หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

S.Au.Fic 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft.LeviXEren CHECK! : 03



S.Au.Fic 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft.LeviXEren
Romantic  Comedy
PG (จริงรึ?...จริงซิ!)
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ



Check! : 03



          ชั่วชีวิตตลอดสิบห้าปีนี้ของเอเลน เยเกอร์ มีลูกพี่เป็นถึงโกคุเดระ ฮายาโตะ เจ้าหนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในย่านลูพ ลูกน้องในโรงเรียนเฉียดพัน มีคอนเน็คชันมากมายทั้งบนดินและใต้ดิน ซ้ำครอบครัวนั้นเล่า ก็ประกอบธุรกิจเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ตั้งรกรากอยู่ทั่วทั้งอิตาลี เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตได้อย่างน่าตบเกรียนตามประสาวัยรุ่น ใช้ชีวิตโลดแล่นสมบุกสมบันจนขึ้นมาเป็นถึงหมายเลขสองครองแก๊งค์เด็กชิคาโกขนาดนี้

            ถ้าหากจะถาม...ว่าเอเลน เยเกอร์เคยกลัวอะไรบ้างไหม

            ไม่ต้องให้เวลาคิด เอเลนก็ขอตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า

            เยอะแยะ

            แน่นอนว่าพอเขาก้าวขาเข้ามาในเส้นทางของเด็กวัยรุ่นที่ไม่ใช่วิถีเด็กดี เขาจำเป็นต้องมีความกลัวเป็นสิ่งช่วยเตือนภัย ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะไม่ทันโตเป็นหนุ่ม จบชีวิตอย่างปริศนาไม่ด้วยมีดสั้น ปืน ไม้หน้าสาม อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

            เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการเอาตัวรอดพี่ฮายาโตะจึงให้เขาท่องไว้เตือนใจดั่งเช่นสุขบัญญัติ ของต้องห้ามสี่สิ่งที่ต้องหลีกหนีให้ไกล หรือถ้าหากจำเป็นต้องเผชิญหน้าต้องทำอย่างรัดกุม ถ้าหากประมาทเมื่อไหร่ หายนะจะมาเยือนทันที

            เหล้าขมปี๋ ยาอีเมามัว มิตรชั่วพาเสีย ไอ้เตี้ยรีไว

            โปรดฟังวรรคสุดท้ายช้าๆชัดๆ ไอ้เตี้ยรีไวคำนี้พูดดังไปไม่ได้ แต่โปรดขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าอันตรายมาก เฮียฮายาโตะกับเขาไม่เคยกลัวตำรวจ ถ้าหากเปรียบเป็นระบบนิเวศเราต่างคนต่างอยู่ หรือบางทีก็พึ่งพาอาศัยได้ประโยชน์ร่วมกันเป็นครั้งคราว มีแต่ผู้กองรีไว แอ็คเคอร์แมน คนนี้ที่สองหัวโจกแห่งชิคาโกมองต่างออกไป คงใกล้เคียงตำรวจกับผู้ร้ายมากที่สุดแล้ว หมอนี่เหมือน พ่อพ่อดุๆที่คอยคุมความประพฤติพวกเขา แถมคอยจับผิดตลอดเวลาอย่างกับมีเรดาร์ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะทำเรื่องไม่ดี ทุกวันนี้ต้องขอบคุณทักษะส่วนตัวผสมโชคของเขากับเฮียที่สามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง เลยยังไม่เคยลิ้มรสบทลงโทษของพ่อแกแบบจังๆ แต่เชื่อขนมกินได้ว่ามันต้องโหดไม่ต่างจากหน้าแกนั่นแหล่ะ

แล้วดูเหมือนคืนนี้ คุณพ่อในเครื่องแบบส่วนสูงประมาณร้อยหกสิบเซนติเมตรจะดุมากกว่าปกติ เพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนดันมาอยู่ในสถานที่อโคจรสิบแปดบวก แถมยังมีกลิ่นการซื้อขายยาเสพติดซะฉุนกึก

แล้วฟังคำทักทายสิ
            
“โดดเวรมาเที่ยวหรอฮะ ผู้กองรีไว”

            ไม่น่ารักเอาซะเลย

            “เจ้าเด็กเหลือขอ” นัยน์ตาคมกริบกับเสียงทุ้มต่ำแสดงให้รู้ว่าเจ้าตัวหงุดหงิดสุดทน เอเลนจ้องดวงตาสีเทาคู่นั้นกลับไปแล้วต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ รีไวไม่ลดความดุดันลง จ้องเด็กหนุ่มที่ยืนเท้าคางอยู่บนระเบียงเสียจนแทบทะลุ

“ให้เวลาสิบวิ ถ้ายังไม่เดินลงมา ฉันจะไปลากคอนายด้วยตัวเอง”

            สิ้นคำสั่งเหล่าเด็กวัยรุ่นร่างสูงใหญ่ข้างหลังเอเลนหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจ บรรยากาศในผับคุกรุ่นใกล้ระเบิดเต็มที เสียงคำรามฮึ่มฮั่มอย่างกับสัตว์ร้ายสองฝูงเตรียมกัดกัน รอยยิ้มขี้เล่นเลือนหายไปจากใบหน้าเด็กหนุ่มร่างโปร่ง  ใบหน้าเด็กๆมืดมนลงอย่างสังเกตได้ชัดพร้อมๆกับลูกน้องที่ปรี่เข้ามากระซิบรายคน

            “เฮียรอง อย่าลงไปนะ นั่นมันกับดักเด็กๆใครก็รู้ ถ้าเฮียลงไป เฮียจะกลายเป็นไอ้โง่ทันที”

            “ถูกต้องที่สุด” ลูกน้องเบอร์สองว่าบ้าง มันหรี่ตามองรีไวกับเขาสลับกันพลางทำหน้าขนลุกขนพอง “ดูก็รู้ว่าไอ้เตี้ยนั่นจ้องจับเฮียรองเข้าซังเตเต็มแก่ ถ้าเฮียรองไป เฮียฮายาโตะไม่อยู่เฉยแน่ คราวนี้แหล่ะ ย่านลูพได้ถึงคราววินาศสันตะโร!

            “เฮียรอง อย่าคิดสั้นนะ”

            “ห่วงชีวิตเถอะ!

            แล้วก็พูดอะไรกันอีกเซ็งแซ่จนเอเลนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจะจับความได้ว่าเขาไม่ควรเดินลงไปจากระเบียงชั้นสองนี่เด็ดขาด เด็กหนุ่มหัวโจกถอนหายใจลอบกลอกตา สักสามสิบเปอร์เซ็นต์เจ้าพวกนี้มันคงห่วงเขาอย่างที่ปากมันว่า แต่อีกกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์มันห่วงสวัสดิภาพการเงินต่างหาก กลัวว่าเวลาหมดตัวแล้วจะไม่มีคนให้กู้น่ะสิ

            “ขอบใจสำหรับความรักความห่วงใยนะไอ้ตูดหมึก ฉันซึ้งถึงไขสันหลังเลย!” เอเลนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกระซิบ กระดิกนิ้วมือให้พวกลูกกระจ๊อกเข้ามามุงอีกสักหน่อย “ฟังฉันให้ดี เดี๋ยวพวกแกอยู่ที่นี่แหล่ะ ฉันจะลงไปเจรจาเอง คนไหนเล่นยา จะอีจะไอซ์ มือใหม่หรือใกล้ลงแดง พวกแกดูแลมันให้ดีๆ สบโอกาสพามันออกไปอย่าให้ตำรวจจับได้ แล้วพรุ่งนี้มาพวกมันมาพบฉันกับเฮียที่ห้องชมรม...เข้าใจนะ”เอเลนกระชับคำสั่งรวดเร็ว เน้นคำสุดท้ายเสียงเข้มพร้อมกับสายตาคมกริบทำเอาไม่มีใครกล้าคัดค้าน

