หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft. Levi X Eren SKYFALL -BlackBird- : 21



Project : Happy birthday Gokudera Hayato
Au.Fic KHR 8059 [Yamamoto X Gokudera] Ft. Levi X Eren
Drama Action
คำเตือน เนื้อหาในเอนทรีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากท่านใดรับไม่ได้หรือไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้าต่างนี้ไปค่ะ ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือหน่วยงานใดๆที่อ้างถึง



SKYFALL : 21




          รถยุโรปคันสีดำสนิทจอดสนิทที่หน้าตึกสูงตระหง่านเด่นยิ่งกว่าใครในบริเวณ มันไม่เชิงเป็นทรงกระบอกตั้งตรงไปดื้อๆกลับเป็นรูปทรงเรขาคณิตอย่างหนึ่งอย่างงดงามแปลกตา กระจกเป็นหมื่นเป็นแสนบานตลอดตัวตึกราวกับเป็นดวงตาที่คอยสอดส่องเกาะทางใต้แห่งอิตาลีนี้ราวกับไม่ให้อะไรหลุดลอดไปได้แม้แต่สิ่งเดียว

            แต่ถึงแม้ว่าสถานที่จะงดงามเท่าไร บรรยากาศปกคลุมที่แห่งนี้จะมีก็แต่ความน่าเกรงขาม หากจะพูดถึงจอร์จิโอที่ตั้งในปราโตนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน ในสายตาของคนทั่วไปก็ยังคือบริษัทใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามบนโลกธุรกิจ  ทว่าที่ซิซิลีนั้นไม่มีที่ใดเป็นสีขาว ยืนหยัดเพื่ออำนาจ ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจ และแย่งชิงเพื่ออำนาจ จะว่าเป็นอีกบุคลิกอีกรูปแบบของจอร์จิโอก็ว่าได้

            หนึ่งชายหนุ่มหนึ่งหญิงสาวก้าวขาลงจากรถด้วยชุดสูทสีดำเต็มยศ เสื้อโค้ตตัวยาวปลิวตามการก้าวย่างอย่างองอาจ สีหน้าของสองผู้มาเยือกจากปราโตนั่นเรียบสนิทเยือกเย็น บ่งบอกชัดเจนต่อผู้ที่พบเห็นว่าไม่ประสงค์จะได้รับการต้อนรับสมฐานะ จะมองด้วยแววตาหวาดระแวง ซุบซิบนินทาแต่อย่างใดก็ได้ แต่ใครก็ตามอย่าคิดเข้ามาขวางทางดึงรั้ง คนเดียวที่พวกเขาต้องการจะสนทนาด้วยคือเคนนี่ แอ็คเคอร์แมน ผู้นั่งโต๊ะบริหารสูงสุดของที่นี่เท่านั้น

            ทันทีที่ถึงหน้าห้องทำงานห้องใหญ่รีไวผลักประตูเข้าไปโดยไม่มีการเคาะ ปล่อยให้ประตูปิดเองเสียงดังปัง ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวในห้อง บอดี้การ์ดสองคนก็ก้าวเข้ามาขวางทันที สีหน้าชายฉกรรจ์เครียดขึ้งผสมกับความหวาดระแวงกับการมาอย่างกะทันหันไม่บอกกล่าว ซ้ำท่าทางของผู้นำฝั่งปราโตก็ชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์

            ดวงตาสีขี้เถ้าไม่แม้แต่จะสนใจ ย้ายไปที่บุรุษผมสีดำปนขาวหวีเสยเปิดใบหน้าเจ้าเล่ห์ ไม่มีอาการแปลกใจอยู่บนใบหน้านั้นราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมา

            “กลับออกมา” เสียงทุ้มต่ำสั่งการ์ดของตัวเอง เหยียดรอยยิ้ม “เขาเป็นแขกของฉัน แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องฉลาดสักเท่าไหร่ที่พวกแกจะไปแสดงท่าทางไร้มารยาท ถ้าไม่คิดว่าเขาก็เป็นเจ้านายอีกคนของพวกแก ก็หัดกลัวตายซะบ้างก็ดี”

            เท่านั้นการ์ดก็ยอมล่าถอย ไม่คิดตอแยอารมณ์ของชายหนุ่มไปมากกว่านี้ พวกเขารู้มาว่าถ้าเทียบกับเจ้านายของเขาแล้ว รีไว แอ็คเคอร์แมนนั้นอยู่ในกรอบความเป็นธรรมกว่ามาก ทว่าเมื่อใดที่รีไวเหยียบเข้าซิซิลี คนๆนี้จะปลดข้อจำกัดของตนเอง สายตาที่มองมานั้นแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาเลือดเย็นสามารถที่จะฆ่าใครก็ได้ถ้าคิดจะขวางผลประโยชน์ตน

            เคนนี่หัวเราะหึๆก่อนจะโบกมือให้ลูกน้องออกไปข้างนอก เมื่อในห้องเหลือเพียงสามสายเลือดตระกูลเดียวกัน ความกดดันก็ยิ่งเป็นทบทวี เกราะป้องกันบางๆฉาบคุมและดันกันไปมาอยู่ทุกวินาที

            “มีอะไรจะพูดกับผม”

            “ใจเย็น หลานชาย ทักทายกันก่อนสิ” เคนนี่เอนตัวลงพิงกับเก้าอี้สำนักงานตัวใหญ่ด้วยท่วงท่าสบาย ขยี้ไปป์กับจานแก้ว “เอาน้ำไหม กาแฟก็มี”

            “ความอดทนของผมมันไม่ได้มีมากนัก แล้วผมก็ไม่คิดจะทนกับคนที่ลงทุนฆ่าลูกน้องตัวเองเพื่อแค่จะเรียกให้มาพูดคุยแน่” รีไวกดเสียงต่ำลอดไรฟัน ดวงตาแข็งกร้าว ทุกทีรีไวอาจจะใจเย็นแล้วทำสงครามประสาทกับเคนนี่ได้ แต่มันต้องไม่ใช่เวลาที่ตาแก่นี่เห็นชีวิตลูกน้องเทียบเท่ากับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถึงแม้จะเป็นสปายฝั่งเขาที่ตาแก่นี่มีสิทธิ์จะกำจัด แต่สู้ให้ฆ่าไปซะแต่เนิ่นๆเขาก็พอที่จะทนไหว แต่นี่มันไม่ใช่

            “นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นว่าคุณทำเรื่องใหญ่เกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังไม่ใช่เพื่อจอร์จิโอกรุ๊ป” รีไวกล่าวหา เคนนี่เลิกคิ้ว แสดงสีหน้าเหมือนขบขันในความไร้เดียงสาของเด็กเล็กๆแต่มันออกไปทางดูแคลนมากกว่าเท่านั้น เพียงแต่ในดวงตาของประธานฝั่งซิซิลีนั้นไม่ได้เพียงแค่ตั้งใจกวนประสาทหลานตัวเอง ชั่ววินาทีหนึ่งมันฉาบไปด้วยการขู่ปรามอย่างน่ากลัวราวกับว่าได้ยินเรื่องที่ระคายหู

            “ไม่มีอะไรที่ฉันไม่ได้ทำเพื่อจอร์จิโอ ก่อนแกพูดอะไรแกควรคิดก่อนนะ”

            “ผมคิดมาตั้งนานแล้ว” รีไวค้าน ดวงตาคู่คมกริบหรี่ลงจ้องชายแก่ตรงหน้าไม่วาง “พฤติกรรมของคุณต่อให้ไม่คิดก็พูดได้ว่ามันเหมือนหมาขี้แพ้ขนาดไหน เมื่อเดือนก่อนเพิ่งสั่งทำลายมัน แต่พอรู้ว่ามันยังรอดชีวิตก็สั่งให้ไปจับมันมาอีกรอบ การกระทำนี้มันต่างจากการรู้รุกรู้ถอยอยู่นะ เป็นแค่คนแพ้แล้วพาลจากนั้นก็ทำตัวเป็นโจรกระจอก”

            เรื่องราวเมื่อเดือนก่อนนั้นยังชัดเจนในความทรงจำ เป็นจำนวนน้อยครั้งนักที่ผู้นำของทั้งสองฝั่งแห่งจอร์จิโอจะมีข้อคิดเห็นตรงกันว่าควรยึดเบธิลด์ ทาวเวอร์เป็นโกดังหลักสำหรับเก็บคลังอาวุธเพื่อทยอยขนส่งให้กับแก๊งค์มาเฟียพันธมิตรที่เกิดมีปัญหาด้านการรุกล้ำพื้นที่กันในแถวตอนเหนือของฝรั่งเศส ตอนนี้ยังคงเป็นการทำสงครามเย็นใส่กัน ใช้ข้อมูลและหาพรรคพวกเพื่อกดดันกันไปมา ในขณะเดียวกันนั้น เพื่อเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์นองเลือด จอร์จิโอต้องเป็นรับผิดชอบคลังอาวุธให้ ศัตรูนั้นได้จับจองน่านน้ำแถบนั้นจนไปถึงช่องแคบอังกฤษ นาวิกโยธินก็โดนซื้อตัวไปทั้งหมด หากเมื่อใดที่เขาใช้เรือแล่นแหวกทะเลแถบนั้นแม้แต่นิดเดียว พวกกองทัพเรือที่ถูกซื้อตัวก็ต้องโจมตีเขาแบบไม่ลืมหูลืมตา

            เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สองฝั่งผู้นำแห่งจอร์จิโอเห็นพ้องต้องกันถือโอกาสงานประมูลหุ้นส่วนเบธิลด์เวอร์เป็นประตูทางเข้า และเพื่อไม่ให้ศัตรูรู้ทันจึงส่งพ่อค้าบนดินในสังกัดอย่างสตีเฟน แมคคาร์ทีไปทำงานแทน ยิ่งพอรู้ว่าที่งานนั้นมียามาโมโตะ ทาเคชิและโกคุเดระ ฮายาโตะ สองเด็กตัวปัญหาจากเอเชียพวกเขายิ่งต้องวางแผนรวบหัวรวบหาง หาทั้งรังทั้งการขนส่งไปในทีเดียว

            ทว่าเด็กตัวปัญหานั่นก็ยังฤทธิ์มากไม่เปลี่ยน ไม่เพียงแต่ตลบหลังพวกเขาเอาเบธิลด์ไปไว้ในมือ แต่ยังวางแผนเพื่อลากให้พวกเขาออกจากเงามืดอย่างแนบเนียน ถ้าหากรีไวไม่สั่งยกเลิกแผนการให้ลูกน้องกลับมา ลูกน้องฝีมือดีของเขาเกือบสิบชีวิตคงจะไม่มีวันได้ออกมาจาก The Best เป็นแน่ ถึงมันจะน่าเจ็บใจ แต่คราวที่แล้วเขาเดินหมากแพ้โกคุเดระ ฮายาโตะไปหนึ่งตาจริงๆ ที่เขาคิดก็คือล้างกระดานแล้วเล่นใหม่

            แต่เคนนี่ แอ็คเคอร์แมนไม่ได้ทำอย่างนั้น ผู้นำจอร์จิโอกรุ๊ปแห่งฝั่งซิซิลีสั่งทำลายกระดานหมากโดยที่ไม่ปรึกษารีไวเลยแม้แต่น้อย จนกว่าชายหนุ่มจะรู้มันก็ช้าไปหลายนาที ระเบิดได้ทำงานไปแล้วกว่าหลายลูก ซ้ำยังเกือบฝังโกคุเดระกับแดชีลล์ เลอรอยด์ทั้งเป็น

            “แต่พวกมันก็รอดไม่ใช่เหรอ” เคนนี่ค้านง่ายๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “แกคิดว่าถ้าฉันจะตั้งใจฆ่าคนจริงๆ ผลมันจะออกมาแฮปปี้เอนดิ้งอย่างนั้นหรือเปล่า มันจะมีฉากที่ว่าเด็กหนุ่มนักธุรกิจสองคนรอดออกมาจากเหตุการณ์ตึกถล่มโดยใช้ทางหนีที่เป็นอุโมงค์ใต้ดินได้อย่างปาฏิหาริย์ไหม”

            “คุณจงใจไว้ชีวิตสองคนนั่น” ดวงตาคมสีเทากลอกวูบหนึ่งเมื่อความคิดแล่นเข้ามาในหัว ขมวดคิ้วแน่น “โดยให้เดเมียน เลอรอยด์ยิงพวกเขาก่อนเหตุการณ์ระเบิดอย่างนั้นสินะ นี่หรือว่า...”

            “เปล่า แกคิดลึกไปแล้ว” ชายสูงวัยโบกมือ หัวเราะร่วน “ฉันไม่ได้วางแผนอะไรที่มันซับซ้อนขนาดนั้นไว้ ฉันให้สตีเฟนไปกดดันเดเมียนว่าการยิงโกคุเดระ ฮายาโตะแลกกับการไม่กดระเบิด มันยิงจริง ฉันรู้ แล้วก็รู้ด้วยว่าไม่ได้ยิงถึงตาย ปืนนั่นฉันก็สั่งให้สตีเฟนมอบให้เดเมียนเอง มันบรรจุกระสุนอยู่แค่สองนัด”

รีไวมุ่นหัวคิ้วมากขึ้นในขณะที่ผู้เป็นอายิ้มเหยียด “แกก็เคยยิงปืนนี่ แกก็รู้ว่าการยิงเพื่อสังหารในจำนวนนัดแค่นั้นต้องเลือดเย็นได้แค่ไหน คนที่เดเมียนเอาปืนจ่ออยู่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายความเลือดเย็นนั่น หนึ่งก็คือแดชีลล์ลูกแท้ๆของตน และสองก็คือโกคุเดระ ฮายาโตะ หนุ่มน้อยคนเก่งที่เสี่ยงชีวิตเข้าแย่งเบธิลด์ ทาวเวอร์แม้รู้ว่าต้องสู้กับคนมีอิทธิพล เพียงแค่นี้ก็สั่นคลอนจิตใจของเดเมียนได้มากเกินพอที่เขาจะยิงพลาดได้แล้ว มันพลาดไปเยอะเลยด้วย ได้ข่าวว่าโกคุเดระนอนโรงพยาบาลแค่อาทิตย์เดียวเอง”

            “แล้วจากนั้นเดเมียน เลอรอยด์ก็หายหน้าหายตาไปจากสังคมได้อย่างกับถูกลบหายออกไป ไม่มีใครตามตัวเขาได้มาตลอดหนึ่งเดือน ถึงแม้ว่าแดชีลล์จะให้เพื่อนอย่างยามาโมโตะกับโกคุเดระช่วย?

            “ถ้าเขายังคงหนีหัวซุกหัวซุนอยู่บนดิน เขาคงถูกจับได้ตั้งแต่สี่ห้าวันแรก ผู้ชายที่เพิ่งมีคดีทำร้ายคน พกพาอาวุธผิดกฎหมายจะหนีรอดตาข่ายของเครือยามาโมโตะนั้นมันเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว ฉันก็เลยจัดการลากมันมาอยู่ในรูมืดๆซะตั้งแต่ทีแรกก็เท่านั้น”

            รีไวนิ่งฟังอย่างเงียบงัน เช่นเดียวกับมิคาสะที่ไม่มีความคิดเห็นใดมาตั้งแต่ต้น ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ทั้งจอร์จิโอกับเครือ The Best และโกคุเดระ แอร์ไลน์ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กัน รีไวไม่ใช่คนใจร้อนคิดอยากหันเขี้ยวใส่ใครก็ทำไปทั่ว เขาหวังชนะในเชิงธุรกิจและเสียหายให้น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องทำยังไงกับเด็กพวกนั้นต่อไป แต่ตอนนี้ต้องคิดใหม่ว่าจะรับการตอบโต้ยังไงมากกว่า ในเมื่อปรากฏว่าเป็นฝั่งเขาเองที่หาเรื่องยามาโมโตะกับโกคุเดระมาโดยตลอดหนึ่งเดือนนี้ การกักตัวเดเมียนไว้นั่นคือชนวนชั้นเยี่ยม

            เคนนี่ แอ็คเคอร์แมนคงจะเตรียมเอาไว้แล้ว ซึ่งมันหมายความว่าเขาต้องรับฟังโดยไม่มีเงื่อนไข

            ชิงจังหวะออกตัวเร็วเสมอเลยนะ ตาแก่เจ้าเล่ห์!

            ร่างแข็งแกร่งเดินเข้าหาเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับผู้เป็นอาแล้วนั่งลงเป็นเชิงยอมรับฟังแผนการ แต่สายตาและท่าทางนั้นชัดเจนว่าจะยอมเพียงแค่ฟังเท่านั้น     กำแพงป้องกันตัวสูงยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมว่าถ้าหากเขาได้ยินอะไรไม่ชอบมาพากลเมื่อไหร่ เขาพร้อมที่จะลุกออกไปจากตรงนี้ทันที

            “ถ้าแกยังข้องใจเรื่องที่ฉันสั่งกดรีโมตระเบิดเบธิลด์โดยไม่ปรึกษาแกฉันจะบอกให้ฟังก็ได้ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อล่อศัตรูให้ถอยห่างจากเป้าหมายของเรา พวกมันรู้ว่าเราอยากได้เบธิลด์ แต่พอเราไม่ได้เราก็ทำลาย นี่ก็เพื่อเป็นการสร้างภาพติดตาให้พวกมันเห็นว่าเราไม่ต้องการเบธิลด์ ทาวเวอร์อีกต่อไปแล้ว” ดวงตาสีเทาวาววับอย่างน่าขนลุก “ไม่คิดว่าจะได้ผลเกินคาด...ยามาโมโตะ ทาเคชิลดการ์ดลงจนปล่อยให้เราเข้าไปขโมยสัญญาหุ้นส่วนสำคัญออกมาจนได้”

            “อ้อ...” รีไวเหยียดยิ้มมุมปาก ลากเสียงด้วยเพราะแสดงอาการเข้าใจผสมประชดประชันอย่างเย็นชา “ความจริงแล้วสตีเฟน แมคคาร์ทีก็ไม่รู้เรื่องที่คุณให้คนไปขโมยสัญญาออกมาก่อนหน้าที่อัลเฟร็ดจะลงมือ หลอกใช้พวกเดียวกันได้เยี่ยมไปเลยนี่”

