็กสองนิ้วแตะแล้วกดเบาๆเข้าที่ข้อมือด้านนิ้วโป้ง รับรู้การเต้นของชีพจร

เบาทว่าเร็ว...

ถึงจะไม่ร้ายแรงมากนัก แต่ท่านซีบร้าก็มีอาการช็อกจากการเสียเลือด ต้องรีบห้ามเลือดก่อนเป็นอันดีที่สุด

“เจ้ามีความรู้ด้านการแพทย์ด้วยรึ?

ดวงตากลมโตละสายตาไปมองคนถามทันที พ่อครัวตัวเล็กยิ้มขำๆ ตอบติดตลกไป

“เล็กน้อยขอรับ อย่างน้อยก็ทำคลอดให้ม้าได้...เลยคิดว่ารักษาแผลคงไม่ยากไปกว่ากันเท่าไหร่ขอรับ” ว่าแล้วก็รับรู้ได้ถึงสายตาคาดโทษกลายๆ โคมัตสึจัดหมอนอิงแล้วช่วยพยุงตัวให้ตัวของซีบร้าชันขึ้น วางแขนที่มีเลือดไหลไว้กับหมอนสูงกว่าระดับหัวใจเพื่ออย่างน้อยจะช่วยห้ามเลือดได้อีกแรง หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อจากนั้นเสียงประตูก็เลื่อนเปิดออก

“ท่านปู่...ท่านย่า?

ผู้อาวุโสทั้งสองยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงข้างๆเด็กชาย ในมือของเซ็ตสึโนะมีสมุนไพรสดอยู่ ซึ่งโคมัตสึจำได้ว่ามันคือหญ้าเขี้ยวมังกรกับผงไห่ถังช่วยสมานแผลได้ดี

“เดี๋ยวปู่กับย่าจะทำแผลให้ซีบร้าคุงเอง เจ้าเข้าครัวไปต้มยาเถิด”

จบคำเด็กชายโค้งให้ก่อนจะค่อยๆออกไปจากห้อง เขารีบรุดไปที่ห้องครัว ในนั้นมีโนโนะรออยู่ สมุนไพรทั้งห้าอย่างเตรียมรอเขาอยู่บนจาน รวมถึงเขากวางก็ขูดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โคมัตสึมองส่วนผสมของยาทั้งหมด แล้วถอนหายใจเบาๆ การปรุงยานี้ไม่ได้ยากที่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ แต่ความละเอียดอยู่ที่การต้มยาให้ได้คุณภาพมากที่สุด ความเข้มข้นของสมุนไพรมีผลต่อสรรพคุณของยา ถ้าหากเขาตวงน้ำพลาด อาการบาดเจ็บของท่านซีบร้าคงทุเลาช้า

“การต้มเหล่งเอี๊ยงที่ดีที่สุดคือการตวงน้ำสามถ้วยข้าวต้มต่อตัวยาหนึ่งชุด ต้มจนเหลือหนึ่งถ้วยข้าวต้ม ถือว่าใช้ได้” เสียงพึมพำเบาๆของพ่อครัวตัวเล็ก เขาเตรียมหม้อขึ้นวางบนเตา จุดไฟ จากนั้นจึงเทน้ำสามถ้วยลงในหม้อ ส่วนโนโนะรีบนำเขากวางขูดฝอยใส่ในผ้าขาวบาง มัดแน่นด้วยเชือกกลายเป็นถุงเล็กๆ และรีบจัดสมุนไพรมาอยู่ข้างๆ

โคมัตสึนำสมุนไพรทั้งหมดใส่ในหม้อต้ม จากนั้นตามด้วยเขากวางในผ้าขาวบาง คนเบาๆจากนั้นจึงปิดฝา “ไฟอ่อนถึงปานกลาง หากเป็นระดับนี้กว่าที่จะเหลือน้ำต้มเพียงหนึ่งในสาม คงจะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีจนถึงครึ่งชั่วโมงสินะ” ดีที่แผลท่านซีบร้าไม่ลึกมาก อีกอย่างตอนนี้ท่านยาคงใช้หญ้าเขี้ยวมังกรรักษา เลือดคงจะหยุดไหลไปแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าให้รอยาอีกถึงครึ่งชั่วโมงต้องแย่แน่ๆ...แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเขาโชคดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง

ดีจริงๆที่เขารอดกลับมา....