            เอเลนสูดลมหายใจ เม้มปากแน่นแล้วหมุนตัวกลับ เดินออกห่างจากลูกน้องที่เฝ้าส่งสายตาห่วงหาอาลัยมาให้หากแต่เด็กหนุ่มกลับมีสีหน้านิ่งสนิท ดวงตาสีมรกตจับจ้องไปที่กลุ่มตำรวจอย่างแน่วแน่ เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เคยหายใจอย่างทั่วท้องแล้วคิดว่าตัวเองเป็นต่อเพราะแค่มาจัดการคดีเด็กวัยรุ่นเล่นยาในผับถึงกับต้องเปลี่ยนความคิด ผับกว้างเหมือนแคบทันตา ราวกับอากาศทั้งมวลถูกดูดออกจนหายใจลำบากเข้าทุกขณะเมื่อเด็กหนุ่มเดินลงบันไดมาทีละก้าวอย่างใจเย็น ไม่มีความกลัวปรากฏอยู่แม้แต่ในแววตาจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้า

            “เอเลน เยเกอร์?” สิ้นเสียงทุ้มต่ำที่เรียกพร้อมกับดวงตาคมหรี่ถาม เอเลนยิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้ารับ

            “ใช่ ผมเอง”

            “อายุนายไม่ถึง แล้วดูท่าว่าที่นี่ไม่ได้มีแต่นายคนเดียวที่ไม่ได้รับการตรวจบัตรก่อนเข้า”

            “คุณเรียกผมลงมาเพราะข้อหานี้เหรอ”

            “ใช่ นี่เป็นข้อหาแรก ก่อนอีกหลายๆข้อจะตามมาอีกเป็นเบือ” รีไวรับด้วยสีหน้านิ่งสนิท “ฉันคิดว่าถ้านายยืนฟังอยู่ข้างบน นายอาจจะเมื่อยเอาง่ายๆ”

            คิ้วเอเลนกระตุกหงึกๆ หนึ่งในสี่ของต้องห้ามที่เขาท่องเป็นสุขบัญญัติ พอเจอเข้าตัวต่อตัวนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเป็นบนกระดานหมากรุก หมอนี่คงคิดว่าเขาเป็นแค่เบี้ย เลยคิดเดินหน้ารุกเอาๆตั้งใจล่อเขาให้จนแต้มอย่างเดียวเลยสิ เอเลนหัวเราะหึในลำคออย่างนึกสนใจ ความกลัวไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด ตอนนี้ที่หัวใจยังเต้นรัวก็เพราะความตื่นเต้นเท่านั้น

            นี่เขาใกล้จะกลายเป็นอาชญากรเต็มทีแล้วนะเนี่ยเฮ้ย

            “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องค้านหน่อย จริงอยู่ที่เด็กอายุไม่ถึงเข้าผับนี่เป็นความผิด แต่ทำไมเพิ่งมาผิดเอาวันนี้ล่ะครับ...การสกรีนคนนี่เลือกวันด้วยเหรอ” เอเลนไล่กลอกตาไปตามนายตำรวจที่ยืนอยู่หลังรีไวทีละคนๆที่พากันหลบตาเขากันล่อกแล่กอย่างน่าขำ แต่ละคนไม่ใช่ไม่คุ้น ล้วนแต่เคยมีรายชื่ออยู่ในบัญชีของพวกเขาทั้งนั้น เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก หยุดสายตาที่นายตำรวจคนหนึ่ง “เลือกวันงั้นหรือครับ จ่าโฮมเมอร์”

            “หา!” จ่าโฮมเมอร์ที่ว่างงเป็นไก่ตาแตก หันซ้ายหันขวาอย่างตกใจเมื่อเพื่อนร่วมงานพากันไปมองเขาเป็นสายตาเดียว เอเลนแสร้งทำหน้าครุ่นคิด ใส่ไฟไม่ยั้ง

            “ผมจำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นเวรจ่ามาตรวจผับนี้นี่นา ผมเจอจ่าด้วย จำได้มั้ย วันนั้นจ่ายังให้ผมผ่านไปเฉยๆเลยอ่ะ”

            “ไอ้หนู! แกพูดบ้าอะไร อย่ามากุเรื่องนะ!

“อ้าว! จ่า แล้วสามหมื่นดอลลาร์วันนั้นล่ะจะว่าไง ผมมีบันทึกนะ ลายลักษณ์อักษรอยู่ที่ผม ส่วนภาพถ่ายกับวิดีโออยู่ที่เพื่อนผม จ่าอยากดูอันไหนเพื่อเตือนความจำก่อนก็บอกมาได้เลย จัดให้!

เท่านั้นนายตำรวจผู้ตกเป็นเหยื่อหน้าซีดเป็นไก่ต้ม แต่เอเลนยังไม่สงสาร นิ้วเรียวจับสมุดเล่มกะทัดรัดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เท่านั้นจ่าโฮมเมอร์ที่ว่าซีดแล้วได้ซีดหนักเข้าไปอีก น้ำตาแทบไหลเมื่อเห็นเขาทำท่าพลิกหน้าสมุดไปมา ปิดปากเงียบส่ายหน้าอ้อนวอนผู้บังคับบัญชาตน เป็นภาพที่เห็นแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เอเลนร้องเยี่ยมในใจ ตอนนี้วัยรุ่นในผับกว่าครึ่งชื่นชมบูชาในความใจกล้าของเขา อีกครึ่งอาจจะกลัวแล้วตั้งคำถามกันยกใหญ่ว่าเขาคือพวกอำนาจมืดหรือ ส่วนไอ้พวกตำรวจที่เหลือคงจะด่าเขาว่าไอ้เด็กเปรตในใจไปแล้วเรียบร้อย ดวงตาสีเขียวเป็นประกายระยับตวัดกลับมามองตรงหน้าตนเอง สบเข้ากับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างถือดี ผู้กองรีไวไม่ได้แสดงรอยตำหนิบนใบหน้าอย่างตำรวจคนอื่น สายตาที่ส่งมาแม้จะเรียบสนิทแต่ก็แฝงไปด้วยการครุ่นคิด

เจ้าลูกจิ้งจอกจอมกะล่อนนี่ จะจับยังไงให้ดิ้นไม่หลุด รีไวมองเอเลนอย่างนั้นแหล่ะ

“เข้าใจสถานะตัวเองบ้างไหมว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาเจรจาต่อรอง” นายตำรวจหนุ่มว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เข้าสถานเริงรมย์ทั้งๆที่อายุไม่ถึง ข่มขู่รีดไถเงิน ทะเลาะวิวาทชกต่อย วีรกรรมของพวกนายฉันมีเก็บไว้เป็นแฟ้ม แถมคราวนี้นายอาจจะเกี่ยวข้องกับการซื้อขายและเสพยาเสพติด...นายคงไม่คิดว่าฉันจะปล่อยให้นายหนีลอยนวลไปได้อีกหรอกนะ”