            “ถ้าจะพูดให้ถูกไม่ใช่ให้ไปขโมยก่อน แต่ไปพร้อมกัน” ชายผู้เป็นใหญ่แห่งฝั่งซิซิลีเอ่ยแก้ “ตอนแรกฉันก็ยังไม่แน่ใจว่ายามาโมโตะ ทาเคชิเอาสัญญาไปซ่อนไว้ที่ไหน ตอนที่สตีเฟนมาบอกแผนที่อัลเฟร็ดจะดำเนินการขโมยสัญญา ฉันก็ซักจนแน่ใจว่ามันคือที่ Imperial Colledge London ตึก Business แล้วก็บอกให้คนของฉันไปรออยู่ที่นั่น รอสบโอกาสแล้วก็ขโมยมันออกมาก่อนที่อัลเฟร็ดจะไปถึงที่เก็บสัญญาก็เท่านั้น อีกอย่างฉันก็ไม่ได้หลอกใช้พวกเดียวกัน...แต่นี่เป็นการเตือนให้คนเลือดผสมคนนั้นรู้ว่าเขายังเป็นคนใต้ปกครองของจอร์จิโอ”

            “ก็ควร” รีไวเอ่ยตอบทันที “ถึงหมอนั่นจะยอมทำตามคุณทุกอย่าง แต่เขาไม่มีทางพอใจที่คุณดันไปทำลายเบธิลด์ของอดีตภรรยา คุณทำอย่างนี้ก็เพื่อหาเรื่องให้สตีเฟนทำงานพลาด แต่แทนที่จะจัดการเขากับเจ้านักฆ่าอัลเฟร็ดนั่นไปซะก็ยังให้โอกาสมีลมหายใจต่อไป แค่นี้ทั้งสองคนนั่นคงไม่คิดเอาใจออกห่างคุณ”

            “ช่วงนี้ฉันสนใจกลยุทธ์ของวรรณกรรมทางตะวันออกนิดหน่อย เสนาธิการผู้ชาญฉลาดอย่างจูกัดเหลียงยังใช้หลักจับเจ็ดครั้งปล่อยเจ็ดครั้งเพื่อมัดใจคน  สตีเฟนอาจจะไม่รู้ตัว แต่การที่เขาแอบให้เงินสนับสนุนการซ่อมบำรุงเบธิลด์ที่ถูกระเบิดไปนั้นเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับความภักดีที่เขามีต่อจอร์จิโอ ตอนนี้มันยังคงไม่ออกอาการ แต่ถ้าหากศึกนี้ยืดเยื้อ ฉันมีอะไรจะเล่นกับเบธิลด์อีกมาก บางอย่างคงโหดร้ายเกินไปที่เขาจะรับได้ เพื่อไม่ให้สตีเฟนทำเสียเรื่อง ฉันก็เลยต้องทำแบบนี้ หวังว่าเขาจะฉลาดกว่าเคลล์แมน มาร์ตัน ปลาที่มีโอกาสกลับลงน้ำควรจะสำนึกรักชีวิตของตนเองมากกว่าสายสัมพันธ์ในอดีตที่แสนจะเปราะบาง”

“การที่คุณให้เดเมียน เลอรอยด์ไปขโมยสัญญามา มันไม่ได้มีเหตุผลแค่จะกดดันสตีเฟนแน่” เสียงของหญิงสาวว่าขึ้นบ้าง เรียกให้ผู้นำแห่งฝั่งซิซิลีหันหน้าไปมอง ประธานรีไวอายุน้อยกว่าเขาแค่ไหน มิคาสะยิ่งเด็กกว่านั้นไปอีกหลายเท่า แต่เขาไม่เคยมองว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงแค่เด็ก ดวงตาสีดำจ้องเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว น้ำเสียงราบเรียบไม่มีแม้แต่อาการสั่นหรือความเคารพนบนอบ ดูราวไม่ใช่น้ำเสียงที่คนระดับเลขาพูดกับประธานบริษัท เคนนี่เลิกคิ้ว ทว่าสีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขาไม่คิดว่ามิคาสะจะอยู่เงียบๆตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

“เธอหัวไวกว่าที่ฉันคาดไว้เยอะเลย” แล้วก็ปรายตากลับมายังชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงหน้าตน เอ่ยด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย “เด็กสมัยนี้นี่...เก่งนะ”

รีไวขมวดคิ้วฉับเมื่อสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของผู้อาวุโสเน้นเสียจนมันผิดสังเกต ดวงตาพลันแข็งกระด้างขึ้นอีกระลอกเมื่อภาพของ เด็กสมัยนี้บางคนแล่นวาบเข้ามาในหัว แล้วถ้าสัญชาตญาณเตือนภัยของเขามันยังคงคมกริบเหมือนอย่างเคย เคนนี่ แอ็คเคอร์แมนก็จงใจให้เขานึกถึงภาพนั้นด้วย รีไวเก็บปฏิกิริยานั้นไว้กับตัวแล้วเลือกที่จะไม่พูดอะไร ประธานแห่งฝั่งซิซิลียกตัวเองขึ้นจากพนักพิงมานั่งตัวตรง นัยน์ตาไม่มีแววหยอกล้ออยู่อีกแล้ว มันหายวับไปจนแทบไม่คิดว่าเคยมีอยู่

“ฉันบอกแล้ว ว่าไม่ได้มีแต่แกที่ส่งสปายมาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของฝั่งซิซิลีได้อย่างเดียว สำนักงานหลักที่ปราโตฉันก็รู้เรื่องราวทุกฉากทุกตอนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นฉันก็คงจะพูดไม่ได้ว่าตอนนี้นายเพิ่งจะปล่อยเด็กคนหนึ่งไปทำงานที่ญี่ปุ่นในฐานะวิศวกรซ่อมบำรุงอากาศยาน มันเดาได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีกนะไอ้หลานชาย ว่าแกให้เด็กคนนั้นไปทำงานที่บริษัทของใคร”

แม้สีหน้าของผู้ฟังจะยังนิ่งสนิท แต่รีไวลอบกัดฟันดังกรอด เคนนี่ไม่ได้ขู่เขา หมอนี่รู้เรื่องทุกอย่างจริง แล้วถ้าถึงขึ้นรู้เรื่องของเด็กนั่นก็หมายความว่าสายของทางซิซิลีต้องเป็นคนที่ใกล้ตัวเขาพอสมควร ยามนี้รีไวเหมือนเป็นสัตว์ร้ายที่อดทนต่อการกดดันอย่างถึงขีดสุด

“อย่าล้ำเส้น เคนนี่” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยแทรกทันควัน มันดังก้องในห้องเงียบด้วยการแสดงอำนาจอย่างไม่คิดกักเก็บ “เด็กนั่นแค่ไปทำงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นยามาโมโตะ โกคุเดระหรือตระกูลเลอรอยด์ก็ตาม”

“โอ๊ะโอ๋...ใจเย็นหลานชาย ฉันก็ไม่ได้บอกสักคำว่าจะดึงเขาเข้ามาเอี่ยว เด็กคนนั้นจะทำอะไร ฉันก็จะปล่อยให้เขาทำไปโดยไม่ยุ่งแน่นอนวางใจได้” ชายสูงวัยหัวเราะหึๆยกมือสองข้างแสดงความบริสุทธิ์ หากมุมปากมัดเป็นรอยยิ้มร้าย “แต่เรื่องที่ฉันจะยุ่งก็คือเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจที่แกว่า”

“หมายความว่าไง”

“ตอนนี้เราเป็นต่อทางฝั่งโกคุเดระอยู่เต็มประตูด้วยที่ว่าเรามีสัญญาหุ้นส่วนของพวกมันกับเบธิลด์อยู่ในมือ สิ่งที่ฉันคิดจะทำก็คือฉันจะใช้สัญญานี้ต่อรองเพื่อให้โกคุเดระขนส่งอาวุธให้กับเรา”

“หรือมองอีกมุมการที่คุณทำแบบนี้มันรังแต่ว่าจะเป็นการทำให้เด็กพวกนั้นอยู่ไม่สุข มนุษย์มันไม่มีใครที่โดนกระทำก่อนแล้วจะไม่โต้ตอบหรอก” รีไวค้าน “ผมก็กะจะทำอย่างนั้นตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อีกอย่างนี่มันเป็นการกระทำซ้ำซ้อนเกินไป ผมคิดที่จะให้โกคุเดระขนส่งอาวุธให้กับเราเป็นค่าตัวส่งเด็กฝึกงานที่ชื่อเอเลนไปทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น”

“ว้าว! เพิ่งรู้ว่าเธอตีค่าค่าเด็กคนนั้นเทียบเท่าการทำธุรกิจกับมาเฟียในช่วงสงคราม” ผู้นำฝั่งซิซิลีว่ายิ้มๆ ยกนิ้วขึ้นไล้ริมฝีปากอย่างนึกสนใจ มันมีค่ามากแค่ไหนรีไวก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว อีกอย่างก็คือมันพลาดไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่จังหวะเดียว เรื่องนี้รีไวก็รู้ดีเช่นกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังกล้าเดิมพันกับเด็กคนนั้น เคนนี่หัวเราะในลำคอ นี่มันเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ไปไกลมากทีเดียว