แต่พูดถึงว่ารอด คนที่ช่วยให้พวกเขารอดยังมีอีกคน...บุรุษเจ้าของผมสีดำยาวคนนั้น

แน่นอนว่าเขาจำได้...เป็นคนเดียวกันที่มาบอกว่าเป็นคนรู้จักขององค์ชายรัชทายาท อีกทั้งยังออกค่าเกลือให้เขา วันนั้นเขาก็ยุ่งๆกับของที่ท่านโทริโกะสั่งมา จึงไม่ได้ติดตามเลยว่าท่านผู้นั้นได้รับเงินคืนหรือยัง

แต่ที่สำคัญที่สุด...ทำไมเขาถึงไปอยู่ที่นั่นได้

ทำไมเราถึงได้พบกันอีก...นี่มันเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจกันนะ...

“คุณโนโนะขอรับ” เด็กชายหันไปถามผู้ช่วยข้างตัว  “เมื่อวันก่อน ที่มีแขกมาที่ร้านแล้วข้าบอกว่าเขาเป็นธุระจ่ายค่าเกลือให้ เอ่อ..คือ...ได้คืนเงินให้เขาไปเรียบร้อยแล้วหรือเปล่าขอรับ”

โนโนะนึกอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “เปล่าเจ้าค่ะ ท่านผู้นั้นไม่รับคืน ไม่ว่าพูดอย่างไรก็ไม่รับเจ้าค่ะ”

“แล้ว...คุณโนโนะพอจะทราบไหมครับว่าเขาเป็นใคร”

“ไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ แต่ข้าเห็นเขามาที่ร้านของเราบ่อยครั้ง เพียงแต่นายน้อยอยู่ในห้องครัว หรือไม่ก็ไปหาวัตถุดิบตามคำสั่งของท่านเซ็ตสึโนะ จึงอาจไม่มีโอกาสได้พบหน้าเขาเจ้าค่ะ” ข้อมูลที่ได้จากเด็กสาวทำให้โคมัตสึนิ่งไป เขาไม่ทราบว่าคนๆนั้นเป็นใคร รู้เพียงแต่ว่าเขารู้จักกับองค์ชายรัชทายาทถึงเบื้องลึก มีฝีมือการรบฉกาจ ต่อหน้าเขาบุรุษผู้นั้นเหมือนคอยตามช่วยเหลือและให้ความรู้สึกอิสระยิ่งกว่าสายลม แต่ท่านโทริโกะถึงกับส่งคำขอร้องมาว่าอย่าได้พบเจอหรือพูดคุยกับคนๆนั้นอีก

ใครกันแน่นะ...

แล้วเขาเกี่ยวข้องอะไรกับท่านโทริโกะกันแน่

ศัตรูเช่นนั้นหรือ...

แล้วถ้าหากเป็นศัตรู ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาช่วยข้ากับท่านซีบร้าด้วย...

“มีอะไรให้ข้าช่วยไหมเจ้าคะนายน้อย” โนโนะถามขึ้นอย่างรู้งาน โคมัตสึพยักหน้าหงึกหงัก

“ช่วยเตรียมกระดาษ พู่กันแล้วก็หมึกให้ข้าทีขอรับ”








โคมัตสึเดินเข้ามาในห้องรับรองใหม่พร้อมกับยาสมุนไพรอุ่นๆในถ้วยข้าวต้ม เขาวางลงข้างๆองครักษ์ผู้แข็งแกร่ง ในขณะที่สายตาเหลือบมองแผลที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาวสะอาด เป็นไปอย่างที่คาด แผลไม่บวมอักเสบ แถมสีหน้าของท่านซีบร้าก็ยังดีขึ้นมาก

“ท่านปู่กับท่านย่าออกไปแล้วหรือขอรับ”

ซีบร้าพยักหน้าตอบ ก่อนจะเริ่มจิบเหล่งเอี๊ยง หากแต่ดวงตาสีแดงเข้มที่สามารถมองใครๆได้ทะลุปรุโปร่งเสมอก็สังเกตเห็นร่องรอยความจริงจังจนผิดปกติของเด็กชายร่างเล็ก อีกทั้งยังมีรังสีกดดันจางๆแผ่ออกมาด้วย มันเหมือนกับตอนที่เด็กนี่สันนิษฐานเรื่องการวางยาพิษอุซางิในรถม้าไม่มีผิด

แต่ตอนนี้เขาจะไม่ยอมผิดพลาดอีก เพียงเท่านี้ชีวิตของเจ้าหนูก็อยู่ในอันตรายมามากพอแล้ว อีกอย่างพวกเขายังไม่ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันนัก พูดไปคงจะมีแต่จะผลเสีย