“ผมไม่ได้คิดหนีอยู่แล้ว แต่คิดจะเผชิญหน้าสู้กับคุณตัวๆเลยนี่แหล่ะ” เอเลนรับอย่างไม่เดือดร้อน แม้ดวงตาสีเขียวจะหลุกหลิกซุกซนอยู่บ้าง แต่มากกว่านั้นมันแน่วแน่ว่าเขาเอาจริง “ซาบซึ้งใจจังที่คุณสนใจคดีวัยรุ่นมากขนาดนี้นะผู้กองรีไว แต่ผมจะบอกอะไรให้อย่างว่าเรื่องที่พวกผมทำผิดนี่ถ้าเทียบกับคดีอื่นๆแล้วมันก็เป็นได้แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว เด็กทะเลาะกันยังไงก็เป็นได้แค่เด็กทะเลาะกัน ไม่ใช่แก๊งค์มาเฟียสองแก๊งค์เปิดสงคราม ข่มขู่รีดไถแค่ไหน มันก็ยังคือการยืมคืนเงินของนักเรียนนักศึกษา ไม่ใช่นายธนาคารยักยอกทรัพย์ซักหน่อย...หรือในอีกความหมายหนึ่งผมกำลังบอกว่าการที่ผู้กองมาให้ความสนใจคดีพวกนี้มากๆเนี่ยมันเอาไปใช้ทำผลงานเลื่อนขั้นไม่ได้หรอกนะ...เสียกำลังคนและเวลาโดยใช่เหตุ”

ฟังถึงประโยคนี้แล้วผู้กองหน้าคมถึงกับมีรอยทะมึนไปทั้งหน้า ใช่ เอเลนรู้ เขายังรู้เลยว่าไอ้ปากผีเจาะของเขามันทำงานได้ดีไปหน่อย เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอ คลี่ยิ้มอย่างปลอดโปร่ง

“แต่ไหนๆมาแล้ว ผมก็ไม่ขัดศรัทธาน่ะนะ อยากตรวจอะไรก็ตรวจ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจทีเดียว...ว่าคุณต้องกลับไปมือเปล่า”

“เหลือขอ” เสียงทุ้มต่ำบริภาษอย่างราบเรียบ “นายควรจะโทรทางไกลบอกพ่อแม่นายได้แล้ว แต่ใช่จะเอาเงินมายัดแล้วฉันจะปล่อยไป สิ่งที่ฉันต้องการให้พ่อแม่นายได้รับรู้ซะบ้างคือพฤติกรรมเหลวแหลกของนาย”

เอเลนเลิกคิ้วขึ้น คิดอะไรในหัวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะร้องอ๋อกับตัวเอง เขาพอจะเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาอีกขั้นว่าแท้จริงแล้วผู้กองรีไวมองเขาเป็นอย่างไร คุณหนูผู้แสนร่ำรวยแต่เข้าทำนองเด็กมีปัญหา พอออกจากอ้อมอกพ่อแม่ก็เกิดใจแตกผันตัวเป็นอันธพาล พอมีเรื่องก็คงจะโทรให้พ่อแม่ใช้อำนาจใหญ่มาเคลียร์ให้ ถึงเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้งสินะ

อืม...เข้าใจมโน แต่พล็อตเรื่องน่าเบื่อไปหน่อยแฮะ

“เป็นอะไรไป...ไม่โทรเหรอ” เมื่อเห็นเขาเงียบ ฝ่ายคนเป็นตำรวจก็ไล่ต่อ ดวงตาคู่คมจ้องตาเขาอย่างดูแคลน “หรือรู้ว่าโทรไปก็คงไม่เป็นผล...ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสินะ พ่อแม่นายเขาคงเอือมกับการกระทำของนายเต็มทน ไม่คิดจะไยดีอะไรแล้ว?

เอเลนเลิกคิ้วสูงขึ้นอีกนิดหน่อย เบ้ปากลงเล็กน้อย คราวนี้พล็อตเรื่องของผู้กองรีไวชักน่าสนใจขึ้นมามั่ง ดราม่าครอบครัวมาเต็มนะฮะ เอเลนไม่ตอบโต้ทันที เขาลอบเหลือบตาไปรอบๆผับกับชั้นสอง คนบางตาลงเยอะ แล้วส่วนใหญ่ที่ออกไปก็เป็นเด็กมิลเลียนแนร์ แล้วเขาก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าลูกน้องคนสนิทของเขาคงจะพาพวกเล่นยาหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย เท่านี้เอเลนก็คิดว่าออกซิเจนมันเติมเต็มปอดสักที

            “นายบอกฉันว่าการที่ฉันมายุ่งเรื่องของพวกนายแบบนี้ มันทำให้ฉันเสียเวลาเปล่าอย่างนั้นสินะ”

            “ก็หรือไม่จริงล่ะ” เอเลนยอกย้อน “ผู้บังคับบัญชาของผู้กองคงจะยินดีนักหรอกที่ขนตำรวจทั้งโรงพักมาจับเด็กวัยรุ่นอย่างนี้น่ะ”

            “มุมมองของเด็กไม่มีหัวคิด มันก็คงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง” ไม่รู้เอเลนคิดไปเองหรือเปล่า ว่าน้ำเสียงของผู้กองรีไวนอกจากมันจะประชดประชันอย่างเจ็บแสบแล้ว มันยังแฝงความกวนประสาทเขาโดยเฉพาะเอาไว้ด้วย

“เพราะมีเด็กอย่างพวกนายสังคมมันถึงได้เน่าเฟะ ในอนาคตแล้วพวกนายก็คงจะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติแบบจริงๆจังๆไม่ได้ ไม่มีใครเหลียวแล ผู้ปกครองไม่สนใจ ลงเอยที่ทำมาหากินแบบทุจริตอยู่วันยังค่ำ...หรือจะปฏิเสธล่ะว่าทำตัวแบบนี้แล้วจะโตเป็นผู้ใหญ่ดีๆได้”

            สิ้นสุดประโยคของผู้กองรีไวแล้ว ทั่วทั้งผับก็ได้เงียบกริบ เอเลนยืนนิ่งไม่หือไม่อือรับรู้ถึงสัมผัสกลิ่นอายโกรธเคืองมาจากข้างหลังจางๆ เขารู้ว่าเจ้าพวกลูกน้องเขาเป็นเดือดเป็นแค้นมากแค่ไหนกับถ้อยคำเมื่อสักครู่ แน่ล่ะ เด็กมิลเลียนแนร์แต่ละคนไม่ใช่เดนสังคม แต่ส่วนใหญ่แล้วคือมีพ่อแม่เป็นคนใหญ่คนโตรวยล้นฟ้าทั้งนั้น สิ่งที่เจ้าพวกนี้เกลียดที่สุดเขารู้ดี มันไม่ใช่การที่ถูกตราหน้าว่าพ่อแม่ไม่เหลียวแล...