คาดว่ารีไวเองก็อาจจะยังไม่รู้ตัว ว่ากำแพงที่แข็งแกร่งที่สุดที่สร้างมาทั้งชีวิตมันเริ่มเปราะบางลงทันทีที่เริ่มไว้วางใจใครสักคน แล้วมันจะพังครืนลงสักวัน วันที่รีไวเลือกที่จะเชื่อใจใครโดยไม่มีเงื่อนไข และในบรรดาคนที่เข้ามาในชีวิตของประธานบริษัทวัยสามสิบต้นคนนี้ เด็กคนนั้นถือว่ามาได้ไกลกว่าใครทั้งหมด

“เรื่องของเด็กผู้ชายจาก UPenn คนนั้นฉันไม่เถียง แต่วัตถุประสงค์ที่ฉันทำตัวเหมือนโจรกระจอกสู้อุตส่าห์ไปขโมยสัญญาหุ้นส่วนมานั้นก็เพื่อให้แกได้ใช้เป็นอีกเงื่อนไขในการเจรจากับโกคุเดระ ฮายาโตะ เด็กนั่นเจ้าเล่ห์ ลูกเล่นมันเยอะกว่าที่แกคิดไว้เสียด้วยซ้ำ เราจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าเป็นเรื่องของเบธิลด์ ทาวเวอร์ โกคุเดระจะไม่คิดแข็งข้อกับเราแน่ๆ”

“มั่นใจแค่ไหน” มิคาสะออกเสียงค้านทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “อย่างไรคนที่เป็นเดือดเป็นร้อนที่สุดถ้าสัญญาหุ้นส่วนของเบธิลด์ ทาวเวอร์หายไปก็มีแค่ยามาโมโตะกับแดชีลล์เท่านั้น  ไม่ใช่เรื่องที่โกคุเดระต้องเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงเพื่อแย่งสัญญากลับไปให้คนอื่นอีก”

“แต่ตอนนี้คนทั้งโลกก็รู้แค่ว่าโกคุเดระยังคงเป็นเจ้าของลายเซ็นบนสัญญานั่น” รีไวเอ่ยต่อ “แล้วถ้าฉันคาดการณ์ไม่ผิดโกคุเดระก็คิดที่จะแถลงข่าวเข้าเป็นหุ้นส่วนกับยามาโมโตะอีกครั้งในเร็วๆนี้รวมถึงการยกหุ้นส่วนเบธิลด์ ทาวเวอร์ให้ยามาโมโตะในคราวเดียวกัน ทีนี้สัญญาที่มีลายเซ็นของยามาโมโตะตั้งแต่ต้นนั่นก็สัมฤทธิ์ผล ยามาโมโตะกับโกคุเดระมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจมาอย่างยาวนาน ความแน่นแฟ้นนั้นเพียงพอที่จะไม่ทำให้ใครติดใจสงสัย ต่อให้เป็นพวกนักธุรกิจที่เข้าร่วมประมูลเบธิลด์ในครั้งนั้นก็ตามที เรื่องที่พวกมันแอบทำอะไรลับหลังทั้งหมดก็จะไม่ถูกขุดคุ้ย ทุกอย่างจบลงอย่างสงบเรียบร้อย แต่ถ้าตอนนี้สัญญามันอยู่กับเรา...”

รีไวเว้นวรรคจ้องเข้าไปในตาของผู้เป็นอาเหมือนกำลังอ่านความคิด ลำดับเหตุการณ์ในหัวอย่างรวดเร็วเหมือนเคย “พวกมันก็ต้องกลัวว่าเราจะเปิดเผยสัญญานี้ต่อสาธารณชนก่อน ทีนี้เรื่องมันก็จะกำหนดบทบาทของพวกมันทันที เบธิลด์ ทาวเวอร์กลายเป็นกองประมูลที่หลอกลวงนักธุรกิจและประชาชนที่เสพข่าวอยู่ทั่วโลก โกคุเดระกลายเป็นเครือธุรกิจโกงการประมูล ตนแพ้กลับประกาศว่าตนชนะ ส่วนยามาโมโตะนั้นต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเอเชียตรงที่กับแค่หุ้นส่วนห้างที่อยู่อย่างลุ่มๆดอนๆอย่างเบธิลด์ยังเอามาไม่ได้ ต้องให้โกคุเดระแอร์ไลน์ไปเก็บมาให้ หรือจะเป็นอีกแบบคือมีคนเข้าใจว่ายามาโมโตะเป็นผู้วางแผนให้โกคุเดระไปเอาเบธิลด์มาให้ตน ก็เข้าข่ายกลายเป็นพ่อค้าชุบมือเปิบ พวกเครือธุรกิจที่เป็นคู่ค้าจะหมดความเลื่อมใส ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ The Best ได้อย่างมหาศาล...”

ห้องเงียบงันไม่มีใครพูดแทรกหรือคัดค้าน รีไวจึงสรุปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่ว่าเรื่องจะเป็นไปในแนวทางไหน โกคุเดระ ยามาโมโตะ และตระกูลเลอรอยด์ก็คือตัวโกงอยู่วันยังค่ำ นั่นเป็นสาเหตุที่โกคุเดระไม่ทนอยู่เฉยๆแน่”

ทางเขานั้นมีหลักฐานมัดตัวพวกนั้นพร้อมว่าพวกมันเล่นตุกติกในการประมูลนั้น วิดีโอในมือถือของเคลล์แมน มาร์ตันที่ยามาโมโตะเซ็นสัญญากับแดชีลล์ตรงทางเดินหนีไฟถูกส่งมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิด รีไวเดาว่าเป็นเคนนี่ที่ส่งคนของตนไปปะปนกับพวกการ์ดคนสนิทของยามาโมโตะ ทาเคชิ สบโอกาสตอนที่ยามาโมโตะใช้ให้ลบคลิปแต่ก็ส่งมาให้พวกเขาแทน ตอนนั้นเหตุการณ์ชุนละมุนแล้ววิกฤติถึงขั้นสุด ต่อให้เป็นยามาโมโตะก็ไม่ทันสังเกต

“ถูกแล้ว” เคนนี่รับ แต่รีไวยังคงเห็นลับลมคมในอะไรบางอย่างในดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นอยู่ดี “การขู่โกคุเดระด้วยสัญญาเบธิลด์ ทาวเวอร์นั้นได้ผลแน่นอน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันอยากจะขอความร่วมมือจากแกนิดหน่อย”

ชายหนุ่มหรี่ดวงตาลง เอ่ยต่อทันที “จะให้ผมเป็นคนถือสัญญานั่นไปขู่โกคุเดระอย่างนั้นหรือ”

“แกควรจะดำเนินการให้เร็วที่สุด” เคนนี่สำทับ “ตอนนี้สายของฉันแจ้งมาว่ายามาโมโตะกับแดชีลล์มาถึงอังกฤษแล้ว ถ้าพวกมันเริ่มตามกลิ่นเมื่อไหร่ไม่นานก็คงจะสืบได้ ฉันจะส่งสถานที่ที่แกจะเจอกับเดเมียน เลอรอยด์ให้เพื่อส่งมอบสัญญา จากนั้นแกต้องไปที่ญี่ปุ่น ทำตามแผนการเจรจากับโกคุเดระให้มันส่งอาวุธให้เราซะ”

“แล้วถ้าผมไม่ทำ”

“ฉันมีสายอยู่ที่ญี่ปุ่น ทุกคนติดอาวุธ ต่อให้อยู่นอกเขตอำนาจของฉัน แต่เขาก็สามารถเก็บคนได้เงียบๆโดยที่กฎหมายทางนั้นทำอะไรไม่ได้” เคนนี่ตอบง่ายๆและรวดเร็วเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา รีไวแค่นหัวเราะหนึ่งที ไม่ปรากฎความกลัวหรือหวาดหวั่นใดๆ

“พวกนั้นทำอะไรผมไม่ได้ ไม่ต้องมาขู่ฆ่ากันหรอก มันเปล่าประโยชน์”

“ก็รู้อยู่แล้ว” ชายอาวุโสสวนกลับอีกครั้ง เอียงคอเล็กน้อยมองหน้าหลานชายตนเองคล้ายกับจะยั่วโมโหอะไรบางอย่าง” ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกไม่กลัวตาย ไม่ได้คิดจะขู่ฆ่าแกแม้แต่คำเดียวเลย ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นก็เพื่อเตือนให้แกสำนึกบางอย่าง...คงยังไม่ลืมนะรีไว ว่าแกเพิ่งส่งใครไปทำงานที่ญี่ปุ่น”

เพียงเท่านั้นความเย็นยะเยือกประหลาดก็เข้าครอบคลุมห้องกว้างอีกครั้ง ใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่มนั้นเรียบสนิท ทั้งยังนิ่งงันอย่างน่าขนลุก สีหน้านั้นมองไม่ออกว่าโกรธ หงุดหงิด หรือไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่คนมองอย่างเคนนี่กลับรู้สึกว่าความเยือกเย็นนั้นมันไม่ใช่ความเยือกเย็นและว่างเปล่าอย่างแท้จริง กลับกัน รีไวกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างเอาไว้อย่างที่ขีดความอดทนสูงสุดของตนเองจะสามารถทำได้ สายตานั้นโกหกไม่ได้ รีไวคงไม่รู้ตัวว่าตนกำลังจ้องคนตรงหน้าอย่างมืดมนไร้ปรานี ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าได้เดี๋ยวนั้น จะให้จบภายในครั้งเดียว หรือทรมานเป็นเวลานานก่อนจะหมดลมหายใจ ชายหนุ่มคนนี้จะดำเนินการอย่างไม่ลังเล เป็นสายตาที่ไม่มีใครอยากเห็น แล้วก็ว่ามีแต่คนไม่กลัวตายเท่านั้นที่กล้าทำให้รีไวทำสายตาเช่นนี้ได้