“ข้าจะไม่ตอบคำถามใดๆทั้งนั้น” ฝ่ายองครักษ์ดักคอขึ้นก่อน

“ทราบขอรับ ข้าก็จะไม่ถามอะไรทั้งสิ้น” เด็กชายร่างเล็กว่า “แต่ว่าท่านซีบร้า...ท่านจำเรื่องที่เราคุยกันก่อนที่จะถูกโจมตีได้ใช่หรือไม่ขอรับ คำพูดของท่านที่ค้างเอาไว้”

ซีบร้าเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อความจำถูกย้ำเตือน...เรื่องที่เจ้าหนูนี่ปฏิเสธที่จะเข้าวังไปเป็นฮิมาวาริตอนนี้ นั่นไม่ใช่เพียงเพราะอยากจะฝึกฝนตนเองเท่านั้น แต่เด็กคนนี้ยังรู้ว่าเงามัจจุราชที่กำลังสั่นคลอนบัลลังก์แห่งแผ่นดินอาทิตย์อุทัยในภายภาคหน้ายังมาจากรั้วนอกวัง จึงอยากจะอยู่ตรงนี้เพื่อสืบเรื่องให้กระจ่าง

“ตอนนี้ความปลอดภัยของท่านโทริโกะก็สำคัญขอรับ หากท่านมาทำงานอยู่ข้างนอกแล้ว ท่านโทริโกะจะไร้คนปกป้อง ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อมือทหารองครักษ์ท่านอื่นนะขอรับ เพียงแต่ว่าท่านก็พูดเองว่าการเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ และท่านโทริโกะก็ไว้วางใจอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นได้โปรดเถิดขอรับ ขอให้ข้าทำตามสิ่งที่ข้าปรารถนา แม้มันจะไม่มากมายนัก แต่ถ้าหากเป็นการปกป้องท่านโทริโกะได้ ข้าก็จะทำ”

เป็นไปดั่งเกียรติของฮิมาวาริที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาเอาไว้...

“ไม่ได้” ซีบร้าค้านทันทีที่จบประโยค ดวงตาคู่คมไม่มีท่าทีจะใจอ่อน “เจ้าก็เห็นแล้วว่าวันนี้เจ้าต้องเจอกับอะไร เรื่องที่เจ้าจะได้เป็นฮิมาวาริยังไม่ทันจะแพร่กระจายก็มีคนส่งนักฆ่ามาเล่นงานเจ้าแล้ว ข้าล่ะคิดภาพออกเลยว่ากลับวังไปข้ารายงานเรื่องนี้ให้โทริโกะฟัง เจ้านั่นได้คลั่งตายแน่ๆ แล้วถ้าต้องมารู้ว่าเจ้าจะใช้ชีวิตเสี่ยงๆแบบนี้อีก ข้าว่ามันได้ยกเลิกสัญญากับเจ้าแล้วมาหิ้วตัวเจ้าไปขังไว้ในวังตั้งแต่ตอนนี้”

“เพราะเรื่องนี้แหล่ะขอรับ ถึงต้องห้ามให้ท่านโทริโกะรู้”

“เจ้าว่ายังไงนะ!

“ห้ามให้ท่านโทริโกะทราบถึงจุดประสงค์ของข้าขอรับ” เด็กชายย้ำด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ดวงตาสีดำสนิทจ้องราชองครักษ์ผู้แข็งแกร่งกลับอย่างจริงจังว่าเขาไม่ได้พูดเล่น “ให้ท่านโทริโกะเข้าใจว่าข้าต้องออกเดินทางไกลเพื่อไปฝึกวิชาอาหาร เราจะไม่ติดต่อกัน ไม่พบกันอีกจนกว่าข้าจะไขปริศนาผู้บงการวางยาพิษอุซางิจังได้สำเร็จ แต่ว่าถ้าข้าได้ข่าวอะไรคืบหน้าข้าจะหาทางไปบอกท่านหรือท่านโคโคะขอรับ”

ซีบร้าสบตาโตนิ่งงัน หากแต่ไม่เห็นแม้เพียงอาการสั่นไหวในดวงตาคู่โตสีดำแม้เรื่องที่เจ้าตัวพูดมานั้นมันฟังดูใหญ่เกินตัว แล้วรู้ไหมว่าถ้าคนที่ห่วงใยมาได้ยิน มันจะเป็นคำพูดที่ทรมานจิตใจแค่ไหน

“เจ้ารู้ไหม ว่าก่อนที่จะออกรถม้า โทริโกะกระซิบอะไรกับข้า...หมอนั่นกำชับไม่ให้ให้เจ้าต้องประสบกับเรื่องอันตราย แต่ถ้าหากโชคร้ายเจอเหตุไม่คาดฝันระหว่างทาง หมอนั่นบอกให้ข้าปกป้องเจ้าด้วยชีวิต...ไม่เพียงแต่ร่างกายเจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตใจด้วย...”