...แต่เป็นการถูกกล่าวหาว่าจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้ใครได้ต่างหาก

เขาน่ะ ไม่เป็นอะไร แม้จะเจ็บใจอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ได้โกรธขนาดจะเข้าไปวางมวยกับผู้กองเขาหรอก เพียงแต่จะยืนให้ด่าเฉยๆโดยไม่ตอบโต้อะไรไปสักอย่าง เขารู้สึกว่าเขาไม่สมควรจะเป็นเฮียรองของเจ้าพวกนั้นเลย

“นี่...ผู้กอง จะบอกอะไรให้สักอย่างนะ” เอเลนรู้ว่าเสียงของตัวเองเย็นเฉียบจนไร้กาลเทศะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะปรับ “พอจะเข้าใจว่าคุณไม่ใช่คนอเมริกันแต่กำเนิด พฤติกรรมของเด็กที่นี่อาจจะขัดหูขัดตาคุณอยู่บ้าง นั่นเป็นเรื่องทัศนคติส่วนบุคคล ผมเข้าใจ...ผมไม่รู้หรอกว่าเด็กไฮสกูลแสนดีในอุดมคติของตำรวจอย่างคุณมันเป็นยังไง ออกจากบ้านแปดโมง เข้าเรียนเก้าโมง กลางวันกินข้างที่แคนทีนกับเพื่อน พักเที่ยงนั่งทบทวนหนังสือ บ่ายสามเลิกเรียนมีป๊ะป๋าขับรถมารับกลับบ้าน ตกดึกทบทวนตำราเรียน เข้านอนสี่ทุ่ม...ทำแบบนี้สินะ ถึงจะกลายเป็นผู้ใหญ่ดีๆได้อย่างที่คุณหมายถึง?

ใบหน้าอ่อนวัยของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มเย็นชาเมื่อจบประโยค สีหน้าบอกชัดว่าสมเพช

“ไม่เถียงหรอกฮะ ใช้ชีวิตแบบนั้นก็คงจะกลายเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ...สมบูรณ์แบบอยู่ในกรอบ ต่อเติมอะไรไม่ได้ โลกอีกด้านเป็นยังไงไม่เคยเห็น แล้วคราวนี้พวกเพอร์เฟ็คบอยอย่างนั้นจะกระเสือกกระสนเพื่อเอาตัวรอดได้สักกี่น้ำผมก็อยากจะรู้...”

            ดวงตาสีขี้เถ้าของคนฟังทอประกายกร้าวทันที เอเลนยิ้มรับไม่เปลี่ยนแปลง เขาทำให้ผู้กองรีไวโกรธจัดจริงๆเสียแล้ว แต่ทำยังไงได้ ก็ในเมื่อนี่มันคือความจริง เขาไม่ได้พูดเอาเท่ห์สักหน่อย เขาถูกเลี้ยงมาอย่างนี้ เลี้ยงแบบให้เจอสถานการณ์โหดร้ายมานับไม่ถ้วน จัดการชีวิตตัวเองแล้วเอาตัวรอดให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะเป็นนกน้อยอยู่ในกรงทอง แทนที่จะกลายมาเป็นแมวจรจัดอยู่ในชิคาโกอย่างนี้หรอก


            “เป็นอย่างที่หมอนั่นว่าจริงๆแหล่ะ ผู้กองรีไว”


พลันทั่วทั้งผับก็ต้องตื่นตัวเมื่อเสียงของใครบางคนอยู่ที่ประตูทางเข้า เด็กหนุ่มร่างโปร่งบางในเสื้อเชิ้ตสีแดงพับแขนกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสบายๆยืนล้วงกระเป๋า ดูเผินๆแล้วเป็นเด็กไฮสกูลสูงยาวเข่าดีหน้าตาค่อนไปทางสวยจนชวนหลงใหลเสียด้วยซ้ำหากแต่บรรยากาศรอบตัวนั้นกลับเงียบสงบไม่เข้ากับเหตุการณ์ตึงเครียดภายในผับ มีเพียงดวงตาสีมรกตคู่นั้นที่เหล่าตำรวจทั้งกองลงความเห็นว่ามันน่าขยาดไม่ต่างกับเจ้าเด็กแสบเอเลน เยเกอร์เลย ดีไม่ดีดูน่ากลัวกว่าเพราะมันไม่ค่อยมีรอยล้อเล่นอยู่ด้วย

ด้วยเอกลักษณ์แบบนี้ ทำให้รีไวนึกชื่อเด็กตัวปัญหาอันดับหนึ่งของลูพได้โดยไม่ยากเย็น

“โกคุเดระ ฮายาโตะ...”

“ยินดีที่ได้พบนะ แล้วก็ขอโทษแทนน้องชายฉันด้วย พอดีมันเป็นคนตรงๆ ความจริงเป็นยังไงก็พูดไปตามนั้นแหล่ะ ผู้กองอย่าถือสามันเลย” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังสาวขายาวๆเข้ามาในผับ หากแต่เป็นภาพประหลาดอยู่มากเมื่อในมือบางๆของเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุดแห่งย่านลูพไม่ว่างเปล่า กลับกุมข้อแขนของเด็กหนุ่มชาวเอเชียผิวแทนหน้าตาหล่อเหลาติดมาด้วย เอเลนเห็นอย่างนั้นถึงกับยิ้มกริ่ม ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อพี่ชายคนดังมายืนอยู่ข้างๆ

“ไหงมาโผล่ที่นี่กันทั้งคู่ล่ะเนี่ย” เอเลนแซว ส่วนคนเป็นพี่ได้แต่ยักไหล่กวนๆ

“พาเด็กใหม่มาเปิดหูเปิดตาน่ะ ได้ข่าวว่าวันนี้มีงานรวมญาติครั้งใหญ่ซะด้วย” ว่าพลางปรายตามองเด็กใหม่ที่ว่า ซึ่งดูท่าจะไม่ค่อยคุ้นกับเหตุการณ์แบบนี้เข้าเต็มเปาถึงได้หันซ้ายหันขวาเป็นลูกหมาหลงทางขนาดนี้

โกคุเดระกระตุกยิ้ม คว้าข้อมือแข็งแรงเข้ามาใกล้อีกหน่อยแล้วโน้มใบหน้าลงชิดริมหู แล้วกระซิบเสียงแผ่ว

“อยู่นิ่งๆไว้น่า...ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จบแล้ว” ว่าจบมือบางก็ปล่อยข้อแขนให้เป็นอิสระ พร้อมทั้งดันอกให้ไปอยู่ด้านหลัง ส่วนตนเองนั้นก้าวขึ้นยืนนำหน้าเผชิญกับตำรวจทั้งกองเพียงคนเดียวอย่างสง่าผ่าเผย

ยามาโมโตะมองภาพเบื้องหน้าอย่างพร่าเลือน หัวใจเต้นกระหน่ำจนรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งใบหน้า โดยเฉพาะหูที่ได้ฟังเสียงหวานพร่าระยะประชิด...เขารู้ดี มันต้องแดงก่ำจนเห็นชัดไปถึงไหนต่อไหนแล้วแน่ๆ ซ้ำยังแผ่นหลังบอบบางนั่น...เขาคิดว่ายังไงมันก็ไม่มีทางคุ้มภัยให้คนที่ยืนอยู่ทั้งหลังได้หมด แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...

เขาถึงได้รู้สึกว่า ไม่เป็นไรอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้จริงๆ

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่นายยกตำรวจมาที่ผับนี้เยอะแยะเพราะได้ข่าวมาจากใคร แต่ฉันยืนยันได้ว่าที่นี่ไม่มีการใช้สารเสพติด แต่ถ้านายไม่เชื่อจะตรวจก็ได้ หรือจะให้เราโทรเรียกพ่อแม่เพื่อมาร่วมสอบปากคำก็ไม่ว่า...พ่อฉันที่ญี่ปุ่น หรือพ่อของเจ้าเอเลนที่อยู่อิตาลีจะให้ความร่วมมือกับนายอย่างดีเลย...แต่ผู้กองรีไว...นายแน่ใจนะ?” ฉับพลันราวกับอุณหภูมิทั้งผับมันต่ำลงจนหนาวสั่นเมื่ออยู่ดีๆสายตาของโกคุเดระ ฮายาโตะกับเอเลน เยเกอร์เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เป็นสายตาที่ไม่น่าจะมีได้ในเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบ

สายตาของผู้ไล่ต้อน...ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ก็คิดจะต้อนให้จนสุดกระดาน...