“ผมขอพูดอีกครั้งว่าเด็กนั่นไม่เกี่ยว” รีไวเน้นอีกครั้งทีละคำด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แต่คนฟังยังคงไม่สะทกสะท้าน

“มันจะไม่เกี่ยวต่อไปถ้าแกทำตามที่ฉันบอก อยู่ที่แกจะเลือก...แกนั่งอยู่บนที่สูงเกินไปจนลืมตัวไปหรือเปล่าแกก็มีสิทธิ์ถูกสั่งให้เลือกเหมือนกัน ถ้าแกยังลืมตัวอย่างนั้นฉันว่าแกก็ยังเป็นเด็กอยู่จริงๆ คงมองผิดไปหน่อยที่บอกว่าแกโตขึ้นแล้วบ้าง” ว่าแล้วสายตาบอกชัดว่าดูถูกเหลือบมองหญิงสาวผมสีดำวัยยี่สิบต้น ขยับยิ้มมุมปาก “ระวังหน่อยรีไว แกมีคนที่เด็กกว่าอยู่ข้างๆนะ อีกอย่างก็เป็นผู้หญิงด้วย ถ้าแสดงด้านอ่อนแอออกมา มันดู...แย่”

ชายสูงวัยเอ่ยคำปรามาสอย่างไม่ไว้หน้า ถึงตรงนี้รีไวพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเคนนี่ถึงเอ่ยปากบอกให้พามิคาสะมาด้วย ไม่ใช่เพื่อมาเป็นคนสนับสนุนเขา มิคาสะทำงานกับเขาก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยู่ฝั่งเขา ดังนั้นวัตถุประสงค์ของเคนนี่ก็เพื่อให้มิคาสะมาฟังแผนการด้วย และท้ายที่สุดบทบาทของมิคาสะก็คงไม่พ้นเป็น ผู้คุม

คุมไม่ให้เขาออกนอกลู่ทาง ทำทุกอย่างตามที่ผู้นำฝั่งซิซิลีสั่ง แล้วถ้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันในห้องนี้เมื่อไหร่ มิคาสะมีสิทธิ์ไตร่ตรองที่จะจัดการตามความคิดตน แม้แต่การยกปืนขึ้นเหนี่ยวไกใส่เขาก็สามารถทำได้ เพราะแอ็คเคอร์แมนนั้นไม่ได้ใช้นามสกุลนี้เพื่อสนับสนุนกัน มันถูกกำหนดชัดเจนตั้งแต่ที่พวกเขาลืมตามองโลกใบนี้

แอ็คเคอร์แมนนั้นมีไว้ก็เพื่อจอร์จิโอกรุ๊ปเท่านั้น...

“ส่งจุดนัดพบมา แต่ถ้าคุณพลาดเมื่อไหร่ ผมมีสิทธิ์ที่จะจัดการตามวิธีของตนเอง” รีไวบอกเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้นเป็นเชิงว่าเขายอมรับฟังธุระของเคนนี่เพียงเท่านี้ เช่นเดียวกับมิคาสะที่หันหลังกลับติดตามพี่ชายออกไปนอกห้องโดยไม่สนใจคำเอ่ยส่งจากผู้บริหารฝั่งซิซิลี

นับตั้งแต่วินาทีที่รีไวออกจากห้อง เขายังคงนิ่งเงียบตามนิสัย ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร เพียงแต่ในดวงตาคู่คมสีเถ้าถ่านนั้นปรากฏความเด็ดขาดขึ้นชั่ววูบ จากนั้นก็จางหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น










ท่าอากาศยานโตเกียว

เอเลนก้าวลงเหยียบพื้นดินของญี่ปุ่นแล้วบิดขี้เกียจ สูดอากาศต้นฤดูใบไม้ผลิแล้วทำให้ปลอดโปร่งได้ไม่น้อย ใบหน้ามนมีรอยยิ้มกว้างประดับเมื่อกวาดดวงตาสีมรกตสดใสมองไปโดยรอบ มือไม้อยู่ไม่ค่อยสุขจนต้องกำแบๆมันไปมา ไอ้อาการเหมือนเด็กน้อยเจอของเล่นชิ้นใหม่แบบนี้เอเลนเป็นมาตั้งแต่ขึ้นเครื่องของสายการบินโกคุเดระ แอร์ไลน์ที่อิตาลีแล้ว เขาโล่งอกนิดหน่อยที่ท่านประธานติดธุระด่วน ไม่ได้เห็นสีหน้าระริกระรี้ของเขาก่อนขึ้นเครื่อง ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนค่อนแขวะอะไรก่อนมาญี่ปุ่นก็ได้

ก็หวังว่าลูกน้องสูทดำของท่านประธานจะไม่เอาไอ้อาการดีอกดีใจอย่างกับลูกนกได้ออกจากรังไปฟ้องหรอกนะ

เอเลนคิดแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ท่านประธานรีไวให้คนตามมาส่งเขาถึงสี่คน แต่ละคนสูงเฉลี่ยร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเศษ มองมุมไหนก็บอดี้การ์ดระดับเอสอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ละคนยืนล้อมเขาเสียจนเหมือนกำแพงมากกว่าโล่กำบัง หนึ่งในบอดี้การ์ดยื่นซองสีน้ำตาลให้ เอเลนเบิกตาโตร้องอู้หู มันเป็นเอกสารการเดินทางตลอดจนหลักฐานจำเป็นทุกอย่างที่เขาต้องใช้มาทำงานที่ญี่ปุ่น ท่านประธานคนนั้นทำให้เขาได้ทุกอย่างซ้ำยังรวดเร็วเหลือเชื่อ ข้อมูลทุกจุดระบุจริงบ้างเท็จบ้างแต่ก็แนบเนียนจนเด็กหนุ่มผู้ได้ประวัติใหม่ถึงกับกลืนน้ำลาย

เอเลนไม่รู้หรอกว่าคนที่จับเอกสารทางราชการปลอมๆนี่จะรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนแค่ไหน แต่สำหรับเขาพอรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเอกสารพวกนี้ให้ เขาก็เชื่ออย่างไร้เงื่อนไขว่ามันต้องพาเขาผ่านกฎหมายได้ทุกรูปแบบ มันก็เลยไม่มีความคิดนึกกลัวแม้แต่น้อย กลับกันยังรู้สึกอุ่นใจมากกว่า

พลันทันใดนั้นเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีก็รู้สึกถึงว่ามีใครมายืนอยู่ข้างหลัง ทว่าเว้นระยะห่างได้อย่างมีมารยาท เอเลนหันขวับไปมอง คนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีดำขลับในชุดสูทรัดกุมเรียบร้อย ใบหน้าคมจะว่าหล่อก็ใช่ จะว่าสวยก็เชิงมีรอยยิ้มจางๆทักทาย แต่กว่านั้นที่ชัดเจนที่สุด คนๆนี้ดูเป็นคนที่ทั้งฉลาดเข้มแข็งและเป็นระเบียบเหมาะกับการปกป้องดูแลผู้อื่นอย่างไม่มีที่ติ ส่วนข้างหลังมีผู้ติดตามอีกสองคน อารมณ์เหมือนบอดี้การ์ดของท่านประธานรีไวไปทุกส่วน

“ยินดีต้อนรับครับคุณเอเลน” ชายหนุ่มร่างโปร่งค้อมหัวให้เขานิดหน่อย แสดงท่าทางเคารพจากใจจริงแต่ก็ยังคงความน่าเกรงขามอยู่บ้างจนเอเลนต้องผงกหัวรับทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างอีกนิดแล้วเอ่ยต่อ “ผมเป็นเลขาประจำตัวท่านประธานโกคุเดระ ฮายาโตะ จะเรียกลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็ได้ครับ”

เอเลนร้อง อ้อเบาๆ ไล่สำรวจคนตรงหน้าตามนิสัยอีกครั้ง คิดในใจว่าสมแล้ว เป็นถึงคนติดตามของรุ่นพี่เขา ก็คงจะต้องสมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้จริงๆนั่นล่ะ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ท่านประธานติดประชุมครับก็เลยส่งผมมารับคุณไปที่บริษัท ไม่อย่างนั้นท่านก็อยากจะมารับคุณเอเลนด้วยตัวเองอยู่”

“อุ่ย! อย่าเลยฮะ” เด็กหนุ่มโบกไม้โบกมือ ยิ้มติดตลก “ไม่ค่อยมีใครลากคนๆนั้นออกจากเก้าอี้ทำงานได้หรอก ยิ่งเป็นช่วงยุ่งๆอย่างนี้แล้วด้วย ถ้าเขามารับผมจริงๆนะ ผมคงอยู่ญี่ปุ่นอย่างสงบไม่ได้แน่ ท่านประธานอัจฉริยะคนดังให้เกียรติมารับเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งถึงสนามบิน” เอเลนหัวเราะแหะๆ สำทับเข้าไปอีก ฟังสบายผ่อนคลาย แต่ก็จริงจังจนทำให้เลขาผู้เพียบพร้อมต้องรับฟัง