เด็กชายเงียบไป ชั่ววินาทีนั้นที่ซีบร้าสังเกตเห็นแววตาที่เคยเด็ดเดี่ยววูบไหว เขาถอนหายใจแล้วว่าต่อ

“เจ้าคิดว่าตอนที่เราโดนโจมตีแล้วข้าบอกให้เจ้าอยู่ในรถม้านิ่งๆ อย่าโผล่หัวออกมานั่นแค่ต้องการคุ้มครองเจ้าจากคมดาบเช่นนั้นหรือ...แล้วตอนที่ข้ามลำธาร ที่ข้าบอกกับเจ้าว่าห้ามหันหลังกลับมามองนั่นเป็นเพราะต้องการให้เจ้าตั้งสมาธิกับการคุมบังเหียนม้าเท่านั้นหรือไง...”

“...”

ห้ามให้โคมัตสึเห็นเจ้าสังหารคน ห้ามให้ชีวิตของเขาต้องแปดเปื้อนเลือด นั่นคือคำบัญชาขององค์รัชทายาทที่ฝากข้าเอาไว้”

“...”

“เพราะเช่นนั้นคำขอร้องของเจ้าที่มันขัดต่อพระบัญชา ข้าจึงไม่อาจปฏิบัติตามได้” สิ้นเสียงแหบห้าวโคมัตสึจำต้องก้มหน้าต่ำเพื่อเก็บซ่อนความอ่อนไหวที่มันใกล้จะตีตื้น ใจไหวสะท้ายอย่างหนักเพราะความห่วงใยที่แม้เจ้าตัวไม่ได้มาพูดต่อหน้า แต่เขาก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของท่านโทริโกะเสมอ หากแต่เขาจะยอมไม่ได้ เขาจะยอมให้ตัวเองอาศัยอยู่อย่างสบาย แต่ท่านโทริโกะกลับต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ทุกวันเช่นนี้...เขาทนไม่ได้...

เขาไม่รู้มากนักว่าที่ผ่านมาท่านโทริโกะต้องประสบกับความอ้างว้างแบบไหนกับตำแหน่งว่าที่พระเจ้าแผ่นดินแต่ที่เขาได้เห็นกับตาคือ...ท่านโทริโกะได้มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น

เพราะฉะนั้นต่อจากนี้...เขาจะขอเป็นคนที่ใช้ชีวิตเพื่อท่านโทริโกะบ้าง...

“ท่านเข้าใจผิดแล้วขอรับ” ดวงตาของเด็กชายทวีความจริงจังยิ่งขึ้น น้ำเสียงใสๆดังกังวานแต่ก็เยือกเย็นเสียจนสะกดให้คนนิ่งฟัง “ต้องขออภัยที่ต้องบอกว่าข้ายังไม่ได้เอ่ยคำว่า ขอร้องเลย”

“....”

“วันนี้ข้ารอดชีวิตมาได้เป็นเพราะมีท่านอยู่ด้วยไม่ผิดแน่ แต่ถ้าหากข้าไม่บังคับม้าให้ท่าน ท่านก็คงไม่สามารถสังหารนักฆ่าได้ แต่ตอนนั้นท่านก็พูดแล้วว่าเป็นการลงโทษที่ข้าไม่เชื่อฟังคำสั่ง กระโดดออกนอกรถม้า เพราะเช่นนั้นข้าไม่ติดใจสงสัยขอรับ”

ซีบร้าสัมผัสได้ถึงแววตาที่เปลี่ยนแปลงไป มันยังคงความอบอุ่นอ่อนโยนอย่างที่เจ้าหนูนี่เคยมี หากแต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมามันคือความแข็งแกร่งในเชิงแลกเปลี่ยนต่อรอง และเขาก็เริ่มจะโมโหตัวเองที่คิดว่ายิ่งสบสายตานั้นไปนานๆ เขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้...