“...แน่ใจนะ? ว่าจะให้โทรเรียกพ่อมาจริงๆ”

“นายกำลังขู่ฉัน?

“ไม่ได้ขู่...แล้วก็มันไม่ใช่วิธีการขี้ขลาดอย่างที่นายคิดหรอก วางใจได้ ที่จะเรียกผู้ปกครองมาก็เพื่อยืนยันให้พวกนายฟังเฉยๆว่าพวกเราถูกเลี้ยงมาแบบนี้จริงๆ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างนี้จริงๆ... มันอาจจะดูบิดเบี้ยวแล้วก็เหลือขอไปสักหน่อยสำหรับนาย แต่นี่ก็คือวิถีชีวิตที่พวกเราเลือกจะอยู่กับมัน...ส่วนวัตถุประสงค์ก็ไม่เห็นต้องถาม...” ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มมุมปาก นิ้วชี้เรียวยกขึ้นชี้ไปเบื้องหน้า “เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างพวกนายนั่นล่ะ...เพียงแต่อาจจะไม่ใช่สายอาชีพผู้ผดุงความยุติธรรมก็เท่านั้น...”

“เอาเป็นว่าสถานการณ์ที่นี่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงให้คุณต้องทำงานฮะ ผู้กอง” เสียงใสๆของเด็กหนุ่มอีกคนดังข้างคนเป็นพี่ชาย สบตาอย่างรู้งาน “แล้วมาเสียเวลาที่นี่จะดีเหรอ...เหยื่อจริงๆของคุณน่ะ เคลื่อนไหวแล้วนะ”

“พวกนายรู้อะไร..”

ไม่ทันที่รีไวจะได้พูดไปมากกว่านั้น นายตำรวจคนหนึ่งก็ก้าวประชิดตัวเขาพร้อมกับกระซิบข่าวบางอย่างที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ตวัดสายตาคมมองเจ้าเด็กปิศาจสองคนที่ยืนยิ้มกริ่ม เขายืนนิ่งคล้ายตรองอะไรอยู่สักพักก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออก ดวงตาสีขี้เถ้าไม่มีร่องรอยของความหงุดหงิดหรืออับอายแต่อย่างใด รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมค่อยๆวาดบนใบหน้าคม เช่นเดียวกับดวงตา คราวนี้ไม่ใช่เย็นชาอีกแล้ว หากแต่กลับกระหายการไล่ล่าเสียจนน่ากลัว

“นับว่าเป็นเด็กเหลือขอที่น่าสนใจ...” ฟังประโยคนี้โกคุเดระกับเอเลนพูดเลยว่าหนาวไปถึงไขสันหลัง หมอนี่มองว่าพวกเขาเป็นอาชญากรตัวเอ้ระดับชาติไปแล้ว

“อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้ตลอด ถ้าคิดว่าสิ่งที่พวกแกทำมันถูกก็จงทำต่อไป แต่อย่าให้โดนจับได้ล่ะ...ถึงตอนนั้นต่อให้พวกแกร้องไห้คร่ำครวญอยากกลับไปซบอกพ่อแม่แค่ไหน...ฉันก็ไม่มีทางปล่อยไป”

แล้วจากนั้นกองตำรวจขนาดย่อมก็ค่อยๆทยอยออกจากผับตามร่างเล็กทว่าดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนั้นไป ผู้กองคนนั้นยังดูน่าเกรงขามเหมือนเดิมอย่างกับว่าไม่ใช่ผู้แพ้ ซ้ำยังฝากคำคาดโทษไว้ซะจนพวกเขาไม่กล้าขยับตัว แต่พอนายตำรวจคนสุดท้ายเดินพ้นประตูผับเท่านั้น เสียงเฮก็ดังลั่นผับ แถมมาด้วยเสียงผิวปากดังไม่หยุด  เจ้าลูกน้องตัวดีที่มันยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างบนรีบเฮละโลเข้ามากอดคอเขากับเอเลน บางคนยื่นเหล้าในมือมันให้ทั้งขวด

“น้อยๆหน่อยพวกแก ฉันกับเอเลนขับรถมา ไม่ดื่มเฟ้ย!” เขายกมือขึ้นเบรก แล้วหันไปหยิบแกล้มในจานเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“แหม่ โทษทีเฮีย ก็แค่ดีใจอ่ะ เนี่ย ขนยังลุกอยู่เลย เมื่อกี้เฮียกับเฮียรองโคตรเท่ห์  เห็นหน้าไอ้เตี้ยนั่นมะ!  จ๋อยไปเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ เฮ้ยๆ ว่าแต่ว่า...” อยู่ดีๆเจ้าลูกน้องเขาก็เหลือบตามองเจ้าเด็กญี่ปุ่นร่างสูงข้างๆเขา แถมยังเอามือไปคล้องคออย่างสนิทสนมอีกต่างหาก “ไปฉุดเด็กที่ไหนมาว้า!? ร้ายไม่เบานี่เฮีย ควงไปเปิดซัมเมอร์พรุ่งนี้ หนุ่มๆคงอกหักกันทั้งบาง...โอ๊ย!!

“ซี้ซั้วจับ ไอ้เวรเดร็ก!” โกคุเดระแว้ดด่าเข้าให้พร้อมฟาดผลั่วะเข้าที่มือจนเดร็กต้องปล่อยทันควัน “นี่แขกฉัน เพื่อนไอ้เอเลนมัน ควงบ้าควงบออะไร...แล้วแกจะอมยิ้มทำซากอะไรหา! ยามาโมโตะ!!

พอเห็นเจ้าเด็กเอเชียทำสีหน้าอย่างกับเด็กสาวมาเปิดตัวกับแก๊งค์เพื่อนของแฟนหนุ่ม เดร็กถึงดึงแขนเด็กหนุ่มให้มาใกล้ๆพร้อมป้องปากกระซิบเตือนน้ำเสียงฉอเลาะ

“ไอ้น้อง...ถึงเฮียฮายาโตะเขาจะทั้งสวยทั้งใจดีแค่ไหน แต่แกห้ามตกหลุมเสน่ห์เขานา...ช้ำในแน่นอนคอนเฟิร์ม ในหัวมีแต่เงินกับหมากรุกแค่นั้นแหล่ะ”

โกคุเดระถึงกับยกนิ้วโป้งกับชี้คลึงขมับตัวเองทั้งสองข้างกับคำพูดนั่น ส่วนไอ้เด็กน้อยจากต่างแดนก็ไม่ค้านอะไรสักคำเลย ยืนยิ้มอือๆออๆไปกับลูกน้องเขาซะอย่างนั้น ด้วยไม่อยากต้องตอบคำถามพร้อมกับอาการเหนื่อยล้าโกคุเดระจึงเรียกทั้งยามาโมโตะและเอเลนให้กลับคอนโด แต่ก่อนกลับเขาก็ย้ำกับพวกลูกน้องเป็นอย่างสุดท้าย
“เรื่องวันนี้ฉันจะเคลียร์ทีเดียวที่ห้องชมรม ถ้าใครไม่มา ฉันคิดบัญชีรายตัวแน่”

เสียงตอบรับดังแข็งขันราวกับพลทหารราบรับคำสั่งนายพลส่งสองผู้นำออกจากผับ ยามาโมโตะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สองหูฟังภาษาอังกฤษจนมึนเบลอ เขาเข้าใจทุกคำ ฟังออกทุกประโยคนั่นแหล่ะ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพอจะรู้ ก็คือเพื่อนทางออนไลน์ของเขาที่ชื่อเอเลน เยเกอร์ กับโกคุเดระ ฮายาโตะนั้นขึ้นชื่อลือชาไปทั่วว่าเป็นหัวโจกแก๊งค์วัยรุ่นที่ใหญ่ที่สุดของชิคาโก ทั้งๆที่มันสมควรจะน่ากลัวและผาดโผนอย่างกับในหนัง แต่เขากลับรู้สึกว่า สองคนนี้เข้าใกล้ได้ง่ายกว่าที่คิด


เขาเห็นจริงๆ ณ วินาทีนั้น วินาทีที่โกคุเดระผลักอกของเขาให้ยืนอยู่ด้านหลัง...