            “ผมมาที่นี่เพื่อเป็นลูกจ้างคนหนึ่งของโกคุเดระครับคุณลอร์ดคริสโตเฟอร์ หากมีอะไรจะแนะนำแล้วคิดว่าเป็นสิ่งที่ผมควรทราบก็บอกได้เลยนะครับ”

            ลอร์ดคริสโตเฟอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า ถึงจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันแต่บรรยากาศของเด็กคนนี้นั้นแตกต่างจากเจ้านายอยู่นิดหน่อย เจ้านายของเขาถูกหล่อหลอมด้วยหน้าที่การงานตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น ดังนั้นจึงมาความเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบสูง  แต่เด็กคนนี้นั้นเพิ่งจะได้ทำงานจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก สมควรที่จะติดความเป็นนักศึกษา ซึ่งเอเลนก็ทำตัวเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ลอร์ดคริสโตเฟอร์ก็ยังมองออกว่ามันไม่ใช่นิสัยลึกๆที่แท้จริงของเอเลน

            ว่ากันว่าการจะกระโดดได้สูงนั้น มันต้องย่อตัวให้ต่ำ คงเป็นเพราะนิสัยผิวเผินเป็นคนสบายๆผ่อนคลาย เวลาปกติเด็กผู้ชายคนนี้ก็จะย่อตัวให้ต่ำกว่าใครเพื่อน เบื้องบนจะเป็นอย่างไรไม่สนใจ เหมือนรำคาญเรื่องราววุ่นวายอยู่ลึกๆ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบแล้ว เด็กคนนี้ก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหาอย่างไม่ลังเล

            เจ้านายของเขาเลือกคนถูก เอเลน เยเกอร์ไม่ใช่นักศึกษา แต่เหมาะกับการทำงาน ยิ่งในวงการแบบนี้ อาจจะยิ่งเหมาะก็เป็นได้

            “เข้าใจแล้วครับ” เลขาร่างสูงโปร่งรับคำ ผายมือเชื้อเชิญไปยังรถที่จอดนิ่งอยู่ข้างหน้าสนามบิน เด็กหนุ่มร่างโปร่งยิ้มเก้อๆให้หนึ่งทีก่อนจะสาวเท้าไปด้วยท่าทางประดักประเดิด ถ้ามาทำงานกับท่านประธานโกคุเดระแล้วต้องเจออะไรแบบนี้ เขาว่าเขาต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะปรับตัว ไม่รู้จะสื่อสารยังไงให้คนในวงการนี้เข้าใจ เขาคือคนที่จะเป็นวิศวกร ไม่ใช่นักธุรกิจร้อยล้านนะ!
           








            พยายามจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ตอนนี้เขาชักอยากจะเป็นนักธุรกิจขึ้นมาจริงๆ

            ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าตึกบัญชาการของสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อุทานได้เป็นประโยคใหญ่ๆ โอ้ พระเจ้า...นี่โกคุเดระ ฮายาโตะ ทำงานอยู่ในตึกสวยอลังวังเว่อร์แบบนี้ทุกวันจริงเรอะ!?’

            เอเลนป้องตาแหงนหน้ามองดูตึกสูงเสียดฟ้าโดดเด่นที่สุดในรัศมีสามกิโลเมตร เป็นใครขับรถผ่านก็คงจะอยากเห็นเจ้าของตึก เด็กหนุ่มร่างโปร่งถอนหายใจหนึ่งที บึนปากเล็กๆเมื่อคิดถึงหน้าเจ้ารุ่นพี่ของเขา ไม่รู้จะดันธุรกิจตัวเองไปถึงไหน มองในมุมคนธรรมดาๆนะ โกคุเดระกับยามาโมโตะก็อยู่ในระดับเดียวกันเห็นๆ

            แต่พอคิดอย่างนั้นก็ดันได้ยินเสียงอีกเสียงของตนค้านขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เขาไม่ใช่นักธุรกิจ ไม่มีทางเข้าใจความคิดของนักธุรกิจ สิ่งที่คนอื่นมองว่าพอ คนท็อปคลาสพวกนี้คงมองว่าขาด เอเลนยิ้มจาง ขนาดเขาได้สวมบทบาทเป็นนักธุรกิจไม่กี่ชั่วโมงยังรับรู้ถึงนิสัยกระเหี้ยนกระหือรือของตัวเอง คนที่อยู่กับงานแบบนี้มาค่อนชีวิตคงกลายเป็นเรื่องที่ต้องการเป็นปกติ ไม่ต่างจากชีวิตที่ต้องการอาหารและน้ำทำนองนั้น

            เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งเขาถึงกลัวที่สูงๆนัก

            เอเลนเดินเข้าตึกบัญชาการได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบอะไรจากยามเข้มงวดหน้าประตู เพียงแค่พวกเขาเห็นเลขาของท่านประธานสูงสุดเดินประกบด้วยก็เปิดทางให้ทันที แล้วตอนที่เขาเดินเข้าตึกโกคุเดระ แอร์ไลน์ เขาตรึงสายตาคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่จริงๆ ราวกับว่าสำหรับบริษัทนี้แล้วการที่มีเด็กวัยไม่ถึงยี่สิบมาเดินอยู่ที่นี่เป็นเรื่องไม่แปลกเท่าไหร่นัก มันทำให้เขารู้สึกสบายใจแล้ววางตัวง่ายกว่าอยู่ที่จอร์จิโอเยอะ

            “ท่านประธานอยู่ที่ห้องทำงานแล้วครับ” ชายหนุ่มร่างโปร่งหันมาบอกเขาในขณะที่กดเรียกลิฟท์ แต่เห็นเด็กหนุ่มยังคงกวาดสายตามองโน่นนี่ไปรอบๆแล้วก็อดยิ้มแล้วทักออกไปไม่ได้ “ตื่นเต้นหรอครับ”

            “อ่า ก็ไม่เท่าไหร่นะครับ” เอเลนยิ้มแห้ง พลางเดินตามเข้าไปในลิฟท์ แต่ในขณะที่ปากพูดแบบนั้น หัวใจเขายังเต้นตุ้มๆต่อมๆ “ผมไม่ได้เจอพี่ฮายาโตะมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงตอนเจอเขาดี ตอนที่ผมสนิทกับเขา เขายังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาเป็นคนวัยทำงานแล้ว จะให้ทำตัวเหมือนรุ่นน้องได้เจอรุ่นพี่ที่สนิทธรรมดา ให้พี่พาไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมก็คงจะไม่ได้”

            “ได้โปรดทำอย่างนั้นเถอะครับ” สิ่งที่ลอร์ดคริสโตเฟอร์เอ่ยตอบกลับมาทันทีทำให้เวลากะพริบตาปริบๆเหมือนได้ยินอะไรผิดไป แต่คนพูดกลับยิ้มยืนยันคำพูดตน ซ้ำยังขยายความไปอีก “สมัยเรียนอยู่คุณเอเลนปฏิบัติตัวต่อท่านฮายาโตะอย่างไร ก็ได้โปรดทำอย่างนั้นเถอะครับ นี่เป็นเรื่องที่ผมพอจะขอร้องได้ในฐานะคนที่คอยดูแลท่าน คุณเอเลนก็น่าจะรู้ที่ผ่านมาท่านไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งก็มาจากหน้าที่การงาน แต่อีกส่วนก็คงจะเป็นเพราะคนที่จะทำให้ท่านไว้วางใจจนทิ้งตัวลงพักพิงได้นั้นมีน้อยเกินไป...น้อยเกินที่จะบรรเทาภาระหน้าที่อันหนักอึ้งของท่านได้”

            เอเลนยืนนิ่ง มองหน้าเลขาของประธานบริษัทชั้นนำที่เอ่ยเรื่องแบบนี้กับเขาอย่างไม่ปิดบัง ลอร์ดคริสโตเฟอร์โค้งน้อยๆให้กับเขาแล้วเอ่ยอีกครั้ง

            “ถ้าหากทำได้...ก็ได้โปรดทำเถอะครับ”

            เอเลนยิ้มรับแล้วพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะสาวเท้าออกจากลิฟท์ที่พาเขาขึ้นมาบนชั้นที่สูงพอสมควร กระจกใสๆที่วางเรียงรายอยู่ข้างๆทางเดินเผยให้เห็นโตเกียวได้ทั้งเมือง คงเป็นเพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีพื้นที่จำกัด ตึกระฟ้ามีจำนวนมากกว่าที่ปราโต ขนาดตอนกลางวันยังเห็นได้ถึงความสวยงามศิวิไลซ์ ถ้าหากเป็นตอนกลางคืนคงตระการตากว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่า เอเลนเบือนสายตามามองข้างหน้าที่เป็นหน้าประตูบานใหญ่ ลอร์ดคริสโตเฟอร์เคาะสองสามที เขาได้ยินเสียงคนตอบกลับมาจากข้างในเป็นภาษาญี่ปุ่น จึงได้เปิดประตูให้เขาเข้าไปส่วนเจ้าตัวนั้นขอไปเตรียมเครื่องดื่มมารับรอง