องครักษ์ผู้แข็งแกร่งยิ้มเครียด เสียงทุ้มต่ำคำรามเบาๆในลำคอคล้ายเสือตัวโตที่รู้ตัวว่าติดกับดักนายพรานตัวจ้อย

“เจ้าจะพูดอะไรกันแน่ เจ้าหนู”

“สมุนไพรที่ท่านดื่มไปเมื่อครู่นี้ เรียกว่าเหล่งเอี๊ยงขอรับ มันช่วยสมานแผลใหญ่ ในตำราสมุนไพรจีนกล่าวว่าให้ดื่มหลังจากผาตัด แผลจะสมานดีมาก อีกทั้งยังล้างพิษ แก้กระหายน้ำ ฟื้นฟูพละกำลัง อีกทั้งยังช่วยลดไข้ หากท่านไม่ได้เหล่งเอี๊ยงถ้วยนี้ ภายในคืนเดียวแผลของท่านจะบวมอักเสบและจะมีอาการไข้ตามมา มันคงไม่เป็นผลกับท่านซีบร้ามากนัก แต่กับสถานการณ์ที่ต้องออกปฏิบัติงานทุกวันแบบนี้ คงลำบากไม่น้อยหากแขนข้างถนัดบาดเจ็บ...เพราะฉะนั้นข้าก็จะขอใช้เหล่งเอี๊ยงถ้วยนี้ถือเป็นหนี้บุญคุณ เจรจาต่อรองกับท่านขอรับ”

“นี่เจ้า!

“เรื่องนี้ข้าไม่คิดจะขอร้องท่านดีๆอยู่แล้ว และหวังว่านักรบชั้นสูงเช่นท่าน จะถือเรื่องบุญคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้...ท่านดื่มยาของข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นโปรดฟังข้อแลกเปลี่ยน ขอให้ท่านอย่าได้บอกเรื่องที่ข้าตามสืบเรื่องกบฏนอกวังกับท่านโทริโกะ” รอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าน่ารัก เขาไม่ได้คิดจะแข็งข้อกับท่านซีบร้าเลย ไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำด้วยซ้ำ แต่ถ้าเพื่อสัญญาที่ตนให้ไว้แล้ว...

“โปรดอภัยให้ข้าเถอะขอรับ ท่านจะหาว่าข้าเป็นคนอวดดีอย่างที่ท่านรังเกียจก็ได้...ข้ายอม เพียงแต่ท่านตอบตกลงเท่านั้น...”

ความเงียบกลืนกินห้องรับรองอย่างน่าอึดอัด จนในที่สุดเป็นฝ่ายองครักษ์ที่ถอนหายใจยาวออกมา เขาหัวเราะในลำคอต่ำๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเล่นแง่ เพราะไม่เคยมีใครกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเขาอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ให้เขาตอบตกลงเช่นนั้นหรือ...เขาไม่มีทางเลือกอื่นไม่ใช่หรือไง
            
“อยู่กับเจ้ามันพาข้าอายุสั้นลงจริงๆด้วย...จะทำอะไรก็ทำ แต่ข้าขอเจ้าสักอย่าง”

            “อะไรหรือขอรับ”

            “ห้ามตาย” ซีบร้าย้ำเสียงเข้ม “ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามตาย หากเจ้าตาย ข้าก็จะตามไปฆ่าเจ้า!

            “ทราบแล้วขอรับ ข้าสัญญาไว้แล้ว ไม่ตายหรอกขอรับ”

            สัญญาไว้ว่าจะใช้ชีวิตเพื่อใครสักคนแล้วนี่นา.....









            TBC....

มิยะขอเม้าท์
----เดี๋ยวมาเม้าท์----

1 ความคิดเห็น:

  1. นู๋วโคมัตสึไม่ทันไรโดนปองร้ายซะแล้วววว อ่านไปลุ้นไป ฮรึก ความรู้สึกโหยหาที่โทริโกะมีต่อโคมัตสึและความรู้สึกไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเองของโคมัตสึมันทำให้เจ็บปวดทั้งคู่จริงๆ โฮกกกกกก =[]=


    ปล. พ่อยอดชายนายสตาร์จูนจะมาเคลมนางเอกสินะ? = ="
    ปล.2 โฮรวววววว เพิ่งจะเห็นฟิคโทริโกะคือน้ำตาปริ่มมากค่ะ ขอบคุณมิยะซังมากๆค่ะที่แต่ง เป็นกำลังใจให้นะคะ

    ตอบลบ