เห็นโกคุเดระเป็นราวกับหมากตัวเบี้ยที่ยืนอยู่แถวหน้าสุด...เพื่อปกป้องตัวหมากพวกพ้องที่อยู่เบื้องหลังอย่างองอาจกล้าหาญ...








ยามาโมโตะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดในโลก ที่ดันจับพลัดจับผลูมาเป็นเพื่อนกับเอเลน เพราะขนาดไม่มีตังค์ติดกระเป๋าสักแดง เขายังได้มาซุกหัวนอนในสถานที่ระดับห้าดาวสุดหรูใจกลางนครชิคาโก แค่ดูจากทำเลที่ตั้งผนวกกับเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแล้ว คาดไว้เหนาะๆเลยว่าห้องของโกคุเดระกับเอเลนไม่น่าจะต่ำกว่าเจ็ดหลัก

อันที่จริงเขาควรจะทึ่งตั้งแต่รถที่ใช้กลับมาแล้ว โฟล์คสวาเกนสีขาวที่โกคุเดระขับมารับเขาตอนแรกนั้นเป็นของเอเลน เขาก็พอจะวาดฝันเอาไว้บ้างว่ารถของโกคุเดระจริงๆคงจะเหนือขึ้นไปอีกระดับ แต่สุดท้ายมันก็เกินฝันมากที่เขาได้นั่งเฟอร์รารี่สีแดงคันแพงระยับจนใจเขาแทบหลุดออกมานอกอกเสียจริงๆ คงจะเป็นเพราะว่าทั้งหมดทั้งมวลนี่มาจากทรัพย์สินส่วนตัวของสองพี่น้องนั่นเองล่ะมั้ง เขาถึงได้รู้สึกนับถือขนาดนี้

ชีวิตวัยรุ่นที่นี่...เล่นเอาเซเลปโซเชียลอย่างเขากลายเป็นเด็กอนุบาลไปเลย

เขานั่งมองนู่นมองนี่อยู่บนโซฟา รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อนมสดอุ่นๆมาวางอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสองหัวโจกผู้ยิ่งใหญ่ที่ตอนนี้พออาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วกลับดูเหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ ยามาโมโตะกะพริบตาปริบๆ จ้องไปที่ไอ้เพื่อนตัวดีที่เขาคาดโทษไว้ว่าต้องต่อยหน้ามันสักหมัดเพราะบังอาจมาหลอกลวงเขาเรื่องรูปถ่าย แต่พอคิดถึงเรื่องในผับแล้ว เขาไม่ควรจะไปแหยมกับเอเลนจริงๆถ้าไม่จำเป็น

“มองไรนักหนาฮะ! ไอ้เซเลป” เอเลนถามเขาด้วยน้ำเสียงหาเรื่องไม่ใช่หยอกล้อไม่เชิง ซ้ำยังเป็นภาษาญี่ปุ่นชัดแจ๋วอย่างกับเป็นภาษาบ้านเกิดตัวเอง ริมฝีปากเล็กๆยิ้มกริ่มเหล่ตามองพี่ชายตัวเอง “ผิดหวังหรือไงที่ฉันไม่ใช่เด็กน้อยผมเงินตาเขียวที่นายหลงใหลเพ้อพกมาตลอดปีน่ะ”

“หุบปากแกไปเอเลน! ก่อนที่ฉันจะถีบแกตกโซฟา” โกคุเดระว่าเสียงเขียวพร้อมแจกกำปั้นลงกลางหัวทุยๆของเพื่อนเขาไปหนึ่งโป๊ก ก่อนจะหันมาพูดกับเขาด้วยท่าทางจริงจังขึ้นอีกนิด “คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันอีกแล้วมั้ง...ไอ้เด็กปากเปราะนี่คือเอเลน เยเกอร์ เพื่อนที่นายเล่นหมากรุกออนไลน์มาด้วยตลอด ที่ไอ้เด็กนี่พูดญี่ปุ่นได้เป็นต่อยหอยก็เพราะพ่อมันกับพ่อฉันเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำธุรกิจด้วยกันมาตั้งไม่รู้กี่โคตรเหง้า ฉันกับเอเลนโตมาด้วยกันที่ญี่ปุ่น จนฉันขึ้นจูเนียร์ไฮสกูลฉันก็ย้ายมาอเมริกาเจ้าเอเลนก็ได้ตามมาเรียนประถมที่นี่ด้วย เพราะงั้นชิคาโกนี่หลับตาเดินก็ยังได้”

“ถูก!” เอเลนเสริม “แล้วไม่ต้องเกรงใจไป คอนโดที่นายนั่งอยู่นี้เป็นของพวกฉันสองคน ไม่ได้เช่า ซื้อเองแบบเป็นเจ้าของถูกต้องตามโฉนดที่ดิน เพราะงั้นทำตัวสบายหายห่วง อาหารแห้งอยู่บนชั้น อาหารสดอยู่ในตู้เย็น เลือกกินได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้าไม่อยาก ข้างล่างมีซูเปอร์มาร์เก็ต เดินไปสองคอร์เนอร์มีแมคโดนัลด์  อย่ากลัวจะอดตาย มีไรจะถามมั้ย”

“ฟรีเหรอ?

ยามาโมโตะถามออกไปคำเดียว คำเดียวจริงๆ แล้วหลังจากนั้นดวงตาสีเขียวสองคู่ก็จ้องเขากลับมา แล้วถ้ายามาโมโตะเดาไม่ผิดเขาก็กำลังโดนโกคุเดระกับเอเลนด่าเอาทางสายตา

เด็กหนุ่มร่างบางผมเงินถอนหายใจเฮือกใหญ่ บ่นไม่จริงจังนัก

“เอเลน...เพื่อนแกโตมายังไงถึงไม่รู้ว่าของฟรีไม่มีในโลก”

“นั่นดิพี่” เอเลนตอบเสียงนิ่ง สายตาเย็นชาปนเอือมระอายังมองมาที่เขา “เค้าว่าตอนที่มันเล่นหมากรุกมันฉลาดกว่านี้เยอะเลยนะ แต่ทำไมเรื่องพื้นฐานแค่นี้ถึงโง่บรมเลยก็ไม่รู้”

สรุปก็คือ ไม่ฟรีนั่นเอง ถ้ายังไม่รู้สึกตัว เขาอาจจะโดนด่าถึงตระกูลเลยก็ได้สินะ...บอกกันดีๆก็ได้ไม่ใช่หรือไง ไอ้พี่น้องหน้าเลือดนี่!