            เอเลนเดินไปด้วยย่างก้าวที่สั้นกว่าปกติ ข้างในเป็นห้องทำงานที่กว้างมาก กว้างพอๆกับห้องประธานรีไวเลยด้วยซ้ำ แต่การตกแต่ง โทนสีนั้นต่างออกไปหน่อย มีชั้นวางหนังสือ โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ซีพี โซฟาและแฟ้มเอกสารวางเรียงรายเป็นองค์ประกอบหลัก เบื้องหลังโต๊ะทำงานนั้นคือกระจกใสที่บานใหญ่ มองไปให้ความรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ใจกลางนครโตเกียว ซึ่งเอเลนก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า คนที่ทำงานอยู่ในห้องนี้ก็เหมาะสมที่จะยืนอยู่ตรงจุดนั้นจริงๆ

            ท่านประธานโกคุเดระหรือที่เขาเรียกจนชินปากมาแต่ไหนแต่ไรว่าพี่ฮายาโตะเงยหน้าขึ้นมอง เหมือนเจ้าตัวจะเลิกคิ้วเหมือนประมวลอะไรเพียงชั่วขณะจากนั้นจึงได้เผยยิ้มกว้าง เอเลนยิ้มตอบกลับไป ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากนั้น พี่เขายังเป็นเหมือนพี่เขาคนเดิมทุกอย่างทั้งท่านั่ง ท่าเขียนอ่าน สีหน้า แววตา หรือแม้กระทั่งนิสัยการแต่งตัวก็ยังคงเค้าโครงเดิมจนเอเลนเห็นภาพที่มหาวิทยาลัยซ้อนทับ เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ใกล้พอสมควรแล้วถึงได้มองใหม่ จะว่าไม่เปลี่ยนไปเลยก็คงจะไม่ถูกนัก พี่เขาผอมลง ขาวขึ้นจนแทบเรียกได้ว่าเกือบซีด บรรยากาศรอบตัวทำให้รับรู้ได้ว่าเขาผ่านเรื่องราวมาไม่น้อยเลย แต่คิดในอีกแง่มุม เอเลนจะถือเป็นคนสักกี่คนที่โกคุเดระจะยิ้มทักทายให้โดยไม่ต้องคิดหรือปรุงแต่งใดๆ

            “ฉันดีใจที่แกมา” น้ำเสียงฟังปลอดโปร่งอย่างรุ่นพี่คนเดิมเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ ในดวงตาสีเขียวนั้นมองเขาอย่างยินดีและเปล่งประกายเหมือนกับเด็กน้อยๆที่ดีใจคล้ายกับเวลาทำอะไรสำเร็จสักอย่าง

            เอเลนขำคิก รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กวัยสิบเจ็ดกว้างขึ้นจนทั่วทั้งห้องสว่างไสว เอเลนไม่อยากสาธยายอะไรยืดยาว ไม่มีคำทักทายอะไร คำๆเดียวที่แทนคำทักทายและคำที่เขาอยากจะบอกกับพี่เขามาตลอดมีเพียงแค่ประโยคเดียว

            “ผมก็ดีใจที่ได้มานะพี่”

            โกคุเดระฟังแล้วหัวเราะร่วน เขารู้ดีว่ารุ่นน้องตั้งใจจะให้เป็นคำชม ซ้ำยังสมกับเป็นเอเลน ยังเป็นคนที่มีวิธีการพูดที่ทำให้เขาประทับใจได้ไม่เปลี่ยน สองประโยคเหมือนเป็นตัวปลดล็อคความเหินห่างตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอกัน โกคุเดระลุกยืนขึ้นกวาดตามองรุ่นน้องแล้วเอนหลังกอดอก พยักหน้าอย่างกับพ่อที่เห็นลูกชายตัวเองกลายเป็นหนุ่ม

            “ให้ตายสิ แกสูงขึ้นตั้งเยอะ ฉันล่ะอิจฉากรรมพันธุ์เด็กตะวันตกจริงๆ นี่แกสูงกว่าฉันแล้วมั้งเนี่ย”

            “มันก็แค่เซ็นต์สองเซ็นต์ป่ะพี่ อีกอย่างคนตะวันออกสูงๆก็ออกจะเยอะแยะ”

            “แกจะบอกว่าฉันเตี้ยใช่หรือเปล่า”

            “พี่พูดเองนะเอ้า!” รุ่นน้องแก้ตัว ทำให้โกคุเดระถลึงตาใส่ เอเลนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก โบกมือโบกไม้ “โอ๋เอ๋ๆ ผมเปล่าว่านะ แซวเล่นเฉยๆ นานๆเจอกันทั้งทีผมก็มีเรื่องจะชมพี่เหมือนกันนะ...พี่สวยขึ้นตั้งเยอะเลย ผอมอย่างกับนางแบบแน่ะ ไหนว่าลำบากตรากตรำทำงานโต้รุ่งไง ทำไมหน้าพี่ยังดีอยู่เลยอ่ะ”

            “แกจะชมอย่างนี้ไม่ต้องชมก็ได้ว่ะ” ท่านประธานร่างบางแยกเขี้ยว เขาโดนล้อแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ที่บอกว่าเขานอนน้อยแล้วหน้ายังดูดีนี่คงต้องขอบคุณการบำรุงของเบียงกี้ พี่สาวเขาคงรับไม่ไหวแน่ถ้าน้องชายที่เจ้าหล่อนพูดอยู่เสมอว่าสวยกว่าโทรมอย่างกับซอมบี้มาทำงาน ตอนนี้แหล่ะที่เขาก็ต้องยอมรับว่าเครื่องสำอางของ The Best คุณภาพระดับพรีเมี่ยมสมกับที่อาเจ๊เอาบัตรเครดิตเขาไปรูดซื้อเป็นเซ็ตๆ  โกคุเดระหัวเราะหึๆ ปัดมือไม่ต่อความ

            “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกอยู่หลายเรื่องเลย แต่เอาไว้ก่อน ตอนแรกฉันต้องจัดการเรื่องรับแกเข้าทำงาน” แม้คำพูดหรือโทนเสียงจะไม่เปลี่ยนไปมากนักแต่โกคุเดระก็ดูจริงจังขึ้นจนเอเลนต้องปรับตัวตาม เด็กร่างโปร่งรีบเอาเอกสารที่จำเป็นออกจากเป้ โกคุเดระรับมาดู ไล่อ่านอย่างรวดเร็วทุกแผ่น พลิกไปพลิกมาแล้วเงยหน้ามองรุ่นน้องตัวเองนิ่ง

            “อะ อะไรอ่ะ” เอเลนถามตะกุกตะกัก มองกลับไปอย่างหวาดระแวง ฝ่ายคนจับเอกสารอยู่ก้มลงมองมันสลับกับหน้าตื่นๆของน้องตัวเองอีกครั้ง

            “เอเลน...แก แกทำได้เกินความคาดหมายฉันมาก! ลอร์ดคริสโตเฟอร์ นายมาดูดิๆ” เขากวักมือเรียกเลขาที่นำอิตาเลี่ยนโซดาสีสวยมาเสริฟให้สองแก้ว เลขามือหนึ่งหยิบเอกสารขึ้นดู ด้วยที่ว่าเขาเองก็คุ้นเคยการไปติดต่อทำเรื่องแบบนี้อยู่ไม่น้อยเขาก็รู้ ว่าเอกสารกึ่งจริงกึ่งเท็จแผ่นนี้มันสมบูรณ์แบบแค่ไหน “งานเนี้ยบสุดยอดเลยนายว่างั้นไหม ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะให้นายเตรียมกลบเรื่องที่เราเอาเด็กอายุสิบเจ็ดมาอยู่ในแผนกทำงานกับไฟฟ้าแรงสูง แต่เหมือนว่าจะไม่จำเป็นแล้วมั้ง เนียนขนาดนี้ใครก็เชื่อ” โกคุเดระหรี่ตามองรุ่นน้องตนอีกครั้งที่ชักอยากจะหลบสายตาทุกๆที

            “นี่ๆๆ แกบอกฉันมาตรงๆซิ แกไปทำยังไงถึงได้เอกสารปลอมเกรดเอบวกๆอย่างกับมิจฉาชีพชั้นอ๋องขนาดนี้”

            “เอ่อ...ก็แบบ...แบบ..ไม่ได้ทำเอง” เอเลนตอบงึมงำ กลอกตาออกข้างทันทีโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำ รู้แต่ว่าร่างกายเขามันบิดมวนแปลกๆ เมื่อนึกถึงหน้าคนที่จัดการเรื่องนี้ให้

“ประธานรีไวเป็นคนทำ”

            เท่านั้นห้องทั้งห้องก็เงียบกริบ โกคุเดระเบิกตากว้างในขณะที่ลอร์ดคริสโตเฟอร์ถึงกับหันมามองหน้าเขาโดยอัตโนมัติ วางเอกสารลงบนโต๊ะ ประธานแห่งโกคุเดระ แอร์ไลน์กะพริบตาปริบๆครางถามเขาเพื่อความมั่นใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรอ เขาก็พยักหน้าส่งไป

            “ฮ้า!” โกคุเดระอุทานดังลั่น “ประธานรีไว แอ็คเคอร์แมนเขาลงทุนทำเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ให้แกเลยเนี่ยนะ แกจะทำให้ฉันประหลาดใจไปถึงไหนวะ แกทำให้เขาปล่อยตัวแกมาหาฉันได้ยังไม่พอ นี่แกยังทำให้เขาปลอมเอกสารให้แกได้ด้วยเนี่ยนะ!