“เอ่อ...แต่ ผมบอกพี่ไปแล้วนะ ว่ากระเป๋าตังค์ผมโดนซิวไปอ่ะ” เขาว่าขึ้น นิ้วเกาข้างแก้มอย่างลำบากใจ ส่วนโกคุเดระก็พยักหน้าเบาๆ

“รู้แล้ว ก็ไม่ได้บอกว่าต้องจ่ายตอนนี้นี่ จนกว่านายจะได้กระเป๋าตังค์คืน ก็ยืมเจ้าเอเลนไปก่อนก็แล้วกัน”

“เฮ้ย!” คนจะถูกยืมเงินร้องเสียงหลง หันกลับมาหามองหน้าเขาทันที ยกส้อมชี้หน้า “อย่าคิดอย่างนั้นเชียวนะแก ฉันมันพวกนกน้อยสร้างรังแต่พอตัว มีพอดีตัว กินพอดีตัว พอดีแค่ตัวฉันนี่แหล่ะ เลี้ยงใครไม่ได้หรอก ยกเว้นซะแต่...”

เด็กแสบหมายเลขสองแห่งลูพทำหน้ากรุ้มกริ่ม กระดิกนิ้วไปมาราวกับตาแก่โรคจิตก็ไม่ปาน

“แกจะเข้าบัญชีดำกลายเป็นลูกหนี้ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ”

“ไม่ล่ะ ขอบใจ” ถึงยามาโมโตะ ทาเคชิจะหล่อใสแต่ก็ไม่ไร้สมองนะครับ นั่นน่ะมันวงจรอุบาทว์ชัดๆ

“คิดอยู่ละว่าต้องไม่เอา ไม่เป็นไร ฉันมีหนทางให้นายอยู่รอดได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นนายล่ะก็...รอดได้สบายๆเลย”
            แล้วเจ้าเอเลนก็หัวเราะก๊ากๆเสียงดังจนเขายังต้องแอบคลึงขมับ คิดอีกทีนี่เหรอไอ้เพื่อนเขาผู้มีฝีมือหมากรุกสูสีคู่คี่เขา นี่เหรอคือไอ้คนๆเดียวกันที่ไปกร่างอยู่ในผับเมื่อตอนเย็น เขายังนึกภาพไม่ค่อยออกหรอกว่าทำไมเด็กอเมริกันตัวยักษ์ๆถึงได้ทั้งกลัวทั้งเกรงใจสองคนนี้นัก คนหนึ่งหน้าตาก็น่ารักอยู่หรอก แต่ปากไม่นำพา ดูๆแล้วก็เด็กเกรียนๆคนหนึ่ง ส่วนอีกคนเหรอ...สวยซะผู้หญิงยังอาย นอกเสียจากความใจดีแบบพี่ชายแล้ว เขาก็ไม่เห็นว่าโกคุเดระจะน่ากลัวสมกับที่ตำรวจที่ป้อมเตือนมาตรงไหน

            “พี่โกคุเดระครับ...ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม”

            “หือ อะไร?

            “ตอนเด็ก...พี่เคยแข่งหมากรุกเยาวชนชิงแชมป์ญี่ปุ่นหรือเปล่า”

สิ้นเสียง ห้องก็เข้าสู่ความเงียบดวงตาคมสีน้ำตาลเปลือกไม้มองคนอายุมากกว่า ความจริงจังผสมกับการเว้าวอนที่แฝงมานั้นทำให้โกคุเดระชะงัก สายตาแบบนี้โกคุเดระเคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้วที่ Sky Deck มันเป็นสายตาของคนที่หวังอะไรบางอย่าง แล้วตอนนั้นเขาก็ทำลายความหวังของเด็กนี่ไม่เหลือชิ้นดีเลย

โกคุเดระไม่ตอบอะไรก่อนจะเดินไปหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นมา เขาแอบเบ้ปากใส่มันนิดหน่อยเพราะมันเป็นรูปตอนเด็กเอามากๆ แล้วเขาก็ดูเหมือนเด็กผู้หญิงซะจนตัวเขาเองยังรับไม่ค่อยจะได้เลยด้วยซ้ำ ก็เลยไม่ให้ใครได้เห็นเด็ดๆนอกจากเจ้าเอเลน แต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะวางมันลงตรงหน้ายามาโมโตะแบบไม่ลังเล พร้อมกับคำยืนยันสั้นๆ

“รางวัลชนะเลิศน่ะ”

ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เบิกกว้าง จับจ้องรูปเบื้องหน้าไม่กะพริบ รูปของเด็กน้อยร่างเล็กในชุดสูทพอดีตัวกำลังยิ้มกว้าง ในมือถือถ้วยรางวัล ส่วนอีกข้างเป็นเกียรติบัตรอัดกรอบอย่างดีต่างกับของเขาที่เป็นเกียรติบัตรเข้าร่วมราวฟ้ากับเหว ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งบรรยากาศ สถานที่ ช่วงเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างในรูปเหมือนจะดึงให้เขาย้อนกลับไปวันนั้นได้จริงๆ ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มจางๆ เขาตั้งคำถามมาตั้งนานว่าเด็กคนนี้จริงๆแล้วหน้าตาเป็นยังไง ผมสีอะไร แล้วตอนนี้จะทำอะไรอยู่ที่ไหน

ตอนนี้เขารู้หมดแล้วทุกอย่าง...

“เจอจนได้นะครับ”

“หา?

“ที่ผมมาที่นี่...ผมต้องการมาตามหาเด็กที่ได้ถ้วยชนะเลิศครั้งนั้น...แล้วถ้ามันเป็นพี่...” ยามาโมโตะสูดลมหายใจลึกจนสุดปอด ตัดสินใจแล้วปล่อยมันออกมาโดยไม่คิดเก็บ

“ช่วยมาเล่นหมากรุกกับผมหน่อยได้ไหมครับ!

โกคุเดระเบิกตากว้าง รู้สึกทั้งร่างเกร็งไปชั่วขณะเมื่อคำขอร้องถูกส่งผ่านมา เขาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียวได้แต่จ้องดวงตาคมสีน้ำตาลนั้นกลับไป พลันหัวใจก็ดันเต้นหนักขึ้นเสียดื้อๆ

“...นะครับ”

โกคุเดระแข็งเป็นหิน แต่ในใจกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ไอ้สายตาเหมือนหมาตัวโตกำลังอ้อนเจ้าของนั้นเขาไม่รู้จะรับมือกับมันยังไงจริงๆ ความร้อนประหลาดหาสาเหตุไม่ได้พากันโกยไปอยู่บนหน้าจนต้องถอยหลังสองสามก้าวไปโดยอัตโนมัติ ช่วยไม่ได้นี่ ชาตินี้เขาไม่เคยเขินเด็ก!

อย่าว่าแต่เด็ก ชาตินี้เขาไม่เคยเขินใครด้วยซ้ำ!

Oh my gosh นายทำพี่ชายฉันหน้าแดงว่ะเพื่อน เจ๋งเป็นบ้าเลย”

“เงียบปากแกไปไอ้เอเลน! แล้วก็นายน่ะ...ยามาโมโตะ” เขาพยายามทำหน้าจริงจัง “ฉันไม่แข่งหมากรุกกับใครพร่ำเพรื่อ แล้วก็ไม่แข่งอย่างไม่มีเหตุผล ไม่แข่งตอนที่ไม่มีอารมณ์ด้วย”

“ไม่เป็นไร ผมทำให้พี่มีอารมณ์ได้”

หมายถึงอารมณ์เล่นหมากรุกสินะ...ช่วยพูดให้มันจบประโยคหน่อยเถอะไอ้เด็กบ้า

“ฮ่าๆๆ ยามาโมโตะ ฉันว่าวันนี้แกไปนอนก่อนเถอะ นั่งเครื่องมาตั้งสิบกว่าชั่วโมงแล้วยังเจอเรื่องน่าตกใจสารพัด ฉันยังแปลกใจว่าทำไมแกยังนั่งถ่างตาได้ขนาดนี้” เอเลนว่าพลางบุ้ยปากชี้ไปที่ห้องในสุดซึ่งยามาโมโตะคิดว่าน่าจะเป็นห้องเอาไว้รับรองแขกตามฉบับคนเพื่อนเยอะอย่างสองคนนี่ เขายิ้มออกมานิดหน่อย ถอนหายใจแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างยอมแพ้ แต่แทนที่เด็กหนุ่มร่างสูงจะเดินหันหลังเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ เขากลับเดินมาหยุดตรงหน้าโกคุเดระแทน

พร้อมกับโน้มตัวลงประทับริมฝีปากแผ่วเบาที่ข้างแก้ม

“ขอบคุณนะครับ”

“...อะไร”

“ก็คิดว่าธรรมเนียมอเมริกันเขาขอบคุณกันอย่างนี้ ผมทำผิดหรือเปล่า หรือจริงๆแล้ว...” ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ซุกซนก็ฉกวูบลง “เขาทำกันที่ปาก”

“เข้าห้องนอนไป๊!!!” โกคุเดระหวีดสุดเสียงมองเด็กหน้าหล่อหัวเราะหึๆแล้วยอมเดินเข้าห้องนอนไปแต่โดยดี มือของเขาจากที่มันอุณหภูมิปกติกลับกลายเป็นเย็นจัดเมื่อแนบกับแก้มที่ร้อนฉ่า แบบนี้เกินไป เกินไปจริงๆนะ เด็กนี่ต้องการอะไรอ่ะ! ต้องการให้เขาเป็นลมตรงนี้เลยหรอ

“เอะ เอเลน...เพื่อนแกเป็นคนน่ากลัวแบบนี้เหรอ”

“ก็ไม่นะ” เอเลนตอบตรงๆ “เพิ่งเห็นมันเป็นแบบนี้ตอนอยู่กับพี่นี่แหล่ะ พี่อย่าคิดว่ามันเป็นเซเลปแล้วมันจะอ่อยใครไปทั่ว มันเข้มงวดกับขอบเขตความสนิทนะ แล้วก็ไม่เคยรุกใครก่อนด้วย มีแต่คนมาก้อร่อก้อติดมันทั้งนั้น เผื่อพี่ไม่รู้ เมื่อกี้นี้ตอนมันมองปากพี่ มันคงคิดว่าสักวันมันต้องจูบพี่ให้ได้แน่ๆ”

โกคุเดระเม้มปากแน่นโดยอัตโนมัติเหล่ตาค้อนน้องชายที่ปากมันไม่เคยนำพาแม้แต่กับลูกพี่ตัวเอง ซ้ำน้ำเสียงจิกกัดกวนประสาทยังดูท่าจะมากขึ้นด้วยซ้ำ โกคุเดระรู้ดีว่าเวลาที่เอเลนพูดอะไรยาวๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบนี้ เจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่

“หงุดหงิดเรื่องในผับหรอ” เขาถามขึ้น “เป็นอะไรขึ้นมาวะ...ปกติใครว่าอะไรแกก็ทนกับคำพูดเขาได้ทุกทีนี่”

เอเลนสะดุ้งเล็กน้อย เหลือบตามองพี่ชายที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว เขาหันกลับไป จ้องออกนอกหน้าต่างเหมือนหาคำตอบเอากับแสงไฟยามค่ำคืนของนครชิคาโกจนเลือนตา เอเลนไม่คิดปิดบังพี่ชาย คนที่อยู่กับเขามานานที่สุดอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะรู้ทันอารมณ์ของเขาทุกอย่าง แล้วตอนนี้เขาก็ต้องการคนระบายจริงๆ

ฝืนยิ้มฝืนทำร่าเริงแค่ไหน แต่เขารู้สึกไม่โอเคมาตั้งแต่ออกจากผับแล้ว

“ไม่รู้ดิ มันหงุดหงิดอ่ะ ไม่ได้โกรธหรอกนะฮะ แต่แค่รู้สึกอยากทึ้งหัว เจ็บจี๊ดๆยังไงไม่รู้ เป็นครั้งแรกที่อยากเถียงใครสักคน สุดท้ายก็เถียงออกไปจริงๆนั่นล่ะ แล้วพอเห็นสายตาที่เขามองมาหลังจากนั้น มันก็รู้สึกแย่อ่ะ...รู้สึกว่าไม่น่าไปเถียงเลย แต่อยากให้เขาเห็นการกระทำที่เป็นตัวเราจริงๆมากกว่า...เอ่อ...ขอโทษนะพี่ ออกจะพูดไม่รู้เรื่องหน่อย ความรู้สึกมัน...อธิบายยาก..”

แทนคำตอบรับ โกคุเดระวางมือลงบนหัวทุยๆนั้นแล้วขยี้เบาๆ เขาเห็นสีหน้าของเอเลนแล้วอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู เขาแก่กว่าหมอนี่แค่สามสี่ปี เรื่องบางเรื่องคงจะยังไม่สามารถเข้าไปสั่งสอนได้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาพูดกับมันอยู่บ่อยๆ

“แกอยากทำอะไรแกก็ทำเถอะ พิสูจน์ตัวตนในแบบที่แกเป็น ไม่ต้องห่วงไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะช่วยแกเอง”

ใช่แล้ว...วันข้างหน้ามันยังอีกยาวไกล...







TBC...

มิยะขอเม้าท์
สวัสดีค่ะ มิยะเอง วันนี้มาพร้อมกับฟิคดองข้ามปี ฟิคหมากรุก เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าจะโพสต์ตอนเดือนมกรา แต่มันก็ไม่เสร็จ พอหมดช่วงพักของมิยะแล้วหนังสือหนังหากองทับถมมา ก็เลยไม่ได้อัพเลย
สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่กวาง >w<
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังสองเดือนค่าพี่สาว ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงน้า แอบอวยพรไว้ตั้งนานแล้ว วันนี้เอาของขวัญมาส่ง หวังว่าพี่สาวจะชอบมันนะคะ จะมาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้เลยเน้
แล้วก็ขอบคุณจริงๆกับเสียงตามทวง ตามเชียร์ กำลังใจ คอมเม้นท์ระหว่างที่ไอ้มิยะอยู่ในหลุมกับกองชีทกองหนังสือ มันส่งผ่านมาแล้วค่ะ แล้วมิยะจะปิดเทอมแล้ว ซ้ำเนื้อหาส่วนสุดท้ายไม่หนักหนาสาหัสมากนัก มิยะก็จะทยอยปั่นฟิคออกมาแล้วอัพเรื่อยๆเท่าที่จะทำได้เลยจ้ะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันมาเรื่อยๆมากๆ
ขอบคุณมากนะคะ

เจอกันบทความหน้า
ปล.สถานีต่อไปเจอกันนิติเวชนะคะ >w<

Miya



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น