            “ท่านฮายาโตะครับ” ลอร์ดคริสโตเฟอร์กระแอมเตือนว่าเขาเสียงดังเกินไปแล้ว แต่ฝ่ายคนเป็นประธานไม่ฟังอยู่ดี

            “คริสโตเฟอร์! นายไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง รีไว แอ็คเคอร์แมน ระดับรีไวคนนั้นเชียวนะเฟ้ย” ลอร์ดคริสโตเฟอร์ฟังเจ้านายเอ็ดตะโรอย่างที่เห็นได้บ่อยๆเวลาที่เจ้านายเขาตกใจ ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับว่ามันควรจะเป็นเรื่องตกใจจริงๆ

“ถึงเรื่องการทำผิดกฎหมายแบบนี้มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคนระดับเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงหรอกนะครับ ทุกครั้งที่จะทำเรื่องผิดมันก็ต้องเสี่ยงอยู่ทุกวินาทีอยู่แล้ว”

เด็กผู้ชายที่มีอายุน้อยที่สุดในห้องคิดภาพตามแล้วคงก็ฉีกยิ้มแหย เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันมาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง จำได้ว่าครั้งแรกที่เขารู้ว่าท่านประธานจอร์จิโอกรุ๊ปจะทำอะไรอย่างนี้ให้ สีหน้าเขาก็คงไม่ต่างจากรุ่นพี่นัก

“แทนที่พี่จะประหลาดใจกับผมนะ พี่ประหลาดใจกับท่านประธานรีไวดีกว่าเหอะ จะคิดอะไรจะทำอะไรไม่มีใครเดาได้ทั้งงั้นอ่ะ พี่เองก็ระวังเอาไว้หน่อยก็ดีนะ ที่เขายอมปล่อยผมมาเขาอาจจะไม่คิดทำตามเงื่อนไขพี่ดีๆก็ได้”

“เออดิ ก็แกดันเป็นคนที่เขาลงทุนด้วยขนาดนี้ ฉันก็คงต้องระวังสุดตัวเลย” เอเลนฟังแล้วเบะปากส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าพี่ของเขาไม่ได้เครียดเลย ซ้ำยังมีเสียงหัวเราะใสๆตามมาอีกด้วย จากนั้นโกคุเดระก็เรียกหัวหน้าซ่อมบำรุงอากาศยานเข้ามาพบ แจกแจงเรื่องประวัติการเรียนการฝึกงานของเด็กหนุ่มอย่างละเอียด โดยหัวหน้าซ่อมบำรุงก็เป็นวัยกลางคนแล้วแต่ก็รับฟังเจ้านายตนโดยไม่ซักไม่ค้านอะไรยิ่งทำให้เอเลนรู้สึกแปลกใจอีกเป็นทบทวี นี่เหมือนกับว่าเขาเดินเข้ามาทำงานได้โดยไร้ข้อกังขาเลยจริงๆ หากแต่ก่อนที่จะออกไป เอเลนมองข้ามไหล่ของพี่ชายไปข้างหลัง มองวิวที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสูงตระหง่าน จากทางเดินที่ผ่านมาเขาไม่เห็น แต่จากห้องนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจน

ตึกสูงเด่นลักษณะคล้ายกันจำนวนสี่ตึก...เป็นเครือธุรกิจ The Best ไม่ผิดแน่

เอเลนมั่นใจว่ามันคงไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นเจ้าพี่ตัวแสบของเขาเองที่ตั้งใจเปิดม่านเอาไว้เพื่อให้เห็นตึกนั้นตลอดเวลา...ตรงนั้นเป็นเป้าหมาย ตรงนั้นคือคู่แข่งที่เฝ้าปรารถนาที่จะเหนือกว่าสักครั้ง แล้วนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มันทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้

“พี่ฮายาโตะ” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไปจากตอนปกติ ดวงตาสีมรกตสุกใสมองหน้าเจ้านายคนใหม่เพียงชั่วครู่ก่อนจะเบนไปที่นอกหน้าต่าง รอยมุ่งมาดบางอย่างแล่นปลาบพร้อมกับรอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปากเมื่อเพ่งนิ่งที่ตึกแฝดสี่นั้นไม่วาง “พี่ยังจำสัญญาที่ผมให้ไว้เมื่อหลายวันก่อนได้ใช่ไหม ว่าถ้าพี่สามารถเอาผมออกจากจอร์จิโอได้เมื่อไหร่ พี่จะฝากโปรเจกต์ของพี่ไว้ในมือผมให้ผมทำมันให้สำเร็จ” เอเลนเว้นวรรค สูดลมหายใจแล้วปล่อยออกมา

“ผมจะทำมันให้สำเร็จ พี่เชื่อผมหรือเปล่า”

โกคุเดระเลิกคิ้วมอง แล้วตอบออกไปโดยใช้เวลาไม่นานเหมือนไม่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคิด

“ถ้าแกพูดออกมาแล้ว ไม่มีครั้งไหนที่ฉันไม่เชื่อแกหรอก ไอ้น้องชาย”

“งั้นก็คอยดูไว้เลย”

เอเลนฉีกยิ้มกว้างขึ้น ทำท่าตะเบ๊ะด้วยสีหน้าสดใสเหมือนเด็กเล็กๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับหัวหน้าแผนก ใบหน้าของท่านประธานโกคุเดระมีรอยยิ้มจนกระทั่งประตูปิดลง เขาถอนหายใจเหมือนปล่อยวางอะไรหนักๆได้ไปหนึ่งอย่าง จากนี้เขาจะปล่อยให้เอเลนจัดการโปรเจกต์ขนส่งทางอากาศ ส่วนตัวเขานั้นก็จะได้เริ่มงานที่ตัวเองตั้งใจจะทำมาตลอดสองสามวันนี่สักที

ดวงตาสีมรกตเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง จับจ้องที่ตึกสี่ตึกโดดเด่นกลางมหานครทว่าเจ้าของตึกนั้นกลับไม่ได้อยู่ที่นั่น ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังคิดจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ต้องประสบพบเจอกับอะไร โกคุเดระไม่รู้สักอย่าง เท่านั้นดวงตาสีมรกตก็มีประกายความจริงจังเด็ดขาดบางอย่างขึ้นมา

“ลอร์ดคริสโตเฟอร์ รวบรวมข้อมูลที่เราได้ทั้งหมดหนึ่งเดือนนี้มา ฉันจะสืบหาตัวเดเมียน เลอรอยด์ให้เร็วที่สุด”
.


.


.


.


.


TBC...

มิยะขอเม้าท์
ฮัลโหลววววววววววววววววววววว ฮัลโหลทุกคน ยังจำไอ้มิยะกันได้ไหม ฮ่าๆๆๆๆ
ขอโทษที่หายไปเดือนนึงเต็มๆนะ มิยะเพิ่งสอบเสร็จ ซึ่งรอบต่อไปก็เป็นสองวีคข้างหน้า แล้วก็อีกสองวีคก็สอบอีก งั้นก็อีกเดือนพอดี โอยๆ แต่ตั้งใจปั่นมาลงสุดๆเลยนะคะ ซึ่งคอยลุ้นว่าวันเกิดหนูก๊ก ไอ้มิยะจะทำได้ไหม ฮ่าๆๆๆ 
คือตอนเขียนตอนนี้อยากบอกว่าตื่นเต้นค่ะ อยากให้ตัวละครมันรวมกันมาตั้งนานแล้ว ซึ่งมันจะเป็นซีนช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงล่ะค่ะ ฝากติดตามไว้ด้วยน้า



Miya




4 ความคิดเห็น:

  1. หวายยยย ลุ้นจังงง ค้างมากด้วยอ่า เมื่อไหร่จะมาต่อเนี่ย เค้ารออยู่นานละนะ จะต่ออีกมั้ยอ่ะ?หรือว่าหยุดแล้ว? แต่ก็นะเค้าเป็นกำลังใจให้ จู้ๆนะ😘✌️

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีต่อนะคะมีต่อ ไม่หยุดจ้าา โอยย ปล่อยให้รอขนาดนี้ไม่รู้จะขอโทษยังไงดีเลยค่ะ งืออออ ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านมาติดตาม จะพยายามค่ะ การเรียนรุมเร้าจนปลีกตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่สัญญาว่าไม่ทิ้งกันหรอกน้าาา ขอบคุณสุดซึ้งเลยค่ะ

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ10 เมษายน 2559 เวลา 02:07

    ยังรออยู่นะค้าาา อยากอ่านต่อเร็วๆจัง
    ยังไงก็สู้ๆนะคะ เย่ะ!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ปั่นอยู่อย่างตั้งใจเลยค่ะ >w< ขอบคุณนะฮับๆ เดี๋ยวเจอกันเร็วๆนี้

      ลบ